ไอเดียชุมชน
Eaw_Neowave คงเคยได้ยินเรื่อง zigzag มันคือ 5-3-5 มันใช่เหรอ?ใครที่ศึกษาอีเลียตเวฟคงเคยได้ยินเรื่อง zigzag มันคือ 5-3-5 ใช่ไหมคลื่นเอจะมีคลื่นห้าคลื่น คลื่นบีมีสามคลื่น และคลื่นซีจะมีห้าคลื่นซึ่งเป็นเบสิกที่จำๆกันมาแต่พอเจอสถานการณ์จริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะได้ความรู้แบบนี้มันแค่ครึ่งๆกลางๆ
ในหนังสือ Mastering elliott wave ในบทที่ 5 ระบุเรื่องกฏของซิกแซกไว้ว่า ถ้าเป็นซิกแซกคลื่นเอไม่ควรย้อนกลับมากกว่า 61.8% ของชุดอิมพาวก่อนหน้า ในหนึ่งระดับที่ดีกรีสูงกว่ามัน (ถ้ามี) คลื่นบีควรเด้งขึ้นไปอย่างน้อย 1% ของคลื่นเอ ห้ามมีส่วนใดเด้งเกิน 61.8% ของคลื่นเอ หากมีส่วนใดของคลื่นบี เด้งมากกว่า 61.8% ส่วนนั้นจะไม่ถือเป็นจุดสิ้นสุดของคลื่นบี (หากเป็น zz คลื่นบียังถือว่าไม่จบ) มันจะถูกนับให้เป็นเพียงส่วนแรกของการพักตัวที่ซับซ้อนมากขึ้น หากเป็นคลื่นบีที่แท้จริงจะต้องสุดสิ้นและจบที่ไม่เกิน 61.8% ของคลื่นเอหรือน้อยกว่าเท่านั้น และ คลื่นซีจะต้องลงมาต่ำกว่าคลื่นเอ เป็นอันจบกฏของ Zigzagตามแบบนีโอเวฟ
พอมาเจอสถานการณ์จริงคลื่นย่อยของคลื่นเอลงมาห้าคลื่น 1 2 3 4 5 อ้าวเสร็จเราแล้วต้องเป็น Zigzag แน่เลย ยังไงคลื่นบีก็เด้งได้ไม่เกิน 61.8% of wave-a ยังไงก็เด้งไม่เกิน 51200 เราไปดักเซลแถวนั้น ถ้ามันลงคลื่นซี คลื่นซีมันต้องลงต่ำกว่าคลื่นเอยังไงก็กำไร ยิ่งถ้าเป็นอีลองเกต ซิกแซกมันจะลงไปมากกว่า 161.8% ของคลื่นเออีกด้วยความโลภในหัวพร้อมกระป๋องกาวในมือจึงกดเซลไปที่ 61.8% ตามหนังสือปรากฏว่าคลื่นบีพุงทะยายขึ้นไปจนทำ higher high ไปหกหมื่นเก้าสูงกว่ายอดเดิมที่หกหมื่นสี่เสียอีกชิบแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรจะรู้ก็คือ คลื่นย่อยไม่ได้บอกอะไรกับคุณว่ามันจะเป็นรูปแบบอะไรมันเป็นแค่ความน่าจะเป็นไม่ใช่กฏเรื่องรหัสคลื่น 5-3-5 มันคือการบ่งบอกลักษณะคลื่นโดยการ การกำหนดโมโนเวฟ และ Position Structure Label ตามกฏให้โมโนเวฟทุกอัน และ ตัดความเป็นไปได้ของ Position Structure Label ที่เป็นไปได้ต่ำออกไป เอาแต่ละ Position Structure มาเรียงต่อกันโดยใช้ Sequence Sign ว่าอยู่ใน Sequence เดียวกันหรือไม่ Sequence ที่เรียงต่อกันได้ มาเทียบกับตารางในบทที่ 4 เพื่อดูว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดรูปแบบไหนบ้าง แล้ว Compact หรือรวบรัดทำให้มันเหลือเพียงแค่ Base Structure มันไม่ใช่การมองแค่คลื่นย่อยของเอมันมีห้าคลื่นแล้วจะไปเหมาเอาว่ามันจะเป็น Zigzag
ถ้าเป็นกฏหนังสือเขาจะบอกลักษณะชัดเจนเช่น คลื่นเอไม่ควรย้อนกลับมากกว่า 61.8% ของชุดอิมพาวก่อนหน้า ในหนึ่งระดับที่ดีกรีสูงกว่ามัน (ถ้ามี) คลื่นบีควรเด้งขึ้นไปอย่างน้อย 1% ของคลื่นเอ ห้ามมีส่วนใดเด้งเกิน 61.8% ของคลื่นเอ หากมีส่วนใดของคลื่นบี เด้งมากกว่า 61.8% ส่วนนั้นจะไม่ถือเป็นจุดสิ้นสุดของคลื่นบี (หากเป็น zz คลื่นบียังถือว่าไม่จบ) มันจะถูกนับให้เป็นเพียงส่วนแรกของการพักตัวที่ซับซ้อนมากขึ้น หากเป็นคลื่นบีที่แท้จริงจะต้องสุดสิ้นและจบที่ไม่เกิน 61.8% การที่มีความรู้ครึ่งๆกลางๆอาจจะทำให้เสียเงินในตลาดโดยใช่เหตุ ถึงแม้เราจะเก่งทฤษฎีหมดแล้วแต่การออกออเดอร์ทุกครั้งความจำกัดความเสี่ยงด้วยการตั้ง SL เสียเงินร้อยสองร้อยเหรียญมันตามคืนง่าย หากเสียเป็นเป็นพันหรือหมื่นเหรียญมันจะเอาคืนยาก
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปดูSET50ซะหน่อย ตัวอย่างรูปแบบเดิมๆที่เห็นประจำเห็นอะไรไหมครับกราฟไหนในโลกมันก็แบบเดิมๆทั้งนั้นแหละลองหาไล่อ่านเอานะครับ
กำหนดแผนการเทรด ภาพรวมใหญ่ของทุกต้นเดือนดูภาพใหญ่ก่อนค่อยสร้างคว่ามน่าจะเป็น ครอบสมมุติฐานการเดินทางของแท่งเทียน MM และ หาจุดTP ด้วยเงื่อนไขใดบ้าง
3 ข้อผิดพลาดในการเทรดที่เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงแม้แต่นักเทรดที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับดักทางจิตวิทยาที่อาจทำให้ประสิทธิภาพการเทรดของพวกเขาลดลงได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ การเข้าใจข้อผิดพลาดทางจิตใจเหล่านี้ — และเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยง — คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในตลาด
มาดูกันใกล้ ๆ ว่า 3 ข้อผิดพลาดในการเทรดที่พบบ่อยที่สุด ที่เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง:
⸻
🧠 1. FOMO — ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (Fear of Missing Out)
FOMO เป็นหนึ่งในความท้าทายทางอารมณ์ที่ใหญ่ที่สุดของนักเทรด มันคือความรู้สึกตื่นเต้น — หรือความกังวล — เมื่อเห็นตลาดเคลื่อนไหวโดยไม่มีคุณ และผลักดันให้คุณรีบเข้าออเดอร์โดยไม่วางแผนล่วงหน้า
ผลลัพธ์คือการไล่ตามเทรนด์และเข้าเทรดโดยไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน ซึ่งมักจะนำไปสู่การขาดทุน
วิธีหลีกเลี่ยง:
ยึดมั่นในแผนการเทรดของคุณ รอจังหวะที่เหมาะสม และจำไว้ว่า — การพลาดโอกาสหนึ่งครั้งดีกว่าการเสียเงินจากการเทรดที่ไม่พร้อม ตลาดจะมีโอกาสใหม่ให้คุณเสมอ
⸻
😡 2. Revenge Trading — การเทรดเพราะอารมณ์อยากเอาคืน
หลังจากขาดทุน หลายคนมักจะรู้สึกอยาก “เอาคืน” โดยรีบเข้าเทรดใหม่เร็วเกินไป ซึ่งมักจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและขาดทุนมากกว่าเดิม
วิธีหลีกเลี่ยง:
ยอมรับการขาดทุนว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด หยุดพักและกลับมาเมื่อคุณควบคุมอารมณ์ได้แล้ว
เป้าหมายของคุณไม่ใช่เพื่อเอาเงินคืน — แต่คือการเทรดให้มีคุณภาพ
⸻
🎲 3. ความเชื่อของนักพนัน (Gambler’s Fallacy)
นักเทรดหลายคนเข้าใจผิดว่าผลลัพธ์ที่ผ่านมาอาจมีผลต่อผลลัพธ์ในอนาคต เช่น “แพ้มาสามครั้ง ครั้งนี้ต้องชนะแน่” แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ตลาดทำงาน
แต่ละการเทรดเป็นเหตุการณ์อิสระที่มีความน่าจะเป็นของตัวเอง
วิธีหลีกเลี่ยง:
เชื่อในวิเคราะห์ของคุณ ไม่ใช่ความรู้สึกหรือโชคชะตา
เน้นการบริหารความเสี่ยงและวางแผนอย่างมีระบบ แทนที่จะหวังพึ่งความบังเอิญ
⸻
💡 สรุป
ความสำเร็จในการเทรดไม่ใช่แค่การมีสูตรหรือกลยุทธ์ที่ดีที่สุด — แต่คือการควบคุมจิตใจของตัวเอง
เมื่อคุณสามารถหลีกเลี่ยงกับดักทางอารมณ์เหล่านี้ได้ คุณจะเทรดอย่างมีวินัย ชัดเจน และมั่นใจมากขึ้น
จำไว้ว่า: นักเทรดที่เก่งที่สุด ไม่ใช่คนที่ควบคุมตลาดได้ — แต่คือคนที่ควบคุมตัวเองได้ต่างหาก
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเองควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด
ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
หุ้นที่ไล่ฝึกอ่านนั้นส่วนตัวจะไม่ทราบว่าเขาทำธุรกิจอะไรมีงบการเงินดีหรือไม่ มีปันผลกี่%เพราะส่วนตัวจะวิเคราะห์กราฟก่อนถ้าดีจะค่อยเจาะดูอีกทีว่าทำมาหากินอะไร ผู้ที่ต้องการอยากรู้ควรหาข้อมูลด้วยตนเอง
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟจะไปถึงไหนก็2.618ถ้าไม่ไปต่อก็สร้างการพักตัวแล้วลงมาก่อน
หาสัญญาณPA ฝั่งSELLได้ แล้วBUYตามแนวโน้มหลัก
ตอนนี้ไม่มีวิธีการใดจะแม่นยำได้100%ในสถานการณ์ตอนนี้มันคือการมั่วแบบมีระบบรูปแบบ แบบแผนของเราเท่านั้นบางคนบอกใครSELLตอนนี้จะเสียใจ แล้วคนที่บอกคนนั้นเขารู้ได้ไงว่าคนSELLจะเสียใจในเมื่อ ทุกช่วงราคามันมีย่อพักพุ่งขึ้นพุ่งลงเสมอ มันอาจจะลงมาก่อนแล้วก็ปิดกำไรแล้วค่อยBuyก็ได้ มันไม่มีผิดไม่มีถูกมันขึ้นกับระบบของตัวเราเองนะครับตั้งไข่ให้ตัวเองครับฟังเสียงหัวใจ สมอง ความรู้สึกนึกคิดของเราครับเราเป็นคนไม่ใช่นกจะคอยอาปากกินอาหารจากแม่นก แม่นกเอาอะไรมาใส่ปากให้เรากินเราก็กินแบบนั้นนะครับเราเป็นคนมี1สมอง2มือเหมือนกันเราเอาวิธีการของใครก็ได้มาทดลองเรียนแบบแล้วค่อยๆปรับสร้างระบบของตัวเองครับ
ฉะนั้นอย่างที่ได้พูดเสมอมาครับ จดบันทึกการเทรด บันทึกอารมณ์ความรู้สึก จดทุกอย่างที่มีอะไรมาสะกิดจิตใจเราจนมันบังเกิดเป็นแสงสว่างให้จดให้หมดคุยกับตัวเองบ่อยๆครับไม่ลองไม่รู้อ่านผ่านไม่ลองทำก็ตัวคุณเองนะครับได้ก็ได้กับตัวเองผมก็แค่แนะนำจากประสบการณ์ตัวเองเท่านั้น ยาหอมมันหวามยาขมมันมีวันอร่อยหรอกครับ
ทริคการใช้งาน Pending Order ให้มีประสิทธิภาพการใช้ Pending Order ไม่ใช่แค่การตั้งราคาแล้วปล่อยทิ้งไว้ แต่มีเทคนิคและทริคสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและควบคุมความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น นี่คือทริคเด็ด ๆ ที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้กัน:
1. ใช้คู่กับ "กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น" (Higher Timeframe) 🗺️
ทริค: วิเคราะห์แนวโน้มและระดับแนวรับ/แนวต้านสำคัญในกรอบเวลา H4 หรือ Daily แล้วจึงใช้ Pending Order ตั้งซื้อขายที่ระดับเหล่านี้
เหตุผล: ระดับราคาที่สำคัญใน Timeframe ใหญ่มีความน่าเชื่อถือสูงกว่า ทำให้ Pending Order มีโอกาสสำเร็จตามแผนมากขึ้น ลดสัญญาณหลอก (Fakeouts) ที่เกิดขึ้นใน Timeframe เล็ก
2. กำหนดระยะห่างที่เหมาะสม (Buffer Zone) 📏
ทริค: อย่าตั้ง Pending Order ตรงเป๊ะ ที่ระดับแนวรับหรือแนวต้าน แต่ให้เว้นระยะห่าง (Buffer) ไว้เล็กน้อย
Buy Limit/Sell Limit: ตั้งให้ห่างจากแนวรับ/แนวต้าน เล็กน้อย เพื่อป้องกันราคาแตะไม่ถึงแล้ววิ่งกลับ
Buy Stop/Sell Stop: ตั้งให้ห่างจากจุด Breakout เล็กน้อย เพื่อยืนยันว่าราคาได้ทะลุไปจริง ๆ ไม่ใช่แค่สัญญาณหลอก
ประโยชน์: ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกลากไปตัดขาดทุนจากการแกว่งตัวของราคาเพียงเล็กน้อย
3. ตรวจสอบ "วันและเวลา" ที่มีความเสี่ยง 🗓️
ทริค: หากตั้ง Pending Order ข้ามคืน หรือในช่วงที่มี Non-Farm Payroll (NFP), การประชุมธนาคารกลาง (FOMC) หรือช่วง ตลาดเปิด/ปิดวันจันทร์ ให้ตรวจสอบและพิจารณายกเลิก
เหตุผล: ช่วงเวลาเหล่านี้มีโอกาสเกิด Gap (ราคากระโดด) และ Slippage สูงมาก ซึ่งอาจทำให้คำสั่งถูกเปิดในราคาที่เสียเปรียบอย่างรุนแรง
4. ใช้ Pending Order เพื่อ "ยืนยันการกลับตัว" (Reversal Confirmation) 🔄
ทริค: เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับ/แนวต้านสำคัญ อย่าเพิ่งรีบตั้ง Buy Limit/Sell Limit ให้รอสัญญาณแรกของการกลับตัวก่อน (เช่น แท่งเทียน Pin Bar, Engulfing) แล้วจึงตั้ง Pending Order ถัดจากสัญญาณนั้น
ตัวอย่าง: ถ้าราคาลงมาที่แนวรับและเกิดแท่งเทียนกลับตัว ให้ตั้ง Buy Stop สูงกว่ายอดแท่งเทียนนั้นเล็กน้อย เป็นการ "ยืนยัน" การกลับตัวก่อนเข้าเทรดจริง
5. ตั้ง "วันหมดอายุ" (Expiration Date) ⛔
ทริค: หาก Pending Order ของคุณไม่ได้ถูกดำเนินการภายใน 24-48 ชั่วโมง หรือไม่ได้ดำเนินการก่อนวันศุกร์ ให้ ยกเลิก คำสั่งนั้น
เหตุผล: หากคำสั่งรอดำเนินการนานเกินไป หมายความว่าสภาวะตลาดอาจไม่เป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก การปล่อยคำสั่งไว้ต่อไปอาจมีความเสี่ยง หรือแผนการเทรดนั้นล้าสมัยไปแล้ว
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดเตรียมแผนเทรดไม่สนข่าว
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
ไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
XAUUSD M15 ( อธิบายการเข้า ออเดอร์ ) เทคนิคการเทรดที่ผมใช้ : M15
1.trend : H4 + H1
2. Structure : ( จาก ทฤษฎี SMC นิดหน่อย )
3. wyckoff : นิดหน่อย ( ใช้หาการสะสมราคา , โซนเงินไหลเข้า/ออก , เทรด M15 )
4. liquidity + FVG : การสะสมราคา , โซนเงินไหลเข้า/ออก , ระยะ Tp ( จาก ทฤษฎี ICT )
5. session : การเทรด ช่วงเวลาตลาด London+Ny ( จาก ทฤษฎี ICC )
** ยิ่ง TF เล็กลง ** ยิ่งต้องใช้เทคนิคสูง แนะนำไม่ควรเทรดต่ำกว่า M5 ( WTF!! M1 พวกมโน )
⚙️ หลักสำคัญ (Key Principles)
• Structure Matters (โครงสร้างสำคัญ):
ราคามักไม่เบรกแนวรับ/แนวต้านเดิมสองครั้งติดกัน
→ ให้มองหาการเบรกครั้งเดียว แล้วรอการพักตัว
• Money Flow Zones (โซนเงินไหลเข้า/ออก):
กล่องสีเหลืองคือบริเวณที่มีเงินทุนจำนวนมากติดอยู่จากการเบรกครั้งแรก
→ บ่งบอกว่ามีแรงซื้อขายสำคัญตรงนั้น
• Patience (ความอดทน):
รอ “การเคลื่อนไหวรอบที่สอง” หลังจากการพักตัว
→ เพราะรอบที่สองมักแม่นยำกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า






















