ไอเดียชุมชน
บทเรียนการเทรด ตลอด 6 ปีครึ่ง ของเทพคอยน์แวะมาอัพเดทพอร์ตกันบ้าง ตามสไตล์เทรดเดอร์ที่โปร่งใส ไม่หมกเม็ด ผมจะเล่าเป็นปีๆ ไปแล้วกันนะครับ เพื่อความง่ายและกระชับ ไม่งั้นเล่ายาวเกินคนขี้เกียจอ่าน
🟢2017
* เริ่มเข้ามาเทรดคริปโตช่วงกลางปี หลังจากรู้จักมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่
* เข้ามาเทรดก็ตามสไตล์เม่า ได้กำไรง่ายๆ จากเหรียญขยะจนคิดว่า “โอ้โห ถ้าทำได้ขนาดนี้ สักพักก็ได้มากกว่าเงินเดือนอีกนะเนี่ย!” ว่าแล้วก็เลยจัดหนัก มีเท่าไหร่ ใส่เต็มเหนี่ยว
* เจอตลาดพักฐานช่วงปลายๆ ปี ดอยเหรียญขยะ พอร์ตหายไปกว่า -50% ทำอะไรไม่ถูกตามสไตล์เม่า หากูรูลอกโพยเหรียญไปเรื่อย ลงคลาสไปเรื่อยใครอวดกำไรก็ตามไปหมด
* คัทเหรียญที่ดอยมาเข้าเหรียญขยะตามโพยกูรู ได้อานิสงค์ bull run ช่วงปลายปี 2017 จนพอร์ตกลับมาฟื้นเป็น “เท่าทุน”
🟢2018
* ปีแห่งการเผาจริง ช่วงต้นปีก็ยังเชื่อกูรูว่าตลาดจะไปต่อ ก็ไปดอยเหรียญเต็มไปหมด ตอนนั้นใช้บอทของ อจ. ท่านหนึ่งด้วย ก็พาดอยเหรียญขยะยับๆ
* พอสักมีนาเริ่มเห็นท่าไม่ดี พอร์ตเริ่มกลับมาลบหนักเหมือนเดิม ก็เลย ตัดใจคัทเหรียญในบอททิ้งทั้งหมด แล้วมาเทรดมือแทน แต่ยิ่งเทรดก็ยิ่งเจ๊ง ยิ่งเทรดยิ่งจน
* เริ่มเขียนกลยุทธ ลองกลยุทธเทรดสั้นไปเรื่อย เอาไปใช้กับบอท ผล backtest โคตรดี เทรดจริงยับๆ
* ช่วงตลาดนิ่งๆ ช่วงปลายปี 2018 เริ่มทำกำไรยาก เลยใช้ leverage 20x กับเอาเงินใส่ไปเยอะ เพราะไปเชื่อวาทกรรมว่า ทุนขุด 6k ไม่ลงต่ำไปกว่านี้ และถ้า break สามเหลี่ยมนี้ก็จะขึ้นยาว
* แต่อนิจจา กลายเป็นว่ามัน break ลงแทน สรุปวันเดียวขาดทุนไปกว่า -80% จากที่เจ๊งๆ อยู่แล้วก็เจ๊งหนักกว่าเดิม เครียดมาก
* ปิดปีแบบอนาถ ได้ๆ สักพักก็คืนกำไร เทรดมั่วไปหมด แต่ก็ถือว่าเป็นปีที่ได้บทเรียนอะไรมาเยอะมากๆ
🟢2019
* เริ่มปีมาด้วยความเศร้าจากปีที่แล้ว มีแต่กูรูทำนายกันว่า BTC จะลงไป 1000$ บ้าง 800$ บ้าง 2000$ บ้าง แช่งกันไปดิ ( ตอนนั้น BTC แกว่งๆ อยู่ราวๆ 3200$-3800$
* เริ่มซึมซับความรู้ในการเทรดตามระบบ trend following จากปู่ Peter Brandt ที่ อจ.ที่เขียนบอทได้มอบหมายให้ผมแปลบทความลงห้อง VIP ให้ บอกเลยว่านี่คือจุดเปลี่ยนมุมมองของผมในการเทรดไปเลย
* เริ่มดูเทรนออก และทันขึ้นรถตอนกราฟ week เป็นขาขึ้นช่วง BTC ทะลุ 4500 มาได้
* เนื่องจากยังรีบอยากรวยเร็ว ทำให้ตอนนั้นไปใช้ leverage 5x แบบ all-in ทำให้แค่สองเดือน ที่ BTC ขึ้นจาก 5,000$ ไป 14,000$ พอร์ตโตขึ้นมาถึง +160%
* แต่ กำไรที่ได้มาจากโชค ไม่ใช่ความรู้ เราก็จะต้องคืนกลับไปให้ตลาดอยู่ดี… สุดท้ายช่วงที่ BTC ออกข้างไปเรื่อยๆ ในช่วงกลางปี 2019 ก็เริ่มคืนกำไรไปเรื่อยๆ
* พอเทรดเองไม่ได้กำไร ก็ไปเริ่มซนหาเครื่องมือมาช่วย ตอนนั้นเห็น อจ.ท่านหนึ่งแนะนำ scavenger bot เป็นบอทเทรดสองหน้าแบบสะสม position ไปทุกๆ 1 นาที แล้วจะสร้าง order ไปเรื่อยๆ เพื่อจะกิน maker fee ที่ Bitmex ช่วงแรกๆ ก็ได้กำไรคำเล็กๆ จากค่า fee มาเรื่อยๆ เพราะกราฟมันยังนิ่งๆ สะบัดแคบๆ
* พอกราฟหลุด 10k ลงมา 7k เท่านั้นแหละจ้า ความชิบหายบังเกิด ขาดทุนยับ เพราะบอทแม่งสะสม position ใหญ่มากๆ จนโดนลากแบบอย่างโหด ส่วนคำแนะนำของ อจ.ก็คือ ให้เติมสู้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็กลับมา ( อจ. เขาบอกให้เตรียม BTC เผื่อไว้สัก 2-3 BTC สำหรับหน้าที่โดนลาก เพื่อเติมไปสู้ )
* สุดท้ายก็ไม่ยอมเชื่อ และไม่เติม และคัทหนีออกมาก่อน ซึ่งก็คิดถูกแล้ว เพราะถ้าไม่คัทคงบ้าตายไปซะก่อน
* ยัง ยังไม่พอ ไปเชื่อเพื่อนที่ได้บอท martingale forex มาอีก ทรงเดียวกันกับบอทก่อนหน้าเด๊ะ แต่คิดว่า “มันคงลองมาแล้ว น่าจะเชื่อถือได้” ก็เลยโอนเงินไปลองใช้ดู .. สรุปก็โดนลากเหมือนกัน เจ๊งเหมือนกัน เด๊ะ แต่ดีหน่อยที่ไหวตัวทันก็เลยรีบคัทหนีออกมาก่อน แต่ก็เจ็บหนักอยู่ดี
* สรุปแล้ว ปีนี้ ที่ได้กำไรมาเยอะช่วงกลางปี แต่พอคิดว่า “กำไรมันอยู่เฉยๆ ก็เสียดาย เราต้องเอาไปต่อยอดสิ” แล้วก็ไปใช้บอทบ้าๆ บอๆ สุดท้ายก็เจ๊ง ก็เลยได้บทเรียนว่า “ไอ้สัส มึงได้กำไรมึงก็นั่งเฉยๆ ก็พอแล้ว” สรุปปีนั้นก็เลยขาดทุนยับๆ อยู่ดี ….. แต่ก็ได้บทเรียนที่ล้ำค่ามาเหมือนกัน
🟢2020
* หลังจากไปเรียนรู้แบบจุกจริงเจ็บจริงมาสองปี จนแทบเป็นบ้าแต่ก็ยังไม่เป็น ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่เอาบทเรียนจากสองปีก่อนหน้ามาสร้าง “สิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะถ้าทำแล้วจะเสียตัง” เต็มไปหมด
* ตอนนั้นก็เลิกเทรดสั้นทั้งหมด เน้น TF Daily และทดลองระบบ Trend Following และนำมาใช้ แต่ดันไป over use มันเกิน เอามาใส่ในกราฟ 12 ระบบ ต้องรอมัน confirm 8 ระบบถึงจะเริ่มซื้อ กว่าจะได้ซื้อกราฟก็ไปหวันแล้ว
* แต่ข้อดี มันก็ยังมี เพราะหลังจากนั้น BTC เองก็เริ่มออกข้างซึมๆ ในช่วง Feb ก่อน covid dump จะมา ทำให้ทุกระบบมีสัญญาณ “ขาย” ออกทั้งหมด เพราะเราก็เชื่อระบบก็ขาย+ลดความเสี่ยงทั้งหมด ทำให้ตอน covid ก็รอดตายมาได้แบบสบายๆ
* ช่วงนั้นกูรูก็ออกมาฟันธงกันไปต่างๆ นาๆ ว่า ลงไม่ลึกหรอก ลงแค่ 8000 เดี๋ยวก็เด้งขึ้นเวฟ 1-2 หญ่ายยยย ขึ้นสู้งงงงงง หลายๆ คนไปเชื่อก็ไปซัดจัดหนักจัดเต็มกันแถวๆ โซน 8000 สุดท้ายมันก็รูดคืนเดียวลงไปถึง 3000 ใช้ leverage น้อยที่สุดก็ยังพอร์ตแตก … แต่ผมรอด + ได้กำไรมาด้วย เพราะซื้อ put option ทิ้งเอาไว้ 555
* หลังจากนั้น ก็เชื่อในระบบมาตลอด แต่ก็ปรับ fine tune มันอีกรอบ เพราะว่า ตอนที่ใช้ 8 ระบบ confirm มันช้าไป ก็ปรับเหลือแค่ 4 ระบบ และแยกไม้กันเข้าไปแทน ไม่รอเข้าพร้อมกันหมด และก็ใช้ 4 ระบบที่ว่า มาจนถึง ปัจจุบันนี้
* ความตลกร้ายของตลาดก็คือ ช่วงปลายปี 2020 กูรูก็ออกมาฟันธงกันเต็มไปหมดว่า ปี 2021 ตลาดจะพัง เกิดวิกฤตเหมือนตอน subprime ตลาดลงยับๆ หลายๆ คนก็ไม่กล้าซื้อกัน แต่ตอนนั้นระบบที่ผมใช้ มันก็เขียวแล้วไง ผมก็ไม่สนคำทำนายกูรู เราก็เข้าตามระบบไป.. ทำให้พอจบปี ก็ปิดบวกมาได้แบบชิวๆ
🟢2021
* ปีนี้แม้แต่ลิงก็ยังเป็นเซียนได้ สำหรับผม กำไรแค่นี้มันก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับพวกที่ไปเล่น DeFi, GameFi, NFT จนเปลี่ยนเงิน หกหลัก เป็น แปดหลัก แล้วก็โม้กันจนเต็มเฟส, youtube และ tiktok
* แต่ก็นั่นแหละ งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา ผมที่ผ่านตลาดนรกช่วงปี 2018+2019 มาแล้ว ก็ได้บทเรียนชั้นดีมาว่า “ถ้าระบบบอกให้เราขาย เราก็ต้องขาย มาถือเงินสด จบนะ”
* ทำให้ช่วงตลาดลงจาก 65k มา 30k ตอนกลางปี… ผมก็รอดมาได้ และตอนตลาดเริ่มเสียทรงขาขึ้นตอนปลายปี … ผมก็รอดมาได้อีกอยู่ดี ทำให้สิ้นปี ปิดจ๊อบไปได้แบบเกินคาดอย่างมาก
* ปีนี้ผมโดนแขวน+ทัวร์ลงหนักมาก เพราะไปเตือนลงเพจเกี่ยวกับ DeFi ทำให้หลายๆ คนไม่พอใจ แล้วแคปไปด่ากันอย่างสนุกสนานในกลุ่มแชท ทำให้ผมได้บทเรียนมาเช่นเดียวกันว่า เออ ช่างแม่งเหอะ ใครจะทำไรก็ปล่อยมันทำไป เจ๊งก็เรื่องของมัน เพราะเงินมัน ไม่ใช่เงินเรา เราก็เตือนครั้งเดียวพอ สุดท้ายพอ GameFi, NFT มา ผมก็เลยขี้เกียจจะไปเตือนไรมาก … สุดท้าย ทุกตัว มันก็เจ๊งตามที่ผมได้เคยเตือนๆ ไว้
🟢2022
* ปีนี้เป็นปีที่โหดสัสสำหรับทุกตลาด เพราะคริปโตก็ลง หุ้นเมกาก็ลง หุ้นจีนก็ลง หุ้นไทยก็ลง หุ้นเวียดนามก็ลง คือลงกันหมด แต่มีอย่างเดียวที่ขึ้น คือ “USDTHB”
* ช่วงนั้นผมก็มีการแบ่งเงินบางส่วนไปเทรด USDT/THB ที่ bitkub โดยใช้หลักการ trend following ตามที่ผมใช้ๆ มาอยู่นี่แหละ สุดท้ายก็เลยพอทำกำไรมาช่วยจุนเจือพอร์ตคริปโต ที่พอร์ตนั้นปิดปีขาดทุนไปประมาณ -6% เพราะเข้าตามระบบ แล้วโดนสับขาหลอกตลอด
* มีจังหวะรอดตายหวุดหวิดคือ คืนที่ FTX เปิดวอร์กับ CZ ผมเห็นทรงแล้วดูไม่ดีเลยรีบโอนเงินออก รออยู่สองชั่วโมงกว่าจะได้เงินคืน ตอนรอนี่เหงื่อออกตูด เป็นสองชั่วโมงที่นานมากๆ ในชีวิต เพราะตอนนั้นเอาเงินไปฝากกินดอกที่ FTX แทบจะทั้งหมดของพอร์ตเลยก็ว่าได้ ถ้าช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว ก็คงหมดตัว ไม่ได้มาโม้ตามโพสนี้ 5555
* อีกช๊อตที่รอดตายคือ ตอนแรกก็เอาเงินไป lock ไว้ที่ zipmex แล้วพอเริ่มเห็นว่า rate มันไม่ดี พอ unlock ได้ก็ถอนออกมาหมด ทำให้ไม่มีเงินใน zipmex เลยก่อนที่มันจะล้ม ซึ่ง.. จริงๆ ก่อนหน้านั้นเคยวางแผนว่าจะเอาไปฝากไว้ที่นั่นยาวๆ เพราะ “เป็น exchange ที่ กลต. รับรอง” .. สุดท้าย ก็เป็นอย่างที่เห็น
* เกร็ดความรู้ : ปีนี้ พวกที่เปลี่ยนเงินหกหลักเป็นแปดหลัก สุดท้ายก็กลับมาเหลือหกหลักเหมือนเดิม บางคนก็กลายเป็นศูนย์ เพราะหมดไปกับ FTX, Zipmex, Anchor ฯลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนอันเจ็บปวดของหลายๆ คน… ก็เรียนรู้กันไปครับ เหมือนที่ผมเคยเจอมาก่อนตอนช่วง 2018-2019 เจอก่อนเจ็บก่อนรอดก่อน
🟢2023
* ปีนี้ สำหรับคริปโต เปิดปีมาก็ซิ่งเลย เพราะ BTC ขึ้นจาก 15k ไป 30k ช่วงต้นปี ผมเองที่ทำตามระบบ ก็แน่นอน ได้ขึ้นรถเก็บกำไรอิ่มๆ กันไป
* แต่หลายๆ คน ที่ พยายามจะลองทำตามระบบ แล้วเจอสับขาหลอกรัวๆ ตอนปี 2022 ก็ออกมาถ่มถุยระบบที่ผมใช้ว่า “เฮอะ เดี๋ยวก็หลอกเหมือนทุกทีน่ะแหล๊ะ” สุดท้าย ก็ไม่ได้เข้า ตอนระบบบอกให้ซื้อ แล้วก็ได้แต่ตกรถ กันไปแบบเซ็งๆ
* ส่วนกลางปี พอ BTC พักตัว ผมก็ทำตามระบบไปโง่ๆ เหมือนเช่นเดิม แต่พอร์ตก็นิ่งและไม่ไปไหนอยู่หลายเดือนมากๆ แถมหดด้วย เพราะเจอ false sig ไปบ่อย จนคนที่มาลองทำตามระบบหลังจากเห็นผมอวดกำไรช่วงต้นปี ออกมาถ่มถุยว่า ระบบแม่งโคตรกาก มีแต่สัญญาณหลอก
* พอปลายปี ระบบเขียวอีกรอบ หลายๆ คนก็ยังออกมาถ่มถุยเหมือนเดิมว่า “เฮอะ เดี๋ยวก็หลอกเหมือนทุกทีน่ะแหล๊ะ” สุดท้าย มันก็ไปจริง หลายๆ คนก็ตกรถกันเป็นแถบ เรื่องนี้มันก็ให้บทเรียนกับผมได้เหมือนกันว่า ถ้าเราเชื่อมั่นในระบบ ก็ทำต่อไปเถอะ ยิ่งจังหวะตอนที่เราไม่อยากจะเข้า เพราะมันสับขาหลอกบ่อยๆ … ยิ่งต้องกล้าเข้า เพราะ ถ้ามันไปต่อ แล้วเราไม่เข้า เราจะเซ็งยิ่งกว่าเยอะ
* หลายๆ คนอาจจะงงว่า เอ๊ะ แอด BTC ขึ้นมาตั้ง 160% ทำไมแอดได้กำไรแค่ 20% เองอ่ะ น้อยจัง ที่มันน้อยเพราะยอดนี้มันคือพอร์ตรวมของสองพอร์ต นั่นคือ พอร์ตหุ้นเมกา ด้วยครับ ซึ่งกำไรที่ผมได้จริงๆ จากการทำตามระบบก็คือ ประมาณ 35% ที่ความเสี่ยง 4% โดย Benchmark ของการทำตามระบบแบบเป๊ะๆ ที่ผมทำเป็น paper trade ไว้ อยู่ที่ 56% ครับ ที่ความเสี่ยง 4%
* สำหรับผม ถ้ามอง Risk:Reward กำไร 35% ที่ความเสี่ยง 4% ก็ตกอยู่ที่ 8.75RR ซึ่งผมก็ happy กับผลการเทรดมากๆ แล้วนะ
* ส่วนพอร์ตหุ้นเมกา ยอมรับว่า มั่ว และป๊อด ไปช่วงนึง ทำให้แทนที่จะได้กำไรสัก 30% แต่ก็ได้มาจริงแค่ 5% เพราะไปเข้าๆ ออกๆ และเจอค่าเงิน USDTHB อ่อนหนักนั่นเองครับ
🟢สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตลอด 6 ปี ครึ่ง
* ยิ่งอยากได้กำไรเร็ว ยิ่งเจ๊ง อันนี้โคตรจริง เพราะพอเราอยากรีบทำกำไร เราจะเลิกคิดถึงความเสี่ยง และไอ้ความเสี่ยงนี่แหละมันจะทำให้พอร์ตพังยับ ถ้าตลาดไม่เป็นอย่างที่เราคิด
* ช่างแม่งเยอะๆ ใครบ่นอะไรไม่เข้าหูก็บล๊อกแม่งให้หมด เพราะ 100 คน 100 ความเห็น อะไรที่มันทำให้ใจเราขุ่นมัวก็ปิดการรับรู้มันไปซะ
* นึกถึงความเสี่ยงให้รอบด้าน ก่อนลงทุนทำอะไรเสมอ ถ้ามันดูแล้วคุ้มต่อความเสี่ยงก็ทำไปเลย อย่ากลัวเกินจนไม่กล้าทำอะไรเลย
* กูรูคนไหนชอบทำนายอนาคต อย่าไปให้ราคาเยอะ ฟังขำๆ พอ เพราะผมอยู่มา 6 ปี ครึ่ง กูรูนักทำนายพวกนี้ทำนายผิดกันไปไม่รู้กี่รอบ สักพักก็ออกมาทำนายใหม่คนก็มาชาบูกันต่อ
* ตลาดเป็น cycle เสมอ ตอนตลาดดีๆ กูรูเต็มตลาด กาวหึ่ง ก็ต้องระวังตัวอย่าไป FOMO มาก เพราะโอกาสจบรอบมีตลอดเวลา รวมถึง ตอนตลาดแย่ๆ ข่าวแย่เต็มไปหมด กูรูแช่งเต็มสื่อ ก็ต้องอย่าไปกลัวมาก มีระบบมาคุมอีกที กราฟบอกให้ซื้อก็ต้องเข้าซื้อ เพราะฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ
* และอื่นๆ อีกมากมาย ลองไปไล่อ่านโพสเก่าๆ ของผมได้ครับ
มุมมองทองคำ 29/12/23TF Day มองว่าทำกำลังทำ w3 of C โดยมีเป้าที่อาจไปถึง 1829.68 แผนคือมอง sell เป็นหลักเมื่อถึงโซนแล้วค่อยหาดูว่าจุดกลับตัวอยู่ตรงไหนส่วนคนที่มีของแล้วก็รันเทรดยาวๆไปได้และสามารถหาจุดเข้าออกตามระบบเทรดของตัวเองได้เช่นกัน
**การลงทุนมีความเสี่ยงนี่เป็นเพียงกรณีศึกษาไม่ได้แนะนำหรือเชิญชวนใดๆทั้งสิ้นผู้ที่สนใจควรศึกษาและตัดสินใจด้วยตัวเอง ขอให้ทุกคนโชคดีครับ***
การเทรดที่ดี ต้องมีกลยุทธ์ การจะเป็น Trader ที่ประสบความสำเร็จได้ จำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์การเทรด จัดการซื้อขายให้เป็นระบบ เพื่อการทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่เราต้องชัดเจนคือ กลยุทธ์ของเราคืออะไร สินทรัพย์ที่ต้องการเทรด กรอบระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถยอมรับได้ สิ่งที่นักลงทุนควรมี ได้แก่
1 ความสม่ำเสมอ: การมี Action Plan ของตัวเอง ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการรักษากลยุทธ์เทรด ในขณะเดียวกัน ก็ลดอารมณ์ในการตัดสินใจของคุณให้เหลือน้อยที่สุด ความสม่ำเสมอ ดังกล่าวมักจะให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้มากกว่าและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมเมื่อเวลาผ่านไป
2 ความมั่นใจ: เมื่อตัวเองมี Playbook แล้ว คุณสามารถซื้อขายด้วยความมั่นใจในตนเองที่เพิ่มขึ้น โดยรู้ว่า คุณกำลังทำการกลยุทธ์ ที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว ความมั่นใจนี้ จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ช่วยให้คุณมีสมาธิและตัดสินใจได้ดี
3 ความสามารถในการปรับตัว: เมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การมี Playbook ไว้ใช้งานจะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยน และปรับกลยุทธ์ได้ตามต้องการ ความสามารถในการปรับตัวนี้ เป็นปัจจัยสำคัญในการไปสู่ความสำเร็จได้
องค์ประกอบ 3 ประการของกลยุทธ์การเทรด
1. Pattern หรือ รูปแบบ : Pattern ของกราฟจะเป็นตัวกำหนดว่า จุดไหนเป็นจุดเข้าซื้อ จุดไหนเป็นจุดขาย โดยอาศัยการวิเคราะห์จากบริบท และรูปแบบกราฟ นำไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึก
2. บริบท : ต้องทำเข้าใจบริบท สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่อย่างถ่องแท้ เนื่องจากมีความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของกลยุทธ์การเทรดของคุณ เทรดเดอร์หลายคนเชื่อผิดว่า กลยุทธ์การซื้อขาย เป็นเพียงการระบุ
3. รูปแบบ หรือสิ่งกระตุ้นควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงขั้นพื้นฐาน
การบริหารความเสี่ยง: การจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดี เป็นสาเหตุสำคัญของความล้มเหลวของเทรดเดอร์ มักเป็นผลมาจากการการขาดความเข้าใจ โดยแผนการจัดการความเสี่ยงของคุณไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเกินไป แต่ต้องมีความชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างขยันขันแข็ง ด้วยการปฏิบัติตามกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง คุณสามารถหลีกเลี่ยงหลุมพรางได้
สำหรับการซื้อขายรายวัน เราขอแนะนำดังต่อไปนี้
* ความเสี่ยงสูงสุด 1% ต่อการซื้อขาย
* ความเสี่ยงสูงสุด 2% ต่อวัน
* ความเสี่ยงสูงสุด 6% ต่อสัปดาห์
* ความเสี่ยงสูงสุด 10% ต่อเดือน
6 ขั้นตอนสำคัญในการสร้างและปรับแต่งกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ:
1. กำหนด Trading Style : ไม่ว่าคุณจะเป็น Day Trade , Swing Trade หรือนักลงทุนระยะยาว ต้องเลือกกลยุทธ์ กรอบเวลา และเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ระบุอัตราการชนะที่คุณต้องการ (เช่น 50%+) อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (เช่น 2R ขั้นต่ำ) และ Trading Style เช่น การเทรดแบบ Scalping การซื้อขายตามตำแหน่ง หรือ Swing Trade
2. หาข้อมูลวิจัย และเลือก Strategy: ศึกษากลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย และเลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับ Trading Style ของเรา การยอมรับความเสี่ยง และเป้าหมายทางการเงิน
3. กำหนดเกณฑ์การเข้าและออก: สำหรับแต่ละกลยุทธ์ที่เลือก ให้กำหนดการเข้าและออกที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมาย การหยุดการขาดทุนและกำไรของคุณเพื่อให้แน่ใจว่า คุณดำเนินการซื้อขายได้อย่างถูกต้อง และจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องจัดทำแผนการเทรดที่กำหนดไว้อย่างดี ตัวอย่างเช่น ตัดสินใจจุดคุ้มทุน เมื่อถึงอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:1 เปิดการซื้อขาย โดยเฉพาะด้วยอัตราส่วน 1:2 หรือปิด 50% ของตำแหน่งของคุณที่ 1:1 และส่วนที่เหลือ 50% ที่ 1:3
4. สร้างกฎการบริหารความเสี่ยง: ใช้กฎการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ รวมถึงการตั้งค่าเปอร์เซ็นต์สูงสุดของยอดคงเหลือในบัญชีของคุณต่อความเสี่ยงต่อการเทรด หรือใช้ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดขนาดตำแหน่งเพื่อควบคุมความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ
5. ทดสอบ Strategy : ก่อนที่จะลงทุนจริง ให้ทดสอบ Strategy ของคุณ โดยใช้ข้อมูลตลาดในอดีต หรือบัญชีทดลอง ขั้นตอนการทดสอบนี้ ช่วยให้คุณปรับ Strategy และสร้างความมั่นใจในแนวทางของคุณได้ หากคุณไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร ในบัญชีทดลอง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเสี่ยงด้วยเงินจริง จนกว่าคุณทักษะของคุณจะเก่งขึ้น
6. วิเคราะห์การซื้อขาย : จัดทำบันทึกเทรด ทั้งกลยุทธ์ที่ใช้ จุดเข้าและออก และสภาวะตลาด ในแต่ละครั้ง ตรวจสอบผลการซื้อขายของคุณเป็นประจำ เพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และปรับแผนการเทรดคุณให้เหมาะสม
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ประเภทของกราฟใน TradingView และวิธีการอ่านสำหรับมือใหม่กราฟแสดงผลราคาในแต่ละรูปแบบมีการแสดงผลที่แตกต่างกัน และมีผลต่อการวิเคราะห์รูปแบบที่หลากหลาย สำหรับกราฟชนิดต่างๆ ในแพลตฟอร์ม TradingView ประกอบไปด้วย
กราฟแสดงผลทั่วไป
• Bars
กราฟแท่ง หรือที่นิยมเรียกว่า OHLC (Open, High, Low, Close) มีการแสดงข้อมูลมากกว่ากราฟเส้น แต่ละแท่งแทนราคาเปิด สูงสุด ต่ำสุด และปิดในระยะเวลาที่ระบุ
• Candles
กราฟแท่งเทียนแสดงผลคล้ายกับกราฟแท่ง แต่ใช้ "แท่งเทียน" เพื่อแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุด สีและรูปร่างของแท่งเทียน (เขียวและแดง) จะช่วยให้เรามองเห็นอารมณ์ของตลาดได้ง่ายมากขึ้น
• Hollow Candles
แสดงผลคล้ายกับกราฟแท่งเทียน แต่มีความแตกต่างในส่วนของสีภายในแท่งเทียน คือ มีทั้งสีทึบและสีโปร่ง ช่วยให้สามารถแสดงข้อมูล 2 มิติทั้งในกระทิง และหมีได้ โดยสีโปร่งบ่งบอกถึง ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันสูงกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบัน และสีทึบบ่งบอกถึง ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบัน ขณะสีเขียวและแดงถูกกำหนดโดยการเปรียบเทียบของราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันกับราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า
• Line
กราฟเส้นแสดงผลโดยการเชื่อมต่อราคาปิดในระยะเวลาที่ระบุ เป็นกราฟที่เรียบง่ายและดูสะอาดตา เหมาะสำหรับการระบุแนวโน้มราคาทั่วไป
• Line with markers
กราฟเส้นพร้อมแสดงเครื่องหมายแสดงผลเช่นเดียวกับกราฟเส้น แต่มีการเพิ่มจุดข้อมูลสำคัญเข้ามา โดยกราฟประเภทนี้มักถูกใช้เพื่อแสดงผลข้อมูลทางเศรษฐกิจ
• Step line
กราฟแสดงการเคลื่อนไหวของราคาด้วยรูปแบบขั้น โดยปกติแล้วจะแสดงขั้นด้วยราคาปิด แต่สามารถแก้ไขได้ผ่านการตั้งค่า กราฟนี้ถูกนำมาใช้เพื่อหลีกหลี่ยมกราฟแสดงผลมุมมแหลม เพื่อให้เห็นระดับราคาได้ชัดเจนขึ้น มักนิยมใช้กับเครื่องมือวาดเส้นตรง เช่น Vertical Ray หรือ Fib Retracement
• Area
กราฟพื้นที่แสดงผลคล้ายกับกราฟเส้น แต่พื้นที่ที่อยู่ข้างใต้เส้นจะถูกเติมสี และเน้นการเคลื่อนไหวของราคา
• HLC Area
กราฟที่สามารถแสดงผล 3 ค่า ได้แก่ ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิด เพื่อทำให้เกิดการมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลสำคัญที่สุด โดยไม่สนใจราคาเปิดที่มีนัยสำคัญน้อยกว่าในเชิงการวิเคราะห์ ขณะที่ความกว้างของพื้นที่ระหว่างเส้นสีเขียวและแดงก็บ่งบอกถึงช่วงการแกว่งตัวของราคา
• Baseline
กราฟเส้นที่แสดงอัตราการเปลี่ยนของราคาอ้างอิงจากฐานราคาที่กำหนด มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ความผันผวนของราคา
• Columns
แสดงผลเป็นกราฟแท่ง โดยใช้ราคาปิดเป็นค่าเริ่มต้น (default) แต่สามารถตั้งค่าเป็นค่าอื่นๆ ได้ รวมถึงการปรับสีแท่ง โดยค่าเริ่มต้นเดิม สีเขียวแสดงราคาเปิดน้อยกว่าราคาปิด และสีแดงแสดงราคาปิดน้อยกว่าราคาเปิด
• High-low
กราฟแสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดบนรูปแบบกราฟแท่งในระยะเวลาที่กำหนด
กราฟแสดงผลที่อ้างอิงเพียงราคาเท่านั้น
• Heiken-Ashi
เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียน แต่มีการใช้สูตรคำนวณเพื่อสร้างแท่งเทียนแต่ละแท่งออกมา กราฟรูปแบบนี้มีประโยชน์ในการระบุแนวโน้มของตลาดและลดความผันผวนของราคา
• Renko
กราฟนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ แสดงผลเป็นแท่งเทียนในลักษณะอิฐบล็อกที่ต่อกัน แต่ละแท่งอิฐเน้นการเปลี่ยนแปลงของราคาและมีการกรองการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สำคัญออกไป โดยแท่งอิฐนั้นจะมีทั้งสีแดงและสีเขียวซึ่งเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ ตามค่าของแท่งอิฐก่อนหน้า ซึ่งการเคลื่อนที่ในแต่ละทิศทางจะเป็นสัญญาณเตือนที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจว่าแนวโน้มหรือเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการระบุจังหวะในการเข้าเทรด
• Line break
กราฟแสดงข้อมูลแบบแท่งอิฐ สิ่งสำคัญของกราฟประเภทนี้ คือ การตั้งค่าแท่งอิฐ (ราคาปิดปัจจุบันเทียบราคาปิดวันที่ตั้งค่า) เช่น โดยทั่วไปนิยมตั้งค่าไว้ที่ 3 วัน หมายถึง ราคาปิดปัจจุบันเทียบกับราคาปิดในช่วง 2 แท่งอิฐก่อนหน้า โดยแท่งสีเขียวหมายถึงราคาปรับตัวขึ้น แท่งสีแดงหมายถึงราคาปรับตัวลง และจะไม่เกิดแท่งอิฐใหม่หากราคาปิดปัจจุบันเท่ากับราคาปิดของงวดเวลาก่อนหน้าที่ตั้งค่าไว้
• Kagi
กราฟที่แสดงผลด้วยแท่งตัว L ที่พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านเวลา หลักการของ Kagi ค่อนข้างเรียบง่าย สีเขียวแสดงทิศทางหุ้นขึ้น และสีแดงแสดงทิศทางหุ้นลง หากมีแรงซื้อมากพอจนราคาปิดสูงกว่าราคาปิดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า กราฟจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว ในทางกลับกันหากมีแรงขายมากพอจราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดต่ำสุดในช่วงก่อนหน้า กราฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง
• Point & Figure
เรียกย่อๆ ว่ากราฟ PnF กราฟรูปแบบนี้ไม่สนใจเวลาและเน้นเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคา โดยใช้คอลัมน์ของ X (แสดงราคาปรับตัวขึ้น) และ O (แสดงราคาปรับตัวลง) เพื่อแทนการเคลื่อนไหวราคาที่ถูกกรองแล้ว
• Range
กราฟช่วงเป็นกราฟที่แสดงผลในรูปแบบแท่ง โดยบาร์ราคาเปิดบันทึกไว้ในแท่ง ในระหว่างนั้นขนาดของแท่งกราฟจะเคลื่อนที่ออกไปจากราคาเปิดเป็นไปได้ทั้งขึ้นและลง ความแตกต่างระหว่างค่าของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแท่งจะถูกพิจารณาเป็นการเคลื่อนไหวของราคา และเมื่อใดก็ตามราคาเคลื่อนที่เกินไปจากที่ระยะ สูง-ต่ำ ถึงที่กำหนด (Interval) ไว้ ก็จะเกิดแท่งกราฟใหม่ขึ้นมา
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
GBPUSD Day เรียนรู้ แท่งเทียนตัวN netflixGBPUSD Day เรียนรู้ แท่งเทียนตัวN netflix
แท่งเทียน สไตล์น้า ใหญ่ยาว เล็กสั้น เล็กสั้น เล็กสั้น ต่อไปมักจะใหญ่ยาว
เพื่อนำไปเทรดในระบบsmc
ไม่ว่าตลาดจะเลือกทางไหน
ขอให้ทำตามแผนที่วางไว้ และมีวินัย สามารถได้กำไรทุกคนครับ.
ไม่ดื้อ ไม่โลภ ไม่กลัว
เสี่ยงเท่าที่คุณจะสูญเสียมันได้
นิ่งให้พอ รอให้เป็น เย็นให้ได้
เล็กน้อยxสม่ำเสมอ = มหาศาล
ท่านใดเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดติดตาม และShare ให้ด้วยนะ
น้าอ่านทุกคอมเม้นท์และเปิดรับทุกความคิดเห็น
eurusd Day เรียนรู้ คอนเฟิร์มสวิง เทรด EP3eurusd Day เรียนรู้ คอนเฟิร์มสวิง เทรด
นับดาว นับดอย
เพื่อนำไปเทรดในระบบsmc
ไม่ว่าตลาดจะเลือกทางไหน
ขอให้ทำตามแผนที่วางไว้ และมีวินัย สามารถได้กำไรทุกคนครับ.
ไม่ดื้อ ไม่โลภ ไม่กลัว
เสี่ยงเท่าที่คุณจะสูญเสียมันได้
นิ่งให้พอ รอให้เป็น เย็นให้ได้
เล็กน้อยxสม่ำเสมอ = มหาศาล
ท่านใดเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดติดตาม และShare ให้ด้วยนะ
น้าอ่านทุกคอมเม้นท์และเปิดรับทุกความคิดเห็น
GBPJPY 4H เรียนรู้นับดาว นับดอย นับคลื่น EP2GBPJPY 4H เรียนรู้นับดาว นับคลื่น
เพื่อนำไปเทรดในระบบsmc
ไม่ว่าตลาดจะเลือกทางไหน
ขอให้ทำตามแผนที่วางไว้ และมีวินัย สามารถได้กำไรทุกคนครับ.
ไม่ดื้อ ไม่โลภ ไม่กลัว
เสี่ยงเท่าที่คุณจะสูญเสียมันได้
นิ่งให้พอ รอให้เป็น เย็นให้ได้
เล็กน้อยxสม่ำเสมอ = มหาศาล
ท่านใดเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดติดตาม และShare ให้ด้วยนะ
น้าอ่านทุกคอมเม้นท์และเปิดรับทุกความคิดเห็น
USDJPY 4H เรียนรู้นับดาว นับดอย นับคลื่นUSDJPY 4H เรียนรู้นับดาว นับคลื่น
เพื่อนำไปเทรดในระบบsmc
ไม่ว่าตลาดจะเลือกทางไหน
ขอให้ทำตามแผนที่วางไว้ และมีวินัย สามารถได้กำไรทุกคนครับ.
ไม่ดื้อ ไม่โลภ ไม่กลัว
เสี่ยงเท่าที่คุณจะสูญเสียมันได้
นิ่งให้พอ รอให้เป็น เย็นให้ได้
เล็กน้อยxสม่ำเสมอ = มหาศาล
ท่านใดเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดติดตาม และShare ให้ด้วยนะ
น้าอ่านทุกคอมเม้นท์และเปิดรับทุกความคิดเห็น