Momentum Indicators ตัวบ่งชี้โมเมนตัมคืออะไร และต่างกันอย่างไร?Momentum Indicators ตัวบ่งชี้โมเมนตัมคืออะไร มีอะไรบ้าง และต่างกันอย่างไร?
👹 กลับมากันอีกแลวกับบทความดีๆและเทคนิคการเทรดในหลายๆรูปแบบมาฝากกัน วันนี้แอดรื้อฟื้นกับความรู้เก่าๆเบสิคๆที่เราจำเป็นต้อง เผื่อใครบางคนยังหาทางออกให้กับกลยุทธ์การเทรดยังไม่เจอ มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
👹ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ตัวบ่งชี้โมเมนตัม (Momentum Indicators) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์สามารถวัดความแรงหรือความเร็วของแนวโน้มราคาได้ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจในการเข้า-ออกออเดอร์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
โมเมนตัมคืออะไร?
โมเมนตัม หมายถึง “แรง” หรือ “ความเร็ว” ที่ราคาของสินทรัพย์เปลี่ยนแปลง ตัวบ่งชี้โมเมนตัมจึงทำหน้าที่แสดงให้เห็นว่าราคากำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด และมีแรงส่งมากน้อยแค่ไหน
👉หากโมเมนตัมสูง แสดงว่าแนวโน้มมีความแข็งแรง
👉หากโมเมนตัมเริ่มลดลง แม้ราคายังวิ่งต่อ ก็อาจบ่งบอกแนวโน้มกำลังอ่อนแรงและอาจกลับตัว
ตัวอย่างตัวบ่งชี้โมเมนตัมที่นิยม
1. Relative Strength Index (RSI)
ดัชนีเปรียบเทียบความแข็งแกร่ง (RSI) เป็นเครื่องมือที่แสดงถึงความแรงของการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (โดยปกติคือ 14 วัน) เราสามารถปรับแต่งค่าได้ ตามที่เราต้องการ
ช่วงค่า: 0 – 100
ระดับสำคัญ:
RSI > 70 = เข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป (Overbought)
RSI < 30 = เข้าสู่เขตขายมากเกินไป (Oversold)
👉 จุดเด่น: เหมาะสำหรับดูจังหวะกลับตัวของราคา เทรดสวนทาง
2. Moving Average Convergence Divergence (MACD)
ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาสองเส้น (EMA) มาคำนวณเพื่อหาทิศทางแนวโน้มและแรงโมเมนตัม โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่สามารถปรับแต่งได้ตามวันที่เราต้องการ
องค์ประกอบหลัก:
MACD Line = EMA(12) – EMA(26)
Signal Line = EMA ของ MACD Line
Histogram = แสดงความต่างของ MACD กับ Signal Line
การใช้งาน:
👉 MACD ตัดขึ้นเหนือ Signal Line = สัญญาณซื้อ BUY
👉 MACD ตัดลงใต้ Signal Line = สัญญาณขาย SELL
3. Stochastic Oscillator : SO
ใช้วัดระดับราคาปิดเมื่อเทียบกับช่วงราคาสูงสุด-ต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง
ช่วงค่า: 0 – 100
ระดับสำคัญ:
80 = Overbought
< 20 = Oversold
จุดเด่น: ให้สัญญาณการกลับตัวได้เร็ว เหมาะสำหรับตลาด Sideway
4. Rate of Change (ROC)
ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตามสัดส่วนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า
วิธีคิด: (ราคาปัจจุบัน – ราคาในอดีต) ÷ ราคาในอดีต × 100
การใช้งาน:
ROC > 0 = ราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
ROC < 0 = ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง
สรุป
ตัวบ่งชี้โมเมนตัมเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจแรงส่งของราคา ช่วยจับจังหวะซื้อ-ขายได้ดีขึ้น แต่ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ และการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
👿👿👿 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะได้แนวทางในการวางแผนการเทรดกันบ้างหรือยังครับ ถ้ายังก็ลงใช้ให้ครบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าเรานิยมและชมชอบแบบไหนที่สุด ที่สำคัญต้องตรงกับเทคนิคที่เราจะเทรดด้วยนะครับ แล้วอย่าลืมหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้การเทรดในหลายๆแบบให้เข้าใจมากขึ้นนะครับ เพราะการเรียนรู้ไม่มีคำว่าสิ้นสุด แอดเอาใจช่วย แอดเชื่อว่าทุกคนทำได้ แค่เริ่มลงมือทำ สู้ๆฮะ
ไอเดียชุมชน
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ลุงวอเร็นแกขายทำกำไรไปบ้าง Q4 2019 จนตอนนี้แกก็ถือนิ่งๆกินกำไรจากปันผลและกำไรหุ้นโตมาเรือยๆ
แล้วเราจะมองกันอย่างไรส่วนตัวมองว่ามีโอกาสขึ้นไปสั้นๆต้องรอดูการสร้างจุดพักตัวใหม่บริเวณนี้ให้ได้เพื่อรอการเติมโตขึ้นไปได้อีก ในกรอบโซนนี้มีโอกาสกลับลงมาไกลเช่นกันเพราะเป็นCleantrafficด้วย
สรุปส่วนตัวมองไว้ว่าถ้ากำไรแล้วก็แบ่งขายออกไปบ้างแล้วถือยาวไปกับลุง
(จริงทุกวันนี้ไม่ได้ยึดติดอะไรกับลุงแล้วเพราะมาสังเกตุดีๆหุ้งลุงแกก็ซื้อๆขายเหมือนกับพอตเจ้าอื่นๆแหละมีไม่กี่ตัวที่แกถือมาเกือบ100ปี) แกก็น่าจะมีทีมงานช่วยกันบริหารนั้นแหละ เจออันนั้นดีก็เข้าประชุม อนุมัติก็ซื้อ กำไรก็ขาย จังหวะเวลามันไม่มีอะไรเหมาะสมและไม่มีใครจะทำตามได้ทุกอย่าง100%เรามองที่ตัวเราทำได้บ้างบางอย่างนั้นคือลัษณะนิสัยระเบียบวินัย แต่อุปนิสัยของสภาวะแวดล้อมการเงินเราก็ต้องปรับให้เข้ากับยุคปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ไม่มีหุ้นตัวไหนเลยที่ยั้งยืนเป็น100ปีสุดท้ายก็หายจากตลาด มันหายากที่จะเจอหุ้นนางฟ้า
ฝึกอ่านกราฟไม่ได้ดูคู่นี้มานานก็เลยกลับมาดูหน่อยรูปแบบเดิมๆอีกแล้วเป็นรูปแบบตามรูปเลยครับเห็นมาตลอดจะรับแบบไหนก็ได้บนโลกใบนี้มันทำเหมือนกันหมดเลยก็พิจารณาหาจุดเข้าตามรูปเลยแค่นั้นแหละมีรูปแบบอินดิเคเตอร์อะไรก็ใส่เข้ามารูปแบบ price actionอะไรที่ตัวเองเคยจำได้เอามาใส่ๆมาครับ mm ด้วยครับ
กราฟบีบกรอบราคาให้แคบลงเพื่อจะระเบิดออกไปในทิศทางใดทิศททางหนึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะระเบิดขึ้นหรือลงแต่สิ่งที่ทำได้คือกำหนดแผนดักทางกราฟไว้แล้วซ้อนแผนด้วยไของเราด้วยเทคนิคต่างๆอินดี้ต่างๆที่ร่ำเรียนมาว่ารูปแบบกราฟแบบนี้ควรจะเทรดอย่างไร
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ก็แปลกใจว่าทำไมBerkshire Hathaway ถึงเทขายหมดเลยไม่เก็บไว้ซึ่งดูจากการวิเคราะห์ก็ตามหน้ากราฟเลยก็ถึงจุดที่ต้อง take profit แล้วแหละ
แต่ถ้าความเป็นจริงชื่อเสียงเรียงนามของcitibank ยังไงก็ยังดูมีคุณค่าอยู่
ก็คิดว่าถ้าเกิดจะถือเก็บเอาไว้ยาวๆเก็งกำไรหรือว่าจะรอกินปันผลก็ยาวๆเลยครับถือไปถึง 570 ดอลลาร์เลยก็ได้แต่ไม่รู้จะไปถึงเมื่อไหร่นะแต่คิดว่าน่าจะแข็งแรงแหละ
คงไม่ได้ถึงขั้นล้มละลายหรือมีปัญหาธุรกิจอะไรแน่นอนแต่ต้องคิดหาทำอะไรที่มันเปลี่ยนโลกได้ขึ้นแน่นอน
แต่เหตุผลที่ลุงwarrenแกขายคิดว่าน่าจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นๆอย่างเดียวหรือเปล่า
เพราะถือไม่ได้นานมากเริมถือตอนปี 2022 เองแล้วตอนนี้ก็ 2025 3 ปีเอง
ก็คิดว่าเขาคงไม่ถือต่อมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรให้มันดูโดดเด่นหรือเปล่าแต่ถ้าส่วนตัวก็คิดว่าถือไว้ก่อนก็ได้ถ้ามีเงินก็จะซื้อเก็บตัวนี้เอาไว้ไปรอขายนู่นเลย 570 เหรียญนู่น
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ก็ไม่มีอะไรมากก็ลองมาดูว่าทำไมควอเตอร์ที่ 1 ลุงwarrenถึงได้ขายตัวนี้ออกไป 7.2% ก็มาดูการวิเคราะห์ของตนเองก็ลักษณะจุด TP ใกล้เคียงกันกับของลุงเทขายเลยถือว่าวิเคราะห์ได้ใกล้เคียง OK แสดงว่ามีแนวคิดที่คล้ายคลึงกันสาเหตุและเหตุผลใกล้เคียงกันก็โอเคแล้ว
ตัวนี้ก็ไม่ได้วิเคราะห์เพิ่มเติมแค่เอามาตรวจสอบดูเทียบกับหุ้นของbershire Hathway ดูว่ามีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนปรับปรุงแก้ไขเหตุผลในการวิเคราะห์ได้หรือไม่สรุปชุดนี้ไม่ต้องแก้ไขอะไรชุดวิเคราะห์นี้ใช้ได้
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ก็แปลกใจมากทำไมลง warren เทขายหมดพอร์ตเลยทั้งๆที่เคยซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ปี 2016 เรื่อยมาแต่ปี 2025 เดือน 2 ก็ขายหมดแล้วแปลกใจ
ก็เลยมาลองดูเหตุผลที่สักหน่อยว่าเพราะอะไรก็เจออะไรบางอย่างที่น่าตกใจอยู่เช่นเดียวกันในแท่งเทียน 1 ปีเห็นอะไรมากมายและชัดเจนมากขึ้นถ้ามองจากภาพนี้ภายในสิ้นปีนี้ปิดแท่งเขียวไม่ได้ก็มีโอกาสลง
ดูลักษณะแล้วเหมือนเป็นการปิดการขาดทุนครั้งใหญ่แสดงว่ามีโอกาสจะลงหรือเปล่าไม่แน่ใจรอดูสิ้นปีนี้แล้วกันครับขอให้ปิดแท่งเขียวให้ได้แล้วกันอย่าปิดแท่งลงมาแล้วกันถ้าไม่อย่างนั้นก็จะลงต่อ
ฝึกอ่านกราฟที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ตลกมากที่ตัวเองมัวแต่ไปมองอะไรรอบด้านไปหมดไม่มองอะไรที่ใกล้ตัวเลยมัวแต่ไปมองเรื่องพลังงานเรื่องสิ่งแวดล้อมเรื่องปัจจัยภายนอกทั้งหมดลืมมองตัวเองเลยตัวเองก็ต้องอยู่มีชีวิตอยู่การใช้ชีวิตของเราก็ต้องมีอะไรอาหารการกินมีสุขภาพที่แข็งแรงสิ่งพวกนี้ไม่เคยมาดูเลยก็เลยคิดว่าจะมาลองหาดูหุ้นที่มีคุณค่ามีหลักทรัพย์มีทรัพย์สินจริงๆแล้วก็ถือไว้นานๆถือไว้ยาวๆรอจังหวะเข้าที่ดีๆที่ราคาที่ดีแล้วถือไปยาวๆก็เลยมาเริ่มหาหุ้นเกี่ยวกับเรื่องของพลังงานของมนุษย์บ้างนั่นก็คือเรื่องของอาหารเรื่องสุขภาพของมนุษย์เรื่องยาที่อยู่อาศัยยารักษาโรคเครื่องนุ่งห่มทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความจำเป็นของมนุษย์เริ่มมาดูเริ่มมาศึกษาหน่อยนึง
Gold Trading VS Gold Investment แบบไหนดีกว่ากัน Gold Trading VS Gold Investment
เทรดทองคำ VS ลงทุนในทองคำ ต่างกันไหม แบบไหนดีกว่ากัน
👰 กลับมากันอีกแลวกับบทความดีๆและเทคนิคการเทรดในหลายๆรูปแบบมาฝากกัน รอบนี้เรามาหยิบยกประเด็นและข้อถกเถียงต่างๆนาๆ สำหรับชาวเทรดเดอร์ที่ชื่นชอบในวัตถุสะท้อนประกายสีทอง นั่นแน่ ก็ทองคำยังไงละครับ ไหนเค้าเถียงกันเรื่องอะไรอีกเนี่ย อ่อ ลงทุนในทองคำแบบไหนดีกว่ากัน มาครับ ตามมาอ่านกันเลยดีกว่า จะได้ข้อสรุปแบบไหนบ้างน๊า ตามมาอ่านกันได้เลย
💰 เทรดทองคำ VS ลงทุนในทองคำ แบบไหนดีกว่ากัน
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณ เพราะมีคุณค่าในตัวเอง ไม่เสื่อมสลาย และมักถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน!!!
แต่การจะสร้างผลตอบแทนจากทองคำนั้น มี 2 แนวทางหลักที่แตกต่างกันมาก คือ การเทรดทองคำ และ การลงทุนในทองคำระยะยาว แล้วแบบไหนดีกว่ากัน? เราลองมาเปรียบเทียบกันดูดีกว่าให้เห็นภาพอย่างชัดเจน
🙋การเทรดทองคำ (Gold Trading)
คือการซื้อขายทองคำเพื่อเก็งกำไรจาก "ความผันผวนของราคา" ในระยะสั้นถึงกลาง เช่น ซื้อวันนี้ ขายอีกไม่กี่วัน หรือภายในไม่กี่เดือน โดยอาจซื้อขายผ่านช่องทางต่าง ๆ
เช่น: Forex / CFD / Gold Futures หรือผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ
สิ่งที่ศึกษาเพิ่มเติมคือ :
ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และติดตามข่าวสารการเงินอย่างใกล้ชิด รวไปถึงข่าวสารพัด อัตราดอกเบี้ย ต้องตามให้หมด
🏦 การลงทุนทองคำ (Gold Investment)
คือการถือครองทองคำในระยะยาว โดยหวังผลจาก การเพิ่มมูลค่าในอนาคต หรือเป็น “เครื่องมือกระจายความเสี่ยง” ในพอร์ตการลงทุน
อาจลงทุนได้ผ่านทาง
- การซื้อทองคำแท่ง
- กองทุนทองคำ (Gold ETF, กองทุนรวมทองคำ)
- ทองคำในรูปแบบดิจิทัล
สิ่งที่ศึกษาเพิ่มเติมคือ :
เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนแบบไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องเทรดถี่ วันนี้ ขายอีกที 20 ปีข้างหน้
✅ แล้วแบบไหน ดีกว่ากัน ?
คำตอบคือ ไม่มีแบบไหนดีกว่ากันฮะ ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายการเงิน และ ลักษณะนิสัยของผู้ลงทุนในแต่ละคน ว่าชื่นชบการลงทุนแบบใด ต้องถามตัวเองให้ได้ก่อนชอบแบบไหน
💡 คนที่เหมาะกับการ เทรดทองคำ Gold Trading
1. ต้องการทำกำไรไว เร็ว เงินน้อยก็ขยันเทรดหน่อยนะ
2. ยอมรับความเสี่ยงได้สูง
3. มีเวลาศึกษาและติดตามตลาดมากหรือทุกวัน
4. มีประสบการณ์.ในการเทรดหรือชอบวิเคราะห์กราฟ
5.ใช้เงินหมุนเพื่อต่อเงินทุนในอนาคต
💡 คนที่เหมาะกับการ ลงทุนในทองคำ Gold Investment
1. ต้องการเก็บเงินหรือกระจายพอร์ตระยะยาว
2. ไม่อยากเฝ้าหน้าจอเทรด
3.ควบคุมอารมณ์การลงทุนได้ดี
4. มองว่าทองเป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อในอนาคต
5. ใช้เงินเย็นหรือเงินเก็บลงทุน
📝 สรุปสั้นๆ
การจะลงทุนทำอะไรสักอย่างต้องมีใจรักด้วยนะครับ อย่าเอาเงินไปลงในสิ่งที่เราไม่ได้โหยหา พูดง่ายๆ หวังฟลุ๊กๆ แบบนั้นไม่ดีฮะ ทุกการลงทุนย่อมต้องมีการวางแผน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องพร้อมทั้งใจ ทั้งกาย และทุนทรัพย์ ด้วยนะครับ หากเรายังไม่มีให้ค่อยๆเก็บทีละเล็กละน้ออย ผสมกันไป จากเล็กๆก็จะเริ่มใหญ่ และเติบโตเองครับ
👿👿👿 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะได้ข้อสรุปกันบ้างแล้วหรือยังฮะ แอดแนะนำว่า ใครถนัดแบบไหน ใช้แบบนั้นดีกว่าฮะ เพราะต่างคนก็ต่างมุมมอง แต่ที่แน่ๆและสำคัญสุดๆก็คือ การหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้การเทรดให้เข้าใจมากขึ้นจะดีกว่า อย่าลืมการใช้ระบบเทรดที่มีวนัย และการคำนวน MM เพื่อบริหารเงินในพอร์ตด้วยนะครับ แอดเอาใจช่วย แอดเชื่อว่าทุกคนทำได้ แค่เริ่มลงมือทำ สู้ๆฮะ
"วิเคราะห์ Breakout ยังไงให้ได้เปรียบ?""วิเคราะห์ Breakout ยังไงให้ได้เปรียบ?"
ในโลกของการเทรด ความเข้าใจประเภทของ Breakout คือกุญแจสำคัญ! ไม่ว่าจะเป็น:
Lower Highs & Support: เตรียมรับมือกับขาลงที่แรงขึ้น
Range: อดทนรอโอกาสทะลุกรอบและเข้าตามเทรนด์
Higher Lows & Resistance: ใช้เป็นโอกาสเข้าซื้อในขาขึ้น
การเข้าใจโครงสร้างราคาและสัญญาณ Breakout ช่วยให้คุณเทรดด้วยความมั่นใจมากขึ้น พร้อมวางแผน Entry, Exit และ Stop-Loss อย่างมืออาชีพ!
Breakout Types (ประเภทของการ Breakout)
1. Lower Highs & Support
-ราคาอยู่ในขาลง โดยเกิดจุด Lower Highs และมาถึงแนว Support ก่อนทะลุลงไป
-บ่งชี้การต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง (Bearish Continuation)
2.Range
-ราคาเคลื่อนตัวในกรอบแนวรับ-แนวต้าน (Sideways) จนทะลุออกจากกรอบ
-มักใช้ยืนยันแนวโน้มใหม่หลัง Breakout
3.Higher Lows & Resistance
-ราคาเกิดจุด Higher Lows ต่อเนื่อง และเคลื่อนตัวขึ้นไปจนทะลุแนวต้าน
-บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง (Bullish Continuation)
วิธีรับมือเมื่อพลาดโอกาสในการเทรด หรือ ‘ตกรถ’หนึ่งในความรู้สึกที่นักเทรดแทบทุกคนต้องเคยเจอคือ "ความเสียดาย" เมื่อตลาดเคลื่อนไหวไปตามที่วิเคราะห์ไว้ แต่เราไม่ได้เข้าออเดอร์ หรือไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง — เราเรียกสถานการณ์นี้ว่า “ตกรถ” ซึ่งถ้าไม่จัดการอารมณ์ให้ดี ก็อาจนำไปสู่การเทรดแบบไร้แผน ขาดวินัย และท้ายที่สุดคือการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ และเสนอวิธีรับมือกับความรู้สึกและพฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นเมื่อตกรถ
1. ยอมรับว่า "พลาด" เป็นเรื่องปกติ
การพลาดโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ไม่มีใครสามารถจับจังหวะได้ทุกครั้ง แม้แต่มืออาชีพก็ยังพลาด เพราะตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ การยอมรับความจริงข้อนี้จะช่วยลดแรงกดดันและความรู้สึกเสียดายได้มาก
2. อย่าพยายาม “ไล่ราคา” (FOMO)
หลังจากตกรถ หลายคนมักกระโจนเข้าเทรดเพราะกลัวจะพลาดอีก (FOMO: Fear of Missing Out) แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะ การไล่ราคามักทำให้คุณซื้อที่จุดสูงสุด หรือขายที่จุดต่ำสุด โดยไม่มีแผนชัดเจน และมักจบลงด้วยการติดดอย
แนวทาง: ถ้าไม่มั่นใจในจุดเข้า ให้รอรอบใหม่ อย่าฝืนตลาด
3. วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น
พิจารณาว่าเพราะเหตุใดคุณถึงพลาดโอกาสนั้น เช่น
มองกราฟไม่ทัน
ไม่มีแผนชัดเจน
ขาดความมั่นใจ
ติดภารกิจอื่น
เมื่อรู้เหตุผล จะสามารถปรับกลยุทธ์ให้ดีขึ้นในอนาคต เช่น ตั้ง Alert ไว้ หรือวางแผนล่วงหน้าในกรณีที่กราฟถึงจุดที่น่าสนใจ
4. จดบันทึกการตกรถใน Trading Journal
หลายคนจดแค่การเข้าออกออเดอร์ แต่การ “ไม่เข้า” ก็มีคุณค่าในการเรียนรู้เช่นกัน ลองเขียนว่าเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกขณะนั้นคืออะไร และคุณจะรับมืออย่างไรครั้งหน้า การจดบันทึกจะช่วยให้คุณพัฒนาทั้งด้านจิตวิทยาและกลยุทธ์
5. โฟกัสที่ "โอกาสหน้า" ไม่ใช่ "โอกาสที่พลาด"
ตลาดไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว โอกาสใหม่เกิดขึ้นเสมอ การจมอยู่กับอดีตไม่ช่วยอะไร สิ่งสำคัญคือการเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อโอกาสใหม่มาถึง
6. ฝึกใจให้นิ่ง ผ่านการฝึกวินัย
การควบคุมอารมณ์เป็นหัวใจของการเทรด ฝึกให้ตัวเองตัดสินใจตามแผน ไม่ตามอารมณ์ เช่น กำหนดเงื่อนไขชัดเจนว่าจะเข้าออเดอร์เมื่อไหร่ เท่านั้น ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกเหนือจากนั้นก็ "ปล่อยผ่าน"
สรุป
การตกรถอาจทำให้รู้สึกเสียดาย แต่ไม่ใช่จุดจบของเส้นทางเทรด การมีสติ วิเคราะห์เหตุผล และปรับกลยุทธ์จะทำให้คุณเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะเทรดเดอร์ จงจำไว้ว่าตลาดมีโอกาสใหม่เสมอ ขอเพียงคุณ "พร้อม" เมื่อโอกาสมาถึง
ฝึกอ่านกราฟดูกราฟครับขนาดหุ้น toyota ก็ยังทำเหมือนกันครับแบบคนอื่นทั่วโลกพฤติกรรมตอนนี้ก็คือบีบกรอบให้มันแคบลงทำให้คนที่ถืออยู่ข้างบนต้องรีบเทขายก่อนก็กลัวมันจะลงอีกแล้วคนที่กำลังจะรอเข้าออเดอร์ตอนนี้ก็พยายามจะหลอกว่าจะขึ้นแต่มันไม่ขึ้นหรอกถ้ามันจะขึ้นมันต้องสร้าง praction ให้เสร็จเรียบร้อยมันจะขึ้นได้ซึ่งตอนนี้มันก็อยู่ในกรอบราคาที่ใกล้จะขึ้นแล้วแหละถ้ามันจะขึ้นอีกทีนึงมันน่าจะต้องลงมาก่อนแล้วมันถึงจะดีดขึ้นนั่นคือการหลอกให้ทุกคนเข้าออเดอร์นะช่วงเวลานี้ถ้าจะให้ดีควรต้องรอให้จบแท่งเทียนนี้ก่อนพฤติกรรมเขาจะต้องแสดงออกมาว่าเขาจะไปทิศทางใดต้องรอดูตรงนี้ก่อนครับ
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้แนวโน้มมันขึ้นไปมากแล้วครับก็ไม่แนะนำจะให้ซื้ออะไรนะครับเพียงแค่อยากจะมาวิเคราะห์ว่าภาพที่มันขึ้นน่ะมันจะลงมาทำ งprice action ขาขึ้นอีกเมื่อไหร่แล้วก็อยากจะให้มองภาพรวมว่าหุ้นตัวนี้มันคืออะไรทำอะไรมีหลักทรัพย์แบบไหนมีความมั่นคงอย่างไร ปิดงบการเงินกำไรไหม แล้วแต่งบัญชีไหม มีวอลลุ่มการซื้อขายมากน้อยเพียงใดในแต่ละวันในแต่ละสัปดาห์ในแต่ละเดือนเหมาะสมแก่การลงทุนระยะยาวหรือไม่ถ้าทุกอย่างมันกลั่นกรองออกมาแล้วทุกวันอย่างบอกว่าใช่ไม่จำเป็นจะต้องรอให้มันย่อก็ได้ซื้อเก็บเลยแต่ถ้าคนคิดว่ามันต้องกลั่นกรองสักหน่อยเพราะควรต้องรอให้มันย่อตัวลงมาแล้วสร้างprice action ฝั่งบายก่อนแล้วค่อยซื้อ
ฝึกอ่านกราฟมาลองดูตลาด mai ของไทยกันสักหน่อยครับก็ดูเหมือนจะเป็นทางกลับตัวนะครับอยู่ในโซนพื้นที่ที่เหมาะสมแล้วคือถ้าจะสะสมราคาตรงนี้ไม่ควรจะเข้าณขณะนี้ควรต้องรอให้เขายืนยันการกลับตัวซะก่อนถึงค่อยสะสมราคาได้แต่ถ้าเกิดว่าจะแบ่งไม้เข้าก็แล้วแต่ความสะดวกเลยเพราะมันมีเหตุมีผลได้ทั้ง 2 ทางคือสามารถลงต่อได้อีกถ้าเกิดว่าเขาไม่สามารถยืนยันการปิดขาขึ้นได้ณขณะเดือนนี้เดือนหน้าเขาอาจจถูกะดึงลงไปได้อีก
ช่วงนี้คิดว่าเดี๋ยวคงจะออกข่าวสร้างเรื่องอะไรบางอย่างให้กราฟพุ้งขึ้นอย่างน้อย50%ก่อนถึงต้านแรก คงจะต้องหาทุกวิถีทางหลอกเม่าบินเข้กองไฟ
ช่วงนี้ระวังเรื่องความเชื่อมั่นของหุ้นไทยหน่อยนะครับเจอแต่หลอกลวง มันมีปลาเน่าไม่กี่ตัวแต่มันทำให้ความเชื่อมั่นภาพรวมใหญ่เสียหมด
ผมขอไม่พูดตลาดอื่นบนโลกนี้นะครับเพราะมันก็คงไม่ต่างอะไรกับที่บ้านเราหรอก ฉะนั้นเราเหล่าเม่าต้องศึกษาหุ้นแต่ล่ะตัวให้ดี ศึกษายันผู้บริหาร เอาชื่อนามสกุลไปเช็คที่กรมตำรวจได้ยิ่งดีว่ามีคดีอะไรไหมถ้ามีเราต้องคิดให้มากขึ้น มันคือเงินของเรามันคือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งหมดครับ
แต่นี้คือตลาดรวมคิดว่าคงไม่ถึงกับลงทุนแล้วขาดทุนเลยเพราะในภาพรวมใหญ่ก็มีหุ้นดีๆที่มั่นคงประคองไว้อยู่ส่วนหุ้นเน่าก็จะถูกคัทออกแล้วหาหุ้นตัวใหม่เข้ามาเสริมแทนเป็นแบบนี้ตลอดไปเป็นวัฏจักร
คนขาดทุนเข็ดแต่ไม่เคยจำก็จะกลับเข้ามาในตลาดใหม่แบบนี้เสมอไป
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปวันนี้เป็นทรงกราฟน่าสนใจเป็นเคสสตาทดี้ที่ดีมาก
พฤติกรรมเดิมๆ เจ้าได้ของแล้ววิ่งกลับ
เข้ากลางทำให้คนใจร้อนอยากเข้าซื้อ
ได้ไม้BUYที่สูงขึ้นSELLที่ต่ำลงไปเรื่อยๆ
จนสุดท้ายจะเลือกทางให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
ชนะก่อนถ้าไม่SLหน้าไม้ไว้ก็จะโดนย้อน
กลับไปขาดทุนและกลุ่มที่ขาดทุนก็จะเริ่ม
กลับมาได้กำไรอีกครั้งและเช่นเดียวกัน
หากไม่ปิดกำไรเลยหรือSLหน้าไมก็จะโดน
เจ้าลากกลับไปขาดทุนอีกและก็วิ่งกลับมาตรง
กลางอีกเหมือนเดิมทุกเมื่อเชื่อวัน