ไอเดียชุมชน
สร้างชาร์ตหุ้นรายตัวจากข้อมูลพื้นฐานคุณสามารถสร้างชาร์ตด้วยข้อมูลพื้นฐานและวิเคราะห์ได้ในระดับเดียวกับกับชาร์ตอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มเส้นแนวโน้ม, เรนจ์, ลูกศร และข้อความต่างๆ สำหรับนักลงทุนระยะยาวหรือท่านที่ต้องการลงลึกลงไปในข้อมูลของแต่ละบริษัท นี่อาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเพิ่มเข้าไปในกระบวนการของคุณได้
เริ่มต้นได้ง่ายๆ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือเปิดชาร์ตของบริษัทที่ท่านสนใจศึกษาข้อมูล พิมพ์ชื่อหรือสัญลักษณ์ตัวย่อของบริษัทในช่องค้นหา จากนั้น คลิกที่ปุ่ม "การเงิน" หรือไอคอนที่ดูคล้ายรูปกราฟแท่ง 📊 ที่อยู่บริเวณด้านบนของชาร์ต จากนั้นเลือกข้อมูล/มุมมองทางด้านการเงินที่คุณต้องการศึกษา
ตอนนี้คุณมีข้อมูล/มุมมองทางด้านการเงินของบริษัทที่คุณสนใจแล้ว คุณสามารถเริ่มวาดภาพทางเทคนิคอลด้วยเครื่องมือวาดภาพและทำการวิเคราะห์สถานะทางการเงินของบริษัทได้ในแบบเดียวกันกับชาร์ตแบบปกติ ในตัวอย่างนี้ เราแสดงชาร์ตอัตราส่วน Price-to-Sales ของบริษัท Microsoft อัตราส่วนนี้แสดงและบ่งบอกว่า นักลงทุนต้องจ่ายเงินจำนวนเท่าไรสำหรับรายได้ 1$ ของบริษัท Microsoft ดังนั้นถ้าอัตราส่วน PS คือ 30 นั่นหมายถึงว่านักลงทุนต้องจ่ายเงิน $30 สำหรับรายได้ทุกๆ 1$ ของไมโครซอฟท์ ในชาร์ตนี้ เราทำการเพิ่มข้อความและไฮไลท์ช่วงเวลาที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์ในด้านมูลค่าของบริษัท Microsoft แล้วท่านเห็นอะไรบ้าง?
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะมีความสุขกับโพสต์นี้ และมั่นใจว่ามันจะช่วยท่านในการใช้งานการวิเคราะห์ในด้านข้อมูลพื้นฐานได้ นอกจากนี้ สำหรับท่านที่ต้องการใช้งานในระดับสูง คุณสามารถใช้ข้อมูลพื้นฐานได้ในไพน์สคริปต์เช่นเดียวกัน
ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งของ TradingView และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะสนุกสนานไปกับฟังก์ชันการวิเคราะห์ในเชิงพื้นฐานของเรา
จะกลับด้านชาร์ตของคุณได้อย่างไรกดปุ่ม ALT + I เพื่อกลับด้านชาร์ตของคุณ และถ้าคุณใช้เครื่อง Mac กดปุ่ม option ⌥ + I คีย์ลัดจะกลับด้านชาร์ตที่คุณกำลังดูอยู่จากบนลงล่างโดยทันที การกลับด้านชาร์ตจะทำให้คุณได้เห็นมุมมองที่แตกต่าง และไม่เหมือนใครในด้านราคาและแนวโน้ม
ในไอเดียนี้ เราแสดงชาร์ตรายวันของ Amazon เทียบกัน ชาร์ตทางซ้ายเป็นชาร์ตแบบกลับด้านในขณะที่ชาร์ตด้านขวาเป็นชาร์ตปกติของ Amazon โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ การเปรียบเทียบชาร์ตทั้งสองนี้ระหว่าง ชาร์ตกลับด้านและชาร์ตปกติ เป็นแบบฝึกด้านมุมมองต่อชาร์ตของคุณ ลองถามตัวท่านเองว่า ท่านยังคงเห็นแนวโน้มที่ยังคงเดิมอยู่หรือไม่? หรือว่ามุมมองต่อชาร์ตของคุณนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่าคุณได้เห็นมุมมองที่ตรงข้ามกับสิ่งที่คุณได้เห็นมาก่อนหน้านี้หรือไม่?
นี่เป็นอีกตัวอย่างในการใช้แนวคิดนี้: ถ้าคุณ "ซื้อ" ชาร์ตกลับด้าน ไปทางด้านซ้าย เพราะดูเหมือนว่าจะเกิดการทำราคาหรือเป็นการราคาตกของหุ้นที่น่าสนใจ ดังนั้น มันควรจะเป็นโอกาสแห่งการ ขาย ในชาร์ตแบบปกติของ Amazon ไปทางด้านขวา ด้วยการกลับด้านชาร์ต คุณสามารถทดสอบตัวคุณเองในด้านการอ่านแนวโน้มและอ่านพฤติกรรมของแท่งเทียน ที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งถ้าคุณเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมา กลับด้านชาร์ตไปในทิศทางตรงกันข้าม และถามคำถามกับตัวท่านเองว่า สิ่งที่ท่านเห็นนั้นเป็นการคอนเฟิร์มในแนวทางเดียวกันหรือไม่
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะสนุกสนานไปกับทิปในการใช้งานนี้ และเรายังคงรอคอยฟีดแบค ความคิดและความเห็นของท่านอยู่เสมอ ขอบคุณสำหรับท่านสมาชิก TradingView!
XAUUSD : Are we in wave 4 or 5 ?จากกรอบราคาทองคำ จะเห็นว่าราคาทิ้งตัวลงมารุนแรงที่ Fibo 50 ของ w.3
หากพิจารณาจากคลื่นย่อยจะเห็นว่ามีเพียง 3 ขาเท่านั้น
ตรงนี้จึงให้ข้อสังเกตุว่า w4 อาจจะยังไม่จบโดยน่าจะเป็น triangle หรือกรณีราคาหลุด 1863. ต้องเปลี่ยน w.c. เป็น wxy ทันที
ในภาพระยะยาวยังมองว่าราคาทองคำอาจขึ้นไป new high ได้อีกครั้งหนึ่ง
เอาไงดีกับหุ้นขนาดกลาง อาทิ JMT Jmart CBG เมื่อดัชนี 1350 จุด กลยุทธ์การลงทุนเมื่อดัชนีขยับจาก 1330 ไป 1350 จุด แล้วสัปดาห์จะเป็นอย่างไร
สัปดาห์นี้ 10 - 14 สค 63 รายใหญ่ (กองทุน) มีการ "โยกย้ายเงิน" จากกลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กไปยัง "หุ้นขนาดใหญ่
ทำให้หุ้นขนาดกลางและเล็กหลายตัว "ราคาซึม" ลงเช่น JMT Jmart Dohome CBG Tipco TASCO และอื่น
ซึ่งผมมองเป็น 2 เคสคือ
1. หาดัชนีขึ้นจาก 1350 ไป 1360-1380 จุด: หุ้นขนาดใหญ่ทุกตัวจะ "ราคาเพิ่มขึ้น" เพราะเป็นกลุ่มนำตลาด
หากมองเช่นนี้ และจะเข้าลงทุนในกลุ่ม AOT ท่องเที่ยวและโรงแรม MINT ERW CENTEL ธนาคาร BBL Kbank SCG และอื่นๆ
กลยุทธ์ "ซื้อเมื่อย่อ" เท่านั้น ห้าม "ไล่ราคา" เพราะมีโอกาส "ติดดอย" สูง
2. หากดัชนี้ "ลดลง" จาก 1350 ไป 1320-1340 จุด: หุ้นขนาดกลางและเล็กจะ "ปรับตัวเพิ่มขึ้น" มีการโยกเงินจากหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่เข้ามา
กลยุทธ์คือ "ซื้อเมื่อย่อ" ซึ่งในเวลานี้ 13 สค 63 หุ้นหลายตัวก็ "ย่อตัว" มาให้นักลงทุนได้เก็บแล้ว จากนั้นรอเวลาที่ตลาดเฉลยว่า ดัชนีจะไปในทิศทางใด
หมายเหตุ: เป็นแนวคิดส่วนตัว ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใดครับ
หรือถึงคราวหมุนเวียนมาเล่น "กลุ่มแบงก์" 12 สค 63หากมือใหม่ต้องการทราบ "จุดเข้าซื้อ" หรือ "จุดขาย" ก็สามารถใช้อินดิเคเตอร์ MACD ได้
และกลุ่มธนาคารเมื่อวานนี้มีสัญญาณ MACD เกิด Golden Cross แท่งสีแดงได้เปลี่ยนเป็น "แท่งสีเขียว" แล้ว
นักลงทุนสามารถ "แบ่งไม้" เข้าซื้อได้ อาทิ ต้องการสะสมหุ้น KBank 1000 หุ้น ก็อาจทยอยเข้าซื้อที่ละ 500 + 500
หรือ 250+250+250+250 ก็ได้ เพื่อทำการเฉลี่ยต้นทุน และป้องกันกรณีผิดทางหรือเกิดการผันผวนเนื่องจากปัจจัยภายนอกต่างๆ
หมายเหตุ: Indicator ทุกตัวมีความแม่นยำประมาณ 50-70% เท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
ตัวอย่างการวางแผนเทรดหุ้น ESSO 10 สค 63ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใด เพียงแต่แชร์วิธีการวางแผนในการเทรดหุ้น
การลงทุน มีทั้งกำไรและโอกาสที่จะขาดทุน การวางแผนเทรดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
Non-std. small x VS. Mod. Harmonic EW และอื่นๆ1) หากเกิดรูปแบบคล้าย channel วิ่งเป็นคลื่นส่งเหมือนขั้นบันไดโดยทั่วไปจะเป็น non-std. small x ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็น double หรือ triple แต่ตาม คหสต หากวัดด้วยวิธี mod. harmonic เราจะพบสัดส่วนการ project และ retrace ที่สอดคล้องกันง่ายกว่าในการเทรดดังแสดงในกราฟ(จริงๆนับจาก TF 1-5 นาที) ซึ่งมีจุดด้อยที่ missing wave บางตัวหากนับข้ามไปเป้าหมายจะคลาดเคลื่อนไปข้างหน้าถัดไป แต่ไม่เกิดการเสียขบวนมากนัก สรุปแล้วการนับ small x จะไว้ลำดับสุดท้าย
2) รุปแบบคลื่นย่อ correction wave ที่ sideway ยาวๆ มีเพียง 3 รูปแบบ คือ
1. w.b ซ้อนกันแล้วซ้อนกันอีกซึ่งจะต้องลองนับแบบนี้ก่อนซึ่งจุดสังเกตุคือขา c ของ w.b แต่ละชุดที่ซ้อนกันอยู่ต้องได้สัดส่วนครบคลื่นย่อยภายในจึงจะนับได้ว่าสมบูรณ์
2. non-standard large X wave ซึ่งจะเป็นชุดที่ขา c ตามที่กล่าวไว้ในข้อ 1. นับไม่ลง
3. triangle ซึ่งโดยมากจะเกิดขึ้นได้ยาก
3) gab ต่างๆ โดย คหสต จะเป็น real gab ก็ต่อเมื่อเกิดในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดอยู่ซึ่งเกิดได้น้อย ดังนั้น ช่วงข้ามวันหรือหยุดพักแล้วเกิด gab จะไม่นับ จะนับเป็น real missing wave
ไอเดียการลงทุนหุ้นกลุ่ม PTT (สวิงเทรด) For Beginnersไอเดียการลงทุนหุ้นกลุ่ม PTT (สวิงเทรด)
ตลาดหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างสูง มีการลากดัชนีจาก 1320 ไป 1350 - 1390 แล้วก็ทุบลงมา เหลือ 1300-1340 จุด
ดังนั้น ใครที่ยังไม่มีหุ้นกลุ่ม PTT อยู่ในมือมาก่อนหน้านี้ หากต้องการลงทุนควรลงทุนในรูปแบบของการ Swing Trade
ตามกรอบราคา แนวรับ-แนวต้าน โดยที่
Buy ที่แนวรับ
Sell ที่แนวต้าน
ไม่เน้นถือยาวเพื่อกินปันผล
หมายเหตุ: เป็นแนวคิดส่วนตัว ไม่ได้ชี้นำในการลงทุนแต่อย่างใด (กำไรขาดทุน เป็นผลการตัดสินใจของแต่ละคนเอง)