ไอเดียชุมชน
SMC GOLD Recap OrderHTF เป็นขาขึ้น
ราคาลงไปเตะ Demand H1 แล้วมีการเสียทรงใน LTF M5
Demand กลับมาคุมเกมส์เบ็ดเสร็จ
M5+15 ChoCH +BOS และสามารถเบรคเทรนไลน์ขึ้นมาได้ ในตอนเช้า (เปิดโดด)
แผน หาDemand ในการ Buy
มีที่หน้าสนใจอยู่ 2 โซน คือ
ZONE 1 3305
Zone 2 GAB 3297
ราคามีการทำ สภาพคร่อง LQ ก่อนถึง Zone 1
และ Demand นี่เป็น FILP ZONE ที่สามารถทำลาย Supply ก่อนหน้าออกไปได้ด้วย
TP Fibo 127.8 H1 3346
+11 RRR
เทคนิควิธีอ่าน Divergence จาก Momentum Indicatorเทคนิควิธีอ่าน Divergence จาก Momentum Indicator: จับสัญญาณกลับตัวก่อนใคร
👹 กลับมากันอีกแลวกับบทความดีๆและเทคนิคต่างๆในการเทรด วันนี้แอดหยิบยกเทคนิคการอ่านไดเวอเจ้นท์มาฝากกัน มาครับตามมาดูกันดีกว่าว่ามันดีอย่างไรแล้วใช้ยังไงบ้าง
👹ในโลกของการเทรดและการวิเคราะห์ทางเทคนิค แน่นอนว่ามีทั้งกราฟขึ้น กราฟลง และกราฟหลอก!!!!! หลอกให้เราตายใจจนผิดทาง
👹 ไอ่เจ้า "Divergence" หรือ "ภาวะผิดทิศ" นี่แหละ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถส่งสัญญาณล่วงหน้าว่าราคาอาจจะกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง "สัญญาณกลับตัว" โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ Momentum Indicator ต่างๆ เช่น RSI, MACD หรือ Stochastic Oscillator จะช่วยให้เห็นภาพของราคาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Divergence คืออะไร?
Divergence คือภาวะที่ "ราคากับอินดิเคเตอร์เคลื่อนไหวไปคนละทิศคนละทางกัน" ซึ่งมักบ่งชี้ว่าราคาอาจกำลังอ่อนแรง และมีแนวโน้มจะกลับตัวในไม่ช้า
ประเภทของ Divergence
1. Regular Divergence (Divergence ปกติ) เป็นสัญญาณของ การกลับตัวของแนวโน้ม
Bullish Divergence (สัญญาณกลับตัวขึ้น)
👉 ราคา: ทำ "Low ใหม่" ต่ำกว่าเดิม
👉 Indicator: ทำ "Low ใหม่" สูงกว่าเดิม
👉 หมายความว่าแรงขายเริ่มอ่อน แม้ราคาทำ Low ใหม่ได้
Bearish Divergence (สัญญาณกลับตัวลง)
👉ราคา: ทำ "High ใหม่" สูงกว่าเดิม
👉Indicator: ทำ "High ใหม่" ต่ำกว่าเดิม
👉แสดงว่าแรงซื้ออ่อนลง มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลง
2. Hidden Divergence (Divergence ซ่อนเร้น) เป็นสัญญาณของ การต่อเนื่องของแนวโน้มเดิม
Hidden Bullish Divergence (แนวโน้มขาขึ้นต่อ)
👉ราคา: ทำ "Higher Low"
👉Indicator: ทำ "Lower Low"
👉บ่งชี้ว่ามีแรงซื้อซ่อนอยู่ พร้อมดันราคาต่อ
Hidden Bearish Divergence (แนวโน้มขาลงต่อ)
👉ราคา: ทำ "Lower High"
👉Indicator: ทำ "Higher High"
👉สะท้อนว่าแรงขายยังมีอยู่ แม้ Indicator จะดูเหมือนฟื้น
📈 อินดิเคเตอร์ที่ใช้ดู Divergence ได้ดี
RSI (Relative Strength Index) – ใช้บ่อยที่สุด
MACD – เห็น Divergence ชัดโดยดู MACD Line กับราคา
Stochastic Oscillator – ให้สัญญาณเร็ว เหมาะกับตลาดไซด์เวย์
Awesome Oscillator / CCI / ROC – ใช้ร่วมได้ตามสไตล์เทรด
📈 วิธีอ่าน Divergence อย่างแม่นยำ
เลือกอินดิเคเตอร์ที่ใช้ถนัด เช่น RSI
ดูรูปแบบราคาบนกราฟ ว่ามี High หรือ Low ใหม่หรือไม่
เปรียบเทียบกับอินดิเคเตอร์ ว่าทำ High/Low ตรงข้ามกันหรือเปล่า
ยืนยันด้วยสัญญาณอื่น เช่น แท่งเทียนกลับตัว, เส้นแนวรับ-แนวต้าน แท่งเทียนกลับตัว (Reversal
Candle), ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เป็นต้น
ห้ามเข้าทันที! ควรรอสัญญาณยืนยัน เช่น เบรกแนวต้าน/เส้นเทรนด์
👌 ตัวอย่าง Bullish Divergence (จาก RSI)
ราคา: ทำ Low ที่ 1000 → ทำ Low ใหม่ที่ 950
RSI: ทำ Low ที่ 30 กลับทำจุดต่ำใหม่ที่สูงขึ้น (เช่นจาก 30 → 35)
ความหมาย: แรงขายเริ่มหมด แปลว่ากำลังเกิด Bullish Divergence ราคามีโอกาสกลับตัวขึ้น
ข้อควรระวัง
Divergence เป็นเพียงสัญญาณล่วงหน้า แต่ไม่ได้บอกว่า “จะกลับทันที” ไม่ใช่การยืนยัน 100%
ควรรอ "Confirmation" เช่นการเบรกแนวต้าน หรือสัญญาณจากแท่งเทียนก่อนเข้าซื้อ
หลีกเลี่ยงการใช้ Divergence เพียงลำพัง โดยเฉพาะในตลาด Sideway ที่มีสัญญาณหลอกเยอะ
สรุป
การอ่าน Divergence จาก Momentum Indicator เป็นเทคนิคที่สามารถช่วยให้นักเทรด “จับจังหวะการกลับตัว” ของราคาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์และเครื่องมืออื่นๆ อย่างเหมาะสม ช่วยให้คุณเห็นภาพ "แรงในตลาด" ก่อนที่ราคาจะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน
👿👿👿 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะได้แนวทางในการวางแผนการเทรดกันบ้างหรือยังครับ ถ้ายังก็ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้กันดูนะครับ ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที ที่สำคัญต้องตรงกับเทคนิคที่เราจะเทรดด้วยนะครับ แล้วอย่าลืมหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้การเทรดในหลายๆแบบให้เข้าใจมากขึ้นนะครับ เพราะการเรียนรู้ไม่มีคำว่าสิ้นสุด แอดเอาใจช่วย แอดเชื่อว่าทุกคนทำได้ แค่เริ่มลงมือทำ สู้ๆฮะ
QuantDataManager: เครื่องมือจัดการข้อมูลราคาเพื่อการเทรดอัตโนมัต📌 QuantDataManager คืออะไร?
QuantDataManager (QDM) เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยทีมงานของ StrategyQuant ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยนักเทรดและนักพัฒนาอัลกอริทึมในการ ดาวน์โหลด, แปลง, วิเคราะห์ และ ส่งออกข้อมูลราคาในอดีต ที่มีคุณภาพสูง สำหรับใช้งานกับแพลตฟอร์มการเทรดยอดนิยม เช่น MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) และ StrategyQuant X เอง
เครื่องมือนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความแม่นยำในการทดสอบกลยุทธ์ (Backtesting) และการวิเคราะห์ข้อมูลราคาเพื่อการสร้างระบบเทรดอัตโนมัติ (Algorithmic Trading)
🔍 คุณสมบัติเด่นของ QuantDataManager
✅ 1. ดาวน์โหลดข้อมูลคุณภาพสูงจากหลายแหล่ง
QuantDataManager สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการข้อมูลราคาชั้นนำ เช่น:
Dukascopy – ข้อมูล Tick และ Minute ที่แม่นยำและย้อนหลังได้ยาวนาน
Yahoo Finance
Binance / Coinbase – สำหรับข้อมูลคริปโต
Darwinex / Bitfinex / Poloniex และอื่น ๆ
✅ 2. วิเคราะห์คุณภาพของข้อมูล
QDM มีระบบ Data Quality Checker ที่ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบ:
ช่องว่างของข้อมูล (Missing Bars)
การซ้ำซ้อนของข้อมูล
ความสมบูรณ์ของ Timeframe
✅ 3. แปลงข้อมูลได้หลาย Timeframe
ผู้ใช้สามารถแปลงข้อมูล Tick เป็น Timeframe ที่ต้องการ เช่น:
M1, M5, M15, H1, D1
Custom Timeframe (เช่น M3, M10, H6)
รวมถึงการแปลงแบบ Aggregated หรือ Renko/Range Bar (ผ่าน StrategyQuant)
✅ 4. ส่งออกได้หลายรูปแบบ
QDM รองรับการส่งออกข้อมูลในรูปแบบที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มปลายทาง เช่น:
MetaTrader 4 (.FXT, .HST)
MetaTrader 5
CSV, JSON, SQX สำหรับ StrategyQuant
ใช้ร่วมกับ Tick Data Suite หรือ Tickstory ได้
💡 เหมาะกับใคร?
ผู้ที่ต้องการ Backtest อย่างแม่นยำใน MT4/MT5
นักพัฒนา EA และ AlgoTrader ที่ต้องการข้อมูลคุณภาพสูง
ผู้ใช้ StrategyQuant ที่ต้องการข้อมูลพร้อมใช้ในการสร้างกลยุทธ์
นักวิเคราะห์ที่ต้องการข้อมูลราคาย้อนหลังแบบ Tick หรือ Minute
📝 สรุป
QuantDataManager คือเครื่องมือที่นักพัฒนาและนักเทรดควรมีไว้ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณให้ความสำคัญกับ คุณภาพของข้อมูลราคา, ความแม่นยำในการ Backtest, และ การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเทรดเดอร์ขั้นสูง QDM จะช่วยยกระดับการวิเคราะห์และพัฒนาอัลกอริทึมของคุณได้อย่างแน่นอน
อัตราความสำเร็จที่แท้จริงของ Falling Wedge ในการซื้อขายอัตราความสำเร็จที่แท้จริงของ Falling Wedge ในการซื้อขาย
Falling Wedge เป็นรูปแบบกราฟที่ผู้ซื้อขายให้ค่าสูงเนื่องจากมีศักยภาพในการกลับตัวเป็นขาขึ้นหลังจากช่วงขาลงหรือช่วงการรวมตัว ประสิทธิภาพของรูปแบบนี้ได้รับการศึกษาและบันทึกไว้โดยนักวิเคราะห์ทางเทคนิคและนักเขียนชั้นนำมากมาย
สถิติสำคัญ
การออกจากตลาดขาขึ้น: ใน 82% ของกรณี การออกจาก Falling Wedge นั้นเป็นขาขึ้น ทำให้เป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้มากที่สุดรูปแบบหนึ่งในการคาดการณ์การกลับตัวในเชิงบวก
ราคาที่บรรลุเป้าหมาย: เป้าหมายทางทฤษฎีของรูปแบบ (คำนวณโดยการวางความสูงของ Wedge ที่จุดทะลุ) สำเร็จในประมาณ 63% ถึง 88% ของกรณี ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา แสดงให้เห็นถึงอัตราความสำเร็จสูงในการทำกำไร
การกลับตัวของแนวโน้ม: ใน 55% ถึง 68% ของกรณี Falling Wedge ทำหน้าที่เป็นรูปแบบการกลับตัว โดยส่งสัญญาณถึงจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลงและจุดเริ่มต้นของช่วงขาขึ้นใหม่
การถอยกลับ: หลังจากการทะลุแนวรับ การถอยกลับ (กลับไปที่เส้นแนวต้าน) จะเกิดขึ้นในประมาณ 53% ถึง 56% ของกรณี ซึ่งอาจเป็นโอกาสเข้าซื้อครั้งที่สอง แต่มีแนวโน้มที่จะลดประสิทธิภาพโดยรวมของรูปแบบ
การทะลุแนวรับเท็จ: การออกจากแนวรับเท็จนั้นเกิดขึ้นระหว่าง 10% ถึง 27% ของกรณี อย่างไรก็ตาม การทะลุแนวรับกระทิงปลอมนั้นส่งผลให้เกิดการทะลุแนวรับหมีจริงใน 3% ของกรณีเท่านั้น ทำให้สัญญาณขาขึ้นมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
ประสิทธิภาพและบริบท
ตลาดกระทิง: รูปแบบนี้มีประสิทธิภาพดีเป็นพิเศษเมื่อปรากฏขึ้นในช่วงการปรับฐานของแนวโน้มขาขึ้น โดยมีเป้าหมายกำไรใน 70% ของกรณีภายในสามเดือน
ศักยภาพในการทำกำไร: ศักยภาพในการทำกำไรสูงสุดสามารถไปถึง 32% ในครึ่งหนึ่งของกรณีระหว่างการทะลุแนวรับกระทิง ตามการศึกษาทางสถิติเกี่ยวกับตลาดหุ้น
เวลาก่อตัว: ยิ่งลิ่มกว้างขึ้นและเส้นแนวโน้มชันขึ้นเท่าไร การเคลื่อนไหวขึ้นหลังการทะลุแนวรับก็จะยิ่งเร็วและรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
สรุปอัตราความสำเร็จโดยเปรียบเทียบ:
เกณฑ์อัตรา/ความถี่ที่สังเกตได้
ขาขึ้นขาออก 82%
ราคาเป้าหมายที่ทำได้ 63% ถึง 88%
รูปแบบการกลับตัว 55% ถึง 68%
การถอยกลับหลังการทะลุแนวรับ 53% ถึง 56%
การทะลุแนวรับหลอก (การทะลุแนวรับหลอก) 10% ถึง 27%
การทะลุแนวรับหลอกที่เป็นขาขึ้นซึ่งนำไปสู่การลดลง 3%
จุดที่ต้องให้ความสนใจ
Falling Wedge เป็นรูปแบบที่หายากและยากต่อการระบุอย่างถูกต้อง ซึ่งต้องมีจุดสัมผัสอย่างน้อย 5 จุดจึงจะถูกต้อง
ประสิทธิภาพจะดีที่สุดเมื่อการทะลุแนวรับเกิดขึ้นที่ประมาณ 60% ของความยาวรูปแบบและเมื่อปริมาณเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาของการทะลุแนวรับ
การถอยกลับแม้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้โมเมนตัมขาขึ้นในช่วงแรกอ่อนตัวลง
ข้อสรุป
Falling Wedge มีอัตราความสำเร็จที่น่าทึ่ง โดยมีมากกว่า 8 ใน 10 กรณีที่ทำให้มีการทะลุแนวรับหลอกและราคาบรรลุเป้าหมายในกรณีส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความจำเป็นในการตรวจสอบรูปแบบด้วยสัญญาณทางเทคนิคอื่นๆ (ปริมาณ โมเมนตัม) และต้องเฝ้าระวังการทะลุราคาหลอก แม้ว่าอัตราจะค่อนข้างต่ำก็ตาม เมื่อเชี่ยวชาญแล้ว รูปแบบนี้จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาจุดเข้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการกลับตัวเป็นขาขึ้น
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปกำหนดแผนการเทรด สร้างคว่ามน่าจะเป็น ครอบสมมุติฐานการเดินทางของแท่งเทียน MM และ หาจุดTP ด้วยเงื่อนไขใดบ้าง
แนวโน้มมันขึ้นแล้วทำไมยังมีเซลล์ล่ะแล้วทำไมทั้งใบทั้งเซลล์ล่ะก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับมันขึ้นแต่มันก็ต้องลงมันก็ลงเป็นขั้นบันไดแล้วมันก็ขึ้นเป็นขั้นบันไดย่อๆขึ้นๆย่อๆไปจะย่อๆขึ้นๆย่อๆ side way ย่อๆขึ้นๆย่อๆลงๆมันก็เป็นไปได้หมดมันขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เราจะเลือกเข้าเลือกเทรดเก็บออเดอร์แค่ไหนจำนวนกี่จุดจบเป็นรอบๆไปอย่าไปคิดว่ามันจะรันเทรนไปทางโน้นทางนี้มันไปไกลเกินมีเงินในกระเป๋าเท่าไหร่จะคิดวันเทรนมีอยู่ 100 เหรียญก็เก็บแค่ร้อยจุด 200 จุดก็รู้แล้วมี100,000เหรียญก็ค่อยรันเท็นไปเลย
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มขึ้นก็ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องขึ้นไปได้เสมอ
ในชีวิตคนเราก็ไม่ต่างกัน ในขึ้นก็มีลงอาจจะลงมาแล้วกลับตัวได้ทันก้สุดยอดคนเก่งบางคนลงก็ลงสุดบางคนขึ้นก็ขึ้นสุดเช่นเดียวกับกราฟแต่ล่ะตัวพฤตกรรมก็แตกต่างกันดูตัวไหนก็พยายามดูตัวเดียวซ้ำๆแค่ตัวเดียวก็1วัน1,000เหตุการณ์แล้ว อย่าดูหลายตัวเอาให้เซียนแล้วค่อยไปดูตัวอื่น
เคครับ เช้าวันแรกของสัปดาห์ วันนี้ดูภาพรวมกันก่อนครับ ตามภาพเลยครับ ฝึกขีดๆเขียนๆลงตามภาพก็ได้ครับ
Wแค่ย่อก็ล่อไม่ต่ำกว่า5,000แล้ว
ฉะนั้นแล้วแต่รูปแบบวิธีการของตัวเอง
ที่เคยทำซ้ำได้อย่าไปคาดหวังหาวิธีการ
ระดับเทพเลยเสียเวลา เอาเวลามาค้นคว้า
หาแนวทางของตัวเองดีกว่า






















