Gold trading diary - September
Open long position ที่ 1463 เพราะว่ามี PA buy เหนือ 1461 ที่ C นับจาก 1535-1459 = A นับจาก 1557-1485
หากไม่ถูก SL ที่ 1459 แสดงว่า correction ของเวฟ 4 จบแล้ว และกำลังจะขึ้นไป new high
จะออกเมื่อ
1. ถูก SL
2. มี PA ขายบริเวณ 1500-1508
Risk 4 reward 37-45
ถือต่อถ้าทะลุ 1530 ไป TP แรกที่ 1590
Risk 4 reward 127
ไอเดียชุมชน
อย่าให้การเทรด ทำให้ชีวิตคุณพัง..ฝากข้อคิด สำหรับนักเทรด จากประสบการณ์ที่ได้เจอมานะครับ :D
=========================
อย่าให้การเทรด ทำให้ชีวิตคุณพัง
=========================
* ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่ผมเคยเจอมากะตัว วันๆ นั่งจ้องแต่จอ จ้องจะหาจังหวะจะเข้าจะออก ทุกวัน ทั้งวัน ก้มดูแต่มือถือ ดูกราฟ ดูว่าเมื่อไหร่ราคาจะเข้าเงื่อนไขเข้า order ของเรา หรือกูรูเขาว่าอย่างไรบ้าง จะได้ตามทัน
* แรกๆ มันก็เหมือนจะสนุกอยู่ครับ ลุ้น ตื่นเต้น ทั้งวัน พอกำไรก็เฮ พอขาดทุนก็จ๋อยๆ แล้วก็จ้องจะเข้าเพื่อเข้าเพิ่มเพื่อเอาคืนส่วนที่เสียไป
* พอยิ่งจ้อง ชีวิตส่วนตัวคุณก็จะพังไปเรื่อยๆ แฟนชวนไปไหนก็ไม่ยอมไปเพราะจะเฝ้าจอคอมจอมือถือ ยอมไปก็ก้มหน้าจ้องแต่จอทุกๆ 5 นาที เพราะลุ้นว่าจะมีจังหวะเข้าเมื่อไหร่นะ กูรูเขาจะบอกให้ออก หรือให้เข้าอะไรต่อไป
* จะขับรถ จะทำงาน ใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากจะเปิดมือถือดูตลอดเวลา นอนก็นอนไม่หลับ กลัวนอนแล้วไม่ทันตามสัญญาณที่กูรูบอกให้ออก
* เป็นงี้ต่อไปสักเดือน จะเข้าจะออกทั้งวัน สรุปไปๆ มาๆ กำไรก็ได้ไม่เท่าไหร่ บางจังหวะได้ก็ได้เยอะ แต่บางจังหวะเสียก็เสียเยอะ และพอจะไปเอาคืนก็เสียหนักยิ่งกว่าเดิม..
* กลายเป็นว่า เสียทั้งสุขภาพ, ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และเงิน...
* อย่าลืมนะครับ มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ในโลกนี้ การที่คุณอยากจะได้อะไรบางอย่างจนขาดสมดุล สุดท้าย คุณก็จะเสียบางอย่างที่สำคัญไป..
* อย่าให้การเทรด การทำกำไร มันมาทำให้ชีวิตคุณพังนะครับ หาจุดสมดุลที่เหมาะกับคุณให้เจอ ( ลองดูหลายๆ แบบได้ ไม่ผิด จะได้รู้ ขนาดพระพุทธเจ้ายังลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เลย จนพบ ทางสายกลาง ) ถ้าวิธีไหนคุณลองแล้วมันตึงเกินไป ก็อาจจะต้องหย่อนๆ ลงมาซะบ้าง
* ถ้าคุณชอบการเทรดแบบ day trade จริง คุณก็ต้องเซ็ทเวลาให้กับมันแบบ fix เช่น จะเทรดแค่ 8 โมง ถึง บ่ายสาม เท่านั้น ไม่มากเกินไปกว่านี้ ไม่ถือ position ข้ามวัน ถ้าหมดเวลาเทรด ก็ต้องปิดทุกอย่าง ปิดจอ ปิดคอม ปิดมือถือ เลิกดู แล้วไปใช้ชีวิต
* อย่าให้เวลาทั้ง 24 ชม. ของคุณ มาวุ่นวาย กับการจ้องจะทำกำไร ทั้งวันครับ มันไม่คุ้มหรอก เชื่อผมเถอะ 5555 เคยผ่านมาแแล้ว
XAU/USD - บันทึกการเทรด20-9-2019
Open long position บริเวณ 1500 เนื่องจากวิเคราะห์ว่าทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในลักษณะ 5 เวฟ
โดยเปิด buy เพราะว่าจาก 1483 ขึ้นมา 1506 นับได้ 5 wave จึงรอให้ย่อมา 3 เวฟที่ 1H TF
แผนคือ หากราคาปิดเหนือ 1500 จะ go long
เป้าแรก 1532 ( R:R 1:29)
เป้าสอง 1547 (R:R 1:11)
ตอนนี้บวกขึ้นมาตามแผน
นับคลื่น SET50 แบบนี้ผิดไหม ??ภาพนี้วิเคราะห์ผิดในเรื่องของดีกรี ซึ่งพบว่าผิดกันมาก
หลักการเรื่องการแยกดีกรีง่ายคือๆ หลักการ 1/3 อธิบายคือ ในคลื่น Retracement (2, 4, b, X) ที่อยู่ต่างดีกรีกันจะต้องแตกต่างกันเกิน 3 เท่าทั้งในแง่ของเวลาและราคา
หมายความว่าคลื่นใหญ่จะต้องใช้เวลาเกิน 3 เท่าของคลื่นย่อย และราคาก็ต้องยาวมากกว่า 3 เท่าของคลื่นย่อยด้วยเช่นกัน คือเป็นหลักการของการแบ่ง Time Frame นั่นเอง Time Frame ย่อยคือ Subset ของ Time Frame ใหญ่ หรืออายุของพ่อกับลูก จะเท่าหรือใกล้เคียงกันไม่ได้ อธิบายอย่างนี้ก็ได้
รูปบนนี้สังเกตุว่า คลื่น 2 ใหญ่กับสองย่อยอยู่ในรอบดีกรีเดียวกัน ถ้า 2 สีน้ำเงินเป็นคลื่นใหญ่มันจะต้องใช้เวลาเกิน 3 เท่าของคลื่น 2 ย่อย (สีแดง) แต่รูปนี้ 2 ใหญ่ใช้เวลาน้อยกว่า 2 ย่อยเสียอีก ลูกมีอายุมากกว่าพ่อไม่ได้ ตรรกะมันไม่ถูก!!!
รวมข้อผิดพลาดต่างๆ ที่ผมเจอมา ตลอดปี 2019รวมข้อผิดพลาดต่างๆ ที่ผมเจอมา จากการเทรด ทั้งคริปโต และ Forex สรุปมาเป็น note ทิ้งไว้ ย้ำเตือนตัวเอง และ ให้คนอื่นได้ศึกษากันนะครับ
หลายๆ เรื่องอาจจะต้องมีการพาดพิงออกไปกระทบคนโน้นคนนี้บ้าง ถ้าทำให้ใครไม่ค่อยพอใจ ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
1) การ Overtrade อาจจะทำกำไรได้เยอะ ในช่วงแรก แต่พอเราชะล่าใจ..มักจะลงเอยด้วยความหายนะ
2) ช่วง Sideway ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปก่อน หรือเทรดให้น้อยลง เพราะสัญญาณหลอกเยอะมาก
3) ห้ามเทรดเอาคืน ( Revenge Trade ) เพราะมันคือหนทางสู่ความหายนะ
4) บอทใดๆ ก็ตาม มันจะมีช่วงทำกำไรได้ง่ายๆ และช่วงที่เปิดไปก็เหมือนเอาเงินไปโยนทิ้ง ต้องระวังให้ดี
5) กลยุทธ Bot หรือ EA แบบ Martingale ยังไงก็ตาย เพราะเงินเราไม่ได้มีแบบเป็นอนันต์
6) ก่อนใช้กลยุทธใดๆ ก็ตาม อย่างน้อย ควรเขียน Backtest ดูซะก่อน ว่าทำกำไรได้จริงๆ ( ถ้าเขียนไม่ได้ก็ควรนั่ง Backtest มือ แบบไม่ Bias )
7) อีโก้ และการพยายามที่จะเอาชนะตลาด ว่าตลาดจะเป็นไปอย่างที่เราคิด คือหนทาง สู่หายนะ
8) บางที การนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็อาจจะได้กำไรกว่าไปพยายามจะเทรดหาตังทุกวัน
9) มือใหม่ มักจะไม่ค่อยกล้าซื้อตอนตลาดเงียบๆ และมักจะไปกล้าซื้อกันตอนราคาขึ้นไปแล้วสูงๆ เสมอ
10) คิดถึงเรื่อง ความเสี่ยง ก่อนเสมอ ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องกำไร
11) อยู่รอดให้ได้ก่อน อย่างน้อยสักปี หรือสองปี เพื่อเรียนรู้ตลาด แล้วค่อยทำกำไร
12) ดอยได้ไม่ผิด ถ้าเรารู้ว่า ความเสี่ยงเราอยู่ตรงไหน แค่ไหน และจุดที่เราจะยอมแพ้ ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เราคิด อยู่ตรงไหน
13) ถ้าเราไม่แน่ใจในทิศทาง ก็ไม่ต้องเทรดก็ได้ นั่งดูข้างสนามก่อนก็ได้ บางทีการไปรีบเข้าๆ ออกๆ ในจุดที่ไม่ค่อยจะสวย ก็เหมือนเราโยนหัวก้อย
14) อย่าเอาเงินเยอะๆ มาเล่น เพราะยิ่งเงินเยอะ เวลาเราผิดทาง แล้วมันจะเจ็บหนัก โดยเฉพาะมือใหม่ ให้เริ่มด้วยเงินน้อยๆ สั่งสมประสบการณ์ไปก่อน ถ้าเก่งแล้วค่อยเพิ่มเงิน
15) ห้าม All-in ถ้ายังไม่รู้ว่าเราเสี่ยงแค่ไหน
16) ถ้ารู้ว่าผิดทาง ต้องคัท อย่าเสียดาย อย่าดื้อ เพราะถ้าปล่อยไหล บางทีแทนที่เราจะได้คัทนิดเดียว กลับต้องคัทแบบเจ็บหนัก
17) เหรียญซิ่ง ขึ้นลงวันละเป็น 10-20% เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เพราะอย่าลืมว่า ถ้ามันขึ้น +20-30% ต่อวันได้ มันก็ลง -20-30% ต่อวันได้เช่นกัน ( ถ้าจะเสี่ยง ต้องแบ่งเงินมาเสี่ยงดีๆ )
18) การ hodl เหรียญผิด แล้วหวังลมๆ แล้งๆ ก็เหมือนเอาเงินไปทิ้งน้ำ .. ถ้าจะเชื่อแบบนั้น ก็ต้องมองว่า เงินก้อนนี้คือเงินที่เราเอาไปโยนทิ้งน้ำ เพื่อพิสูจน์ความเชื่อบางอย่างของเรา(หรือของกูรูที่เชียร์) ให้ตีว่ามันหายไปแล้ว ตั้งแต่เราไปซื้อเหรียญนี้
19) Money Management สำคัญกว่าสัญญาณเข้าออกเยอะ
20) อย่าพยายามเล่น Timeframe เล็ก ถ้าคุณดูกราฟเองไม่เป็น ( เช่นตามกูรูห้อง VIP ) เพราะ กว่าคุณจะเข้าจะออก กูรูเขาก็อาจจะทำกำไร และออกไปเรียบร้อยแล้วจ้า
21) พื้นฐานการเทรด สำคัญมากๆ อย่างน้อยก็ต้องดูกราฟเป็น และคำนวณ Risk เป็น อย่าเพิ่งใจร้อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป
22) มือใหม่ ยังไงต้องเสียตังในช่วงแรกๆ อยู่แล้ว แต่เราต้องให้เงินที่เราเสียไปนั้น ให้ประสบการณ์กับเรามาให้ได้ เพราะจะได้ไม่ผิดซ้ำที่จุดเดิมอีก
23) อย่าพยายามฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ มาก จนสับสน ให้รับฟัง แล้วมาประมวลผลด้วยตัวเอง แล้วตัดสินใจด้วยตัวเองเท่านั้น
24) อย่าไปเชื่อกูรูที่อวดตัวเลขมาก เพราะกว่าเขาจะผ่านมาถึงจุดนั้นได้ เขาผ่านอะไรมาเยอะมากๆ ประสบการณ์เรากับเขาไม่เท่ากัน ... อย่าไปพยายามเล่นให้ได้อย่างเขา... ให้เล่นใน speed ที่เราพอใจ และเรียนรู้แนวคิดของเขากันไป
25) การนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย เพื่อรอจังหวะที่ดีนั้น บางที มันยากมากๆๆๆๆๆ ที่สุด
26) ต้องแยกให้ออก ระหว่างพอร์ตที่ใช้ลงทุน และพอร์ตเล่นพนัน เพราะการพนัน ก็จะมีโอกาสหมดตัวเสมอ
27) คนที่มาเทรดอะไรก็ตาม ส่วนใหญ่ 90% มักจะแพ้ และสูญเสียเงินไปจนหมด ใน 3 เดือนแรก จะมีแค่คน 10% เท่านั้นที่พอจะอยู่รอดได้และพอมีกำไร ( ก็คือเงินของคนที่เจ๊งน่ะแหละ )
28) จะเข้ามาลงทุน หรือเทรด ก็ควรทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้เข้าใจซะก่อน ให้เวลากับมัน ศึกษาหาความรู้ก่อนเยอะๆ อย่าเป็นคนขี้เกียจและมักง่าย ความรู้ฟรีในอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะ
29) ถ้าอยากลองเล่น future หรือ margin ให้ลองด้วยเงินน้อยๆ ก่อน เพื่อทำความเข้าใจระบบ ไม่ต้องรีบ รวย เพราะคุณต้องเจ๊งก่อนแน่นอน .. เจ๊งด้วยเงินน้อยๆ ย่อมดีกว่า
แนวทางการลงทุนใน BTC แบบระยะยาว และไม่ต้องดูกราฟหลายๆ คนกลัวกันมาก ว่า BTC ลงแล้ว จะดอยหนัก
ผมเลยทำแนวรับ ตามแนว fibo
อ้างราคา bx ให้เลย
เพื่อให้เป็น guideline สำหรับมือใหม่
ได้วางแผนรับมือกันครับ
==============
ตัวอย่าง ทุน 100,000 บาท
ให้คิดว่า เงินหล่นหายไปแล้ว เหลือ 0
แบ่ง 5 ไม้ ไม้ละ 20,000 บาท
ไม้ 1 : 295000 ได้ = 0.0677 BTC
ไม้ 2 : 250000 ได้ = 0.08 BTC
ไม้ 3 : 205000 ได้ = 0.0975 BTC
ไม้ 4 : 175000 ได้ = 0.1142 BTC
ไม้ 5 : 142000 ได้ = 0.1408 BTC
ถ้าได้ครบ 5 ไม้ จะได้มาทั้งหมด = 0.5 BTC
โดยราคาต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท ต่อ 1 BTC
=============
กรณีขึ้นต่อ ไปทำเวฟ 3
=============
การย่อถึงไม้ 5 คือจุดสุดท้ายที่ควรหยุด เพราะจะย่อลงมาถึง 78.6-88.7 fibo ตามทฤษฏีเวฟ
โดยถ้าลงมาถึงตรงนี้ จะมี potential ที่จะดีดไปทดสอบ High เดิม แถวๆ 673000 ได้ ( เป้าของเวฟ 3 )
ถ้าต้นทุนเรา 200,000 ต่อ BTC ดังนั้น เราจะมีกำไร = 236% ( 673000*0.5 = 336500 )
==============
กรณี fail หลุด low เดิม 3200 ( 104500 )
==============
ในเคสที่ ไม้ 5 ก็เอาไม่อยู่ ก็จะเป็นการไปทดสอบ low เดิม ที่ 3200 ( 104500 )
ณ จุดนั้น เราจะยอมโดด หรือจะไปขุดเงินมาถัวเพิ่มก็ได้ แล้วแต่เรา
โดยถ้าถัว จุดที่น่าสนใจจะเข้าก็คือ 104500 และ 79000 ตามลำดับ
กรณีเพิ่มทุนอีก 40,000 บาท เพื่อถัว
กลายเป็นต้นทุนทั้งหมด 140,000 บาท
ในเคสนี้ เราจะได้ต้นทุนเท่ากับ
ไม้ 6 : 104500 ได้ = 0.1913 BTC
ไม้ 7 : 79000 ได้ = 0.2531 BTC
รวมทั้งหมด = 0.9444 BTC
ในราคาทุน = 148000 บาท ต่อ 1 BTC
ในกรณีนี้ เราก็สามารถลุ้น High ใกล้ๆ เดิมได้เหมือนกัน หรือจะมองเป็นภาพยาวๆ เลยก็ได้
พูดง่ายๆ คือ ถ้ามันขึ้นไปจริง ยังไง โอกาสที่เราจะได้กำไรก็สูงมากๆ เอาแค่ทดสอบ High เดิม ที่ 430000 เราก็ได้กำไรตั้ง 266000 บาทแล้ว
==========
สรุป
==========
อย่าไปกลัวมากจนเกินไป ไม่มีใครซื้อที่จุดต่ำสุดได้พอดีหรอก
ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องกราฟ หรือไม่อยากคิดมาก การแบ่งโซนแล้วเข้าซื้อไปตามแต่ละจุดสำคัญๆ ก็เป็นอะไรที่ง่ายดี
แต่ถ้าคุณจะใช้วิธีนี้ สิ่งสำคัญ ที่คุณต้องปรับ mindset ให้ได้ ก็คือ นี่คือการลงทุน "ระยะยาว" ไม่ใช่การเล่นสั้น หากำไรรายวัน
การขึ้น หรือลง ของ BTC ต่อจากนี้ มันอาจจะใช้เวลาเป็นปีๆ ก่อนจะไปต่อก็ได้ ไม่มีใครรู้
หรือแย่กว่านั้น มันก็อาจจะไร้ค่าไปเลยก็ยังได้..
สิ่งสำคัญก็คือ การที่เราเอาเงินที่เราคิดว่า "เสียได้" มาซื้อสะสม เท่านั้น .. อย่าไปเที่ยวเอาเงินร้อน หรือเงินกู้ มาเล่น เด็ดขาดครับ
อัพเดต XAU/USD ที่ดูไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนา XAU/USD ที่ดูไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน
ถ้าการ Extension เป็นการยืดตัวแบบ Impulsion wave
ก็ไม่ยากเลย พอจะคาดการณ์ตามกฏ Impulsion wave
กฏของ Impulsion wave
1.กฏของการสลับ Rule of alternation มักจะใช้กับ Wave 2 และ Wave 4
A = Price B=Time C=Severity % เมื่อเทียบกับ Wave 2 และ Wave4 D = Intricacy จำนวนคลื่นย่อยใน Wave 2
และ Wave4 E= Construction (โครงสร้างรูปแบบ Correction wave ของ wave2 และ wave4) คือ ถ้าสองเป็น Flat ไปแล้ว
Wave 4 จะเป็น Flat ซ้ำไม่ได้ ต้องเป็น Zigzag หรือ Triangle เท่านั้น
2.Overlap Rule ซึ่งเป็นตัวแยกแยะรูปแบบ Impulsion ด้วยรูปแบบ Teminal Impulse เป็นรูปแบบสำคัญ เพราะหากเกิดขึ้น
เมื่อใดเมื่อจบแล้ว ราคา จะต้องลงไปต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ WAVE 1 เสมอ
3.Rule of Equality คือ เมื่อเทียบระหว่าง 1 3 5 คลื่นที่ไม่ใช่คลื่นยืดตัว ทั้งสองมักต้องมีสัดส่วนเท่ากันในแง่ของราคา
หรือ เวลา หรือเป็นสัดส่วนในอัตราส่วน 61.8%
4.Extension Ruls กฏการยืดตัว จะต้องมีคลื่นยาวที่สุดเป็นคลื่นยืดตัว (เทียบเฉพาะ คลื่น 1 / 3 / 5 เท่านั้น) โดนทั่วไปคลื่นที่
Extension มักยาวตั้งแต่ 161.8% ขึ้นไป อาจจะความยาวน้อยกว่านี้แต่พบได้น้อย คือ
A.1 Extension คลื่น 1 ยาวที่สุด อาจมีความยาวไม่ถึง 161.8% ของความยาวคลื่นที่ 3 แต่ความยาวคลื่นที่ 3 ต้องยาว
ไม่เกิน 61.8% ของคลื่นที่1 เพราะว่าคลื่นที่ 1 ต้องเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด
B.หากคลื่น 3 Extension แต่ความยาวไม่ถึง 161.8% ของคลื่นที่ 1 และ คลื่น 5 คลื่น 5 สั้นกว่าคลื่นที่ 3 ในกรณีนี้ อาจทำให้
เกิดรูปแบบ Terminal impulse
******หาก รูปแบบคลื่น ไม่เป็นไปตามกฏของ Extension rules นี่้แล้ว และไม่เข้าข้อยกเว้นทั้งสองขึ้นข้างต้น แสดงว่าไม่ใช้
Impulsion แต่เป็นรูปแบบ Correction Patterns ซึ่งพบได้ทั่วไปในปัจจุบันในทุกตราสาร
เผยไอเดียกำไรง่ายๆ สั้นๆ หวังผลไม่มาก กับ GULFเผยไอเดียกำไรง่ายๆ สั้นๆ หวังผลไม่มาก กับ GULF หุ้นพลังงานไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ช่วงนี้จะ Seidway 125.5-128.5 แน่นอนว่าคงมีโอกาสมากพอที่จะตกไปอีก และขึ้นมา127.5-128.5 อีกครั้ง ซึ่งใช้เวลาน้อยมากๆ และไม่เสื่ยงมาก จึงแนะนำว่าซื้อตอน 125.5 ในราคา BID และขาย128 ในราคา OFFER เป็นกำไรที่น้อยๆแต่สำหรับคนไม่เสื่ยงถือเป็นไอเดียที่ดี หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกคนนะครับ
BTC/USD Correction Pattern Flat?Standard Correction Pattern Flat ซึ่งรูปแบบนี้มีกฎพื้นฐานของรูปแบบนี้ดังนี้
-Wave-c ต้องยาวอย่างน้้อย 38.2% ของ wave -a
-Wave-b ต้อง Retrace Wave -a อย่างน้อย 61.8% ขึ้นไป
กฎทั้งสองข้อนี้เป็นกฎพื้นฐานของรูปแบบ Flat ที่ขาดไม่ได้ หากไม่เข้า กฎนี้ก็ไม่ใช่ Flat
Flat ที่เป็นประเภท Normal Flat / Weak -b / Strong -b พวกนี่เขาแยกแยะกัน ด้วย ความยาวของ wave-b
เทียบกับ wave -a ว่ายาวแค่ไหน
Normal Flat ความยาว wave-b จะยาว 81% -100 % ของ wave-a
ความสําคัญของรูปแบบ หรือความยาวของ Wave-b จะมีนัยยะสําคัญที่จะบอกเราว่าความแข็งแรงของตลาดเป็นอย่างไรในแนวโน้มหลัก อย่าลืมว่า correction นี้เป็นการปรับตัวเพื่อลดความ
ร้อนแรงราคาก่อนหน้าที่ผ่านมา ดังนั้น wave-b ของ Flat มันจะมีทิศทางไปทางเดียวกับ แนวโน้มหลัก ดังนั้นหากความยาวของ wave-b มากก็แสดงว่าตลาดยังมีแรงส่งไปในแนวโน้มหลัก
สูงอยู่ด้วย แต่เราต้องดูความยาวของ wave-c อีกที่ตามมาว่ายาวแค่ไหน หาก wave-c สั้น แสดงว่า หลังจบ wave-c แล้ว ราคาจะวิ่งไปแนวโน้มหลักอย่างรุนแรง
ฺ BTC/USD จะกลับไปสูงกว่าดอยเดิม ?จากที่ forecast ไว้วันที่7/กุมภา/2018 ว่าน่าจะเป็นรูปแบบ correction flat a-b-c
ตอนนี้คลื่น a ก็จบไปเป็นที่แน่นอนแล้ว เพราะเกิดการ completely retracement ตอนนี้คือคลื่น b แน่นอน
เราต้องไปดูกฏของคลื่น b ว่ามีอะไรบ้าง
Normal Flat / Weak -b / Strong -b พวกนี่เขาแยกแยะกัน ด้วยความยาวของ wave-b เทียบกับ wave-a ว่ายาวแค่ไหน
1. Normal Flat ความยาว wave-b จะยาว 81% -100 % ของ wave-a
2. Weak -b Flat จะยาว 61.8%-80%
3. Strong -b Flat จะยาวมากกว่า Wave-a ข้อนี้ยังแบ่งย่อยออกเป็นรูปแบบอื่นอีก
3.1.Irregular Flat - wave-b จะยาวกว่า wave-a และ wave-c จะยาวกว่า wave-b
3.2.Irregular Failure หาก wave-b ยาวกว่า Wave-a แต่ wave-c สั้นกว่า wave-b
ความสําคัญของรูปแบบ หรือความยาวของ Wave-b จะมีนัยยะสําคัญทจี่ะบอกเราว่า ความแข็งแรงของตลาดเป็นอย่างไรในแนวโน้มหลัก
อย่าลืมว่า correction นี้เป็นการปรับตัวเพื่อลดความ ร้อนแรงของการขึ้น ก่อนหน้าที่ผ่านมา ดังนั้น wave-b ของ Flat
มันจะมีทิศทางไปทางเดียวกับ แนวโน้มหลัก ดังนั้นหากความยาวของ wave-b มากก็แสดงว่าตลาดยังมีแรงส่งไปในแนวโน้มหลักสูง อยู่ด้วย
แต่เราต้องดูความยาวของ wave-c อีกททีตี่ามมาว่ายาวแค่ไหน หาก wave-c สั้น แสดงว่า หลังจบ wave-c แล้ว ตลาดจะวิ่งไป
แรงในแนวโน้มหลักเดิมด้วย
ส่วนจะเป็น impulse wave คลื่น 1 ปรับฐานในคลื่น 2 หรือไม่ ผมใส่ความคิดเห็นไว้ เมื่อวันที่ 19/พฤศจิกายน /2018
XAUUSD และ ทอง ระยะยาวขอเปลี่ยนมุมมอง Update จะราฟที่มองไว้ จากพฤจิกา ปีที่แล้ว
ที่มองไว้ว่าการลงเป็น impulse wave ตอนนี้ ที่มองไว้ว่าเป็นคลื่น 4
มันขึ้นมาสูงเกินกว่าที่จะเป้นคลื่น 4 ก็อาจจะเป็น แค่ A B C
ช่วงที่ขึ้นมาขอ label เป็น a b c ไว้ก่อน ยังไม่นับเป็น 1 2 3
เพราะยังไม่ผ่านกฏการ Extension
"หากคลื่น 3 Extension แต่ความยาวไม่ถึง 161.8% ของคลื่นที่ 1 และ คลื่น 5 คลื่น 5 สั้นกว่าคลื่นที่ 3"
รอผ่านกฏค่อยเปลี่ยน
SCB Mid-termภาพรวมระยะกลาง ราคายังคงปรับตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยล่าสุดมีการรีบาวน์จากบริเวณแนวรับของเส้น Bullish trendline support ที่ประมาณ 127.5 บาท ก่อนจะมีการ sideway เล็กน้อยเกิดเป็นกรอบสามเหลี่ยม
การกลับตัวขึ้นไป ราคาจะต้องเบรคแนวรับที่ 132 - 135.5 บาท ไปให้ได้ เพื่อที่จะได้มี Potential ในการกลับตัวขึ้นไป
หากไม่สามารถเบรคแนวต้านได้ ราคาอาจจะมีการย่อลงมาทดสอบแนวรับอีกครั้งที่ประมาณ 128 บาท
KTC Long-termราคาได้มีการปรับตัวขึ้นมาเหนือกรอบสามเหลี่ยมและมีการเบรคจุดสูงสุดก่อนหน้าของช่วงวันที่ 7 พ.ค. 61 โดยขึ้นมาทำ New High ไว้ที่ 41.25 บาท
โดยการปรับตัวหลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า มีสัดส่วนการพักตัวอยู่ที่ 78.6 Fib retracement ดังนั้น โอกาสที่จะกลับขึ้นไปต่อจะมีสัดส่วนการเคลื่อนที่อยู่ที่ประมาณ 61.8 - 161.8 Fib หรือที่ 45 - 56.25 บาท โดยประมาณ
หากมีการย่อตัวลงมาจะมีแนวรับอยู่ที่ 38.25 - 37 บาท โดยประมาณ
SPRC Long-termราคายังคงปรับตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยการปรับตัวลงหลังจากที่มีการรีบาวน์ในช่วง ต้นเดือน กรกฏาคม 61 ราคาได้ปรับตัวลงมาคิดเป็นสัดส่วนที่ 200 Fib ก่อนจะมีการรีบาวน์ขึ้นมาในสัดส่วนที่ 23.6 Fib retracement
ซึ่งสัดส่วนในการรีบาวน์ขึ้นมานั้นค่อนข้างน้อย จึงมีโอกาสเป็นเพียงการพักตัวเพื่อลงต่อ และนอกจากนี้ในช่วงการรีบาวน์ขึ้นมาราคาได้มีการฟอร์มตัวจนเกิดเป็นกรอบสามเหลี่ยมแบบ Ascending triangle ซึ่งเป็น reversal pattern บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัว
แต่ในช่วงปลายเดือน เมษายน 62 ราคาได้มีการเบรคลงมาต่ำกว่ากรอบสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้น จึงทำให้เคลียร์สัญญาณในการกลับตัวทิ้งไป
ในส่วนของ Indicator โมเมนตัมของ MACD และ RSI ยังคงอยู่ในฝั่ง Bearish
ดังนั้นจากภาพรวมทั้งหมด ราคายังคงมีโอกาสที่จะลงไปต่อได้อีกที่ 200 - 261.8 Fib หรือที่ 9.3 - 7.6 บาท
โดยการปรับตัวลงมาจะมีโซนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 9.3 - 9 บาท โดยประมาณ ต่ำกว่านี้จะมีแนวรับอีกแนวอยู่ที่ 8.3 บาท ซึ่งถ้าหลุดก็มีโอกาสลงไปที่ 261.8 Fib หรือที่ 7.6 บาท โดยประมาณ
SET Mid-termราคายังคงปรับตัวอยู่ในกรอบ Ascending Channel บ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้นไปต่อในแนวโน้มขาขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นมายังคงมีแนวต้านสำคัญที่เป็นอุปสรรของราคาอยู่ที่ 1,677 - 1,665 และแนวต้านที่เป็นเส้น Bearish trendline อยู่ที่ 1,700 โดยประมาณ
ซึ่งราคาจะต้องเบรคแนวต้านเหล่านี้ขึ้นไปให้ได้เพื่อที่จะทำให้มี Potential ในการปรับตัวขึ้นไปต่อในระยะยาว
แต่ถ้าไม่สามารถเบรคขึ้นไปได้ก็มีโอกาสปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับอีกครั้ง โดยจะมีแนวรับอยู่ที่ 1,640 - 1,612 ตามลำดับ
DXY Mid-termในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนตลาดปิด มีการประกาศตัวเลขของ ข่าว Non-Farm และ Unemployment Rate ซึ่งมีความขัดแย้งกันจึงทำให้ราคาค่อนข้างผันผวน
แต่ในเชิง TA แล้วราคายังคงอยู่บริเวณโซนแนวรับสำคัญที่ 97.71 - 97.40 ดังนั้นในสัปดาห์ยังคงมีลุ้นการ Throw back กลับขึ้นไปจากบริเวณแนวรับได้อีกครั้ง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือในส่วนของ MACD นั้นเกิด Bearish Divergence ซึ่งบ่งบอกถึงการสะสมความอ่อนแรงของราคาทำให้ ราคายังมีโอกาสที่จะลงไปต่ำกว่าแนวรับสำคัญได้อยู่
ดังนั้นจากภาพรวมทั้งหมดบ่งบอกได้ว่า ในสัปดาห์หน้ายังคงต้องระวังเรื่องความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ แต่แนวโน้มโดยรวมยังเป็นไปในทิศทางเชิงบวก
BNBUSDT Long - termหลังจากราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 25.18 ดอลลาร์ ในช่วงต้นปี 61 การปรับตัวลงมาจนถึงปลายปี 61 คิดเป็นสัดส่วน 112.8 Fib retracement ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมาที่ค่อนข้างลึก ดังนั้นการกลับตัวขึ้นมาอาจจะไปได้ไม่ไกลนัก
โดยสัดส่วนในการกลับขึ้นไปจะอยู่ในช่วง 61.8 - 161.8 Fib ซึ่งปัจจุบันราคาได้ปรับตัวขึ้นมาเกิน 61.8 Fib แล้ว โดยขึ้นมาทดสอบบริเวณโซนแนวต้านสำคัญซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่เคยทำไว้
ดังนั้นหากราคาสามารถเบรคแนวต้านสำคัญนี้ขึ้นไปได้ก็มีโอกาสที่จะไปต่อที่ 161.8 Fib หรือที่ประมาณ 38.19 ดอลลาร์ ก่อนจะมีการ Correction อีกครั้ง
แต่ถ้าไม่สามารถเบรคโซนแนวต้านสำคัญขึ้นไปได้ก็มีโอกาสที่จะกลับลงไปที่โซนแนวรับที่ 17 - 11 ดอลลาร์ โดยประมาณ
LTCUSD Mid-termราคายังคงถูกปฎิเสธอยู่บริเวณโซนแนวต้านที่ประมาณ 84.5 ดอลลาร์ ถึงแม้ว่าจะมีการเบรคแนวต้านที่เป็นเส้น Beraish trendline ขึ้นมาก็ตาม
การถูกปฏิเสธของราคาทำให้ราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปที่บริเวณแนวรับ ที่ประมาณ 70 - 60 ดอลลาร์
จากภาพรวมทั้งหมด หากราคายังไม่หลุดไปต่ำกว่าแนวรับที่สอง ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์ ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปได้ที่ 61.8 - 161.8 Fib
แต่อย่างไรก็ตามการกลับตัวขึ้นไปราคาจะต้องเบรคแนวต้านที่ 84.5 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านที่มีการปฏิเสธราคาอยู่ ณ ปัจจุบัน และจะต้องเบรคแนวต้านที่ 99.4 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดก่อนหน้า เพื่อที่จะไปต่อในแนวโน้มขาขึ้น