ไอเดียชุมชน
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปมองภาพรวมของ d1 ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปบีบกรอบเทรดในทามเฟรมที่เล็กลงพยายามสร้างเงื่อนไขในรูปแบบที่ตัวเองเข้าใจให้เป็นรูปประธรรมซะก่อนจะทำให้เราเชื่อมั่นในระบบของเราก่อนเสมอถ้าระบบมันไม่ใช่ก็จะไม่สามารถวิเคราะห์เจาะลึกลงไปได้อีกและจะไม่เกิดความเชื่อมั่นสิ่งสำคัญนั่นแหละครับคือระบบที่ทำบ่อยเกิดซ้ำบ่อยเกิดแล้วเป็นจริงแล้วเอามาทำต่อปรับปรุงพัฒนาไม่ใช่ปรับปรุงแก้ไขปรับปรุงแก้ไขคือปรับแล้วปรับอีกแก้แล้วใช้อีกเริ่มจากศูนย์ใหม่ไม่สิ้นสุดคนละบริบทคนละความหมายนะครับ
ฝึกวิเคราะห์หาจุดเข้าซื้อให้ละเอียด แม่นยำยิ่งๆขึ้นM15เรามาวางแผนสร้างตรรกะของM15จุดเข้าต่างๆจะเร็วกว่าพี่ใหญ่ ฉะนั้นจะเทรดทามเฟรมนี้อย่าคาดหวังว่าจะเก็บคำโตแบบพี่ใหญ่ จะคาดหวังเข้าM15 ออกH4แบบนั้นก็รอโดนSLอย่างเดียวกราฟในทามเฟรมเล็กมันสวิงอาจจะวิ่งลงไปหารับH4ก็ได้หรือทะลุหาต้านH4เลยก็ได้ไม่มีใครรู้รู้อย่างเดียวเทรดM15 TP SL M15 หรือ M5 พออย่าโลภ
รูปแบบกราฟปู Crab Pattern สายตั้ง SL ต้องดักยาวๆรูปแบบกราฟปู (Crab Pattern)
สายตั้ง SL ต้องดักยาวๆ
👽👽👽 กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบต่างๆในการเทรดจากบทความที่แล้วเราได้รู้จักกับรูปแบบกราฟ harmonic ประเภทต่างๆกันไปแล้ว แต่มันยังไม่หมดครับ มาต่อกันที่รูปแบบปู กันบ้างดีกว่า รูปแบบนี้ทำกำไรเด็ดไม่แพ้กราฟตัวอื่นๆกันเลยทีเดียวเชียว
รูปแบบกราฟปู (Crab Pattern)
Crab Pattern หรือรูปแบบปู เป็นหนึ่งในรูปแบบ Harmonic Pattern ที่พัฒนามาจากรูปแบบ Gartley ความพิเศษของมันคือความยาวในการสวิงตัวของ XA และ CD ซึ่งจุด D จะอยู่ไกลมาก และยาวมาก ทำให้ Crab มีความแตกต่างจากรูปแบบ Harmonic อื่นๆ
จุดเด่นของ Crab Pattern
เป็นรูปแบบที่มีสี่คลื่นและห้าจุด (XABCD) ที่ประกอบด้วยคลื่นซีดีแบบยาว ขาซีดีแบบยาวแสดงถึงการเคลื่อนไหวที่เฉียบคม ซึ่งมันจะคอยตามล่าจุด SL ของผู้ค้าปลีกแล้วย้อนกลับไปยังทิศทางหลักอีกครั้ง
Trade Setup ด้วย Crab Pattern
- จุด B อยู่ที่จุกพักตัวระดับ 38.2-61.8% ของ XA
- จุด C สามารถอยู่ที่จุดพักตัวระดับ 38.2% -88.6% ของ AB
- จุด D สามารถพบได้ที่ส่วนขยายของ AB ที่ระดับ 224% -316% หรือที่ส่วนขยายของ XA ที่ระดับ 161.8% ยิ่งจุด D เข้าใกล้ส่วนขยายของ X ที่ 161.8% มากเท่าไหร่ สัญญาณของรูปแบบนี้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
วิธีการเทรด
จุดเข้าอยู่ที่จุด D. ต้องรอให้ตลาดเกิดการกลับตัวจาก CD ก่อนเปิดออเดอร์เสมอ
Take Profit อาจอยู่ที่ระดับ 61.8% ของ CD (TP1) และ 127.2% ของ CD (TP2) ใส่ Stop Loss ให้สอดคล้องกับกฎการบริหารความเสี่ยงของคุณ
มาดูลักษณะของรูปแบบปูที่อยู่บนแผนภูมิ จุด B อยู่ที่จุดพักตัวระดับ 61.8% ของ XA ส่วนจุด D อยู่ใกล้กับส่วนขยายระดับ 161.8% ของ XA
ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ
1. แพทเทิร์นในรูปแบบนี้ การกลับตัวจะอยู่ลึกถึงระดับฟีโบนักชีที่ 88.6 เสมอ
2.แพทเทรินนี้ ไม่เหมาะสำหรับสายตั้ง SL สั้นๆ เพราะอาจโดนรวบกินหมดสะก่อน ก่อนที่จะกลับตัว
3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ
4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ รูปแบบปูนี้ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์สาย SL สั้นๆนะฮะ ไม่งั้นหมดตัวแน่นอน หากใครชอบก็ลองเอาไปใช้เทรดกันดูฮะ เหมาะกับการเทรดทองมากๆ
และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
Fed ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี 0.5%: ผลกระทบต่อทองคำและบิตคอยนการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับ 4.75%-5% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี มีผลกระทบทั้งต่อทองคำและบิตคอยน์อย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบต่อทองคำ
ทองคำมักจะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย เนื่องจากการลดต้นทุนการกู้ยืมทำให้นักลงทุนสนใจสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนแบบดอกเบี้ยอย่างทองคำมากขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัวลง
ผลกระทบต่อบิตคอยน์
บิตคอยน์และคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ อาจได้รับประโยชน์จากความผันผวนของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น การลดดอกเบี้ยทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินสูงขึ้น ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเช่นบิตคอยน์เพิ่มขึ้น
โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
แม้ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังมองว่า Fed อาจยังคงระมัดระวังในการปรับลดดอกเบี้ยต่อไป เพราะเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน หากการเติบโตยังไม่ชัดเจน Fed อาจเลือกที่จะลดดอกเบี้ยต่อไป แต่หากอัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาเร่งตัวขึ้น Fed อาจชะลอการปรับลดดอกเบี้ย.
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปเพราะฉะนั้นสร้างตรรกะทางความคิดเรียบร้อย
หาแนวรับต้านใกล้ราคาปัจจุบัน
เทรดในกรอบราคารับต้าH4โดย
ย่อหาจุดเข้าซื้อในTFที่เล็กลงด้วย
Price Action ต่างๆ
เพราะฉะนั้นถ้าหากหลุดจากกรอบที่ตั้งไว้ในแผนก็วางแผนเทรดตามแนวโน้มต่อไปด้วยวิธีการเทรดแบบ break out trade แบบ break out เป็นอย่างไรเช็คข้อมูลใน google มีสอนอยู่เยอะแยะลองสังเกตดู
Three Drive Pattern เทรดต่อเนื่องด้วยจุดกลับตัวของเทรนด์
👯👯👯 ยังคงอยู่กันต่อกับ ทฤษฎี Harmonic pattern บทความดีๆที่แนะนำเทคนิคการเทรดในรูปแบบต่างๆ หากใครเป็นสายเทคนิคอลแล้วหละก็ บอกเลยมันมีประโยชน์สุดๆ แถมยังฝึกไหวพริบที่ดีได้อีกด้วยนะ วันนี้แอดพาทุกท่านไปรู้จักกับThree Drive Pattern อยากรู้มันเป็นอย่งไร ใช้แบบไหน ตามมาอ่านกันได้เลย
Three Drive Pattern
เป็นอีกหนึ่งในรูปแบบตามทฤษฎีของ Harmonic Pattern ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรูปแบบ ABCD แต่มี 5 ขา ถ้าให้พูดกันแบบง่ายๆก็คือ Three Drive Pattern เป็นรูปแบบต่อเนื่องของ ABCD ที่เราสามารถทำกำไรได้หลายรอบนั่นเอง รูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเทรดยาวๆและรอจังหวะของการเทรดกลับตัว
วิธีการเทรดและการสังเกตุ
เมื่อราคาเซ๊ทอัพ ABCD รูปแบบที่เราเห็นจะมีลักษณะคล้าย ตัว M และ W นั่นเอง แต่มันจะต่อเนื่องจาก ABCD เกิดเป็นคลื่น3 ลูก นั่นเรียกว่า Three Drive Pattern
ให้เริ่มมองหาจุด LH และ LL หรือตำแหน่ง 1-2-3 เมื่อราคาทำเซ๊ทอัพครบ เราสามารถเข้าออเดอร์ได้และสามารถเก็บกำไรได้หลายรอบ จากการเบรคเอ๊าทฺอีกที
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับเทคนิคการเทรดแบบต่อเนื่องและการหาจุดกลับตัว ได้กำไรหลายต่อจริงๆนะ ใครรักใครชอบแบบไหนก็ลองเอาไปปรับและเลือกใช้กันดูนะฮะ แอเชื่อว่าไม่มากก็น้อย กำไรแน่นอน อยู่ที่ว่าเราเลือกชอบแบบไหน และเทรดให้ได้กำไรที่สุด
แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
การเลือก Time Frame ในการเทรด Forex ให้เหมาะสมกับแต่ละคนในการเทรด Forex นอกจากการทำความเข้าใจตลาด การวิเคราะห์กราฟ และการจัดการความเสี่ยงแล้ว การเลือก Time Frame หรือช่วงเวลาของกราฟที่เหมาะสมถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สามารถส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรดได้อย่างมาก การเลือก Time Frame ไม่ได้มีผลเพียงแค่รูปแบบของกราฟที่นักเทรดเห็น แต่ยังส่งผลถึงความถนัดและความสะดวกในการจัดการเวลาของแต่ละคนด้วย
Time Frame คืออะไร?
Time Frame ในการเทรด Forex หมายถึงช่วงระยะเวลาของแท่งกราฟแต่ละแท่งที่ปรากฏอยู่บนชาร์ต เช่น หากคุณเลือก Time Frame 1 ชั่วโมง หมายความว่าแท่งกราฟแต่ละแท่งจะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในระยะเวลา 1 ชั่วโมง
ในตลาด Forex มี Time Frame ให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่กราฟระยะสั้น (M1 หรือ 1 นาที) จนถึงกราฟระยะยาว (MN หรือ 1 เดือน) นักเทรดสามารถเลือกดูกราฟในช่วงเวลาที่ต่างกันได้ ซึ่ง Time Frame แต่ละช่วงจะให้มุมมองที่ต่างกันในการวิเคราะห์
ประเภทของนักเทรดและ Time Frame ที่เหมาะสม
นักเทรดแต่ละคนมีสไตล์การเทรดและความสะดวกในการจัดการเวลาที่แตกต่างกัน การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมจึงควรสอดคล้องกับลักษณะการเทรดของแต่ละคน
1.Scalper (เทรดระยะสั้นมาก)
นักเทรดประเภท Scalper คือผู้ที่ชอบการทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ ภายในไม่กี่นาที การเทรดสไตล์นี้ต้องการความรวดเร็วและมีการเข้าและออกจากตลาดบ่อยครั้ง Time Frame ที่เหมาะสมสำหรับ Scalper คือกราฟระยะสั้น เช่น M1 (1 นาที) หรือ M5 (5 นาที) ซึ่งจะทำให้นักเทรดสามารถจับการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างรวดเร็ว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ชอบการเทรดบ่อยครั้งในระยะเวลาสั้น
ผู้ที่สามารถติดตามตลาดและมีเวลามากในการดูกราฟ
ผู้ที่ชอบความรวดเร็วในการทำกำไรและทนความเครียดจากความผันผวนได้ดี
2.Day Trader (เทรดระยะวัน)
Day Trader คือผู้ที่มักจะเปิดและปิดออเดอร์ภายในวันเดียวกัน การเทรดประเภทนี้มักจะเน้นการทำกำไรในช่วงระหว่างวันและไม่เปิดออเดอร์ข้ามคืน Time Frame ที่เหมาะสมคือ M15 (15 นาที), M30 (30 นาที) หรือ H1 (1 ชั่วโมง) ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะเวลาสั้นถึงปานกลาง
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ต้องการทำกำไรภายในวันเดียวโดยไม่ต้องถือออเดอร์ข้ามคืน
ผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดตลอดทั้งวันแต่ไม่มากพอสำหรับ Scalping
ผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความเร็วในการเทรดและการวิเคราะห์เชิงลึก
3.Swing Trader (เทรดระยะกลาง)
นักเทรดสไตล์ Swing Trader จะเปิดออเดอร์และถือครองตำแหน่งนานกว่า Day Trader บางครั้งอาจถือข้ามคืนหรือข้ามหลายวัน การเทรดแบบนี้ต้องการการวิเคราะห์ภาพรวมในระยะยาวมากขึ้น Time Frame ที่เหมาะสมสำหรับ Swing Trader คือ H4 (4 ชั่วโมง), D1 (1 วัน) ซึ่งให้ภาพรวมของตลาดในช่วงเวลาที่ยาวขึ้น ช่วยให้การตัดสินใจเทรดแม่นยำขึ้น
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ต้องการถือออเดอร์ในระยะเวลานานหลายวันหรือนานเป็นสัปดาห์
ผู้ที่ชอบวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ของตลาด
ผู้ที่มีเวลาจำกัดในการเฝ้าตลาดแต่ยังต้องการทำกำไรในระยะกลาง
4.Position Trader (เทรดระยะยาว)
Position Trader มักจะเปิดออเดอร์และถือครองตำแหน่งเป็นเวลานาน อาจเป็นสัปดาห์หรือเดือน ซึ่งนักเทรดประเภทนี้เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจมากกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค Time Frame ที่เหมาะสมคือ W1 (1 สัปดาห์) หรือ MN (1 เดือน) ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ของตลาดในระยะยาว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ไม่ต้องการเทรดบ่อยแต่ต้องการวิเคราะห์ตลาดในระยะยาว
ผู้ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มใหญ่ของตลาด
ผู้ที่ไม่ต้องการเฝ้าติดตามตลาดบ่อยครั้งและยอมรับการถือออเดอร์นาน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือก Time Frame
ลักษณะการเทรดของตัวเอง: นักเทรดควรถามตัวเองว่าชอบการเทรดแบบใด เช่น ถ้าชอบการเข้าออกตลาดบ่อยครั้ง ควรเลือก Time Frame สั้น แต่ถ้าชอบการวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ ควรเลือก Time Frame ที่ยาวขึ้น
ระยะเวลาที่ใช้ในการเฝ้าตลาด: หากคุณมีเวลาจำกัดในแต่ละวันในการเทรด Time Frame สั้นอาจไม่เหมาะสม แต่ถ้าคุณสามารถเฝ้าตลาดตลอดเวลา Time Frame สั้นอาจช่วยให้คุณทำกำไรได้เร็วกว่า
ความชำนาญ: นักเทรดมือใหม่มักจะเหมาะกับ Time Frame ที่ยาวขึ้น เช่น H4 หรือ D1 เพราะตลาดมีความเคลื่อนไหวที่ไม่รวดเร็วเกินไป ทำให้สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สรุป
การเลือก Time Frame ในการเทรด Forex ควรพิจารณาจากสไตล์การเทรด ลักษณะการใช้ชีวิต และความสามารถในการวิเคราะห์ของนักเทรดแต่ละคน ไม่มี Time Frame ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมกับตัวเองจะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
“ไหล่-หัว-ไหล่”: อัตราความสำเร็จที่แท้จริง“ไหล่-หัว-ไหล่”: อัตราความสำเร็จที่แท้จริง
ไหล่ - หัว - ไหล่ถอยหลัง: ตรวจสอบปริมาตรที่จุดขาดเส้นขีด!!
นี่คือสิ่งที่เราสามารถพูดได้เกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของรูปแบบไหล่-หัว-ไหล่แบบกลับหัวในการซื้อขาย:
-รูปแบบหัว-ไหล่แบบกลับหัวถือเป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับการคาดการณ์การกลับตัวของตลาดกระทิง
-ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง อัตราความสำเร็จของรูปแบบนี้สูงมาก โดยประมาณ 98% ของกรณีส่งผลให้เกิดภาวะกระทิง
- แม่นยำยิ่งขึ้น ในกรณี 63% ราคาจะถึงเป้าหมายราคาที่คำนวณจากรูปแบบเมื่อคอหัก
-การดึงกลับ (กลับไปที่แนวคอหลังจากการฝ่าวงล้อม) จะเกิดขึ้นใน 45% ของกรณี
-อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าตัวเลขที่มองโลกในแง่ดีเหล่านี้ต้องมีคุณสมบัติ แหล่งข้อมูลอื่นๆ ระบุถึงอัตราความสำเร็จเล็กน้อย ประมาณ 60%
-ความน่าเชื่อถือของตัวเลขขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความเคารพต่อสัดส่วน การหักของคอเสื้อ ปริมาตร ฯลฯ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างเข้มงวด
- ขอแนะนำให้ใช้ตัวเลขนี้เพิ่มเติมจากตัวบ่งชี้และการวิเคราะห์อื่นๆ แทนที่จะพึ่งตัวเลขนั้นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
โดยสรุป แม้ว่าการกลับหัว-ไหล่จะถือเป็นตัวเลขที่น่าเชื่อถือมาก แต่อัตราความสำเร็จที่แท้จริงของมันน่าจะใกล้เคียงกับ 60-70% มากกว่าที่ 98% อ้างกันในบางครั้ง ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและนอกเหนือจากการวิเคราะห์อื่นๆ
-
ไหล่-หัว-ไหล่:
นี่คือสิ่งที่เราสามารถพูดได้เกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของรูปแบบไหล่-หัว-ไหล่ในการซื้อขาย:
-รูปแบบ Head-and-Shoulder ถือเป็นรูปแบบกราฟที่น่าเชื่อถือที่สุดรูปแบบหนึ่ง แต่อัตราความสำเร็จที่แน่นอนของรูปแบบนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิเคราะห์ทางเทคนิค นี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องจำ:
- แหล่งข้อมูลบางแห่งอ้างว่ามีอัตราความสำเร็จที่สูงมาก สูงถึง 93% หรือ 96% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้อาจเกินจริงและไม่สะท้อนถึงความเป็นจริงของการซื้อขาย
-ในความเป็นจริง อัตราความสำเร็จน่าจะน้อยกว่านี้ การศึกษาที่อ้างถึงระบุว่าราคาบรรลุเป้าหมายประมาณ 60% สำหรับเคสแบบสวมหัวและไหล่แบบคลาสสิก
-สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า ไหล่-หัว-ไหล่ไม่ใช่รูปร่างที่เข้าใจผิดได้ การมีอยู่ของมันเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะรับประกันการพลิกกลับของแนวโน้ม
-ความน่าเชื่อถือของตัวเลขขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความเคารพต่อสัดส่วน การหักของคอเสื้อ ปริมาตร ฯลฯ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างเข้มงวด
-เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หลายคนแนะนำให้ใช้ตัวเลขนี้นอกเหนือจากตัวบ่งชี้และการวิเคราะห์อื่นๆ แทนที่จะพึ่งพาตัวเลขนี้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
โดยสรุป แม้ว่ารูปแบบแบบไหล่-หัว-ไหล่ถือเป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้ แต่อัตราความสำเร็จที่แท้จริงของรูปแบบนี้น่าจะใกล้เคียงกับ 60% มากกว่าแบบ 90%+ ที่บางครั้งอ้างไว้ ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและนอกเหนือจากการวิเคราะห์อื่นๆ
-
หมายเหตุ: เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว รูปแบบ head-and-shoulder แบบคลาสสิก (ตลาดหมี) จะมีอัตราความสำเร็จที่ต่ำกว่าเล็กน้อย โดยประมาณ 60% ของกรณีที่บรรลุวัตถุประสงค์ด้านราคา
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มกราฟมันเป็น side way ก็ต้องเทรดแบบ side wayกราฟเลือกทางลงจริงแต่อย่าไปsellเพราะเธอโดนลากแน่นอนถ้าจากเซลล์ก็ต้องเซลล์ข้างบนมาใบข้างล่างแต่ถ้ามันหลุดก็เทรดตามแนวโน้มไปหลุดข้างบนแนวต้านก็บายตามแนวโน้มขาขึ้นหลุดทะลุลงมาแนวรับก็เทรดเซลล์ตามแนวโน้มขาลงแค่นั้นแหละครับ
“Fan Principle” เป็นเทคนิคที่ทรงพลังในการซื้อขาย โดยใช้เส้นแนวโน“Fan Principle” เป็นเทคนิคที่ทรงพลังในการซื้อขาย โดยใช้เส้นแนวโน้มเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคา
ไฮไลท์
📈 เทคนิคอันทรงพลัง: หลักการของพัดลมนั้นน่าเกรงขามในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
📉 การระบุจุด: การวาดเส้นแนวโน้มจากจุดสำคัญสามจุด
🔴 สัญญาณการซื้อขาย: สามารถระบุสัญญาณซื้อหรือขายได้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า
📊 ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ: การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟเพื่อแสดงเทคนิค
💰 โอกาสในการสร้างรายได้: กลยุทธ์สามารถส่งผลให้ได้รับผลกำไรอย่างมาก มากถึง 22%
🛑 การจัดการความเสี่ยง: ความสำคัญของการวางจุดหยุดขาดทุนเพื่อปกป้องการลงทุน
🔍 แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: ข้อมูลโดยละเอียดและกราฟิกจะถูกแชร์เพื่อทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ
📈 ประสิทธิผลของเทคนิค: Fan Principle ช่วยระบุแนวโน้มที่ชัดเจนโดยใช้จุดอ้างอิง ทำให้กลยุทธ์ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพ
📉 ความสำคัญของการยืนยัน: การตรวจสอบเส้นแนวโน้มด้วยจุดที่สามจะสร้างความมั่นใจในสัญญาณการซื้อขาย เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
🔴 สัญญาณเตือน: สัญญาณการขายหรือซื้อดังที่แสดงในวิดีโอสามารถนำไปสู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ตามการวิเคราะห์ในอดีต
📊 การวิเคราะห์ด้วยภาพ: การแสดงข้อมูลบนกราฟช่วยในการทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาด ซึ่งจำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
💰 ศักยภาพในการสร้างรายได้: การซื้อขายตามหลักการของ Fan สามารถให้โอกาสในการได้รับผลกำไรที่สำคัญ โดยเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของมัน
🛑 กลยุทธ์การป้องกัน: การวางจุดหยุดการขาดทุนเหนือจุดแนวต้านเป็นสิ่งสำคัญในการจำกัดการขาดทุนในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวของตลาดในเชิงลบ
🔍 การเข้าถึงแหล่งข้อมูล: ข้อมูลที่แชร์ในคำอธิบายและบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เป็นวิธีในการทำความเข้าใจทางเทคนิคให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและพัฒนาทักษะการซื้อขาย
-
หลักการทั่วไปในการซื้อขายคือกลยุทธ์ซึ่งประกอบด้วยการเปิดหลายตำแหน่งในสินทรัพย์เดียวกันในระดับราคาที่แตกต่างกัน ประเด็นหลักของแนวทางนี้มีดังนี้:
การทำงาน
แนวคิดคือการเปิดหลายตำแหน่ง (หรือ "ล็อต") ในสินทรัพย์ทางการเงินเดียวกันในระดับราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เกิด "ช่วง" ของตำแหน่ง
ตำแหน่งเหล่านี้เปิดในจุดที่พิจารณาถึงการกลับตัวของตลาดที่อาจเกิดขึ้น
วัตถุประสงค์คือเพื่อให้ตำแหน่งเหล่านี้เปิดเผยเหมือนอย่างพัดหรือค่อยๆ ปิดขึ้นอยู่กับการพัฒนาของตลาด
ประโยชน์
การกระจายความเสี่ยง: ด้วยการเข้าสู่ตลาดในระดับที่แตกต่างกัน เทรดเดอร์จะลดผลกระทบของการเข้าที่ไม่ดีเพียงครั้งเดียว
การจับความเคลื่อนไหว: วิธีการนี้ช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะต่างๆ
ความยืดหยุ่น: เทรดเดอร์สามารถปรับกลยุทธ์ของเขาได้โดยการปิดบางสถานะในขณะที่ยังคงเปิดสถานะอื่นไว้
เครื่องมือเพิ่มเติม
หลักการพัดสามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้:
Fibonacci Fan: เครื่องมือนี้จะวาดเส้นแนวโน้มที่ระดับสำคัญโดยอัตโนมัติ (38.2%, 50%, 61.8%) ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับตำแหน่งแฟน ๆ
Gann Angles: เส้นเหล่านี้วาดในมุมที่แตกต่างกัน (82.5°, 75°, 71.25° ฯลฯ) ยังสามารถช่วยระบุระดับที่เป็นไปได้ในการเปิดตำแหน่ง
RSI (Relative Strength Index): เทรดเดอร์บางรายรวมหลักการพัดเข้ากับ RSI เพื่อยืนยันจุดเริ่มต้น
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ
กลยุทธ์นี้จำเป็นต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเปิดหลายตำแหน่ง
สิ่งสำคัญคือต้องตั้งค่าระดับ Stop-Loss และ Take-Profit สำหรับแต่ละตำแหน่งในช่วง
การใช้แนวทางนี้จำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับตลาดและประสบการณ์การซื้อขายที่สำคัญ
รูปแบบกราฟ Cypher Patternรูปแบบกราฟ Cypher Pattern
👽👽👽 มากันอีกแล้ว กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบกราฟจากแพทเทรินต่างๆ เพื่อให้เราเทรดกันได้ง่ายขึ้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกันกับ Cypher Pattern แพทเทรินที่มาเร็วเคลมเร็ว เหมาะกับสายสไนเปอร์ และสาย Scalping สุดๆ ตามมาอ่านกันต่อได้เลยครับ
รูปแบบกราฟ Cypher Pattern
เป็นรูปแบบที่ได้มาจากทฤษฎี Harmonic Pattern ที่เกิดบ่อยในช่วงตลาดผันผวน เหมาะมากครับกับเทรดเดอร์สายทองคำ ที่ชื่นชอบการเทรด Scalping หรือ สไนเปอร์ เทรดสั้น เข้าเร็วออกเร็ว ด้วยเทคนิคการเทรดของรูปแบบนี้ ทำให้ผลลัพธ์ RR สูงถึง 2-3 เท่า เหมาะกับพอร์ตที่ต้องการการเติบโตแบบรวดเร็ว
เป็นรูปแบบการเทรดที่เหมาะกับตลาดที่มีการเหวี่ยงแรง ๆ เช่น Forex ทอง น้ำมัน ใช้ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยกราฟมีลักษณะการเคลื่อนที่ไปตามแนวโน้ม แต่มีราคาผลักให้เหวียงกลับจนกระทั่งหลุดแนวรับหรือแนวต้านอย่างรุนแรง จุดนี้แหละฮะ ที่เราควรเข้าทำกำไรกัน
ลักษณะรูปแบบกราฟ Cypher Pattern
เป็นแพทเทร์นที่มี 4 ขา ดีดเลยหัวแต่หางไม่เลยฐาน คล้ายกับการเคลื่อนที่ตามแนวโน้มปกติ แต่ย่อลึกหลุดแนวรับหรือแนวต้าน มีความแม่นยำสูงถึง 75%
การสร้างรูปแบบ Bullish Cypher
Bullish Cypher สัญญาณในการเข้า Buy
เกิดขึ้นจากการหมดแนวโน้มจากขาลง และกำลังจะกลับตัวเป็นขาขึ้น หรือจะเกิดในช่วงพักตัวของแนวโน้มขาขึ้น กลับตัวจากแนวโน้มย่อยเพื่อที่จะขึ้นต่อ โดยมีโครงสร้างเริ่มต้นจาก X ตามด้วย ABCD
โดย AB จะพักตัว 38.2-61.8% ของ XA และ BC จะยืดออกอยู่ที่ 127-138.2% ของ AB และจุดกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6% ของ XA คือจุด D
👉 จุดเข้า Buy PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6 ของ XA
👉 Stop Loss เลยหัว X ไป 5-10 pip
👉 Target TP1 ที่ 38.2% ของ CD และ TP28% ของ CD
การสร้างรูปแบบ Bearish Cypher Pattern
Barish Cypher สัญญาณในการเข้า Sell
เกิดขึ้นจากการหมดแนวโน้ม จากขาขึ้นและกำลังจะกลับตัวเป็นขาลง หรือจะเกิดในช่วงพักตัวของแนวโน้มขาลง กลับตัวจากแนวโน้มย่อยเพื่อที่จะลงต่อ โดยมีโครงสร้างเริ่มต้นจาก X ตามด้วย ABCD
โดย AB จะพักตัว 38.2-61.8% ของ XA และ BC จะยืดออกอยู่ที่ 127-138.2% ของ AB และจุดกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6% ของ XA คือจุด D
👉 จุดเข้า Sell PRZ จะอยู่ที่ 127-200% ของ BC และ 78.6% ของ XA
👉 Stop Loss เลยหัว X ไป 5-10 pip
👉 Target TP1 ที่ 38.2% ของ CD และ TP28% ของ CD
ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ
1. แพทเทิร์นนี้จะทำกำไรได้สั้นหรือยาว อยู่ที่ TF เป็นหลัก ยิ่ง TF ใหญ่ กำไรก็จะยิ่งมากและยาวมากขึ้น
2.แพทเทรินนี้ เหมาะมากครับสำหรับการทำกำไรในตลาด Forex โดยเฉพาะการเทรดทองคำ เพราะมีความแม่นยำสูง และสามารถเก็บ RR ได้สูงเช่นกัน
3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ
4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดและแพทเทรินดีๆในการเทรดทองคำกันแล้ว หากใครเป็นสายเทรดทองก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูะครับ ไม่แน่นะว่าอาจจะถูกจริตกับเราบ้างก็เป็นได้สำหรับสายเทรดทอง แอดฟันธงเลย
และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
การบริหารความเสี่ยงในตลาด Forex: กุญแจสู่ความสำเร็จในการเทรดการเทรดในตลาด Forex เป็นการลงทุนที่ให้โอกาสในการทำกำไรสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพื่อรักษาทุนและลดโอกาสในการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด
1. การใช้ Stop Loss และ Take Profit
หนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยงคือการตั้ง Stop Loss (จุดตัดขาดทุน) และ Take Profit (จุดทำกำไร)
Stop Loss เป็นการกำหนดล่วงหน้าว่าเรายอมขาดทุนได้มากที่สุดเท่าไหร่ในแต่ละการเทรด หากราคาของคู่เงินเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามคาด การตั้งจุด Stop Loss จะช่วยหยุดความเสี่ยงไม่ให้บานปลาย
Take Profit คือการกำหนดจุดที่เราพอใจกับกำไร และระบบจะปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการล็อกกำไรและป้องกันไม่ให้ราคาย้อนกลับจนสูญเสียกำไรที่ทำไว้
2. การกำหนดขนาดของ Lot Size
การเลือกขนาดการเทรด (Lot Size) ที่เหมาะสมกับขนาดพอร์ตเป็นอีกวิธีหนึ่งในการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ควรเทรดด้วยขนาด Lot ที่ใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับขนาดของพอร์ต เพราะอาจทำให้เกิดการขาดทุนครั้งใหญ่ การใช้ Lot Size ที่เหมาะสมจะช่วยลดแรงกดดันจากการขาดทุนและให้ความมั่นใจในการเทรดมากขึ้น
3. การใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง
Leverage คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดการลงทุน ซึ่งสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างมหาศาลในกรณีที่ทิศทางการเทรดถูกต้อง แต่ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูงมากหากทิศทางไม่เป็นไปตามคาด การเลือกใช้ Leverage จึงต้องระมัดระวัง ควรใช้ในระดับที่เรายอมรับความเสี่ยงได้โดยไม่กระทบกับทุนหลัก
4. การบริหารเงิน (Money Management)
การบริหารเงินเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยง ควรกำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-to-Reward Ratio) ให้เหมาะสม เช่น กำหนดให้ความเสี่ยงในการขาดทุนต่อการเทรดแต่ละครั้งไม่เกิน 2-3% ของพอร์ต เพื่อให้สามารถรับมือกับการขาดทุนได้โดยไม่ทำให้พอร์ตเสียหายหนัก
5. การกระจายความเสี่ยง
การกระจายความเสี่ยงเป็นอีกวิธีที่สามารถลดความเสี่ยงในการเทรด Forex ได้ ไม่ควรวางเงินทั้งหมดในคู่เงินคู่เดียวหรือใช้กลยุทธ์เดียวในการเทรด ควรศึกษาและเลือกเทรดในหลายคู่เงินที่ไม่สัมพันธ์กัน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนในตลาด
6. การควบคุมอารมณ์
ความเสี่ยงอีกประเภทที่มักถูกมองข้ามคือ ความเสี่ยงทางอารมณ์ การเทรดที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวหรือความโลภมักนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด การตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและยึดมั่นในการปฏิบัติตามแผนที่วางไว้จะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเทรดด้วยอารมณ์
บทสรุป
การบริหารความเสี่ยงในตลาด Forex เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เทรดเดอร์สามารถอยู่รอดและเติบโตในระยะยาว การใช้ Stop Loss และ Take Profit อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกขนาด Lot Size ที่เหมาะสม และการควบคุมอารมณ์ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุน การบริหารความเสี่ยงที่ดีไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องทุน แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาด Forex
รูปแบบกราฟฉลาม (Shark Pattern)รูปแบบกราฟฉลาม (Shark Pattern)
👽👽👽 กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบต่างๆในการเทรดจากบทความที่แล้วเราได้รู้จักกับรูปแบบกราฟค้างคาวกันไปแล้ว รอบนี้แอดพาไปรู้จักกราฟฉลามกันบ้างดีกว่า รูปแบบนี้ทำกำไรเด็ดไม่แพ้กราฟค้างคาวเลยทีเดียวเชียว
รูปแบบกราฟฉลาม (Shark Pattern)
เป็นรูปแบบที่ได้มาจากทฤษฎี Harmonic Pattern ซึ่งจัดว่ามีความแม่นยำสูงอีกตัวหนึ่ง ที่โอกาสชนะมีถึง 65 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าเปอร์เซ็นต์การชนะอาจไม่สูงเท่าแพทเทรินตัวอื่น แต่ไอ่เจ้าแพทเทรินตัวนี้ เป็นไปได้ว่าเราอาจมีลุ้นในการทำกำไรถึงสองรอบ
เนื่องจากกราฟมีลักษณะการวิ่งและทิศทางภาพรวมที่ออกมา คล้ายกับฟันของฉลาม เราจึงเรียกว่ากราฟฉลาม และสัดส่วนรูปฟันฉลามที่มีระยะบอดี้ที่ค่อนข้างยาวนี่แหละ ทำให้เราสามารถทำกำไรได้สองรอบ ทั้งขาขึ้น และขาลง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการวัดค่าเฉลี่ยและองศาของแพทเทรินก็คือ การกำหนดสัดส่วน Fibonacci ตามทฤษฎี ABCD ซึ่งแพทเทรินตัวนี้อาจมีความสลับซับซ้อนนิดหน่อยนะฮะ แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าแก่การเรียนรู้และนำไปปฏบัติใช้แน่นอน
จุดเด่นของShark Pattern
เป็นแพทเทิร์นที่มีการดีดกลับของราคาเลยหัว และหางยาวเลยจุดเริ่มต้นแต่บางครั้งก็ไม่เลยทำให้ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
การสร้างรูปแบบ Bullish Shark Pattern
Trade Setup ด้วย Bullish Shark Pattern สำหรับขาขึ้น BUY
การสร้างรูปแบบของ Bullish Shark จะแตกต่างจากรูปแบบอื่น ๆ โดยปกติแล้วจะเริ่มต้นที่จุด X แล้วไป ABCD แต่รูปแบบ Shark จะเริ่มต้นด้วย O ก่อนที่จะไป XABC และจุด PRZ ก็คือจุด C นั่นเอง
การสร้างรูปแบบ Bearish Shark สำหรับขาลง SELL
รูปแบบของ Bearish Shark จะแตกต่างจากรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเริ่มต้นที่จุด X แล้วไป ABCD แต่รูปแบบ Shark จะเริ่มต้นจากจุด O ก่อนที่จะไป XABC และจุด PRZ ก็คือจุด C เช่นกัน
สาเหตุที่เริ่มจาก O แล้วจบด้วย C เพราะจะมีรูปแบบต่อเนื่อง และจบที่จุด D เหมือนกับทุก ๆ แพทเทิร์นนั่นเอง
ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ
1. แพทเทิร์นนี้จะทำกำไรได้สั้นหรือยาว อยู่ที่ TF เป็นหลัก ยิ่ง TF ใหญ่ กำไรก็จะยิ่งมากและยาวมากขึ้น
2.แพทเทรินนี้ เราเทรดได้สองขา คือขาบาย และขาแซล จากจุดกึ่งกลางจุด A เรามักจะทำกำไรจากสัญญาณกลับตัวระยะสั้น โดยเป้าหมายกำไรมักเป็นจุดกึ่งกลางลำตัวนั่นคือจุด A
3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ
4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ ไม่แน่นะว่าอาจจะถูกจริตกับเราบ้างก็เป็นได้สำหรับสายชอบเทรดสวน ดีนักแล แอดฟันธงเลย และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ