การวิเคราะห์แนวโน้ม
อัพเดต XAU/USD ที่ดูไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนา XAU/USD ที่ดูไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน
ถ้าการ Extension เป็นการยืดตัวแบบ Impulsion wave
ก็ไม่ยากเลย พอจะคาดการณ์ตามกฏ Impulsion wave
กฏของ Impulsion wave
1.กฏของการสลับ Rule of alternation มักจะใช้กับ Wave 2 และ Wave 4
A = Price B=Time C=Severity % เมื่อเทียบกับ Wave 2 และ Wave4 D = Intricacy จำนวนคลื่นย่อยใน Wave 2
และ Wave4 E= Construction (โครงสร้างรูปแบบ Correction wave ของ wave2 และ wave4) คือ ถ้าสองเป็น Flat ไปแล้ว
Wave 4 จะเป็น Flat ซ้ำไม่ได้ ต้องเป็น Zigzag หรือ Triangle เท่านั้น
2.Overlap Rule ซึ่งเป็นตัวแยกแยะรูปแบบ Impulsion ด้วยรูปแบบ Teminal Impulse เป็นรูปแบบสำคัญ เพราะหากเกิดขึ้น
เมื่อใดเมื่อจบแล้ว ราคา จะต้องลงไปต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ WAVE 1 เสมอ
3.Rule of Equality คือ เมื่อเทียบระหว่าง 1 3 5 คลื่นที่ไม่ใช่คลื่นยืดตัว ทั้งสองมักต้องมีสัดส่วนเท่ากันในแง่ของราคา
หรือ เวลา หรือเป็นสัดส่วนในอัตราส่วน 61.8%
4.Extension Ruls กฏการยืดตัว จะต้องมีคลื่นยาวที่สุดเป็นคลื่นยืดตัว (เทียบเฉพาะ คลื่น 1 / 3 / 5 เท่านั้น) โดนทั่วไปคลื่นที่
Extension มักยาวตั้งแต่ 161.8% ขึ้นไป อาจจะความยาวน้อยกว่านี้แต่พบได้น้อย คือ
A.1 Extension คลื่น 1 ยาวที่สุด อาจมีความยาวไม่ถึง 161.8% ของความยาวคลื่นที่ 3 แต่ความยาวคลื่นที่ 3 ต้องยาว
ไม่เกิน 61.8% ของคลื่นที่1 เพราะว่าคลื่นที่ 1 ต้องเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด
B.หากคลื่น 3 Extension แต่ความยาวไม่ถึง 161.8% ของคลื่นที่ 1 และ คลื่น 5 คลื่น 5 สั้นกว่าคลื่นที่ 3 ในกรณีนี้ อาจทำให้
เกิดรูปแบบ Terminal impulse
******หาก รูปแบบคลื่น ไม่เป็นไปตามกฏของ Extension rules นี่้แล้ว และไม่เข้าข้อยกเว้นทั้งสองขึ้นข้างต้น แสดงว่าไม่ใช้
Impulsion แต่เป็นรูปแบบ Correction Patterns ซึ่งพบได้ทั่วไปในปัจจุบันในทุกตราสาร
เผยไอเดียกำไรง่ายๆ สั้นๆ หวังผลไม่มาก กับ GULFเผยไอเดียกำไรง่ายๆ สั้นๆ หวังผลไม่มาก กับ GULF หุ้นพลังงานไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ช่วงนี้จะ Seidway 125.5-128.5 แน่นอนว่าคงมีโอกาสมากพอที่จะตกไปอีก และขึ้นมา127.5-128.5 อีกครั้ง ซึ่งใช้เวลาน้อยมากๆ และไม่เสื่ยงมาก จึงแนะนำว่าซื้อตอน 125.5 ในราคา BID และขาย128 ในราคา OFFER เป็นกำไรที่น้อยๆแต่สำหรับคนไม่เสื่ยงถือเป็นไอเดียที่ดี หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกคนนะครับ
BTC/USD Correction Pattern Flat?Standard Correction Pattern Flat ซึ่งรูปแบบนี้มีกฎพื้นฐานของรูปแบบนี้ดังนี้
-Wave-c ต้องยาวอย่างน้้อย 38.2% ของ wave -a
-Wave-b ต้อง Retrace Wave -a อย่างน้อย 61.8% ขึ้นไป
กฎทั้งสองข้อนี้เป็นกฎพื้นฐานของรูปแบบ Flat ที่ขาดไม่ได้ หากไม่เข้า กฎนี้ก็ไม่ใช่ Flat
Flat ที่เป็นประเภท Normal Flat / Weak -b / Strong -b พวกนี่เขาแยกแยะกัน ด้วย ความยาวของ wave-b
เทียบกับ wave -a ว่ายาวแค่ไหน
Normal Flat ความยาว wave-b จะยาว 81% -100 % ของ wave-a
ความสําคัญของรูปแบบ หรือความยาวของ Wave-b จะมีนัยยะสําคัญที่จะบอกเราว่าความแข็งแรงของตลาดเป็นอย่างไรในแนวโน้มหลัก อย่าลืมว่า correction นี้เป็นการปรับตัวเพื่อลดความ
ร้อนแรงราคาก่อนหน้าที่ผ่านมา ดังนั้น wave-b ของ Flat มันจะมีทิศทางไปทางเดียวกับ แนวโน้มหลัก ดังนั้นหากความยาวของ wave-b มากก็แสดงว่าตลาดยังมีแรงส่งไปในแนวโน้มหลัก
สูงอยู่ด้วย แต่เราต้องดูความยาวของ wave-c อีกที่ตามมาว่ายาวแค่ไหน หาก wave-c สั้น แสดงว่า หลังจบ wave-c แล้ว ราคาจะวิ่งไปแนวโน้มหลักอย่างรุนแรง
ฺ BTC/USD จะกลับไปสูงกว่าดอยเดิม ?จากที่ forecast ไว้วันที่7/กุมภา/2018 ว่าน่าจะเป็นรูปแบบ correction flat a-b-c
ตอนนี้คลื่น a ก็จบไปเป็นที่แน่นอนแล้ว เพราะเกิดการ completely retracement ตอนนี้คือคลื่น b แน่นอน
เราต้องไปดูกฏของคลื่น b ว่ามีอะไรบ้าง
Normal Flat / Weak -b / Strong -b พวกนี่เขาแยกแยะกัน ด้วยความยาวของ wave-b เทียบกับ wave-a ว่ายาวแค่ไหน
1. Normal Flat ความยาว wave-b จะยาว 81% -100 % ของ wave-a
2. Weak -b Flat จะยาว 61.8%-80%
3. Strong -b Flat จะยาวมากกว่า Wave-a ข้อนี้ยังแบ่งย่อยออกเป็นรูปแบบอื่นอีก
3.1.Irregular Flat - wave-b จะยาวกว่า wave-a และ wave-c จะยาวกว่า wave-b
3.2.Irregular Failure หาก wave-b ยาวกว่า Wave-a แต่ wave-c สั้นกว่า wave-b
ความสําคัญของรูปแบบ หรือความยาวของ Wave-b จะมีนัยยะสําคัญทจี่ะบอกเราว่า ความแข็งแรงของตลาดเป็นอย่างไรในแนวโน้มหลัก
อย่าลืมว่า correction นี้เป็นการปรับตัวเพื่อลดความ ร้อนแรงของการขึ้น ก่อนหน้าที่ผ่านมา ดังนั้น wave-b ของ Flat
มันจะมีทิศทางไปทางเดียวกับ แนวโน้มหลัก ดังนั้นหากความยาวของ wave-b มากก็แสดงว่าตลาดยังมีแรงส่งไปในแนวโน้มหลักสูง อยู่ด้วย
แต่เราต้องดูความยาวของ wave-c อีกททีตี่ามมาว่ายาวแค่ไหน หาก wave-c สั้น แสดงว่า หลังจบ wave-c แล้ว ตลาดจะวิ่งไป
แรงในแนวโน้มหลักเดิมด้วย
ส่วนจะเป็น impulse wave คลื่น 1 ปรับฐานในคลื่น 2 หรือไม่ ผมใส่ความคิดเห็นไว้ เมื่อวันที่ 19/พฤศจิกายน /2018
XAUUSD และ ทอง ระยะยาวขอเปลี่ยนมุมมอง Update จะราฟที่มองไว้ จากพฤจิกา ปีที่แล้ว
ที่มองไว้ว่าการลงเป็น impulse wave ตอนนี้ ที่มองไว้ว่าเป็นคลื่น 4
มันขึ้นมาสูงเกินกว่าที่จะเป้นคลื่น 4 ก็อาจจะเป็น แค่ A B C
ช่วงที่ขึ้นมาขอ label เป็น a b c ไว้ก่อน ยังไม่นับเป็น 1 2 3
เพราะยังไม่ผ่านกฏการ Extension
"หากคลื่น 3 Extension แต่ความยาวไม่ถึง 161.8% ของคลื่นที่ 1 และ คลื่น 5 คลื่น 5 สั้นกว่าคลื่นที่ 3"
รอผ่านกฏค่อยเปลี่ยน
SCB Mid-termภาพรวมระยะกลาง ราคายังคงปรับตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยล่าสุดมีการรีบาวน์จากบริเวณแนวรับของเส้น Bullish trendline support ที่ประมาณ 127.5 บาท ก่อนจะมีการ sideway เล็กน้อยเกิดเป็นกรอบสามเหลี่ยม
การกลับตัวขึ้นไป ราคาจะต้องเบรคแนวรับที่ 132 - 135.5 บาท ไปให้ได้ เพื่อที่จะได้มี Potential ในการกลับตัวขึ้นไป
หากไม่สามารถเบรคแนวต้านได้ ราคาอาจจะมีการย่อลงมาทดสอบแนวรับอีกครั้งที่ประมาณ 128 บาท
KTC Long-termราคาได้มีการปรับตัวขึ้นมาเหนือกรอบสามเหลี่ยมและมีการเบรคจุดสูงสุดก่อนหน้าของช่วงวันที่ 7 พ.ค. 61 โดยขึ้นมาทำ New High ไว้ที่ 41.25 บาท
โดยการปรับตัวหลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า มีสัดส่วนการพักตัวอยู่ที่ 78.6 Fib retracement ดังนั้น โอกาสที่จะกลับขึ้นไปต่อจะมีสัดส่วนการเคลื่อนที่อยู่ที่ประมาณ 61.8 - 161.8 Fib หรือที่ 45 - 56.25 บาท โดยประมาณ
หากมีการย่อตัวลงมาจะมีแนวรับอยู่ที่ 38.25 - 37 บาท โดยประมาณ
SPRC Long-termราคายังคงปรับตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยการปรับตัวลงหลังจากที่มีการรีบาวน์ในช่วง ต้นเดือน กรกฏาคม 61 ราคาได้ปรับตัวลงมาคิดเป็นสัดส่วนที่ 200 Fib ก่อนจะมีการรีบาวน์ขึ้นมาในสัดส่วนที่ 23.6 Fib retracement
ซึ่งสัดส่วนในการรีบาวน์ขึ้นมานั้นค่อนข้างน้อย จึงมีโอกาสเป็นเพียงการพักตัวเพื่อลงต่อ และนอกจากนี้ในช่วงการรีบาวน์ขึ้นมาราคาได้มีการฟอร์มตัวจนเกิดเป็นกรอบสามเหลี่ยมแบบ Ascending triangle ซึ่งเป็น reversal pattern บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัว
แต่ในช่วงปลายเดือน เมษายน 62 ราคาได้มีการเบรคลงมาต่ำกว่ากรอบสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้น จึงทำให้เคลียร์สัญญาณในการกลับตัวทิ้งไป
ในส่วนของ Indicator โมเมนตัมของ MACD และ RSI ยังคงอยู่ในฝั่ง Bearish
ดังนั้นจากภาพรวมทั้งหมด ราคายังคงมีโอกาสที่จะลงไปต่อได้อีกที่ 200 - 261.8 Fib หรือที่ 9.3 - 7.6 บาท
โดยการปรับตัวลงมาจะมีโซนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 9.3 - 9 บาท โดยประมาณ ต่ำกว่านี้จะมีแนวรับอีกแนวอยู่ที่ 8.3 บาท ซึ่งถ้าหลุดก็มีโอกาสลงไปที่ 261.8 Fib หรือที่ 7.6 บาท โดยประมาณ
SET Mid-termราคายังคงปรับตัวอยู่ในกรอบ Ascending Channel บ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้นไปต่อในแนวโน้มขาขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นมายังคงมีแนวต้านสำคัญที่เป็นอุปสรรของราคาอยู่ที่ 1,677 - 1,665 และแนวต้านที่เป็นเส้น Bearish trendline อยู่ที่ 1,700 โดยประมาณ
ซึ่งราคาจะต้องเบรคแนวต้านเหล่านี้ขึ้นไปให้ได้เพื่อที่จะทำให้มี Potential ในการปรับตัวขึ้นไปต่อในระยะยาว
แต่ถ้าไม่สามารถเบรคขึ้นไปได้ก็มีโอกาสปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับอีกครั้ง โดยจะมีแนวรับอยู่ที่ 1,640 - 1,612 ตามลำดับ
DXY Mid-termในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนตลาดปิด มีการประกาศตัวเลขของ ข่าว Non-Farm และ Unemployment Rate ซึ่งมีความขัดแย้งกันจึงทำให้ราคาค่อนข้างผันผวน
แต่ในเชิง TA แล้วราคายังคงอยู่บริเวณโซนแนวรับสำคัญที่ 97.71 - 97.40 ดังนั้นในสัปดาห์ยังคงมีลุ้นการ Throw back กลับขึ้นไปจากบริเวณแนวรับได้อีกครั้ง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือในส่วนของ MACD นั้นเกิด Bearish Divergence ซึ่งบ่งบอกถึงการสะสมความอ่อนแรงของราคาทำให้ ราคายังมีโอกาสที่จะลงไปต่ำกว่าแนวรับสำคัญได้อยู่
ดังนั้นจากภาพรวมทั้งหมดบ่งบอกได้ว่า ในสัปดาห์หน้ายังคงต้องระวังเรื่องความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ แต่แนวโน้มโดยรวมยังเป็นไปในทิศทางเชิงบวก
BNBUSDT Long - termหลังจากราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 25.18 ดอลลาร์ ในช่วงต้นปี 61 การปรับตัวลงมาจนถึงปลายปี 61 คิดเป็นสัดส่วน 112.8 Fib retracement ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมาที่ค่อนข้างลึก ดังนั้นการกลับตัวขึ้นมาอาจจะไปได้ไม่ไกลนัก
โดยสัดส่วนในการกลับขึ้นไปจะอยู่ในช่วง 61.8 - 161.8 Fib ซึ่งปัจจุบันราคาได้ปรับตัวขึ้นมาเกิน 61.8 Fib แล้ว โดยขึ้นมาทดสอบบริเวณโซนแนวต้านสำคัญซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่เคยทำไว้
ดังนั้นหากราคาสามารถเบรคแนวต้านสำคัญนี้ขึ้นไปได้ก็มีโอกาสที่จะไปต่อที่ 161.8 Fib หรือที่ประมาณ 38.19 ดอลลาร์ ก่อนจะมีการ Correction อีกครั้ง
แต่ถ้าไม่สามารถเบรคโซนแนวต้านสำคัญขึ้นไปได้ก็มีโอกาสที่จะกลับลงไปที่โซนแนวรับที่ 17 - 11 ดอลลาร์ โดยประมาณ
LTCUSD Mid-termราคายังคงถูกปฎิเสธอยู่บริเวณโซนแนวต้านที่ประมาณ 84.5 ดอลลาร์ ถึงแม้ว่าจะมีการเบรคแนวต้านที่เป็นเส้น Beraish trendline ขึ้นมาก็ตาม
การถูกปฏิเสธของราคาทำให้ราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปที่บริเวณแนวรับ ที่ประมาณ 70 - 60 ดอลลาร์
จากภาพรวมทั้งหมด หากราคายังไม่หลุดไปต่ำกว่าแนวรับที่สอง ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์ ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปได้ที่ 61.8 - 161.8 Fib
แต่อย่างไรก็ตามการกลับตัวขึ้นไปราคาจะต้องเบรคแนวต้านที่ 84.5 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านที่มีการปฏิเสธราคาอยู่ ณ ปัจจุบัน และจะต้องเบรคแนวต้านที่ 99.4 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดก่อนหน้า เพื่อที่จะไปต่อในแนวโน้มขาขึ้น
OMGUSD 1.ถึงแม้จะมีการเบรคแนวต้านที่เป็นเส้น Bearish trendline ไปได้ แต่ราคาก็ยังคงถูกปฎิเสธจากโซนแนวต้านที่ 1.61 - 1.81 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้ราคามีโอกาสที่จะลงไปทดสอบโซนแนวรับที่บริเวณ 1.38 - 1.31 ดอลลาร์
การปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ราคาลงมาอยู่ในสัดส่วน 78.6 Fib retracement ซึ่งหากมีการรีบาวน์ขึ้นไปจากบริเวณนี้ จะมีโอกาสกลับไปได้ตั้งแต่ 61.8 - 161.8 Fib แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ราคาจะต้องเบรคโซนแนวต้านที่ 1.61 - 1.81 ดอลลาร์ไปให้ได้ก่อน
และหากสามารถเบรคจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ได้ที่ประมาณ 2.5 ดอลลาร์ ก็มีโอกาสที่จะไปต่อที่ 161.8 Extension หรือที่ประมาณ 3.18 ดอลลาร์
ETHUSD Mid-termราคายังคงทรงตัวอยู่บริเวณโซนแนวต้านสำคัญที่ประมาณ 163 - 187 ดอลลาร์ โดยมีเส้น EMA200 ทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วมอยู่บริเวณนั้น
อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นมาของราคายังคงมีการทำ Higher Low ขึ้นมาเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดกรอบสามเหลี่ยมแบบ Ascending triangle โดยทำหน้าที่เป็น Reversal pattern ซึ่งราคาจะต้องเบรคโซนแนวต้านสำคัญเพื่อคอนเฟิร์มรูปแบบที่เกิดขึ้น
แต่ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธันวาคม 61 ทำให้เกิด Bearish Divergence จาก MACD บ่งบอกถึงความอ่อนแรงสะสม
ส่วน RSI ในช่วงการปรับตัวสั้นๆตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม 62 เกิด Hidden Bullish Divergence ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้นไปต่อของราคา
ดังนั้นจากความขัดแย้งกันของหลายๆสัญญาณที่เกิดขึ้น อาจทำให้ราคามีความผันผวนอยู่ในช่วงปลายของกรอบสามเหลี่ยม จนกว่าราคาจะมีการเบรคไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเพื่อคอนเเฟิร์มสัญญาณ
BTCUSD Mid-termราคายังคงปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ปรับตัวขึ้นมาทดสอบโซนแนวต้านสำคัญในระยะยาวที่บริเวณ 5,755 - 6,425 ดอลลาร์ โดยราคาได้ทำ Swing High ไว้ที่ 6,190 ดอลลาร์ ก่อนจะมีเริ่มมีการปรับตัวลงเล็กน้อยที่บริเวณโซนแนวต้าน
โดยการปรับตัวขึ้นมาของราคาอยู่ในสัดส่วน 261.8 Fib Projection ซึ่งโดยปกติเมื่อมีการปรับตัวขึ้นมาในสัดส่วนนี้จะมีการพักตัวเกิดขึ้นก่อนจะมีการปรับตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ที่บริเวณ 261.8 Fib จะมีโซนแนวต้านสำคัญของราคาใน TF 1W อยู่ที่บริเวณนี้ อีกทั้งยังเกิดความอ่อนแรงสะสมจากการเกิด Bearish Divergence ของทั้ง MACD และ RSI บ่งบอกได้ว่า การที่จะเบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านสำคัญอาจจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ดังนั้นหากมีการย่อตัวเกิดขึ้น เราจะมีแนวรับในระยะสั้นอยู่บริเวณ 5,500 - 5,100 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงการปรับฐานในระยะสั้นที่ผ่านมา
แต่ถ้าหากราคาปรับตัวลงเล็กน้อยและสามารถเบรคโซนแนวต้านสำคัญขึ้นไปต่อได้ก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 461.8 Fib Projection หรือที่ประมาณ 7,817 ดอลลาร์
OMGUSD Mid-term หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดของปี 2019 ที่ประมาณ 2.5 ดอลลาร์ ในช่วงต้นเดือนเมษายน ราคาก็ได้มีการปรับตัวลงมาอีกครั้ง
โดยการปรับตัวลงมาครั้งนี้หากเทียบจากการรีบาวน์ขึ้นมาในช่วงต้นเดือน มีนาคม จะมีสัดส่วน retracement อยู่ที่ 78.6 Fib ซึ่งถือเป็นการพักตัวที่ค่อนข้างลึกและบ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับไปทำ New high นั้นมีค่อนข้างน้อย
ความเป็นไปได้กรณีถ้ากลับตัวขึ้นไปได้ อาจจะขึ้นไปทดสอบ High ก่อนหน้าและเกิดการ Sideway ก่อนที่จะมีการเบรคเพื่อเลือกทิศทางอีกครั้ง
แต่การปรับตัวลงมาครั้งนี้ ราคาได้กลับลงมาต่ำกว่าโซนแนวต้านที่เคยเบรคไปอีกครั้ง ดังนั้น จากการพักตัวลงมาที่ 78.6 Fib และอยู่ต่ำกว่าแนวต้าน อาจทำให้การกลับขึ้นไปนั้นค่อนข้างลำบาก
ปัจจุบันราคาปรับตัวอยู่ในกรอบ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1.6 - 1.7 ดอลลาร์ และมีแนวรับอยู่ที่ 1.38 - 1.31 ดอลลาร์ โดยประมาณ หากลงไปต่ำกว่าแนวรับก็มีโอกาสลงไปที่ 100 Fib retracement หรือที่ 1.15 ดอลลาร์
ในส่วนของ Indicator เกิด Hidden Bullish Divergence จาก RSI บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัวขึ้นไปของราคา
XAUUSD Mid-termราคาทองคำ หลังจากมีการ Pullback ที่บริเวณ EMA200 การกลับตัวขึ้นไปนั้นเป็นเพียงการกลับขึ้นไปทำ Lower High ซึ่งบ่งบอกว่าราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงในภาพรวมระยะกลาง
การเคลื่อนที่ของราคายังคงอยู่ในกรอบ Descending channel ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการปรับตัวลงไปต่อของราคา โดยมีแนวรับในระยะกลางอยู่ที่ประมาณ 1243 - 1233 ต่ำกว่านั้นจะมีแนวรับของกรอบสามเหลี่ยมในภาพรวมระยะยาวอยู่ที่ 1200 โดยประมาณ
ในส่วนของ Indicator ในช่วงการปรับตัวลงมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ภาพรวมของทั้ง MACD และ RSI โมเมนตัมยังคงอยู่ในฝั่ง Bearish