เครื่องมือวัดความผันผวนค่าเงินสำหรับสาย Scalping : ATR 👽👽👽 กลับมาพบกนในบทความดีๆ สำหรับสายเทคนิคคอล โดยวันนี้แอดพาไปทำความเข้าใจและวิธีการใช้งานสำหรับสาย Scalping กันครับ ไอ่เจ้าตัวนี้จัดว่าเด็ดและไม่แพ้อินดิเคเตอร์ตัวอื่นเลยน๊า มาครับมาตามอ่านกันดีกว่า
ATR (Average True Range)
เป็นอินดิเคเตอร์ที่วัดความผันผวนของค่าเงินในตลาด Forex ได้อย่างแม่นยำและสามารถช่วยระบุช่วงเวลาที่ราคาแกว่งตัวมากที่สุด เหมาะสำหรับการเทรดในกรอบเวลาสั้น ๆ หรือ Scalping นั่นเอง เน้นเข้าเร็วออกเร็ว
ATR คือ Indicator ที่สามารถวัดความผันผวน หรือ Volatility ของค่าเงินในตลาด Forex ได้ ซึ่ง ATR นั้นย่อมาจากคำว่า Average True Range และเจ้า Range พวกนี้แหละทำให้เรารู้ว่าเราควรเทรดเวลาไหนที่ราคาจะแกว่งตัวมากที่สุดนั่นเอง ต้องดูเวลาดีๆนะครับ
อย่างไรก็ตาม เจ้า ATR ใช้บอกความผันผวนได้ แต่ไม่ได้บอกความเป็นเทรนด์ หรือ บอกทิศทางของตลาดแต่อย่างใด
ดังนั้น เราจึงควรใช้ ATR ควบคู่กับ Indicator ตัวอื่นๆด้วยนะฮะ หรือใช้คู่กับ Price Action อื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น Price Action หรือ Stochastic
จากตัวอย่างเราจะใช้กับเครื่องมือวิเคราะห์จุดแกว่งตัวอย่าง Stochastic โดยใช้Time Frame H1 เป็นต้นไป
อะอะ บอกไว้ก่อนนะ เจ้า ATR ตัวนี้ไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นเทรนด์ขาขึ้นหรือขาลงนะ เแค่ตามสัญญาณในการเข้าออเดอร์ระยะสั้นๆ เท่านั้นเอง
การวิเคราะห์ ATR จะมีความผันผวนสูงสุดคือ เมื่อ ATR อยู่จุดต่ำสุดและกำลังขึ้น (วงกลมสีแดง) ซึ่งเมื่อเกิดวงกลมสีแดงจะตามมาด้วยความเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรง ซึ่งเราจะอาศัยช่วงที่มันมีความผันผวนต่ำ และส่งคำสั่งก่อน
ดูว่า Stochastic ในช่วงนั้นอยู่ในสัญญาณ Overbought หรือว่า Oversold ถ้าหากเป็นสัญญาณ Oversold ก็ให้ Buy และ ถ้าหากเป็นสํญญาณ Overbought ก็ให้ Sell ดังภาพ
อย่างไรก็ตามจะเห็นว่า มีบางจังหวะที่เป็นสัญญาณ Oversold ซึ่งควรต้อง Buy แต่ราคาก็พลิกผันและไม่สามารถทำกำไรได้
การประยุกต์ใช้ ATR ในการตั้ง Stop Loss
หลาย ๆ คนคงทราบกันอยู่แล้วว่าการเทรดนั้น เราจำเป็นที่จะต้องตั้ง Stop Loss (SL) เกือบทุกครั้ง เพื่อทำให้เราขาดทุนน้อยที่สุดในกรณีที่เราเทรดผิดทาง แต่การตั้ง SL แบบทั่วไปอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับทุกโอกาส ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่ว่า ควรตั้ง SL ให้มีการเคลื่อนไหว หรือที่เราเรียกกันว่า “Dynamic SL” นั่นเอง
Dynamic SL คือ การประยุกต์เอาความสามารถในการวัดความผันผวนของราคาจาก indicator ATR เข้ามาคำนวณเพื่อตั้ง SL เมื่อราคามีความผันผวนมากเราก็จะได้ SL ที่กว้างมากขึ้น การทำแบบนี้เราจะไม่ถูกความผันผวนของราคาเล่นงานได้ง่าย ๆ ซึ่งมันเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เทรดแบบสวิงเทรนไซด์เวย์
ปกติแล้วเทรดเดอร์มักจะตั้ง Dynamic SL เอาไว้ที่ 2 – 2.5 เท่าของ ATR ใน Time Frame ใหญ่ ๆ โดยวิธีการนำมาใช้นั้นจะมีตัวคูณที่แตกต่างกันไปในแต่ละคู่เงิน ซึ่งเราต้องแปลงค่า ATR ให้กลายเป็น Point เสียก่อน
ยกตัวอย่าง เช่น
คู่เงิน EUR/USD นั้นค่า ATR จะมีจุดทศนิยมอยู่ 4 ตำแหน่ง เราจึงจำเป็นต้องนำเลขทศนิยม 4 ตำแหน่งมาหารเสียก่อน จากนั้นให้เราเอามาคูณกับ 2 หรือ 2.5 ขึ้นอยู่กับเทคนิคของเทรดเดอร์แต่ละคน
(ATR_value / ATR_adjust) × ATR_Multiply = Dynamic SL
จะได้
(0.0008 / 0.0001) × 2.5 = 20 point
สรุป
การใช้ ATR นั้นเหมาะสำหรับการบอกความผันผวนของราคา โดยสามารถใช้มันร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ ซึ่งส่วนมากต้องเป็นเครื่องมือที่เทรดในระยะสั้น เช่น Stochastic หรือ RSI ถึงจะมีความเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามบางจังหวะก็ไม่ได้มีความแม่นยำมากนัก ซึ่งทำให้มันต้องใช้เครื่องมืออื่นในการควบคุมความเสี่ยง เช่น Stop loss หรือการจัดการ Lot เข้ามาเกี่ยวข้อง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ สายเทรดสั้นชอบสวิงเทรน หรือสายออปชั่น แอดบอกเลยว่า จัดว่าเด็ดดีจริงๆเชียว หากใครรักใครชอบก็ลองเอาไปใช้เทรดกันดูฮะ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลงแอดเอาใจช่วยนะครับ
ไอเดียชุมชน
ค่า Swap ในการเทรด Forex คืออะไร? และวิธีคำนวณค่า Swap ในการเทรด Forex: คืออะไรและทำงานอย่างไร
ในโลกของการเทรด Forex มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเทรดของนักลงทุน หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่นักเทรดควรรู้คือ ค่า Swap ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนของการเทรดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ค่า Swap คืออะไร?
ค่า Swap (หรือบางครั้งเรียกว่า ค่า Roll-over) เป็นค่าธรรมเนียมที่คิดเมื่อผู้เทรดยังคงเปิดออเดอร์ข้ามคืน (overnight) โดย Swap จะเกิดขึ้นจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่เงินที่เราเทรด เช่น หากคุณเทรดคู่เงิน EUR/USD และอัตราดอกเบี้ยของ EUR ต่างจาก USD ความแตกต่างนี้จะส่งผลให้เกิดการจ่ายหรือได้รับค่า Swap ตามเงื่อนไขของตลาดและโบรกเกอร์
ทำไมจึงเกิดค่า Swap?
ในแต่ละสกุลเงิน จะมีอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางของประเทศนั้น ๆ เมื่อเราทำการซื้อขายคู่เงิน (Currency Pair) หมายความว่าเรากำลังยืมเงินสกุลหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนกับอีกสกุลเงินหนึ่ง อัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ยืมและที่ถือครองจึงมีผลในการคำนวณค่า Swap
ตัวอย่างเช่น:
หากคุณซื้อคู่เงิน EUR/USD หมายความว่าคุณซื้อ EUR และขาย USD
หากอัตราดอกเบี้ยของ EUR สูงกว่า USD คุณอาจได้รับค่า Swap เมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน
แต่หากอัตราดอกเบี้ยของ EUR ต่ำกว่า USD คุณจะต้องจ่ายค่า Swap
ประเภทของค่า Swap
ค่า Swap มีสองประเภทหลัก:
1.Positive Swap (ค่า Swap บวก) – เป็นการได้รับค่า Swap เมื่ออัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ซื้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ขาย
2.Negative Swap (ค่า Swap ลบ) – เป็นการจ่ายค่า Swap เมื่ออัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ขายสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ซื้อ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่า Swap
อัตราดอกเบี้ย – อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของแต่ละประเทศเป็นตัวกำหนดหลัก
สถานการณ์ตลาด – บางครั้งความผันผวนของตลาดอาจส่งผลต่อค่า Swap
ประเภทบัญชีเทรด – โบรกเกอร์แต่ละแห่งอาจมีนโยบายค่า Swap ที่แตกต่างกัน
ปริมาณการเทรด – ปริมาณที่คุณเปิดออเดอร์อยู่จะมีผลต่อค่า Swap ที่ต้องจ่ายหรือได้รับ
วันที่ Roll-over – บางช่วงเวลา เช่น การปิดตลาดวันหยุด ค่า Swap อาจถูกคำนวณเป็นหลายเท่าของวันปกติ
การคำนวณค่า Swap
การคำนวณค่า Swap ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณใช้งาน โดยทั่วไป โบรกเกอร์จะคำนวณ Swap เป็นจุด (pip) หรือเป็นเปอร์เซ็นต์จากขนาดออเดอร์ที่เปิด โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดจากแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานได้
ค่า Swap ในการเทรด Forex: คืออะไรและทำงานอย่างไร
ในโลกของการเทรด Forex มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเทรดของนักลงทุน หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่นักเทรดควรรู้คือ ค่า Swap ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนของการเทรดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ค่า Swap คืออะไร?
ค่า Swap (หรือบางครั้งเรียกว่า ค่า Roll-over) เป็นค่าธรรมเนียมที่คิดเมื่อผู้เทรดยังคงเปิดออเดอร์ข้ามคืน (overnight) โดย Swap จะเกิดขึ้นจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่เงินที่เราเทรด เช่น หากคุณเทรดคู่เงิน EUR/USD และอัตราดอกเบี้ยของ EUR ต่างจาก USD ความแตกต่างนี้จะส่งผลให้เกิดการจ่ายหรือได้รับค่า Swap ตามเงื่อนไขของตลาดและโบรกเกอร์
ทำไมจึงเกิดค่า Swap?
ในแต่ละสกุลเงิน จะมีอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางของประเทศนั้น ๆ เมื่อเราทำการซื้อขายคู่เงิน (Currency Pair) หมายความว่าเรากำลังยืมเงินสกุลหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนกับอีกสกุลเงินหนึ่ง อัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ยืมและที่ถือครองจึงมีผลในการคำนวณค่า Swap
ตัวอย่างเช่น:
หากคุณซื้อคู่เงิน EUR/USD หมายความว่าคุณซื้อ EUR และขาย USD
หากอัตราดอกเบี้ยของ EUR สูงกว่า USD คุณอาจได้รับค่า Swap เมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน
แต่หากอัตราดอกเบี้ยของ EUR ต่ำกว่า USD คุณจะต้องจ่ายค่า Swap
ประเภทของค่า Swap
ค่า Swap มีสองประเภทหลัก:
Positive Swap (ค่า Swap บวก) – เป็นการได้รับค่า Swap เมื่ออัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ซื้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ขาย
Negative Swap (ค่า Swap ลบ) – เป็นการจ่ายค่า Swap เมื่ออัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ขายสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ซื้อ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่า Swap
อัตราดอกเบี้ย – อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของแต่ละประเทศเป็นตัวกำหนดหลัก
สถานการณ์ตลาด – บางครั้งความผันผวนของตลาดอาจส่งผลต่อค่า Swap
ประเภทบัญชีเทรด – โบรกเกอร์แต่ละแห่งอาจมีนโยบายค่า Swap ที่แตกต่างกัน
ปริมาณการเทรด – ปริมาณที่คุณเปิดออเดอร์อยู่จะมีผลต่อค่า Swap ที่ต้องจ่ายหรือได้รับ
วันที่ Roll-over – บางช่วงเวลา เช่น การปิดตลาดวันหยุด ค่า Swap อาจถูกคำนวณเป็นหลายเท่าของวันปกติ
การคำนวณค่า Swap
การคำนวณค่า Swap ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณใช้งาน โดยทั่วไป โบรกเกอร์จะคำนวณ Swap เป็นจุด (pip) หรือเป็นเปอร์เซ็นต์จากขนาดออเดอร์ที่เปิด โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดจากแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานได้
ตัวอย่างการคำนวณค่า Swap:
หากคุณเทรดคู่เงิน EUR/USD ขนาด 1 ล็อต (100,000 หน่วย)
อัตราดอกเบี้ย EUR คือ 0.5% และ USD คือ 2.5%
ค่า Swap จะถูกคำนวณจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยคูณกับขนาดออเดอร์ที่ถือครอง
การหลีกเลี่ยงค่า Swap
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการจ่ายค่า Swap บางโบรกเกอร์มีบัญชีแบบ Swap-free หรือบัญชีที่ไม่มีการคิดค่า Swap ซึ่งบัญชีเหล่านี้มักถูกออกแบบสำหรับนักลงทุนที่มีความเชื่อทางศาสนา (เช่น ชาวมุสลิม) หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่า Swap จากการถือออเดอร์ข้ามคืน
ข้อดีและข้อเสียของค่า Swap
ข้อดี:
หากคุณถือออเดอร์ข้ามคืนในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า คุณอาจได้รับผลประโยชน์จากค่า Swap บวก
ข้อเสีย:
ค่า Swap ลบอาจทำให้คุณเสียเงินเพิ่มเติมหากคุณถือออเดอร์ข้ามคืนในคู่เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
สรุป
ค่า Swap เป็นองค์ประกอบสำคัญที่นักเทรดควรคำนึงถึงในการเปิดสถานะข้ามคืน การรู้จักและเข้าใจการคำนวณค่า Swap จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มกรอบเล็กมองSIDEWAYเวลาเทรดต้องฝืนถึงแม้สัญญาณบอกให้BUYอย่าBUYเพราะถ้าเข้าแล้วโดนลากไปSELLทางที่ดีมองหาPA SELL TF เล็กๆดีกว่า แต่อย่าลืมหน้าBUYแข็งแรงกว่าเสมอการลงก็ไม่ใช่ว่าจะกลับไปหาจุดรับเดิมได้เขาอาจไปได้100-200จุดแล้วก็ไปตามพี่ใหญ่ฉะนั้นแผนการเทรเแต่ล่ะวันอย่าไปหวังว่าจะไปได้ไกล
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปใช้ชุดวิเคราะห์Wแล้วย่อD1มองแนวโน้มของD1แล้วบบีบกรอบสนามรบให้แคบลงให้ศ้ตรูวิ่งเข้ามาในแผนเราแล้วรอคอยใดยเตรียมหัวหมู่ทะลวงฟันเตรียมเข้าไปกำจัดศัตรูด้วยอาวุธหนักเก็บศัตรูให้ได้มากสุดแล้วรีบออกจากสนามรบทันทีโดยย่อหาจุดเข้าทำลายด้วยกรอบสนามที่แคบลงเพื่อให้กำหนดความศูนย์เสียที่น้อยลงโดยกำหนดความศูนย์เสียกำลังพลครั้งนี้ไว้ที่1:1เป็นอย่างน้อย
วิเคราะห์โอกาสหมดตัว ด้วย money and Time FrameCredit :ส่วนนึงนำมาจากช่อง cwayinvestment ยูทูป
- IM ของ S50 futures คือ 6860 บาท ต่อ 1 สัญญา
หมายความว่า ถ้าวางเงิน 6860 บาท แล้วเรามองว่าน่า Short ถ้าตลาด ลงจริง เราก็ได้ pay off ต้องมากกว่า 1 จุดเพราะ ว่าหักค่า comm ถึงได้กำไรเช่น 920 ลงมา 919 ยังไม่ได้กำไร จะได้กำไรต่อเมื่อต่ำกว่า 919
- ถ้าตลาดไปผิดทางที่เราคาล่ะ ก็จะขาดทุน จนถึง MM ก็ต้องเอาเงินมาเติมให้ครบ IM เช่น MM อยู่ที่ 3440 แล้ว พอร์ทเราต่ำกว่า MM เราควรนำเงินมาเติมให้กลับไปที่ IM เพื่อความปลอดภัยไม่ถูกปิดสัญญา
- จากบทวามข้างต้น การวางเงิน ที่ IM ไม่ฉลาด เพราะ พอร์ตไม่มั่นคง ทำให่อารมณ์เราไม่มั่นคง อ่อนไหวง่ายเมื่อตลาดผิดทาง
- Professional เขาจะวางมากกว่า ปรมะณ 3 เท่าหรือต่ำกว่า เพื่อกันราคาสะบัด ลองคิดดูว่าวันนึงสะบัดไป 50 จุดแล้วเราผิดทางทั้ง 50 จุด หมายความว่า เราขาด 10,000 ต่อหนึ่งสัญญา
- มูลค่าของ Set50 นำตัวคูณ 200 มา คูณราคาปัจจุบัน สมมติว่า 900 จุด แสดงว่า Set50มีมูลค่า 180,000 บาท เราวางเิงน 180,000 บาทต่อ 1 สัญญา ความเสี่ยงในการโดนราคาสะบัดจะหายไปทันทีเพราะ ไม่มีทางสะบัดเหลือ 0
- Timeframe มาเกี่ยวอะไร เราให้ TF เพื่อดูการสะบัดของราคา ถ้าเราวางเงินเยอะ เราสามารถใช้ TF ใหญ่ได้ลดความผันผวนทางอารมณ์ สำหรับขา Long
- แต่ถ้าเราวางต่ำมาก ๆ แล้วเรายังไม่คุ้นกับนิสัย S50 แฟนของเรา ซึ่งอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เราจะเสี่ยงมากในการ ปิดๆเปิดๆ สัญญา แล้วค่า comm ก็จะเสียไป สรุปเดือนนึง ค่า comm แพงกว่าขาดทุนจาก futures
รูปแบบกราฟ Butterfly Pattern สำหรับตลาดไซด์เวย์รูปแบบกราฟ Butterfly Pattern สำหรับตลาดไซด์เวย์
👽👽👽 กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบต่างๆในการเทรด โดยเรายังคงอยู่กับรูปแบบ harmonic pattern กันอยู่นะฮะ รอบนี้พาทุกท่านไปรู้จักกับรูปแบบ Butterfly Pattern กันมันเป็นอย่างไร ทำกำไรเด็ดไม่แพ้กราฟตัวอื่นๆแน่นอน

รูปแบบกราฟผีเสื้อ Butterfly Pattern
Butterfly Pattern เป็นหนึ่งในรูปแบบ Harmonic Pattern ที่มีความแม่นยำสูงถึง 77% จุดเด่นของกราฟผีเสื้ออยู่ตรงที่ คือ Risk Reward Ratio สูงมากกว่า 2-3 เท่า ความเสี่ยงต่ำ และส่วนใหญ่ มักเป็นตลาดไซด์เวย์ โดยอัตราชนะหรือ Winrate อยู่ที่ 50/50 แต่ต้องทำตามระบบอย่างมีวินัยเคร่งครัดนะครับ ไม่ช้าก็เร็วพอร์ตก็จะโตแน่นอน

จุดเด่นของ Butterfly Pattern
เป็นรูปแบบ ABCD ที่การพักตัวของจุด C พักตัวและไม่เลยยอดของจุด A
วิธีการเทรด
มองหาจุดเข้าอยู่ที่จุด D ทั้ง Bullish และ bearish โดยต้องรอให้ตลาดเกิดการกลับตัวจาก จุด D หนึ่งแท่งก่อนเปิดออเดอร์เสมอ
การTake Profit อาจอยู่ที่ จุด D ไป จุด C (TP1) และ จุด D ไป จุด C (TP2)
ใส่ Stop Loss ให้สอดคล้องกับกฎการบริหารความเสี่ยงของคุณ

ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ
1. แพทเทิร์นในรูปแบบนี้ การกลับตัวจะสร้างกำไรได้มากเนื่องจากหลุดจากกรอบไซด์เวย์ออกมา
2. แพทเทรินนี้ เหมาะสำหรับตั้ง SL สั้นๆ
3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ
4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง 👽👽👽
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ รูปแบบHarmonic Pattern นั้น ถือว่าเป็นตำนานของนักเทรดทองกันเลยทีเดียวเชียว หากใครรักใครชอบก็ลองเอาไปใช้เทรดกันดูฮะ จัดว่าเด็ดจริงๆ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
Safe Haven ในการลงทุนและการเทรด: แนวคิดและสถานการณ์ปัจจุบันSafe Haven คืออะไร?
ในโลกของการลงทุนและการเทรด “Safe Haven” หมายถึงสินทรัพย์ที่นักลงทุนมักหันไปหายามเกิดความไม่แน่นอนหรือความผันผวนในตลาด โดยสินทรัพย์ Safe Haven มีคุณสมบัติที่คงค่าหรือมีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่าระหว่างช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจหรือความผันผวนทางการเงิน
ตัวอย่างของ Safe Haven ที่ได้รับความนิยม ได้แก่:
1.ทองคำ – ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและเป็น Safe Haven ที่นักลงทุนหันไปหาเมื่อตลาดการเงินมีความผันผวน
2.เงินสด – โดยเฉพาะในสกุลเงินที่แข็งแกร่งอย่างดอลลาร์สหรัฐและเยนญี่ปุ่น ซึ่งมีความมั่นคงและความเชื่อมั่นสูงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
3.พันธบัตรรัฐบาล – พันธบัตรจากรัฐบาลที่มั่นคง เช่น พันธบัตรของสหรัฐ ถือว่ามีความปลอดภัยสูงเนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงต่ำที่รัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้ได้
4.อสังหาริมทรัพย์ – แม้ว่าจะไม่ถือว่าเป็น Safe Haven ในทุกสถานการณ์ แต่บางครั้งอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่ดีอาจเป็นตัวเลือกที่ดีในยามที่ตลาดการเงินมีความผันผวน
ทำไม Safe Haven จึงสำคัญ?
Safe Haven มีความสำคัญเพราะมันช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนอาจสูญเสียมูลค่าของพอร์ตการลงทุนไปมาก แต่หากมีการลงทุนในสินทรัพย์ Safe Haven จะช่วยลดความเสี่ยงและรักษามูลค่าของพอร์ตไว้ได้
สถานการณ์ปัจจุบันของ Safe Haven ในปี 2024
ปัจจุบันตลาดการเงินทั่วโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น:
อัตราเงินเฟ้อ ที่สูงขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งต้องดำเนินนโยบายดอกเบี้ยที่เข้มงวด ทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง
ความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินโลก
ราคาน้ำมันและพลังงาน ที่ผันผวนจากการปรับตัวของเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง
ในปี 2024 ทองคำยังคงเป็น Safe Haven ที่ได้รับความนิยม โดยราคาทองคำมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังเป็นที่ต้องการสูงจากนักลงทุนที่มองหาความปลอดภัยจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูง
สำหรับเงินสด โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังคงเป็นสกุลเงินที่มีความปลอดภัยสูง แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์อาจผันผวนในบางช่วงเวลา แต่ยังคงเป็นที่พึ่งในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตทางการเงิน
การจัดพอร์ตการลงทุนโดยใช้ Safe Haven
การกระจายพอร์ตการลงทุนให้มีสินทรัพย์ Safe Haven เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนหลายคนนำมาใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงในระยะยาว การมีทองคำหรือพันธบัตรในพอร์ตการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นคงในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน
สรุป การ Safe Haven เป็นอีกหนึ่งปัจจัย สำคัญในการมองตลาดและคาดการ์ณ การเข้ามาของเงินใดแต่ละประเทศ เป็นต้น ทำให้เราปลอดภัยมากขึ้น
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปเทรดรายวันบีบกรอบให้แคบทำแบบเดิมย่อทำเฟรมเล็กอยากเก็บไว้ก็ยิ่งย่อเล็กลงได้ถึง m5 แต่ก็อย่างว่า m5 ก็ 150 จุดก็หรูแล้วอย่าไปเก็บมากกว่านั้นอยากจะเก็บขึ้นมาเยอะหน่อยก็เอ็ม 15 แต่ทั้งหมดนี้ก็ใช้เวลาจบไม่เกิน 20 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นแต่ก็ไม่เกิน 1 วันแต่ทุกอย่างต้องทดสอบระบบทำซ้ำๆทำแบบเดิมแล้วมันใช่ถึงค่อยมั่นใจทำแล้วไม่ใช่ชนเส้นที่ตีแนวรับต้านเอาไว้แล้วมันยังทะลุอยู่ก็คือไม่ใช่ก็ต้องตีใหม่หาจุดเข้าใหม่หาจุดแนวรับแนวต้านใหม่หาสัญญาณกันแสดงตัวของกราฟใหม่จนกว่าจะใช่แล้วใช้วิธีเดิมมาพัฒนาปรับปรุง
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปใครจะได้เห็นกราฟที่ไล่ทำให้แบบนี้ไปก็โชคดีนะครับมือใหม่นี้โคตรโชคดีเลยเพราะว่าสิ่งที่ทำนี่มันคือการฝึกมาตลอดเป็นเวลานานมากทำซ้ำๆทำบ่อยๆเฝ้ากราฟไปเลย
อย่าบอกว่าไม่ต้องเฝ้ามือใหม่ต้องเฝ้ามือเก่าแล้วไม่ต้องเฝ้า
มือใหม่ไม่ชำนาญพฤติกรรมกราฟแต่ละตัวมันไม่เหมือนกันการวิ่งมันไม่เหมือนกันเลย
อาจจะมีความใกล้เคียงใช่แต่ข้างในมันไม่ใช่ไม่ใช่เลย
เพราะฉะนั้นเทรดคู่ไหนเอาคู่นั้น เอาให้เทรดแล้วได้ตังค์ก็พอไม่ต้องไปคิดว่าจังหวะไม่มาไปหาคู่ใหม่
ไม่ต้องไปคิดเอาคู่เดียวนี่แหละ ส่วนคู่อื่นถ้าอยากจะเอาให้ได้ก็ต้องไปฝึก demo ลดไซส์น้อยๆแล้วก็เข้าเทรดในหน้าทำเฟรมที่ใหญ่หน่อย จะได้ไม่ต้องเข้ามาดูบ่อยๆแล้วก็ดูว่ามันเข้าแผนไหม ถ้าใช่มันก็จบแค่นั้นแหละ
ฝึกบ่อยๆซ้ำๆภาพที่เห็นอยู่ในจอนี้ถ้าได้เห็นไปก็โชคดีเอาไปทำได้ทุกคู่ทุกหุ้นทุกตลาดในโลกที่สำคัญต้องฝึกบ่อยๆซ้ำๆ
ฝึกแล้วก็อย่าเอาไปเป็นไลค์โค้ชสอนเก็บตังค์คนอื่นเขาด้วยนะครับ
มันไม่มีจรรยาบรรณคุณได้ของฟรีคุณก็ต้องช่วยเหลือคนอื่นฟรีด้วย
คิดให้ดีอย่าคิดชั่วฉลาดแกมโกง
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปมองภาพรวมของ d1 ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปบีบกรอบเทรดในทามเฟรมที่เล็กลงพยายามสร้างเงื่อนไขในรูปแบบที่ตัวเองเข้าใจให้เป็นรูปประธรรมซะก่อนจะทำให้เราเชื่อมั่นในระบบของเราก่อนเสมอถ้าระบบมันไม่ใช่ก็จะไม่สามารถวิเคราะห์เจาะลึกลงไปได้อีกและจะไม่เกิดความเชื่อมั่นสิ่งสำคัญนั่นแหละครับคือระบบที่ทำบ่อยเกิดซ้ำบ่อยเกิดแล้วเป็นจริงแล้วเอามาทำต่อปรับปรุงพัฒนาไม่ใช่ปรับปรุงแก้ไขปรับปรุงแก้ไขคือปรับแล้วปรับอีกแก้แล้วใช้อีกเริ่มจากศูนย์ใหม่ไม่สิ้นสุดคนละบริบทคนละความหมายนะครับ
ฝึกวิเคราะห์หาจุดเข้าซื้อให้ละเอียด แม่นยำยิ่งๆขึ้นM15เรามาวางแผนสร้างตรรกะของM15จุดเข้าต่างๆจะเร็วกว่าพี่ใหญ่ ฉะนั้นจะเทรดทามเฟรมนี้อย่าคาดหวังว่าจะเก็บคำโตแบบพี่ใหญ่ จะคาดหวังเข้าM15 ออกH4แบบนั้นก็รอโดนSLอย่างเดียวกราฟในทามเฟรมเล็กมันสวิงอาจจะวิ่งลงไปหารับH4ก็ได้หรือทะลุหาต้านH4เลยก็ได้ไม่มีใครรู้รู้อย่างเดียวเทรดM15 TP SL M15 หรือ M5 พออย่าโลภ