วิธีใช้ Sentiment Indicator อารมณ์ในตลาด วิธีใช้ Sentiment Indicator อารมณ์ในตลาด
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอารมณ์การเทรดในตลาด อารมณ์ที่เป็นอารมณ์ร่วมจริงๆนะ เอ๊ะแล้วมันดียังไง มันเริ่มจากตรงไหน มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
หลังจากที่เราๆเทรดเดอร์มือใหม่ทั้งหลายเริ่มเข้าสู่วงการเทรดแบบเต็มตัวแล้ว หลายๆคนน่าจะเริ่มรู้จัก รูปแบบในการวิเคราะห์ข้อมูลของตลาดมาบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ที่งงๆเยอะหน่อย น่าจะเป็นอารมณ์ในตลาด Sentimental Analysis หรือความอ่อนไหวของตลาดว่ามันคืออะไร ทำไมขึ้นๆลงๆ เดาทางไม่ถูกเลย
Market Sentiment คืออะไร
Sentiment หมายถึงแนวทางความคิด และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาด ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงิน โดยใช้ความรู้สึกหรืออารมณ์โดยรวมที่นักลงทุนและเทรดเดอร์มีต่อตลาดนั้น ๆ ซึ่งในแต่ละตลาดการลงทุนก็จะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป
Market Sentiment แบ่งมุมมองของตลาดออกเป็น 3 เทรนด์
1. ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น (Uptrend)
2. ตลาดอยู่ในสภาวะขาลง (Downtrend)
3. ตลาดยังหาทิศทางไม่ได้ (Sideway)
การวิเคราะห์อารมณ์ของตลาด (Sentiment Analysis) คืออะไร?
ระบบเทรด Sentiment Analysis (การวิเคราะห์ความรู้สึก) เป็นระบบที่อาศัยการประเมินความรู้สึกหรืออารมณ์ของตลาดจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
เช่น ข่าวสาร, โซเชียลมีเดีย, ฟอรัม, หรือความคิดเห็นของผู้คน เพื่อทำนายทิศทางราคาของสินทรัพย์ (เช่น หุ้น, สกุลเงิน, หรือคริปโตเคอร์เรนซี)
โดยหากข้อมูลข่าวสารในตลาดส่อแววเป็นปัจจัยบวก (Positive Sentiment)
ก็ถือเป็นสัญญาณขาขึ้น ให้ BUY
ในขณะเดียวกัน หากมีข่าวสารที่เป็นปัจจัยลบ (Negative Sentiment)
ก็จะถือเป็นสัญญาณขาลงนั่นเอง ให้ SELL
อย่างไรก็ตาม บางครั้งข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาก็อาจไม่ได้บอกสัญญาณเทรดที่ถูกต้องเสมอไป เทรดเดอร์ก็ควรพิจารณาข้อมูลข่าวสารทางการเงินทั้งที่เป็นปัจจัยบวกและลบร่วมด้วยในระหว่างการเทรด ซึ่งมีโอกาสสูงที่ข้อมูลเหล่านั้นจะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ที่เรากำลังเทรดอยู่ แต่หากรารู้จักใช้ sentiment indicator ให้เป็นประโยชน์ ก็หมดห่วงได้เลย! มันจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
อินดิเคเตอร์ Sentiment กำลังบอกอะไร?
การตีความหมายของ sentiment indicator !
1. การอ่านตัวชี้วัดตามตัวเลขจริง (เหมาะสำหรับเทรดระยะยาว)
- หากตัวเลขอยู่ในระดับสูงๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังมองตลาดอยู่ในเกณฑ์บวก และเราก็เดิมพันในทิศทางตลาดตามความเป็นจริง โดยมองฝั่ง BUY และคิดว่าราคาจะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
- หากตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังได้รับแรงกดดันจากสภาวะเชิงลบของตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวลงไปอีก โดยมองฝั่ง SELL
2. การอ่านตัวชี้วัดแล้วมองในทิศทางตรงกันข้าม(เหมาะสำหรับเทรดระยะสั้น)
- หากตัวเลขอยู่ในระดับต่ำๆ หมายความว่าผู้บริโภคกำลังได้รับแรงกดดันจากสภาวะเชิงลบของตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวบวก และราคาก็อาจกลับตัวขึ้นหลังจากนั้น
- ในขณะเดียวกัน หากอินดิเคเตอร์ดังกล่าวอยู่ในระดับสูงๆ ก็หมายความว่าผู้บริโภคกำลังมองตลาดอยู่ในเกณฑ์บวก ซึ่งเทรดเดอร์มืออาชีพโดยส่วนใหญ่จะมองว่า indicator นั้นอาจปรับตัวลงพร้อมๆ กับตลาดในไม่ช้า
อินดิเคเตอร์ Sentiment ของตลาด vs. อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค
Indicator บางตัวอาจใช้วิเคราะห์ได้ทั้งในเชิงเทคนิคและสภาวะอารมณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม อินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ประเภทก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ดังนี้:
1. อินดิเคเตอร์ Sentiment ใช้บอกพฤติกรรมของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกของบุคคลที่เกี่ยวข้องในตลาดดังกล่าว
2.อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค บ่งบอกภาพรวมของตลาด ไม่ว่าจะเป็นราคา (Price), ปริมาณการซื้อขาย (Volume), และข้อมูลอื่นๆ ในเชิงเทคนิคที่ปรากฎใน กราฟเทรด
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น ถ้าเราอ่านแบบง่ายๆเข้าใจง่ายๆ ทุกอย่างจะดูง่ายเอง แค่อย่าไปคิดเยอะครับ ไม่ต้องไปคิดแทนเขา เราคิดแค่ว่ามันบอกขึ้นลง แค่นั้นก็พอ เห็นมั้ยครับ ง่ายนิดเดียว และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
ไอเดียชุมชน
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปผมลองทำภาพมาให้ดูครับตอนนี้ตัวเองเทรดBUYไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ปิดเลยขาดทุนอยู่ด้วยผมอยากลองดูว่าถ้าเข้าในลักษณะแบบนี้จะมีวธีการทำกำไรแบบใด
ลองไปสังเกตุกันดูแล้วกันนะครับจะลองใส่อินดี้ดูด้วยก็ได้แต่ขอบอกก่อนว่าอินดี้จะพยายามหาทุกวิธีการให้เราเข้าในช่วงราคาแย่ๆอย่างรูปแบบกราฟวันนี้ ลองสังเกตุดูนะครับ
เดี๋ยวผมจะลงใส่อินดี้ลงไปสักสองสามอย่างดูครับ
ฝึกอ่านกราฟแนวโน้มการ์ดก็ยังเป็นขาขึ้นแต่ได้ขึ้นก็ยังมีลงอยู่ในตัวของมันซึ่งขณะนี้ก็ดูเหมือนจะลงแล้วถ้าลงไปถึงตรงโซนสีเขียวก็มีโอกาสขึ้นเพราะฉะนั้นอินดิเคเตอร์หรือว่าสิ่งใดก็ตามที่ได้ร่ำเรียนมาต้องมองหาจุดเข้าของตัวเองให้เข้าใจว่าควรจะเข้าซื้ออย่างไรเพราะว่าณขณะนี้ช่วงกรอบราคาปัจจุบันเขาก็บีบตัวให้ได้ราคาที่แย่ลงเรื่อยๆไม่ว่าคนจะเข้าบายหรือคนที่จะเข้าเซลล์ก็มีโอกาสแพ้ด้วยกันทั้งคู่ถ้าในรูปแบบนี้ทุกคนก็จะเข้าใจว่านี่คือกำลังจะ break out สาย break out ก็จะรอการ break out แล้วก็ย่อตัวกลับตัวแล้วจึงเข้าเทรดสายอีเลียดเวฟก็ต้องมองดูแล้วว่าอยู่ในคลื่นเวฟที่เท่าไหร่โอเวอร์แลปหัวใดขาใด
สายฟิโบว์เน็กซี่มองบายมองsellก็ต้องดูแล้วว่าควรจะต้องเข้าที่ 0.382 0.236หรือไม่
สายแท่งเทียนก็ต้องดูสัญญาณของแท่งเทียนว่ามันเป็น PA อะไรควรจะเข้าแบบใดแล้วรูปแบบที่เราเคยเข้าได้มันต้องเป็นรูปแบบแบบไหนจังหวะการเข้าเทรดแต่ละคนไม่เหมือนกันเลยสักคน
ฝึกอ่านกราฟกำหนดแผนการเทรดเอาไว้หาจุดเช่าซื้อ order ที่แคบลงเรื่อยๆในราคาที่แย่ลงเรื่อยๆแต่ต้องทำกำไรให้ได้ยิ่งทำเฟรมใหญ่ความแข็งแรงก็ยิ่งสูงแต่กว่าจะไปถึงนั้นมันก็ใช้เวลานานต้องหาจุดเข้าที่เล็กลงในราคารับต้านที่แย่ลงเรื่อยๆแต่เป็นกำไรผมลองเขียนภาพนี้ขึ้นมาให้ลองหาไอเดียดูว่าตนเองควรจะเข้าออเดอร์ซื้อขายอย่างไรในกรอบเวลาที่ตัวเองควรจะเก็บแค่ไหนซึ่งณขณะนี้ทำภาพรวมคือ 10,000 จุดแต่ถ้าทุกคนอยากจะเทรดที่ 1,000 จุดก็ต้องไปลองหาไอเดียของตัวเองดูว่าควรจะเก็บแบบไหน indicator ของตัวเองหรือที่ตัวเองร่ำเรียนมามันจะบอกเองแหละว่าควรต้องเก็บอย่างไรถ้าเรายิ่งย่อทำเฟรมให้ใหญ่ขึ้นผลของ indicator ก็จะใหญ่ขึ้นตามไปด้วยแต่ถ้าเราเป็นสายเทรดรายวันเทรดรายนาทีทำเฟรมเราก็ต้องเล็กลงเรื่อยๆ indicator เราก็ต้องเล็กลงไปเรื่อยๆและเราก็จะได้ราคาที่แย่ลงเรื่อยๆแต่เราได้กำไรนั่นแหละครับลองหาจุดตัวเองดูนะครับ
ฝึกอ่านกราฟมุมมองกราฟแต่ละคนมันไม่เหมือนกันจริงๆบางคนมองว่าแนวโน้มลงก็มองหาสัญญาณเซลล์แต่ในบางกลุ่มก็มองว่าตอนนี้มันขึ้นก็ต้องมองหาแนวการเทรด สัญญาณบาย
ซึ่งทุกๆการซื้อขายล้วนแล้วอยู่ในการดูมอนิเตอร์ของเจ้าตลาดเสมอผู้ที่เทรดบายก็จะมีกำไรผู้ที่เทรดเซลล์ก็จะมีกำไรหลังจากนั้นหากฝั่งใดฝั่งหนึ่งมีการซื้อขายที่สะสมราคาไว้มากที่สุดแล้วยกตัวอย่างเช่นหากสะสมฝั่งเซลล์เจ้าตลาดจะกวาดคนสะสมราคาฝั่งเซลล์ก่อนสัมพันธ์กันกับอินดิเคเตอร์ฝั่งบายจะมีสัญญาณให้เข้าออเดอร์บายและสักระยะหนึ่งจะโดนเจ้าตลาดลงมากินฝั่งบายทั้งหมดจนไม่มีใครเหลือในตลาดอินดิเคเตอร์ก็จะอ่านค่าเป็นเซลล์เพราะฉะนั้นสิ่งที่พูดมานี้นั้นหมายความว่าการเทรดในทุกสถานการณ์มีการควบคุมดูแลของเจ้าตลาดอยู่เสมอเราควรต้องเทรดในรูปแบบที่เราเข้าใจรูปแบบแท่งเทียนที่เราเคยทำแล้วได้เงินจำแค่รูปแบบนั้นรูปแบบเดียวทำไปซ้ำๆค่อยปรับปรุงจากของเดิมอย่าไปหาวิธีการใหม่เข้ามาเสมอๆมันจะทำให้ไม่สามารถจับทิศทางใดได้เลย
ฝึกอ่านกราฟเช้าวันใหม่ของทุกๆวันก็ต้องมาดูทำเฟรมใหญ่อีกครั้งเสมอถึงแม้เราจะวิเคราะห์ไว้แล้วเป็นสัปดาห์ก็จริงแต่อย่างไรเราก็ต้องกลับมาดูทบทวนก่อนทุกครั้งก่อนจะเข้า order ก่อนจะหาจุดเข้าซึ่งวันนี้ไม่มีอะไรมากผมมองภาพให้เทียนเมื่อวานนี้วิ่งกันถึง 5,900 จุดเลยข้างในนี้ไปทำเป็นเล็กๆคงจะวิ่งกันปั่นป่วนน่าดูใครโชคดีเก็บกำไรได้ก็สนุกสนานเลย
ok ครับมาดูภาพกันครับผมลองตีภาพแบบง่ายๆเลยใน training will ทุกคนมีหมดคำว่าสูงก็ต่ำด้านขวาผมตีสามเหลี่ยม triangle จะสูงลงต่ำแล้วก็วัดไปที่ราคาสูงสุดณขณะนี้มันก็เห็นรูปแบบครับเป็นแนวโน้มขาขึ้นแน่นอนอยู่แล้วและทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าควรต้องรอย่อแล้วบายที่แนวรับซึ่งแนวรับก็จะมีแนวรับแท่งคู่แท่งต่อใครๆก็รู้บนโลกใบนี้รู้หมดเจ้าตลาดเองก็รู้ชาวตลาดเองก็รู้อยู่แล้วว่าเราทุกคนจะต้องมาเข้าตามแนวนี้แน่นอนอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นแท่งคู่หรือแท่งต่อด้านแนวต้านหรือแนวรับแล้วมีใครจะรู้ไหมว่ามันจะลงมาตอนไหนไอ้นี้ก็สิ่งที่มันยากมากครับเพราะว่าเขามีโอกาสที่จะดันตัวขึ้นได้อีกเท่าไหร่ก็แล้วแต่เขาอย่างเช่นเมื่อวานนี้ปิดแท่งลงเกิดแนวต้านใหม่สายเทรดแบบแนวต้านก็จะคิดว่านี่คือต้านที่จะ break out แล้วที่จะกลับตัวแล้วจะเป็นปลายไส้แล้วแล้วคิดไหมว่าเขากำลังหลอกเราไหมกำลังให้เราสะสมราคา by sale ในกรอบตรงนี้ไหมเพราะว่าเขากำลังจะเตรียมไปกวาดฝั่งเซลล์ก่อนไหมเพื่อที่จะขึ้นต่อหรือว่าเขากำลังจะฟอร์มตัวแบบนี้เพื่อที่กำลังจะไปกวาดคนที่กำลังบายทำกำไรอยู่ทำให้คนฝั่งเซลล์ได้กำไรและยิ้มแฉ่งอีกสักพักนึงคนฝั่งเซลล์ก็จะโดนกวาดไปกิน SL คนที่อยู่หน้าบายก็จะยิ้มแฉ่งเป็นคนต่อไปสลับกันต่างคนต่างได้ต่างคนต่างแพ้ต่างคนต่างชนะนั่นคือภาพที่ผมเห็นณวันนี้และผมตีเส้นแนวรับเอาไว้ทุกคนก็รู้อยู่แล้วแหละว่ามันคือจุดเข้าจุดเข้าซื้อที่ใครก็รู้อยู่บนโลกใบนี้ก็รู้แต่เราไม่มีทางรู้นั่นแหละครับว่ามันจะขึ้นหรือมันจะลง
ฉะนั้นสิ่งที่จะบอกณขณะนี้ก็คือเราเทรดได้แค่ 1 แท่งต่อวันเอาไปย่อหาจุดเข้าเล็กๆเก็บสั้นๆในกรอบของเราก็พอแล้วมันจะขึ้นไปตรงไหนก็ช่างมันมันจะลงไปต่อก็ช่างมันหน้าที่ของเราคืออะไรเทรดตามเทรนเล็กๆที่มันจะมาสร้างอยู่แค่นั้นเองไปลองหาดูครับหาแนวทางตัวเองดู indicator อะไรมีก็ใส่ไปให้หมดนั่นแหละครับตามที่ตัวเองรู้ตามที่ตัวเองร่ำเรียนมาหรือไม่รู้มาก็จาก google ไปหาความรู้เหมือนเดิมที่บอกทุกครั้งนั่นแหละครับไม่รู้อะไรก็ถามแชท gpt ก็ได้ลองดูนะครับ
ฝึกอ่านกราฟวันนี้ก็มาดูสรุปผลการวิเคราะห์ย้อนหลังกันก่อน
เดิมวางแผนเทรดอยู่ในกรอบและปัจจุบันนี้ดันตัวขึ้นสรุปแนวโน้มกราฟภาพรวมก็ยังเป็นขาขึ้นฉะนั้นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเทรดในช่วงนี้ก็คือบายแข็งแรงกว่าเซลล์ซึ่งคำถามต่อมาว่าแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าเข้าไปตอนนี้จะติดดอยไหมแล้วเราเซลล์ตอนนี้จะได้ไม้ปลายไส้ไหมมันเป็นคำตอบที่ไม่มีใครหาคำตอบได้จริงๆ
ฉะนั้นเดี๋ยวผมจะลองสร้างสมมติฐานสำหรับแนวคิดของเจ้าของตลาดที่ใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ที่รวมตัวกันเขากำลังจะจับมือกันทำอะไรผมจะเดาทางของพวกเขาดู
ถ้าจากภาพที่เห็นตรงนี้ผมเห็นว่ามันเป็นแนวโน้มขาขึ้นทุกคนก็เห็นเหมือนๆกันและเขาจะพยายามสร้างแนวรับแนวต้านให้กับกลุ่มคนที่เป็นสายเทรดแนวรับแนวต้านได้หาจุดเช่าซื้อซึ่งเขาน่าจะมีตัวเองสร้างแนวต้านในทางเฟรมที่เล็กลงให้เราหาจุดเข้าเซลล์เพื่อให้เราสะสมราคาเซลล์เยอะที่สุดในโลกจนเป็นที่พอใจสำหรับพวกเขาแล้วเขาจึงจะดันตัวขึ้นไปกินคนเดียวอีกทั้งหมดเพราะฉะนั้นสำหรับผมที่มองในภาพตรงนี้ที่เห็นแท่งเทียนเป็นการขึ้นและถอดไส้ลักษณะนี้แสดงว่าข้างในมีการ side way อยู่ผมจะวางแผนเทรดทั้งบายและเซลล์ในกรอบที่เขากำหนดให้แค่นั้นฉะนั้นวันนี้คิดว่าการเทรดในกรอบยังเป็นการเทรดในรูปแบบของการเทรดแบบ side way อยู่ซึ่งความแข็งแรงของขาขึ้นยังแข็งแรงอยู่ตราบใดที่เขายังไม่ทะลุเป็นลักษณะของที่ทุกคนรู้จักนั่นคือ qm การสูญเสียขาขึ้นหรืออีเรียดเวฟอะไรก็ตามที่ได้ร่ำเรียนมาที่อินดิเคเตอร์เขากำหนดสร้างขึ้นมาให้เราได้สังเกตนั้นเป็นเงื่อนไขที่เรากำหนดกันว่าควรจะปรับตัวณขณะนี้แล้วหรือไม่
เพราะฉะนั้นถ้าให้ผมวิเคราะห์จะเทรดในช่วงเวลานี้ผมก็ยังคิดว่าจะต้องเทรดบายอยู่เป็นสำคัญ
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถเทรดเซลล์ได้ด้วยเช่นกัน
ฝึกอ่านกราฟขอสารภาพตามตรงจากใจเลยว่าทุกวันเปิดสัปดาห์แรกของวันจะรู้สึกตื่นเต้นและกังวลใจเสมอจะรู้สึกไม่แน่ไม่นอนไม่มั่นคงเสมอจะรู้สึกว่าไม่รู้จะอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้าก็ไม่รู้จะเกิดขึ้นแบบไหนต่อก็ไม่รู้รู้สึกแบบยืนอยู่บนเส้นด้ายยืนอยู่บนความเสี่ยงเสมอเวลาวิเคราะห์กราฟก็รู้สึกกังวลใจอยู่เสมอนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในใจก็อยากจะบอกให้ทราบว่าหากใครมีอารมณ์แบบนี้ก็ให้พึงระลึกได้เลยว่าตนเองยังไม่ชำนาญยังไม่แม่นพอต้องฝึกต่อจนกว่าจะรู้สึกว่ากราฟไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตจิตใจของเราถ้าถึงเวลานั้นเราจะยืนได้ด้วยอาชีพเทรดเดอร์อย่าง 100% แต่ถ้ายังมีจิตใจที่ยังเป็นแบบผมอยู่ก็ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาฝึกและบันทึกการเทรดอีกตลอดจนกว่าจะชำนาญการซึ่งวันนี้ก็ไม่มีอะไรครับก็สรุปภาพของสัปดาห์มาให้ดูก่อนหลังจากนั้นเดี๋ยวจะมาวางแผนการเทรดอยู่ข้างในว่าเราจะเทรดอย่างไรในกรอบที่เล็กลงที่ตีกรอบเอาไว้ในเส้นสีเหลืองครับผม
BTCUSD 09/02/25คาดการณ์ BTC ในตอนนี้อาจจบ w.5 ของ w3 ใหญ่ไปแล้วและกำลังอยู่ในช่วงพักตัวของ w.4 ใหญ่โดยในตอนแรกมองไว้ 3 Scenario แต่ด้วยรูปแบบการพักตัวจึงตัดเหลือเพียง 2 Scenario เท่านั้นโดยในรูปแบบแรกเป็น Flat และ Triangle แต่ต้องรอเพื่อยืนยันโครงสร้างอีกครั้ง
**โพสต์นี้เป็นเพียงการแสดงมุมมองด้วย elliott wave เพื่อเป็นกรณีศึกษาเท่านั้นไม่ได้มีการชวนลงทุนแต่อย่างใด ผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลแบะความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้มาจากตัวไหนไปย้อนดูไอ้ตัวสามเหลี่ยมที่ตีให้ดูเมื่อสักครู่นี้แล้วก็ถึงจะมาเข้าใจตรงนี้เดี๋ยวจะงงว่าเอามาจากไหนภาพที่เห็นมันก็จะประมาณนี้แหละมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองเลยว่าเราจะเทรดอย่างไรบางคนบอกว่าควรบายได้เลยแต่บางคนบอกว่าต้อง sale แต่อีกนั่นแหละครับมันคือ side way ในกรอบที่เล็กมากจะBUYจะเซลล์ก็กดได้หมดนั่นแหละ MM อย่างเดียวเหตุผลอื่นๆต้องเอาเข้ามาช่วยด้วยในการวิเคราะห์ indicator อะไรต่างๆที่เข้าใจเอามาลองดูเอามาใส่ดูก่อนทดสอบในระบบของตัวเองสัก 10 รอบต่อการเทรดโดยละเอียดไม่ใช่นึกจะเทรดก็เทรดอยากจะใส่อะไรก็ใส่อยากจะกดbuyก็buyจะเซลล์ก็เซลล์แบบนั้นมันไม่จำสมองไม่ได้จำเลยทำยังไงก็ได้ให้มันเห็นภาพแล้วมันเข้าใอย่าไปจำแค่นั้นแหละครับที่ฝึกอยู่ก็ทำอย่างนี้แหละแล้วก็จะพูดแบบนี้แหละไม่รู้จะพูดแบบไหนแล้วก็ไม่มีเทคนิค indicator อะไรก็ใช้ไม่เป็นดูตามติ๊กต๊อก FB ยูทูป แล้วก็มาลองทำดูแค่นั้นแหละสุดท้ายมันก็สัมพันธ์กันกับแนวทางของเราก็แค่นั้นเอง
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ไม่มีอะไรมากเลยครับผมแค่ตีภาพให้เห็นตามนี้แหละเห็นอะไรในภาพไหมแล้วรู้สึกว่ามันควรต้องเทรดแบบไหนดูจากภาพแล้วต้องตอบให้ได้ถ้าตอบได้นั่นก็คือแสดงว่ามองภาพพอเข้าใจแล้วในระดับนึง
ณขณะนี้ครับยกตัวสูงขึ้นและต่ำลงและบีบราคาลงมาเรื่อยๆให้แคบลงจนได้ราคาซื้อขายที่แย่ลงเรื่อยๆเห็นไหมครับแค่นั้นแหละครับไม่มีอะไรอยากได้ราคาซื้อขายช่วงนี้ไหมครับอยากได้ก็ย่อเข้าไปดูข้างในครับแค่นั้นแหละindicator ที่เขาสร้างขึ้นมามันก็เอามาให้เราเข้าได้ทุกๆเวลานั่นแหละแต่ก็เข้าในราคาที่ห่วยลงเรื่อยๆไงมันก็คือเครื่องมือที่หลอกให้เราเข้าจะได้เสียตังค์นั่นแหละครับสิ่งที่มันจะไม่เสียตังค์มันก็คือบันทึกการเทรดของแต่ละคนแค่นั้นเองจะไปเรียนมาก็ได้แล้วแต่ไม่เรียนก็บันทึกการเทรดครับมันก็อยู่กับตัวเราเองนั่นแหละมันไม่ได้อยู่กับใครหรอกอย่าไปหวังพึ่งอะไรมากอย่าไปหาคิดว่าจะมีอะไรที่เห็นได้ 100% มันไม่ไปไม่ได้เลยไม่มีเลยบอกจริงๆขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งนั้นแหละ
What is a trading system? ระบบเทรคืออะไร?
What is a trading system?ระบบเทรด คืออะไร?
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับระบบเทรด เพราะหลาคนยังไม่รู้ว่าระบบเทรดคือะไร แล้วมันเริ่มยังไง มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
ระบบเทรด ช่วยให้การเทรดเพื่อทำกำไรนั้นมีประสิทธิภาพสูง และมักจะประกอบด้วยหลายปัจจัยที่ทำให้มันโดดเด่นและน่าเชื่อถือ ขึ้นอยู่กับประเภทของการเทรดและขึ้นอยู่กับตัวบุคคลของคนนั้นด้วย ว่าชอบแนวไหน (เช่น หุ้น, Forex, Cryptocurrency) เพราะสไตล์การเทรดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน (เช่น Scalping, Day Trading, Swing Trading)
ระบบเทรดที่ดีมักจะมีลักษณะดังนี้
1. ระบบเทรดอัตโนมัติ (Algorithmic Trading)
👀 Bot Trading: ใช้โปรแกรมหรือบอทเพื่อเทรดอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น RSI, MACD, Moving Average
👀 High-Frequency Trading (HFT): เทรดด้วยความเร็วสูง ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางเวลาและข้อมูล
2. ระบบเทรดแบบ Manual (มือถือ)
👀 Price Action: วิเคราะห์กราฟแท่งเทียนหรือรูปแบบราคาโดยไม่ใช้ Indicator
👀 Indicators-Based: ใช้ Indicator ต่างๆ เช่น Moving Average, Bollinger Bands, Fibonacci Retracement
3. ระบบเทรดที่ใช้ Machine Learning/AI
👀 ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลและทำนายแนวโน้มราคา
👀 ปรับตัวได้ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
4. ระบบเทรดที่ใช้ Risk Management ที่ดี
👀 Stop Loss/Take Profit: กำหนดจุดตัดขาดทุนและกำไรล่วงหน้า
👀 Position Sizing: จัดการขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับพอร์ต
5. ระบบเทรดที่ใช้ Backtesting
👀 ทดสอบระบบกับข้อมูลในอดีตเพื่อประเมินประสิทธิภาพ
👀 ช่วยให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้ดีในสภาวะตลาดต่างๆ
6. ระบบเทรดที่ใช้ Sentiment Analysis
👀 วิเคราะห์ความรู้สึกของตลาดจากข่าวสารหรือโซเชียลมีเดีย
👀 ช่วยทำนายทิศทางราคาจากปัจจัยทางจิตวิทยา
ตัวอย่างระบบเทรดยอดนิยม:
👉Moving Average Crossover: ใช้เส้น Moving Average สองเส้นตัดกันเพื่อหาจุดเข้า-ออก
👉 Breakout Trading: เทรดเมื่อราคา breakout จากระดับสำคัญ
👉Trend Following: เทรดตามแนวโน้มหลักของตลาด
เครื่องมือที่นิยมใช้:
👉 MetaTrader 4/5 (MT4/MT5): แพลตฟอร์มเทรด Forex และ CFD
👉TradingView: สำหรับวิเคราะห์กราฟและสร้างระบบเทรด
👉Python/R: สำหรับเขียน Algorithmic Trading
ข้อควรระวัง:
👋ไม่มีระบบเทรดใดที่ทำกำไรได้ 100% เสมอไป
👋 การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
👋 ควรทดสอบระบบกับบัญชีทดลองก่อนใช้จริง
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถึงบางอ้อกันหรือยังฮะ จริงๆแล้วมันก็คือกลุทธิ์การเทรดนั่นแหละ แต่จัดวาและทำให้เป็นแบบแผน แล้วเราจะเทรดได้อย่างราบรื่น และกำไรมั่นคงฮะ และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
ฝึกอ่านกราฟอันนี้ก็ใช้ชุดวิเคราะห์เดิมจากไทม์เฟรมเดือนแต่ย่อลงมาให้เล็กลงเหลือทางเฟรม h1 จากภาพก็คือมองภาพเป็นกราฟเปล่าลงไปเขียนขีดๆเขียนๆลงไปแต่สิ่งที่เห็นณขณะนี้คือใส่ indicator เข้าไปโบริกริงเจอร์แบนด์ mac ดีใส่เข้าไปหมดแต่มันต้องใช้งานอย่างไรก็ต้องไปหาเงื่อนไขอ่าน google ถาม google ถามแชท gpt ดูว่าเขาใช้งานยังไงหรือไม่ก็ไปดูใน tiktok ที่เขาสอนแล้วก็เอาไอ้หลักการเล็กๆน้อยๆของเขามาจับทางดูว่าตัวเองถนัดแบบไหนมีเงื่อนไขในการเข้าออเดอร์อย่างไรด้วยเหตุอ้างอิงอะไรบ้างซึ่งส่วนตัวแทบจะไม่ได้ใช้อินดิเคเตอร์เลยส่วนใหญ่จะมองเป็นกราฟเปล่ามากกว่าเพราะว่ามองกระเป๋าแล้วมันดูง่ายเข้าใจด้วยตัวเองและรู้เห็นรู้ผลดูเงื่อนไขสัญญาอะไรบางอย่างว่าควรจะต้องเข้าบายและเซลล์ตรงไหนซึ่งณขณะนี้ถ้าเป็น indicator เขาก็จะให้เข้าบายและเซลล์ในราคาที่แย่ที่สุดให้เราเก็บกำไรขาดทุนที่น้อยแล้วก็อาจจะโดน SL ก่อนกำไรก็ได้ลองสังเกตดูแล้วกันครับทุกอย่างที่อินดิเคเตอร์เขาคำนวณขึ้นมามันจะเป็นการบีบราคาให้แคบลงเรื่อยๆแคบลงเรื่อยๆทำให้เราได้ราคาที่แย่ลงเรื่อยๆเป็นสามเหลี่ยมชายธงตามที่โบราณเขาพูดกันน่ะครับคนคนเก่าคนแก่ชอบพูดสามเหลี่ยมชายธงน่ะครับประมาณนั้นแหละ
ฝึกอ่านกราฟผมลองเขียนภาพจากทางเฟรมที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาก่อนอย่างที่เห็นตามภาพเลยครับที่ผมเห็นผมเห็นแบบนี้แหละสิ่งที่จะวิเคราะห์ต่อไปก็คือช่วงราคาที่เราจะใช้ในการเทรดในกรอบเป็นหัวใจหลักตัวอื่นๆนั้นก็แค่เป็นภาพรวมในการมองเห็นเฉยๆมันไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรบางคนถนัดใส่ indicator ก็ใส่ลงไปมีอะไรที่เข้าใจก็ใส่ลงไปเลยแล้วก็ลองดูสังเกตดูว่าสิ่งที่มันใส่ไปมันได้ผลอะไรกับชุดวิเคราะห์ของเราไหมอย่างตัวอย่างนี้ที่ใส่ก็คือโบริงเจอร์แบนด์บายที่ BB ล่างเซลล์ที่ BB บนตรงกลางก็ไม่เข้าแต่บางคนอาจจะเข้าในรูปแบบของ indicator อะไรที่มาบอกเพิ่มเติมทำให้สามารถเข้าตรงกลางได้ก็แค่นั้นเองอย่างตอนนี้ครับมันลงมาหา BB ล่างเราก็ต้องมองไปแต่บางคนก็บอกว่าเฮ้ยมันเซลล์ดีกว่าเพราะมันควรต้องเซลล์ก่อนเพราะมันเอียงตัวลงมาแล้วราคาปัจจุบันมันลงก็ต้องหาสัญลักษณ์เพื่อที่จะเทรดลงส่วนคนบายก็ต้องหาสัญลักษณ์ที่จะขึ้นแล้วถ้าทดลองใส่ rsi divergent ลงไปล่ะตอนนี้มันอยู่ตรงกลางแบบนี้จะเข้าซื้อไหมมันก็ไม่มีผิดมีถูกอีกบางคนก็สามารถซื้อขายได้ในกรอบตรงกลางเลยด้วยซ้ำทุกอย่างมันต้องสังเกตและก็ทำซ้ำๆกับรูปแบบเดิมๆที่เราเคยทำ
Risk per Trade ในการเทรด Forex: การบริหารความเสี่ยงเพื่อความอยูในการเทรด Forex หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่นักเทรดควรให้ความสนใจคือ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) โดยเฉพาะ Risk per Trade หรือความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้พอร์ตการลงทุนของเราหมดตัวจากการขาดทุนในระยะสั้น
Risk per Trade คืออะไร?
Risk per Trade หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่เรายอมเสี่ยงต่อการเทรดหนึ่งครั้ง โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดมืออาชีพแนะนำให้ใช้ 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เช่น หากมีทุน $10,000 และใช้ Risk per Trade ที่ 1% หมายความว่าการเทรดแต่ละครั้งเราจะเสี่ยงขาดทุนสูงสุดที่ $100 เท่านั้น
ทำไมต้องกำหนด Risk per Trade?
ป้องกันการล้างพอร์ต – หากเราไม่จำกัดความเสี่ยง อาจทำให้พอร์ตสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็วจากการขาดทุนติดต่อกัน
สร้างความสม่ำเสมอในการเทรด – การกำหนดความเสี่ยงที่แน่นอนช่วยให้นักเทรดมีวินัยและสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
เอาชนะความผันผวนของตลาด – ตลาด Forex มีความผันผวนสูง การจำกัดความเสี่ยงทำให้เราสามารถอยู่รอดในระยะยาว
วิธีคำนวณ Risk per Trade
กำหนดเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการเสี่ยง
เช่น กำหนดที่ 1% ของเงินทุนทั้งหมด
คำนวณจำนวนเงินที่เสี่ยงได้
ถ้าทุน $10,000 และเสี่ยง 1% จะได้ $100
กำหนดระยะห่างของ Stop Loss
เช่น หากวาง Stop Loss ไว้ 50 pips
คำนวณ Lot Size ที่เหมาะสม
Lot Size = (Risk per Trade) / (Stop Loss * Value per Pip)
ถ้าค่าเฉลี่ยของ 1 pip = $10 และ Stop Loss = 50 pips
Lot Size = $100 / (50 * $10) = 0.2 lot
ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติว่าเรามีเงินทุน $5,000 และต้องการเสี่ยง 2% ต่อการเทรด
Risk per Trade = 2% ของ $5,000 = $100
Stop Loss = 25 pips
ถ้าค่าเฉลี่ยของ 1 pip = $10 (สำหรับ 1 lot)
Lot Size = $100 / (25 * $10) = 0.4 lot
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการกำหนด Risk per Trade
เสี่ยงมากเกินไป – การใช้ความเสี่ยงเกิน 5% ต่อเทรด อาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อเจอการขาดทุนติดต่อกัน
เปลี่ยนเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงบ่อยเกินไป – การไม่มีแผนที่แน่นอนอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ขาดความรอบคอบ
ไม่ใช้ Stop Loss – การไม่กำหนด Stop Loss อาจทำให้การขาดทุนบานปลายเกินกว่าที่จะควบคุมได้
สรุป
Risk per Trade เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการเทรด Forex อย่างยั่งยืน หากเราบริหารความเสี่ยงได้ดี โอกาสที่จะอยู่รอดในตลาดและสร้างผลกำไรในระยะยาวจะเพิ่มขึ้น การยึดหลัก 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้งจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และทำให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการเทรด Forex
ฝึกอ่านกราฟวันนี้เพิ่งได้มาดูกราฟ
กำหนดแผนในการเทรดกำหนดระยะในการเทรดสร้างแผน by และเซลล์หาเงื่อนไขจุดเช่าซื้อตามรูปแบบที่ร่ำเรียนมาจากเกจิอาจารย์ต่างๆด้วยการใช้อินดิเคเตอร์หรือเปล่าหรือสัญญาณเข้าซื้อแท่งเทียนต่างๆตามรูปแบบที่ตนเองเคยทำได้เงินให้ทำซ้ำทำช่วงเวลาที่ตัวเองทำได้ให้ทำซ้ำช่วงเวลาที่ไม่เคยทดสอบไม่เคยต้องลองทำก็ต้องลองทำด้วยแต่ออกมาทุกครั้งให้กำหนดแผน fl TP เอาไว้เสมอเพื่อให้เกิดภาพจำในรูปแบบของตลาดที่ไม่คงที่ที่ผันผวนตลอดจะได้ปรับตัวทันตามเกมตามเวลาของกราฟ
ฝึกอ่านกราฟคู่เงินยูเจที่วิเคราะห์ภาพรวมใหญ่ในไทม์เฟรมเดือนเราก็รู้แล้วแหละว่าควรต้องทำอย่างไรแต่พอในชีวิตจริงนั้นเราย่อลงมาในทางเกมที่เล็กลงเพื่อหาจุดเช่าซื้อและเก็บรายวันให้สำเร็จซึ่งมันก็ต้องหาเงื่อนไขต่างๆเข้ามาในการอ้างอิงการเช่าซื้อของเราว่าควรต้องเป็นรูปแบบใดซึ่งภาพที่เห็นก็ขีดเขียนตามที่เห็นนี้เลยแล้วก็ต้องรอสัญญาณอะไรก่อนที่จะเข้าว่าจะเป็นไปตามแผนที่เรากำหนดไหมถ้าไม่ใช่เราควรจะต้องรอเข้าแผนอะไรต่ออีก
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ก็ย่อให้มันเล็กลงอย่าไปสนใจแท่งเทียนอยากให้เห็นว่าภาพที่เห็นตามที่ขีดเขียนนี้มันจะประมาณนี้แหละคำถามต่อมาว่าแล้วมันจะขึ้นไปถึงนั้นน่ะมันอีกกี่สิบปีถึงจะขึ้นและระหว่างทางตรงนี้มันมีกรอบให้เทรดอยู่ตั้ง 8,000 จุดเพราะฉะนั้นถ้าเราจะเทรดในกรอบเราก็เทรดได้ทั้งบายและเซลล์แต่ถ้าคิดว่าอยากจะถือเอาไว้ก็ซื้อเก็บซื้อเก็บแล้วลืมไปเลยสั่งซื้อทางโทรศัพท์ให้เสร็จแล้วก็โยนโทรศัพท์เข้าป่าไปเลยแล้วค่อยไปค้นหาอีกทีหลังจาก 10 ปีข้างหน้าเหมือนกับฝากเงินออมเงินไว้นั่นแหละครับมันจะขึ้นมันจะลงก็ปล่อยมัน
ฝึกอ่านกราฟส่วนตัวนี้ก็ไม่มีอะไรก็ย่อมาจาก time frame ที่วิเคราะห์เมื่อสักครู่นี้ก็ตามรูปเลยครับไม่มีอะไรมากมันขึ้นอยู่กับตัวเราแล้วว่า price action ของเราคืออะไรจุดเข้าของเราคืออะไร SL ของเราคือตรงไหนยอมรับขาดทุนแบบใดจะเข้ากี่ไม้จะเบิ้ลไม้ไหมมันขึ้นอยู่กับรูปแบบของเราจะเก็บสั้นเก็บยาวมันก็เป็นรูปแบบของเรา indicator จะมีอะไรก็ใส่เข้าไปตามที่ตัวเองเข้าใจร่ำเรียนมาแบบไหนก็ลองใส่ดูรูปแบบเดิมๆซ้ำๆสำคัญที่สุดต้องลองดู
ฝึกอ่านกราฟตรงที่เป็นดาวสีขาวอย่าเพิ่งมองมันเป็นของชุดวิเคราะห์H4
อยากให้มองภาพรวมใหญ่ก่อนจากภาพที่เขียนตามรูปนี้เลยเห็นอะไรก็ต้องให้เขียนแบบนั้นแหละอย่าไปเชื่อหรือว่าไปอ้างอิงจากข่าวสารหรือว่าจากแนวคิดของใครคนใดคนหนึ่งอยากให้ฝึกคิดด้วยตัวเองมากกว่าจากภาพที่ขีดเขียนเนี่ยอยากให้เห็นภาพเฉยๆว่าสังเกตไหมครับว่าการซื้อขายทั้งข้างบนและข้างล่างมันบีบราคาขึ้นไปเรื่อยๆบายที่ต่ำลงแล้วก็ค่อยๆสูงขึ้นไปเรื่อยๆเซลล์ที่สูงสุดแล้วก็เซลล์ที่ต่ำลงมาเรื่อยๆบีบตัวกันจนเป็นสามเหลี่ยมชายธงหรือสามเหลี่ยมปากนกอย่างที่ทุกคนพูดกันนั่นแหละครับสังเกตไหมว่าเราจะได้ราคาบายและเซลล์ในราคาที่แย่ลงเรื่อยๆเพราะฉะนั้นสิ่งที่จะบอกในภาพนี้มันหมายถึงอะไรการเทรดมันขาดทุนได้ตลอดเสมอแต่ถ้าเราอยากจะได้ราคาที่ดีถ้าจะบายก็ต้องรอให้ย่อลงมาแล้วบายถ้าจะเซลล์ก็ต้องรออย่างนี้ยกขึ้นไปแล้วเซลล์ในราคาที่ดีที่สุดแต่คำถามคือจะยกขึ้นไปแล้วจะอยู่ตรงไหนแล้วมันจะไปเบรคเอาตรงไหนทำให้เรารู้ว่าจะต้องเซลล์เมื่อไหร่แล้วเหมือนกันแล้วมันจะลงไปลงไปแค่ไหนมีการทำ price action แบบไหนในราคาที่เราจะบายในราคาที่ดีที่สุด
ทุกคนจะต้องมีรูปแบบของตัวเองที่เคยทำเงินได้ตามจำนวนกี่จุดต่างๆก็ว่ากันไป SL กี่จุดก็ว่ากันไป