การเทรดแบบ Manual vs EA: ความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย และเหมาะกับใคการเทรดในตลาดการเงินมีหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการเลือกใช้เครื่องมือในการเทรด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ คือ การเทรดแบบ Manual (เทรดเอง) และการใช้ Expert Advisor (EA)
การใช้ Expert Advisor (EA)
ความหมาย: EA คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ทำการซื้อขายอัตโนมัติตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้
ข้อดี:
ประหยัดเวลา: EA สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ลดความผิดพลาดจากอารมณ์: EA ทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งไว้
สามารถทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลังได้: ช่วยให้นักเทรดประเมินผลการทำงานของกลยุทธ์ก่อนนำไปใช้งานจริง
ข้อเสีย:
ขาดความยืดหยุ่น: การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต้องอาศัยการแก้ไขโปรแกรม
อาจเกิดความผิดพลาดจากโปรแกรม: หากโปรแกรมมีข้อผิดพลาด อาจส่งผลต่อการเทรด
ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม: หากต้องการสร้าง EA เอง
การเทรดแบบ Manual (เทรดเอง)
ความหมาย: การเทรดแบบ Manual คือการที่นักเทรดตัดสินใจซื้อขายเองทั้งหมด โดยอาศัยการวิเคราะห์กราฟ การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค หรือปัจจัยพื้นฐานต่างๆ
ข้อดี:
ความยืดหยุ่น: นักเทรดสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์ตลาด
ความเข้าใจตลาดลึกซึ้ง: การเทรดเองจะทำให้นักเทรดเข้าใจกลไกของตลาดได้ดีขึ้น
ควบคุมความเสี่ยงได้ดี: นักเทรดสามารถตั้ง Stop-loss และ Take-profit ได้เอง
ข้อเสีย:
ต้องใช้เวลาและความพยายาม: ต้องติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง และใช้เวลาในการวิเคราะห์
มีความผิดพลาดได้: การตัดสินใจของมนุษย์อาจได้รับอิทธิพลจากอารมณ์
จำกัดเวลา: ไม่สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เหมาะกับใคร?
การเทรดแบบ Manual: เหมาะสำหรับนักเทรดที่ชอบวิเคราะห์ตลาด ชื่นชอบความท้าทาย และต้องการควบคุมการเทรดทุกขั้นตอน
การใช้ EA: เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการประหยัดเวลา มีวินัยในการเทรด และต้องการลดความเสี่ยงจากอารมณ์
สรุป
การเลือกใช้การเทรดแบบใดขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความถนัดของแต่ละบุคคล นักเทรดบางคนอาจเลือกใช้ทั้งสองรูปแบบควบคู่กันไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด อย่างไรก็ตาม การเทรดทุกประเภทมีความเสี่ยง ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
ไอเดียชุมชน
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปตัวนี้ก็ย่อมาจาก h1 เลยก็อย่างที่เห็นแหละวิเคราะห์แบบเดิมเลยไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยเพียงแค่ว่ามันเล็กลงสั้นลงการมองการจะเข้าเทรดก็ไวขึ้นแต่เก็บก็ไม่ได้เยอะเพราะแท่งเทียนในทางเฟรมเล็กลงมันก็วิ่งสั้นๆแต่มันต่อกันมันก็สร้างฟอร์มตัวไปในทางเฟรมที่ใหญ่ขึ้นมันก็แค่นั้นแหละเพราะฉะนั้นการเทรดเป็นเรื่องของความถนัดของตนเองเลยว่าจะเอา time frame ไหนในการเทรดใจร้อนหน่อยก็ย่อลงมาเล็กเก็บสั้นๆหน่อย sltp ก็จะสั้นลงแค่นั้นเอง mm ก็ไม่มากจบไวถ้าไม่มีเวลาก็ถือในทำเฟรมที่ใหญ่รูปแบบของแท่งเทียนก็ฟอร์มตัวจากแท่งที่ใหญ่ไปหาแท่งที่ใหญ่กว่าก็แค่นั้นแหละลองสังเกตดู
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปใช้ชุดวิเคราะห์เดิมจากไทม์เฟรม h4 เอามาย่อดู h1 หาจุดเข้าอย่างที่เห็นนะครับตามรูปเลยนะลองไปมองก่อนแล้วก็สร้างคำถามขึ้นมาเลยว่าแล้วทำไมมันต่อแท่งลงมีสัญญาณลงแล้วทำไมมันไม่ลงแล้วทำไมมันต่อแท่งเขียวขึ้นไปกับตัวจะเป็นการกลับตัวเพื่อจะขึ้นต่อเพราะอะไรมันมีเหตุผลก็อย่างที่เห็นก็คือมันไปชนแนวรับ h4 จับแนวรับ h1 มันก็เลยจับตัวแค่นั้นเองทำไมมันเป็นสัญญาณลงแล้วทำไมไม่ลงนั่นแหละครับเหตุผลมีแค่นี้เพราะฉะนั้นในภาพนี้มันก็คือ side way แค่นั้นเองลองฟังตามอ่านและทำความเข้าใจดูสังเกตดู
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปh4 นี้ก็ย่อออกมาจากชุดวิเคราะห์เดิมของ d1 ให้มันต่อภาพกันเดี๋ยวจะงงก็ประมาณนี้ล่ะครับมองภาพหน้าตาแบบนี้เลยดูภาพเอาแล้วกันไม่รู้จะอธิบายแบบไหนแล้วเวลาจะเทรดก็เทรดในกรอบเล็กๆแค่นั้นเองเขามีให้สำเร็จแบบไหนก็เทรดแบบนั้นแหละภาพมันไม่มีอะไรมากก็คือมันทะลุขึ้นก็รอยัลบายทะลุลงก็รอยกเซลล์ไม่ทะลุก็ side way จะเป็น time frame ไหนก็มองแบบนี้แหละมันขึ้นอยู่กับเราเกษตรแค่นั้นเองว่าจะเอาเวลาไหนในการเทรดในการยืนยันในการเทรดแค่นั้นเองลองสังเกตดูแล้วกันครับมันก็ทำแบบนี้แหละซ้ำๆไปซ้ำมาวิเคราะห์ไปก็แบบเดิมๆนั่นแหละ
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปมุมมองภาพดี 1 ก็จะมองประมาณนี้ไว้ก่อนแต่อย่างที่เห็นกราฟวิ่งมา 4 วันแล้วก็ยังวิ่งอยู่บนกรอบเล็กๆไม่จำเป็นต้องไปคิดมากหรอกว่ามันจะลงหรือมันจะขึ้นแบบไหนวางแผนเทรดในกรอบหาจุดยืนไม่ได้ก็ตีไปใส่เอาเป็นจุดวางสายตาว่ากราฟจะวิ่งอยู่ในระดับประมาณนี้ไว้ก่อนหาจุดเช่าหรือทำเฟรมที่เล็กลงการเทรดก็คือความเสี่ยงความเสี่ยงที่เราวางแผนไว้ก็คือการ money management แค่นั้นเองไม่ต้องไปคิดอะไรมากแล้วเพราะว่ามันอยู่บนยอดจนไม่รู้มันจะยอดตรงไหนแล้วมันอาจจะขึ้นต่อก็ได้หรือมันอาจจะลงเลยก็ได้ไม่ต้องไปคิดมากเหตุในกรอบระหว่างวันที่มีให้เรามีจุดนำสายตาไว้แค่นั้นพอ
เลือก Leverage แบบไหนดี
👺👺👺 มาครับวันนี้เอาใจมือใหม่หัดเทรดกันบ้าง กับการเลือกเลเวอเรจให้ถูกกับจริตของตัวเอง เพราะการจะเทรดให้ได้กำไรจำเป็นต้องมีปัจจัยเล็กๆและองค์ประกอบอื่นๆมาเป็นตัวผลักดัน หนทางสร้างกำไรจึงจำเป็นต้องมีแบบแผนตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้น ไอ่เจ้าเลเวอเรจนี่แหละครับที่จัดว่าสำคัญทีเดียวเชียว มาครับ ตามมาอ่านกันต่อได้เลย
เลือก leverage แบบไหนดี ?
Leverage คืออะไร ?
หากเราตัดสินใจที่จะเดินเข้าสู่วงการ การเทรดค่าเงินในตลาด Forex แล้วหล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่ต้องเลือกเป็นอันดับแรกเลยก็คือ เลเวอร์เลจ
หากให้เปรียบเทียบคำว่า เลเวอร์เลจ คำนี้จะมีความคล้ายคลึงันกับเงินเดิมพัน และเงินยืม เลเวอร์เลจ ช่วยให้เรามีอำนาจในการซื้อขายในตลาดได้มากยิ่งขึ้นแบบทวีคูณ โดยยกตัวอย่างง่ายๆ
จากเดิมๆที่เราต้องมีเงินลงทุนประมาณ $100,000 ดอลลาร์ เราถึงจะสามารถเปิดออร์เดอร์ขนาด 1 lot ได้
แต่หากว่าเราเลือกเทรดแบบมี เลเวอร์เลจ ในการเทรด โดยเลือกเลเวอเรจที่ 1:100 เราจะใช้เงินลงทุนเพียง $1,000 ก็สามารถเปิดออร์เดอร์ 1 lot ได้แล้ว หรือจะเลือก เลเวอร์เลจ 1:1,000 เราจะใช้เงินลงทุนเพียง $100 ก็สามารถเปิดออร์เดอร์ 1 lot ได้
ตัวอย่างเลเวอเรจ
เลเวอร์เลจ 1:1 มีทุน $1,000 สามารถซื้อหุ้นได้ $1,000
เลเวอร์เลจ 1:100 มีทุน $1,000 สามารถซื้อหุ้นได้ $100,000
เลเวอร์เลจ 1:1,000 มีทุน $1,000 สามารถซื้อหุ้นได้ $1,000,000
จากตัวอย่าง เราจะเห็นได้ว่า เลเวอเรจ ยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งสามารถทำให้มีอำนาจในการซื้อมากยิ่งขึ้น เสมือนว่าเรายืมเงินจากเปอร์เซ็นต์ต้นทุนของเขาเอามาทำกำไรก่อนนั่นเอง แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่า การลงทุนมักมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ ยิ่งเราซื้อมากเท่าไหร่ความเสี่ยงยิ่งมากตาม แต่หากเรามีกำไร กำไรมันก็มากตามเช่นกัน
นั่นทำให้การใช้เลเวอเรจไม่ได้สวยหรูแค่ด้านเดียว ที่สำคัญสุดๆเลยนั่นก็คือการ Stop Out เรียกง่ายๆว่าล้างพอร์ตนั่นแหละครับ ยังไง??
เพราะยิ่งเราใช้เลเวอเรจมากที่สุดในการเทรด ไม่ว่าจะเป็น 1:1,000 , 1:2,000 , 1:5,000 หรือมากว่านี้ เราจะยิ่งเสี่ยงในการล้างพอร์ตง่ายเช่นกันจากการเทรดหนัก
เพราะการใส่ออเดอร์ได้มาก ยิ่งทำให้เราโลภมากยิ่งขึ้น ไอ่ความโลภนี่แหละที่ทำให้เราเทรด แบบ Over trade ใส่ลอตใหญ่มากเกินไป หากกราฟวิ่งผิดทางระยะวงสวิง ที่ติดลบก็พาล้มละลายได้เลยฮะ ฉะนั้นพึงระวัง และค่อยๆเทรดดีกว่านะครับ ไม่มากไปและไม่น้อยเกินไป ไม่งั้นเดี๋ยวจะเทรดไม่พอค่าไฟกันพอดี……เนาะ
แถมสูตรคำนวณ Lot Size ให้อีกนิดนะครับ ทุน / 10,000 เราจะได้ Lot ที่ใช้ในการเทรด
ตัวอย่างคำนวณ ทุน 100$ หาร 10,000 = 0.01 นี่คือ ลอตในการออกไม้นะครับ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ มือใหม่หัดเทรด สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เราจำเป็นต้องรู้นะฮะก่อนที่จะเริ่มเทรด แอดว่ามันดีและเบสิคมากเลย การเตรียมการและใส่ใจแบบแผนการเทรดเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยนะฮะ วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ว่างแล้วก็ลองกลับไปเช็ค Leverage ของเราดูกันนะฮะ จะได้คำนวณ Lot size ได้ถูก และเทรดแบบไม่ต้องลุ้นล้างพอร์ตอีกต่อไป ต้องลองนะฮะ
และที่สำคัญ ฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน รับรองว่ากำไรไม่ไกลเกินฝันแน่นอนฮะ แอดเอาใจช่วย แล้วอย่าลืม MM กันด้วยนะ ชีวิตการเทรดของเราจะยืนยาวและมั่นคง แอดฟันธงให้เลย
การ Breakout และ Retest: คู่มือสำหรับนักลงทุนเชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรด ไม่ว่าจะตลาดใหนก็น่ารู้จักรูปแบบการเทรด Breakout หรือการเทรดเมื่อราคาทะลุกรอบราคา แต่มีหลายครั้ง ที่เกิดการเบรคหลอก หรือ False Breakout และทำให้เราติดดอย วันนี้เราเลยแนะนำ สิ่งที่เพิ่มนัยยะการเบรคให้แม่นสูงขึ้น นั้นคือ Retest
เชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรด ไม่ว่าจะตลาดใหนก็น่ารู้จักรูปแบบการเทรด Breakout หรือการเทรดเมื่อราคาทะลุกรอบราคา แต่มีหลายครั้ง ที่เกิดการเบรคหลอก หรือ False Breakout และทำให้เราติดดอย วันนี้เราเลยแนะนำ สิ่งที่เพิ่มนัยยะการเบรคให้แม่นสูงขึ้น นั้นคือ Retest
รูปแบบราคาที่เกิดหลังจากที่มีการ Breakout ราคาได้กลับขึ้นมาทดสอบแนวเดิมที่เบรค และไม่สามารถที่กลับทะลุแนวที่ Breakout หรือทดสอบไม่ผ่าน เป็นการบอกว่า แรงซื้อขายที่สวนขึ้นมาน้อยกว่า แรงส่งราคา Breakout เป็นนัยยะที่คัญที่ Breakout จะไปต่อ
เหตุใดการ Breakout และ Retest จึงสำคัญ?
ระบุจุดเข้าซื้อและขาย: การ Breakout และ Retest ช่วยให้นักลงทุนระบุจุดเข้าซื้อและขายที่เป็นไปได้
ยืนยันแนวโน้ม: การ Retest ที่สำเร็จ (ราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านหรือแนวรับเดิมอีก) สามารถยืนยันแนวโน้มใหม่ได้
ลดความเสี่ยง: การเข้าซื้อหลังจากการ Retest สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าซื้อที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนไหวของราคา
วิธีการใช้การ Breakout และ Retest ในการลงทุน
ระบุแนวต้านและแนวรับ: ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น เส้นแนวโน้ม หรือตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อระบุแนวต้านและแนวรับที่สำคัญ
สังเกตการ Breakout: เมื่อราคา Breakout ผ่านแนวต้านหรือแนวรับ ให้เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด
รอการ Retest: รอให้ราคา Retest กลับมาที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับเดิม
ตัดสินใจเข้าซื้อหรือขาย: หากราคาไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านหรือแนวรับเดิมอีกครั้ง ให้พิจารณาเข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้มใหม่
สิ่งที่ควรระวัง
สัญญาณปลอม: ไม่ใช่ทุกการ Breakout จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาวเสมอไป
การวิเคราะห์เพิ่มเติม: ควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
การบริหารความเสี่ยง: กำหนดจุด Stop-loss เพื่อจำกัดความเสียหายหากการคาดการณ์ผิดพลาด
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปอันนี้ก็ไม่มีอะไรย่อมาจากทางเฟรม h1 ลงมาหาจุดเข้าที่ละเอียดขึ้นแค่นั้นเองเข้ามาดู m30 ดูซิว่าเขาสร้างแพทเทิร์นแบบไหนรูปแบบแพทเทิร์นก็มีเยอะแยะอยู่ใน google ไปหาเอาจำรูปแบบพวกนี้ไว้จำพวก price action ต่างๆเอาไว้แค่นั้นแหละมันไม่มีอะไรที่จะต้องมาลงในรายละเอียดอะไรมากกว่านี้แล้วมันก็หมดแค่นี้แหละมองกราฟก็มองแค่นี้ไม่ได้มองอะไรมากกว่านี้เลยที่เหลือมันก็คือฝึกสกิลบ่อยๆแค่นั้นเองฝึกเรื่องของอารมณ์เรื่องการmoney management แค่นั้นแหละ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปh4 เราย่อลงมาจากที่วิเคราะห์ชุดเดิมจะได้ปะติดปะต่อภาพได้ก็จะเห็นว่ามันบีบเล็กลงเพื่อให้เราเทรดในกรอบที่เล็กลงแค่นั้นแหละหาจุดเข้าในกรอบ h4 แค่นั้นแหละ state new ในกรอบจะหา PA trade ใน side way ก็ดู m 30 m15 พวกนี้แล้วก็เก็บ tp sl ตามแนวรับแนวต้านแค่นั้นแหละไม่ต้องไปมองไกลมากหรอกเก็บทีละ 500 จุดนี้ก็หรูแล้ว
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปเพราะยอดดู D 1 ก็จะทำให้เห็นอะไรมากขึ้นช่วงราคาที่เราจะวิเคราะห์มันจะแคบลงพยายามบีบมุมมองให้มันแคบลงเพื่อใช้ในการวิเคราะห์หาจุดเช่าทุกอย่างไม่มีอะไรยุ่งยากก็คืออย่างที่เห็นนั่นแหละครับสังเกตแท่งต่อแท่งคู่การยกตัวกลับเงื่อนไขเดิมๆ break out แบบไหนก็วางแผนเทรดไปทางนั้นแค่นั้นแหละ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มกราฟมันก็เป็นแบบขาลงแต่ก่อนที่จะเป็นภาพนี้มันมีการยกตัวขึ้นมาก่อนแล้วก็เป็นไปได้ที่เป็นการยกย่อเพิ่มขึ้นต่อแต่อย่างที่เห็นนั่นแหละครับนั่นคือ time frame week มันขึ้นลงแต่ละทีเนี่ยมันใช้เวลานานถ้าจะเทรดเราก็เอาแค่ในกรอบที่ทำเส้นนำสายตาไว้ให้แค่นั้นแหละเอามาใช้ในการวางแผนว่าเราจะเทรดในทิศทางไหนวิกบอกเราได้แค่นี้แหละไม่ได้บอกอะไรมากกว่านี้แล้วก็เดี๋ยวไปหาจุดเข้ากันในทางเฟรมที่เล็กลงกันอีก
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปพนักงานข่าวมาเกี่ยวกับเรื่อง iPhone 16 จะมาแล้วหุ้นมันจะขึ้นขนาดนั้นเลยหรอทำไมถึงกล้าสร้างกระแสขนาดนั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชอบออกข่าวให้คนตื่นตลกเข้าไปซื้อของไปช้อปปิ้งกันขนาดนั้นเลยต้องการอะไรกับเม่าขนาดนั้นต้องการหลอกเงินมากขนาดนั้นเลยหรอจริงๆถ้าพูดถึงเรื่องคุณธรรมจริยธรรมหุ้นตัวนี้ผมคิดว่ายังไม่เหมาะสมที่จะเข้าซื้อเลยแต่มันก็จะออกว่าแหละพอพูดไปแล้วก็โดนว่าอีกว่ามันเป็นความพอใจของเขานั่นก็คือความพอใจของเขาคือเงินของเขาแต่ผมแค่อึดอัดเฉยๆว่ามันจังหวะไม่ได้ยังไม่สวยจะเข้าไปทำไมทำไมไม่รอให้มันพร้อมแล้วค่อยซื้อเหตุผลแค่นั้นแหละอยากจะซื้ออะไรก็ซื้อไปไม่ได้ว่าอะไรแล้วแต่เม่าเม่าแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน
MARKET STRUCTURE เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริงMARKET STRUCTURE
เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริง
👯👯👯กลับมาพบเจอกันอีกเช่นเคยกับบทความที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการเทรดโดยตรงเลยฮะ ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่หัดเทรดนี่ จัดว่าสำคัญมากๆเลย เพราะมันคือสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ มาครับ มาทำความรู้จักกับ MARKET STRUCTURE กันดีกว่า ว่ามันสำคัญอย่างไร
Market Structure โครงสร้างตลาด
โครงสร้างตลาดในการเทรด คือการทำความเข้าใจในเรื่อง หลักการการเชื่อมโยงกราฟใน Timeframe แต่ละ Timeframe ว่ามีความสัมพันธ์ุกันอย่างไร ไอ่เจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้เราสามารถอ่านกราฟออก และทำให้การเทรดนั้นดูง่ายขึ้นเยอะเเลย
อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า กราฟแท่งเทียนนั้นมีคลื่นเวฟ และมีเทรนด์ในตัวของมันเอง อ้างอิงตามทฤษฎีดาว ( Dow Theory ) ซึ่งเป็นทฤษฎีอมตะ ทฤษฎีต้นแบบในการอ่านคลื่นกราฟ โดยสามารถจำแนกแบ่ง เทรนด์ในการเทรดคร่าวๆดังนี้
1. Primary Trend คือแนวโน้มเทรนด์หลัก เทรนด์ใหญ่ ซึ่งทำให้เราแยกกราฟออกได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
2. Secondary Trend แนวโน้มรอง ส่วนใหญ่เทรนด์แนวโน้มรองมักจะเป็นเทรนด์ในกรอบระยะสั้น รวมไปถึงการพักตัวหรือสวิงเทรนด์ไซด์เวย์ และมีโอกาสที่ราคาจะไปต่อหรือกลับตัวได้เช่นกัน
3. Minor Trend แนวโน้มย่อย ส่วนใหญ่กรอบเทรนด์แนวโน้มย่อยมักจะอยู่ในกรอบ TF เล็กๆ วิ่งในระยะสั้นๆ และเป็นการย่อลงเพื่อไปต่อตามเทรนด์ในแนวโน้มใหญ่
แท่งเทียนของราคา ใน TF ต่างๆจึงมีความสัมพันธ์กันกับ Market structure
เปรียบเทียบการแบ่งแยก Timeframe เล็ก และใหญ่ ในกราฟคู่เงินเดียวกัน
การอ่านเทรนด์ออกจาก Timeframe (TF) หลายTimeframe จากใหญ่ ไป เล็ก จะทำให้เราอ่านกราฟออกและแบ่งแยกการเทรดได้ ว่าจะ Buy หรือ Sell และทำให้เราเห็นจุด โลว์ และ จุด ไฮ ( HH , HL, LL ) ที่ใกล้ที่สุด และโอกาสในการชนะก็ค่อนข้างได้เปรียบมากขึ้นอีกด้วย
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ง่ายๆเบสิค และทำให้หลายๆคนมองเห็นจุดเข้าที่ได้เปรียบได้มากขึ้น จากสัญญาณที่แตกต่างกันในหลาย TF แบบนี้เราก็จะเทรดได้ง่ายแถมกำไรดีขึ้นด้วยนี่สิ ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาคู่การเทรดและ การอ่านสัญญาณจากแท่งเทียนมาฝึกกันดูนะครับ แอดบอกเลยว่า กำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปตัวนี้มันดูแล้วไม่ต้องพิมพ์ d1 มันก็มีวอลลุ่มสามารถซื้อขายได้ในทำเฟรมเล็กอยู่แหละแต่ถ้าดูด้วยตาจริงๆเนี่ยมันใกล้จะระเบิดแล้วรอระเบิดแล้วก็เลือกทางแล้วค่อยเข้าจะได้ซื้อขายตามเทรนก็จะเก็บได้ไวกว่าถ้าซื้อตอนนี้มันก็จะยึกๆยักๆน่าเบื่อเป็นไปได้ก็อยู่บ้านทำอย่างอื่นฝึกทักษะอย่างอื่นไปดีกว่าหรือจะอ่านหนังสืออะไรเพิ่มทักษะอะไรยังจะดีกว่ายังไม่นั่งเฝ้าเลยรอให้มันระเบิดก่อนหาจังหวะเข้าในทางเฟรมที่เล็กลงนิดนึงหาpaใน h1
เอาเวลาไปอยู่กับลูกปลูกต้นไม้ออกกำลังกายก็ได้ไม่ต้องไปนั่งเฝ้า
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มของ ทำเฟรมใหญ่วิกก็ยังมองเป็นขาลงแต่มันอยู่ในกรอบของ side way ใหญ่ week ด้วยเพราะฉะนั้นมันยังไม่ได้ลงตอนนี้หรอกมันก็จะวิ่งแบบ side way ก่อนเพราะฉะนั้นใน h4 เขากำลังยืนยันขาขึ้นหาจุดเข้า time frame h1 หา price action ฉากขึ้นแล้วรอให้กราฟมันย่อกลับลงมาในกรอบเดิมก็บายขึ้นไป sltp ตามแนวรับแนวต้านสำคัญ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปในTF m 15 ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลยจากการวิเคราะห์ของก่อนหน้านี้แค่มาย่อยดูว่ามันจะมีจุดเข้าอะไรที่ละเอียดขึ้นไหมไอ้นี่ล่ะครับคือ price action หรือพวกโซนที่ดีที่สุดนั่นแหละแต่อย่างที่ว่าล่ะครับเห็นไหมว่าถ้าเวลามันลงอ่ะเราก็สามารถเซลล์ได้เหมือนกันนะแต่ว่ามันต้องเก็บเร็วเพราะพี่ใหญ่บอกขึ้นอยู่ระวังสวนโดนลากด้วย เก็บบนเก็บล่าง100จุดเข้าออกบ่อย
เพราะฉะนั้นยิ่งย่อยเล็กยิ่งเห็นจุดเข้าได้เยอะขึ้นเก็บได้ไวขึ้นออกจากตลาดได้เร็วขึ้น
เลือกเอาล่ะครับว่าจะเอาแบบไหนมันขึ้นอยู่กับตัวเรามันนี่ไม่ได้เน้นของเราเงินทุนของเราทุกอย่างมันนี่ไม่เห็นก่อนเสมอทำตามแผนด้วยอย่าทำนอกแผนโดนมาแล้วเมื่อวานนี้น้อยกว่าเหรียญเสียดายมาก
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไป ใช้ชุดวิเคราะห์เดิมของ time frame week ย่อลงมาtime frame d1จะเห็นภาพรวมเลยว่าใน 9,300 จุดนั้นน่ะช่วงราคาปัจจุบันมันก็คือกรอบ side wayเพราะฉะนั้นถ้าจะเทรดสำหรับสัปดาห์หน้าก็ต้องเทรดในรูปแบบของ side way ก่อนแต่อย่างที่ว่าแหละ 5 วัน 5 แท่งใน 1 วันมีการวิ่งลงวิ่งขึ้นของแท่งเล็กๆมากมายแล้วเราจะมาอยู่รอเทรดอีก 5 วันไม่รู้จะทำ action อะไรให้เราได้เห็นคงเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกันใน time frame day บอกเราได้แค่นี้ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้วถ้าจะเทรดตามรูปแบบต่างๆนี้ก็คงต้องย่อลงไปดูในทางเฟรมที่เล็กลงดีกว่าเดี๋ยวลงไปดู h4 กันครับ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปทำเฟรม week แนวโน้มครับดูด้วยตามันก็ขึ้นนั่นแหละครับแต่กว่าเราจะได้เก็บคงรอนานมากอย่าไปคิดว่ามันจะได้ซื้อขายกันเร็วๆนี้หรอกดูแค่นี้พอสัปดาห์หน้าวางแผนเทรดในกรอบนี้ 9,300 จุดทะลุขึ้นก็วางแผนเทรดใบต่อทะลุลงก็วางแผนเขตเซลล์ต่อแต่ถ้าไม่ทะลุก็วางแผนเทรดในกรอบ 9,300 จุดทำ family บอกให้เราเห็นได้แค่นี้เราไปวิเคราะห์อะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจะหา price action อะไรในทำเฟรมวิกมันไม่ได้มีประโยชน์สำหรับคนเทรดเก็บรายวันแต่มันเป็น price action ที่มีประโยชน์สำหรับคนเก็บรายเดือนฉะนั้นดูๆเอาไว้ครับมี price action ไหมถ้ามีก็ดูๆไว้แค่นั้นแหละ