ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดได้ทดลองศึกษาIchimoku Cloud ดูครับ มองทีแรกตาลายเลย........แต่พอถามAIไปพยายามทำความเข้าใจเออ...มันก็พอเข้าใจอยู่นะ
ข้อมูลภาพรวมโดย AI
การใช้งาน Ichimoku Cloud สรุปได้คือ ใช้หาแนวโน้ม, สัญญาณซื้อ-ขาย, และหาแนวรับ-แนวต้าน โดยมีหลักการดังนี้:
แนวโน้ม:
ขาขึ้น: ราคาอยู่เหนือเมฆ, เมฆมีสีเขียว (Senkou A อยู่เหนือ Senkou B)
ขาลง: ราคาอยู่ใต้เมฆ, เมฆมีสีแดง (Senkou A อยู่ใต้ Senkou B)
สัญญาณซื้อ-ขาย:
สัญญาณซื้อ: Tenkan-sen ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen และราคาอยู่เหนือเมฆ
สัญญาณขาย: Tenkan-sen ตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen และราคาอยู่ใต้เมฆ
แนวรับ-แนวต้าน:
เมฆ (Cloud) ใช้เป็นแนวรับและแนวต้าน
เส้น Tenkan-sen และ Kijun-sen ก็ใช้เป็นแนวรับ-แนวต้านได้เช่นกัน
การยืนยัน:
สัญญาณจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านเมฆ และการดูทิศทางของ Chikou Span ที่ตัดผ่านกราฟก็ช่วยยืนยันแนวโน้มได้
สรุปหลัก: เทรดเดอร์ใช้การตัดกันของเส้น Tenkan-sen และ Kijun-sen ร่วมกับการดูตำแหน่งราคาเทียบกับเมฆ เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหรือขาย
สรุป ส่วนตัวขอไว้พอรู้พอเข้าใจแต่คงไม่ใช้งาน ถนัดกราฟเปล่ามากกว่า นานาจิตตังนะครับใครถนัดแบบไหนก็ใช้แบบนั้นครับไม่ต้องดราม่านะครับ
สุดท้ายเพิ่งอ่านทำความเข้าใจวันนี้วันแรก(เมื่อครึ่งชม.มานี่เองนะ)ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ไอเดียชุมชน
ระบบเทรดที่เหมาะกับพนักงานประจำ: สร้างพอร์ตให้เติบโตได้ แม้ไม่มีในยุคที่การลงทุนในตลาดหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความนิยมอย่างสูง 💻 หลายคนสนใจที่จะเข้ามาเป็นนักลงทุน แต่สำหรับ พนักงานประจำ 🧑💼 ที่มีตารางงานแน่นเอี้ยด การหาเวลามานั่งเฝ้าจอเพื่อเทรดแบบรายวันอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ❌ แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราสามารถลงทุนและสร้างผลตอบแทนได้ โดยไม่ต้องทิ้งงานประจำ?
คำตอบคือการเลือกใช้ ระบบเทรดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของพนักงานประจำ ซึ่งเน้นการลงทุนระยะยาวและใช้กลยุทธ์ที่ไม่ต้องใช้เวลาติดตามตลาดตลอดเวลาครับ ⏰
1. การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) 💰
DCA คือการทยอยลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่ากันอย่างสม่ำเสมอในทุกงวด เช่น ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน 🗓️ โดยไม่สนใจว่าราคา ณ ตอนนั้นจะสูงหรือต่ำ กลยุทธ์นี้เหมาะกับพนักงานประจำที่สุด เพราะไม่ต้องใช้เวลาวิเคราะห์ตลาดมากนัก
ข้อดี :
ลดความเสี่ยงจากการซื้อที่จุดสูงสุด: การซื้อกระจายหลายๆ ครั้งจะช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนให้ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยในระยะยาว 📉
สร้างวินัยในการออมและการลงทุน: การลงทุนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เงินทุนของเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง 🌱
ประหยัดเวลา : ไม่ต้องเฝ้าดูราคา ไม่ต้องจับจังหวะเข้าซื้อ เหมาะกับคนที่ยุ่งตลอดเวลา 🏃♂️
เหมาะสำหรับ : การลงทุนในกองทุนรวม, กองทุน ETF, หรือหุ้นพื้นฐานดีที่เรามั่นใจในระยะยาว 💎
2. ระบบเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following System) 📊
ระบบนี้จะเน้นการเข้าซื้อและถือครองเมื่อเห็นว่าสินทรัพย์นั้นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น (Uptrend) 🚀 และจะขายออกเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นขาลง (Downtrend) 📉 การลงทุนแบบนี้ไม่ต้องซื้อขายบ่อยๆ แต่จะใช้สัญญาณทางเทคนิคในการตัดสินใจ
การประยุกต์ใช้สำหรับพนักงานประจำ:
ใช้กรอบเวลารายสัปดาห์หรือรายเดือน: แทนที่จะใช้กราฟรายวันหรือรายชั่วโมง ให้เปลี่ยนมาดูกราฟที่มีกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เราไม่ต้องเช็กบ่อยๆ แค่อาทิตย์ละครั้งก็พอแล้ว 🗓️
ใช้เครื่องมือที่เรียบง่าย: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ถ้าเส้นราคาตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย ก็เป็นสัญญาณซื้อ หรือถ้าตัดลงมาก็เป็นสัญญาณขาย 🟢🔴
3. การลงทุนแบบคุณค่า (Value Investing) 🧐
กลยุทธ์นี้เน้นการค้นหาหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานดี มีกำไรสม่ำเสมอ แต่ราคาในตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น เมื่อเจอแล้วก็จะเข้าซื้อและถือยาวไปจนกว่าราคาจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง 💼
ทำไมถึงเหมาะกับพนักงานประจำ:
เน้นการวิเคราะห์บริษัท ไม่ใช่การเก็งกำไร: การวิเคราะห์งบการเงินหรือโมเดลธุรกิจสามารถทำได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 📚 ไม่ต้องใช้เวลาในวันทำงาน
ไม่ต้องเฝ้าจอ: การลงทุนแบบนี้เป็นการถือครองระยะยาวเป็นปีๆ ทำให้ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคาในระยะสั้นๆ 🧘♀️
ข้อควรจำก่อนเริ่มต้น 💡
จัดสรรเงินลงทุน: ใช้เงินเย็นที่ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 🧊
ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน: ไม่ว่าจะใช้ระบบเทรดไหน การทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด 📚
อย่าเชื่อคนอื่นทั้งหมด: สัญญาณซื้อ-ขายที่คนอื่นให้มาอาจไม่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของเราเสมอไป จงลงทุนในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจและมั่นใจเท่านั้น 💪
การเป็นพนักงานประจำไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเลยครับ เพียงแค่เราต้องเลือก "ระบบเทรดที่เหมาะสมกับตัวเรา" และสร้างวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สุดท้ายแล้ว พอร์ตการลงทุนของเราก็จะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงครับ 🌳
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดวัฏจักรชีวิต
เทรด time frame ใหญ่
คนทุนมากก็ไม่เครียดยอมรับขาดทุนได้มากกว่า
ต่างจากคนทุนน้อยมีความเครียดสูงยอมรับขาดทุนได้น้อยหรือไม่ได้เลย
ฉะนั้นการเทรดไม่ใช่จะทำตามคนอื่นเขาควรต้องทำตามงบประมาณในตัวเราและเข้าเทรดในทางเฟรมที่เหมาะสมกับเราไม่ใช่เหมาะสมกับคนอื่นเอาเราเข้าไปสวมอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะประคองให้พอร์ตตัวเองอยู่รอดได้ตลอดไปอย่างไรก็ต้องโดนล้างพอร์ตอยู่ดี
ฝึกอ่านกราฟหาจุดเข้าให้คมที่สุดสรุปผลวิเคราะห์จากการใช้งานอินดีเคเตอร์ กราฟทะลุสัญญาณที่เครื่องมือบอกหมด โดนSLไปแล้วครับ ยังเหลือHเดิมอีกสองจุด ต้องรอดูPA SELLอีกครั้งหนึ่งการเทรดSELLสวนแนวโน้มขึ้นแต่ถ้าเข้าได้จุดติดก็ลงยาวลงไกลให้SLหน้าไม้ไป แต่อย่างที่เห็นแนวโน้มใหญ่ยังมองขึ้นการลงอาจเป็นเพียงการย่อเพื่อขึ้นต่อเท่านั้นก็เป็นได้
เดี๋ยวค่อยมาวิเคราะห์ใหม่สัปดาห์หน้า ตอนนี้ปล่อยให้กราฟมันพุ่งๆไปก่อนเอาให้สุดก่อน
ฝึกอ่านกราฟมีพี่ท่านหนึงทักมาถามว่ามันจะขึ้นไปได้อีกเท่าไหร่ ก็ลองทำไปดูซึ่งถ้าจะให้พูดแน่นอน 100% เลยมันก็ต้องเอาที่ไฮเดิมที่เคยสูงที่สุดนั่นแหละครับคือจุดที่กราฟจะขึ้นไปต่อ
ส่วนถ้ามันจะขึ้นต่อหรือมันจะลงต่อตรงนั้นคือการคาดเดาด้วยหลักการที่มีเครื่องมือให้ใช้เอามาลองคาดการณ์หรือเรียกอีกอย่างก็คือมั่วนั่นแหละครับก็ลองตีทั้งฝั่งขึ้นและฝั่งลงเอาไว้ก็ตามภาพเลยครับถ้ามันจะขึ้นต่อเวลามันลงมันก็จะลงได้ไม่เกิน 50% ตามหลักการทั่วไปแต่มันก็มีโอกาสลงไปสุดถึง4.236ได้เช่นกันที่มีสอนข้อมูลต่างๆมีอยู่ใน YouTube และ google ลองหาดูครับมันมีรายละเอียดบอกเยอะแยะไปหมดเลยวัดฟิโบว์อย่างไรก็ไปหาใน google youtube เอาครับ
ฝึกอ่านกราฟทดลองใช้เครื่องมือตัวนี้มาลองดูแล้วก็มองดูหน้าครับตอนนี้มันก็มีรูปแบบมากมายให้เราเลือกมองจะเป็น order block ก็ได้ FVGก็ได้หรือจะเป็น demand supply ก็ได้หรือจะเป็น price action อะไรก็ได้ในภาพนี้ภาพเดียวมีให้เลือกตั้ง 4-5 อย่างเราจะเอาทั้งหมดมาใส่เลยก็ได้แต่เราถนัดหรือเปล่า
หรือถ้าบอกว่าเฮ้ย....มันยุ่งมันเยอะเกินไปเอาแค่อย่างสองอย่างก็พอ
ก็นั่นแหละครับคือสิ่งที่ต้องเลือกใส่ moving average เข้าไปไหมใส่ไปแล้วมันรู้เรื่องไหมว่ามันต้องทำงานยังไง
นั่นแหละครับคือสิ่งที่อยากจะบอกคือว่าจริงๆเลยหลายๆอย่างที่บอกตรงนี้มันเป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกันทั้งหมดเลยเพียงแค่เหลือแต่ว่าเราจะเลือกเอาอะไรมาใส่แค่นั้นเอง
อันนี้คือความจริงมันเป็นอย่างนี้จริงๆแล้วแต่ละหลักสูตรการสอนของแต่ละสำนักมันก็คือไอ้ตัวนี้แหละเพียงแต่เขาถนัดแบบไหนแล้วเขาเอามาสอนแค่นั้นเองให้เราจดจำแบบที่เขาสอนแค่นั้นเองซึ่งเราก็สามารถจดจำในแบบของเราก็ได้รูปแบบของเราก็ได้ประมาณนั้นแค่นี้ล่ะครับไม่มีอะไรต้องพูดแล้วหมดแล้วแค่นี้แหละ
มองดูจากภาพมันก็คือSW นั้นแหละเราก็ตีปิงปองเอา ทีนี้มัก็ขึ้นกับว่าเรากำเล็งฝั่งไหนอยู่แค่นั้นเอง
ฝึกอ่านกราฟยิ่งยกยิ่งSELแต่ต้องมีPA SELL ZONEเสมอไม่อย่างนั้นก็โดนลากฉะนั้นมีIndicatorให้ใช้แต่ก็ไม่ควรเข้าตามที่ระบบกำหนดควรเข้าเพราะรูปแบบของเราเงื่อนไขของเราindyเป็นเพียงเครื่องมือกลั่นกรองให้เราเหนื่อยน้อยลงเท่านั้น
มองใกล้ๆแนวโน้มSIDEWAY
แต่ถ้าย่อให้เล็กมันก็คือโน้มขึ้น
มันขึ้นกับมุมมองการมองเห็น
ของแต่ล่ะคน
บางคนมอง ขึ้น
บางคนมองลง
บางคนมองSW
มันมีรูปแบบการเข้าไม่เหมือนกัน
แต่มันสัมพันธ์กัน
อ้าวมีอีกคำถามเกิดมาในใจอีกและ ความสัมพันธ์กันของทามเฟรมก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มอีกและ
ภาพเดียวมีกี่คำถามที่ต้องหาล่ะทีนี้ ยังไงต้องหาคำตอบให้ได้ห้ามดินพอกหางหมู
คำถามอีกแล้วถ้าเราย่อลงไปที่TFเล็กๆลงจุดเข้ามันจะสัมพันธ์กันไหมก็ต้องทดสอบทดลองวาดภาพสร้างสัญลักษณ์ในภาพใหญ่ไว้แล้วค่อยๆย่อเข้าดูที่ล่ะTFและสร้างระบบเงื่อนไขตัวเองขึ้นมาทีล่ะเฟรมๆประกอบเป็นภาพรูปแบบของตัวเราเอง
ถ้าทำได้ประมาณนี้เอาแค่นี้ก่อนคิดว่าคนที่ได้อ่านและจับหลักทิศทางการเรียนรู้ไม่ได้ ยังไม่มั่นใจตนเองยังคงต้องมองหาแหล่งเสียตังค์ค่าเล่าเรียนได้ลองกลับมามองตัวเองบ้างว่าแท้จริงแล้วความรู้มันอยู่ที่ตัวเราอย่ากลัวในสิ่งที่ควรเรียนรู้อย่าสนใจกระแสหลักว่าคิดจะเทรดต้องลงคอร์สเรียนเสียตังก่อนความรู้มีมากมายกว่ายุคก่อนมันไม่มีอะไรดีเท่ากับตัวเราเลือกที่จะศึกษาหาความรู้เอง เอาให้รู้อยากเรียนเสริมเพิ่มค่อยไปลงเรียนมันจะได้ประสิทธิ์ภาพมากกว่าไม่เสียตังค์โดยเปล่าประโยชน์
ส่วนใหญ่คนไม่เข้าใจไปลงเรียนก็ไม่ต่างอะไรกับการไปถูกบังคับให้ปรับพื้นฐานความรู้บังคับให้ทำโน้นนี่นั้นเพราะอะไรรู้ไหมเพราะจุดอ่อนของคนเราคือการชอบถูกบังคับสั่งการคิดนอกกรอบไม่เป็นกลัวความไม่ปลอดภัย
ซึ่งถ้าเราลองคิดดีๆสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่อันตรายแล้วทำไมเราไม่คิดที่จะลองทำมันดูก่อนล่ะ อย่าคิดหวังพึ่งคนอื่นควรคิดช่วยเหลือตัวเองก่อนดีที่สุดครับ
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ไม่เคยใช้นะครับ เพียงแต่อยากบอกว่าอยากรู้อะไรให้ถามgoogle AI ฯลฯ อยากให้ลองฝึกตั้งคำถามหาคำตอบ ทำให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆนะครับ
การใช้ Bollinger Band ช่วยวิเคราะห์ แนวโน้มตลาด, ความผันผวน, และภาวะ Overbought/Oversold โดยสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาเทียบกับแถบบน (เส้นต้าน/ซื้อมากเกินไป), แถบล่าง (เส้นรับ/ขายมากเกินไป), และเส้นกลาง (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) นอกจากนี้ยังใช้ดู สัญญาณบีบตัว (Squeeze) ที่อาจบ่งชี้การ Breakout ครั้งใหญ่ หรือใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อยืนยันสัญญาณ.
องค์ประกอบของ Bollinger Band
Middle Band:
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (SMA) 20 วัน เป็นแกนกลางของกรอบ.
Upper Band:
เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน บวกด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2 เท่า.
Lower Band:
เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ลบด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2 เท่า.
หลักการใช้งาน
1. ดูทิศทางแนวโน้ม:
ขาขึ้น (Uptrend): ราคาเคลื่อนไหวระหว่าง Middle Band และ Upper Band.
ขาลง (Downtrend): ราคาเคลื่อนไหวระหว่าง Middle Band และ Lower Band.
Sideway: ราคาเคลื่อนไหวอยู่รอบ Middle Band และไม่ค่อยขยับเข้าใกล้ Upper หรือ Lower Band.
2. วัดความผันผวน:
แถบแคบ (Narrow Bands): บ่งชี้ความผันผวนต่ำ (Low Volatility) ซึ่งอาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วในอนาคต.
แถบกว้าง (Wide Bands): บ่งชี้ความผันผวนสูง (High Volatility).
3. ระบุภาวะ Overbought/Oversold:
Overbought: เมื่อราคาสัมผัสหรือทะลุ Upper Band แสดงว่าอาจมีการซื้อมากเกินไป และราคาอาจกลับตัวลงสู่ Middle Band.
Oversold: เมื่อราคาสัมผัสหรือทะลุ Lower Band แสดงว่าอาจมีการขายมากเกินไป และราคาอาจดีดตัวขึ้นสู่ Middle Band.
4. การบีบตัว (Squeeze):
สังเกตแถบ Bollinger Band ที่บีบตัวแคบลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นการบ่งชี้ถึงความผันผวนที่กำลังจะเพิ่มขึ้น และอาจเกิดการทะลุ (Breakout) ที่รุนแรงตามมา.
5. การทะลุ (Breakout):
การทะลุแถบบนหรือล่างออกไปอย่างเด็ดขาด มักบ่งชี้ว่าโมเมนตัมได้เปลี่ยนแปลง และราคาอาจเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางนั้น.
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรใช้ Bollinger Bands ร่วมกับเครื่องมือชี้วัดอื่น ๆ เช่น RSI เพื่อยืนยันสัญญาณ.
การเคลื่อนไหวของราคาที่อยู่นอกกรอบ Bollinger Bands เป็นเรื่องผิดปกติ และราคามักจะกลับเข้ามาเคลื่อนไหวในกรอบอีกครั้ง
ฝึกอ่านกราฟDivergence for many indicators v4
ตัว indicator อันนี้ก็ไม่เคยใช้งานหรอกครับก็ลองใส่ๆดูวิเคราะห์ดูอ่านค่าตามที่เขาบอกดูฝึกทำไปเรื่อยๆแบบนั้นแหละตัวไหนที่เราถนัดเช่าตัวนั้นนั่นแหละชอบอันไหนก็เอาตัวนั้นอันนี้ก็ลองทำมาดูก็มีความสัมพันธ์กับแนวความคิดของเราไม่ใช่น้อยนะก็พอได้แต่เราถนัดไหมถ้าถนัดก็เอาถ้าไม่มั่นใจคิดว่าแบบเดิมดีอยู่แล้วก็กลับไปแบบเดิมแค่นั้นเอง
ฝึกอ่านกราฟลองตีตามที่เครื่องมือเขาบอกไปก่อน
ย่อดูW D1 H4 H1 M30 M15 M5 M1
ดูว่าเขาจะบอกอะไรเรา
นี่แหละคือครูของเรา
ย่อH1จุดเข้าใกล้เคียงH4เลยแล้วทำไมเป็นเช่นนั้นมันคืออะไร
ถ้ามองผมคิดว่ามันก็คือหลักการ Demand & Supply แล้วมันคืออะไรอันนี้ผมไม่รู้ก็ไปหาคำตอบเอาเองในGooGle youtube มีสอนเพียบ เพียงแต่เราจะเลือกเรียนรู้อะไร
แต่อย่าลืมจุดประสงค์หลักเราคือการหาจุดเข้าที่แม่นยำที่สุด และการ MMในแบบฉบับของเราเท่านั้น
จบ....ที่H1 สำหรับการจับหลักเพื่อการเรียนรู้เพื่อไม่ให้สะเปะสะปะ อันนี้คือบอกกับตัวเองนะครับส่วนใครจะทำตามก็ทดลองเอาแล้วกันครับ
ฝึกอ่านกราฟลองตีตามที่เครื่องมือเขาบอกไปก่อน
ย่อดูW D1 H4 H1 M30 M15 M5 M1
ดูว่าเขาจะบอกอะไรเรา
นี่แหละคือครูของเรา
ทั้งหมดที่ทดลองทำมามันคือตัวอย่างการคิดเพื่อหาแนวทางของตัวเองซึ้งเราทุกคนทำได้หมดแต่จริตเราชอบแบบไหนอยากรู้อะไรนั้นคือตัวเราต้องรู้ว่าตัวเองอยากรู้ อยากเป็นอะไร แล้วไปหาคำตอบให้กับตัวเอง และทุ่มเทกับมันอย่าคิดว่ามีอาชีพหลักแล้ว ไอ้กราฟจะเป็นอย่างไรก็ช่างเราจะเสียเวลากับกราฟนานมากจนไม่ต่อเนื่องและเสียเวลาจากที่คิดว่าเดือนเดียวก็ทำได้กลายเป็น1ปี10ปีก็ไม่สำเร็จเหตุที่กล้าพูดเช่นนี้ก็เพราะพูดจากที่ตัวเองเป็นอยู่จากวันนั้นจนวันนี้ก็ปาเข้าไป10กว่าปีแล้วยังเทรดไม่ได้เลยจนถึงทุกวันนี้ ยังล้างพอตอยู่เหมือนเดิม
การจะใช้เครื่องมืออะไรเราก็ต้องเอามาทดลองมาใช้งานอย่าคิดว่ามีเครื่องมือแล้วจะเทรดพอตจริงได้เลยแป็บเดียวเดี๋ยวก็รวยแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ทุกวันนี้ดีมากเลยที่มีTradingview มีอินดี้ให้ทดลองใช้เพียบไม่เหมือนสมัยก่อนจะฝากเงินจะเปิดบัญชีแต่ล่ะทียังต้องเปิดพอต ต่างประเทศ ต้องใช้นส.รับรองจากทนายระหว่างประเทศเซ็นรับรองการเปิดบัญชี อีกวุ่นวายไปหมด
จะเรียนรู้กราฟก็มีแต่ MT4ไม่เหมือนทุกวันนี้มีหลากหลายแพล็ตฟอร์มให้เลือกใช้งานประมาณป้อนใส่ปากให้แล้วเหลือแต่เคี้ยวแล้วกลืนเองถ้าเคี้ยวแล้วกลืนเองไม่เป็นแนะนำให้เลิกเทรดไปทำมาหากินอย่างอื่นครับ
สมัยก่อนจะเทรดรูปแบบอะไรเราไม่มีเครื่องมือวาดรูปแบบTradingviewอย่างทุกวันนี้นะครับ สิ่งที่ดีที่สุดคือสมุดปากกาต้องจดเดี๋ยวนั้น จะแค็ปรูปแล้วมาพิมพ์สวยๆในคอมไม่ได้นะครับเพราะตอนนั้นสมองเราสั่งการเราแล้วต้องรีบจดไม่อย่างนั้นเราก็จะพลาดโอกาสดีๆที่สมองสั่งการเราในตอนนั้น
ครับที่พูดไม่ได้บอกว่าทุกคนจะต้องกลับไปอย่างในอดีต เพียงแต่จะบอกให้รู้ว่าทุกวันนี้มันมีอะไรหลากหลายสนับสนุนเราให้เป็นนักเทรดมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่เหลือเพียงเล็กน้อยคือตัวเราจะเลือกเป็นนักเทรด แบบใดเท่านั้น เพียวเราดีดนิ้วมือเหมือนทานอสเราก็ได้เป็นสิ่งนั้นแล้วครับ