ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปสร้างแผนทางเฟรม h4 ขึ้นมาอย่าตื่นตระหนกค่อยๆมองไปเรื่อยๆสะกดจิตตัวเองไปเรื่อยๆครับทำไปเรื่อยๆแบบเดิมๆซ้ำๆสร้างมันขึ้นมาเพื่อเราจะได้รู้ว่าถ้ามันออกแบบรูปแบบไหนที่เราสร้างแพทเทิร์นขึ้นมาแล้วเราจะวางแผนเทรดใน pattern นั้นส่วนแพทเทิร์นที่ไม่ใช่ตัดออกแค่นั้นประมาณนั้นเลยครับไม่มีอะไรมากกว่านี้รูปแบบของ h4 ก็ออกมาเป็นแผนประมาณนี้สวัสดี
ไอเดียชุมชน
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มกราฟขาขึ้นแต่ก็ต้องเซลล์ก่อนงงเลยทำไมขึ้นแล้วบอกเซลล์ไม่ต้องงงครับเวลามันขึ้นมันก็ต้องย่อแล้วเวลาย่อมันจะให้ขึ้นก็ต้องรอสัญญาณบายก่อนตอนนี้มันให้เซลล์ก็เซลล์ก่อนสัญญาณเซลล์มีอยู่ในไส้ในไปดูข้างในกันลองสังเกตดูรูปแบบเดิมๆครับถ้าใครได้ดูของการวิเคราะห์ที่ฝึกดูอยู่ทุกวันนี้ก็เอารูปแบบนั้นแหละครับมาลองใช้ดูลองฝึกกันดูผมก็กำลังฝึกอยู่ครับขอบคุณครับ
Profit Gap ของ Mark Douglas กำไรจากช่องว่างราคาสไตล์ มารค์ ดักลาส
👋หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว สำหรับวิธีการเทรดในหลายรูปแบบ รวมถึง การทำกำไรจาก ช่องว่างของกำไร Profit Gap แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร
วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จักกับ Profit Gap การทำกำไรจากช่องว่างของราคา (Gap)ให้ได้รู้กัน ตามมาครับ
👋บุคคลที่เป็นต้นแบบ วิธีการเติมเต็ม Profit Gap จากช่องว่างของกำไร ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลครับนั่นก็คือ มาร์ค ดักลาส (Mark Douglas) ผู้เขียนหนังสือขายดี Trading in the Zone นั่นเอง
👋ซึ่งในหนังสือเล่มนี้แหละ เขาได้บอกแนวทางและวิธีในการทำกำไรจากช่องว่างของราคาเอาไว้ด้วย ซึ่งบางคนหากได้อ่านแล้วจะต้องงุนงง และแปลกใจ เพราะ Profit Gap ของ มาร์ค ดักลาส (Mark Douglas) นั้นค่อนข้างแตกต่างออกไป ซึ่งไอ่เจ้านี่แหละ เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จ ต้องเติมเต็มมันให้ได้ ช่องว่างของกำไร ความหมายก็คือ ผลต่างระหว่างกำไรที่ควรจะได้ในการเทรด กับผลกำไรที่เกิดขึ้นจริงในการเทรดนั้น
ยกตัวอย่างเช่น
👋👋เราเจอสัญญาณซื้อในหุ้น PTT ที่ราคา 45 บาท และจุดขายออกนั้นควรจะอยู่ที่ 50 บาท กำไรที่ควรจะได้ในการเทรดครั้งนี้จึงอยู่ที่ 5 บาท แต่เมื่อเราเทรดจริง เราได้ซื้อหุ้น PTT ที่ราคาหุ้นละ 45.50 บาท และรีบร้อนขายไปก่อนที่ราคา 46.50 บาท กำไรที่เกิดขึ้นจริงคือ 1 บาท ส่วนต่างระหว่าง 5 บาทและ 1 บาทนี้เองที่เป็น Profit Gap
แล้วมันสำคัญยังไง???
👋สำคัญครับ มันสำคัญตรงที่ มันเป็นการวัดความแตกต่างระหว่าง "สิ่งที่ควรจะเป็น" กับ "สิ่งที่เป็นจริงๆ" ยิ่งเรามี Profit Gap ที่ห่างและบ่อยเท่าไหร่ นั่นแปลว่าเรามีการเทรดออกนอกแผนบ่อยครั้งมากขึ้น ใช้อารมณ์มากขึ้น และลดเหตุผลในการเทรดลง ก็คือใช้อารมณ์ ซึ่งผลร้ายของการที่มี Profit Gap มากๆ เข้าก็คือ เราจะกลายเป็นเทรดเดอร์ที่เทรดแบบไร้วินัย จนยากที่จะทำเงินจากตลาดได้ในระยะยาว เริ่มถึงบางอ้อกันแล้วใช่มั้ย
วิธีการเติมเต็ม Profit Gap
👋มาร์ค ดักลาส (Mark Douglas) แนะนำว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการอยู่รอดในตลาดได้ยาวนาน ควรหาทางเติมเต็ม Profit Gap ของตนเองให้ได้มากที่สุด พูดอีกอย่างก็คือ ควรทำตามแผนหรือวิธีการลงทุนด้วยสติ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ชักนำจนทำให้แผนเราเสีย
เมื่อทำตามแผนได้อย่างดีแล้ว เราจะสามารถนำผลลัพธ์จากการเทรดมาวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น หากเรามีผลการเทรดที่แย่ ก็เพียงแค่ปรับปรุงวิธีการใหม่ หากมีผลการเทรดที่ดี เราก็พัฒนามันให้ดีกว่าเดิมได้
👋👋👋 เห็นมั้ยครับว่าวิธีการคิดก่อนเริ่มจะเทรดนั้นสำคัญอย่างไร อย่าสักแต่ว่าอยากเทรดก็เทรดเลย ต้องดูแผนและรอเวลาก่อนในการทำ Profit Gap ก็เช่นกัน หมั่นฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการเทรดให้มากๆ แต่อย่าพยายามทำกำไร แบบ Profit Gap กันมาก หากเราต้องเป็นนักเทรดเก็งกำไรระยะยาว สวัสดีครับ
Breakout ในการเทรด Forex: โอกาสหรือกับดัก?Breakout เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex ยอดนิยมที่ใช้เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคา โดยอาศัยการวิเคราะห์กราฟ
แนวคิดหลัก ของ Breakout
คือ การที่ราคาสินทรัพย์ทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา
ตัวอย่าง: สมมติว่าราคา EUR/USD อยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านที่ 1.1000 – 1.1200 มานานหลายสัปดาห์
กรณี Breakout ขาขึ้น: หากราคาปิดเหนือ 1.1200 อย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณว่าราคาจะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางขาขึ้น
กรณี Breakout ขาลง: หากราคาปิดต่ำกว่า 1.1000 อย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณว่าราคาจะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางขาลง
อย่างไรก็ตาม Breakout ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่สมบูรณ์แบบเสมอไป:
Breakout หลอก: บางครั้งราคาอาจทะลุแนวรับหรือแนวต้าน แต่แล้วก็กลับมาในกรอบอีกครั้ง เรียกว่า “Breakout หลอก”
การตีความ: การตีความ Breakout ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค ข่าวสาร และสภาวะตลาดโดยรวม
กลยุทธ์ Breakout ทั่วไป:
การรอการยืนยัน: รอให้ราคาปิดเหนือหรือต่ำกว่าแนวรับแนวต้านอย่างชัดเจน 2-3 ครั้ง
การตั้งจุดตัดขาดทุน: กำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ต่ำกว่าแนวรับ (สำหรับ Breakout ขาขึ้น) หรือสูงกว่าแนวต้าน (สำหรับ Breakout ขาลง)
การตั้งเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายการทำกำไรตามแนวต้านหรือแนวรับถัดไป
ข้อดีของ Breakout:
โอกาสในการทำกำไร: Breakout อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็ว
การระบุจุดเข้า: Breakout ช่วยให้ระบุจุดเข้าซื้อหรือขายที่ชัดเจน
ข้อเสียของ Breakout:
ความเสี่ยง: Breakout อาจเป็น Breakout หลอก
การสูญเสีย: อาจสูญเสียเงินหากตั้งจุดตัดขาดทุนไม่เหมาะสม
สรุป:
Breakout เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex ที่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้อย่างชาญฉลาด ควรศึกษา Breakout ควบคู่กับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ ฝึกฝนการเทรดบนบัญชีทดลอง และมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี
Trend arrow IndicatorTrend arrow Indicator FREE!
👰👯อินดิเคเตอร์บอกเทรนในการเข้าออเดอร์
อินดิเคเตอร์ที่ช่วยให้มือใหม่ที่กำลังกระโจนเข้ามาในตลาดเกิดความอุ่นใจ เพราะแม้ว่าจะเทรดด้วยตัวคนเดียว Always Alone แต่ก็ยังอุ่นใจเพราะอินดิเคเตอร์ยังพอเป็นที่ปรึกษาและที่พึ่งทางใจได้
วิธีการใช้งาน
1. ดาว์นโหลดอินดิเคเตอร์ ตามลิงค์ที่ให้ไว้ด้านล่างก่อน
2.ดึงตัวอินดิเคเตอร์ใส่ลงไปใน MT4 ได้เลย
3. อินดี้ตัวนี้จะมีลูกศรบอกเทรน และสามารถเข้าได้เลยตามที่ลูกศรปรากฏขึ้นมา
เจ้าของอินดิเคเตอร์ตัวนี้ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าเทรดแบบมาร์ติงเกล กำไรดี๊ดีแหละ ยิ่งเป็น การดีที่จะผสมผสานกับ Martingale EA เพื่อติดตาม Trend แหนะ มีแอบขาย EA นิดหน่อย แต่ EA ฟรีก็มีเยอะแยะ ของฟรีต้องจัดนะ ดี๊ดี จริมๆ ขอบอก
ดูจากรูปแล้ว แอดบอกเลย ว่ามันง่ายและง่ายมากๆ บอกเทรนพร้อม มีลูกศรชี้จุดเข้าอีก โอ๊ย ดีงามมากพ่อ
👰👯 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สมัยนี้การเทรดแบบมีตัวช่วยไม่ใช่เรื่องน่าอาย ใครๆก็ทำกัน แถมช่วยให้การเทรดกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกด้วย ไม่จัดได้ไงหละ ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรใส่เครื่องมือเพิ่มเข้าไปอีกนิดหน่อยนะครับ ถ้าไม่ค่อยลายตาก็จัดไปครับ แค่ที่อยากฝากไปอีกนิดคือ เครื่องมือเทรดจะดีแค่ไหนเราก็ต้องมีระบบระเบียบในการเทรดนะครับ ต้องมีวินัยในการเทรด แล้ว กำไรจะตามมาได้ไม่ยากเลยจริงๆ
เทคนิคการเทรด Forex แบบมือโปร: วิเคราะห์ Demand & Supply Zoneบทความนี้ จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ "Demand & Supply Zone" เทคนิคการวิเคราะห์กราฟราคาที่ช่วยให้เข้าใจกลไกตลาด หาจุด "เข้าซื้อ-ขาย" ที่ดี และเพิ่มโอกาสในการ "ทำกำไร" ในตลาด Forex
Demand & Supply Zone (D&S Zone) หรือ โซนอุปสงค์อุปทาน เป็นเทคนิคการวิเคราะห์กราฟราคา Forex ที่ใช้หลักการง่ายๆ ของกลไกตลาด เมื่อราคาสินค้ามี “ผู้ซื้อ” มากกว่า “ผู้ขาย” ราคามีแนวโน้มที่จะ “ขึ้น”
ในทางกลับกัน เมื่อ “ผู้ขาย” มีมากกว่า “ผู้ซื้อ” ราคามีแนวโน้มที่จะ “ลง”
D&S Zone ใน Forex จึงหมายถึง ช่วงราคา ที่ในอดีตเคยเกิด “การซื้อขาย” อย่างหนาแน่น แสดงถึง “แรงซื้อ” หรือ “แรงขาย” ที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาในอนาคต
ประเภทของ D&S Zone
Demand Zone (โซนอุปสงค์): โซนที่ราคามีแนวโน้มที่จะ “ดีดตัวขึ้น” เมื่อราคาลงมาทดสอบ
Supply Zone (โซนอุปทาน): โซนที่ราคามีแนวโน้มที่จะ “ถูกกดลง” เมื่อราคาขึ้นไปทดสอบ
วิธีการหา D&S Zone
มีหลายวิธีในการหา D&S Zone แต่ที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่
การวิเคราะห์จากปริมาณการซื้อขาย: ดูจากแท่งเทียนที่มีปริมาณการซื้อขายสูงๆ
การวิเคราะห์จากแนวรับแนวต้าน: แนวรับแนวต้านที่เกิดจากแรงซื้อแรงขายในอดีต
การวิเคราะห์จากรูปแบบกราฟ: รูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทางของราคา เช่น หัวไหล่กลับ หัวไหล่คว่ำ
ตัวอย่างการใช้ D&S Zone ในการเทรด Forex
การเทรดแบบ Buy: เมื่อราคาลงมาทดสอบ Demand Zone รอให้เกิดสัญญาณการกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับตัว ซื้อเข้าเพื่อหวังว่าราคาจะ “ดีดตัวขึ้น”
การเทรดแบบ Sell: เมื่อราคาขึ้นไปทดสอบ Supply Zone รอให้เกิดสัญญาณการกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับตัว ขายออกเพื่อหวังว่าราคาจะ “ถูกกดลง”
ข้อดีของการใช้ D&S Zone
ช่วยให้เข้าใจ “กลไกตลาด”
หาจุด “เข้าซื้อ-ขาย” ที่ดี
เพิ่มโอกาสในการ “ทำกำไร”
ข้อเสียของการใช้ D&S Zone
“สัญญาณไม่ชัดเจน”: D&S Zone ไม่ได้บอกเราเสมอไปว่าราคาจะ “ดีดตัว” หรือ “ถูกกด”
“ตีกรอบผิด”: การตีกรอบ D&S Zone ผิด จะทำให้จุด “เข้าซื้อ-ขาย” ผิดพลาด
“ตลาดเปลี่ยนแปลง”: กลไกตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ D&S Zone ที่เคยใช้ได้ อาจจะใช้ไม่ได้ในอนาคต
EP34XAUUSD:Technical TREND LINE.only หารอบเทรดในแต่ละรอบตามแผนครับหารอบเทรดต้นรอบปลายรอบในแต่ละรอบเป็นรอบๆไป
เมื่อเรามีรอบหลักชัดเจนต่อไปหารอบรอง ส่วนรอบย่อย รอบอย่างย่อย รอบยิ๊บย่อย เราจะไปเทรดที่ไทม์เฟรมเล็กกว่าต่อไป
TF8H ที่ผมวาดและวิเคราะห์ไว้ตั้งแต่ Wed10Jun'24 04:00 ครับ
เงื่อนไขการอดทนง่ายมากเมื่อปรากฏรอบเทรดชัดเจนให้วาดรอบครอบแล้วทำการเทรดในรอบ เทรดสั้นในรอบ เทรดยาว buy on dip กล่าวคือ รอบหลัก รอบรอง รอบย่อย รอบอย่างย่อย รอบยิ๊บย่อย ของหน้าเทรดที่เราได้วางแผนไว้นั้นเองครับ
แค่นี้เราก็แบ่งรอบการเทรดได้อย่างชัดเจนครับ
ที่ผมแชร์เป็นไอเดียการวาดแผน หา รอบเทรดไม่ว่าจะเป็น ปลายรอบหรือต้นรอบ อย่างง่ายโดยใช้แค่เส้นเทรนมาวาดๆแล้วก็จะได้ต้นรอบเพื่อเข้าซื้อและปลายรอบไว้ทำกำไร
ในไทม์เฟร์ม5นาทีง่ายเลย สังเกตุกลางรอบครับเส้น LOC
***LOC ย่อมาจาก Line of Control คือ เส้นศูยน์กลางตามแนวของราคาที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด***
ในวันที่ 12-13-14-15 ของไทม์เฟร์ม15นาที ราคาได้ลงมาที่จุด POC ลงทะลุแล้ว Jump Up ทันที
สรุปว่า : การวาดเทรนอย่างง่ายได้ผล 1000% 1000000% โดยเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์นั้นเอง
"รอบหลัก รอบรอง รอบย่อย รอบอย่างย่อย รอบยิ๊บย่อย" คิดคำใช้เรียกง่ายๆอย่างง้่ยให้ให้เข้าใจง่ายๆขึ้นมาเองไม่มีในตำราใหนนะเพื่อว่าเทรดไปอมยิ้มไป 55555
EP34XAUUSD:Technical TREND LINE.only หารอบเทรดในแต่ละรอบตามแผนครับหารอบเทรดต้นรอบปลายรอบในแต่ละรอบเป็นรอบๆไป
เมื่อเรามีรอบหลักชัดเจนต่อไปหารอบรอง ส่วนรอบย่อย รอบอย่างย่อย รอบยิ๊บย่อย เราจะไปเทรดที่ไทม์เฟรมเล็กกว่าต่อไป
TF8H ที่ผมวาดและวิเคราะห์ไว้ตั้งแต่ Wed10Jun'24 04:00 ครับ
เงื่อนไขการอดทนง่ายมากเมื่อปรากฏรอบเทรดชัดเจนให้วาดรอบครอบแล้วทำการเทรดในรอบ เทรดสั้นในรอบ เทรดยาว buy on dip กล่าวคือ รอบหลัก รอบรอง รอบย่อย รอบอย่างย่อย รอบยิ๊บย่อย ของหน้าเทรดที่เราได้วางแผนไว้นั้นเองครับ
แค่นี้เราก็แบ่งรอบการเทรดได้อย่างชัดเจนครับ
ที่ผมแชร์เป็นไอเดียการวาดแผน หา รอบเทรดไม่ว่าจะเป็น ปลายรอบหรือต้นรอบ อย่างง่ายโดยใช้แค่เส้นเทรนมาวาดๆแล้วก็จะได้ต้นรอบเพื่อเข้าซื้อและปลายรอบไว้ทำกำไร
ในไทม์เฟร์ม5นาทีง่ายเลย สังเกตุกลางรอบครับเส้น LOC
***LOC ย่อมาจาก Line of Control คือ เส้นศูยน์กลางตามแนวของราคาที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด***
ในวันที่ 12-13-14-15 ของไทม์เฟร์ม15นาที ราคาได้ลงมาที่จุด POC ลงทะลุแล้ว Jump Up ทันที
สรุปว่า : การวาดเทรนอย่างง่ายได้ผล 1000% 1000000% โดยเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์นั้นเอง
"รอบหลัก รอบรอง รอบย่อย รอบอย่างย่อย รอบยิ๊บย่อย" คิดคำใช้เรียกง่ายๆอย่างง้่ยให้ให้เข้าใจง่ายๆขึ้นมาเองไม่มีในตำราใหนนะเพื่อว่าเทรดไปอมยิ้มไป 55555
ตัวอย่าง Terminal Impulse ที่ไม่ได้มี effect อย่างที่ทฤษฎีว่าไว้ในกราฟนี้เป็น Terminal Impulse แน่นอน ดูจากการ Overlap ของ 2-4 ก็เห็นชัดเจน แต่ก็ไม่ได้มี effect ที่ว่าจะลงไปจุดเริ่มต้นของมันเลย แถมขึ้นเกินไปอีก ดังนั้นก็ จะใช้อะไร เรียนอะไรมา เอามาแบ๊กเทสก่อนนะจ๊ะ อิอิ ตัวอย่างนี้ไม่ได้เป็นแค่ตัวอย่างเดียว ในกราฟอื่นๆก็มีให้เห็นบ่อยครับ ลองดูได้ รึบางที อาจจะเพราะเอามาใช้กับแท่งเทียน เลยเจอความ Sadly Disappointed เพราะไม่ใช่ Wave Chart กันนะ 🙃
Pareto Principle กฎ 80/20 ทำน้อยแต่ได้มากPareto Principle
กฎ 80/20 ทำน้อยแต่ได้มาก
👏👏👏 สวัสดีครับ กลับมาพบเจอกันในบทความรอบโลกกันอีกเช่นเคย วันนี้แอดพาทุกท่านไปรู้จักกับ กฎ 80/20 ที่ช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญและการบริหารเงิน บริหารเวลาได้แบบคุ้มค่าที่สุด มันเป็นอย่างไร แล้วใช้อย่างไร ตามมาอ่านบทความด้านล่างได้เลยครับ
กฎ 80:20 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎพาเรโต” (Pareto principle) หมายถึงผลลัพธ์ในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น 80 % โดยมาจากตัวแปร 20 %
หลักการพาเรโตเป็นเครื่องมือทางสถิติที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากการสังเกตการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลี นามว่า Vilfredo Pareto เมื่อปี 1906 ว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ในอิตาลีมาจากประชากรจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปรากฏว่าอัตราส่วน 80:20 นี้เป็นสามารถใช้ได้จริงและเกิดขึ้นจริงในวงการอื่นๆด้วยเช่นกัน และยังสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
แต่หลักการพาเรโตนั้นมักถูกเข้าใจผิดว่า หมายถึง การทำงานน้อยๆ ผลิตน้อยๆ และใช้เวลาน้อยๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่มาก
จริงๆแล้วหลักการพาเรโต หมายถึง ทำงานอย่างฉลาดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้เหลือเวลาไว้ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์
สิ่งที่สำคัญที่สุดของหลักการ 80/20 ก็คือ ความสามารถในการวางเป้าหมายและทำให้ได้ แต่ขั้นตอนในการทำอาจไม่ต้องทำถึง 100 % หรือ 80 % แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นได้มากถึง 80-100 % ซึ่งวิธีการที่ว่าก็คือ 20% ของการทำงานนั่นเอง
“การวางแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับหลักการ 80/20 “
👉👉👉 หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือการลงแรงด้วยทุน เพียงน้อยนิด 20 % แต่ได้ผลลัพธ์หรือ กำไร มากถึง 80 % และที่สำคัญ ไอ่เจ้า กฎ 80 /20 ที่ว่านี้ยังสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกๆสถานการณ์จนอาจเรียกได้ว่าเป็น “กฎครอบจักรวาล” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการงาน ความสัมพันธ์และการติดต่อกับผู้คน หรือแม้แต่ในเรื่องการดูแลตัวเอง เช่น การกิน การนอน การออกกำลังกาย เป็นต้น
6 วิธีในการนำหลักการพาเรโต ไปใช้
1. ระบุงานที่สำคัญจริงๆที่ควรทำก่อนเป็นอันดับแรก เพราะในชีวิตจริงงานด่วนงานรีบ แต่ไม่สำคัญก็มีเยอะและแทรกงานสำคัญไปหมดเลย ทำให้เราสับสนได้ง่ายๆ
2. หาให้เจอว่ามีความสัมพันธ์ทางธุรกิจใด ที่ส่งผลให้องค์กรของคุณไปข้างหน้าได้ไกลกว่าเดิม และงานไหนที่ให้ผลตอบแทนและผลลัพธ์ที่คุ่มค่ามากที่สุด เพราะเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้การดำเนินงานง่ายและสะดวกขึ้นและเจริญขึ้นได้ง่าย
3. วางแผนการทำงาน อะไรที่ทำให้งานไม่เดิน กำจัดสิ่งรบกวน 20% เพื่อโฟกัสกับงาน 80 % หาวิธีหรือกระบวนการทำงานที่สามารถลดบางขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป
4. ไม่ต้องมีเป้าหมายเยอะ มีแค่เป้าหมายเดียวแล้วบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้ เพราะการมีเป้าหมายเยอะทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือเป้าหมายที่สำคัญจริงๆ เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะสำคัญไปหมด ไม่รู้จะโฟกัสอะไรก่อน
5. เวลาในการทำงานก็สำคัญ หาให้เจอว่างานอะไรที่ใช้เวลาไปกับมันเยอะ แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เช่นการตอบอีเมลล์ลูกค้าเยอะๆหลายฉบับ แทนที่จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการเจรจาหารือกับลูกค้าหรือที่ปรึกษา เพื่อจบในครั้งเดียว
6. งานที่ไม่ถนัด อย่าลังเลที่จะมองหาความช่วยเหลือ เป็นไปไม่ได้ที่คนเพียงคนเดียวจะถนัดทุกอย่าง และเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่งานหนึ่งงานจะสำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียว โดยเฉพาะหากเป็นงานเร่งด่วนจะยิ่งส่งผลให้งานนั้นเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้นด้วย ฉะนั้นอย่าลังเลที่จะมองหาความช่วยเหลือจากคนที่ถนัดหรือมีเวลามากกว่าเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับกฎ 80/20 ของพาเรโต ที่สามารถนำไปใช้และปฎิบัติได้จริง เพราะมันเป็นค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจริงๆในหลายๆองค์กรและชีวิตประจำวัน ซึ่งเราก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเทรดได้ด้วยเช่นกันนะฮะ เราเอาไปใช้กันดูนะฮะ จัดระเบียบงานและความสำคัญให้ดี รับรอง่าชีวีสุขสันต์แน่นอนครับผม
สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม
วิธีใช้ ATR ในการเทรด Forexวิธีใช้ ATR ในการเทรด Forex:
การกำหนดระดับ Stop-Loss: เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR ร่วมกับระดับแนวรับแนวต้านเพื่อกำหนดระดับ Stop-Loss โดยทั่วไปแล้ว Stop-Loss จะถูกวางไว้เหนือแนวต้านสำหรับการเทรด Long และต่ำกว่าแนวรับสำหรับการเทรด Short ATR ช่วยให้
เทรดเดอร์สามารถปรับระยะ Stop-Loss ให้เหมาะสมกับความผันผวนของตลาดได้
การระบุโอกาสในการ Breakout: ATR สามารถช่วยระบุโอกาสในการ Breakout ของราคา โดยทั่วไปแล้ว Breakout จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวเกินกว่า ATR สองเท่า เทรดเดอร์สามารถใช้ Breakout เพื่อเข้าหรือออกจากการเทรด
การวัดความเสี่ยง: ATR เป็นเครื่องมือวัดความเสี่ยง เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR เพื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงของคู่สกุลเงินต่างๆ คู่สกุลเงินที่มีค่า ATR สูง มีความเสี่ยงสูงกว่าคู่สกุลเงินที่มีค่า ATR ต่ำ
การกรองสัญญาณ: ATR สามารถใช้เป็นเครื่องมือกรองสัญญาณจากตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจรอให้ ATR ลดลงก่อนที่จะเข้าซื้อหรือขายตามสัญญาณจาก RSI
ข้อจำกัดของ ATR:
ATR เป็นตัวบ่งชี้ที่ล้าหลัง: ATR คำนวณจากข้อมูลราคาในอดีต ดังนั้น ATR จึงไม่สามารถบอกอนาคตได้ เทรดเดอร์ควรใช้ ATR ควบคู่กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
ATR ไม่สามารถบ่งบอกทิศทางของราคา: ATR สามารถบอกเทรดเดอร์ได้ว่าราคาเคลื่อนไหวมากแค่ไหน แต่ ATR ไม่สามารถบอกเทรดเดอร์ได้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปทางใด
ค่า ATR สามารถเปลี่ยนแปลงได้: ค่า ATR สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา เทรดเดอร์ควรติดตามค่า ATR อย่างใกล้ชิด
โดยสรุป:
ATR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ Forex เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR เพื่อกำหนดระดับ Stop-Loss ระบุโอกาสในการ Breakout วัดความเสี่ยง และกรองสัญญาณ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงข้อจำกัดของ ATR และใช้ ATR ควบคู่กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
Risk of Ruin หรือ ความเสี่ยงของการหมดตัวRisk of Ruin หรือ ความเสี่ยงของการหมดตัว เป็นแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ประเมินโอกาสที่นักลงทุนหรือผู้เล่นพนันจะสูญเสียเงินทุนทั้งหมด แนวคิดนี้มีประโยชน์ในการวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนและการพนัน ช่วยให้นักลงทุนและผู้เล่นพนันตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
สูตรคำนวณ Risk of Ruin
สูตร Risk of Ruin ทั่วไปมีดังนี้:
R = (1 - f) ^ (b / (a - f))
โดยที่:
R คือ ความเสี่ยงของการหมดตัว
f คือ อัตราส่วนความสำเร็จ (โอกาสชนะ)
a คือ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อการเดิมพันที่ชนะ
b คือ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อการเดิมพันที่แพ้
จากสูตรนี้ เราสามารถเห็นได้ว่า:
ความเสี่ยงของการหมดตัวจะลดลงเมื่ออัตราส่วนความสำเร็จ (f) เพิ่มขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง โอกาสสูญเสียเงินทุนทั้งหมดจะลดลงเมื่อโอกาสชนะเดิมพันเพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงของการหมดตัวจะลดลงเมื่ออัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อการเดิมพันที่ชนะ (a) เพิ่มขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง โอกาสสูญเสียเงินทุนทั้งหมดจะลดลงเมื่อผลตอบแทนจากการชนะเดิมพันเพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงของการหมดตัวจะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อการเดิมพันที่แพ้ (b) เพิ่มขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง โอกาสสูญเสียเงินทุนทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเมื่อผลตอบแทนจากการแพ้เดิมพันเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้
นักลงทุนต้องการประเมินความเสี่ยงของการหมดตัวจากกลยุทธ์การลงทุนใหม่ กลยุทธ์นี้มีอัตราส่วนความสำเร็จ 55% (f = 0.55) อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อการลงทุนที่ชนะ 10% (a = 0.10) และอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อการลงทุนที่แพ้ -5% (b = -0.05)
โดยใช้สูตร Risk of Ruin:
R = (1 - 0.55) ^ (0.05 / (0.10 - 0.55)) ≈ 0.202
จากผลลัพธ์นี้ นักลงทุนมี ความเสี่ยงของการหมดตัว ประมาณ 20.2% หมายความว่า มีโอกาส 20.2% ที่นักลงทุนจะสูญเสียเงินทุนทั้งหมดจากกลยุทธ์นี้
สรุป
Risk of Ruin เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนและผู้เล่นพนัน ช่วยให้นักลงทุนและผู้เล่นพนันประเมินความเสี่ยงของกลยุทธ์และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
ข้อควรระวัง
สูตร Risk of Ruin เป็นเพียงโมเดลทางคณิตศาสตร์ ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความเสี่ยงของการหมดตัว เช่น จิตวิทยาของนักลงทุนหรือผู้เล่นพนัน สภาพตลาด และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
EP27bitcoin :Technical TREND LINE,Very easy Simple Analysis etc.จากเทคนิคอลที่ง่ายๆได้สร้างความฮือฮาให้ผมมาแล้วหลายต่อหลายรอบแล้วนั้น (ให้ผมนะ) โดยเทคนิคอลได้มีชื่อว่า
*** Technical TREND LINE,Very easy Simple Analysis etc. ***
โดยให้นิยามว่า
*** การวิเคราะห์อย่างง่ายแบบที่ง่ายให้ง่ายมากๆในรูปแบบเส้นแนวโน้ม ฯลฯ ***
(ผมตั้งชื่อเอง(ขำๆ) คิดเอง ใช้เอง นั้นเอง 555 ) โดยทดลองใน EP ก่อนๆมาแล้วมากมายทั้งทีตีแผ่ได้และไม่ได้ตีแผ่ เผยแพร่ในส่วนที่เผยแพร่ได้
Technical TREND LINE,Very easy Simple Analysis etc. : BTCUSDT.P
1.แนวโน้ม เทรนไลน์
2.แนวโน้ม ฟิโบไลน์
3.แนวโน้ม ไทม์มิ่งไลน์
แนวโน้ม เทรนไลน์ในไทม์เฟรม1ชั่วโมงเราจะเห็น
- main theme เป็นแนวโน้มขาลงชัดเจน
- current trends ไม่เป็นเทรนขึ้นๆลงๆออกข้าไปเรื่อยๆ
ส่วนการวิเคราะห์เทรดแบบเรียลไทม์เมื่อ main theme แนวโน้มขาลงแล้ว current trends เป็นการไซต์เวย์ จะส่งผลทำให้การ Action ในทางใดทางหนึ่งเป็นไปได้ยากมากเพราะไม่เป็นเทรน ดังนั้นเราจะใช้ กลยุทธ์ ซื้อขายใน current trends ไซต์เวย์นี้ได้ทันทีแบบมองลงไปจนกว่าราคาจะเปลี่ยน main theme นั้นเอง
แถมให้ : สังเกตุ หากแนวโน้มหลุด current trends แนวโน้มก็จะดำเนินการณ์ต่อตาม main theme แต่หากแนวโน้มเป็นไปตาม current trends ไปเรื่อยๆจนทะลุ main theme มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าจะเกิด main theme ใหม่ก็จะมีสูงเช่นเดียวกัน
แนวโน้ม ฟิโบไลน์ในไทม์เฟรม1ชั่วโมงเราจะเห็น
หาก main theme แข็งแรงมากเป็นไปได้ว่าแนวรับ จะอยู่ที่เป้าหมายด้านล่างตามลำดับ แต่ถ้าหาก current trends แข็งแรงแนวโน้มของการจะอยู่ในกรอบฟิโบไลน์ตาม current trends จนกว่าแนวโน้มจะเกิด main theme ใหม่ ต่อไป
S&R Flip Changed Roles S&R Flip Changed Roles
เมื่อแนวรับแนวต้านเปลี่ยนฐานใหม่
👏👏👏 เคยงงกันบ้างมั้ยครับ เกี่ยวกับแนวรับแนวต้าน จริงๆฟังดูแล้วก็เบสิคพื้นฐานนี่นา แต่ถ้าพูดใหม่ว่า แนวรับกลายเป็นแนวต้าน แนวต้านกลายเป็นแนวรับ อ้าวววว งงหนักกว่าเดิมสะอีก เพราะอะไร มันไปเปลี่ยนโซนกันตอนไหน มันบอกอะไรเราได้บ้าง บทความนี้มีคำตอบครับ
👏👏S&R (Support and Resistance ) คือแนวรับแนวต้าน จัดว่าเป็น Price Action ตัวนึงฮะ ซึ่งแม่นยำมาก ในเรื่องการเข้าออเดอร์
👏👏 S&R Flip หรือ Support and Resistance Flip คือการเปลี่ยนกลับด้าน จาก Support ไปเป็น Resistance หรือ เปลี่ยนจากเเนวต้าน Resistance ไปเป็นเเนวรับ Support ........ อย่าเพิ่งงงกันน๊า
แล้วทำไมเป็นงั้นหล่ะ???
👏แห่มก็กราฟมันมีทั้งขึ้นและก็ลง จะให้ขึ้นอย่างเดียวก็ใช่ที่ มันต้อง มีย่อ มีลงต่อ ขึ้นต่อ เรื่องปกติฮะ ลีลาจะตายไป
อะไรก็เกิดขึ้นได้ !......ด้วย S&R Flip
👏 เราจะเห็นแนวรับแนวต้าน เปลี่ยนด้าน เปลี่ยนหน้าที่กันได้ตลอดเวลาฮะ เพราะมันขึ้นอยู่กับ Demand & Supply (ดีมานด์และ ซัพพลาย์) ดีมานด์ซัพพลาย์ ก็คือจุดเทรดที่เจ้ามือรายใหญ่ๆมักจะเข้าเทรดกันนั่นแหละครับ
👏เราจะเห็นได้ชัดเจน จากวิวัฒนาการของแนวโน้มกราฟ ที่อยู่ในระดับที่สำคัญถูกทำลายลงในแต่ละราคา ไม่ว่าจะจากการทะลุขึ้น หรือ การเทลงของราคาที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น และขาลง ในระยะยาว และยังที่มีการทะลุลงต่อยาวอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เมื่อราคาทดสอบระดับแนวรับหรือแนวต้านที่จุดเบรคเอ๊าท์ และทะลุขึ้น หรือทะลุลงอย่างต่อเนื่องนั่นแหละครับ ฉีกทุกกฎ เบรคทุกต้าน เราก็เพียงทำได้แค่ นั่งทับมือ และรอ
วิธีการรับมือกับ S&R Flip
- หากราคาจะย่อกลับลงมาอีกครั้งเพื่อทดสอบ แนวรับเก่าที่เป็นโซนพักตัว ก่อนที่จะพยายามทำราคาเบรคเอ๊าท์ที่แนวรับเก่าขึ้นไปเรื่อยๆ ให้สังเกตุแท่งเทียน Price Action ประกอบ
- หากราคาจะยังคงลงต่อเนื่องโดยทำลายแนวรับใหม่ไปเรื่อยๆ ให้เทรดตามแนวโน้มใหญ่ต่อไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการอ่านกราฟออกคือ การบริหารเงินที่ดีครับ รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ไม่มีจริง มันต้องมีแพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่แพ้อย่างไรให้มีกำไรดีกว่า หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน รับรองว่ากำไรไม่ไกลเกินฝันแน่นอนฮะ แอดเอาใจช่วย
How to mark POIการเรียงลำดับความสำคัญโซนจะเรียงตามนี้
1. order flow
2. imbalance
3. order block
Note
- ให้ความสำคัญที่ order flow ก่อน แต่กรณีไม่มี unmitigated order flow เลยถึงจะใช้ order block สำหรับ entry
- ถ้าไม่มีข้อ 1-3 เลย รอเกิด BOS swing low หรือ swing High ก่อนค่อยหาจุด entry
- กรณีจาก Low ถึง High มี order flow มากกว่า 2 จุด
ถ้า Buy เริ่มจาก High ให้ความสำคัญกับโซนแรกสุดใต้ IDM และ โซนสุดท้ายด้านล่างสุด
ถ้า sell เรื่มจาก Low ให้ความสำคัญโซนแรกสุดเหนือ IDM และ โซนสุดท้ายด้านบนสุด
Forex Slippage: พลังแอบแฝงนี้ที่ทำให้ล้างพอร์ตในโลกของการเทรด forex กำไรและขาดทุน ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับ กลยุทธ์ การวิเคราะห์ และ โชค เท่านั้น แต่ยังมี ค่าธรรมเนียมแอบแฝง ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของคุณ หนึ่งในค่าธรรมเนียม ที่สำคัญ คือ Forex Slippage หรือ ค่าธรรมเนียมสลิป
Forex slippage หรือ ค่าธรรมเนียมสลิป คือ ความแตกต่างระหว่างราคาที่คุณคาดหวังจะซื้อหรือขายสินทรัพย์ กับราคาที่คุณทำการซื้อขายจริงในตลาด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือ ค่าใช้จ่ายแอบแฝง ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเทรด forex ซึ่งอาจส่งผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนของคุณ
สาเหตุของ slippage
มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิด slippage ได้แก่:
สภาพคล่องของตลาด: ตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ หมายความว่ามีผู้ซื้อและผู้ขายน้อย ซึ่งอาจทำให้ราคาเสนอซื้อและเสนอขาย (bid-ask spread) กว้างขึ้น เพิ่มโอกาสของ slippage
ความผันผวนของตลาด: ตลาดที่มีความผันผวนสูง ราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้ยากต่อการเติมเต็มคำสั่งซื้อขายของคุณในราคาที่ต้องการ
ความเร็วในการดำเนินการ: หากคุณใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่ช้า หรือมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียร คำสั่งซื้อขายของคุณอาจถูกเติมเต็มในราคาที่แตกต่างจากที่คุณคาดหวัง
ประเภทของ slippage
มีสองประเภทหลักของ slippage:
Positive slippage: เกิดขึ้นเมื่อคุณซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่คุณร้องขอ หรือขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าราคาที่คุณร้องขอ slippage ประเภทนี้เป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์
Negative slippage: เกิดขึ้นเมื่อคุณซื้อสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าราคาที่คุณร้องขอ หรือขายสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่คุณร้องขอ slippage ประเภทนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์
วิธีหลีกเลี่ยง slippage
มีหลายวิธีที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงหรือลด slippage ได้:
เทรดในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง: ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง มักจะมี bid-ask spread แคบลง และโอกาสของ slippage น้อยลง
ใช้คำสั่งซื้อขายแบบจำกัด: คำสั่งซื้อขายแบบจำกัด จะสั่งให้โบรกเกอร์ของคุณซื้อหรือขายสินทรัพย์เมื่อราคาถึงระดับที่ระบุไว้ ช่วยให้คุณควบคุมราคาที่คุณจะซื้อขายได้
ใช้บัญชี ECN: บัญชี ECN เสนอการเข้าถึงตลาด forex โดยตรง โดยไม่มีการแทรกแซงจากโบรกเกอร์ ซึ่งอาจช่วยลด slippage ได้
เลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียง: โบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียง มักจะมีระบบการเติมเต็มคำสั่งซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจช่วยลด slippage ได้
EP26XAUUSD : Technical TREND LINE,Very easy Simple Analysis etc.จากการวาดเทคนิคอลตั้งแต่ต้น (ขิงเบาๆ)
แผนเดิมไอเดียเดิมยังใช้ได้ผลดีถึงแม้จะลบออกวาดแนวทางใหม่หลายร้อยรอบพันรอบ รอบๆ แล้วก็ตาม จากเดิมที่ใช้ Trend line ต่อมามีเพิ่มเติม Moving Average line และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เป็น Dow Theory มาประกบ ทั้งสามอย่างนี้ก็สามมารถก่อให้เกิดไอเดียแผนเทรดมากมายแล้วขอแค่ให้เรา ฝึกแล้วก็ฝึกและฝึกให้ชำนาญให้ได้นานๆ...ตลอดๆ ทำซ้ำ ทำซ้ำ ทำซ้ำ เรื่อยๆ ฝึกสิ่งง่ายๆสามสิ่งนี้ให้รู้ถึงแก่นกันไปข้างหนึ่งเลย
พอเราฝึกสามสิ่งนี้ให้ชำนาญรู้ซึ้งถึงแก่นแล้วต่อไปเราก็นำไปต่อยอดนั้นเองครับ(แต่ต้องให้ชำนาญรู้ถึงแก่นก่อนนะแล้วค่อยไปต่อยอดไม่อย่างนั้น จะกลับกลายเป็นยอดแย่ได้) อ้อๆพอมีสามสิ่งนั้นแล้วขอแถมอีกสิ่งคือ Timing cycle ***Timing cycle บ่งบอกทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็น Timing cycle ของสินทรัพย์ที่เราใช้หรือ Timing cycle ของเราเองและอื่นๆที่เรา สรร มา***
รวมให้แล้วจาก 4 สิ่ง
Trend line
Moving Average line
Dow Theory
Timing cycle
หน้าเทรดไทม์เฟร์ม5นาทีที่ขยายมาจากไทม์เฟรม15นาที
โพสต์ต่อไปจะเป็นไอเดียที่พัฒนาต่อยอดจากไอเดียเดิมนี้ Technical TREND LINE,Very easy Simple Analysis etc. ที่ผมขิงมาตลอด26EP ต่อจากEPนี้จะเป็นการรวมรวมเอาความรู้ที่สั่งสมมาจาก GOOGLE FACEBOOK YOUTUBE ไลฟ์ความรู้ต่างๆมาเสริมไอเดียของเรากัน เรื่องต่อไปเป็นเรื่อง (ตั้งชื่อโพสต์อย่างไรให้คนมั่นใส 5555 ยอกๆ)
ข้อสังเกตุ
Trend line ราคาเคลื่อนจากต้นเทรนไปตามเทรนแล้วเกิดอย่างหนึ่งอย่างใดที่ปลายเทรน
Moving Average line ราคาเคลื่อนจากต้น MA ไปตาม MA แล้วเกิดอย่างหนึ่งอย่างใดที่ปลาย MA (อยู่บนอยู่ล่าง)
Dow Theory ราคา ยก low ยก high,ราคา ต่ำ low ต่ำ high
Timing cycle ของสินทรัพย์ที่เราใช้และของเราเอง
เราได้เรียนรู้อะไรจากกรณีหุ้น SET:EA รูด -85% จากยอด ATH?วันนี้เห็นเพจหุ้นลงข่าว EA ที่ไม่ใช่ Electronic Arts ค่ายเกมที่ชาวเกมเมอร์รู้จักกันดี แต่ดันเป็น Energy Absolute หุ้นไทยสายปั่นแทน
ชื่อนี้ผมเคยเห็นผ่านตามาแว่บๆ จากการตามเพจหุ้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก วันนี้นึกสงสัยก็เลยไปลองเปิดกราฟดูว่า มันเกิดไรขึ้นนะ ก็พบว่า
- หุ้นตัวนี้มีการลากขึ้นหลังตลาดถล่มช่วง covid ปี 2020 และลากไปพีคช่วงปลายปี 2021
- โดยลากขึ้นแบบโหดสัส คือ ขึ้นมาจากหลุมต่ำสุดราวๆ 280% หรือถ้าใครซื้อมาเฉลี่ยๆ ตอนตลาดตกหนัก ก็อาจจะมีกำไรราวๆ 2xx% up ตอนตลาด top
- แน่นอน การลากขึ้นตั้งเกือบ 300% ในระยะเวลาสั้นๆ ก็ทำให้หุ้นประเภทนี้กลายเป็น talk of the town of mang mao ไปไม่ต่างอะไรกับ DeFi, GameFi หรือ NFT ในช่วงปี 2021
- แต่ก็นั่นแหละ งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา หลังจากพยายามจะทำ ATH อีกรอบในปี 2022 แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ร่วงลงมาใหม่ โดยเริ่มจากกราฟ day เสียทรง ตามมาด้วยกราฟ week และสุดท้ายระบบทุกอย่างก็แดงหมดแทบทุก timeframe
- หลังจากนั้นก็ตามที่เห็น ค่อยๆ ไหลลงมาเรื่อยๆ โดยวันที่เขียนบทความนี้ราคาก็ลงมาจาก ATH ถึง -85% ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ shitcoins ทั้งหลายทั้งปวงที่พวกเราชาวคริปโตก็น่าจะคุ้นชินกันดี 555
--------------------
เรื่องนี้สอนให้เราเรียนรู้อะไร?
--------------------
- ตลาดเก็งกำไร ทุกอย่าง มันมีรอบของมันเสมอ รอบที่มันลากขึ้น ทุกคน happy มีกำไรกันเป็นกอบเป็นกำ คนแห่กันมาซื้อโดยไม่มองถึงความเสี่ยงที่มันอาจจะเกิดขึ้น
- ในรอบที่มันเริ่มออกข้าง ซึมๆ ไม่ไปไหน คนที่ติดดอยก็ยังทนถือด้วยความหวังว่า "เดี๋ยวมันก็คงจะไปต่อเหมือนทุกที ( buy & hope )" แต่ไม่เคยคิดว่า "แล้วถ้ามันไม่ไปต่อล่ะ เราจะทำยังไง"
- สุดท้าย พอมันจบรอบ ไปต่อไม่ได้ กราฟมันก็จะเริ่มเสียทรง เริ่มจาก daily มาเป็น weekly แต่คนที่ไม่มีแผนหนี เขาก็จะถือทนไปเรื่อยๆ และกลายเป็น VI จำเป็น
- และพอข่าวร้ายๆ ลงอย่างวันนี้ ... ราคาลงหนักๆ แบบนี้ ก็แน่นอน เขาเหล่านี้ก็จะขายออกมา และตลาดเริ่มวัฏจักรใหม่นั่นเอง 555
- ปล. แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นตัวนี้จะกลับขึ้นไปนะครับ ไม่มีใครรู้หรอก แต่ที่ผมรู้อย่างนึงคือ หุ้นอ่ะ ถ้ามันจะขึ้น มันไม่ได้กลับตัวพรวดเลย มันจะค่อยๆ ย่ำฐานแล้วค่อยๆ กลับขึ้นไปเป็นขาขึ้นใหม่ เราก็แค่ รอให้เป็นแค่นั้นเอง ช่วงเวลาแบบนี้อย่าไปรีบรับมีดดีที่สุดครับ กราฟหัวทิ่มขนาดนี้ นั่งดูเฉยๆ ดีกว่า ดูฟรีไม่เสียตัง ปล่อยให้เซียนเขาช้อนไม้ใหญ่ๆแล้วเอากำไรเบิ้มๆมาอวดกันไป ให้เราหมันไส้เล่น ดีกว่าครับ5555
Cycle Sniper IndicatorCycle Sniper Indicator
👌 อินดิเคเตอร์คู่ใจ หากใครที่ชื่นชอบการเทรดสั้นแบบ พูดน้อยต่อยหนัก Sniper แล้วหละก็ บอกเลยว่า คุณต้องไม่พลาดอินดี้ตัวนี้
👌วันนี้แอดมีของดีของเด็ด มาฝากเพื่อนๆชาวเทรดเดอร์กันครับ เป็นอินดิเคเตอร์คู่ใจเหมาะสำหรับสายเล่นสั้น สายโหด เข้าเร็วออกเร็ว ตัวนี้แอดนั่งแกะออกมา จากอินดิเคเตอร์ที่เขาทำขายกัน อาจไม่เหมือนร้อยเปอร์เซนต์ แต่บอกเลยว่าเด็ดและดี ไม่แพ้กันแน่นอน
วิธีใช้และการทำงาน
👌👌ส่วนใหญ่ รูปแบบการทำงานและประมวลผลจะมาจากเส้นค่าเฉลี่ยโมเมนตั้มเป็นส่วนใหญ่ครับ เช่น CCI, ATR, MFI โดยการนำพวกเส้นเหล่านี้มาผสมกัน ใสค่าตัวเลขความน่าจะเป็นลงไป ทีนี้ก็ได้ค่าความน่าจะเป็น ให้เราได้เห็นกันแล้ว
👌👌 แอดต้องเกริ่นนำไว้ก่อน แต่แอดแกะสูตรของเขาให้เราเอาไปลองใช้กัน เผื่อจะเข้าตาและโดนใจใครบ้างไม่มากก็น้อย แถมฟรีด้วย ใช้อินดี้เบสิกที่เรามีนี่แหละ เอามาดัดแปลง ใช้ดีไม่แพ้กันเลยฮะ
การตั้งค่า
CCI 14
ATR 50
MFI period 14
หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้ว มาดูวิธีใช้กัน
1. อันดับแรกให้ดูเส้น MFI เส้นสีฟ้าเป็นหลัก เพื่อดูการตัดกันของเส้น เพื่อทำการเข้าออเดอร์
ตัดขึ้นคือขึ้น BUY
ตัดลงคือลง SELL
2. ATR เส้นนี้ไว้ดูการตัดกันของเส้น
3. เส้นสุดท้าย CCI เอาไว้ดูแนวโน้ม แล้วดูแท่งเทียนประกอบตามด้วยนะครับ ก่อนเข้าออเดอร์ บอกเลยว่าเล่นได้ทุกทามเฟรม แต่ที่แนะนำ 15นาที จนถึง 1H กำลังดีครับ
หากราคาอยู่เหนือเส้น 100 เป็นขาขึ้น เน้นเข้า BUY
หากราคาอยู่ต่ำกว่า -100 เป็นขาลง เน้นเข้า SELL
**** ห้ามงงนะ ค่อยๆจำไปครับ อินดี้จัดว่าดี แอดชอบใช้อยู่นะ แถมใช้เวลาแกะโคํดตั้ง2 วันแหนะ ของดียังมีในโลกครับ ลองปรับตั้งค่าเอาไปใช้กันครับ
สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม