ไอเดียชุมชน
สิ่งที่ยากที่สุด ในการเทรดตามระบบ Trend Following 10 ข้อสิ่งที่ยากที่สุด ในการเทรดตามระบบ Trend Following 10 ข้อ
======================
* จากการที่ผมพยายามเทรด Bitcoin โดยใช้ระบบ Trend Following เช่น Action Zone ( MACD ตัดศูนย์ ) หรือเอาง่ายๆ แค่ EMA Cross ในระดับ Daily
* พบว่า สิ่งที่ยากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่สุด ในการเทรด ตามระบบ ก็คือ การ "ทำตามระบบให้ได้" ของเราเองนี่แหละครับ
* พิมพ์แล้วก็เหมือนจะย้อนแย้ง เรามาดูตัวอย่างสถานการณ์จริงกันดีกว่าครับ
---------------------
1) ระบบแดงมานาน และเพิ่งเขียวแรกในรอบหลายเดือน
---------------------
* ข้อนี้จะเป็นจุดตายของมือใหม่ที่ไม่ได้ติดตามตลาดทุกวันครับ เพราะ ถ้าระบบแดงมานาน หมายความว่า ตลาดช่วงนั้นๆ "น่าเบื่อ" มากๆ คือมีแต่ซึมๆ ทรงๆ เหี่ยวๆ สื่อต่างๆ ก็ไม่พูดถึง เพื่อนๆ รอบตัวก็ไม่มีใครเล่น เพราะมันไม่ได้ตัง
* แต่จริงๆ แล้ว ข้อนี้ เป็นข้อที่สำคัญมาก ที่จะทำให้เรา "ได้ตังก้อนใหญ่" กันง่ายๆ เลยครับ เพราะ ส่วนใหญ่ มันมักจะมีโอกาสสูงที่ ระบบเขียวรอบนี้ อาจจะเป็นการ "กลับตัวใหญ่" ของกราฟ และเริ่มเทรนขาขึ้นรอบใหม่เลยก็ได้
-- วิธีแก้ --
* ดังนั้น ถ้าเราเห็นเหรียญ เห็นหุ้นตัวไหน ระบบแดงมานาน ก็อย่าไปรังเกียจมันครับ จับมันใส่เข้า watchlist ใน traindingview แล้วก็นั่งกดดูมันทุกวัน วันละครั้ง พอวันไหนมันเริ่มเขียว ก็ให้รอจนมันปิดแท่งก่อน เพื่อ confirm สัญญาณ ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยซื้อตอนเปิดแท่งถัดไปครับ
---------------------
2) ระบบทำเขียวหลอกบ่อย บ่อยจนหลอน และพอเขียวอีกทีก็ไม่กล้าเข้า
---------------------
* เคสนี้จะเป็นกับสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างช่วง sideway down คือ เป็นขาลง ที่ไม่ได้ลงแบบโหดๆ แต่เป็นการลงแบบเนิบๆ ช้าๆ ห่วยๆ กากๆ
* ถ้าให้ยกตัวอย่างก็จะเป็นเคสของ Bitcoin ช่วงปี 2018 ทั้งปีครับ ช่วงนั้น ใครที่ใช้ระบบ Trend Following ไม่ว่าระบบไหน จะต้องเจอสัญญาณหลอกกันตลอดทั้งปี เขียวที่ยอด แดงที่ก้น เสมอ
* เจอครั้งสองครั้งแรก ก็อาจจะยังพอทำใจ แต่พอเริ่มเจอครั้งที่สาม ที่สี่ ที่ห้า อันนี้ก็จะเริ่มถอดใจแล้วครับ เพราะ ถ้าใครไม่ยอมทำ Position Sizing ดีๆ วางความเสี่ยงต่อการเทรดดีๆ เจอ consecutive losses แบบนี้ พอร์ตพังแน่นอน
* และส่วนใหญ่ ... เมื่อไหร่ที่เราเริ่มถอดใจ...เมื่อนั้นแหละ มันคือสัญญาณขึ้นจริง 5555
-- วิธีแก้ --
* เคสนี้สามารถแก้ได้ ด้วยการที่เราต้องกำหนด Risk per Trade ไม่ให้มากจนเกินไป โดย ถ้าใช้ตามหลักการที่กูรูหุ้น หรือเทรดเดอร์ระดับ Market Wizard ชอบแนะนำกัน ก็คือ 2% Risk per trade ครับ .. หมายความว่า ใน 1 ครั้งที่ระบบเราเขียว เราจะวางความเสี่ยง ให้เราเสียตัง -2% ของพอร์ต ถ้ามันเป็นเขียวหลอก ไม่ไปต่อ และย่อลงมาชน Stop Loss ของเราครับ
* การใช้ 2% Risk per trade หมายความว่า ใน worse case scenario เราสามารถเจอ consecutive losses ประมาณ 5-6 ครั้ง พอร์ตเราก็จะขาดทุนเพียงแค่ -10% ถึง -12% เท่านั้นเองครับ ซึ่ง การขาดทุนระดับนี้ ถ้าเทรนมา สามารถได้คืนได้อย่างง่ายดายครับ
---------------------
3) ระบบเพิ่งแดงมาได้ไม่นาน และกราฟเริ่มเด้งกลับแรง แต่ยังไม่ confirm เขียว
---------------------
* เคสนี้ประมาณว่า เราเพิ่ง Take Profit/Cutloss ไปตามระบบแดงขาย แต่พอเรานั่งเฉยๆ รอให้กราฟมันถล่ม เพราะระบบแดงแล้วนี่ .. มันกลับลากกลับเฉยเลย แถมลากไปสูงกว่าจุดที่เราเพิ่ง TP/SL ออกไปซะด้วยสิ...แต่การลากกลับของมัน ก็ยังไม่ทำให้ระบบเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวได้
* การเคลื่อนตัวของราคาแบบนี้ ทำให้เราคิดว่า "โห รู้งี้ ไม่คัทก็ดีหรอก เพราะสุดท้าย มันก็กลับมา คัทไปแล้วก็เสียจังหวะหมด"
* และถ้าเราไปอยู่ในเฟส หรือห้องแชท ก็จะมีคนที่ไปช้อนซื้อตอนที่ระบบแดง ราคารูดหนัก มาอวดกำไรโชว์ว่า เห็นมะ ที่ช้อนตะกี้ มีกำไรแล้ว .. ยิ่งทำให้เราเกิดอาการ อิจฉาริษยา อยากได้ อยากมี อย่างเขาบ้าง รวมถึง เริ่มมีความสงสัยในระบบเทรดที่เราใช้อยู่ ว่า จริงๆ แล้วมันเวิร์คหรือเปล่าเนี้ย?
* สุดท้าย พอคิดมากเข้าๆ ก็จะนำพาไปสู่การ "มือลั่น" นั่นก็คือการเข้าซื้อ โดยไม่รอสัญญาณ confirm ระบบเขียวครับ ( แหกระบบนั่นเอง )
* ซึ่ง อาการเหล่านี้จะไม่เกิดเลย ถ้าระบบมันแดง แล้วมันลงต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ใครไปยิ่งช้อนก็ยิ่งพัง .. ถ้ามันลงต่อ เราก็จะได้แต่รำพึงกับตัวเองว่า "ดีแล้วที่ทำตามระบบ"
-- วิธีแก้ --
* เคสแบบนี้ ต้องให้เราทำใจร่มๆ แล้วท่องไว้เสมอครับว่า "เดี๋ยวถ้ามันเขียวใหม่ ก็เข้าใหม่ แค่นั้นแหละ อย่าไปคิดมาก"
* และให้พยายามเปิดเคสเก่าๆ ย้อนหลัง หรือเปิดดูเทรดไดอารี่ ของเราเอง ที่เคยรีบไปเข้า ตอนระบบยังไม่เขียว แล้วมันลงต่อแรงจนขาดทุน แล้วก็หยิบมาเตือนสติตัวเองบ่อยๆ ว่า "เห็นไหม ไม่ทำตามระบบ สุดท้าย ก็เสียตังฟรี"
* ส่วน เรื่องคนที่อวดกำไร ถ้ามันทำให้การตัดสินใจ หรืออารมณ์ของเราขุ่นมัว วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือ เอาตัวเราเอง ออกมาจากคนเหล่านั้นซะครับ จบ 555
---------------------
4) เข้าไปแล้วตอนระบบเขียว แต่ก็เจอเขียวหลอก ทำให้รู้สึกว่า ระบบมันห่วย
---------------------
* เคสนี้ก็เป็นอีกเคสที่สุดแสนจะคลาสสิค โดยเฉพาะคนที่เพิ่งใช้ระบบ หรือทำตามระบบใหม่ๆ จะเจอกันมาก
* เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่า ระบบเขียวแล้ว มันจะต้องวิ่งต่อไปเลย ... ซึ่ง... ไม่จริงเลยครับ
* ถ้าไปดูข้อมูลผล Backtest ก็จะพบว่า win rate ของระบบ Trend Following มีโอกาสถูกแค่ประมาณ 40% เท่านั้นเองครับ ( แถมน้อยกว่านี้อีก ในบางสินทรัพย์ และ บางอันก็ใช้ระบบนี้ไม่ได้อีกนะ )
* นั่นก็หมายความว่า ทุกครั้งที่ระบบ "เขียว" เราจะมีโอกาส "เกินครึ่ง" ที่ มันจะเป็น "เขียวหลอก"
* แต่ถ้ามันเป็น "เขียวจริง" เทรนมันก็จะวิ่งสร้างกำไรให้เราไปได้อีกไกลครับ
-- วิธีแก้ --
* วิธีแก้เคสนี้ก็จะเหมือนกับเคสข้อ 2 นั่นก็คือ ต้องวาง Risk per Trade ให้เหมาะสม ไม่ให้เราขาดทุนหนัก ตอนที่เราเจอเขียวหลอก
* เอาจริงๆ ปัญหาของเคสนี้อีกเรื่องก็คือ การเข้าด้วย Position Size ที่ใหญ่จนเกินไป เพราะยังไม่มีความเข้าใจเรื่องการทำ Risk per trade + position size พอเห็นระบบเขียวทีก็กด all-in กันไป บางคนร้ายกว่านั้น ก็ไป all-in ตามด้วยอัด leverage อีก พอเจอเขียวหลอก ก็พอร์ตพังเกินเยียวยา
* ดังนั้น แก้ได้ง่ายๆ นิดเดียว คือ วาง Position Size ด้วยขนาด Risk ที่เหมาะสม และยอมรับว่า เรามีโอกาสเจอ "เขียวหลอก" ติดๆ กันไปหลายครั้ง แต่ ต้องเชื่อมั่นว่า เมื่อมันเขียวจริง เทรนมา เราจะมีกำไรมา cover loss เล็กๆ น้อยๆ ที่เสียไปได้จนหมด ครับ
---------------------
5) เข้าไปแล้วตอนระบบเขียว แต่พอมันเริ่มย่อต่ำกว่าจุดที่เข้าไว้ ก็เริ่มหลอน หลอนมากๆ ก็ไปคัท
---------------------
* เคสนี้ผมก็เจอบ่อยอีกเช่นกัน จริงๆ ปัญหานี้ หลักๆ ก็คงเกิดขึ้นมาจากการไม่เข้าใจในระบบดีพอ และไปเข้าด้วย Position ที่มีขนาดใหญ่มากๆ เช่น all-in ตอนระบบเขียว หรือไปใช้ leverage เยอะๆ
* พอมันเริ่มย่อ เข้ามาต่ำกว่าจุดเข้า แต่ยังไม่ถึงจุด Stop Loss ก็จะทน loss ตรงนั้นไม่ค่อยจะได้ และสุดท้าย พอมันย่ำมากๆ ก็มือลั่น กดขายออกไป โดยไม่รอให้มันชน SL หรือระบบแดงก่อน
* พอขายเสร็จ ก็ตามคาด ครับ ราคาก็วิ่งต่อไปอีกไกล ทำให้ เราตกรถ จะเข้าอีกทีก็ไม่กล้าแล้ว เพราะกลัวโดนมันหลอกอีก .. มัวรอไปรอมา สุดท้ายก็ไม่กล้า และไปกล้าอีกทีตอนที่ราคาวิ่งไปถึงจุดพีคแล้วนั่นเอง 555
-- วิธีแก้ --
* เคสนี้ จะแก้ได้ จะต้องห้ามเข้าแบบ all-in จัดหนักจัดเต็ม เพราะ มันจะทำให้เราทนแกว่งได้ ตอนที่กราฟอาจจะยังพักตัว อยู่ในช่วงแรกๆ
* วิธีแก้ ก็เหมือนข้ออื่นๆ น่ะแหละ นั่นก็คือ ต้องเข้าด้วยความเสี่ยงที่ไม่เยอะจนเกินไป ถ้าจะให้ดีก็เน้นแค่ 2% Risk per trade
* เพราะถ้าเราเข้าด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ตอนมันย่อ เราก็จะไม่รู้สึกหลอน พอไม่หลอน เราก็ทนย่อได้ พอทนย่อได้ มันย่อเสร็จ แล้วมันวิ่งต่อ เราก็รันเทรนกันไปยาวๆ ครับ
---------------------
6) รันเทรนระบบเขียว มีกำไร แต่นอนไม่หลับทุกวัน อยากขายเหลือเกิน
---------------------
* นี่ก็เป็นเคสสุดคลาสสิค เช่นกัน เป็นกันมากสำหรับมือใหม่ เพราะ พอมีกำไร ตามสัญชาติญาณของมนุษย์พื้นฐาน เราก็จะไม่อยากเสียกำไรก้อนนี้ไป ทำให้ คันมือ สุดๆๆ และถ้าใจไม่แข็งพอ ก็จะไปขายเก็บกำไรออกมาทั้งหมด โดยระบบยังไม่แดง ยังไม่มีสัญญาณขาย
* และพอขายออกไปทั้งหมดแล้ว ทีนี้ ยุ่งเลย เพราะ ถ้ามันไปต่อขึ้นมา เราก็ได้แต่นั่งตกรถ มองตาปริบๆ จะเข้าใหม่ก็ไม่กล้าเข้า เพราะกลัวมันย่อ กลัวดอย .. แต่จะไม่เข้าเลยก็กลัวตกรถ
* มัวแต่ลังเลไปๆ มาๆ สุดท้าย ก็จะไปเข้าที่ยอดอยู่ดี ตอนสื่อต่างๆ เริ่มลงเริ่มเชียร์ และเพื่อนๆ เราเริ่มอวดกำไรครับ 5555
-- วิธีแก้ --
* วิธีแก้เคสนี้ มันก็แอบ Tricky และยากพอสมควร โดยจาก ปสก ที่ผมรันเทรนมา ก็ขอเสนอวิธีแก้ดังนี้ครับ
** 6.1) ทยอยขายออกไปเรื่อยๆ ตามเป้า key fibo : สำหรับวิธีนี้ เราต้องลากพวก fibo projection เพื่อหาเป้าให้เป็นกันก่อน และพอราคามันวิ่งมาถึงเป้าที่เราต้องการ ก็ค่อยๆ ทยอยขายออกไปครับ แต่อย่าขายหมด ให้เหลือไม้ปลายนวมติดมือไว้ด้วย เพื่อไว้เตรียมออกตอนระบบแดง.. วิธีนี้ ข้อดีคือ เราจะสามารถลดความเสี่ยงของการถือได้เยอะเลย แต่ มันก็มีข้อเสียคือ มันจะทำให้เราได้กำไรไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นเองครับ
** 6.2) อย่าไปดูมันเยอะ ให้หาอย่างอื่นทำไป หรือแยกพอร์ตให้เราดูวันละครั้งพอ เพราะยิ่งดูเยอะ เรายิ่งหลอน พอยิ่งหลอน ก็จะมีโอกาสมือลั่นมากขึ้นครับ นั่งทับมือ ทนรวย เอาไว้ครับ 555
---------------------
7) รันเทรนมานาน กำไรเยอะมาก พอระบบแดงแล้วก็ไม่อยากขาย เพราะเสียดาย กลัวว่ามันจะไปต่อ
---------------------
* เคสนี้ จะเป็นเคสกลับกันกับเคสก่อนหน้า 555 โดยจะเป็นกับคนที่มือเก๋าๆ และรันเทรนกันมานานพอสมควร และมีกำไรหลาย x ไปแล้ว
* โดย พอเราเริ่มมีกำไรเยอะ เราจะโลภต่อ และคิดว่า "ถือมาขนาดนี้แล้ว ถ้ามาขายตอนนี้ แล้วมันไปต่ออีก โห เสียดายแย่เลย ระบบแดงแล้ว ไม่ขายดีกว่า ไหนๆ ทุนเราก็ต่ำขนาดนี้แล้ว"
* เคสนี้ พอเราเจอแดงหลอก ( แดงแล้วกลับมาเขียวใหม่ ) มันก็จะยิ่งฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความหายนะ ฝังเข้าไปในจิตใจเราอีก ว่า "เห็นมั้ย ดีนะ ที่ไม่ขาย ไปต่ออีกไกลเล้ยยย รวยๆๆ"
* และ คนที่ตกในข้อนี้ พอไปเจอ "แดงจริง" ลงจริงจัง ก็จะเจอสภาพการคืนกำไร จนหมดครับ เพราะ พอเขาไม่ออกตอนแดงแรก ทีนี้ เขาก็จะไม่มีจุด "เก็บกำไร" อื่นๆ อยู่ในแผน เพราะเขาไม่เคยมอง downside risk ละ มองแต่ upside gain
* พอคืนกำไรหมด จนเหลือเท่าทุน ทีนี้ก็จะเข้าโหมดว่า "ไม่เป็นไรน่า ถือๆ ไว้ เดี๋ยวมันก็กลับไปเองแหละ ก่อนหน้านี้มันยังกลับไปเลย"
* พออยู่มาจนถึงจุดนี้ นอกจากคืนกำไรแล้ว ก็จะกลายเป็นขาดทุนหนักไปด้วยนั่นเองครับ 5555
-- วิธีแก้ --
* ง่ายนิดเดียว ระบบแดงก็ขายสิครับ อย่าไปคิดไรมาก! ถ้ามันแดงหลอก เขียวเราก็เข้าใหม่ แค่นั้นเอง
---------------------
8) ตกรถ ระบบเขียวมานานแล้ว แต่รอไม่เป็น แล้วก็ไปเข้าที่ยอด
---------------------
* เคสนี้ เป็นได้ทั้งมือใหม่ และมือเก่า หรือคนที่ขายหมูออกไปหมดแล้ว หรือคนที่กลัวมากๆ มองลงมาตลอด ว่ามันขึ้นไม่จริงหร๊อก .. สุดท้าย พอสื่อลงเยอะๆ เพื่อนอวดกำไรมากๆ ก็ไปเข้าที่ยอดดอย
* พอเข้าเสร็จ ราคาก็อาจจะไปต่ออีกสักพัก แต่สุดท้าย มันก็จะจบรอบ และรูดหนัก ในท้ายที่สุด
-- วิธีแก้ --
* เคสนี้แก้ง่ายครับ ถ้าเราตกรถ เราก็ตกรถ แค่นั้นแหละ อย่าไปไล่ราคา ให้นั่งดูเฉยๆ ไป และนั่งคิดว่า ทำไม รอบที่ผ่านมา เราถึงตกรถนะ และ จะทำยังไง ไม่ให้ตกรถอีกในรอบหน้า
* ถ้าเราวางแผนให้เรียบร้อยได้ และรอให้เป็น เดี๋ยวท้ายที่สุด ระบบมันก็จะเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง เองแหละครับ และนั่นแหละ คือจุดที่คุณจะได้ใช้การวิเคราะห์ปัญหา ที่คุณทำมาตะกี้ เพื่อหาจังหวะเข้าใหม่ ตอนเขียวแรกนั่นเอง
---------------------
9) ระบบแดง แต่ไปคิดว่า มันน่าจะย่อแล้วไปต่อ ก็เลยไปย่อซื้อย่อซื้อ กัน
---------------------
* จริงๆ เคสนี้มันก็ไม่เชิงเกี่ยวกับการทำตามระบบเท่าไหร่ จะให้พูด ก็คงหมายถึงแมงเม่าที่ดูเทรนกันไม่เป็นมากกว่า 555
* โดยมือใหม่ ส่วนใหญ่ จะเป็นอารมณ์ต่อเนื่องมาจากข้อ 8 คือ ตกรถ เทรนขาขึ้นรอบใหญ่ แต่ เขาเห็นเหรียญ เห็นหุ้นตัวนี้ละ
* สิ่งที่เขาจะทำกัน ก็คือ การ "รอย่อ แล้วค่อยซื้อ" เพราะคิดว่า "เดี๋ยวมันก็คงจะไปต่อเรื่อยๆ เหมือนที่กูรูเขาว่าไว้"
* แต่ปัญหาของการ "ย่อซื้อ" ของมือใหม่ มันมีจุดอ่อนสำคัญมากคือ.. ปกติแล้ว กราฟ มันจะมีสองรูปแบบคือ
(1) ย่อ แล้วไปต่อ : เคสนี้จะเกิดในเทรนขาขึ้น ส่วนใหญ่ จะเป็นตอนที่ระบบยังเขียวอยู่
(2) ย่อแล้ว ย่ออีก ก็ไม่ขึ้นซะที : เคสนี้ มักจะเกิดในเทรนขาลง ตอนที่มันจบรอบไปแล้ว และระบบแดง
* พอไปใช้ท่า ย่อซื้อ กลายเป็นว่า พอเทรนมันเปลี่ยน เป็นขาลงแล้ว ยิ่งย่อ ยิ่งซื้อ ก็ยิ่งขาดทุน นั่นเอง
-- วิธีแก้ --
* ง่ายนิดเดียวครับ ถ้าระบบแดง ก็อย่าไปใช้วิธีย่อซื้อ นั่งกันเฉยๆ รอระบบเขียวกันไปครับ
---------------------
10) ระบบแดง แล้วคิดว่าจะต้องลง "แน่ๆ" แล้วก็ไป Short จัดหนักจัดเต็ม
---------------------
* เคสนี้ก็เป็นอีกเคสที่สุดแสนจะคลาสสิค โดยจะเป็นกับมือใหม่ที่พอมีความรู้มากขึ้นละ เริ่มค้นพบว่า ในการเทรด นั้น เราสามารถ "Short" เพื่อหากำไรตอนขาลงได้อีกด้วย
* ทีนี้ พอได้วิชามาแล้ว ก็ร้อนวิชาละ ต้องลองจัด...เฮ้ย ระบบแดงแล้วนี่นา มันต้องลง "แน่ๆ" แล้วล่ะ ไม่ได้แล้ว แบบนี้ จัดเลย short 20x all-in รวยแน่นอน
* กลายเป็นว่า ตอนแรก มันก็อาจจะลงจริงนะ เก็บกำไรได้ทีสองที เริ่มดีใจ ..เข้าโหมดไล่ราคา ไม่ได้ละรอบนี้ กูรูบอกลงไปไร้ค่าแน่ วิกฤติการเงินโลกมาแน่นอน เพราะร้อดชายบอกผมมา
* จัดเลย Short แนวรับ จัดหนักจัดเต็ม snowball กับกำไรที่ได้มาก่อนหน้า รอบนี้ รวยแน่ๆ
* ... สุดท้าย เจอแท่งสวนขึ้นมาแรงๆ หนึ่งดอก ล้างพอร์ต หมดตัว หายหมด ทั้งทุน และกำไร 5555 จบข่าว
-- วิธีแก้ --
* อย่าไป short เลยครับ นั่งถือเงินสดเฉยๆ ดีกว่า
* เพราะ การถือเงินสด เอาจริงๆ มันก็คือการ short 1x แล้วนะ ยกตัวอย่างเช่น เงิน 2 ล้าน ตอนที่ยอด 60k อาจจะซื้อได้แค่ 1 BTC แต่พอ BTC ลงไปเหลือ 30k เราจะซื้อ BTC ได้ถึง 2 BTC แล้วนะครับ .. เห็นไหมว่า 1 BTC = 2 BTC เฉยเลยนะ 5555
---------------------
สรุป
---------------------
* ระบบ Trend Following มันเป็นเพียงแค่ส่วนนึงในการเทรดตามระบบเท่านั้นนะครับ ซึ่ง หลายๆ คนก็อาจจะไม่ชอบวิธีนี้ และอาจจะมีวิธีหาตังจากตลาด วิธีอื่น ที่เหมาะสมกับตัวเองก็ได้
* แต่สิ่งที่ผมต้องการสื่อในบทความนี้ หลักๆ ก็ อยากจะแชร์ สิ่งที่ผมเจอมากะตัว หรือเห็นมือใหม่คนอื่นๆ ทำ หลังจากพยายามใช้ระบบนี้ มาตลอดช่วงหลายปี
* บางอย่าง อาจจะถูก อาจจะผิด อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่คุณเชื่ออยู่ ถืออยู่ และอ่านแล้วอาจจะหงุดหงิด ก็ขอให้ทำใจร่มๆ แล้วก็ปล่อยผ่านไปนะ 555
* ส่วนใครอ่านแล้วโดนใจ เฮ้ย นี่มันตัวฉันเลยนี่หว่า ก็ลองเอาไปปรับแก้กันดู เพราะจริงๆ แล้ว การเทรด เนื้อแท้แล้ว จริงๆ มันคือการเรียนรู้ และปรับปรุงตัวเอง ในทุกๆ วัน
* ก็เป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนที่ กำลังอยู่ระหว่างการเรียนรู้ นะครับ
เพิ่มทวีตให้กับแผนภูมิของคุณคุณสามารถเพิ่มทวีตลงในแผนภูมิของคุณได้แล้ว! กระบวนการนี้ง่ายมาก และเราจะแนะนำคุณในแต่ละขั้นตอน:
ขั้นตอนที่ 1 - ค้นหาทวีตที่คุณสนใจและคัดลอกลิงก์ ลิงก์ Twitter จะมีลักษณะดังนี้: twitter.com
ขั้นตอนที่ 2 - เปิดแผนภูมิของคุณแล้ววางลิงก์ทวีตลงไป ทวีตจะยึดติดกับเวลาที่แน่นอนบนแผนภูมิโดยอัตโนมัติ คุณสามารถนั่งลงและปล่อยให้แพลตฟอร์มของเราทำงานแทนคุณได้ เคล็ดลับสำหรับมือโปร: เครื่องมือนี้ใช้ได้กับกรอบเวลาหรือประเภทแผนภูมิใดก็ได้ คุณสามารถดูมันได้ในแผนภูมิรายวันหรือแผนภูมิราย 30 นาที แผนภูมิแท่งเทียน หรือแผนภูมิเส้นอะไรใดๆ ก็ได้
ขั้นตอนที่ 3 - เมื่อคุณคัดลอกและวางทวีตลงในแผนภูมิของคุณแล้ว คุณสามารถลากขึ้นหรือลงเพื่อวางไว้ในตำแหน่งที่คุณต้องการ เคล็ดลับสำหรับมือโปร: ปรับสเกลราคาหรือมาตราส่วนเวลาของคุณโดยคลิกค้างไว้ และลากสเกลเพื่อขยาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณปรับทวีตให้เข้ากับแผนภูมิของคุณได้
แผนภูมิในตัวอย่างด้านบนแสดงมูลค่าตลาดของ Dogecoin พร้อมทวีตสี่รายการจาก Elon Musk ทวีตแต่ละรายการถูกคัดลอกและวางบนแผนภูมิโดยใช้ขั้นตอนที่ระบุไว้ในโพสต์นี้ มันรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงกับกรอบเวลาที่แน่นอนที่ราคาและทวีตมาบรรจบกันพอดี
เราหวังว่าคุณจะสนุกกับเครื่องมือใหม่นี้ โปรดแจ้งให้เราทราบหากคุณมีคำถามหรือความคิดเห็น ขอบคุณที่เป็นสมาชิกของ TradingView
BTCUSD บิทคอยน์ตรงเส้นคลื่นสีน่้ำเงินตรงลูกศร ในราย 40สัปดาห์ เกิดการไดเวอร์เจนท์ระหว่างราคาที่ทำสูงขึ้น Higher High กับค่าความชันที่ทำจุดสูงสุดที่ต่ำลงกว่าค่าสูงสุดครั้งก่อน Lower High แรงmomentumที่ช้าลง ตรงวงกลมสีน้ำเงินมีเส้นปะเป็นคาดการณ์ทิศทางแนวโน้มล่วงหน้า ที่มาในเฉพาะอินดิเคอร์เตอร์(indicator) สนใจทดลองใช้อินดิเคเตอร์ ทักมาใน inboxได้น่ะ
วิธีการหาจุดกลับตัว(แบบพื้นฐาน) แบบฉบับของผม-จากที่เพื่อนๆได้เข้ามาถามว่า กราฟลงมาจุดกลับตัวรอบล่าสุดอยู่ที่เท่าไหร่?
ผมได้ตอบกลับว่าแนวรับใหญ่อยู่ที่ 1750-1760
วันนี้เลยมาแชร์ วิธีการหาจุดกลับตัวเพื่อหาจุดเข้าที่ดีที่สุด (แบบพื้นฐาน)
เหมือนที่ คุณพอลทูดอลโจน ได้บอกว่า pivot point is the best risk reward
หลักๆมี3 อย่างนะครับ
1.หาแนวรับแนวต้านในทามเฟรมใหญ่ ( day , 4 h)
ex ตามรูป แนวรับแนวต้านที่สำคัญดูยังไง
ให้เป็นที่ทามเฟรมใหญ่ก่อนเลยครับยิ่งใหญ่ยิ่งมีนัยยะ(แนวที่มีการทับซ้อนกันเยอะๆหรือเป็นก้อนๆ)
เวลาดูให้ดูเป็นโซนๆนะครับ เพราะกันการ overlap (overlap คือการหลุดแล้วราคาดีดคืนเลย)
จากรูปจะมีรับโซน 1750 -1760
ต้านที่โซน 1780-1790
เราจะเห็นว่าราคาหลุดแนวรับมาเรื่อยๆจนชนแนวรับสุดท้ายแล้วรับได้
2.ดูแท่งเทียนที่แนวรับสำคัญนั้นๆ
จะเห็นว่าราคามีการกลับตัวเป็นสีเขียวยิ่งในทามเฟรมใหญ่คือดีนะครับ (DAY 4H) หมายถึงแรงซื้อจะชนะแรงขายในช่วงเวลานั้นๆ
หรืออีกความหมายนึงคือ แรงขายเริ่มหมด
(จริงๆมันมีรายละเอียดเยอะแต่ผมกลัวมันจะยาวเกิ้นไปเอาง่ายๆแบบนี้ไปก่อนนะครับ)
3.ไม่มีจุดต่ำสุดใหม่(กรณีกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือรีบาว) ไม่มีจุดสูงสุดใหม่(กรณีกลับตัวเป็นขาลงหรือรีบาว)
จาก dow theory ขาลงจะมีจุดต่ำสุดใหม่ๆเรื่อยๆจนไม่มีจุดต่ำสุดใหม่
ขาขึ้นจะมีจุดสูงสุดใหม่เรื่อยๆจนไม่มีๆจุดสูงสุดใหม่
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับพี่ๆเพื่อนๆทุกคนนะครับ ตลาดสอนเราทุกวันพยายามจดบันทึกกันไว้นะครับ สู้ๆกันนะค้าบบเราต้องรอด (ผมด้วย555)
ใครชอบช่วยกดไลคกดแชร์กดติดตามเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะค้าบบ
บันทึกการเทรดของตี๋ 17/9/64
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากตลาดกระทิงของ คริปโตฯ ปี 2021จดๆ เอาไว้กันลืม เอาไว้อ่านเองในอนาคต เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ และบทเรียน มาดูกันว่ามีอะไรบ้างนะครับ
-----------------------------------------
1) จงเชื่อในระบบ Trend Following ที่เราได้ Backtest + Forward Test มาแล้ว และทำตามระบบไปอย่างมีวินัย
-----------------------------------------
- เนื่องจากผมเอง โดนตลาดคริปโต สับขาหลอกมาตลอด ตั้งแต่ปี 2018 ยัน 2019 ยัน 2020
- โดย ระบบ Trend Following ที่ผมใช้สามตัว คือ MACD ตัดศูนย์ ( Action Zone ) , ATR Channel ( ATR Trailing Stop ) และ Break Previous High มักจะเป็นเขียว แล้วก็เปลี่ยนเป็นแดง หลังจากเทรนเกิดขึ้นไม่นานเสมอ
- โดย ช่วงที่เทรนมานานที่สุด ก็กินเวลาแค่ ประมาณ 3-4 เดือน เท่านั้น นั่นก็คือ ช่วง Apr 2019 - July 2019
- สิ่งเหล่านี้ ทำให้ perception ของผม ต่อการรันเทรนของคริปโตฯ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญใดๆ นั่นก็คือ จะพยายาม หาจังหวะ Take Profit ออกมาอยู่เรื่อยๆ .. โดย ไม่ว่าจะใช้ fibo projection หรือใดๆ ก็ตามแต่ .. เพราะ มีความ "กลัว" ว่า ตลาดจะกลับตัว ทำให้กำไรที่ได้ หายไปหมด
- แต่กลายเป็นว่า รอบกระทิง ช่วง Oct 2020 ลากยาวไปถึง May 2021 ของคริปโตฯ นั้น กินเวลายาวนานถึง 7 เดือน! ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ทยอย Take Profit ออกไปตลอดทาง ทำให้ กำไรที่ได้ ก็ไม่ได้เป็นเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไหร่ ( แต่ก็นะ กำไรก็คือกำไร 55 )
- โดยเฉพาะที่ผ่านมา มีการปั๊ม Altcoins กันอย่างสนุกสนาน แต่เนื่องจากผมมี Bias ส่วนตัวต่อ Altcoins ทำให้ ตกรถไปโดยปริยาย ก็เลยนำไปสู่บทเรียนข้อ 2 ว่า...
-----------------------------------------
2) อย่าไปรังเกียจ Altcoin อะไรมาก แหย่ๆ มันไว้บ้าง เวลามันวิ่งแรงจะได้ไม่ตกรถ
-----------------------------------------
- เอาจริงๆ รอบขาขึ้นต้นปี ผมก็ไม่ได้รังเกียจ Altcoins ซะทีเดียวนะ เพราะก็มีไปเข้า ZMT lock ไว้ตามเพื่อนแนะนำบ้าง ซึ่ง ไอ้การ Lock ZMT นี่แหละ มันเลยทำให้เราสามารถถือ Altcoins นิ่งๆ โดยไม่ใจสั่นได้ ..เพราะสั่นไป ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี 555
- แต่ ก็พลาดโอกาสทำกำไรไปหลายตัวอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น LUNA เอย หรือพวกเหรียญ DeFi สารพัด ที่ปั๊มกันแบบว่า กาวสุดๆ 555
- รอบนี้ ผมก็เลยไม่พลาดละ โดยผมได้ทำการแบ่งเงินส่วนที่เป็น "พอร์ต Altcoins" ออกมาต่างหากเลย เป็นก้อนเล็กๆ 10% ของพอร์ตหลัก และ ก็เอาก้อนนี้ ไปเข้าซื้อ alt ด้วยแบบ spot เท่านั้น ( ไม่เล่น future ) เพื่อที่จะสามารถทนการแกว่งได้ โดยมองว่า ถ้าเหรียญพวกนี้ ลงเต็มที่ -80% เราก็จะขาดทุนเต็มที่แค่ -8% ของพอร์ตหลักเท่านั้นเอง ยังรับได้อยู่ครับ
- โดยตอนนี้ ก็ได้ อานิสงค์จากเหรียญพี่แซม นั่นก็คือ SOL และ FTT ทำให้พอร์ตนี้โตขึ้นเรื่อยๆ ในความเสี่ยงที่เรารับได้นั่นเอง
-----------------------------------------
3) ระบบเขียวก็เข้าไป อย่าไปกลัวไรมาก ถ้ากลัว ก็จำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในจุดที่เรารับได้ จบ!
-----------------------------------------
- ตอนระบบเขียวแรก ช่วงปลายเดือน July 2021 ผมเองก็เขียนบทความเรื่องนี้ แชร์ลงใน Tradingview ว่า ระบบเขียวแล้วน้า ควรเข้าแล้วน้า... แต่เท่าที่ไปแชร์ตามที่ต่างๆ ก็พบว่า หลายๆ คน ส่วนใหญ่ ไม่สนใจ และพอถามว่าทำไม ก็มีคำตอบง่ายๆ ว่า "กลัวมันหลอกอีก"
- สำหรับมือใหม่ น่าเห็นใจตรงที่ว่า หลายๆ คน ไม่เข้าใจว่า การเทรดอ่ะ มันสามารถ "เข้าแค่บางส่วน เพื่อคุมความเสี่ยง ให้เท่ากับที่เราต้องการ ผ่านการคำนวณ Position Size ได้นะ"
- หลายๆ คน ยังไปคิดว่า ถ้าเขียวแล้ว มีเงิน 100% ก็ต้องใส่ 100% เลย อะไรแบบนั้น ( ผมก็เคยเป็นนะ เลยเข้าใจ 555 )
- ทำให้ หลายๆ คนแหยง ที่จะกดซื้อ เมื่อระบบมีสัญญาณเขียวแรก นั่นเอง...
- แต่ถ้าใครสามารถคำนวณ Position Size ตามความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ ผมบอกเลยว่า คุณจะตัดปัญหาเรื่องความกลัวการโดนเขียวหลอก ออกไปได้เลย เช่น
--- กลัวมากๆ ก็ใช้ความเสี่ยงมาตรฐาน 2% Risk per Trade
--- มีกำไรเยอะจากรอบที่แล้ว แต่ยังกลัวอยู่เหมือนกัน ก็ขยับขึ้นมาหน่อย อาจจะใช้ได้ถึง 4-6% Risk per Trade
--- รอบที่แล้ว รวยจัด รอบนี้ อยากเสี่ยงมากหน่อย เพราะมองว่าลงมาเยอะแล้ว ก็อาจจะใช้ได้สูงสุดถึง 10% Risk per trade ( แต่ไม่ค่อยแนะนำครับ ส่วนตัวผมว่าสัก 5-6% ก็เต็มที่ละ )
- คุณทำวิธีนี้ได้ คุณจะ "กล้า" เข้า ตอนเขียวแรก และ จะสามารถ "ทนถือได้อย่างนิ่งๆ" ได้ จนกว่าระบบจะแดง หรือ ชน stop loss ที่เราได้ตั้งไว้ตอนก่อนกดซื้อครับ
-----------------------------------------
4) เทรนขาขึ้นระดับ TF Daily TF Weekly ก็อย่าไป short สวนเทรนโดยไม่จำเป็น ...โอกาสเสียตังฟรี สูง
-----------------------------------------
- สำหรับมือใหม่ หรือมือเก่าบางคน จะชอบติดนิสัยทำตามตำราที่สอนๆ กันมา นั่นก็คือ กะจะทำกำไรได้ทุกคลื่น ไม่ว่าจะเป็น การขึ้น ( Long ) หรือการย่อ ( short ) ยิ่งพวกสาย short นี่ไม่รู้เป็นไร เห็น divergence แล้วรีบบบบ ไปกด short กันเลยกะว่าลงแน่ 5555
- ซึ่งผมบอกเลยว่า ถ้าท่านไม่เก๋าเกมจริงๆ ตัดสินใจเองไม่ได้ ยังต้องคอยมาตั้งกระทู้ถามคนอื่นในห้อง ว่า ดอย short หนักมาก ทำไงดี .. ผมก็ขอแนะนำว่า อย่าไปเล่นสองขาเลยครับ เล่นแค่ฝั่ง long (ซื้อ) ฝั่งเดียวให้รอดก่อน
- กำไรของ short อะ มันน้อย นิดเดียว ส่วนความเสี่ยง มันไม่จำกัด ถ้าอยากได้ตังจากช่วงขาขึ้น ก็แค่รอให้มันย่อ แล้วค่อยหาจังหวะเปิด long แค่นั้นเองครับ ง่ายๆ
- ส่วนถ้ามันยังไม่ย่อ ก็ไม่ต้องทำไร ถ้าตกรถแล้วก็นั่งเฉยๆ รอให้เป็น แค่นั้นเอง
- ผมเทรดคริปโตฯ มาตั้งแต่ปี 2017 นี่ก็จะครบปีที่ 5 ละ ผมเห็นคนที่ short ช่วงขาขึ้น แล้วไปถัวสู้ ไม่ยอมคัท พอร์ตระเบิด หมดตัว กันไปไม่รู้กี่คนละ ... ก็ขอออกมาเตือนกันไว้ ณ ที่นี้นะครับ ว่า ถ้าไม่อยากเสียตังฟรี ก็อย่าทำเล้ย.... ย่อซื้อ ตอนขาขึ้น = ez money กว่าเยอะครับ
-----------------------------------------
5) "คนอวดกำไรลงเฟส" คือสัญญาณให้เรา "หยุดมือ" และ "เฝ้าระวังการกลับตัว" ที่ยังใช้ได้อยู่เสมอ
-----------------------------------------
- ใครจำช่วงตลาดขาขึ้น ตอนต้นๆ ปี 2021 นี้ได้ ก็น่าจะคุ้นกันดีว่า ช่วงพีคๆ แถวๆ Apr-May 2021 ในเฟสบุค มีแต่เพื่อนๆ หรือคนรอบข้างของเรา อวดกำไรจากคริปโตกันเต็มไปโม้ดดด
- บางคน ร้อยวันพันปี ไม่เคยพูดเรื่องคริปโตฯ อยู่ๆ มาเปิดคอร์สสอน DeFi กันซะงั้น 555 ทุกคนเป็นเซียนกันไปหมด มีกูรูหน้าใหม่เกิดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด
- ซึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เห็นการกลับตัว/ปรับฐานของตลาด ( correction ) ในช่วงเดือน May - Jul 2021
- การกลับตัวรอบนั้น ก็ทำให้ กูรูที่เกิดขึ้นมาช่วงตลาดดีๆ หายเงียบ กันไปหลายคน บางคนก็เลิกอัพเดทเพจกันไปเลย .. บางคนก็ดอยหนัก แต่ก็ยังออกมาอัพเดทด้วยสปิริทอยู่
- หลายๆ คนที่ไปเล่น ฟิวเจอร์ ก็หมดตัวกันถ้วนหน้า
- ซึ่ง ถ้าเรามาคิดดีๆ แล้ว... สำหรับคนที่ทำตามระบบ เราก็รันเทรนกันมาตั้งแต่ช่วง Oct 2020 ออกตอนไหนก็กำไร
- แต่.. มันจะไม่กำไร ถ้า ในช่วงที่ตลาดดีๆ เรา "นั่งเฉยๆไม่เป็น" และไป FOMO กู้หนี้ยืมสิน มาเข้าเหรียญเพิ่มในช่วงตลาด top + คนอวดกำไรนั่นเองครับ
- ดังนั้น รอบหน้านี้ ถ้ามีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ...เราก็อย่าไปเผลอใจ ไล่ราคา ณ ยอดดอย กันอีกนะคร้าบ
-----------------------------------------
6) เตือนไปก็เท่านั้น มีแต่คนด่าฟรี ตอนตลาดลงจริงๆ ก็ไม่ใช่จะมีคนคิดถึง .. นั่งเฉยๆ ดีกว่า
-----------------------------------------
- อันนี้เป็นบทเรียน ของตัวผมเอง เพราะ ตอนที่ตลาดดีๆ การไปเตือนคนเพราะความหวังดี จากประสบการณ์ที่เราเจอมา ... แต่สุดท้าย ก็โดนแคปไปด่า
- ผมก็เลยมานั่งคิดนอนคิด แล้วก็ยูเรก้า ว่า เออ มันก็เป็นธรรมชาติอ่ะนะ เพราะถ้าคนที่ไม่เคยเจ๊งจากตลาด เตือนเท่าไหร่ เขาก็ไม่เก็ตอ่ะ
- มันเหมือนไปบอกเด็กไม่กี่ขวบว่า น้ำร้อน มันร้อนนะ ไฟ มันร้อนนะ อย่าไปจับ เดี๋ยวมือพอง ...เด็กมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก มันก็ต้องเอามือไปจับซักที ให้มือพองก่อน ถึงจะรู้ว่า เออ ไฟมันร้อนจริงๆ นะ
- เทรดเดอร์มือใหม่ ก็เหมือนกัน ก็ต้องปล่อยให้เขาไปเจอการขาดทุนหนัก หมดตัวก่อน สักรอบนึง เขาก็จะได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า เออ ตลาดมันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่เขาเคยคิดไว้นะ ไม่เหมือนอย่างที่กูรูบอกไว้นะ
- ซึ่ง ถ้าเขามีความพยายามจะปรับปรุงแก้ไขตัวเอง เขาก็จะไปนั่งอ่านหนังสือต่างๆ ดูวีดีโอสอนเทรดต่างๆ ที่สอนโดยคนที่รอดจากตลาดมาได้ จริงๆ และสุดท้าย เขาก็จะกลายเป็นเทรดเดอร์ ที่สามารถอยู่รอดในตลาดได้เอง
- ดังนั้น ผมเองก็เลยต้องปรับแก้ตัวเองกันไปเช่นกัน นั่นก็คือ ปล่อยวาง และ ช่างหัวมัน รวมถึงไม่ไปวอร์ หรือกล่าวถึงคนอื่นด้วย 555 เพราะแต่ละคน เขาก็มี FC ของเขาเอง มีมุมมองต่อตลาดของเขาเอง เราไม่ถูกใจก็ block ทิ้งไปจะได้ไม่ต้องไปรับรู้ว่าเขาคิดอะไรพูดอะไร ...ก็แค่นั้นเอง 5555
------------
สรุป
------------
เอาเท่านี้ก่อนละกัน นึกไม่ค่อยจะออกละ แต่หลักๆ ก็ประมาณนี้แหละครับ ก็หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อท่าน ไม่มากก็น้อย
ใครพลาด ก็อย่าลืม มองปัญหา และ หาทางแก้ให้ได้ ด้วยตัวเองกันนะครับ
ผมบอกเลยว่า การเทรดเนี่ย มันคือการปรับ mindset ของเราเองให้มันถูกต้อง และ ทำยังไงก็ได้ ให้รอดได้ในทุกสภาวะตลาด
ถ้าคุณรอดไปสัก 1 cycle หรือ 2 cycle เดี๋ยวกำไร มันจะมาเองครับ
คนส่วนใหญ่ ได้กำไรเยอะ ตอนตลาดดีๆ แต่ก็มาหมดตัวหรือเจ๊งยับ ตอนตลาดปรับฐานลึก กันทั้งนั้นครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ
Elliott wave by Eaw จริงหรือเปล่าที่เราควรซื้อหุ้นในคลื่นสอง 2บทความนี้เผยแพร่เพื่อแนวทางให้เพื่อนๆ นักลงทุนที่ศึกษา NEO-Wave ให้เอาไปใช้ประโยชน์ในการทำกำไรในตลาดหุ้นแบบจริงจัง การนำทฤษฎีไปใช้วิเคราะห์สำคัญมาก เพราะเวลาที่เรานับคลื่นเราต้องนำความรู้จากหนังสือมาใช้ให้มากที่สุด ไม่ใช่นับตะบี้ตะบันไปตามอารมณ์หลอกตัวเอง
ตัวอย่าง บิทคอยน์ต่อยูเอสดอลล่าร์ที่แอดมินได้นับไว้เมื่อ 19 พฤจิกายน 2561
หลักการพิจารณา ดูว่าบิทคอยน์ลักษณะคลื่นที่สมมุติว่าเป็น คลื่นหนึ่ง แม้จะสูงมากแต่ว่าไม่ได้มีการแบ่งตัว Subdivide ซึ่งในกราฟมีการแบ่งตัวเพียงสาม Segment ดังนั้นจึงเข้าหลักเกณฑ์ของการเป็น Polywave คลื่นสองปรับตัวเกิน 38.2% ดังนั้นจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ Wave-1 Extended แล้วตอนนี้เป็นการลงในคลื่นสองหรือไม่นั้น หลักการพิจารณามาจากหนังสือบทที่ 11มาดูว่าเงื่อนไขและ ลักษณะคลื่นสองในกรณีที่ Wave-1 Non-extended มีอะไรบ้าง
Textbook : Wave-1 Non-extended
Wave-2 can retrace as much as 99% of wave-1. If it does, and wave-1 is a polywave or higher, the 2-wave will subdivide into an a-b-c affair in which the c-wave will fail (the 2-wave may subdivide whether the 1st wave does or not). If you are witnessing the first wave-1 develop after a prolonged advance or decline, there are no specific price level requirements for the termination of wave-1. Ifit is wave-1 of a larger 3rd or 5th wave, then wave-1 should approach (and preferably exceed) the termination point of the last Impulse wave of one larger degree. The 3rd wave must be longer than wave-1. If the pattern is above Complexity level 1, the third or fifth wave will be the subdivided segment, not wave-1. This is not to imply wave-1 will not subdivide, it just means it will not be the subdivided wave of the group. In other words, wave-3 or 5 will be more subdivided.
คลื่นสองสามารถย้อนกลับได้มากถึง 99% ของคลื่นหนึ่ง ถ้าเป็นเช่นนั้น และ คลื่นหนึ่งเป็นโพลีเวฟ หรือสูงกว่า คลื่นสองจะแบ่งย่อยเป็น a-b-c ที่คลื่นซีจะล้มเหลว (คลื่นสองอาจแบ่งย่อยว่าคลื่นที่หนึ่ง มีหรือไม่) หากว่าเห็นคลื่นหนึ่งซึ่งเป็นคลื่นแรกที่เกิดขึ้น หลังจากราคาเพิ่มขึ้นหรือการลดลงเป็นเวลานาน สำหรับการสิ้นสุดการจบของคลื่นหนึ่ง มันไม่มีข้อกำหนดระดับราคาเฉพาะหากเป็นคลื่นหนึ่งของคลื่นลูกที่สาม หรือห้าที่ใหญ่กว่า คลื่นหนึ่งควรเข้าใกล้ (และควรเกินกว่านั้น) จุดสิ้นสุดของคลื่นแรงกระตุ้นสุดท้ายที่มีระดับที่ใหญ่กว่าหนึ่งระดับ คลื่นลูกที่สามต้องยาวกว่าคลื่นหนึ่ง หากรูปแบบอยู่เหนือ Complexity level 1 (Polywaves ขึ้นไป) คลื่นลูกที่สามหรือห้าจะเป็นคลื่นที่แบ่งย่อย ไม่ใช่คลื่น-1 นี่ไม่ได้หมายความถึงคลื่นหนึ่งว่าจะไม่แบ่งย่อย แต่หมายความว่าจะไม่เป็นคลื่นที่แบ่งย่อยของกลุ่ม กล่าวอีกนัยหนึ่ง คลื่นสามหรือคลื่นห้าจะถูกแบ่งย่อยมากขึ้น แต่โดยทั่วไปหากไม่ใช่ Wave-1Extended ไม่ควรเกิด Subdivided ในคลื่นหนึ่ง การเกิด Subdivide นั้นให้คิดว่าโอกาสจะเกิดในคลื่นหนึ่งนั้นน้อยกว่าในคลื่นสามและห้ามากเพราะคลื่นหนึ่งนั้นไม่ใช่คลื่นยืดตัวนั้นเอง
Textbook : Wave-2
If wave-1 turns out to be (or is believed to be) the longest wave in the sequence, the second wave cannot retrace much more than 38.2% of the first wave. If the first wave is not the longest wave, the lowest point of wave-2 can retrace as much as 99% of wave-1. If wave-1 is a polywave or higher, the 2-wave must subdivide into a polywave or higher pattern. If the 2-wave subdivides and wave-a (in wave-2) retraces more than 61.8% of wave-1, the entire correction will inevitably turn out to be a Double Failure or a C-Failure, with the C-failure occurring at a point 61.8% or less of wave-1.
หากคลื่นหนึ่งกลายเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด (หรือเชื่อว่าเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด) ในลำดับ คลื่นที่สองจะไม่สามารถย้อนกลับได้มากกว่า 38.2% ของคลื่นแรก หากคลื่นลูกแรกไม่ใช่คลื่นที่ยาวที่สุด จุดต่ำสุดของคลื่นสองสามารถย้อนกลับได้มากถึง 99% ของคลื่นหนึ่ง ถ้าคลื่นหนึ่งเป็นโพลีเวฟ หรือ Complexity level ที่สูงกว่าในคลื่นสองจะต้องแยกย่อยออกเป็นโพลีเวฟ หรือรูปแบบที่สูงกว่า หากแบ่งย่อยคลื่นสองและคลื่นเอ (ในคลื่นสอง) ปรับฐานมากกว่า 61.8% ของคลื่นหนึ่งการ correction ทั้งหมดจะกลายเป็น Double Failure หรือ C-Failure โดย C-failure เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จุด 61.8% หรือน้อยกว่าของคลื่นหนึ่ง
Elliott wave by Eaw จริงหรือเปล่าที่เราควรซื้อหุ้นในคลื่น 2 ? จริงหรือเปล่าที่เราควรซื้อหุ้นในคลื่นสอง เพื่อจะได้ทำกำไรในคลื่น x3 กำไร 3เด้ง 5เด้ง ?
บทความนี้เผยแพร่เพื่อแนวทางให้เพื่อนๆ นักลงทุนที่ศึกษา NEO-Wave ให้เอาไปใช้ประโยชน์ในการทำกำไรในตลาดหุ้นแบบจริงจัง (PART1)
ก็ต้องถามกลับว่า "รู้ได้อย่างไรว่าเป็นคลื่นหนึ่ง หรือ กำลังอยู่ในคลื่นสอง แล้วกำลังจะขึ้นในคลื่นสาม ????
ต้องบอกว่าการที่เราจะนับคลื่นมันมีหลักเกณฑ์การแบ่งแยกว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ อยู่ครับไม่ใช่ตะบี้ตะบัน 1 2 3 4 5 ไปซะหมด การที่เรานับคลื่นิดหลักเกณฑ์จะส่งผลถึงแนวคิดการตรวจสอบการจบชุดของคลื่นราคา (Phase) completely retrace เมื่อราคา completely retrace การตรวจสอบการจบคลื่น การหา Fibonacci Relationship ของสัดส่วนราคาเป็นเรื่องสำคัญที่เวลาแอดมินสอนจะเน้นเป็นพิเศษ เพราะถ้านักเรียนไม่เข้าใจเรื่องนี้จะไม่สามารถเข้าทำกำไรในแต่ละคลื่นราคาได้เลย แอดมินยังไม่เอาหลักการเกณฑ์ของกฏ impulsion Rule of alternation Overlap Rule Rule of Equality Extension Ruls มาเกี่ยวข้องเลย
เพียงแค่นำเอาเรื่อง โครงสร้าง impulsion และ Correction มาเป็นหลักเกณฑ์เท่านั้น เรื่อง impulsion จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ผู้ศึกษาจะต้องทำความเข้าใจในทุกตัวอักษร และต้องลงลายละเอียดกับมันพอสมควรครับ เรามาดูรูปแบบ Wave-1 Extended และ Non-extended มีหลักเกณฑ์อะไร แล้วคลื่นสองมีหลักการพิจารณาย่างไรหลักการพิจารณามาจากหนังสือ Mastering elliott wave by glenn neely อยู่ในบทที่ 11มาดูว่าเงื่อนไข และ ลักษณะ คลื่นสองมีอะไรบ้าง
Wave-1 Extended
The move that follows Extended wave-1 (wave-2) cannot retrace much more than 38.2% of wave1. Wave-2 will not likely be a Zigzag pattern. If you do see a Zigzag form after the 1st wave Extension, most likely it will be the completion of only wave-a of a larger Flat correction for wave-2. Wave-2 cannot be a Running correction. Wave-5 must be the shortest of the three thrust waves (1,3,5). Probabilities greatly favor that wave-2 will be more complex and time-consuming than wave-4 and it is likely that it will be the most complex and time consuming pattern in the entire series (1-5). If the pattern is above polywave development, the probabilities greatly favor that wave-1 will be the subdivided wave (the most complex of the three thrust segments). If wave-1 is not the subdivided pattern, then it must be wave-3.
11-2 Advanced Progress Label Application
คลื่นสามจะต้องมีความยาวไม่เกิน 61.8% ของคลื่นหนึ่งและคลื่นห้าจะต้องมีความยาวไม่เกิน 38.2% ของคลื่นสาม และจะต้องมีห้าคลื่นย่อยและหลังจบรูปแบบแล้วการเกิด Retracement ราคาควรลงไปสิ้นสุดบริเวณคลื่น 4 ย่อย ของคลื่น 1Extention แต่หากเป็นการจบ Impulsion ของคลื่น 1 หรือ 5 ของ Impulse wave ที่ใหญ่กว่าราคาควรลงไปบริเวณคลื่น 2 ย่อยของ Impulsion ใหญ่ก่อนหน้า โดยทั่วไปคลื่น 2 จะซับซ้อนและใช้เวลานานมากกว่าคลื่น 4 หรือ อาจจะเป็นคลื่นที่ใช้เวลามากที่สุดในห้าคลื่นทั้งหมดด้วย คลื่นสองที่จะเกิดตามหลังคลื่นหนึ่งยืดตัวจะต้องปรับฐานไม่เกิน 38.2% และ ห้ามเป็นรูปแบบ Zigzag ถ้าเป็น Zigzag ให้คาดว่าเป็นเพียงคลื่นย่อยของ a ของ Flat คลื่นสองเท่านั้น และ คลื่นสองของคลื่นหนึ่งยืดตัวนั้นจะเป็น Running Correction ไม่ได้ หากรูปแบบที่ระดับสูงกว่า Poly wave จะพบว่าคลื่นหนึ่งยืดตัวนั้นแบ่งคลื่นย่อยและซับซ้อนที่สุดเมื่อเทียบทั้งชุด แต่หากคลื่นหนึ่งยืดขยายไม่มี Subdivided จะต้องเป็นคลื่นสามที่จะต้องเกิด Subdivided
Wave-1 Non-extended If the pattern is above Complexity level 1, the third or fifth wave will be the subdivided segment, not wave-1. This is not to imply wave-1 will not subdivide, it just means it will not be the subdivided wave of the group. In other words, wave-3 or 5 will be more subdivided.
หากรูปแบบอยู่เหนือ Complexity level 1 (Polywaves ขึ้นไป) คลื่นลูกที่สามหรือห้าจะเป็นคลื่นที่แบ่งย่อย ไม่ใช่คลื่น-1 นี่ไม่ได้หมายความถึงคลื่นหนึ่งว่าจะไม่แบ่งย่อย แต่หมายความว่าจะไม่เป็นคลื่นที่แบ่งย่อยของกลุ่ม กล่าวอีกนัยหนึ่ง คลื่นสามหรือคลื่นห้าจะถูกแบ่งย่อยมากขึ้น แต่โดยทั่วไปหากไม่ใช่ Wave-1Extended ไม่ควรเกิด Subdivided ในคลื่นหนึ่ง การเกิด Subdivide นั้นให้คิดว่าโอกาสจะเกิดในคลื่นหนึ่งนั้นน้อยกว่าในคลื่นสามและห้ามากเพราะคลื่นหนึ่งนั้นไม่ใช่คลื่นยืดตัวนั้นเอง
Textbook : Wave-2
If wave-1 turns out to be (or is believed to be) the longest wave in the sequence, the second wave cannot retrace much more than 38.2% of the first wave. If the first wave is not the longest wave, the lowest point of wave-2 can retrace as much as 99% of wave-1.
หากคลื่นหนึ่งกลายเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด (หรือเชื่อว่าเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด) ในลำดับ คลื่นที่สองจะไม่สามารถย้อนกลับได้มากกว่า 38.2% ของคลื่นแรก
หากคลื่นลูกแรกไม่ใช่คลื่นที่ยาวที่สุด จุดต่ำสุดของคลื่นสองสามารถย้อนกลับได้มากถึง 99% ของคลื่นหนึ่ง
ดัชนี XAU Leading Gold SpotXAU หรือ ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมทองคำและโลหะเงินตลาด Philadephia Exchange
ซึ่งนำราคาหุ้นบริษัทเหมืองทอง 16 บริษัทมาคำนวณ โดยดัชนีเริ่มต้นที่ 100 เมื่อปี 1979
มีการศึกษาพบว่าดัชนี XAU มีความสัมพันธ์เชิงบวก กับราคาทองคำ (r=0.62)
และมีการเคลื่อนไหวนำ ราคาทองคำทั้งในกรอบ TF W1 และ D1
ข้อสังเกตส่วนตัว จากในรอบ 1 ปี TF D1
เราอาจใช้ประโยชน์ จาก XAU เพื่อเทรด Gold Spot ได้ดังนี้
จาก Chart : ดัชนี XAU อยู่ด้านล่าง ราคาทอง XAU/USD อยู่ด้านบน
.
1. รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวใน XAU เกิดขึ้นเป็นสัญญาณเตือนก่อนที่ราคาทองคำจะกลับตัว ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่จะช้ากว่าสัก 3-5 วัน ดังนั้นหากเทรดเลยต้องเผื่อจุดตัดขาดทุนหลวม ๆ เล็กน้อย
2. Negative Divergence เช่นในช่วง 18 พ.ค. ถึง 2 มิ.ย. ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 48$ แต่ ดัชนี XAU กลับอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นราคาทองจึงปรับตัวลงแรง
หรือ 30 มิ.ย.ถึง 15 ก.ค. ราคาทองปรับตัวขึ้น 48$ แต่ ดัชนี XAU ลดลง 4% ก่อนที่ราคาทองจะร่วงแรงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและวันจันทร์
.
อ้างอิง ( Markos Kations, Intermarket Trading Strategies( Hoboken, New Jersey: John Wiley & Sons, 2008)
#Elliottwave Forecasting Corrective Wave Depth of corrective wave การคาดการณ์ ความลึกของการปรับตัว คลื่น 4 คลื่นลูกที่ 4 มีแนวโน้มที่จะย้อนกลับมาก
สุดไปหา คลื่น 4 ก่อนหน้า(wave 4 ย่อยของ wave (3)) ในระดับที่น้อยกว่าหนึ่งระดับ ซึ่งส่วนใหญ่ใกล้กับจุดสิ้นสุด แต่ใน
กรณีที่ หากคลื่นลูกแรกขยาย การแก้ไขของ Wave 4 ก่อนหน้า wave 5 จะมีขีดจำกัด โดยทั่วไปแล้วจะจบลงที่ Wave 2 ของคลื่นก่อนหน้า (“Wave 2 ย่อยของ Wave (3))
Behavior Follwing Fifth wave Extensions เมื่อคลื่น 5 ขยายสิ่งที่เกิดตามมาจะเป็นการแก้ไข แบบ เฉียบคม
(sharp) รุนแรงและมักลงมาสิ้นสุดที่คลื่น 2 ย่อยของตัวเอง
แนวคิดการลงทุนที่ดีที่สุดของคุณคืออะไร?ขั้นตอนที่ 1 - แบ่งปันแนวคิดการลงทุนที่ดีที่สุดของคุณในส่วนความคิดเห็นด้านล่าง
ขั้นตอนที่ 2 - อธิบายแนวคิดของคุณโดยละเอียดด้วยข้อเท็จจริงหรือแผนภูมิ คุณยังสามารถเชื่อมโยงไปยังแนวคิดที่คุณได้เผยแพร่จากบัญชี TradingView ของคุณ
ขั้นตอนที่ 3 - เราจะมอบเหรียญ TradingView จำนวน 100 เหรียญให้กับการนำเสนอที่ดีที่สุด และ 200 เหรียญ TradingView ให้กับผู้ที่มียอดไลค์มากที่สุด
เราหวังว่าทุกคนจะสนุกกับกิจกรรมนี้และเราสามารถทำได้มากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่าลืมใช้ความคิดเห็นด้านล่างเพื่อพบปะกับผู้อื่น สนทนาเกี่ยวกับตลาด และค้นหาแนวคิดใหม่ๆ
ป.ล.
สิ่งสำคัญคือเราทุกคนสนับสนุนแนวคิดที่น่าสนใจที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดเผยแผนการลงทุนอย่างเปิดเผย เนื่องจากบางครั้งอาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องสนับสนุนผู้ที่ทำ การแบ่งปันแนวคิดช่วยให้ผู้อื่นเรียนรู้ ค้นหาโอกาสใหม่ๆ และให้ข้อเสนอแนะ นอกจากนี้ผู้ที่กล้าแบ่งปันก็มีสกินในเกม
เรารอคอยที่จะอ่านทุกการนำเสนอ! 📈
Basic QM101 (Quasimodo Pattern) #อีสานเทรดเดอร์Quasimodo คือ
รูปแบบ Quasimodo เรียกอีกอย่างว่า OVER & UNDER Pattern เป็นรูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ราคามีแนวโน้มที่ชัดเจน เมื่อราคาทำจุดสูงสูุดใหม่และจุดต่ำสุดใหม่ที่ยกสูงขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น หรือราคาทำจุดต่ำสูุดใหม่และจุดสูงสุดใหม่ที่ลดระดับลงในแนวโน้มขาลง มองเผินๆคลายๆกับรูปแบบ Head and Shoulder แต่ได้รวมเอาเทคนิของทั้งหมดของ Price Action เข้าไว้ด้วยกันใน QM ขั้นสูง ต่อไปนี้เป็นรูปแบบพิ้นฐานของ QM
ดังในภาพ สังเกตการเคลื่อนไหวของราคา
1. ราคาเพิ่มขึ้นจาก 1 และลดลงทำให้เกิดแนวต้านที่ 2 (ไหล่ซ้าย)
2. จากนั้นที่หมายเลข 3 ราคาจะลดลงเพื่อให้เกิด Low และเพิ่มขึ้นอีกครั้งเหนือแนวต้านที่หมายเลข 2 ทำให้เกิด Higher High ขึ้นที่อันดับ 4
3. จากนั้นราคาจะลดลงสู่ Break 3 และทำให้ Lower Low ที่ 5
4. จากนั้นราคาก็ขึ้นอีกครั้งโดยมองหาหมายเลข 6
5. ที่นี่เราจะเราจะว่างจุด Sell ที่หมายเลข 6…
6. หมายเลข 6 มักจะเป็นระดับเดียวกับหมายเลข 2..
7.ในทางกลับกันในรูปแบบขาลงก็จะทำแบบเดี่ยวกัน
การใช้ Linear Regression แชนแนลLinear Regression แชนแนล เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการระบุระดับราคาที่เป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตโดยการสร้างกราฟการแจกแจงแบบปกติของแนวโน้ม
เมื่อใช้เครื่องมือ Regression Trend (อยู่ในแผงรูปวาดภายใต้กลุ่ม "Trend Line Tools") จะมีการเลือกจุดสองจุดบนแนวโน้มโดยทั่วไปจะอยู่ที่จุดเริ่มต้นของแนวโน้มและจุดสิ้นสุดของแนวโน้ม
เมื่อเลือกจุดสองจุดบนแผนภูมิการแจกแจงปกติของชุดข้อมูลจะคำนวณระหว่างจุดที่เลือกสองจุดและแสดงในรูปแบบของ linear regression แชนแนล
เส้นกึ่งกลางในแชนแนลนี้คือเส้น Linear Regression หรือค่าเฉลี่ย และเส้นบนและล่างคือค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานบนและล่างจากค่าเฉลี่ยตามที่กำหนดไว้ในการตั้งค่าของเครื่องมือ (ค่าเริ่มต้นคือ +2 และ -2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ย)
ความสัมพันธ์ของความสัมพันธ์เชิงเส้นนี้จะแสดงเป็นค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน หรือค่า Pearson’s R ซึ่งสามารถแสดงหรือซ่อนบนแผนภูมิได้โดยเลือกจากเมนูรูปแบบเครื่องมือ
Pearson’s R แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์และทิศทางของมันโดยค่าที่เคลื่อนที่ระหว่าง -1 ถึง 1 เมื่อ Pearson’s R เคลื่อนที่ห่างจากศูนย์มากขึ้น ความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างราคาและเวลาจะเพิ่มขึ้น เมื่อใช้เครื่องมือ Regression Trend Pearson’s R จะถูกกำหนดเป็นค่าสัมบูรณ์ (บวก) เสมอ แต่สามารถระบุทิศทางของแนวโน้มได้ด้วยสายตา
การกลับตัวเข้าหาค่าเฉลี่ย (Mean)
เมื่อ Regression trend มีความสัมพันธ์กันสูงนี่เป็นผลมาจากความสอดคล้องของการเคลื่อนไหวของราคาที่วางตามค่าเฉลี่ย (เส้นกึ่งกลาง) โดยมีจุดน้อยกว่าที่เคลื่อนที่สูงกว่าและต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยไปยังระดับค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานบนและล่าง
วิธีหนึ่งในการเทรดโดยใช้ Linear regression แชนแนลคือการเทรดการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อมันเคลื่อนตัวออกจาก และกลับไปที่ค่าเฉลี่ย
เมื่อใช้เครื่องมือนี้ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตคือ แชนแนลที่มีแท่งกราฟจำนวนแท่งมากกว่าและมีความสัมพันธ์กันสูง มีแนวโน้มที่ราคาจะดำเนินต่อไปในแนวโน้มนั้นมากกว่ากราฟที่มีแท่งเทียนเพียงไม่กี่แท่งและมีความสัมพันธ์กันสูง
ควรพิจารณาความยาวนานของแนวโน้มเมื่อทำการเทรดแชนแนลเหล่านี้
ด้วยเครื่องมือ Regression Trend คุณสามารถเริ่มใช้การวิเคราะห์ทางสถิติในกลยุทธ์การเทรดของคุณได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ปุ่ม!
#Elliottwave Combination รูปแบบชุดค่าผสม by @ฮีสานเทรดเดอร์ Double and Triple Three
Elliott เรียกว่า “การแก้ไขแบบผสมออกด้านข้าง” ในขณะที่การแก้ไข ชุดแรกเป็น Zigzag หรือ Flat ประเภทใดๆ
Triangle จะเป็นส่วนประกอบสุดท้ายที่ อนุญาติของชุดค่าผสมดังกล่าว ในบริบทนี้เรียกว่า “Ttiple” หรือ “Double” คือการ
รวมตัวกันของ Corrective Zigzag,Flat หรือ Triangle ประเภทต่างๆ การเกิดขึ้นของ Combinations มักจะเป็นการขยาย
ออกไปด้านข้าง และใช้ป้ายกำกับเป็น W,Y,Z และคลื่นปฎิกิริยา X หรือตัวเชื่อมรูปแบบ Combinations สามารถเป็น
รูปแบบการแก้ไขใดๆก็ได้แต่โดยทั่วไป มักจะเป็น Zigzag
-ส่วนใหญ่รูปแบบ Double และ Triple three มักจะเป็นการเคลื่อนที่ไปในแนวนอน แต่แอลเลียต ระบุว่าการก่อตัว
ทั้งหมดอาจเอียงไปตามแนวโน้มที่ใหญ่กว่าก็ได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยพบว่าเป็นเช่นก็ตาม เหตุผลหนึ่งคือไม่เคยมี Zigzag
มากกว่าหนึ่งชุด ไม่มี Triangle มากกว่าหนึ่งรูปจำไว้เพียงอย่างเดียวว่ารูปแบบ Triangle นั้นนำหน้าการเคลื่อนไหวสุดท้าย
ของแนวโน้มที่ใหญ่ขึ้น และจะเป็นชุดเคลื่อนที่สุดท้ายใน double หรือ Triple three
-ชุดค่าผสม Combinations Double และ Triple Zigzag เป็นชุดค่าผสมที่ไม่ใช่แนวนอน ใน Double และ Triple
Zigzag Zigzag ชุดแรกแทบจะไม่ใหญ่พอที่จะถือเป็นการแก้ไขของราคาที่เหมาะสมก่อนหน้า โดยทั่วไปแล้วการเพิ่มขึ้น
เป็น Double หรือ Triple ของรูปแบบจำเป็นต่อการสร้างการย้อนกลับของราคา ที่มีขนาดเพียงพอ เกิดขึ้นเพื่อขยาย
ระยะเวลา ของกระบวนการแก้ไขหลังจากราคาบรรลุเป้าหมายอย่างมีในยะสำคัญ
-หากทำให้มันชัดเจนขึ้น รูปแบบ Combinations และ คลื่นขยายของ Impulse มีความแตกต่างกันเชิงปริมาณ
จำนวนของอนุกรม จำนวน 3+4+4 ฯลฯ ของชุดค่าผสม combinations และ 5+4+4+4 ฯลฯ ของคลื่นขยาย ใน Impulse
Impulsive มีจำนวน 5 และมีการขยายที่นำไปสู่คลื่น 9,13 หรือ 17 คลื่น และ คลื่น Corrective มีจำนวน 3 โดยผสมกัน
ก็จะนำไปสู่ 7 หรือ 11 คลื่น. แต่รูปแบบ Triangle ดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น แม้ว่าจะสามารถเป็นหนึ่งในสามรูปแบบของ Combination ได้รวม
11 คลื่น ดังนั้น หากการนับภายในไม่ชัดเจนนักวิเคราะห์ บางครั้งอาจได้ข้อสรุปที่สมเหตุสมผล เพียงแค่การนับคลื่น
ตัวอย่างช่น การนับ 9,13 หรือ 17 ที่มีการทับซ้อนกันเล็กน้อยนั้น น่าจะเป็น Motive wave ในขณะที่การนับ 7,11,15 ที่มีการทับซ้อนกันจำนวนมาก น่าจะเป็นรูปแบบ Corrective wave ยกเว้น motive wave ประเภท Diagonal ทั้งสอง
รูปแบบ
#Elliottwave #Triangle(3-3-3-3-3) #อีสานเทรดเดอร์การแก้ไขรูปแบบสามเหลี่ยม(Triangle) จะสะท้อนถึงความสมดุลของแรงทำให้เกิดการเคลื่อนที่ไปด้านข้าง โดยปกติ
จะเกี่ยวข้องกับการลดลงของปริมาณซื้อขายและความผันผวน รูปแบบสามเหลี่ยมประกอบด้วยคลื่นที่ทับซ้อนกัน 5 คลื่น
แบ่งย่อยเป็น 3-3-3-3-3 และติดป้ายกำกับด้วยตัวอักษร A-B-C-D-E สามเหลี่ยมถูกกำหนดโดยการลากเส้นเชื่อมต่อระหว่่าง
A และ C , B และ D โดยที่คลื่น E สามารถเกินเส้น A - C ได้ คลื่น C ไม่เกินจุดเริ่มต้นของ คลื่น A และ คลื่น E ไม่เกินจดเริ่มต้นของคลื่น B
สามเหลี่ยมมี 2 ประเภท คือ Contracting และ Expending แต่โดยส่วนใหญ่หากคลื่น B ยาวกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น A และการย้อนกลับของคลื่น E จะอยู่ที่ปลายคลื่นคลื่นก่อนหน้าเราจะเรียกว่า Running Triangle
แม้ว่าบางครั้งคลื่นลูกที่ 2 ใน Impulse จะเป็น สามเหลี่ยม แต่ สามเหลี่ยมมักจะเกิดกับคลื่นลูกที่ 4 มากกว่า หรือ คลื่น B
ใน ABC หรือ คลื่่นสุดท้าย Y,Z ใน Combined หากคลื่นที่เกิดตามหลัง Triangle ยาวเกินกว่าเป้าหมายปกติให้ระวังการยืดเยื้อแะลยาวนานของคลื่นชุดนั้น