ETHUSD Mid-termราคายังคงทรงตัวอยู่บริเวณโซนแนวต้านสำคัญที่ประมาณ 163 - 187 ดอลลาร์ โดยมีเส้น EMA200 ทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วมอยู่บริเวณนั้น
อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นมาของราคายังคงมีการทำ Higher Low ขึ้นมาเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดกรอบสามเหลี่ยมแบบ Ascending triangle โดยทำหน้าที่เป็น Reversal pattern ซึ่งราคาจะต้องเบรคโซนแนวต้านสำคัญเพื่อคอนเฟิร์มรูปแบบที่เกิดขึ้น
แต่ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธันวาคม 61 ทำให้เกิด Bearish Divergence จาก MACD บ่งบอกถึงความอ่อนแรงสะสม
ส่วน RSI ในช่วงการปรับตัวสั้นๆตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม 62 เกิด Hidden Bullish Divergence ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้นไปต่อของราคา
ดังนั้นจากความขัดแย้งกันของหลายๆสัญญาณที่เกิดขึ้น อาจทำให้ราคามีความผันผวนอยู่ในช่วงปลายของกรอบสามเหลี่ยม จนกว่าราคาจะมีการเบรคไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเพื่อคอนเเฟิร์มสัญญาณ
ไอเดียชุมชน
BTCUSD Mid-termราคายังคงปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ปรับตัวขึ้นมาทดสอบโซนแนวต้านสำคัญในระยะยาวที่บริเวณ 5,755 - 6,425 ดอลลาร์ โดยราคาได้ทำ Swing High ไว้ที่ 6,190 ดอลลาร์ ก่อนจะมีเริ่มมีการปรับตัวลงเล็กน้อยที่บริเวณโซนแนวต้าน
โดยการปรับตัวขึ้นมาของราคาอยู่ในสัดส่วน 261.8 Fib Projection ซึ่งโดยปกติเมื่อมีการปรับตัวขึ้นมาในสัดส่วนนี้จะมีการพักตัวเกิดขึ้นก่อนจะมีการปรับตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ที่บริเวณ 261.8 Fib จะมีโซนแนวต้านสำคัญของราคาใน TF 1W อยู่ที่บริเวณนี้ อีกทั้งยังเกิดความอ่อนแรงสะสมจากการเกิด Bearish Divergence ของทั้ง MACD และ RSI บ่งบอกได้ว่า การที่จะเบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านสำคัญอาจจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ดังนั้นหากมีการย่อตัวเกิดขึ้น เราจะมีแนวรับในระยะสั้นอยู่บริเวณ 5,500 - 5,100 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงการปรับฐานในระยะสั้นที่ผ่านมา
แต่ถ้าหากราคาปรับตัวลงเล็กน้อยและสามารถเบรคโซนแนวต้านสำคัญขึ้นไปต่อได้ก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 461.8 Fib Projection หรือที่ประมาณ 7,817 ดอลลาร์
OMGUSD Mid-term หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดของปี 2019 ที่ประมาณ 2.5 ดอลลาร์ ในช่วงต้นเดือนเมษายน ราคาก็ได้มีการปรับตัวลงมาอีกครั้ง
โดยการปรับตัวลงมาครั้งนี้หากเทียบจากการรีบาวน์ขึ้นมาในช่วงต้นเดือน มีนาคม จะมีสัดส่วน retracement อยู่ที่ 78.6 Fib ซึ่งถือเป็นการพักตัวที่ค่อนข้างลึกและบ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับไปทำ New high นั้นมีค่อนข้างน้อย
ความเป็นไปได้กรณีถ้ากลับตัวขึ้นไปได้ อาจจะขึ้นไปทดสอบ High ก่อนหน้าและเกิดการ Sideway ก่อนที่จะมีการเบรคเพื่อเลือกทิศทางอีกครั้ง
แต่การปรับตัวลงมาครั้งนี้ ราคาได้กลับลงมาต่ำกว่าโซนแนวต้านที่เคยเบรคไปอีกครั้ง ดังนั้น จากการพักตัวลงมาที่ 78.6 Fib และอยู่ต่ำกว่าแนวต้าน อาจทำให้การกลับขึ้นไปนั้นค่อนข้างลำบาก
ปัจจุบันราคาปรับตัวอยู่ในกรอบ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1.6 - 1.7 ดอลลาร์ และมีแนวรับอยู่ที่ 1.38 - 1.31 ดอลลาร์ โดยประมาณ หากลงไปต่ำกว่าแนวรับก็มีโอกาสลงไปที่ 100 Fib retracement หรือที่ 1.15 ดอลลาร์
ในส่วนของ Indicator เกิด Hidden Bullish Divergence จาก RSI บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัวขึ้นไปของราคา
XAUUSD Mid-termราคาทองคำ หลังจากมีการ Pullback ที่บริเวณ EMA200 การกลับตัวขึ้นไปนั้นเป็นเพียงการกลับขึ้นไปทำ Lower High ซึ่งบ่งบอกว่าราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงในภาพรวมระยะกลาง
การเคลื่อนที่ของราคายังคงอยู่ในกรอบ Descending channel ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวลงไปต่อของราคา โดยมีแนวรับในระยะกลางอยู่ที่ประมาณ 1243 - 1233 ต่ำกว่านั้นจะมีแนวรับของกรอบสามเหลี่ยมในภาพรวมระยะยาวอยู่ที่ 1200 โดยประมาณ
ในส่วนของ Indicator ในช่วงการปรับตัวลงมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ภาพรวมของทั้ง MACD และ RSI โมเมนตัมยังคงอยู่ในฝั่ง Bearish
DXY Mid-termราคามีการปรับตัวลงมาอีกครั้งหลังจากที่ราคาเบรคโซนแนวต้านสำคัญที่ 97.4 - 97.7 ขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงมาราคายังคงอยู่บริเวณโซนแนวรับที่เคยเป็นแนวต้านมาก่อน
โดยแท่ง 1วัน เมื่อวานปิดแท่งในรูปแบบ Hammer ที่บริเวณแนวรับ บ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นไปได้อีกครั้ง
ดังนั้นจากภาพรวมทั้งหมดยังคงส่งผลในเชิงบวกต่อค่าเงินดอลลาร์
หลักการบริหารเงินลงทุน (Money Management) สำหรับผู้เริ่มต้นสวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะมาแนะนำการบริหารเงินลงทุนด้วยระบบ T-L-S Trend-Level-Signal
จากประสบการณ์ของผม ได้พบว่ามี Trader หลายๆคนที่มีปัญหาการลากพอร์ทให้ติดลบ ตรงข้ามกับคำพูดที่ว่า
"Let's the profit run, cut the losers lose"
กลายเป็น
"Let's the losers run, cut the profit lose"
หลักการลงทุนในตลาดทั่วๆไป เรามักจะได้ยินคำว่า "ในการเทรดแต่ละครั้ง ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทั้งหมด"
แต่ในความเป็นจริง เรากลับได้ยินคำว่า "จงคำนวณว่าเงินในพอร์ทของเรา ใช้ maximum lot size ได้เท่าไร"
Standard lot จริงๆคือ 100,000 USD ต่อ 1.00 Lot
หากคุณลงทุนตามหลักการ นั่นหมายความว่าในการเข้าออเดอร์เทรดแต่ละครั้ง จุด stop loss ของคุณต้องห่างไม่เกิน 200 จุดสำหรับการลงทุน 1 standard lot
เมื่อคุณมีเงินไม่ถึง 100K USD คุณต้องถามตัวเองว่า
ในการเทรดครั้งนี้ "ฉันอยากเสี่ยงจำนวนเงินเท่าไร คิดเป็นกี่%ของพอร์ท"
"จุด Target point ของฉัน ให้ Risk:Reward ratio เท่าไร"
*โดยทั่วไป Risk:Reward ratio ขั้นต่ำ ควรจะเป็น 1:3 เป็นอย่างน้อย หมายความว่า หากคุณมี SL 200 จุด TP คุณต้องอย่างน้อย 600 จุด
เห็นมั้ยครับ การใช้หลัก common sense ที่ถามตัวเองว่า การลงทุนครั้งนี้ อยากเสียเงินเท่าไร จะนำไปสู่การ manage เงินที่สำคัญคือ
"จะใช้ Lot เท่าไรดี?
การจะตอบคำถามนี้ได้นั้น
1. เราจะ "ซื้อ" หรือ "ขาย"
เรากำลังเล่น "go with the trend" หรือเล่น "counter trend" เรากำลังตามเทร็นด์ใน Time frame ใหญ่ หรือสวนเทร็นด์
2. เราต้องรู้ก่อนว่าจุด stop loss เราอยู่ตรงไหน จุด target point เราอยู่ตรงไหน
การที่จะรู้ได้นั้น เราต้องรู้ว่า key level ที่ราคาของ asset ที่เราลงทุนจะกลับตัวที่จุดไหน โดยการหาจุดเหล่านี้มีหลายวิธี ไม่ว่าจะลาก Trend line, ใช้ Fibonacci, หรือนับ Elliot wave
3. เราต้องรอ "สัญญาณ" ตรงนี้สำคัญมากๆ ครับ ท่องไว้เลย "ไม่มีสัญญาณฉันจะไม่เข้า"
Level ทั้งหลายที่เราหาได้จากเครื่องมือต่างๆ ไม่มีใครบอกได้ว่าถูกหรือผิด สิ่งที่่จะบอกได้ว่าถูกหรือผิด คือ สัญญาณการกลับตัว
สัญญาณการกลับตัวสามารถหาได้จากเครื่องมือหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น indicator เช่น RSI divergence หรือ candlestick เช่น Pin bar หรือ reversal pattern เช่น Head and shoulder, diamond top and bottom etc.
แต่สัญญาณทั้งหมดนี้จะเชื่อไม่ได้เลย หากไม่ได้เกิดบน "key level" ข้อนี้สำคัญมาก หากไม่ถึง key level ไม่ต้องมองหา divergence ครับ ไม่มีประโยชน์
สัญญาณที่จะให้จุด stop loss ของเรามีตั้งแต่ candle 1 แท่ง เช่น Pin bar หรือสัญญาณแบบกลุ่ม เช่น reversal pattern
ตัวอย่าง
1. เมื่อเกิด Pin bar บนแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ โดยมีขนาดของแท่ง candle 200 จุด นั่นหมายความว่า หากคุณโชคดีพบสัญญาณการกลับตัวตอนกำลังเกิดพอดี คุณจะได้ตำแหน่ง stop loss ที่ 200
2. Pattern เช่น Head and shoulder จะมีจุด stop loss ตามทฤษฎี ซึ่งอยู่นอกเหนือscope ของโพสนี้ ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมครับ
เมื่อคุณได้
1. Trend จะซื้อหรือขาย
2. Level ราคามาถึงเลเวลที่คุณวิเคราะห์แล้ว
3. เกิดสัญญาณกลับตัวแล้ว
ถึงจุดนี้ ถามตัวเองตามนี้ครับ
"คุณอยากเสียเงินเท่าไรหากคุณวิเคราะห์ผิด"
"จุด Target ของคุณคือเท่าไร คุ้มเสี่ยงมั้ย R:R เป็นเท่าไร"
คำนวณ Lot size จากจุด SL ครับ ถามตัวเองบ่อยๆ "อยากเสียเงินเท่าไรหากวิเคราะห์ผิด"
เรามาดูตัวอย่างกันครับ
GBP/USD major forex pair ผมคำนวณหา key level ด้วยวิธี Fibonacci แล้วพบว่าแนวต้าน/รับที่แข็งแกร่งคือ 1.302
เมื่อราคาได้ทะลุลงมาใต้ 1.302 มันจะกลับไปเทส เพราะฉะนั้น Trend คือ ขาย
จากภาพจะเห็นได้ว่า เมื่อราคาเข้าใกล้ 1.302 ได้มีการส่ง "signal" ในรูปแบบของ Pin bar อันเล็กๆ ที่มีความยาวประมาณ 170 จุด
นี่คือ SL ครับ 170 จุด
แนว target ที่ผมคำนวณได้มี 2 จุดคือแนว Fibonacci ขนาดกลางบริเวณ 1.292-1.290 และแนว Fibonacci ขนาดใหญ่ ที่ 1.286-7
หมายความว่า Pin bar signal ที่เกิดขึ้นบน Key level 1.302 มี SL 170 จุด โดยมี
Target แรกที่ 1.292 (1000 จุด) และ
Target ที่ 2 ที่ 1.287 (1500 จุด)
SL ผม 170 จุด นั่นหมายความว่าการเทรดนี้ R:R อยู่ที่ 1:5 หรือ 1:7
สำหรับผม คุ้มเสี่ยงครับ
ถ้าคุณมีเงิน 100k usd คุณเล่น 1 lot เสี่ยงเงิน 170 usd (0.17% ของพอร์ท) แรกกับโอกาสกำไร 1000 usd (1%)
"คุณยอมเสี่ยงมั้ย?"
มาดูกันต่อครับ
ราคาได้มาทำการหยุดพักที่แนว Fibo เล็กๆที่ 1.292 ก่อนที่จะลงไปต่อที่แนวใหญ่ที่ผมคิดไว้ คือ 1.286-7
หากคุณเข้าเทรดครั้งนี้ คุณจะกำไรไปแล้ว 1-1.5% ด้วยการเสี่ยงเงิน 0.17%
หลังจากนั้นราคาได้ทำการส่ง "สัญญาณ" กลับตัว ในรูปของ Bullish diver อันเล็กๆ (ผมเทรด MT4, บนมือถือผม มีสัญญาณ Bullish Pinbar อันใหญ่เกิดขึ้นที่ 4 hr ครับ)
พร้อมทั้งทำ Bullish engulfing pattern
เมื่อพิจาณาจากสัญญาณแล้ว ผมมีจุด SL ตรงนี้ 1-200 จุด หากผมคำนวณ target ด้วยวิธีต่างๆ แล้ว R:R มากกว่า 1:3 ผมก็จะเข้าเทรดครับ
จะเห็นว่า หากเราทำการบ้าน หา key level มาดี
เราเฝ้า "รอ" สัญญาณบน key level
เราทำการบ้านวิเคราะห์ trend มาอย่างดี
เราจะได้ตำแหน่งเข้าที่ดี มี R:R เหมาะสม
"ไม่มี" คำว่าลาก แล้วเราจะไม่เครียด ไม่ต้องเพิ่มไม้โดยไม่จำเป็น
เพราะการที่ปล่อยให้เกิดการ "ลาก" แสดงว่าคุณไม่ได้ทำการบ้าน ไม่มี level ในใจ ไม่มีจุดเข้าจุดออกก่อนซื้อขาย
อยากดอย แนะนำไปดอยหุ้นครับ อย่ามาดอย Forex
Trend-Level-Signal และ Target คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับ Money management ครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หากคุณใช้หลักการ Money management นี้ การออก order ของคุณจะลดลง และกำไรจะเพิ่มขึ้น
แต่คนที่จะไม่แฮปปี้คือ Broker หรือ Introducing broker ของคุณครับ
เพราะว่าหลักการหาเงินของคนพวกนี้คือ
ทุกๆ order ที่คุณทำการวาง คนเหล่านี้จะได้ commission ครับ
เช่น คุณวาง order 1.0 lot introducing broker คุณจะได้เงินไปทันที 1 usd ครับ
หากคุณใช้หลักการบริหารเงินแบบที่ผมพูดมา คุณคิดว่าเดือนนึง คุณจะเหลือ order กี่ครั้ง
คนพวกนี้จะได้เงินจากคุณมากน้อยแค่ไหน ทำไม copy trade หรือการ clone หรือ bot ทั้งหลายจึงออก order ให้ถี่ๆ
คุณกำลัง "ถูกสูบเงิน" ครับ
การจะอยู่รอดได้ต้องหาความรู้ และเท่าทันผู้ไม่หวังดีทั้งหลายในตลาดครับ
ผมโดนมาหมดแล้ว อย่าทำพลาดแบบผมครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ของแถมก่อนจบโพสท์นี้ครับ
ทำไมคุณถึงไม่ควรติด "ดอย"
เรามักจะได้ยินคำว่า "คนรวยจะไม่ขายหุ้น เค้าจะซื้อหุ้นเพราะเค้าวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้นนั้นมาดี ไม่มีวันล้ม เค้าจะเป็นเจ้าของบริษัท กินเงินปันผล เมื่อหุ้นลง เค้าก็จะซื้อเพิ่ม"
สำหรับผม ผมจะถามกลับว่า "ตกลงรวยแล้วเลยมาลงทุน" หรือว่า "มาลงทุนเพราะอยากรวย"
เอาดีๆครับ มันคนละเรื่องกัน
คนรวยที่ฉลาดเค้าก็จะไม่ Buy and Hold หรอกครับ มีงานวิจัยตีพิมพ์ออกมาเยอะนะครับ ว่าการวิเคราะห์ตลาด ซื้อขายด้วยการวิเคราะห์ Sector rotation สามารถเอาชนะวิธี Buy and hold ได้ 3-5 เท่า
การที่คุณยังไม่รวย แล้วมาลงทุน แปลว่า คุณอยากรวย
หากคุณไม่มี stop loss ไม่ทำการบ้าน ไม่หาเลเวล สิ่งที่จะเกิดคือ
"เงินจม"
สิ่งเหล่านี้คือ "Opportunity cost" มันคือค่าเสียโอกาส แทนที่จะเอาเงินไปวางไว้ในจุดที่มันงอกเงย กลับต้องมาลุ้นว่าเมื่อไรราคาสินทรัพย์จะกลับมาจุดเท่าทุน
ทำไมที่ปรึกษาทางการเงินของคุณถึงบอกว่า ให้ซื้อหุ้นทุกเดือน ถัวๆเฉลี่ยๆ เป็นการออม
ไม่ใช่เลยครับ
เค้าได้ค่า commission จากการซื้อขายทุกๆเดือนของคุณครับ
ถ้าเจอ Financial advisor ไหนแนะนำแบบนี้ แนะนำให้เปลี่ยนครับ เค้าแคร์แค่เม็ดเงินที่เข้ากระเป็นเค้าเท่านั้นแหละครับ
ถ้าอยากรู้ว่า Financial advisor ที่แนะนำให้ซื้อหุ้นทุกเดือนมีความสามารถแค่ไหน ให้ถามว่า
"มีวุฒิ CMT มั้ยครับ" ถ้าไม่มี แนะนำให้ฟังหูไว้หูครับ
Happy Trading/Investing ครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมได้ทำวิดีโอแนะนำการใช้ Fibonacci คร่าวๆไว้ตามนี้ครับ ในอนาคตอาจมีการอัพเดทได้ หากไม่อยากพลาดรบกวนกดติดตามครับ
Fibonacci part 1
Fibonacci part 2
ตัวอย่างการวิเคราะห์ Trend ด้วย Elliot และ Fibonacci
BTCUSD Mid-termการปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา มันมี Bearish Divergence เกิดขึ้นมาก่อนหน้าแล้ว มีทั้งเพิ่งเกิดไม่นาน และเกิดแบบสะสมมาเรื่อยๆ ดังนั้นมีการปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจอะไร
หากลองพิจารณา คาดการณ์โอกาสเกิดการปรับตัวในแบบต่างๆก็จะสามารถแยกออกมาได้เป็นสามกรณี ดังนี้
กรณีแรก :
ระยะสั้นมีกรอบปรับฐานใน TF 4H อยู่ที่ 5,400-4,800 ดอลลาร์ มีเส้น EMA200 TF 1D เป็นแนวรับร่วมแถวๆ 4,800 ดอลลาร์ ถ้าไม่หลุดกรอบนี้ ก็ยังมีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 6,000 ดอลลาร์
กรณีที่สอง :
ถ้าหลุด ก็ไปรอทดสอบแนวรับสำคัญที่ 4,500 - 4,225 ดอลลาร์ กรณีลงมาทดสอบแนวรับสำคัญแล้วยืนได้ ก็คงจะ Sideway อยู่ในกรอบ 4,500 - 5,600 ดอลลาร์
กรณีที่สาม :
กรณีที่จะต้องประกาศ Red Alert คือ
ราคาหลุดแนวรับสำคัญ ลงไปต่ำกว่า 4,200 ดอลลาร์ ซึ่งมันจะมีโซนแนวรับสุดท้ายอยู่ที่ 3,400 - 3,200 ดอลลาร์ ตรงนี้อาจจะ Sideway ในกรอบ 4,200 - 3,200 ดอลลาร์ ก่อนจะเบรคเลือกทิศทางกันไป แต่เคสนี้ให้น้ำหนักไปทางฝั่ง Bearish
ดังนั้นจากการแยกออกมาพิจารณาเป็นเคสๆ จะเห็นได้ว่าการปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมานั้นยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
XAUUSD Mid-termหลังจากราคาปรับตัวลงมาทำ Lower Low ก็มีการรีบาวน์ขึ้นมาจากบริเวณเส้น EMA200 ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วม
แต่อย่างไรก็ตามการรีบาวน์ขึ้นมานั้นยังไม่มีการเบรค High ก่อนหน้า จึงทำให้แนวโน้มยังคงอยู่ในฝั่งขาลง สำหรับภาพรวมในระยะกลาง
สัปดาห์หน้ายังคงต้องคอยติดตามการต่อว่าการรีบาวน์ครั้งนี้จะสามารถเบรค High ก่อนหน้าได้ไหม ถ้าไม่สามารถเบรค High ได้ก็จะเป็นการรีบาวน์ขึ้นไปทำ Lower High และกลับลงมาตามแนวโน้มเดิมต่อ
DXY Mid-termหลังจากมีการเบรคขึ้นมาเหนือแนวต้านสำคัญส่งผลให้โซนแนวต้านนี้กลายเป็นโซนแนวรับอยู่ที่ 97.7 - 97.4 ถึงแม้ว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมา ราคาจะเริ่มมีการแกว่งพักตัวเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามราคายังคงอยู่เหนือโซนแนวรับ
นอกจากนี้ ราคายังคงปรับตัวอยู่ในกรอบ Ascending channel ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะปรับตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้นได้อยู่
DXY Mid-termราคาได้มีการเบรคขึ้นไปเหนือกรอบ Ascending triangle และยืนเหนือแนวต้านสำคัญ ซึ่งถือเป็นการคอนเฟิร์มการปรับตัวขึ้นไปต่อในระยะยาว
หากลองขยับไปดูใน TF 1W จะเห็นการทำ Ascending channel ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้นไปต่อของราคา โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 100 โดยประมาณ
การเบรคขึ้นไปครั้งนี้จะส่งผลดีให้กับค่าเงินดอลลาร์พอสมควร
BTCUSD Mid-termหลังจากราคาปรับตัวขึ้นมาทำ New High ไว้ที่ประมาณ 5647 ดอลลาร์ ก็มีสัญญาณ Bearish Divergence เกิดขึ้นจาก MACD และ RSI บ่งบอกถึงโอกาสในการพักตัวของราคา
ซึ่งจากการพักตัวในช่วงก่อนหน้า ทำให้เกิดฐานแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 5400 - 4800 ดอลลาร์ โดยประมาณ ดังนั้น หากเกิดการพักตัวขึ้น และไม่ลงไปต่ำกว่าฐานแนวรับระยะสั้นนี้ ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
นอกจากนี้การเกิด Bearish Divergence อาจบ่งบอกได้กว่า การขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านสำคัญที่ประมาณ 5755 - 6000 โดยประมาณ มีโอกาสที่จะผ่านไปได้ยาก เนื่องจากเรื่องมีการอ่อนแรงสะสมให้เห็น
กรณีถ้าราคาลงไปต่ำกว่าฐานแนวรับระยะสั้น ที่ประมาณ 5400 - 4800 ดอลลาร์ ก็มีโอกาสที่จะลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ประมาณ 4500 - 4225 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตามจากถึงแม้ราคาจะมีโอกาสที่จะมีการพักตัวในระยะนี้ ภาพรวมทั้งหมดก็ยังอยู่ในทิศทางบวกอยู่ ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
BTCUSD Mid-termในภาพรวมระยะกลางราคาได้มีการเบรคขึ้นเหนือกรอบ Ascending triangle ที่ทำหน้าที่เป็น Continue pattern ดังนั้น การเบรคขึ้นไปครั้งนี้จะเป็นการคอนเฟิร์มการไปต่อของราคา ในระยะกลาง - ระยะยาว และเป็นการจบรอบการพักตัวในภาพรวมระยะสั้น
ดังนั้น การปรับตัวขึ้นของราคาในวันนี้จะส่งผลให้การคาดการณ์ ถึงโอกาสในการย่อพักตัวอีกครั้งในระยะสั้น ของการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า ถูกเคลียร์ทิ้งไป
และจากการพักตัวในช่วงที่ผ่านมาราคามีการปรับฐานในระยะสั้นขึ้นมาอยู่ที่ 5400 - 4800 ดอลลาร์โดยประมาณ ซึ่งหลังจากการปรับตัวขึ้นมาล่าสุดจะส่งผลให้ ช่วงราคาที่ 5400 - 4800 ดอลลาร์ กลายเป็นโซนแนวรับในระยะสั้นต่อไป
โอกาสที่ราคาจะไปต่อได้หลังจากเบรคกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมาจะอยู่ที่ 200 - 261.8 Fib projection หรือที่ประมาณ 5521 - 6063 ดอลลาร์ ก่อนจะมีโอกาสที่จะเกิดการพักตัวอีกครั้งเนื่องจากมีโซนแนวต้านสำคัญใน TF 1W อยู่ที่ประมาณ
5755 - 6425 ดอลลาร์ โดยประมาณ
EURUSD Long-termราคายังคงปรับตัวอยู่ในกรอบ Falling wedge และยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้น EMA ทั้งสามเส้น และอยู่ต่ำกว่าแนวต้านของกรอบ Sideway ระยะยาว ที่ประมาณ 1.147
ถึงแม้ว่าจะมีการฟอร์มตัวของกรอบ Falling wedge และเกิดสัญญาณ Bullish Div จาก RSI ก็ยังไม่มีการคอร์นเฟิร์มสัญญาณกลับตัวใดๆเกิดขึ้น ดังนั้นจากภาพรวมทั้งหมดรวมไปถึงปัญหาของเรื่อง BREXIT จะยังทำให้ราคานั้นมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปต่อได้ในระยะยาว
โดยมีแนวรับสำคัญของกรอบ Sideway อยู่ที่ 1.049 โดยประมาณ
XAUUSD Mid-termราคาได้ทองคำปรับตัวลงมาต่ำกว่าเส้น EMA200 ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมในระยะกลาง ดังนั้นการเบรคลงมาต่ำกว่าเส้น EMA200 และอยู่ต่ำกว่าเส้น EMA ทั้งสามส่งจะส่งผลให้ราคามี Potentail ที่จะปรับตัวลงไปต่อได้ในระยะกลาง - ระยะยาว
โดยมีโอกาสลงไปทดสดสอบแนวรับของกรอบสามเหลี่ยมแบบ Symmetrical triangle ใน TF 1W ได้ ที่ 1200 โดยประมาณ
ในส่วนของ Indicator หลังจากที่ราคาเริ่มปรับตัวลงมาจากการทำจุดสูงสุดในช่วงวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ 62 ที่ผ่านมา โมเมนตัมของทั้ง MACD และ RSI ก็ปรับลงไปทางฝั่ง Bearish
ดังนั้น โอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงไปต่อในระยะกลาง - ระยะยาว จึงมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะมีการกลับตัวขึ้นไป
DXY Mid-termราคาได้กลับขึ้นมาทดสอบโซนแนวต้านสำคัญอีกครั้งหลังจากย่อพักตัวลงไปที่บริเวณ 96.7 ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะมีการรีบาวน์ขึ้นมาอยู่ที่บริเวณโซนแนวต้านสำคัญ
การพักตัวในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดแนวรับระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 96.7
นอกจากนี้ใน TF 1W แท่งสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสปิดทำ New High ในช่วงเกือบๆสองปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในระยะกลางหากราคาสามารถเบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านสำคัญได้ จะส่งผลเชิงบวกให้กับค่าเงินดอลล่าค่อนข้างมาก
และจากภาพรวมทั้งหมดหากมีการเบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านสำคัญ ก็จะทำให้มี Potential ในการปรับตัวขึ้นไปต่อได้ที่แนวต้านถัดไปที่ 99 โดยประมาณ
DXY Mid-termราคายังคงปรับตัวอยู่ในกรอบ Ascending triangle และยังคงอยู่ต่ำกว่าโซนแนวต้านสำคัญที่ 97.4 - 97.71
อย่างไรก็ตามภาพรวมของ Dollar index ยังคงเป็นไปในทิศทางบวก นอกจากนี้ยังมีแนวรับในระยะสั้นเกิดขึ้นที่ประมาณ 96.70 จากการปรับตัวลงไปในช่วงที่ผ่านมา
ในสัปดาห์หน้ายังมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับตัวขึ้นไปต่อ
BTCUSD Short-termการปรับตัวของราคาในภาพรวมระยะสั้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ยังคงอยู่ในช่วงพักตัว Sideway โดยมีช่วงสวิงสูงสุดอยู่ที่ 5,488 ดอลลาร์ และมีช่วงสวิงต่ำสุดอยู่ที่ 4,934 ดอลลาร์
โดยในช่วงที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่ คาดว่าการรีบาวน์ช่วงพักตัวของจุด BC จะจบที่ 50 - 61.8 Fib retracement นั้น มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยการรีบาวน์จาก จุด BC นั้นมีการปรับตัวขึ้นไปเกิน 61.8 Fib retracement
โดยการปรับตัวขึ้นไปของราคาล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 78.6 Fib retracement ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่แบบ Flat จึงทำให้ต้องยกเลิกเป้าคาดการณ์การย่อตัวของ Projection ของ CD ตามการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า
แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมเองยังคิดว่าการพักตัวนั้นยังไม่จบ ดังนั้น เมื่อสัดส่วนการเคลื่อนที่ของ BC เป็น Flat โอกสาที่จะย่อตัวลงมาอีกครั้ง นั้นยังมีโอกาสย่อลงมาได้ตั้งแต่ 61.8 - 161.8 Fib
แต่ในที่นี้ ใน TF 1D เรามีเส้น EMA200 ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ระดับ 50 Fib retracement และใน TF 4H เรามีเส้น EMA200 ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่บริเวณ 138.2 Fib extension พอดี
ดังนั้น เป้าการคาดการณ์การย่อพักตัวอีกครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 61.8 Fib - 138.2 Fib extension หรือที่ประมาณ 5,103 - 4,766 ดอลลาร์ เพื่อจบรอบการพักตัวและกลับขึ้นไปต่อ
ในส่วนของ Indicator
เกิดสัญญาณ Bearish Divergence จากทั้ง MACD และ RSI ใน TF 4H และใน TF อื่นๆ ก็เริ่ม Bearish Div เกิดขึ้น ดังนั้นในระยะสั้น โอกาสที่จะมีการย่อตัวยังมีอยู่
จากภาพรวมทั้งหมดจะเห็นได้ว่าการพักตัวในครั้งนี้ มีโอกาสจบการพักตัวอยู่ในสัดส่วนของ 50 Fib retracement ใน TF 1D ดังนั้น การกลับตัวขึ้นไปจะยังมี Potential ในการกลับขึ้นไปทำ New high ได้อยู่
AUDUSD Long-termการปรับตัวลงมาในระยะยาวของราคา เกิดการ Extension ลงมาที่บริเวณ 200 Fib retracement ก่อนจะกลับขึ้นไปทรงตัวอยู่ที่ระดับ 161.8 Fib retacement ซึ่งการที่ราคา Extension ลงมานั้น บ่งบอกได้ว่าแนวโน้มในทิศทางขาลงนั้นค่อนข้างได้เปรียบ
แต่ในขณะเดียวกัน การรีบาวน์ของราคาที่ระดับ 200 Fib retracement ก็แสดงให้เห็นถึงแนวรับสำคัญของราคาในระยะยาว ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่การปรับตัวลงอาจจะไม่ลงไปต่ำกว่าระดับ 200 Fib retracement เนื่องจากมีโซนแนวรับสำคัญคอยพยุงราคาอยู่
จากภาพรวมทั้งหมด ในระยะนี้อาจจะเห็นการสวิงอยู่ในกรอบ โดยมีช่วงสวิงอยู่ระหว่าง 100 - 161.8 Fib retracement หรือที่ 0.75012 - 0.71090 ก่อนจะมีการเบรคไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
XAUUSD Mid-termภาพรวมระยะกลางของทองคำ ราคาได้มีการเบรคลงมาต่ำกว่ากรอบสามเหลี่ยมแบบ Symmetrical triangle ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวลงไปต่อของราคา
นอกจากนี้การปรับตัวลงของราคายังทำให้เกิด lower high เป็นครั้งที่สอง ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และการปรับตัวลงไปครั้งนี้ยังทำให้เกิด lower low อีกด้วย และการปรับตัวลงมาครั้งนี้ยังทำให้เกิดกรอบ Descending channel ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มการปรับตัวลงไปต่อของราคา ดังนั้นจากภาพรวมของราคาบ่งบอกได้ว่า ราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปต่อได้อีกในระยะกลาง
อย่างไรก็ตามตอนนี้ราคายังคงพักตัวอยู่บริเวณเส้น EMA200 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ประมาณ 1,275 และยังเกิด Bullish divergence จาก MACD และมีสัญญาณ Bullish divergence อ่อนๆจาก RSI ซึ่งบ่งบอกได้ว่า ราคามีโอกาสที่จะรีบาวน์ที่บริเวณเส้น EMA200 ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมในระยะกลางนี้
แต่ถ้าหากการรีบาวน์ขึ้นไป ไม่สามารถทำ Higher high ได้ ราคาก็จะมีโอกาสกลับลงมาต่อตามแนวโน้มที่เกิดขึ้น หรือถ้าราคาเบรคลงมาต่ำกว่าเส้น EMA200 ก็จะเป็นการคอนเฟิร์มการกลับตัวไปในแนวโน้มขาลงระยะกลาง โดยมีแนวรับของกรอบสามเหลี่ยมใน TF 1W อยู่ที่ 1,200 โดยประมาณ
ฺฺBTC Short-termในระยะสั้น หลังจากที่ราคา Break down ลงมาจากกรอบ Rising wedge ราคายังคงมีโอกาสย่อพักตัวลงไปต่อได้อีกครั้ง ตามการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า
โดยการปรับตัวลงครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นสัดส่วนการเด้งของจุด BC ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่ 50 Fib retracement ของ AB ซึ่งยังอยู่ในสัดส่วนที่สามารถลงไปต่อได้ (ลงแล้วเด้งไม่เกิน 38.2 - 61.8 Fib retracement)
ดังนั้นเพื่อหาสัดส่วนของการลงไปต่อของราคา จึงทำการวัด Projection AB เพื่อหาจุด CD โดยเป้าการคาดการณ์การลงไปจบการพักตัวที่จุด D จะอยู่ที่ประมาณ 4,658 ดอลลาร์ หรือที่ 100 Fib projection ซึ่งบริเวณนั้นจะมีเส้น EMA200 ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมพอดี
และหากพิจารณาร่วมกับ โซน Retracement ที่มี Potential (38.2 - 61.8 Fib retracement) ในการกลับตัวขึ้นไปทำ New High ต่อได้จาก TF 1D
จะเห็นว่าหากราคาลงไปจบการพักตัวที่จุด D จะอยู่ที่บริเวณ 50 Fib retracement ใน TF 1D หรือที่ประมาณ 4,713 ดอลลาร์ ซึ่งราคาจะยังรักษา Potential ในการกลับตัวขึ้นไปทำ New High ต่อได้ในระยะกลาง - ระยะยาว
แต่ถ้าหากการย่อลงไปของราคา Extension ลงไปต่ำกว่า 100 Fib projection TF 4H หรือ ต่ำกว่า 61.8 Fib retracement TF 1D ก็จะมีโอกาสที่จะลงไปต่อที่แนวรับสำคัญที่ 4,500 - 4,225 ดอลลาร์
ซึ่งหากราคาลงมาทดสอบแนวรับสำคัญและยืนเหนือแนวรับสำคัญได้ ส่วนตัวผมมองว่า แม้ราคาจะยังไม่เสียโอกาสในการกลับตัวขึ้นไป แต่การลงมาต่ำกว่า 61.8 Fib retracement TF 1D จะทำให้ราคาเสีย Potential ในการกลับตัวขึ้นไปทำ New High แต่จะกลายเป็นการขยับฐานราคาขึ้นมา Sideway อยู่ในช่วง 4,500 - 5,400 ดอลลาร์ ไปต่อในระยะกลาง - ระยะยาว ก่อนจะมีการเบรคกรอบราคาขึ้นไป จึงจะกลับมามี Potential ในการไปต่ออีกครั้ง
Indicator Signal :
ในภาพรวมระยะสั้น MACD : ยังอยู่ในช่วงพักตัว โดยมีโมเมนตัมอยู่ในฝั่ง Bullish ส่วน RSI เกิด Hidden Bullish Div โดยในระยะนี้ อาจจะมีการ Sideway เล็กน้อย ก่อนจะปรับตัวลงไปต่อ เนื่องจากโมเมนตัมของ RSI ยังคงลดลงต่อเนื่องและกลับมาอยู่ในฝั่ง Bearish
สรุป
ดังนั้นสิ่งแรกคือต้องรูว่า การพักตัวรอบนี้จะจบที่ตรงไหน ถ้าจบในโซน retacement ที่ยังมี Potential ก็ยังมีโอกาสกลับไปทำ New High ได้
แต่ถ้าเกิดการ Extension ลงมาต่ำกว่า 100 Fib projection TF 4H หรือลงมาต่ำกว่า 61.8 Fib retracement TF 1D ก็จะกลายเป็นลงไปทดสอบแนวรับสำคัญและถ้ายืนเหนือแนวรับได้ ก็จะกลายเป็นขยับฐานขึ้นมา Sideway อยู่ในช่วง 4,500 - 5,400 ดอลลาร์
USDJPY Mid-termราคามีการเบรคกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าโซนแนวต้านสำคัญ นอกจากนี้การปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา ราคาได้มีการฟอร์มตัวในรูปแบบของ Inverse Head and Shoulder ซึ่งในที่นี้ทำหน้าที่เป็น Continue pattern เนื่องจากเกิดในแนวโน้มขาขึ้น
ดังนั้น Neckline จะอยู่ที่โซนแนวต้านสำคัญพอดี และเพื่อจะให้มี Potential ในการไปต่อ จะต้องเบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านให้ได้เพื่อคอนเฟิร์ม รูปแบบ Continue pattern ที่เกิดขึ้น โดยถ้าเบรคขึ้นไปได้ โอกาสที่จะไปต่อตามเป้า Fib projection ที่ 100 Fib หรือที่ 114 โดยประมาณ
XAUUSDทองคำยังคงปรับตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม และยังมีโอกาสที่จะ Sideway อยู่ในกรอบไปจนกว่าจะมีการเบรคไปทางใดทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามใน TF 1W แท่งสัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งบอกถึงความอ่อนแรงของราคา ดังนั้นโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงไปต่อในสัปดาห์หน้ายังคงได้เปรียบกว่าการที่จะกลับขึ้นไป
หากราคาเบรคลงไปต่ำกว่ากรอบสามเหลี่ยมใน TF 1D ก็มีโอกาสลงไปที่แนวรับของกรอบสามเหลี่ยมใน TF 1W ที่ 1,200 โดยประมาณ