[THANI] ความสวยงามของหุ้นที่กำไรโตแบบตามธรรมชาติ (Organic)
วันนี้ผมมีไอเดียการผนวกนำเอาเรื่องผลประกอบการ ผลกำไรสุทธิมาทำ Valuation เพื่อให้แสดงค่าราคาในการเข้าซื้อขายหุ้นให้ดูกันครับ
จากรูปนี้เส้นสีเขียว สีเหลือง และสีแดง แสดงค่าการนำตัวเลขผลประกอบการหรือ EPS มาคูณด้วย ค่าอัตราการจ่ายปันผล แล้วหารด้วยอัตราการจ่ายปันผลอีกที (Price = EPS * Dividend_Payout/Dividend_Yield)
ซึ่งราคาหุ้นที่จะได้นี้ จะกำหนดได้จากเปอร์เซ็นเงินปันผลที่ท่านต้องการเลย ซึ่งในที่นี้ผมตั้งค่าเงินปันผลไว้ที่ 5% ส่วน Payout ผมตั้งคงที่ไว้ท่ 40% ครับ
จากนั้นก็ปล่อยให้โค้ดของเราแสดงค่ากันไป
สิ่งที่น่าวิเศษใจ คือการที่เส้นเขียวของเราขึ้นไปเป็นขั้นบันไดแบบคงที่เรื่อยๆ นั่นเอง เสมือนว่าราคาเขาขึ้นไปตามพื้นฐานด้วยตัวของเขาเอง
ผมเชื่อว่าภาพนี้คงเป็นตัวบอกได้ดีเลย ว่าเหตุใดราคาหุ้นจึงมีขึ้นมีลง เหตุผลที่แจ่มแจ้งแน่ชัดก็เพราะว่า หุ้นตัวนั้นมีการเติบโตด้วยตัวของเขาเอง เขาสร้างคุณค่าตัวของเขาด้วยตัวเองนั่นเองครับ
สำหรับจุดเข้าซื้อ ผมแนะนำให้ผนวกเอาศาสตร์ด้าน Technical ในส่วนของ Price Pattern เข้ามาเสริมด้วยจะดีมากครับ หากราคามาแตะแนวรับทางพื้นฐานปุ๊ปจุดนั้นนับว่าเป็นจุดที่ไม่เลวเลยในการซื้อ แถมเราจะได้ราคา ณ ตำแหน่งเงินปันผลที่เราต้องการด้วย เป็นการรับรู้ความเสี่ยงและผลรางวัลที่เราจะได้รับในแต่ละครั้งเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ท่านอาจใช้แนวรับทางพื้นฐานนี้เป็นจุดเข้าซื้อในจุดที่คนอื่นกลัวได้ ดั่งคำของบัฟเฟตต์ที่ว่า "จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว"
บทความประกอบนี้อาจจะยาวเสียหน่อย เพราะผมเพิ่งได้สมัครสมาชิก Trading View รายไป พอเห็นความงดงามของโค้ดที่เราเขียนแล้วอดนำมาเล่ามาแชร์สู่กันฟังไม่ได้เลยครับ
ยาวหน่อย แต่ถ้าคุณชอบ ผมก็ดีใจนะ ขอบคุณครับ
ไอเดียชุมชน
เมื่อ Bitcoin ย่อในช่วงขาขึ้น... มันจะย่อประมาณกี่เปอร์เซ็น?เมื่อ Bitcoin ย่อในช่วงขาขึ้น... มันจะย่อประมาณกี่เปอร์เซ็น?
ไม่มีกราฟไหนขึ้นไปได้อย่างเดียว ยังไงก็ต้องมีการย่อ พักฐาน หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่าการ "Correction"
ทีนี้ Bitcoin เอง ผมว่า ก็น่าจะใกล้เกิดการพักฐานอยู่รอมร่อแล้วล่ะ แต่ปัญหาคือ มันจะไปพักเมื่อไหร่ ที่ราคาไหน ก็ไม่มีใครรู้หรอก
รู้แต่เพียงว่า แถวๆ นี้ เราต้องระวังตัวกัน และอย่าประมาทไปตามกระแส FOMO เด็ดขาด เพราะ ถ้าเราประมาท + overtrade + ไล่ราคา
เวลามันพักฐานลึกๆ ที คุณก็หมดตัว ได้ง่ายๆ แบบไม่ทันตั้งตัวได้เลย
อ่ะ ทีนี้ เราลองมาดูกันว่า ในอดีต ที่ผ่านมา ในช่วง "ขาขึ้น" Bitcoin เคยย่อลงไปแรงสุดเท่าไหร่
โดยผมจะค่อยๆ ไล่ไปทีละจุด ที่ผมเห็นเป็นการย่อแบบ เห็นในกราฟชัดๆ ล่ะกันนะครับ
เริ่มจากล่าสุด ไปไกลที่สุด
ส.ค. - ก.ย. 2020 Correction
-----------------
High : 12476
Low : 9800
ย่อประมาณ -21%
มิ.ย. - ก.ค. 2020 Correction
-----------------
High : 10433
Low : 8800
ย่อประมาณ -15%
Covid Dump : มี.ค. 2020 Correction
-----------------
High : 10481
Low : 3866
ย่อประมาณ -64%
มิ.ย.-ธ.ค. 2019 Correction ยาว 6 เดือน หลังจากขึ้นรอบใหญ่ + Max Fomo
-----------------
High : 13893
Low : 6429
ย่อประมาณ -53%
พ.ค.-มิ.ย. 2019 Flash Correction มีสองรอบ
-----------------
High : 8391
Low : 6179
ย่อประมาณ -26%
-----------------
High : 9079
Low : 7446
ย่อประมาณ -18%
ปี 2018 ผมไม่นับ เพราะมันเป็น downtrend
--------------
2016-2017 Bull run
--------------
ธ.ค. 2017 -- 20k Flash Crash
-----------------
High : 19667
Low : 11132
ย่อประมาณ -43%
พ.ย. 2017 : พักฐานขำๆ
-----------------
High : 7888
Low : 5538
ย่อประมาณ -30%
ก.ย. 2017 : ลงเพราะข่าวจีน
-----------------
High : 4982
Low : 2972
ย่อประมาณ -40%
มิ.ย. 2017 : พักฐานยาว
----------------
High : 2989
Low : 1828
ย่อประมาณ -40%
มี.ค. 2017 : พักอีกละ
----------------
High : 1300
Low : 891
ย่อประมาณ -30%
ม.ค. 2017
----------------
High : 1140
Low : 751
ย่อประมาณ -34%
ก.ค.-ส.ค. 2016
----------------
รอบนี้มีย่อสองรอบ รอบละประมาณ -30%
พ.ย. 15- ม.ค. 16
------------------
มีย่อสองรอบ รอบละ -40% กับ -25%
---------------
สรุป
---------------
* สรุปได้ว่า ทุกการขึ้นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดกระทิงแบบไหน BTC ก็มักจะมีการย่อประมาณ -20% ถึง -40% แล้วก็ไปต่อ ( ยกเว้นจะจบรอบขาขึ้นและเปลี่ยนเป็นขาลง )
* ดังนั้น คนที่เล่นแบบ Leverage ก็ไม่ควรเล่นเกิน 2x เพราะว่า การย่อที่แรงที่สุด คือประมาณ -40% แต่.. เราก็อาจจะเจอเหตุการณ์ black swan ย่อลึกก็อาจจะเป็นได้ ( เล่น 2x เจอ -40% ก็ -80% ไปแล้ว นั่งไม่ติดหรอก ) สรุปได้ว่า ก็ไม่ควรเล่นแบบ leverage ด้วยเงินก้อนใหญ่อยู่ดี 555 ควรเล่นแบบ Spot เท่านั้น เพราะจะทนการแกว่งได้
* คนที่ Take Profit ออกมานั่งข้างสนามถือเงินสดแล้ว ให้วางแผน ช้อนซื้อ แถวๆ โซน -20% ถึง -40% เป็นต้นไป โอกาสที่จะได้ของราคาถูกก็มีสูง ( อาจจะแบ่งไม้ไว้ช้อน กี่% ของพอร์ตก็ว่าไป )
* รอบนี้ ตอนเขียน ราคาอยู่ประมาณ 16700 ดังนั้น จุดที่น่าสนใจจะมีดังนี้
-20% = 13,360 * โอกาสเป็นไปได้สูง คือการ Retest แนวต้านแกร่งๆ ที่ทะลุขึ้นมา
-25% = 12,525 * โอกาสเป็นไปได้สูง คือการ Retest แนวต้านแกร่งๆ ที่ทะลุขึ้นมา
-30% = 11,690
-35% = 10,855
-40% = 10,200 * แนวรับสุดท้าย ที่คิดว่า ยังไงก็คงไม่หลุดลงไปจากนี้อีกแล้วล่ะ
-45% = 9,185
ถ้าราคาวิ่งไปต่อ ก็ค่อยไปคำนวณใหม่
* ก็ลองวางแผนกันดูนะครับ สิ่งที่สำคัญ ในการเทรดก็คือ อย่าประมาท และอย่าไปไล่ราคา รวมถึงการตั้งสติ ควบคุมความโลภ และกำหนดแผนขึ้นมาให้ได้ ระหว่างที่ทุกคนกำลัง FOMO กันอยู่
* รอบนี้ ผมเฉยๆ เพราะผมก็ไม่ได้มือว่างหมด ผมก็ยังมีของติดไม้ติดมือไว้อยู่ด้วย ราคาขึ้นต่อ ผมก็สบายๆ ยังไงพอร์ตก็โตขึ้น แต่ถ้ามันลง ผมก็มีเงินสด ไว้รอเข้าเพิ่มได้ ในจุดที่ได้เปรียบ ครับ
การเพิ่ม indicator (Exponential Moving Average: EMA) ลงบนชาร์ตการเพิ่ม indicator (Exponential Moving Average: EMA) ลงบนชาร์ต
1. เมนู เลือก fx Indicators
2.ไปที่ Favorites หรือ Built-ins
3.เลือก Moving Average Exponential
4. ตรวจสอบรายชือ Indicators ก่อนเพิ่ม
5. ตรวจสอบรายชื่อ indicators หลังเพิ่ม( EMA9)
6.ปรับลดจำนวนข้อมูลตามต้องการ(เช่น ระยะเฉลี่ย เปลี่ยนจาก 9 เป็น 18)
วิธีติดตามผลกำไรสุทธิและรับทราบเมื่อบริษัทรายงานฤดูกาลแห่งการประกาศผลกำไรกำลังดำเนินไปอยู่และ บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกบางบริษัทจะมีประกาศรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ Apple, Microsoft, Amazon, Visa และ Shopify ด้วยเหตุนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเตือนทุกคนว่าการติดตามประกาศผลกำไรนั้นง่ายเพียงใด หากคุณเป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุนคุณไม่อยากติดกับโดยรายงานที่คุณไม่รู้ คุณต้องเตรียมพร้อมและคู่มือนี้จะแสดงวิธีการให้ดูว่าต้องทำอย่างไร
ปฏิทินรายได้ของ TradingView ( ลิงค์ ) แสดงบริษัทที่กำหนดรายงานในวันนี้, พรุ่งนี้, สัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้า คุณยังสามารถจัดเรียงรายงานแต่ละรายงานตามวันที่หรือปัจจัยพื้นฐานเช่น Market Cap, การคาดการณ์รายได้ และ EPS Surprise ปฏิทินรายได้เป็นวิธีที่เร็วที่สุดวิธีหนึ่งในการดูว่าบริษัทไหนรายงานรายได้และเมื่อใด
เคล็ดลับ: บุ๊กมาร์กปฏิทินรายได้ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันหายไป - ( ลิงค์ )
เครื่องมือที่มีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งสำหรับการติดตามรายงานบริษัท คือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าไอคอนรายได้ (E) แสดงบนชาร์ตของคุณ คุณสามารถทำได้โดยไปที่การตั้งค่าชาร์ตของคุณ เลือกเหตุการณ์ จากนั้นเลือกช่องที่ระบุว่า "แสดงรายได้บนชาร์ต" ชาร์ตในตัวอย่างนี้คือ Apple และไอคอน E แต่ละไอคอนแสดงรายงานประจำไตรมาส นอกจากนี้คุณสามารถวางเมาส์เหนือไอคอน E แล้วคลิกเพื่อดูว่าบริษัททำได้ตามเป้าหรือไม่ถึงเป้าหมายในรายงานเหล่านั้น
เคล็ดลับ: สร้างการแจ้งเตือนสำหรับรายงานรายได้ ที่ส่งก่อน, ระหว่าง หรือหลังรายงานรายได้ เพียงเปิดตัวจัดการการแจ้งเตือนและเริ่มสร้างการแจ้งเตือนใหม่
แม้ว่าตัวเลขกำไรบรรทัดแรกและตัวเลขบรรทัดสุดท้ายจะมีความสำคัญ แต่ก็มักจะไม่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด มีสิ่งอื่นๆ ที่ควรพิจารณา เช่นคำแนะนำ, ความเห็นด้านการบริหารจัดการ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เมื่อบริษัทรายงานผลประกอบการ การติดตามข่าวสารของบริษัท นั้นๆ อาจเป็นประโยชน์ คุณสามารถทำได้โดยคลิกไอคอนหนังสือพิมพ์ที่เมนูด้านขวา นี่คือวิธีที่คุณเข้าถึงข่าวด่วนก่อนและหลังรายงานของบริษัท เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลเพิ่มเติม
คำแนะนำสุดท้าย คือหน้า รายได้ ใหม่ของเราโดยเฉพาะ ที่นี่คุณสามารถค้นหาไอเดียที่เผยแพร่และติดแท็กโดยเทรดเดอร์และนักลงทุนท่านอื่นๅ ที่เน้นเหตุการณ์ตลาดที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับรายได้ คุณสามารถใช้หน้านี้เพื่อค้นหาไอเดีย, ผู้เขียน, สคริปต์ และแนวคิดด้านการศึกษาใหม่ๆ ที่ถูกแท็กเป็นไอเดียที่เกี่ยวข้องกับรายได้
ขอขอบคุณที่อ่าน และเราหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยให้คุณรับทราบข้อมูลมากขึ้นเมื่อฤดูกาลแห่งการรายงานรายได้เริ่มขึ้น รวมถึงรายงานของบริษัทอื่นๆ หากท่านมีคำถามหรือข้อเสนอแนะโปรดเขียนไว้ในความคิดเห็นด้านล่าง ขอบคุณที่เป็นสมาชิกของ TradingView!
[CPALL] หุ้นโคตร Defensive ณ ราคาดัชนี 1200 จุด ดีไหม มาดููกันสำหรับ CPALL ผมมองว่าตอนนี้หุ้นตัวนี้เริ่มมี Valuation ที่น่าสนใจไม่เลวเลย
จากการที่ธุรกิจของเขานั้น ล้อตามตัว C ในสมการของ GDP (GDP = "C" +I+G+X-M)
ซึ่งตัว C ที่ว่าก็คือกำลังซื้อของผู้บริโภคนั่นเองครับ กล่างคือ หากว่ากำลังซื้อของคนกลับมาหุ้นตัวนี้ก็อาจได้รับอานิสงฆ์นั้นก็เป็นได้เลย
สำหรับหุ้นตัวนี้ที่อาจมีการเติบโตอื่นๆ เข้ามา จากการมีฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น ก็ไม่เลวเลยที่เราจะมาลองทำการบ้านสำหรับตัวนี้ดูกันครับ รายละเอียดเป็นอย่างไร มารับชมกันครับ
PS. รายละเอียดนอกคลิป สำหรับ CPALL หุ้นตัวนี้ มี ROE หรืออัตราการทำกำไรต่อผู้ถือหุ้นอยู่ที่ราวๆ 20%++ ซึ่งนับว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับ ROE ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีค่าอยู่ที่ราวๆ 9-11% เท่านั้น แล้วแต่ราคาน้ำมัน (ว่ากันมาตรง ตลาดบ้านเราพึ่งพิงอุตสาหกรรมเก่า อย่างน้ำมันมาก ถึงมากเลยครับ)
ซึ่งการมีระดับ ROE เท่านี้ เราเลยไม่แปลกใจเลยที่เขาให้มูลค่าเทรดที่ Market Cap. เหนือกว่า Asset ของบริษัทเสียอีก เราอาจมองได้ว่า หุ้นตัวนี้ถูกหวังกับการเติบโตในอนาคตก็ไม่ผิดเลยครับ
ซึ่งตรงส่วนนี้เราอาจจะเอาจุดที่ Market Cap <= Total Asset เป็นจุด Stop Loss คงอาจจะดูโหดร้ายไป (คนไม่เห็นอนาคต หมดฝันแล้ว)
ดังนั้นแล้วตรงส่วนนี้ท่านอาจจะใช้จุดซื้อแบบ Technical ในการเข้าซื้อก็ได้ครับ แล้วก็เอาไปบอกลูกหลานท่านว่าท่านเป็นเจ้าของ 7-11 คงคูลไม่น้อยเลย ฮาา
ปล. ทั้งหมดก็มีราวๆ นี้นะครับ หากมีอะไรเพิ่มเติมผมจะมาแจ้งครับ ยาวหน่อย แต่ถ้าคุณชอบ ผมก็ดีใจนะ