เลือก Leverage Forex เท่าไหร่ดี? คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่1. ความเข้าใจพื้นฐานของ Leverage
Leverage หมายถึงการใช้เงินกู้จากโบรกเกอร์ในการเปิดตำแหน่งที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนที่คุณมี Leverage แสดงในรูปแบบของสัดส่วน เช่น 1:100 หมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริง 100 เท่า ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรได้จากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย
2. ความเสี่ยงของการใช้ Leverage สูง
การใช้ Leverage สูงมากเกินไปสามารถนำไปสู่การขาดทุนที่สูงมากได้ แม้เพียงการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่มากพอ เพราะ Leverage ขยายทั้งกำไรและขาดทุน หากราคาตลาดเคลื่อนที่สวนทางกับการคาดการณ์ของคุณเพียงเล็กน้อย คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดภายในระยะเวลาอันสั้น
3. การเลือก Leverage ที่เหมาะสม
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ การเลือก Leverage ในระดับที่ต่ำ เช่น 1:10 หรือ 1:20 เป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนมากเกินไปในช่วงที่คุณยังไม่มีประสบการณ์มากพอ เมื่อคุณมีความชำนาญและความมั่นใจมากขึ้น คุณสามารถเพิ่ม Leverage ตามความเหมาะสม
4. การจัดการความเสี่ยง
นอกจากการเลือก Leverage ที่เหมาะสมแล้ว การจัดการความเสี่ยงก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน คุณควรใช้ Stop Loss และ Take Profit ในการเทรดทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุนในระดับที่เกินกว่าที่คุณสามารถรับได้
สรุป
การเลือก Leverage ที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเส้นทางการเทรดที่ยั่งยืนในตลาด Forex โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เลือก Leverage ที่ต่ำเพื่อจำกัดความเสี่ยงและค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อคุณมีประสบการณ์และความมั่นใจมากขึ้น การจัดการความเสี่ยงและการใช้เครื่องมือการเทรดอย่างมีวินัยจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในระยะยาว
ไอเดียชุมชน
รูปแบบกราฟค้างคาว Bat Patternรูปแบบกราฟค้างคาว Bat Pattern
👽👽👽 กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบต่างๆในการเทรด วันนี้เราอยู่กันที่กราฟค้างคาวคับ หลายคนยังไม่คุ้นหู แต่บางคนน่าจะรู้จักกันบ้างแล้ว มาครับเราไปทำความรู้จักกราฟค้างคาวกันให้มากขึ้นกันดีกว่า
เป็นรูปแบบที่ได้มาจากทฤษฎี Harmonic Pattern ซึ่งจัดว่ามีความแม่นยำสูง โอกาสชนะมีถึง 80% เนื่องจากมีลักษณะการวิ่งและทิศทางภาพรวมที่ออกมา คล้ายกับค้างคาว เราจึงเรียกว่ากราฟค้างคาว กราฟค้างคาว Bat Pattern เกิดจากอะไร
รูปแบบแพทเทิร์นตามทฤษฎี Harmonic ล้วนเป็นแพทเทิร์นที่มาจากวิธีที่เจ้ารายใหญ่ใช้เอาชนะตลาด ที่ผ่านการไล่ล่า Stop Loss จากกลุ่มเม่ารายย่อย จึงเป็นที่มาของชื่อต่างๆ ซึ่งสามารถวิเคราะห์และทำซ้ำได้ตลอดเวลา
การฟอร์มขึ้นของรูปแบบกราฟค้างคาว
หลักๆส่วนใหญ่จะมาจากแพทเทริน ABC เป็นฐานหลัก และแตกต่างกันตรงองศา
การสร้างรูปแบบ Bullish Bat
Bullish Bat เป็นสัญญาณในการเข้า Buy จุดที่ควรเข้ากราฟเซทอัพ คือจุด D
Trade Setup ด้วย Bullish Bat
แม้จะมีความแม่นยำมาก แต่มันก็ไม่ 100% ดังตัวอย่างในภาพ กราฟมีการกลับตัวขึ้นตามระบบ แต่ไปถึงเป้ากำไรไแค่เพียง TP1 เท่านั้น ก่อนที่ราคาจะย้อนกลับลงมา การล๊อคกำไรหรือมีแนวทางารจัดการที่ดีจะทำให้เราไม่ขาดทุนนะฮะ
การสร้างรูปแบบ Bearish Bat
Bearish Bat เป็นสัญญาณในการเข้า Sell จุดที่ควรเข้ากราฟเซทอัพ คือจุด D
ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ
1. แพทเทิร์นนี้จะทำกำไรได้สั้นหรือยาว อยู่ที่ TF เป็นหลัก ยิ่ง TF ใหญ่ กำไรก็จะยิ่งมากและยาวมากขึ้น
2.แพทเทรินนี้ เรามักจะทำกำไรจากสัญญาณกลับตัวระยะสั้น โดยเป้าหมายกำไรมักเป็นจุดกึ่งกลางลำตัวของค้างคาวนั่นคือจุด B
3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ
4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ ไม่แน่นะว่าอาจจะถูกจริตกับเราบ้างก็เป็นได้สำหรับสายชอบเทรดสวน ดีนักแล แอดฟันธงเลย และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปเรื่องของสถาบันการเงินตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบ้างในการจะพัฒนาธุรกิจต่อแต่อย่างน้อยคำว่าสถาบันการเงินก็ยังมีคนดีอยู่แต่ในคนดีก็จะมีคนไม่ดีอยู่เพราะอย่าเชื่อมั่นในความเป็นมนุษย์คนเราไม่มีใครดีหรอกมองไว้ก่อนว่ามันมี 2 ส่วนคือดีและไม่ดีแต่ใครจะเอาความดีมาใช้มากกว่าความเลวแค่นั้นเองถ้าดีมากกว่าเลวมันก็หักล้างกับความเลวได้อยู่แต่ถ้าเลวมากกว่านี้มันก็ห้ามให้อภัยเลยจับมันติดคุกประหารชีวิตอย่างเดียวอย่าให้เกิดเป็นเยี่ยงอย่าง
ดูแค่นี้แหละคนมันมีแค่ 2 ด้าน
ตัวนี้ทำไว้ 3 แผนแผนที่ 1 คือเทรดแบบ side way
แผนที่ 2 คือทะลุลงมาต้องรอให้ปิดแท่งขาวและสร้างตัวให้ได้ก่อนถึงค่อยซื้อถ้าไม่มีการฟอร์มตัวอะไรแล้วเป็นข่าวเรื่อยๆก็รอย่อลงไปให้มันลงไปให้สุดรอดู
แผนที่ 3 คือการกลับมาที่เดิมและฟองตัวและยกกลับขึ้นไปใหม่เพื่อที่จะฟอร์มตัวกับตัวค่อยซื้อ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปหุ้นของไทยเรานี่แปลกมากทำไมชอบมีข่าวมาโปรโมทอยู่เรื่อยเลยพอไปลองเช็คดูเอ้ามันไม่ดีนี่หว่ามันยังต่อแท่งลงอยู่เลยแล้วยังจะบอกให้เขาซื้อกันอีกหรอ
หรือจะให้ประชาชนพิจารณาซื้อกันเองใช่ไหมทำไมไม่แนะนำเขาว่ามันดีหรือไม่ดีแบบไหน
นี่ขนาดวิเคราะห์ไว้ตอนแรกว่าให้ซื้อบริเวณนี้ดีแล้วนะยังลงอีกเลยอ่ะแบบนี้ยังจะให้เขาซื้ออีกหรอถ้าเป็นผมแนะนำนะผมคิดว่ารอราคาเริ่มต้นน่ะมันเกิดมาจากตรงไหนก็ซื้อตรงนั้นนั่นแหละไม่ต้องไปคิดมากเลย
ตัวนี้อย่าไปดูเลยถ้ามันไม่ดีก็รอก่อนไปหาดูตัวอื่นให้มันเกิดไพแอคชั่นก่อนถ้ายังไม่มีpaก็จะไปซื้อเวลามันลงมันก็ลงก่อนเวลามันขึ้นมันก็ต้องฟอร์มตัวก่อน ก่อนจะขึ้นมันก็ต้องทำ pa ก่อนเพราะฉะนั้นรอเลยหาดูตัวอื่นไปก่อนครับ
ไม่รู้นะว่าตัวนี้เขาทำมาหากินอะไรไม่ได้ไปดูรายละเอียดแต่ดูแค่กราฟก็คิดว่าถ้าเจ้าของธุรกิจไม่คิดทำอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงโลกได้ก็คิดว่าอย่าโตเลยมันก็อยู่อย่างนี้แหละ
จริงๆผมอยากให้ประเทศไทยเราอ่ะเจริญรุ่งเรืองแล้วก็มีต่างชาติสนใจซื้อหุ้นประเทศไทยแต่ผมไม่เข้าใจว่าในแนวคิดของคนที่ทำมาหากินในประเทศไทยที่ขายหุ้นอยู่เนี่ยเขาตั้งใจจะขายเฉพาะคนในประเทศไทยหรือว่าประชาชนในประเทศไทยอย่างเดียวหรือเปล่า
อันนี้ก็เลยไม่เข้าใจวิธีการคิดเขาชอบให้หุ้นมันขึ้นๆลงๆขึ้นๆลงๆแบบนี้หรอหรือว่าเขาชอบปั่นหุ้นหรือเปล่าเราก็ไม่รู้เพราะว่าครั้งที่ผ่านมาก็เจอไอ้หุ้นแบบราคาถูกๆปั่นหุ้น
อย่างที่เราเคยเห็นอยู่ตย.เช่นหุ้นม้ออะไรเนี่ยเขามีอยู่ปัญหาก็ยังไม่จบ
เพราะฉะนั้นเวลาซื้อหุ้นของไทยเราเนี่ยดูที่ผู้บริหารเป็นหลักก่อนครับอย่าไปอะไรมาก
ธุรกิจจะเจริญรุ่งเรืองผู้บิรหารและบริวาลก็ต้องมีศีลธรรมมีศีล5เป็นหลัก
ถ้าตรวจสองแล้วว่าขาดศีลในข้อใดข้อหนึ่งมันก็เจ้งตั้งแต่ยังไม่ก่อตั้งบริษัทเลย
ศีลมี5ข้อถ้าหนักสุดข้อไหนก็ผิดมากน้อยต่างกันพิจารณาร่วมกับผลประกอบการบริษัทด้วยนะครับ
แล้วก็มาดูทรัพย์สินรู้ว่าเขาทำอะไรก่อนหน้านั้นที่เขาทำแล้วมันเจริญรุ่งเรืองไหมแค่นั้นแหละวิธีมองหุ้นน่ะแล้วก็ค่อยมาดูในรายละเอียดครับจริงๆดูแค่กราฟมันก็เห็นแล้วแหละไม่ต้องไปดูอะไรเลยส่วนในการกลั่นกรองหุ้นที่มันเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ได้นั้นมันเข้ามาได้มันก็มีส่วนหนึ่งในการให้เราซื้อขายได้แล้วไปดูเทคนิคกราฟเอามันแล้วแต่พระองค์ประกอบในการมองเนอะลองดูเอาแล้วกันครับ
All Time High คืออะไร? และแนวทางการเทรดอย่างไร?All Time High (ATH) หรือจุดสูงสุดตลอดกาล หมายถึงราคาของสินทรัพย์หนึ่งๆ ที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของสินทรัพย์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น คริปโตเคอร์เรนซี หรือสินทรัพย์อื่นๆ การที่สินทรัพย์หนึ่งทำ All Time
แนวทางการเทรด All Time High
การเทรด All Time High นั้นมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสทำกำไรได้สูงเช่นกัน ดังนั้นควรศึกษาและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน
แนวทางการเทรดที่เป็นไปได้:
ซื้อตาม: เมื่อสินทรัพย์ทำ All Time High แล้ว นักลงทุนบางส่วนอาจตัดสินใจเข้าซื้อตามทันที โดยหวังว่าราคาจะขึ้นไปต่อ แต่ควรระวังความเสี่ยงที่จะติดดอย หรือซื้อไปแล้วราคาปรับตัวลดลง
รอทดสอบแนวต้าน: รอให้ราคาปรับตัวลงมาเล็กน้อย แล้วค่อยเข้าซื้อ โดยมองหาจุดที่ราคาได้รับการสนับสนุน และมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นไปใหม่
ใช้เครื่องมือทางเทคนิค: ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น การวิเคราะห์กราฟ หรือตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย
ตั้ง Stop-Loss: กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
กระจายความเสี่ยง: ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เพียงตัวเดียว ควรกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อื่นๆ หรือลงทุนในกองทุนรวม
ข้อควรระวัง:
ความเสี่ยงสูง: การเทรด All Time High มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะราคาอาจปรับตัวลดลงได้อย่างรวดเร็ว
ข่าวสาร: ควรติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์นั้นๆ อย่างใกล้ชิด เพราะข่าวสารอาจส่งผลกระทบต่อราคาได้
อารมณ์: อย่าปล่อยให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุน ควรใช้เหตุผลในการตัดสินใจ
สรุป
All Time High เป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน แต่การเทรด All Time High นั้นมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์นั้นๆ อย่างละเอียด รวมถึงวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน
รู้ไหมว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเทรด forex ได้ รู้ไหมว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเทรด forex ได้
👽👽👽 กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และการวิเคราะห์แบบเจาะลึก ไม่ว่าจะเป็นแนวทาง หรือการแก้ปัญหาหรือจะเป็นทริคดีๆในการเทรด Forex แต่วันนี้แอดจะพาทุกท่านฉุกคิดกันฮะกับตลาด Forex ที่ว่าทำไมบางคนเทรดได้ แต่บางคนก็เทรดไม่ได้ มันเป็นเพราะอะไร เรามาติดตามอ่านกันเลยดีกว่า
ตลาด forex ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเทรดได้หมายความว่าอย่างไร?
👵 เพราะตลาด Forex จัดว่ามีความเสี่ยงและความผันผวนที่สูงมากถึงมากที่สุดนี่เอง และในหลายประเทศก็ยังไม่ถูกกฏหมาย ทำให้หลาย ๆ ประเทศยังไม่อยากยอมรับ ซึ่งก็คือไม่ให้เทรด หรือ แบนไปเลยก็มี ( แต่บ้านเรา ประเทศไทยนี่แอบเทรดได้นะ )โบรคไม่ได้เเบน
โดยแอดจะยกตัวอย่างคร่าวๆ สัก 2 ประเทศที่ห้ามเทรด Forex ทำไมถึงต้องห้ามกันนะ ไปดูกันเลย!
1. เกาหลีเหนือ
แค่จั่วหัวขึ้นมาก็หนาวแล้ว เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีการควบคุมเศรษฐกิจอย่างเข้มงวด ซึ่งดำเนินการโดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ นำโดยรัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว มีหน้าที่ในการวางแผนและประสานงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงสกุลเงินที่สามารถใช้ได้ สินค้าที่สามารถผลิตได้ และราคาที่สามารถขายสินค้าเหล่านี้ได้
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากสกุลเงินวอนของเกาหลีเหนือ เริ่มล้มเหลวและมูลค่าลดลง รัฐบาลได้สั่งห้ามสกุลเงินต่างประเทศทั้งหมดเข้ามา เงินวอนถูกห้ามไม่ให้มีการซื้อขาย และเกาหลีเหนือยังคงเรียกร้องให้ผู้คนของตนแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศทั้งหมดเพื่อแลกกับเงินวอนโดยหวังว่าจะคืนวอนให้เต็มมูลค่า ซึงรัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่าเงินวอนมีมูลค่ามากกว่าราคาตลาดในปัจจุบันถึงสิบเท่า
2. ฟิลิปปินส์
ตลาด Forex ถูกห้ามในทุกรูปแบบในประเทศฟิลิปปินส์ โดยปี 2561 ก.ล.ต. ฟิลิปปินส์ได้ออกคำสั่งดังต่อไปนี้
“ในที่นี้ ขอแนะนำให้ประชาชนหยุดมีส่วนร่วมในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และหยุดลงทุนในแพลตฟอร์มการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าที่จดทะเบียนในต่างประเทศ สัญญาส่วนต่าง ดัชนี ไบนารีออปชัน และอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. แนะนำให้ประชาชนและหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้า พนักงานขาย หรือตัวแทนของหลักทรัพย์เหล่านี้ไม่มีใบอนุญาตในการเข้าร่วมหรือจัดการในลักษณะใด ๆ กับหลักทรัพย์เหล่านี้และดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงหรือละเว้น”
ฟิลิปปินส์ตัดสินใจที่จะแสดงจุดยืนที่แข็งแกร่งต่อการซื้อขาย Forex หลังจากที่ภาคการค้าปลีกส่วนใหญ่รายงานการฉ้อโกงและการขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนของพวกเขา ณ เดือนมีนาคม 2020 ฟิลิปปินส์ได้ระงับการซื้อขาย Forex และพันธบัตรจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม
👵👵 ส่วนในโบรคของ PXBT ก็มีข้อกำหนดและเงื่อนไขในการเทรดในหลายๆประเทศด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเมือ สงคราม ค่าเงิน หรือความไม่สงบต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถเทรดได้ โดยประเทศและภูมิภาคเหล่านี้จัดเป็นประเภทที่โบรกไม่ให้เทรดนะครับ
👵👵👵 แต่คนไทยชอบความท้าทายฮะ แม้มันจะไม่ถูกกฏหมายแต่เขาก็ไม่ได้สั่งห้ามนี่นา และที่สำคัญเราเป็นประเทศที่ค่าเงินค่อนข้างแข็งฮะ ไม่มีโบรคไหนแบนเราได้ ก็เทรดกันแบบเงียบๆต่อไปสิฮะ ไม่เห็นจะยากเลย อิอิอิ
PXBT Trading Limited ไม่ยอมรับลูกค้าจากเขตอำนาจศาลต่อไปนี้:
อัฟกานิสถาน, คิวบา, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, เฮติ, อิหร่าน, อิรัก, อิสราเอล, ลิเบีย, มาลี, โมซัมบิก, เมียนมาร์, นิวซีแลนด์, เกาหลีเหนือ, โซมาเลีย, ซูดานใต้, ซูดาน, ซีเรีย, ตุรกี, สหรัฐอเมริกา, เกาะเล็กรอบนอกของสหรัฐอเมริกา, เยเมน, สหราชอาณาจักร, เขตเศรษฐกิจยุโรป เขตอำนาจศาลที่ไม่รู้จักหรือได้รับการยอมรับบางส่วน: ไครเมีย, สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์, ฉนวนกาซา, ซาโปริซเซียและเคอร์ซอน, สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ความรู้ใหม่ๆกันไปพอสมควรหรือยังฮะ เรายังนับว่าโชคดีกว่าบางประเทศนะฮะ ที่สามารถเทรดได้อย่างอิสระเสรี แม้ไม่ถูกฏหมายแต่ไม่ได้ห้ามก็เข้าทางคนไทยกันแหละเนาะ
รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน แล้วไปลองตำมันหลายๆโบรคดูนะฮะ เผื่อว่าจะเจอโบรคใหม่ไฉไล และถูกใจบ้าง และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
ฝึกวิเคราะห์หาจุดเข้าซื้อให้ละเอียด แม่นยำยิ่งๆขึ้นรูปแบบกราฟก็ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่ในทางพิมพ์ใหญ่แต่ถ้ามาดูช่วงราคาปัจจุบันมันมีการพักตัวแล้วก็ค่อยๆบีบตัวให้เล็กลงลักษณะนี้อย่าเพิ่งเข้าเทรดเลยดีกว่าถ้าจะเทรดก็เก็บสั้นๆเอาตามรูปเลยใน m15 แต่ถ้ามันหลุดไปทางใดทางหนึ่งก็คือการ break out ก็หาจังหวะเข้าเทรดด้วย price action อะไรบางอย่างก่อนจึงค่อยเข้าออเดอร์ตามรูปเลยครับ
การเทรดแบบ Manual vs EA: ความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย และเหมาะกับใคการเทรดในตลาดการเงินมีหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการเลือกใช้เครื่องมือในการเทรด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ คือ การเทรดแบบ Manual (เทรดเอง) และการใช้ Expert Advisor (EA)
การใช้ Expert Advisor (EA)
ความหมาย: EA คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ทำการซื้อขายอัตโนมัติตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้
ข้อดี:
ประหยัดเวลา: EA สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ลดความผิดพลาดจากอารมณ์: EA ทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งไว้
สามารถทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลังได้: ช่วยให้นักเทรดประเมินผลการทำงานของกลยุทธ์ก่อนนำไปใช้งานจริง
ข้อเสีย:
ขาดความยืดหยุ่น: การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต้องอาศัยการแก้ไขโปรแกรม
อาจเกิดความผิดพลาดจากโปรแกรม: หากโปรแกรมมีข้อผิดพลาด อาจส่งผลต่อการเทรด
ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม: หากต้องการสร้าง EA เอง
การเทรดแบบ Manual (เทรดเอง)
ความหมาย: การเทรดแบบ Manual คือการที่นักเทรดตัดสินใจซื้อขายเองทั้งหมด โดยอาศัยการวิเคราะห์กราฟ การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค หรือปัจจัยพื้นฐานต่างๆ
ข้อดี:
ความยืดหยุ่น: นักเทรดสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์ตลาด
ความเข้าใจตลาดลึกซึ้ง: การเทรดเองจะทำให้นักเทรดเข้าใจกลไกของตลาดได้ดีขึ้น
ควบคุมความเสี่ยงได้ดี: นักเทรดสามารถตั้ง Stop-loss และ Take-profit ได้เอง
ข้อเสีย:
ต้องใช้เวลาและความพยายาม: ต้องติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง และใช้เวลาในการวิเคราะห์
มีความผิดพลาดได้: การตัดสินใจของมนุษย์อาจได้รับอิทธิพลจากอารมณ์
จำกัดเวลา: ไม่สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เหมาะกับใคร?
การเทรดแบบ Manual: เหมาะสำหรับนักเทรดที่ชอบวิเคราะห์ตลาด ชื่นชอบความท้าทาย และต้องการควบคุมการเทรดทุกขั้นตอน
การใช้ EA: เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการประหยัดเวลา มีวินัยในการเทรด และต้องการลดความเสี่ยงจากอารมณ์
สรุป
การเลือกใช้การเทรดแบบใดขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความถนัดของแต่ละบุคคล นักเทรดบางคนอาจเลือกใช้ทั้งสองรูปแบบควบคู่กันไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด อย่างไรก็ตาม การเทรดทุกประเภทมีความเสี่ยง ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปตัวนี้ก็ย่อมาจาก h1 เลยก็อย่างที่เห็นแหละวิเคราะห์แบบเดิมเลยไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยเพียงแค่ว่ามันเล็กลงสั้นลงการมองการจะเข้าเทรดก็ไวขึ้นแต่เก็บก็ไม่ได้เยอะเพราะแท่งเทียนในทางเฟรมเล็กลงมันก็วิ่งสั้นๆแต่มันต่อกันมันก็สร้างฟอร์มตัวไปในทางเฟรมที่ใหญ่ขึ้นมันก็แค่นั้นแหละเพราะฉะนั้นการเทรดเป็นเรื่องของความถนัดของตนเองเลยว่าจะเอา time frame ไหนในการเทรดใจร้อนหน่อยก็ย่อลงมาเล็กเก็บสั้นๆหน่อย sltp ก็จะสั้นลงแค่นั้นเอง mm ก็ไม่มากจบไวถ้าไม่มีเวลาก็ถือในทำเฟรมที่ใหญ่รูปแบบของแท่งเทียนก็ฟอร์มตัวจากแท่งที่ใหญ่ไปหาแท่งที่ใหญ่กว่าก็แค่นั้นแหละลองสังเกตดู
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปใช้ชุดวิเคราะห์เดิมจากไทม์เฟรม h4 เอามาย่อดู h1 หาจุดเข้าอย่างที่เห็นนะครับตามรูปเลยนะลองไปมองก่อนแล้วก็สร้างคำถามขึ้นมาเลยว่าแล้วทำไมมันต่อแท่งลงมีสัญญาณลงแล้วทำไมมันไม่ลงแล้วทำไมมันต่อแท่งเขียวขึ้นไปกับตัวจะเป็นการกลับตัวเพื่อจะขึ้นต่อเพราะอะไรมันมีเหตุผลก็อย่างที่เห็นก็คือมันไปชนแนวรับ h4 จับแนวรับ h1 มันก็เลยจับตัวแค่นั้นเองทำไมมันเป็นสัญญาณลงแล้วทำไมไม่ลงนั่นแหละครับเหตุผลมีแค่นี้เพราะฉะนั้นในภาพนี้มันก็คือ side way แค่นั้นเองลองฟังตามอ่านและทำความเข้าใจดูสังเกตดู
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปh4 นี้ก็ย่อออกมาจากชุดวิเคราะห์เดิมของ d1 ให้มันต่อภาพกันเดี๋ยวจะงงก็ประมาณนี้ล่ะครับมองภาพหน้าตาแบบนี้เลยดูภาพเอาแล้วกันไม่รู้จะอธิบายแบบไหนแล้วเวลาจะเทรดก็เทรดในกรอบเล็กๆแค่นั้นเองเขามีให้สำเร็จแบบไหนก็เทรดแบบนั้นแหละภาพมันไม่มีอะไรมากก็คือมันทะลุขึ้นก็รอยัลบายทะลุลงก็รอยกเซลล์ไม่ทะลุก็ side way จะเป็น time frame ไหนก็มองแบบนี้แหละมันขึ้นอยู่กับเราเกษตรแค่นั้นเองว่าจะเอาเวลาไหนในการเทรดในการยืนยันในการเทรดแค่นั้นเองลองสังเกตดูแล้วกันครับมันก็ทำแบบนี้แหละซ้ำๆไปซ้ำมาวิเคราะห์ไปก็แบบเดิมๆนั่นแหละ
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปมุมมองภาพดี 1 ก็จะมองประมาณนี้ไว้ก่อนแต่อย่างที่เห็นกราฟวิ่งมา 4 วันแล้วก็ยังวิ่งอยู่บนกรอบเล็กๆไม่จำเป็นต้องไปคิดมากหรอกว่ามันจะลงหรือมันจะขึ้นแบบไหนวางแผนเทรดในกรอบหาจุดยืนไม่ได้ก็ตีไปใส่เอาเป็นจุดวางสายตาว่ากราฟจะวิ่งอยู่ในระดับประมาณนี้ไว้ก่อนหาจุดเช่าหรือทำเฟรมที่เล็กลงการเทรดก็คือความเสี่ยงความเสี่ยงที่เราวางแผนไว้ก็คือการ money management แค่นั้นเองไม่ต้องไปคิดอะไรมากแล้วเพราะว่ามันอยู่บนยอดจนไม่รู้มันจะยอดตรงไหนแล้วมันอาจจะขึ้นต่อก็ได้หรือมันอาจจะลงเลยก็ได้ไม่ต้องไปคิดมากเหตุในกรอบระหว่างวันที่มีให้เรามีจุดนำสายตาไว้แค่นั้นพอ
เลือก Leverage แบบไหนดี
👺👺👺 มาครับวันนี้เอาใจมือใหม่หัดเทรดกันบ้าง กับการเลือกเลเวอเรจให้ถูกกับจริตของตัวเอง เพราะการจะเทรดให้ได้กำไรจำเป็นต้องมีปัจจัยเล็กๆและองค์ประกอบอื่นๆมาเป็นตัวผลักดัน หนทางสร้างกำไรจึงจำเป็นต้องมีแบบแผนตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้น ไอ่เจ้าเลเวอเรจนี่แหละครับที่จัดว่าสำคัญทีเดียวเชียว มาครับ ตามมาอ่านกันต่อได้เลย
เลือก leverage แบบไหนดี ?
Leverage คืออะไร ?
หากเราตัดสินใจที่จะเดินเข้าสู่วงการ การเทรดค่าเงินในตลาด Forex แล้วหล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่ต้องเลือกเป็นอันดับแรกเลยก็คือ เลเวอร์เลจ
หากให้เปรียบเทียบคำว่า เลเวอร์เลจ คำนี้จะมีความคล้ายคลึงันกับเงินเดิมพัน และเงินยืม เลเวอร์เลจ ช่วยให้เรามีอำนาจในการซื้อขายในตลาดได้มากยิ่งขึ้นแบบทวีคูณ โดยยกตัวอย่างง่ายๆ
จากเดิมๆที่เราต้องมีเงินลงทุนประมาณ $100,000 ดอลลาร์ เราถึงจะสามารถเปิดออร์เดอร์ขนาด 1 lot ได้
แต่หากว่าเราเลือกเทรดแบบมี เลเวอร์เลจ ในการเทรด โดยเลือกเลเวอเรจที่ 1:100 เราจะใช้เงินลงทุนเพียง $1,000 ก็สามารถเปิดออร์เดอร์ 1 lot ได้แล้ว หรือจะเลือก เลเวอร์เลจ 1:1,000 เราจะใช้เงินลงทุนเพียง $100 ก็สามารถเปิดออร์เดอร์ 1 lot ได้
ตัวอย่างเลเวอเรจ
เลเวอร์เลจ 1:1 มีทุน $1,000 สามารถซื้อหุ้นได้ $1,000
เลเวอร์เลจ 1:100 มีทุน $1,000 สามารถซื้อหุ้นได้ $100,000
เลเวอร์เลจ 1:1,000 มีทุน $1,000 สามารถซื้อหุ้นได้ $1,000,000
จากตัวอย่าง เราจะเห็นได้ว่า เลเวอเรจ ยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งสามารถทำให้มีอำนาจในการซื้อมากยิ่งขึ้น เสมือนว่าเรายืมเงินจากเปอร์เซ็นต์ต้นทุนของเขาเอามาทำกำไรก่อนนั่นเอง แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่า การลงทุนมักมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ ยิ่งเราซื้อมากเท่าไหร่ความเสี่ยงยิ่งมากตาม แต่หากเรามีกำไร กำไรมันก็มากตามเช่นกัน
นั่นทำให้การใช้เลเวอเรจไม่ได้สวยหรูแค่ด้านเดียว ที่สำคัญสุดๆเลยนั่นก็คือการ Stop Out เรียกง่ายๆว่าล้างพอร์ตนั่นแหละครับ ยังไง??
เพราะยิ่งเราใช้เลเวอเรจมากที่สุดในการเทรด ไม่ว่าจะเป็น 1:1,000 , 1:2,000 , 1:5,000 หรือมากว่านี้ เราจะยิ่งเสี่ยงในการล้างพอร์ตง่ายเช่นกันจากการเทรดหนัก
เพราะการใส่ออเดอร์ได้มาก ยิ่งทำให้เราโลภมากยิ่งขึ้น ไอ่ความโลภนี่แหละที่ทำให้เราเทรด แบบ Over trade ใส่ลอตใหญ่มากเกินไป หากกราฟวิ่งผิดทางระยะวงสวิง ที่ติดลบก็พาล้มละลายได้เลยฮะ ฉะนั้นพึงระวัง และค่อยๆเทรดดีกว่านะครับ ไม่มากไปและไม่น้อยเกินไป ไม่งั้นเดี๋ยวจะเทรดไม่พอค่าไฟกันพอดี……เนาะ
แถมสูตรคำนวณ Lot Size ให้อีกนิดนะครับ ทุน / 10,000 เราจะได้ Lot ที่ใช้ในการเทรด
ตัวอย่างคำนวณ ทุน 100$ หาร 10,000 = 0.01 นี่คือ ลอตในการออกไม้นะครับ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ มือใหม่หัดเทรด สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เราจำเป็นต้องรู้นะฮะก่อนที่จะเริ่มเทรด แอดว่ามันดีและเบสิคมากเลย การเตรียมการและใส่ใจแบบแผนการเทรดเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยนะฮะ วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ว่างแล้วก็ลองกลับไปเช็ค Leverage ของเราดูกันนะฮะ จะได้คำนวณ Lot size ได้ถูก และเทรดแบบไม่ต้องลุ้นล้างพอร์ตอีกต่อไป ต้องลองนะฮะ
และที่สำคัญ ฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน รับรองว่ากำไรไม่ไกลเกินฝันแน่นอนฮะ แอดเอาใจช่วย แล้วอย่าลืม MM กันด้วยนะ ชีวิตการเทรดของเราจะยืนยาวและมั่นคง แอดฟันธงให้เลย
การ Breakout และ Retest: คู่มือสำหรับนักลงทุนเชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรด ไม่ว่าจะตลาดใหนก็น่ารู้จักรูปแบบการเทรด Breakout หรือการเทรดเมื่อราคาทะลุกรอบราคา แต่มีหลายครั้ง ที่เกิดการเบรคหลอก หรือ False Breakout และทำให้เราติดดอย วันนี้เราเลยแนะนำ สิ่งที่เพิ่มนัยยะการเบรคให้แม่นสูงขึ้น นั้นคือ Retest
เชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรด ไม่ว่าจะตลาดใหนก็น่ารู้จักรูปแบบการเทรด Breakout หรือการเทรดเมื่อราคาทะลุกรอบราคา แต่มีหลายครั้ง ที่เกิดการเบรคหลอก หรือ False Breakout และทำให้เราติดดอย วันนี้เราเลยแนะนำ สิ่งที่เพิ่มนัยยะการเบรคให้แม่นสูงขึ้น นั้นคือ Retest
รูปแบบราคาที่เกิดหลังจากที่มีการ Breakout ราคาได้กลับขึ้นมาทดสอบแนวเดิมที่เบรค และไม่สามารถที่กลับทะลุแนวที่ Breakout หรือทดสอบไม่ผ่าน เป็นการบอกว่า แรงซื้อขายที่สวนขึ้นมาน้อยกว่า แรงส่งราคา Breakout เป็นนัยยะที่คัญที่ Breakout จะไปต่อ
เหตุใดการ Breakout และ Retest จึงสำคัญ?
ระบุจุดเข้าซื้อและขาย: การ Breakout และ Retest ช่วยให้นักลงทุนระบุจุดเข้าซื้อและขายที่เป็นไปได้
ยืนยันแนวโน้ม: การ Retest ที่สำเร็จ (ราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านหรือแนวรับเดิมอีก) สามารถยืนยันแนวโน้มใหม่ได้
ลดความเสี่ยง: การเข้าซื้อหลังจากการ Retest สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าซื้อที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนไหวของราคา
วิธีการใช้การ Breakout และ Retest ในการลงทุน
ระบุแนวต้านและแนวรับ: ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น เส้นแนวโน้ม หรือตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อระบุแนวต้านและแนวรับที่สำคัญ
สังเกตการ Breakout: เมื่อราคา Breakout ผ่านแนวต้านหรือแนวรับ ให้เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด
รอการ Retest: รอให้ราคา Retest กลับมาที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับเดิม
ตัดสินใจเข้าซื้อหรือขาย: หากราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านหรือแนวรับเดิมอีกครั้ง ให้พิจารณาเข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้มใหม่
สิ่งที่ควรระวัง
สัญญาณปลอม: ไม่ใช่ทุกการ Breakout จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาวเสมอไป
การวิเคราะห์เพิ่มเติม: ควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
การบริหารความเสี่ยง: กำหนดจุด Stop-loss เพื่อจำกัดความเสียหายหากการคาดการณ์ผิดพลาด
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปอันนี้ก็ไม่มีอะไรย่อมาจากทางเฟรม h1 ลงมาหาจุดเข้าที่ละเอียดขึ้นแค่นั้นเองเข้ามาดู m30 ดูซิว่าเขาสร้างแพทเทิร์นแบบไหนรูปแบบแพทเทิร์นก็มีเยอะแยะอยู่ใน google ไปหาเอาจำรูปแบบพวกนี้ไว้จำพวก price action ต่างๆเอาไว้แค่นั้นแหละมันไม่มีอะไรที่จะต้องมาลงในรายละเอียดอะไรมากกว่านี้แล้วมันก็หมดแค่นี้แหละมองกราฟก็มองแค่นี้ไม่ได้มองอะไรมากกว่านี้เลยที่เหลือมันก็คือฝึกสกิลบ่อยๆแค่นั้นเองฝึกเรื่องของอารมณ์เรื่องการmoney management แค่นั้นแหละ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปh4 เราย่อลงมาจากที่วิเคราะห์ชุดเดิมจะได้ปะติดปะต่อภาพได้ก็จะเห็นว่ามันบีบเล็กลงเพื่อให้เราเทรดในกรอบที่เล็กลงแค่นั้นแหละหาจุดเข้าในกรอบ h4 แค่นั้นแหละ state new ในกรอบจะหา PA trade ใน side way ก็ดู m 30 m15 พวกนี้แล้วก็เก็บ tp sl ตามแนวรับแนวต้านแค่นั้นแหละไม่ต้องไปมองไกลมากหรอกเก็บทีละ 500 จุดนี้ก็หรูแล้ว
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปเพราะยอดดู D 1 ก็จะทำให้เห็นอะไรมากขึ้นช่วงราคาที่เราจะวิเคราะห์มันจะแคบลงพยายามบีบมุมมองให้มันแคบลงเพื่อใช้ในการวิเคราะห์หาจุดเช่าทุกอย่างไม่มีอะไรยุ่งยากก็คืออย่างที่เห็นนั่นแหละครับสังเกตแท่งต่อแท่งคู่การยกตัวกลับเงื่อนไขเดิมๆ break out แบบไหนก็วางแผนเทรดไปทางนั้นแค่นั้นแหละ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มกราฟมันก็เป็นแบบขาลงแต่ก่อนที่จะเป็นภาพนี้มันมีการยกตัวขึ้นมาก่อนแล้วก็เป็นไปได้ที่เป็นการยกย่อเพิ่มขึ้นต่อแต่อย่างที่เห็นนั่นแหละครับนั่นคือ time frame week มันขึ้นลงแต่ละทีเนี่ยมันใช้เวลานานถ้าจะเทรดเราก็เอาแค่ในกรอบที่ทำเส้นนำสายตาไว้ให้แค่นั้นแหละเอามาใช้ในการวางแผนว่าเราจะเทรดในทิศทางไหนวิกบอกเราได้แค่นี้แหละไม่ได้บอกอะไรมากกว่านี้แล้วก็เดี๋ยวไปหาจุดเข้ากันในทางเฟรมที่เล็กลงกันอีก
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปพนักงานข่าวมาเกี่ยวกับเรื่อง iPhone 16 จะมาแล้วหุ้นมันจะขึ้นขนาดนั้นเลยหรอทำไมถึงกล้าสร้างกระแสขนาดนั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชอบออกข่าวให้คนตื่นตลกเข้าไปซื้อของไปช้อปปิ้งกันขนาดนั้นเลยต้องการอะไรกับเม่าขนาดนั้นต้องการหลอกเงินมากขนาดนั้นเลยหรอจริงๆถ้าพูดถึงเรื่องคุณธรรมจริยธรรมหุ้นตัวนี้ผมคิดว่ายังไม่เหมาะสมที่จะเข้าซื้อเลยแต่มันก็จะออกว่าแหละพอพูดไปแล้วก็โดนว่าอีกว่ามันเป็นความพอใจของเขานั่นก็คือความพอใจของเขาคือเงินของเขาแต่ผมแค่อึดอัดเฉยๆว่ามันจังหวะไม่ได้ยังไม่สวยจะเข้าไปทำไมทำไมไม่รอให้มันพร้อมแล้วค่อยซื้อเหตุผลแค่นั้นแหละอยากจะซื้ออะไรก็ซื้อไปไม่ได้ว่าอะไรแล้วแต่เม่าเม่าแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน
MARKET STRUCTURE เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริงMARKET STRUCTURE
เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริง
👯👯👯กลับมาพบเจอกันอีกเช่นเคยกับบทความที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการเทรดโดยตรงเลยฮะ ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่หัดเทรดนี่ จัดว่าสำคัญมากๆเลย เพราะมันคือสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ มาครับ มาทำความรู้จักกับ MARKET STRUCTURE กันดีกว่า ว่ามันสำคัญอย่างไร
Market Structure โครงสร้างตลาด
โครงสร้างตลาดในการเทรด คือการทำความเข้าใจในเรื่อง หลักการการเชื่อมโยงกราฟใน Timeframe แต่ละ Timeframe ว่ามีความสัมพันธ์ุกันอย่างไร ไอ่เจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้เราสามารถอ่านกราฟออก และทำให้การเทรดนั้นดูง่ายขึ้นเยอะเเลย
อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า กราฟแท่งเทียนนั้นมีคลื่นเวฟ และมีเทรนด์ในตัวของมันเอง อ้างอิงตามทฤษฎีดาว ( Dow Theory ) ซึ่งเป็นทฤษฎีอมตะ ทฤษฎีต้นแบบในการอ่านคลื่นกราฟ โดยสามารถจำแนกแบ่ง เทรนด์ในการเทรดคร่าวๆดังนี้
1. Primary Trend คือแนวโน้มเทรนด์หลัก เทรนด์ใหญ่ ซึ่งทำให้เราแยกกราฟออกได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
2. Secondary Trend แนวโน้มรอง ส่วนใหญ่เทรนด์แนวโน้มรองมักจะเป็นเทรนด์ในกรอบระยะสั้น รวมไปถึงการพักตัวหรือสวิงเทรนด์ไซด์เวย์ และมีโอกาสที่ราคาจะไปต่อหรือกลับตัวได้เช่นกัน
3. Minor Trend แนวโน้มย่อย ส่วนใหญ่กรอบเทรนด์แนวโน้มย่อยมักจะอยู่ในกรอบ TF เล็กๆ วิ่งในระยะสั้นๆ และเป็นการย่อลงเพื่อไปต่อตามเทรนด์ในแนวโน้มใหญ่
แท่งเทียนของราคา ใน TF ต่างๆจึงมีความสัมพันธ์กันกับ Market structure
เปรียบเทียบการแบ่งแยก Timeframe เล็ก และใหญ่ ในกราฟคู่เงินเดียวกัน
การอ่านเทรนด์ออกจาก Timeframe (TF) หลายTimeframe จากใหญ่ ไป เล็ก จะทำให้เราอ่านกราฟออกและแบ่งแยกการเทรดได้ ว่าจะ Buy หรือ Sell และทำให้เราเห็นจุด โลว์ และ จุด ไฮ ( HH , HL, LL ) ที่ใกล้ที่สุด และโอกาสในการชนะก็ค่อนข้างได้เปรียบมากขึ้นอีกด้วย
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ง่ายๆเบสิค และทำให้หลายๆคนมองเห็นจุดเข้าที่ได้เปรียบได้มากขึ้น จากสัญญาณที่แตกต่างกันในหลาย TF แบบนี้เราก็จะเทรดได้ง่ายแถมกำไรดีขึ้นด้วยนี่สิ ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาคู่การเทรดและ การอ่านสัญญาณจากแท่งเทียนมาฝึกกันดูนะครับ แอดบอกเลยว่า กำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ