เทรดข่าว Forex: กลยุทธ์การทำกำไรจากความผันผวนการเทรด Forex (Foreign Exchange) เป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่มีความผันผวนสูง 📉 ซึ่งความผันผวนส่วนใหญ่มาจากเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ การเทรดข่าว Forex จึงเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อมีข่าวสำคัญประกาศออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน บทความนี้จะอธิบายถึงวิธีการเทรดข่าว Forex อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งข้อควรระวังที่สำคัญ
1. ทำความเข้าใจกับข่าวเศรษฐกิจที่มีผลกระทบ 🔔
ข่าวเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาด Forex มีหลายประเภท แต่ที่สำคัญที่สุดคือข่าวที่ประกาศจากประเทศที่มีสกุลเงินหลัก เช่น สหรัฐฯ 🇺🇸, ยุโรป 🇪🇺, ญี่ปุ่น 🇯🇵 หรือสหราชอาณาจักร 🇬🇧 ข่าวเหล่านี้มักจะถูกจัดระดับความสำคัญ (Importance) ไว้ในปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) โดยเทรดเดอร์ควรให้ความสำคัญกับข่าวที่มีระดับสูง เช่น:
การประกาศอัตราดอกเบี้ย: จากธนาคารกลาง เช่น Fed, ECB, BoJ หรือ BoE หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้น 💪
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls - NFP): ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนสุขภาพของเศรษฐกิจและมีผลกระทบต่อตลาดอย่างรุนแรง 🔥
อัตราเงินเฟ้อ (CPI): เป็นตัวเลขที่บอกถึงอำนาจซื้อของสกุลเงิน หากอัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางอาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุม
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP): ตัวเลขที่สะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
2. กลยุทธ์การเทรดข่าว Forex 💡
การเทรดข่าวที่ดีไม่ใช่แค่การเดาทาง แต่เป็นการวางแผนอย่างรอบคอบ มีขั้นตอนดังนี้:
ก. ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจและวางแผนล่วงหน้า 🗓️ ใช้ ปฏิทินเศรษฐกิจ เพื่อดูว่าข่าวสำคัญจะประกาศเมื่อไหร่ และคาดการณ์ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ (Forecast) หากผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ค่าเงินนั้นก็มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้น และในทางกลับกัน
ข. เตรียมพร้อมก่อนข่าวออก 📝 ตั้งค่า จุดเข้า (Entry Point), จุดทำกำไร (Take Profit), และ จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ล่วงหน้า แต่ยังไม่ต้องเปิดออเดอร์ทันที เพราะในช่วงก่อนข่าวออก ราคามักจะมีความผันผวนโดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน
ค. ลงมือเทรดหลังจากข่าวออก 🚀 เมื่อข่าวประกาศออกมาแล้ว รอให้ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในทิศทางที่ชัดเจนเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเปิดออเดอร์ตามทิศทางนั้น เช่น ถ้าตัวเลข NFP ออกมาดีกว่าคาดมาก และกราฟแสดงการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ให้ เปิดสถานะซื้อ (Buy) ในคู่สกุลเงินที่ USD เป็นสกุลเงินหลัก เช่น USD/JPY หรือ USD/CHF
3. สิ่งที่ต้องระวังและจัดการความเสี่ยง ⚠️
การเทรดข่าวมีข้อควรระวังที่สำคัญหลายประการ ซึ่งหากไม่ระวังก็อาจทำให้ขาดทุนหนักได้:
Spikes and Whipsaws: ราคาอาจพุ่งขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว (Spike) 🎢 หรือเปลี่ยนทิศทางกลับไปมาในเวลาสั้นๆ (Whipsaw) ↩️ ทำให้คุณอาจถูกลากไปในทางที่ผิด
ค่า Spread ที่กว้างขึ้น: ในช่วงข่าวออก โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะขยายค่า Spread ให้กว้างขึ้นมาก ทำให้คุณต้องเสียต้นทุนเพิ่มขึ้น 💰
Slippage: คำสั่งของคุณอาจถูกเติมในราคาที่แตกต่างจากราคาที่คุณตั้งไว้ เนื่องจากราคาเคลื่อนที่เร็วเกินไป
อย่าเทรดก่อนข่าวออก: อย่ารีบร้อนเข้าออเดอร์ก่อนที่ตัวเลขจริงจะถูกประกาศ เพราะตลาดอาจมีความผันผวนที่คาดเดาไม่ได้และอาจทำให้คุณขาดทุนอย่างรวดเร็ว
สรุป
การเทรดข่าว Forex เป็นกลยุทธ์ที่ต้องอาศัยความรู้, การวางแผน, และการจัดการความเสี่ยงที่ดี ✅ หากคุณสามารถวิเคราะห์ข่าวและตอบสนองต่อตลาดได้อย่างรวดเร็ว ก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้มาก แต่ในทางกลับกัน หากขาดการวางแผนที่ดี ก็อาจจะทำให้ขาดทุนอย่างหนักได้เช่นกัน การฝึกฝนในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้กลยุทธ์นี้ 💻
ไอเดียชุมชน
เสาร์–อาทิตย์ ตลาดปิด ทำยังไงให้ Vib สูง + พัฒนาตัวเอง🌟 Weekend Ritual:
เสาร์–อาทิตย์ ตลาดปิด ทำยังไงให้ Vib สูง + พัฒนาตัวเอง
.
1. ชาร์จพลังร่างกาย (Body Reset)
นอนพักให้เต็มที่ ปรับวงจรนอน
ออกกำลังกายเบา ๆ → วิ่งจ๊อกกิ้ง, เดินกลางแจ้ง, โยคะ
เลือกกินอาหาร high-vibration (ผลไม้สด, น้ำผัก, น้ำเปล่าเยอะ ๆ)
👉 เพราะร่างกายที่สดชื่น = ใจที่ไม่เหนื่อยง่าย
.
2. ชาร์จพลังใจ (Mind Reset)
.
อ่านหนังสือ 1 บท/วัน (ไม่ต้องหนา แต่ต้องได้ “อะไรใหม่”)
เขียน Reflection Journal → “สัปดาห์นี้ฉันเรียนรู้อะไรจากตลาด?”
ทำ Meditation 10–15 นาที (อยู่กับลมหายใจเฉย ๆ ก็พอ)
👉 เพราะการหยุดคิดเรื่องกราฟ คือวิธีให้สมองกลับมา “คมกว่าเดิม”
.
3. พัฒนาสกิลเทรด (Skill Upgrade)
Backtest ระบบของตัวเอง → ย้อนดู 3–6 เดือน
ฝึกตีเส้น, อ่านแพทเทิร์น, จดสถิติ
เขียน Trading Plan สำหรับสัปดาห์หน้า → ว่า “ฉันจะโฟกัสคู่ไหน, ท่าไหน, RR เท่าไหร่”
👉 เพราะนักรบที่แท้จริง “ลับดาบตอนที่สนามรบปิด”
.
4. ยกระดับ Vib (Energy & Soul)
อยู่กับคนที่รัก + ทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เติมใจ เช่น ทำอาหาร, ดูหนัง, ฟังเพลง
เดินธรรมชาติ รับแสงแดด เชื่อมกับโลกจริง
เขียน Gratitude List: “3 สิ่งที่ฉันขอบคุณในสัปดาห์นี้”
👉 เพราะพลังบวกจากการขอบคุณ = ตัวแม่ดึงดูดกำไร
.
.
.
🧘 สำหรับวันหยุด
“วันหยุดนี้คือของขวัญให้ฉันชาร์จพลัง
ฉันเลือกพักเพื่อกลับมาแหลมคมกว่าเดิม
และฉันขอบคุณทุกบทเรียนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่หล่อหลอมให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น”
จะปิดการซื้อขายที่ขาดทุนได้อย่างไร?การตัด亏损เป็นศิลปะ และเทรดเดอร์ที่ขาดทุนคือศิลปิน
การปิดสถานะที่ขาดทุนเป็นทักษะสำคัญในการบริหารความเสี่ยง เมื่อคุณอยู่ในสถานะเทรดที่ขาดทุน คุณจำเป็นต้องรู้จักจังหวะที่จะออกจากตลาดและยอมรับความสูญเสีย ตามทฤษฎีแล้ว การตัด虧損และการรักษาเงินทุนให้น้อยที่สุดเป็นแนวคิดที่ง่าย แต่ในการปฏิบัติจริง มันเป็นศิลปะ
ต่อไปนี้เป็น 10 สิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อปิดสถานะที่ขาดทุน
อย่าเทรดโดยไม่มีกลยุทธ์การตัด亏损 คุณต้องรู้จุดที่จะออกจากตลาดก่อนที่จะวางคำสั่ง
ควรวางจุดตัด亏损นอกเหนือช่วงราคาปกติ ในระดับที่อาจเป็นสัญญาณว่ามุมมองการเทรดของคุณผิดพลาด
เทรดเดอร์บางคนตั้งจุดตัด亏损เป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น หากพวกเขาต้องการทำกำไร + 12% จากการเทรดหุ้น พวกเขาจะตั้งจุดตัด亏损ไว้ที่ -4% เพื่อสร้างอัตราส่วน กำไร/ตัด亏损 (TP/SL) ที่ 3: 1
เทรดเดอร์บางคนใช้จุดตัด虧損แบบกำหนดเวลา หากราคาทรุดลงแต่ไม่เคยแตะจุดตัด虧损หรือยังไม่ถึงเป้าหมายกำไรภายในกรอบเวลาที่กำหนด พวกเขาจะออกจากตลาดเท่านั้นเนื่องจากไม่มีแนวโน้มและไปหาโอกาสที่ดีกว่า
เทรดเดอร์หลายคนจะออกจากตลาดเมื่อเห็นราคาตลาดพุ่งสูง แม้ว่าราคาจะยังไม่ถึงจุดตัด亏损ก็ตาม
ในการเทรดตามแนวโน้มระยะยาว จุดตัด亏损จะต้องกว้างพอที่จะรองรับแนวโน้มระยะยาวที่แท้จริง โดยไม่ถูกตัดออกจากตลาดก่อนเวลาอันควรจากสัญญาณรบกวน จุดนี้เองที่ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน และสัญญาณการตัดกันของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อให้มีจุดตัด虧損ที่กว้างขึ้น สิ่งสำคัญคือการมีขนาดสถานะที่เล็กกว่าสำหรับการเทรดที่มีความผันผวนมากขึ้นและราคาที่มีความเสี่ยงสูง
คุณเทรดเพื่อทำกำไร ไม่ใช่ขาดทุน การถือครองสถานะที่ขาดทุนไว้เฉยๆ ด้วยความหวังว่ามันจะกลับมาเท่าทุนเพื่อที่คุณจะสามารถออกจากตลาดได้ที่จุดเท่าทุนนั้นเป็นแผนที่เลวร้ายที่สุดแผนหนึ่ง
เหตุผลที่เลวร้ายที่สุดในการขายสถานะที่ขาดทุนคือ อารมณ์หรือความเครียด เทรดเดอร์ควรมีเหตุผลเชิงเหตุผลและปริมาณที่ชัดเจนในการออกจากสถานะที่ขาดทุนเสมอ หากจุดตัด亏损แคบเกินไป คุณอาจถูกตัดออกจากตลาดก่อนเวลาอันควรและทุกการเทรดจะกลายเป็นการขาดทุนเล็กน้อยได้อย่างง่ายดาย คุณต้องเผื่อพื้นที่ให้กับการเทรดมากพอที่จะพัฒนา
ควรออกจากสถานะเสมอเมื่อสูญเสียทุนทรัพย์การเทรดสูงสุดตามที่กำหนดไว้ การตั้งเปอร์เซ็นต์การขาดทุนสูงสุดที่ 1% ถึง 2% ของเงินทุนการเทรดทั้งหมดของคุณตามจุดตัด亏损และขนาดสถานะของคุณจะช่วยลดความเสี่ยงในการหมดบัญชีและรักษาการขาดทุนของคุณให้น้อย
ศิลปะพื้นฐานของการขายสถานะที่ขาดทุนคือ การรู้จักความแตกต่างระหว่างความผันผวนตามปกติกับการเปลี่ยนแปลงราคาที่ส่งผลต่อแนวโน้ม
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุด วันนี้ดูหุ้นหน่อดีกว่า ส่วนใหญ่ที่ดูทั่วโลกเน้นปันผลสูงสุดซื้อสะสมไม่เน้นขายเก็งกำไร เน้นกินปันผลเป็นอาหาร
ไม่ว่าจะกราฟอะไรบนโลกนี้ก็ทำรูปแบบเดิมๆ
กราฟบีบกรอบราคาเม่าใจร้อนกลัวไม่ได้ราคาก็เข้าเลยไม่มีแผนก็จะโดนลากวนเวียนแถวนี้แหละ
กำไรก็ได้แต่ไม่มากแต่โดนลากนี่สุดจะบันเทิงเริงใจเลยทีเดียวสุดท้ายทนไม่ไหวก็ปิดขาดทุนไปตามระเบียบ
กราฟรอเลือกทาง บางคนFollow sell บางคนFollow BUY ไม่มีผิดไม่มีถูก
สิ่งที่ถูกคือเรากำหนดรูปแบบให้กราฟเข้ามาอยู่ในรูปแบบเรา ไว้แบบใดมากกว่า เราไม่ได้บังคับกราฟ แต่เรารอกราฟวิ่งมาหาเรา ถ้าเมื่อไหร่เรายังบังคับกราฟแสดงว่าตัวเราเอง ที่มีปัญหาไม่ใช่กราฟไม่ใช่อะไรทั้งนั้น
ตัวเอาเองผิดเองต้องโทษตัวเราเองจึงจะถูกต้อง
ฉะนั้นที่พูดไว้เสมอคือ การจดบันทึกการเทรดความผิดพลาด ความถูกต้องนั้นเพราะอะไร ชนะเพราะอะไร แพ้เพราะอะไร อารมณ์ความรู้สึกในตอนนั้นเป็นอย่างไร แล้วมีการคำนวนความเสี่ยงไว้เสมอหรือไม่
แล้วการคำนวนคำนวนแบบใด (ทุนหารจุดขาดทุนเท่ากับล็อตไซร์)
ไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเองควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด
ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
หุ้นที่ไล่ฝึกอ่านนั้นส่วนตัวจะไม่ทราบว่าเขาทำธุรกิจอะไรมีงบการเงินดีหรือไม่ มีปันผลกี่%เพราะส่วนตัวจะวิเคราะห์กราฟก่อนถ้าดีจะค่อยเจาะดูอีกทีว่าทำมาหากินอะไร ผู้ที่ต้องการอยากรู้ควรหาข้อมูลด้วยตนเอง
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ถ้าเห็นรีเจคแต่ราคาซึมลงต่อ คือการหลอกกินสภาพคล่อง?**แท่งรีเจค (Rejection, ไส้ยาว)**
ปกติคือสัญญาณว่า *มีการปฏิเสธราคา* → เช่น ซื้อดันขึ้น/ขายกดลง
แต่…
ถ้าหลังจากนั้นราคา **ไม่ไปตามรีเจค** กลับ “ซึมลงต่อ” → แสดงว่า **แรงที่รีเจคเกิดขึ้น
ไม่ได้มาจากเจตนาพลิกตลาดจริง แต่เป็นการ “หลอก/เทส/เก็บของ” ของเจ้ามือ**
.
---
.
## 📌 สิ่งที่เจ้ามือ (หรือ Smart Money) อาจกำลังทำ
.
1. **Stop Hunt / Liquidity Grab**
.
* เจตนาคือเคลียร์ Stop Loss ที่อยู่เหนือ/ใต้โซน → พอรีเจคแล้วจริง ๆ เขาไม่ได้จะกลับทิศ แต่แค่ “กินสภาพคล่อง”
* ตัวอย่าง: wick ยาวขึ้น แต่แท่งต่อไปไม่ follow buy → คือกิน SL ของ short traders แล้วกดลงต่อ
.
2. **Fake Reversal (หลอกกลับตัว)**
.
* ทำแท่งไส้สวย ๆ ให้รายย่อยคิดว่า “กลับตัวแล้ว” → กระโดดเข้า Buy
* จากนั้นเจ้ามือเทขายต่อ ทำให้รายย่อยติดดอย
.
3. **Absorption (การดูดซับออเดอร์)**
.
* Wick ยาว = มีแรงซื้อจริง แต่เจ้ามือ “รับออเดอร์ทั้งหมด” เอาไว้
* พอคนซื้อหมดแรง → ราคาก็ซึมลงต่อ (เพราะ supply ยังคงหนักกว่า demand)
.
4. **สร้างกับดักเพื่อต่อเนื่องเทรนด์เดิม**
.
* โดยเฉพาะถ้า HTF ยังเป็นขาลง → wick ที่เห็นอาจเป็นเพียง *pause/กับดัก* ก่อนลงต่อ
.
---
## 📊 วิธีอ่านว่าเป็นรีเจคจริง หรือหลอก
.
* **Volume**: ถ้าแท่ง wick ยาว แต่ volume สูงผิดปกติ → อาจเป็น stop hunt มากกว่า true reversal
* **Candle ต่อไป**: ถ้าไม่มี follow-through (เช่น แท่งเขียวปิดสูงกว่า) = ส่วนใหญ่หลอก
* **โครงสร้าง (Market Structure)**: ถ้าเทรนด์หลักยังเป็นขาลง → wick รีเจคด้านล่างส่วนใหญ่คือ “liquidity grab” เพื่อกดต่อ
* **บริบท Zone**: ถ้า wick อยู่กลางทาง → ไม่ใช่ demand จริง แต่ถ้าอยู่ที่ demand zone/OB → ยังมีสิทธิ์เป็น reversal ได้
.
---
.
## ✅ สรุป
.
* ถ้าเห็นรีเจคแต่ราคาซึมลง → **คือการหลอกกินสภาพคล่อง** มากกว่าการกลับตัวจริง
* เจ้ากำลัง “เทส” เพื่อดูว่ามีแรงซื้อพอจะกลับหรือยัง และใช้ wick ลวงคนเข้า Buy
* เราควร “รอดู confirm BOS/CHOCH” มากกว่าที่จะรีบเข้า Buy ที่ wick รีเจคแรก
ทำไมต้องออกจากตลาดทันทีเมื่อถึงเป้ากำไรประจำวันการออกจากตลาดเมื่อถึงเป้า เป็นทักษะสำคัญเท่ากับการหา entry ดี ๆ เพราะมันป้องกันการ “ถลำเพิ่ม” ที่สุดท้ายทำกำไรหาย หรือโดนกลับทำลายพอร์ต สรุปสั้น ๆ ก่อน:
เหตุผลหลัก — รักษากำไรที่ได้มา, ป้องกัน emotional / revenge trading, ป้องกัน volatility ที่ไม่คาดคิด, และรักษาวินัยของระบบ
.
ต่อไปนี้คือแผนแบบละเอียดที่ทำเป็นขั้นตอน ให้ทำตามได้จริงเลยครับ
# ทำไมต้องออกจากตลาดทันทีเมื่อถึงเป้ากำไรประจำวัน — และขั้นตอนปิดตลาดแบบละเอียด (Step-by-step)
---
# STEP A — ก่อนกดปิด (ทันทีที่ถึงเป้า)
(เวลา: 0–3 นาที)
.
1. **ตัดสินใจก่อน** — ย้ำกฎ: “วันนี้ได้ตามเป้า = หยุด” (พูดออกเสียงสั้น ๆ เช่น “หยุดวันนี้” หรือเขียนบนสติกเกอร์)
2. **ล็อกออเดอร์ที่เปิดอยู่**
.
* ถ้าคุณเปิดออร์เดอร์ค้าง: เลือกกลยุทธ์หนึ่งตามแผน (ดูตัวอย่างด้านล่าง) แล้วดำเนินการทันที
* Option 1 : ปิดทุกตำแหน่งทั้งหมด → ถอนความเสี่ยงออก
* Option 2 (แบ่งส่วน): ปิด 70–80% ของขนาดเพื่อเก็บกำไร ส่วนที่เหลือ 20–30% ให้วิ่งต่อด้วย SL ย้ายเป็น BE หรือ trailing stop ที่ชัดเจน
* Option 3 (ถ้าอยากให้มีโอกาสได้เพิ่ม): ปิด 50% → ย้าย SL ของส่วนที่เหลือเป็น BE + ตั้ง trailing stop = 1–1.5×ATR
3. **ยืนยันการปิด** — กดปิดหรือปรับคำสั่งให้เรียบร้อย (อย่าวางไว้เป็น “ลืม” แบบ market order ที่อาจพลาด)
4. **ปิดการแจ้งเตือนตลาดทันที** (notifications, price alerts) — ลดการถูกล่อตลอดเวลา
---
# STEP B — Shutdown ritual (ปิดจอจริง ๆ)
.
(เวลา: 3–10 นาที)
.
1. **ปิด/ล็อกหน้าจอเทรด** — ออกจากโปรแกรม trading / ปิด tab ของกราฟ
2. **ปิด/ปิดเสียง/ปิดการแจ้งเตือนโทรศัพท์** ของแอปเทรดและข่าวการเงิน
3. **ถอยจากโต๊ะ 5–15 นาที** — ลุกยืด ยืดเส้น เดินรอบบ้าน ดื่มน้ำ ล้างหน้า → ให้สมองเย็นลง
4. **หากิจกรรมตัดสมาธิ** เช่น ฟังเพลง, เดินออกไปซื้อของเล็กน้อย, ทำงานบ้าน — อย่าอยู่หน้าจอต่อ
---
# STEP C — Post-trade logging & emotional check (10–30 นาที)
.
1. **บันทึกใน Trade Journal ทันที** — ใช้ template ด้านล่าง (อย่าผลัด)
2. **ตอบคำถามอารมณ์:**
* วันนี้ฉันรู้สึกยังไงตอนเข้า/ออก? (ตื่นเต้น/กลัว/โลภ)
* ตัดสินใจตอนเข้า/ออกมาจากเหตุผลทางระบบหรืออารมณ์?
3. **จด 3 ข้อที่เรียนรู้วันนี้** (What went well, What went wrong, What to change)
4. **ตั้งการบ้านสำหรับพรุ่งนี้** — 1–2 จุดปรับปรุง เช่น “ลดขนาดเวลา volatility” หรือ “รอ confirmation M15”
.
**ตัวอย่าง Trade-Journal Template (สั้นๆ):**
.
* วันที่/เวลา:
* ตลาด/สัญลักษณ์:
* Entry: ราคา / Size / เวลา
* Exit: ราคา / Size / เวลา
* ผล (pips/\$ / %):
* เหตุผลเข้า: (สัญญาณ)
* เหตุผลออก: ถึงเป้า/SL/อื่น
* อารมณ์ตอนเทรด:
* Lesson (3 ข้อ):
.
---
# STEP D — กฎชัดเจนเพื่อป้องกันย้อนกลับ (วิธีบังคับวินัย)
.
1. **ตั้งกฎประจำวัน (Hard Rule)**: ตัวอย่าง
* “เมื่อกำไรต่อวัน = 1% ของพอร์ต → หยุดเทรดวันนี้”
* หรือ “เมื่อได้ 3 ชนะติด → หยุด 1 ชั่วโมง/หยุดวัน”
2. **ใช้ระบบเทคนิคช่วยบังคับ**:
* ตั้ง Auto-close / OCO / Close-all order เมื่อถึงยอดกำไร (หลายโบรกมีฟีเจอร์นี้)
* ตั้ง alarm/alert ที่บอกว่า “Reached daily target — DO NOT TRADE” และตั้งเสียง/ข้อความที่เตือนแรง ๆ
3. **จำกัดทุนที่เปิดได้ต่อวัน**: เปิดบัญชีแยก หรือย้ายเงินออกจากบัญชีเทรดเมื่อจบวัน
4. **ปิด hotkeys / disable one-click trading** — ทำให้ไม่สามารถเข้าออร์เดอร์ทันทีได้ (ลด impulse)
.
---
# STEP E — หากอยากปล่อยให้บางส่วนวิ่งต่อ (กฎชัดเจน)
ถ้าคุณอนุญาตให้ “บางส่วน” วิ่งต่อ กำหนดกฎชัดเจนก่อนวันเทรด เช่น:
* สูงสุด 20% ของพอร์ตเท่านั้น
* SL = BE (breakeven) + buffer (0.5×ATR)
* Trailing stop = 1.5×ATR หรือ fixed pip (เช่น 10–15 pips)
* ถ้ราคไปถึง +2×เป้าหมายรายวัน ให้ปิดส่วนที่เหลือทั้งหมด
ถ้าไม่มีกฎเหล่านี้ — อย่าให้เหลือ!
---
# STEP F — เทคนิคจิตวิทยา / วลีช่วย (เมื่อ FOMO อยากกลับเข้า)
.
* พูดกับตัวเองสั้น ๆ: “เป้าบอกให้หยุด — ฉันเคารพระบบ”
* ใช้ **รหัสหยุด (stop code)**: บันทึก 3 คำที่เตือนตัวเอง (เช่น “Risk Control”, “Plan First”, “Walk Away”)
* ถ้าหวั่นจะเช็กจอ → ตั้งนาฬิกา 1 ชั่วโมง เฉพาะกิจ (do not check) และทำงานอื่นแทน
---
# STEP G — ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน (ข่าวแรงหลังปิด)
.
* ถ้เป็นข่าว πολύใหญ่ และคุณมีตำแหน่งค้าง (คุณตัดสินใจให้มีส่วนเล็กเหลือ) — ให้ปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ (trailing SL หรือ close at next logical level)
* หากไม่มีตำแหน่งค้าง — **อย่าเข้าใหม่**: ให้รอถึง session ถัดไปหรือจนกว่าจะมีสัญญาณตามระบบ
---
# STEP H — สรุปวัน & เตรียมวันหน้า (สิ้นวัน)
.
1. ทำ End-of-day report: total P/L, #trades, winrate day, biggest mistake, biggest win
2. เซฟภาพหน้าจอกราฟสำคัญ 2–3 รูปที่แสดง trade คุณ
3. ตั้งเป้าสำหรับวันพรุ่งนี้ (watchlist, เหตุการณ์ข่าว, กฎพิเศษ)
4. พักผ่อน — นอนให้พอ อย่าฝืนเทรดต่อ
---
## ตัวอย่าง “Shutdown Script” (ใช้จริงก่อนปิดจอ)
.
1. **กดปิดทุกตำแหน่ง (หรือปรับตามกฎ)**
2. พูดออกเสียง: “หยุดวันนี้ — ส่งงานจบ”
3. ปิดโปรแกรมเทรด + ปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์
4. ยืด 5 นาที แล้วจดบันทึก 10 นาที
---
# Checklist สั้น ๆ พกไว้ก่อนปิด (แสดงเมื่อถึงเป้า)
.
* ถึงเป้ากำไรประจำวันแล้วจริงหรือไม่ (คำนวณรวมค่าธรรมเนียม)
* ปิด/จัดการตำแหน่งตามกฎ (close all / partial / trail)
* ปิดแจ้งเตือนทั้งหมดของตลาด
* บันทึก trade ใน journal (entry/exit/เหตุผล/อารมณ์)
* ทำ shutdown ritual (เดิน/น้ำ/ห่างหน้าจอ 10–30 นาที)
* ตั้งการบ้านพรุ่งนี้ + เซฟภาพกราฟ
---
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดแผนตลาดUSAวันนี้ เตรียมMMรอเข้าตามแผนไม่สนข่าว
ไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ราคาเคลียร์สภาพคล่องที่ Low แล้วดีดตัวแรง จากนั้นทำไมย่อแรง?🔹 สิ่งที่เกิดขึ้น
.
ราคาเคลียร์สภาพคล่องที่ Low
คนที่ Buy แถว Low (คิดว่าตรงนี้เป็น Support) → SL โดนกิน
คนที่ Sell Breakout (คิดว่าหลุด Low จะลงต่อ) → เข้า Sell
👉 เจ้าได้ “อาหาร” = ทั้ง Stop Loss + Order ใหม่จากฝั่ง Sell
.
ราคาดีดแรงทันที (Rejection)
พอเจ้าได้ของครบ (Buy Liquidity) → เจ้า Buy กลับขึ้นไป
มันเลยเห็นเป็น “แท่งเด้งแรง”
ทำไมหลังจากนั้นถึงย่อแรงอีก
.
แรงดีดแรก = มาจากการ “กิน Stop Loss” + “Short Squeeze”
แต่การดีดนั้น ไม่ได้หมายความว่าเจ้าอยากลากต่อทันที
เจ้ามักจะ “เช็กโซน” → ดูว่ามีใครตามขึ้นมาบ้าง → แล้ว “ย่อแรง” เพื่อ
หลอกให้คนที่รีบ Buy ติดดอย
สะสมของเพิ่ม (Load Position) ที่ Demand Zone
.
🔹 Flow แบบละเอียด
ลงมาเคลียร์ Low → เก็บสภาพคล่อง
ดีดแรง (Impulse Move) → สัญญาณว่ามีการกลับตัวชั่วคราว
ย่อแรงตามมา (Pullback)
เพื่อทำให้ตลาด “ดูไม่ชัวร์”
และสร้างโอกาสให้เจ้าเข้าซื้อเพิ่มในราคาที่ดีกว่า
หลังจากนั้น ถ้าโครงสร้างเปลี่ยน (เช่น BOS / CHoCH) → ราคามักจะไปต่อ
.
🔹 ตัวอย่างที่คุณเจอในกราฟ
.
06:00 → เคลียร์ Low ($$$)
เด้งขึ้นแรง → เพราะกิน SL Buy และ Short Squeeze
จากนั้น ย่อแรงอีกครั้ง → คือจังหวะเจ้าเช็กตลาด + สะสมของใหม่
.
🔹 ภาษาของ Smart Money
.
Stop Hunt = เคลียร์ Low
Spring / Sweep = ดีดแรงครั้งแรก
Retest / Pullback = ย่อแรงตามมา
True Move = เทรนด์จริงที่จะตามมา (ถ้าเจ้าอยากลากต่อ)
.
สรุปสั้น ๆ:
👉 ดีดแรก = สัญญาณว่าเจ้าเริ่มกินของ
👉 ย่อแรงทีหลัง = การเช็ก + สะสมของเพิ่ม
👉 ถ้าตลาดพร้อม → ค่อยปล่อยของจริงขึ้นต่อ
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเองควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด
ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
หุ้นที่ไล่ฝึกอ่านนั้นส่วนตัวจะไม่ทราบว่าเขาทำธุรกิจอะไรมีงบการเงินดีหรือไม่ มีปันผลกี่%เพราะส่วนตัวจะวิเคราะห์กราฟก่อนถ้าดีจะค่อยเจาะดูอีกทีว่าทำมาหากินอะไร ผู้ที่ต้องการอยากรู้ควรหาข้อมูลด้วยตนเอง
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดเช้ามากระบวนการความคิดก็ต้องเหมือนเดิมแบบเดิมๆที่เคยทำทำแบบไหนก็ทำแบบนั้นวิเคราะห์จากทามเฟรมไหนก็ทำตามนั้นตามที่ตัวเองเคยทำ
แล้วค่อยหาจุดเข้าเจาะลึกลงไปในแต่ละทามเฟรมใหม่อีกครั้งเสมอไม่ใช่จะตีเอาไว้ครั้งเดียวแล้วจบมันจะทำให้หลงทางได้
แผนนี้ใช้ได้ทั้งวัน
ไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
พฤติกรรมของเจ้า เวลาตลาดอยู่ใน ATH (All Time High)ผมจะเอา 2 เรื่องมารวมกันให้ชัดเจน:
พฤติกรรมของเจ้าเวลาตลาดอยู่ใน ATH (All Time High)
การย่อ–สร้าง L1 L2 → Break High
.
📊 Flow ของเจ้าเมื่ออยู่ใน ATH
ลากขึ้นต่อเนื่อง (Price Discovery)
ไม่มีแนวต้านเก่า → เจ้าลากขึ้นได้ง่าย
ใช้ SL ของคน Sell ดัก เป็นเชื้อเพลิง (Short Liquidity)
FOMO ของรายย่อย Buy ไล่ราคา = อาหารให้เจ้า ปล่อยของบางส่วน
พัก / ย่อ (Clear Liquidity ด้านล่าง)
ถึงแม้อยู่ ATH → เจ้าก็ต้อง “เติมน้ำมัน”
ลงมาเก็บ Demand Zone / EQL ที่พลาดไว้ก่อนหน้า
การย่อจะไม่ทำลายโครงสร้างหลัก → แต่พอให้สร้าง L1
ดีดขึ้น → สร้าง Higher Low (L2)
ถ้าราคาไม่หลุด Demand ใหญ่ = แปลว่าเจ้า “ยังคุมตลาด”
L2 = จุดยืนยันว่าโครงสร้างยังเป็นขาขึ้น
Break High → ATH ใหม่
หลังเก็บแรงเสร็จ → เจ้าลากต่อเพื่อสร้าง High ใหม่
ทำลายความหวังของคนที่ Sell ดักบน ATH
Cycle วนซ้ำ
ATH ใหม่ → เจ้าเริ่มปล่อยของอีก → เก็บแรง → สร้าง L1 – L2 → Break High ต่อ
นี่คือวงจร “Stop Hunt → Check Zone → Collect → Push Higher”
.
🎯 สิ่งที่สำคัญเวลาอยู่ ATH
ไม่มีแนวต้านชัดเจน → เราหาเป้าราคาได้ยาก ต้องใช้ Fibo, ATR Projection, หรือ Order Flow เป็นตัวช่วย
แนวรับชัดกว่านแนวต้าน → Demand Zone / EQL ข้างล่างคือตัวบอกว่าตลาดยังแข็งแรง
ถ้าหลุด L2 / Demand ใหญ่ → อาจเป็นสัญญาณแรกว่าเจ้าเริ่มเปลี่ยน Phase → Distribution
.
🛡 วิธีรับมือ
อย่าขายสวน ATH แบบไม่มีเหตุผล → เสี่ยงโดนลากต่อ
รอจังหวะย่อ (L1 – L2) → Buy ที่ Demand Zone ใต้โครงสร้าง
วัด Momentum → ถ้า Volume เริ่มหาย / มี Divergence → ระวังการพักยาวหรือการแจกของ (Distribution)
.
👉 สรุป:
ใน ATH เจ้าใช้ Sell Liquidity เป็นอาหารหลัก
พักลงมาสร้าง L1 – L2 เพื่อรีเซ็ตแรง → แล้วไปทำ High ใหม่
วงจรนี้จะวนไปเรื่อย ๆ จนกว่าเจ้าจะเริ่มแจกของ (Distribution Phase)
.
🔎 ทำไมถึงไม่มีจุดให้เข้า Buy
เจ้าไม่ย่อเพราะยังมีอาหาร (Stop Loss ฝั่ง Sell) อยู่ตลอดทาง
→ ราคาพุ่งต่อไปเรื่อย ๆ แค่กิน SL ของคนที่ Sell ดักด้านบน
.
เจ้าอยากให้คน “พลาดโอกาส”
→ คนที่รอ Buy Zone จะรู้สึกเสียดาย พอราคาไปสูง ๆ จะ “กระโดดเข้าตามน้ำ”
→ ซึ่งมักเป็นจุดที่เจ้าเริ่มปล่อยของ = รายย่อยติดดอย
.
ตลาดอยู่ในภาวะ Price Discovery (ATH)
→ ไม่มีแนวต้านเก่าให้พัก → เจ้าเลือกใช้จังหวะลากยาวแทนการพัก
.
🛡 วิธีรับมือเวลา “ไม่มีจุดเข้า Buy”
.
อย่ากระโดดตามน้ำตอนวิ่งชัน
→ ถ้าเข้า Buy ตรงยอด เสี่ยงโดนทุบเคลียร์สภาพคล่อง
ใช้ TF ย่อยหา Re-entry
ไปดู M1 / M5 → ถ้ามี Sideway เล็ก ๆ (Mini Range) → นั่นคือจุดที่เจ้า “พักหายใจ”
เข้า Buy จาก Breakout ของ Range เล็ก ๆ แทน
วาง Pending Buy ที่ Demand Zone
มาร์ก Zone ข้างล่างไว้ → วาง Buy Limit รอ
ถ้าราคาย่อมา = ได้ของถูก
ถ้าไม่ย่อเลย = ปล่อยไป ไม่เสี่ยงโดดตาม
เล่นแนวทาง Scaling In
ถ้ากลัวตกรถ → เข้าบางส่วนเล็ก ๆ (0.2 – 0.3 ของ Lot ที่ตั้งใจ)
ที่เหลือรอ Demand Zone → จะได้ไม่พลาดทั้งคู่
.
🎯 Mindset ที่สำคัญ
ตลาดที่ “ไม่ให้โอกาส” จริง ๆ แล้ว → คือการทดสอบวินัยเรา
เจ้าไม่อยากให้คุณได้ราคาดี → เขาอยากให้คุณโดดตามปลายทางแล้วติดดอย
คนที่รออย่างมีระบบ แม้จะพลาดรอบนี้ แต่จะได้จังหวะที่ “เสี่ยงคุ้มค่า” ในรอบถัดไป
.
👉 ถ้าตลาดไม่ย่อเลย คำตอบง่าย ๆ คือ:
“ไม่ใช่ทุก Wave ที่เราต้องขี่” 🐂
กราฟที่ขึ้นชัน แต่ไม่ย่อ มีวิธีรับมือยังไง?📊 สถานการณ์ที่คุณเจอ
.
XAUUSD ขึ้น แบบชันมาก → เทรนไลน์ตีแล้วแทบจะตั้งฉาก
ปกติเราจะรอให้กราฟ “ย่อ” ลงมา Clear Equal Low (EQL) หรือ Demand Zone → แต่กราฟ ไม่ย่อเลย เด้งขึ้นต่อเนื่อง
.
🔎 แปลความหมายของตลาด
สภาพตลาดอยู่ใน “Imbalance / FOMO Phase”
ช่วงนี้เป็นเฟสที่ แรงซื้อตลาดไล่ราคา (Aggressive Buy Orders)
เจ้ามือ / รายใหญ่ยัง ไม่จำเป็นต้องลงไปเคลียร์สภาพคล่อง
เพราะ Demand ที่อยู่ด้านล่าง ยังไม่ถูกทดสอบ → เขาเก็บ Order Buy ไปเรื่อย ๆ
แรงซื้อถูกดูดขึ้นไปเรื่อย ๆ
.
รายย่อยที่กลัวตกขบวน (FOMO) Buy ไล่ราคา
แต่ SL ของพวกนี้อยู่ข้างล่าง EQL / Demand Zone ทั้งนั้น
เจ้าจะปล่อยให้พลัง Buy ดันราคาไปก่อน → พอถึงจุดที่ Liquidity พอ เขาจะค่อย “ทุบกลับ”
.
“No Retracement Market”
ถ้ากราฟไม่ย่อเลย แสดงว่าตลาดอยู่ในโหมด Price Discovery (ค้นหาราคาสูงใหม่ ๆ)
โดยเฉพาะในทอง (XAUUSD) → ช่วงข่าวแรง ๆ / ดอลลาร์อ่อน / ความเสี่ยงสูง
.
🛡 วิธีรับมือ
อย่า FOMO เข้า Buy ตอนปลาย
.
ถ้าเข้า Buy ตอนกราฟชัน ๆ โดยไม่มีจุดพัก → ความเสี่ยงสูงมาก (เพราะถ้าทุบ จะทุบแรง)
มองหาการ Break Structure เล็ก ๆ (BOS/CHOCH) ใน TF ย่อย
ถ้ากราฟเริ่ม Sideway บนยอด + มี BOS ลง → นั่นอาจเป็นสัญญาณแรกที่ “เจ้าจะพัก/ย่อ”
.
ตั้ง Scenario ล่วงหน้า
Scenario 1: ถ้าไม่ย่อเลย = ปล่อยไปก่อน รอ Reversal Pattern
Scenario 2: ถ้าย่อ = Target Demand Zone / EQL ที่เราเล็งไว้
.
ใช้เครื่องมือช่วยวัด “แรงตลาด”
Volume → ถ้าเริ่มลดลงบนยอดแสดงว่ากำลัง “เก็บแรง”
ATR → ถ้าเริ่มหดเล็กลง = มีสิทธิ์พักหรือ Sideway
RSI → ถ้า Overbought แล้ว Divergence = มีสิทธิ์พักหรือลง
.
🎯 สรุป
กราฟที่ขึ้นชันแต่ไม่ย่อ → คือ ตลาดกำลัง Price Discovery / FOMO Phase
เจ้ามือยังไม่อยากเคลียร์ Liquidity → รอให้รายย่อยเข้า Buy กันเต็มก่อน ค่อยทุบทีเดียว
วิธีรับมือ: อย่ากระโดดตามตอนปลาย → รอ BOS/CHOCH หรือ Demand Zone ชัด ๆ ค่อยเข้าใหม่
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดลองทดสอบใส่ indicator 2 ตัวนี้เข้าไป
ถ้าได้ทดลองแล้วก็มีขอบคุณเจ้าของ indicator เขาด้วยนะครับเขาอุตสาทำมาให้ใช้ฟรี ให้เครดิตเขาหน่อยติดตามเขาหน่อยนะครับ
การตั้งค่าผมตั้งในแบบของผมนะเอาให้ดูได้แต่จะไปปรับแต่งยังไงก็แล้วแต่
ตัวที่1 trend magic ของคุณ KivancOzbilgic ตั้งค่า
cci period 20
ATR Multiplier 2
ATR Period 5
SRC ปิด
ตัวที่2CCI Stochastic and a quick lesson on Scalping & Trading Systems ของคุณ Daveatt ใช้ค่าเดิม
รูปแบบการใช้งานขึ้นกับเราเข้าใจส่วนตัวเข้าใจและใช้ในรูปแบบของตัวเอง
ไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ลองไปทดสอบได้ทุกอย่างบนโลกนี้ที่เป็นแท่งเทียน แต่ทุกการทดสอบจะต้องเกิดการทำซ้ำหลากหลายรูปแบบแต่คงไว้ด้วยระบบเงื่อนไขของเราให้ชัดเจน แล้วปรับใช้ให้เหมาะสมกับกราฟนั้นๆ
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ยกตัวอย่างมาให้ดูประมาณนี้แล้วกันครับสำหรับผู้เริ่มเข้ามาใหม่ หารูปแบบตัวเองจดคำถามหาคำตอบ ทดสอบระบบ ปรับปรุงพัฒนา ทดสอบกับคู่เงินใดคู่เงินหนึ่งจำลองสถานการณ์ การวิ่งแบบเทรน ขึ้น ลง SW จะเทรดอย่างไร วางกลยุทธ์การเทรดแบบใด ใน1คู่เงินมีรูปแบบการรบมากกว่า1ล้านรูปแบบ เราจะควบคุมสนามรบให้เข้ามาในรูปแบบเราได้อย่างไร นั้นคือการรอคอยให้รูปแบบสนามรบเข้ามาสู่รูปแบบยุทธวิธีการรบของเราเท่านั้นครับ
ส่วนตัวขอกลับไปที่ยุทธวิธีการรบของตนเองแล้วครับ จบการยกตัวอย่างทั้งหมดครับ
20กย68
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดทดลองใช้งานระบบนี้กับคู่เงินดู เดี๋ยวจะลองกับBTC และหุ้นทุกชนิดดู ตอนนี้ลองกับคู่เงินเออมันก็ไปได้ด้วยนะทรงเดียวกันเลยระบบการคิดเราก็เอามาสวมใส่กับกราฟได้เลย แต่ต้องทดลองไปอย่างน้อยสัก100ตัวอย่างและวัดผลกันอีกที ใน1คู่เราสามารถเทรดได้หลายรูปแบบ ตอนนี้ทดลองกับD1ยังทดลองกับ H4 H1 M30 m15 M5 M1 ฉะนั้นจะเทรดคู่ไหนให้ฝึกคู่นั้นๆไปให้มากสุดดีกว่า
ไม่ได้พูดนานแล้ว การวิเคราะห์นี้คือบันทึกการฝึกหาจุดเข้าส่วนตัวไม่ใช่การส่งซิกแนลการเทรดใดๆทั้งสิ้นเป็บสมุดบันทึกการเทรดส่วนตัว
เพียงแต่นำมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นได้ไปฝึกใช้ให้เข้ากับแนวทางการเทรดของตนเองหรือผู้เรียนรู้ใหม่ได้รู้จักตั้งไข่แบบใดยืนให้ได้ด้วยตนเอง
ควรเริ่มเรียนรู้สิ่งใด ควรฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบให้ตนเองเท่านั้น
กำหนดแผนสร้างรูปแบบการเทรดของตัวเองแล้วเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้
จะทำอะไรต้องมีรูปแบบตัวเองนะครับ อย่าเห็นแต่ภาพที่ตีไว้พอกราฟถึงแถบที่ตีปุ๊บกดปั๊บโดนลากปั๊บเลยนะจะบอกให้
ฉะนั้นแนวทางไม่ใช่จุดเข้าแนวทางใช้เพื่อเตรียมหาจุดเข้า