การวิเคราะห์แนวโน้ม
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มกรอบเล็กมองSIDEWAYเวลาเทรดต้องฝืนถึงแม้สัญญาณบอกให้BUYอย่าBUYเพราะถ้าเข้าแล้วโดนลากไปSELLทางที่ดีมองหาPA SELL TF เล็กๆดีกว่า แต่อย่าลืมหน้าBUYแข็งแรงกว่าเสมอการลงก็ไม่ใช่ว่าจะกลับไปหาจุดรับเดิมได้เขาอาจไปได้100-200จุดแล้วก็ไปตามพี่ใหญ่ฉะนั้นแผนการเทรเแต่ล่ะวันอย่าไปหวังว่าจะไปได้ไกล
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปใช้ชุดวิเคราะห์Wแล้วย่อD1มองแนวโน้มของD1แล้วบบีบกรอบสนามรบให้แคบลงให้ศ้ตรูวิ่งเข้ามาในแผนเราแล้วรอคอยใดยเตรียมหัวหมู่ทะลวงฟันเตรียมเข้าไปกำจัดศัตรูด้วยอาวุธหนักเก็บศัตรูให้ได้มากสุดแล้วรีบออกจากสนามรบทันทีโดยย่อหาจุดเข้าทำลายด้วยกรอบสนามที่แคบลงเพื่อให้กำหนดความศูนย์เสียที่น้อยลงโดยกำหนดความศูนย์เสียกำลังพลครั้งนี้ไว้ที่1:1เป็นอย่างน้อย
วิเคราะห์โอกาสหมดตัว ด้วย money and Time FrameCredit :ส่วนนึงนำมาจากช่อง cwayinvestment ยูทูป
- IM ของ S50 futures คือ 6860 บาท ต่อ 1 สัญญา
หมายความว่า ถ้าวางเงิน 6860 บาท แล้วเรามองว่าน่า Short ถ้าตลาด ลงจริง เราก็ได้ pay off ต้องมากกว่า 1 จุดเพราะ ว่าหักค่า comm ถึงได้กำไรเช่น 920 ลงมา 919 ยังไม่ได้กำไร จะได้กำไรต่อเมื่อต่ำกว่า 919
- ถ้าตลาดไปผิดทางที่เราคาล่ะ ก็จะขาดทุน จนถึง MM ก็ต้องเอาเงินมาเติมให้ครบ IM เช่น MM อยู่ที่ 3440 แล้ว พอร์ทเราต่ำกว่า MM เราควรนำเงินมาเติมให้กลับไปที่ IM เพื่อความปลอดภัยไม่ถูกปิดสัญญา
- จากบทวามข้างต้น การวางเงิน ที่ IM ไม่ฉลาด เพราะ พอร์ตไม่มั่นคง ทำให่อารมณ์เราไม่มั่นคง อ่อนไหวง่ายเมื่อตลาดผิดทาง
- Professional เขาจะวางมากกว่า ปรมะณ 3 เท่าหรือต่ำกว่า เพื่อกันราคาสะบัด ลองคิดดูว่าวันนึงสะบัดไป 50 จุดแล้วเราผิดทางทั้ง 50 จุด หมายความว่า เราขาด 10,000 ต่อหนึ่งสัญญา
- มูลค่าของ Set50 นำตัวคูณ 200 มา คูณราคาปัจจุบัน สมมติว่า 900 จุด แสดงว่า Set50มีมูลค่า 180,000 บาท เราวางเิงน 180,000 บาทต่อ 1 สัญญา ความเสี่ยงในการโดนราคาสะบัดจะหายไปทันทีเพราะ ไม่มีทางสะบัดเหลือ 0
- Timeframe มาเกี่ยวอะไร เราให้ TF เพื่อดูการสะบัดของราคา ถ้าเราวางเงินเยอะ เราสามารถใช้ TF ใหญ่ได้ลดความผันผวนทางอารมณ์ สำหรับขา Long
- แต่ถ้าเราวางต่ำมาก ๆ แล้วเรายังไม่คุ้นกับนิสัย S50 แฟนของเรา ซึ่งอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เราจะเสี่ยงมากในการ ปิดๆเปิดๆ สัญญา แล้วค่า comm ก็จะเสียไป สรุปเดือนนึง ค่า comm แพงกว่าขาดทุนจาก futures
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปเทรดรายวันบีบกรอบให้แคบทำแบบเดิมย่อทำเฟรมเล็กอยากเก็บไว้ก็ยิ่งย่อเล็กลงได้ถึง m5 แต่ก็อย่างว่า m5 ก็ 150 จุดก็หรูแล้วอย่าไปเก็บมากกว่านั้นอยากจะเก็บขึ้นมาเยอะหน่อยก็เอ็ม 15 แต่ทั้งหมดนี้ก็ใช้เวลาจบไม่เกิน 20 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นแต่ก็ไม่เกิน 1 วันแต่ทุกอย่างต้องทดสอบระบบทำซ้ำๆทำแบบเดิมแล้วมันใช่ถึงค่อยมั่นใจทำแล้วไม่ใช่ชนเส้นที่ตีแนวรับต้านเอาไว้แล้วมันยังทะลุอยู่ก็คือไม่ใช่ก็ต้องตีใหม่หาจุดเข้าใหม่หาจุดแนวรับแนวต้านใหม่หาสัญญาณกันแสดงตัวของกราฟใหม่จนกว่าจะใช่แล้วใช้วิธีเดิมมาพัฒนาปรับปรุง
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปใครจะได้เห็นกราฟที่ไล่ทำให้แบบนี้ไปก็โชคดีนะครับมือใหม่นี้โคตรโชคดีเลยเพราะว่าสิ่งที่ทำนี่มันคือการฝึกมาตลอดเป็นเวลานานมากทำซ้ำๆทำบ่อยๆเฝ้ากราฟไปเลย
อย่าบอกว่าไม่ต้องเฝ้ามือใหม่ต้องเฝ้ามือเก่าแล้วไม่ต้องเฝ้า
มือใหม่ไม่ชำนาญพฤติกรรมกราฟแต่ละตัวมันไม่เหมือนกันการวิ่งมันไม่เหมือนกันเลย
อาจจะมีความใกล้เคียงใช่แต่ข้างในมันไม่ใช่ไม่ใช่เลย
เพราะฉะนั้นเทรดคู่ไหนเอาคู่นั้น เอาให้เทรดแล้วได้ตังค์ก็พอไม่ต้องไปคิดว่าจังหวะไม่มาไปหาคู่ใหม่
ไม่ต้องไปคิดเอาคู่เดียวนี่แหละ ส่วนคู่อื่นถ้าอยากจะเอาให้ได้ก็ต้องไปฝึก demo ลดไซส์น้อยๆแล้วก็เข้าเทรดในหน้าทำเฟรมที่ใหญ่หน่อย จะได้ไม่ต้องเข้ามาดูบ่อยๆแล้วก็ดูว่ามันเข้าแผนไหม ถ้าใช่มันก็จบแค่นั้นแหละ
ฝึกบ่อยๆซ้ำๆภาพที่เห็นอยู่ในจอนี้ถ้าได้เห็นไปก็โชคดีเอาไปทำได้ทุกคู่ทุกหุ้นทุกตลาดในโลกที่สำคัญต้องฝึกบ่อยๆซ้ำๆ
ฝึกแล้วก็อย่าเอาไปเป็นไลค์โค้ชสอนเก็บตังค์คนอื่นเขาด้วยนะครับ
มันไม่มีจรรยาบรรณคุณได้ของฟรีคุณก็ต้องช่วยเหลือคนอื่นฟรีด้วย
คิดให้ดีอย่าคิดชั่วฉลาดแกมโกง
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปมองภาพรวมของ d1 ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปบีบกรอบเทรดในทามเฟรมที่เล็กลงพยายามสร้างเงื่อนไขในรูปแบบที่ตัวเองเข้าใจให้เป็นรูปประธรรมซะก่อนจะทำให้เราเชื่อมั่นในระบบของเราก่อนเสมอถ้าระบบมันไม่ใช่ก็จะไม่สามารถวิเคราะห์เจาะลึกลงไปได้อีกและจะไม่เกิดความเชื่อมั่นสิ่งสำคัญนั่นแหละครับคือระบบที่ทำบ่อยเกิดซ้ำบ่อยเกิดแล้วเป็นจริงแล้วเอามาทำต่อปรับปรุงพัฒนาไม่ใช่ปรับปรุงแก้ไขปรับปรุงแก้ไขคือปรับแล้วปรับอีกแก้แล้วใช้อีกเริ่มจากศูนย์ใหม่ไม่สิ้นสุดคนละบริบทคนละความหมายนะครับ
ฝึกวิเคราะห์หาจุดเข้าซื้อให้ละเอียด แม่นยำยิ่งๆขึ้นM15เรามาวางแผนสร้างตรรกะของM15จุดเข้าต่างๆจะเร็วกว่าพี่ใหญ่ ฉะนั้นจะเทรดทามเฟรมนี้อย่าคาดหวังว่าจะเก็บคำโตแบบพี่ใหญ่ จะคาดหวังเข้าM15 ออกH4แบบนั้นก็รอโดนSLอย่างเดียวกราฟในทามเฟรมเล็กมันสวิงอาจจะวิ่งลงไปหารับH4ก็ได้หรือทะลุหาต้านH4เลยก็ได้ไม่มีใครรู้รู้อย่างเดียวเทรดM15 TP SL M15 หรือ M5 พออย่าโลภ
Fed ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี 0.5%: ผลกระทบต่อทองคำและบิตคอยนการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับ 4.75%-5% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี มีผลกระทบทั้งต่อทองคำและบิตคอยน์อย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบต่อทองคำ
ทองคำมักจะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย เนื่องจากการลดต้นทุนการกู้ยืมทำให้นักลงทุนสนใจสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนแบบดอกเบี้ยอย่างทองคำมากขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัวลง
ผลกระทบต่อบิตคอยน์
บิตคอยน์และคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ อาจได้รับประโยชน์จากความผันผวนของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น การลดดอกเบี้ยทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินสูงขึ้น ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเช่นบิตคอยน์เพิ่มขึ้น
โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
แม้ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังมองว่า Fed อาจยังคงระมัดระวังในการปรับลดดอกเบี้ยต่อไป เพราะเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน หากการเติบโตยังไม่ชัดเจน Fed อาจเลือกที่จะลดดอกเบี้ยต่อไป แต่หากอัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาเร่งตัวขึ้น Fed อาจชะลอการปรับลดดอกเบี้ย.
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปเพราะฉะนั้นสร้างตรรกะทางความคิดเรียบร้อย
หาแนวรับต้านใกล้ราคาปัจจุบัน
เทรดในกรอบราคารับต้าH4โดย
ย่อหาจุดเข้าซื้อในTFที่เล็กลงด้วย
Price Action ต่างๆ
เพราะฉะนั้นถ้าหากหลุดจากกรอบที่ตั้งไว้ในแผนก็วางแผนเทรดตามแนวโน้มต่อไปด้วยวิธีการเทรดแบบ break out trade แบบ break out เป็นอย่างไรเช็คข้อมูลใน google มีสอนอยู่เยอะแยะลองสังเกตดู
Three Drive Pattern เทรดต่อเนื่องด้วยจุดกลับตัวของเทรนด์
👯👯👯 ยังคงอยู่กันต่อกับ ทฤษฎี Harmonic pattern บทความดีๆที่แนะนำเทคนิคการเทรดในรูปแบบต่างๆ หากใครเป็นสายเทคนิคอลแล้วหละก็ บอกเลยมันมีประโยชน์สุดๆ แถมยังฝึกไหวพริบที่ดีได้อีกด้วยนะ วันนี้แอดพาทุกท่านไปรู้จักกับThree Drive Pattern อยากรู้มันเป็นอย่งไร ใช้แบบไหน ตามมาอ่านกันได้เลย
Three Drive Pattern
เป็นอีกหนึ่งในรูปแบบตามทฤษฎีของ Harmonic Pattern ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรูปแบบ ABCD แต่มี 5 ขา ถ้าให้พูดกันแบบง่ายๆก็คือ Three Drive Pattern เป็นรูปแบบต่อเนื่องของ ABCD ที่เราสามารถทำกำไรได้หลายรอบนั่นเอง รูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเทรดยาวๆและรอจังหวะของการเทรดกลับตัว
วิธีการเทรดและการสังเกตุ
เมื่อราคาเซ๊ทอัพ ABCD รูปแบบที่เราเห็นจะมีลักษณะคล้าย ตัว M และ W นั่นเอง แต่มันจะต่อเนื่องจาก ABCD เกิดเป็นคลื่น3 ลูก นั่นเรียกว่า Three Drive Pattern
ให้เริ่มมองหาจุด LH และ LL หรือตำแหน่ง 1-2-3 เมื่อราคาทำเซ๊ทอัพครบ เราสามารถเข้าออเดอร์ได้และสามารถเก็บกำไรได้หลายรอบ จากการเบรคเอ๊าทฺอีกที
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับเทคนิคการเทรดแบบต่อเนื่องและการหาจุดกลับตัว ได้กำไรหลายต่อจริงๆนะ ใครรักใครชอบแบบไหนก็ลองเอาไปปรับและเลือกใช้กันดูนะฮะ แอเชื่อว่าไม่มากก็น้อย กำไรแน่นอน อยู่ที่ว่าเราเลือกชอบแบบไหน และเทรดให้ได้กำไรที่สุด
แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
การเลือก Time Frame ในการเทรด Forex ให้เหมาะสมกับแต่ละคนในการเทรด Forex นอกจากการทำความเข้าใจตลาด การวิเคราะห์กราฟ และการจัดการความเสี่ยงแล้ว การเลือก Time Frame หรือช่วงเวลาของกราฟที่เหมาะสมถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สามารถส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรดได้อย่างมาก การเลือก Time Frame ไม่ได้มีผลเพียงแค่รูปแบบของกราฟที่นักเทรดเห็น แต่ยังส่งผลถึงความถนัดและความสะดวกในการจัดการเวลาของแต่ละคนด้วย
Time Frame คืออะไร?
Time Frame ในการเทรด Forex หมายถึงช่วงระยะเวลาของแท่งกราฟแต่ละแท่งที่ปรากฏอยู่บนชาร์ต เช่น หากคุณเลือก Time Frame 1 ชั่วโมง หมายความว่าแท่งกราฟแต่ละแท่งจะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในระยะเวลา 1 ชั่วโมง
ในตลาด Forex มี Time Frame ให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่กราฟระยะสั้น (M1 หรือ 1 นาที) จนถึงกราฟระยะยาว (MN หรือ 1 เดือน) นักเทรดสามารถเลือกดูกราฟในช่วงเวลาที่ต่างกันได้ ซึ่ง Time Frame แต่ละช่วงจะให้มุมมองที่ต่างกันในการวิเคราะห์
ประเภทของนักเทรดและ Time Frame ที่เหมาะสม
นักเทรดแต่ละคนมีสไตล์การเทรดและความสะดวกในการจัดการเวลาที่แตกต่างกัน การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมจึงควรสอดคล้องกับลักษณะการเทรดของแต่ละคน
1.Scalper (เทรดระยะสั้นมาก)
นักเทรดประเภท Scalper คือผู้ที่ชอบการทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ ภายในไม่กี่นาที การเทรดสไตล์นี้ต้องการความรวดเร็วและมีการเข้าและออกจากตลาดบ่อยครั้ง Time Frame ที่เหมาะสมสำหรับ Scalper คือกราฟระยะสั้น เช่น M1 (1 นาที) หรือ M5 (5 นาที) ซึ่งจะทำให้นักเทรดสามารถจับการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างรวดเร็ว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ชอบการเทรดบ่อยครั้งในระยะเวลาสั้น
ผู้ที่สามารถติดตามตลาดและมีเวลามากในการดูกราฟ
ผู้ที่ชอบความรวดเร็วในการทำกำไรและทนความเครียดจากความผันผวนได้ดี
2.Day Trader (เทรดระยะวัน)
Day Trader คือผู้ที่มักจะเปิดและปิดออเดอร์ภายในวันเดียวกัน การเทรดประเภทนี้มักจะเน้นการทำกำไรในช่วงระหว่างวันและไม่เปิดออเดอร์ข้ามคืน Time Frame ที่เหมาะสมคือ M15 (15 นาที), M30 (30 นาที) หรือ H1 (1 ชั่วโมง) ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะเวลาสั้นถึงปานกลาง
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ต้องการทำกำไรภายในวันเดียวโดยไม่ต้องถือออเดอร์ข้ามคืน
ผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดตลอดทั้งวันแต่ไม่มากพอสำหรับ Scalping
ผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความเร็วในการเทรดและการวิเคราะห์เชิงลึก
3.Swing Trader (เทรดระยะกลาง)
นักเทรดสไตล์ Swing Trader จะเปิดออเดอร์และถือครองตำแหน่งนานกว่า Day Trader บางครั้งอาจถือข้ามคืนหรือข้ามหลายวัน การเทรดแบบนี้ต้องการการวิเคราะห์ภาพรวมในระยะยาวมากขึ้น Time Frame ที่เหมาะสมสำหรับ Swing Trader คือ H4 (4 ชั่วโมง), D1 (1 วัน) ซึ่งให้ภาพรวมของตลาดในช่วงเวลาที่ยาวขึ้น ช่วยให้การตัดสินใจเทรดแม่นยำขึ้น
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ต้องการถือออเดอร์ในระยะเวลานานหลายวันหรือนานเป็นสัปดาห์
ผู้ที่ชอบวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ของตลาด
ผู้ที่มีเวลาจำกัดในการเฝ้าตลาดแต่ยังต้องการทำกำไรในระยะกลาง
4.Position Trader (เทรดระยะยาว)
Position Trader มักจะเปิดออเดอร์และถือครองตำแหน่งเป็นเวลานาน อาจเป็นสัปดาห์หรือเดือน ซึ่งนักเทรดประเภทนี้เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจมากกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค Time Frame ที่เหมาะสมคือ W1 (1 สัปดาห์) หรือ MN (1 เดือน) ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ของตลาดในระยะยาว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่ไม่ต้องการเทรดบ่อยแต่ต้องการวิเคราะห์ตลาดในระยะยาว
ผู้ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มใหญ่ของตลาด
ผู้ที่ไม่ต้องการเฝ้าติดตามตลาดบ่อยครั้งและยอมรับการถือออเดอร์นาน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือก Time Frame
ลักษณะการเทรดของตัวเอง: นักเทรดควรถามตัวเองว่าชอบการเทรดแบบใด เช่น ถ้าชอบการเข้าออกตลาดบ่อยครั้ง ควรเลือก Time Frame สั้น แต่ถ้าชอบการวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ ควรเลือก Time Frame ที่ยาวขึ้น
ระยะเวลาที่ใช้ในการเฝ้าตลาด: หากคุณมีเวลาจำกัดในแต่ละวันในการเทรด Time Frame สั้นอาจไม่เหมาะสม แต่ถ้าคุณสามารถเฝ้าตลาดตลอดเวลา Time Frame สั้นอาจช่วยให้คุณทำกำไรได้เร็วกว่า
ความชำนาญ: นักเทรดมือใหม่มักจะเหมาะกับ Time Frame ที่ยาวขึ้น เช่น H4 หรือ D1 เพราะตลาดมีความเคลื่อนไหวที่ไม่รวดเร็วเกินไป ทำให้สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สรุป
การเลือก Time Frame ในการเทรด Forex ควรพิจารณาจากสไตล์การเทรด ลักษณะการใช้ชีวิต และความสามารถในการวิเคราะห์ของนักเทรดแต่ละคน ไม่มี Time Frame ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมกับตัวเองจะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
“ไหล่-หัว-ไหล่”: อัตราความสำเร็จที่แท้จริง“ไหล่-หัว-ไหล่”: อัตราความสำเร็จที่แท้จริง
ไหล่ - หัว - ไหล่ถอยหลัง: ตรวจสอบปริมาตรที่จุดขาดเส้นขีด!!
นี่คือสิ่งที่เราสามารถพูดได้เกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของรูปแบบไหล่-หัว-ไหล่แบบกลับหัวในการซื้อขาย:
-รูปแบบหัว-ไหล่แบบกลับหัวถือเป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับการคาดการณ์การกลับตัวของตลาดกระทิง
-ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง อัตราความสำเร็จของรูปแบบนี้สูงมาก โดยประมาณ 98% ของกรณีส่งผลให้เกิดภาวะกระทิง
- แม่นยำยิ่งขึ้น ในกรณี 63% ราคาจะถึงเป้าหมายราคาที่คำนวณจากรูปแบบเมื่อคอหัก
-การดึงกลับ (กลับไปที่แนวคอหลังจากการฝ่าวงล้อม) จะเกิดขึ้นใน 45% ของกรณี
-อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าตัวเลขที่มองโลกในแง่ดีเหล่านี้ต้องมีคุณสมบัติ แหล่งข้อมูลอื่นๆ ระบุถึงอัตราความสำเร็จเล็กน้อย ประมาณ 60%
-ความน่าเชื่อถือของตัวเลขขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความเคารพต่อสัดส่วน การหักของคอเสื้อ ปริมาตร ฯลฯ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างเข้มงวด
- ขอแนะนำให้ใช้ตัวเลขนี้เพิ่มเติมจากตัวบ่งชี้และการวิเคราะห์อื่นๆ แทนที่จะพึ่งตัวเลขนั้นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
โดยสรุป แม้ว่าการกลับหัว-ไหล่จะถือเป็นตัวเลขที่น่าเชื่อถือมาก แต่อัตราความสำเร็จที่แท้จริงของมันน่าจะใกล้เคียงกับ 60-70% มากกว่าที่ 98% อ้างกันในบางครั้ง ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและนอกเหนือจากการวิเคราะห์อื่นๆ
-
ไหล่-หัว-ไหล่:
นี่คือสิ่งที่เราสามารถพูดได้เกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของรูปแบบไหล่-หัว-ไหล่ในการซื้อขาย:
-รูปแบบ Head-and-Shoulder ถือเป็นรูปแบบกราฟที่น่าเชื่อถือที่สุดรูปแบบหนึ่ง แต่อัตราความสำเร็จที่แน่นอนของรูปแบบนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิเคราะห์ทางเทคนิค นี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องจำ:
- แหล่งข้อมูลบางแห่งอ้างว่ามีอัตราความสำเร็จที่สูงมาก สูงถึง 93% หรือ 96% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้อาจเกินจริงและไม่สะท้อนถึงความเป็นจริงของการซื้อขาย
-ในความเป็นจริง อัตราความสำเร็จน่าจะน้อยกว่านี้ การศึกษาที่อ้างถึงระบุว่าราคาบรรลุเป้าหมายประมาณ 60% สำหรับเคสแบบสวมหัวและไหล่แบบคลาสสิก
-สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า ไหล่-หัว-ไหล่ไม่ใช่รูปร่างที่เข้าใจผิดได้ การมีอยู่ของมันเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะรับประกันการพลิกกลับของแนวโน้ม
-ความน่าเชื่อถือของตัวเลขขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความเคารพต่อสัดส่วน การหักของคอเสื้อ ปริมาตร ฯลฯ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างเข้มงวด
-เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หลายคนแนะนำให้ใช้ตัวเลขนี้นอกเหนือจากตัวบ่งชี้และการวิเคราะห์อื่นๆ แทนที่จะพึ่งพาตัวเลขนี้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
โดยสรุป แม้ว่ารูปแบบแบบไหล่-หัว-ไหล่ถือเป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้ แต่อัตราความสำเร็จที่แท้จริงของรูปแบบนี้น่าจะใกล้เคียงกับ 60% มากกว่าแบบ 90%+ ที่บางครั้งอ้างไว้ ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและนอกเหนือจากการวิเคราะห์อื่นๆ
-
หมายเหตุ: เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว รูปแบบ head-and-shoulder แบบคลาสสิก (ตลาดหมี) จะมีอัตราความสำเร็จที่ต่ำกว่าเล็กน้อย โดยประมาณ 60% ของกรณีที่บรรลุวัตถุประสงค์ด้านราคา