ไอเดียชุมชน
สังโยชน์ 10 กับจิตวิทยาการลงทุนสังโยชน์ 10
1. ความไม่รู้
2. ความคิดไปเอง
3. ความถือดีถือตน
4. ความยึดติดในทฤษฏีใดทฤษฏีหนึ่ง
5. ความยึดติดในกลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่ง
6. ความโกรธอยากเอาคืนตลาด
7. ปล่อยให้ความโลภ หรือ ความกลัวเข้าครอบงำ
8. ไม่ทำตามกฎ
9. มีความสงสัยในกลยุทธ์ที่ตนวางเอาไว้โดยที่ยังไม่เห็นผลลัพธ์
10. ความยึดมั่นถือมั่น
SET index ThailandSET หลังหลุดเทรนไลน์ระดับสัปดาห์ และยังเกาะเส้นอยู่แต่จุดดีคือ ยังไม่หลุดลงไป new low
ดังนั้นแนวโน้มขึ้น กลับไปเทรนขาขึ้นต่อก็เป็นไปได้
ซึ่ง Risk - reward ratio ก็ถือว่าน่าเสี่ยงที่จะเข้าซื้อและใช้ Stoploss ตรงจุด low เดิม
ส่วนแนวโน้มก็ลงได้ ทั้งจากสถานการณ์โลกและจากทรงชาร์ตก็มีแนวโน้มลงได้
ซึ่งหากหลุดและเกิด New low เส้นแดงลงมาก็สามารถ ยืนยันการลงได้ทันที โดยแนวโน้มเส่้นดำด้านล่าง
ดังนั้นการเทรด คือ
1. ซื้่อต่อย่อ หากราคายังคงยืนเหนือ 1542.46 (ด้วยเหตุผล risk-reward ratio ว่าคุ้ม)
2. หากราคาหลุด เส้นแดงลงมาได้ต่อเนื่อง ก็ Short หรือ Put อย่างเดียวไม่ต้องคิดอะไรมาก
วีธีปลอดภัยสุด คือ หากลงหลุดเส้นแดง ขาย
ส่วนขา ซื้อ ควรรอความชัดเจนเช่น เบรคหลุด 1600+ ให้หลุด trendline ดำขึ้นไปและยืนอยู่ได้
เพราะโซนนี้ไม่ชัดเจนยกเว้นต้องเสี่ยงไป หรือ เทรดระยะสั้นๆไปแทน
XAU / USD SIDEWAY FOR H1 H4ทองคำอยู่ในกรอบ H1 และ H4 SIDEWAY ตลอดระยะเวลา 8.00 น. - 15.00 น.
รูปแบบทิศทางกราฟอยู่ในวิ่งขึ้นลงเป็นคลื่นอยู่ในกรอบของ ZONE ราคาแนวรับ และ แนวต้าน Fibo
0.786 1472.35 ( แนวต้าน )
0.618 1468.98 ( แนวรับ )
สำหรับคนชอบเล่นคลื่นแนะนำเข้า Buy ที่เหว ช่วงโซนราคา 1469 ทำกำไรระยะสั้น 1472 สามารถทำซ้ำได้หลายรอบ แต่เทรดขาเดียวคือเทรน BUY
บทวิเคราะห์ทองคำประจำวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562ทิศทางทองคำเมื่อวันศุกที่ผ่านมาได้ทำการขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 0.5 FIBO ที่ราคา 1472 แต่ไม่สามารถยืนเหนือและจบปิดแท่งราคาช่วงนี้ได้ แต่ภาพรวมสำคัญที่สุดในตอนนี้ยังส่งผลให้ทองคำมีโอกาสปรับตัวร่วงลงไปถึงแนวรับระดับ S2 1436 ได้ เพราะหลังจากมีข่าวช่วงดึกเกี่ยวกับข้อตกลงของจีนที่เหมือนจะออกมาในเชิงบวกส่งผลให้ทองคำทะลุแนวรับ S21456 ลงไปได้รอบนึงแล้วแต่ยังยืนปิดจบไม่ได้ และ ที่สำคัญในช่วงราคา 1472 ได้เกิด Pattern Falling Three ซึ่งมีโอกาสทำให้แท่งวันแท่งที่ 3 ปิดต่ำกว่าราคาเดิมในวันศุกร์ที่ผ่านมา
สรุปง่ายๆ ผมมองว่าทองคำยังมีโอกาสลงต่อไปมากกว่า 60% และ มีโอกาสขึ้นกลับไปเทสแนวต้านระดับ 1472 อีกครั้ง โอกาส 40% ในเมื่อสงครามการค้าในช่วงนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเราก็คงต้องเทรดตามเทรนระยะสั้นกันไปก่อนน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางเลยครับ
จุดเข้าซื้อรอจังหวะกลับตัวขึ้น และ ขายทำกำไรในจังหวะไหลกลับมาทดสอบที่แนวรับ
Random walk ** บทวิเคราะห์นี้ไม่ได้ชี้นำในการเทรด ใช้ในการสังเกตและบันทึกพฤติกรรมราคาและสถานการณ์ต่างๆที่ผู้บันทึกได้ทำการเก็บข้อมูล
เปิดตลาดมายังไม่มีอะไรอัพเดทวันนี้เลยเอาเรื่องแนวคิด Random walk มาให้ทำความเข้าใจครับ
Random walk
----- การเคลื่อนตัวแบบสุ่มที่เกิดจากรูปแบบต่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้ 100%
----- ในมุมของการเคลื่อนของราคาในตลาดการลงทุน มีกลุ่มเทรดเดอร์นักลงทุนที่หลายหลาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ กลุ่มการเงิน-ธนาคาร เทรดเดอร์รายใหญ่-รายย่อย ที่มี action, กลยุทธ์, มุมมอง, การเข้าถึงข่าวข้อมูลเชิงลึก ที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบสุ่มบนความสัมพันธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน
----- ในยุคนี้มีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาอย่าง algorithm trading, HFT ยิ่งที่ให้เกิดการเคลื่อนแบบสุ่มที่มาก ต่างจากในอดีต
----- การคาดเดา พยากรณ์จึงไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะเกิดอคติ ความคาดหวังที่สูง หากไม่เป็นไปตามที่คิด อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและวิธิคิดที่ผิดเพี้ยน
----- Random walk เป็นพฤติกรรมที่เกิดในหลายๆเรื่อง ไม่ใช่แค่ในตลาดการลงทุน เช่น การเปลี่ยนแปลงของโมเลกุล การเคลื่อนตัวของนกพิราบ
Live and Learn อยู่รอดในตลาดให้ได้ และเรียนรู้จากมันให้มากที่สุดLive and Learn
อยู่รอดในตลาดให้ได้ และเรียนรู้จากมันให้มากที่สุด
---------------------------
ช่วงตลาดน่าเบื่อๆ แบบนี้ เราจะเห็นได้ความจริงบางอย่าง ของคนส่วนใหญ่ ... เท่าที่ผมเจอมาก็มีดังนี้
1) เม่า FOMO เลเวล 1 ที่เข้ามาตอนราคาสูงๆ ช่วง 13k-14k จะหายไปหมด..
คนเหล่านี้มีประมาณ 70-80% ของคนที่เข้ามาเทรดทั้งหมด.. ซึ่งส่วนใหญ่ แทบจะ 100% คือ ติดดอยไปเรียบร้อย .. และเขาก็เลือกที่จะ รับมือ โดยการ ปิดจอ ปิดคอม เลิกตามราคาไปเลย ถ้ามันขึ้นต่อ ก็รอดไป แต่ถ้ามันลงต่อ ก็อาจจะเห็นทุนหายได้ถึง -70% ถึง -90% ถึงจะค่อยเปิดคอมมาไล่ถามกูรูว่า "ทำไงถึงจะแก้ดอยได้คับ???"
2) เม่าเลเวล 2+ ที่ยังอยากจะหาตังรายวัน
คนเหล่านี้มีอยู่ประมาณ 20% โดยคนเหล่านี้จะพยายาม หา จอกศักดิ์สิทธิ์ ไปเรื่อยๆ กูรูคนไหนว่าแม่น ก็ไปเทรดตาม เปลี่ยนกูรูไปเรื่อยๆ .. ช่วงแรกๆ อาจจะได้ แต่พอสักพัก ก็จะได้ๆ เสียๆ ... พอเสียหมดตัว ก็เติมตังใหม่... คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ยอมนั่งวิเคราะห์ว่าทำไมถึงพลาด พอหมดตัวก็โทษกูรูว่าแม่งกาก แล้วก็ไปหาคนอื่นต่อไปเรื่อยๆ..
3) เม่าเลเวล 10+ ที่พยายามศึกษาเพิ่มเติม ว่าทำไงถึงจะรอดในตลาดบ้าๆ นี้ได้
เม่าเหล่านี้ หลังจากตามกูรู ลองผิดลองถูก มาได้สักพักใหญ่ และเริ่มศึกษาหาความรู้มากขึ้น .. ก็พบว่า .. จริงๆ แล้วสิ่งสำคัญมันไม่ใช่สัญญาณเข้า-ออก จากกูรูเลยสักนิดเดียวนี่หว่า...เอาจริงๆ มันคือ การทำยังไงก็ได้ ที่เราจะคุมความเสี่ยง ให้ทุนเราเสียหายน้อยที่สุด รวมถึงควบคุมอารมณ์ และสติของเราเอง ให้เราทำตามแผนที่วางไว้ ในทุกๆ ความน่าจะเป็น ของตลาด ที่เป็นไปได้ ... เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด คือเงินทุน.. ถ้าทุนเราหายหมด เราก็ไม่มีทุนไปเทรดให้เงินมันงอกเงยขึ้นได้อีก ( จนกว่าจะเติมเงิน ) รวมถึงหาระบบเทรด ที่เหมาะสมสำหรับ lifestyle ของตัวเอง... คนเหล่านี้อาจจะเหลืออยู่ประมาณ 10% ของทั้งหมด
4) เม่าปีกเหล็ก บรรลุธรรม ..
คนเหล่านี้จะพออยู่รอดในตลาดได้ สร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน ไม่หวือหวา .. กราฟ equity จะค่อยๆ โตขึ้นเป็นมุม 30-45 องศา อย่างมั่นคงไปเรื่อยๆ ... อาจจะไม่ได้รวยร้อยล้านพันล้านเหมือนที่เราเห็นๆ พวกเซียนหุ้นมาโม้ ( พวกนั้นส่วนใหญ่มันเริ่มด้วยเงินเยอะกันทั้งนั้น ถ้าไปอ่านประวัติดีๆ ) .. แต่อย่างน้อย ก็มีความสุขกับการเทรด มีตังใช้พออยู่พอกิน และแบ่งเวลาชีวิตและการเทรด แยกจากกันได้อย่างลงตัว .. คนเหล่านี้ก็น่าจะเหลือเพียงแค่ไม่ถึง 5% ของทั้งหมด
ส่วนตัว ผมเอง ก็ยังอยู่แถวๆ ข้อ 3 ยังไม่บรรลุถึงข้อ 4 เท่าไหร่ เพราะก็ยังพยายามฝึกจิตให้นิ่งๆ อยู่เช่นกัน แต่อย่างน้อย ผมก็รู้สึกว่า ปีนี้ ผมได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นมาเยอะมากๆๆ เยอะมากกว่าสมัยเป็นเม่า เลเวล 1 เยอะ... สิ่งสำคัญ ก็คือ ผมไม่ยอมแพ้ และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง ( และคนอื่น ) อยู่เสมอครับ
หลังจากนี้ก็คงพยายามค่อยๆ ปั้นพอร์ตไป และอดทนรอจังหวะที่เหมาะสม แล้วค่อยว่ากันใหม่อีกที 555
ขอให้ทุกๆ คนพัฒนาตัวเองกันให้ได้นะครับ :D ตลาดนี้ ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเองครับ
ช่องคู่ขนานช่วยชีวิต นรกกับสวรรค์ห่างกันนิดเดียว : BHเล่าประสบการณ์ตรง หุ้น BH มีสัญญาณซื้อแบบเทรดดิ้ง
คือทำทรงยก Low ยก High ในใจก็แอบเสียวว่าเป็น Corrective เท่านั้น
แต่ก็ลอง Bet ดูซื้อที่ 173.00 บาท
จากนั้นลองดีเส้นคู่ขนานเอาไว้ ถ้าเบรคขึ้นแสดงว่าเราน่าจะถูกทาง
หุ้น BH จะเป็นการกลับตัวที่สวย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
คือการเบรคลง ซึ่งนั่นคือ สัญญาณเตือนชั้นดีให้เราทำการขายออกมาครับ
โชคดีของผมที่การหลุดนั้นเป็นการทะลุแบบเบา ๆ ค่อย ๆ ลงอยู่เกือบ 1 สัปดาห์
ผมตัดขาดทุนไปที่ 167.00 บาท หรือ ราว 3.4%
"
หากผมไม่เชื่อสัญญาณช่องคู่ขนานนี้ ปัจจุบันราคาร่วงลงมาแล้วกว่า 25%
ช่องคู่ขนานได้ช่วยเอาไว้ได้ นรกกับสวรรค์ห่างกันนิดเดียว
ยอมรับว่าโชคช่วยด้วย แต่ความรู้ก็สำคัญครับผม
Gold trading diary - September
Open long position ที่ 1463 เพราะว่ามี PA buy เหนือ 1461 ที่ C นับจาก 1535-1459 = A นับจาก 1557-1485
หากไม่ถูก SL ที่ 1459 แสดงว่า correction ของเวฟ 4 จบแล้ว และกำลังจะขึ้นไป new high
จะออกเมื่อ
1. ถูก SL
2. มี PA ขายบริเวณ 1500-1508
Risk 4 reward 37-45
ถือต่อถ้าทะลุ 1530 ไป TP แรกที่ 1590
Risk 4 reward 127
อย่าให้การเทรด ทำให้ชีวิตคุณพัง..ฝากข้อคิด สำหรับนักเทรด จากประสบการณ์ที่ได้เจอมานะครับ :D
=========================
อย่าให้การเทรด ทำให้ชีวิตคุณพัง
=========================
* ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่ผมเคยเจอมากะตัว วันๆ นั่งจ้องแต่จอ จ้องจะหาจังหวะจะเข้าจะออก ทุกวัน ทั้งวัน ก้มดูแต่มือถือ ดูกราฟ ดูว่าเมื่อไหร่ราคาจะเข้าเงื่อนไขเข้า order ของเรา หรือกูรูเขาว่าอย่างไรบ้าง จะได้ตามทัน
* แรกๆ มันก็เหมือนจะสนุกอยู่ครับ ลุ้น ตื่นเต้น ทั้งวัน พอกำไรก็เฮ พอขาดทุนก็จ๋อยๆ แล้วก็จ้องจะเข้าเพื่อเข้าเพิ่มเพื่อเอาคืนส่วนที่เสียไป
* พอยิ่งจ้อง ชีวิตส่วนตัวคุณก็จะพังไปเรื่อยๆ แฟนชวนไปไหนก็ไม่ยอมไปเพราะจะเฝ้าจอคอมจอมือถือ ยอมไปก็ก้มหน้าจ้องแต่จอทุกๆ 5 นาที เพราะลุ้นว่าจะมีจังหวะเข้าเมื่อไหร่นะ กูรูเขาจะบอกให้ออก หรือให้เข้าอะไรต่อไป
* จะขับรถ จะทำงาน ใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากจะเปิดมือถือดูตลอดเวลา นอนก็นอนไม่หลับ กลัวนอนแล้วไม่ทันตามสัญญาณที่กูรูบอกให้ออก
* เป็นงี้ต่อไปสักเดือน จะเข้าจะออกทั้งวัน สรุปไปๆ มาๆ กำไรก็ได้ไม่เท่าไหร่ บางจังหวะได้ก็ได้เยอะ แต่บางจังหวะเสียก็เสียเยอะ และพอจะไปเอาคืนก็เสียหนักยิ่งกว่าเดิม..
* กลายเป็นว่า เสียทั้งสุขภาพ, ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และเงิน...
* อย่าลืมนะครับ มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ในโลกนี้ การที่คุณอยากจะได้อะไรบางอย่างจนขาดสมดุล สุดท้าย คุณก็จะเสียบางอย่างที่สำคัญไป..
* อย่าให้การเทรด การทำกำไร มันมาทำให้ชีวิตคุณพังนะครับ หาจุดสมดุลที่เหมาะกับคุณให้เจอ ( ลองดูหลายๆ แบบได้ ไม่ผิด จะได้รู้ ขนาดพระพุทธเจ้ายังลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เลย จนพบ ทางสายกลาง ) ถ้าวิธีไหนคุณลองแล้วมันตึงเกินไป ก็อาจจะต้องหย่อนๆ ลงมาซะบ้าง
* ถ้าคุณชอบการเทรดแบบ day trade จริง คุณก็ต้องเซ็ทเวลาให้กับมันแบบ fix เช่น จะเทรดแค่ 8 โมง ถึง บ่ายสาม เท่านั้น ไม่มากเกินไปกว่านี้ ไม่ถือ position ข้ามวัน ถ้าหมดเวลาเทรด ก็ต้องปิดทุกอย่าง ปิดจอ ปิดคอม ปิดมือถือ เลิกดู แล้วไปใช้ชีวิต
* อย่าให้เวลาทั้ง 24 ชม. ของคุณ มาวุ่นวาย กับการจ้องจะทำกำไร ทั้งวันครับ มันไม่คุ้มหรอก เชื่อผมเถอะ 5555 เคยผ่านมาแแล้ว
XAU/USD - บันทึกการเทรด20-9-2019
Open long position บริเวณ 1500 เนื่องจากวิเคราะห์ว่าทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในลักษณะ 5 เวฟ
โดยเปิด buy เพราะว่าจาก 1483 ขึ้นมา 1506 นับได้ 5 wave จึงรอให้ย่อมา 3 เวฟที่ 1H TF
แผนคือ หากราคาปิดเหนือ 1500 จะ go long
เป้าแรก 1532 ( R:R 1:29)
เป้าสอง 1547 (R:R 1:11)
ตอนนี้บวกขึ้นมาตามแผน
นับคลื่น SET50 แบบนี้ผิดไหม ??ภาพนี้วิเคราะห์ผิดในเรื่องของดีกรี ซึ่งพบว่าผิดกันมาก
หลักการเรื่องการแยกดีกรีง่ายคือๆ หลักการ 1/3 อธิบายคือ ในคลื่น Retracement (2, 4, b, X) ที่อยู่ต่างดีกรีกันจะต้องแตกต่างกันเกิน 3 เท่าทั้งในแง่ของเวลาและราคา
หมายความว่าคลื่นใหญ่จะต้องใช้เวลาเกิน 3 เท่าของคลื่นย่อย และราคาก็ต้องยาวมากกว่า 3 เท่าของคลื่นย่อยด้วยเช่นกัน คือเป็นหลักการของการแบ่ง Time Frame นั่นเอง Time Frame ย่อยคือ Subset ของ Time Frame ใหญ่ หรืออายุของพ่อกับลูก จะเท่าหรือใกล้เคียงกันไม่ได้ อธิบายอย่างนี้ก็ได้
รูปบนนี้สังเกตุว่า คลื่น 2 ใหญ่กับสองย่อยอยู่ในรอบดีกรีเดียวกัน ถ้า 2 สีน้ำเงินเป็นคลื่นใหญ่มันจะต้องใช้เวลาเกิน 3 เท่าของคลื่น 2 ย่อย (สีแดง) แต่รูปนี้ 2 ใหญ่ใช้เวลาน้อยกว่า 2 ย่อยเสียอีก ลูกมีอายุมากกว่าพ่อไม่ได้ ตรรกะมันไม่ถูก!!!
รวมข้อผิดพลาดต่างๆ ที่ผมเจอมา ตลอดปี 2019รวมข้อผิดพลาดต่างๆ ที่ผมเจอมา จากการเทรด ทั้งคริปโต และ Forex สรุปมาเป็น note ทิ้งไว้ ย้ำเตือนตัวเอง และ ให้คนอื่นได้ศึกษากันนะครับ
หลายๆ เรื่องอาจจะต้องมีการพาดพิงออกไปกระทบคนโน้นคนนี้บ้าง ถ้าทำให้ใครไม่ค่อยพอใจ ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
1) การ Overtrade อาจจะทำกำไรได้เยอะ ในช่วงแรก แต่พอเราชะล่าใจ..มักจะลงเอยด้วยความหายนะ
2) ช่วง Sideway ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปก่อน หรือเทรดให้น้อยลง เพราะสัญญาณหลอกเยอะมาก
3) ห้ามเทรดเอาคืน ( Revenge Trade ) เพราะมันคือหนทางสู่ความหายนะ
4) บอทใดๆ ก็ตาม มันจะมีช่วงทำกำไรได้ง่ายๆ และช่วงที่เปิดไปก็เหมือนเอาเงินไปโยนทิ้ง ต้องระวังให้ดี
5) กลยุทธ Bot หรือ EA แบบ Martingale ยังไงก็ตาย เพราะเงินเราไม่ได้มีแบบเป็นอนันต์
6) ก่อนใช้กลยุทธใดๆ ก็ตาม อย่างน้อย ควรเขียน Backtest ดูซะก่อน ว่าทำกำไรได้จริงๆ ( ถ้าเขียนไม่ได้ก็ควรนั่ง Backtest มือ แบบไม่ Bias )
7) อีโก้ และการพยายามที่จะเอาชนะตลาด ว่าตลาดจะเป็นไปอย่างที่เราคิด คือหนทาง สู่หายนะ
8) บางที การนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็อาจจะได้กำไรกว่าไปพยายามจะเทรดหาตังทุกวัน
9) มือใหม่ มักจะไม่ค่อยกล้าซื้อตอนตลาดเงียบๆ และมักจะไปกล้าซื้อกันตอนราคาขึ้นไปแล้วสูงๆ เสมอ
10) คิดถึงเรื่อง ความเสี่ยง ก่อนเสมอ ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องกำไร
11) อยู่รอดให้ได้ก่อน อย่างน้อยสักปี หรือสองปี เพื่อเรียนรู้ตลาด แล้วค่อยทำกำไร
12) ดอยได้ไม่ผิด ถ้าเรารู้ว่า ความเสี่ยงเราอยู่ตรงไหน แค่ไหน และจุดที่เราจะยอมแพ้ ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เราคิด อยู่ตรงไหน
13) ถ้าเราไม่แน่ใจในทิศทาง ก็ไม่ต้องเทรดก็ได้ นั่งดูข้างสนามก่อนก็ได้ บางทีการไปรีบเข้าๆ ออกๆ ในจุดที่ไม่ค่อยจะสวย ก็เหมือนเราโยนหัวก้อย
14) อย่าเอาเงินเยอะๆ มาเล่น เพราะยิ่งเงินเยอะ เวลาเราผิดทาง แล้วมันจะเจ็บหนัก โดยเฉพาะมือใหม่ ให้เริ่มด้วยเงินน้อยๆ สั่งสมประสบการณ์ไปก่อน ถ้าเก่งแล้วค่อยเพิ่มเงิน
15) ห้าม All-in ถ้ายังไม่รู้ว่าเราเสี่ยงแค่ไหน
16) ถ้ารู้ว่าผิดทาง ต้องคัท อย่าเสียดาย อย่าดื้อ เพราะถ้าปล่อยไหล บางทีแทนที่เราจะได้คัทนิดเดียว กลับต้องคัทแบบเจ็บหนัก
17) เหรียญซิ่ง ขึ้นลงวันละเป็น 10-20% เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เพราะอย่าลืมว่า ถ้ามันขึ้น +20-30% ต่อวันได้ มันก็ลง -20-30% ต่อวันได้เช่นกัน ( ถ้าจะเสี่ยง ต้องแบ่งเงินมาเสี่ยงดีๆ )
18) การ hodl เหรียญผิด แล้วหวังลมๆ แล้งๆ ก็เหมือนเอาเงินไปทิ้งน้ำ .. ถ้าจะเชื่อแบบนั้น ก็ต้องมองว่า เงินก้อนนี้คือเงินที่เราเอาไปโยนทิ้งน้ำ เพื่อพิสูจน์ความเชื่อบางอย่างของเรา(หรือของกูรูที่เชียร์) ให้ตีว่ามันหายไปแล้ว ตั้งแต่เราไปซื้อเหรียญนี้
19) Money Management สำคัญกว่าสัญญาณเข้าออกเยอะ
20) อย่าพยายามเล่น Timeframe เล็ก ถ้าคุณดูกราฟเองไม่เป็น ( เช่นตามกูรูห้อง VIP ) เพราะ กว่าคุณจะเข้าจะออก กูรูเขาก็อาจจะทำกำไร และออกไปเรียบร้อยแล้วจ้า
21) พื้นฐานการเทรด สำคัญมากๆ อย่างน้อยก็ต้องดูกราฟเป็น และคำนวณ Risk เป็น อย่าเพิ่งใจร้อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป
22) มือใหม่ ยังไงต้องเสียตังในช่วงแรกๆ อยู่แล้ว แต่เราต้องให้เงินที่เราเสียไปนั้น ให้ประสบการณ์กับเรามาให้ได้ เพราะจะได้ไม่ผิดซ้ำที่จุดเดิมอีก
23) อย่าพยายามฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ มาก จนสับสน ให้รับฟัง แล้วมาประมวลผลด้วยตัวเอง แล้วตัดสินใจด้วยตัวเองเท่านั้น
24) อย่าไปเชื่อกูรูที่อวดตัวเลขมาก เพราะกว่าเขาจะผ่านมาถึงจุดนั้นได้ เขาผ่านอะไรมาเยอะมากๆ ประสบการณ์เรากับเขาไม่เท่ากัน ... อย่าไปพยายามเล่นให้ได้อย่างเขา... ให้เล่นใน speed ที่เราพอใจ และเรียนรู้แนวคิดของเขากันไป
25) การนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย เพื่อรอจังหวะที่ดีนั้น บางที มันยากมากๆๆๆๆๆ ที่สุด
26) ต้องแยกให้ออก ระหว่างพอร์ตที่ใช้ลงทุน และพอร์ตเล่นพนัน เพราะการพนัน ก็จะมีโอกาสหมดตัวเสมอ
27) คนที่มาเทรดอะไรก็ตาม ส่วนใหญ่ 90% มักจะแพ้ และสูญเสียเงินไปจนหมด ใน 3 เดือนแรก จะมีแค่คน 10% เท่านั้นที่พอจะอยู่รอดได้และพอมีกำไร ( ก็คือเงินของคนที่เจ๊งน่ะแหละ )
28) จะเข้ามาลงทุน หรือเทรด ก็ควรทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้เข้าใจซะก่อน ให้เวลากับมัน ศึกษาหาความรู้ก่อนเยอะๆ อย่าเป็นคนขี้เกียจและมักง่าย ความรู้ฟรีในอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะ
29) ถ้าอยากลองเล่น future หรือ margin ให้ลองด้วยเงินน้อยๆ ก่อน เพื่อทำความเข้าใจระบบ ไม่ต้องรีบ รวย เพราะคุณต้องเจ๊งก่อนแน่นอน .. เจ๊งด้วยเงินน้อยๆ ย่อมดีกว่า
แนวทางการลงทุนใน BTC แบบระยะยาว และไม่ต้องดูกราฟหลายๆ คนกลัวกันมาก ว่า BTC ลงแล้ว จะดอยหนัก
ผมเลยทำแนวรับ ตามแนว fibo
อ้างราคา bx ให้เลย
เพื่อให้เป็น guideline สำหรับมือใหม่
ได้วางแผนรับมือกันครับ
==============
ตัวอย่าง ทุน 100,000 บาท
ให้คิดว่า เงินหล่นหายไปแล้ว เหลือ 0
แบ่ง 5 ไม้ ไม้ละ 20,000 บาท
ไม้ 1 : 295000 ได้ = 0.0677 BTC
ไม้ 2 : 250000 ได้ = 0.08 BTC
ไม้ 3 : 205000 ได้ = 0.0975 BTC
ไม้ 4 : 175000 ได้ = 0.1142 BTC
ไม้ 5 : 142000 ได้ = 0.1408 BTC
ถ้าได้ครบ 5 ไม้ จะได้มาทั้งหมด = 0.5 BTC
โดยราคาต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท ต่อ 1 BTC
=============
กรณีขึ้นต่อ ไปทำเวฟ 3
=============
การย่อถึงไม้ 5 คือจุดสุดท้ายที่ควรหยุด เพราะจะย่อลงมาถึง 78.6-88.7 fibo ตามทฤษฏีเวฟ
โดยถ้าลงมาถึงตรงนี้ จะมี potential ที่จะดีดไปทดสอบ High เดิม แถวๆ 673000 ได้ ( เป้าของเวฟ 3 )
ถ้าต้นทุนเรา 200,000 ต่อ BTC ดังนั้น เราจะมีกำไร = 236% ( 673000*0.5 = 336500 )
==============
กรณี fail หลุด low เดิม 3200 ( 104500 )
==============
ในเคสที่ ไม้ 5 ก็เอาไม่อยู่ ก็จะเป็นการไปทดสอบ low เดิม ที่ 3200 ( 104500 )
ณ จุดนั้น เราจะยอมโดด หรือจะไปขุดเงินมาถัวเพิ่มก็ได้ แล้วแต่เรา
โดยถ้าถัว จุดที่น่าสนใจจะเข้าก็คือ 104500 และ 79000 ตามลำดับ
กรณีเพิ่มทุนอีก 40,000 บาท เพื่อถัว
กลายเป็นต้นทุนทั้งหมด 140,000 บาท
ในเคสนี้ เราจะได้ต้นทุนเท่ากับ
ไม้ 6 : 104500 ได้ = 0.1913 BTC
ไม้ 7 : 79000 ได้ = 0.2531 BTC
รวมทั้งหมด = 0.9444 BTC
ในราคาทุน = 148000 บาท ต่อ 1 BTC
ในกรณีนี้ เราก็สามารถลุ้น High ใกล้ๆ เดิมได้เหมือนกัน หรือจะมองเป็นภาพยาวๆ เลยก็ได้
พูดง่ายๆ คือ ถ้ามันขึ้นไปจริง ยังไง โอกาสที่เราจะได้กำไรก็สูงมากๆ เอาแค่ทดสอบ High เดิม ที่ 430000 เราก็ได้กำไรตั้ง 266000 บาทแล้ว
==========
สรุป
==========
อย่าไปกลัวมากจนเกินไป ไม่มีใครซื้อที่จุดต่ำสุดได้พอดีหรอก
ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องกราฟ หรือไม่อยากคิดมาก การแบ่งโซนแล้วเข้าซื้อไปตามแต่ละจุดสำคัญๆ ก็เป็นอะไรที่ง่ายดี
แต่ถ้าคุณจะใช้วิธีนี้ สิ่งสำคัญ ที่คุณต้องปรับ mindset ให้ได้ ก็คือ นี่คือการลงทุน "ระยะยาว" ไม่ใช่การเล่นสั้น หากำไรรายวัน
การขึ้น หรือลง ของ BTC ต่อจากนี้ มันอาจจะใช้เวลาเป็นปีๆ ก่อนจะไปต่อก็ได้ ไม่มีใครรู้
หรือแย่กว่านั้น มันก็อาจจะไร้ค่าไปเลยก็ยังได้..
สิ่งสำคัญก็คือ การที่เราเอาเงินที่เราคิดว่า "เสียได้" มาซื้อสะสม เท่านั้น .. อย่าไปเที่ยวเอาเงินร้อน หรือเงินกู้ มาเล่น เด็ดขาดครับ