ช็อตคัต! วิเคราะห์, สร้าง, และศึกษาแผนภูมิได้รวดเร็วขึ้นช็อตคัต ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและสร้างแผนภูมิได้รวดเร็วขึ้น, ง่ายขึ้น, และคล่องแคล่วมากขึ้น แทนที่จะใช้การคลิกลงบนแต่ละเครื่องมือในแต่ละครั้ง คุณสามารถใช้ช็อตคัตเพื่อเร่งกระบวนการทำงานได้ ในชาร์ตเราได้ยกเอารายการยอดนิยมหลายรายการ ได้แก่:
Alt + T = เส้นแนวโน้ม
Alt + F = Fib Retracement
Alt + H = เส้นแนวนอน
Alt + V = เส้นแนวตั้ง
Alt + C = เส้นตัด
Alt + A = เพิ่มการแจ้งเตือน
Alt + S = แคปหน้าจอชาร์ต
Alt + I = กลับด้านชาร์ต
Alt + P = ชาร์ตเปอร์เซ็นต์
Alt + L = ชาร์ตแบบล็อก
ถ้าคุณใช้เครื่องแมค, กดปุ่ม option ⌥ แทนปุ่ม Alt:
⌥ + T = เส้นแนวโน้ม
⌥ + F = Fib retracement
⌥ + H = เส้นแนวนอน
⌥ + V = เส้นแนวตั้ง
⌥ + C = เส้นตัด
⌥ + A = เพิ่มการแจ้งเตือน
⌥ + S = แคปหน้าจอชาร์ต
⌥ + I = กลับด้านชาร์ต
⌥ + P = ชาร์ตแบบเปอร์เซ็นต์
⌥ + L = ชาร์ตแบบล็อก
สำหรับคำแนะนำที่สมบูรณ์เกี่ยวกับช็อตคัตที่มีให้สำหรับคุณโปรดไปที่ คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ของเราที่นี่ ตัวอย่างเช่น กด Space bar เพื่อดูแต่ละแผนภูมิในรายการเฝ้าดูของคุณ หรือลบวัตถุด้วยล้อเลื่อนของเมาส์โดยวางเคอร์เซอร์ไว้เหนือรูปวาดหรืออินดิเคเตอร์จากนั้นคลิกที่ล้อเลื่อนของเมาส์ เปิดเมนูอินดิเคเตอร์เพียงแค่กด "/" บนแป้นพิมพ์ของคุณ และเปลี่ยนกรอบเวลาของชาร์ตเพียงแค่พิมพ์ตัวเลขใด ๆ ลงในแป้นพิมพ์โดยตรง
เราหวังว่าคุณจะสนุกกับช็อตคัตเหล่านี้ และหากคุณคิดว่าเราควรสร้างช็อตคัตที่จะช่วยในการเทรดหรือการลงทุนของคุณ โปรดเขียนมันไว้ในส่วนความคิดเห็นด้านล่างนี้ เราอาจสร้างมันให้คุณ! ขอขอบคุณที่เป็นสมาชิกของ TradingView
การวิเคราะห์แนวโน้ม
[THANI] ความสวยงามของหุ้นที่กำไรโตแบบตามธรรมชาติ (Organic)
วันนี้ผมมีไอเดียการผนวกนำเอาเรื่องผลประกอบการ ผลกำไรสุทธิมาทำ Valuation เพื่อให้แสดงค่าราคาในการเข้าซื้อขายหุ้นให้ดูกันครับ
จากรูปนี้เส้นสีเขียว สีเหลือง และสีแดง แสดงค่าการนำตัวเลขผลประกอบการหรือ EPS มาคูณด้วย ค่าอัตราการจ่ายปันผล แล้วหารด้วยอัตราการจ่ายปันผลอีกที (Price = EPS * Dividend_Payout/Dividend_Yield)
ซึ่งราคาหุ้นที่จะได้นี้ จะกำหนดได้จากเปอร์เซ็นเงินปันผลที่ท่านต้องการเลย ซึ่งในที่นี้ผมตั้งค่าเงินปันผลไว้ที่ 5% ส่วน Payout ผมตั้งคงที่ไว้ท่ 40% ครับ
จากนั้นก็ปล่อยให้โค้ดของเราแสดงค่ากันไป
สิ่งที่น่าวิเศษใจ คือการที่เส้นเขียวของเราขึ้นไปเป็นขั้นบันไดแบบคงที่เรื่อยๆ นั่นเอง เสมือนว่าราคาเขาขึ้นไปตามพื้นฐานด้วยตัวของเขาเอง
ผมเชื่อว่าภาพนี้คงเป็นตัวบอกได้ดีเลย ว่าเหตุใดราคาหุ้นจึงมีขึ้นมีลง เหตุผลที่แจ่มแจ้งแน่ชัดก็เพราะว่า หุ้นตัวนั้นมีการเติบโตด้วยตัวของเขาเอง เขาสร้างคุณค่าตัวของเขาด้วยตัวเองนั่นเองครับ
สำหรับจุดเข้าซื้อ ผมแนะนำให้ผนวกเอาศาสตร์ด้าน Technical ในส่วนของ Price Pattern เข้ามาเสริมด้วยจะดีมากครับ หากราคามาแตะแนวรับทางพื้นฐานปุ๊ปจุดนั้นนับว่าเป็นจุดที่ไม่เลวเลยในการซื้อ แถมเราจะได้ราคา ณ ตำแหน่งเงินปันผลที่เราต้องการด้วย เป็นการรับรู้ความเสี่ยงและผลรางวัลที่เราจะได้รับในแต่ละครั้งเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ท่านอาจใช้แนวรับทางพื้นฐานนี้เป็นจุดเข้าซื้อในจุดที่คนอื่นกลัวได้ ดั่งคำของบัฟเฟตต์ที่ว่า "จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว"
บทความประกอบนี้อาจจะยาวเสียหน่อย เพราะผมเพิ่งได้สมัครสมาชิก Trading View รายไป พอเห็นความงดงามของโค้ดที่เราเขียนแล้วอดนำมาเล่ามาแชร์สู่กันฟังไม่ได้เลยครับ
ยาวหน่อย แต่ถ้าคุณชอบ ผมก็ดีใจนะ ขอบคุณครับ
เมื่อ Bitcoin ย่อในช่วงขาขึ้น... มันจะย่อประมาณกี่เปอร์เซ็น?เมื่อ Bitcoin ย่อในช่วงขาขึ้น... มันจะย่อประมาณกี่เปอร์เซ็น?
ไม่มีกราฟไหนขึ้นไปได้อย่างเดียว ยังไงก็ต้องมีการย่อ พักฐาน หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่าการ "Correction"
ทีนี้ Bitcoin เอง ผมว่า ก็น่าจะใกล้เกิดการพักฐานอยู่รอมร่อแล้วล่ะ แต่ปัญหาคือ มันจะไปพักเมื่อไหร่ ที่ราคาไหน ก็ไม่มีใครรู้หรอก
รู้แต่เพียงว่า แถวๆ นี้ เราต้องระวังตัวกัน และอย่าประมาทไปตามกระแส FOMO เด็ดขาด เพราะ ถ้าเราประมาท + overtrade + ไล่ราคา
เวลามันพักฐานลึกๆ ที คุณก็หมดตัว ได้ง่ายๆ แบบไม่ทันตั้งตัวได้เลย
อ่ะ ทีนี้ เราลองมาดูกันว่า ในอดีต ที่ผ่านมา ในช่วง "ขาขึ้น" Bitcoin เคยย่อลงไปแรงสุดเท่าไหร่
โดยผมจะค่อยๆ ไล่ไปทีละจุด ที่ผมเห็นเป็นการย่อแบบ เห็นในกราฟชัดๆ ล่ะกันนะครับ
เริ่มจากล่าสุด ไปไกลที่สุด
ส.ค. - ก.ย. 2020 Correction
-----------------
High : 12476
Low : 9800
ย่อประมาณ -21%
มิ.ย. - ก.ค. 2020 Correction
-----------------
High : 10433
Low : 8800
ย่อประมาณ -15%
Covid Dump : มี.ค. 2020 Correction
-----------------
High : 10481
Low : 3866
ย่อประมาณ -64%
มิ.ย.-ธ.ค. 2019 Correction ยาว 6 เดือน หลังจากขึ้นรอบใหญ่ + Max Fomo
-----------------
High : 13893
Low : 6429
ย่อประมาณ -53%
พ.ค.-มิ.ย. 2019 Flash Correction มีสองรอบ
-----------------
High : 8391
Low : 6179
ย่อประมาณ -26%
-----------------
High : 9079
Low : 7446
ย่อประมาณ -18%
ปี 2018 ผมไม่นับ เพราะมันเป็น downtrend
--------------
2016-2017 Bull run
--------------
ธ.ค. 2017 -- 20k Flash Crash
-----------------
High : 19667
Low : 11132
ย่อประมาณ -43%
พ.ย. 2017 : พักฐานขำๆ
-----------------
High : 7888
Low : 5538
ย่อประมาณ -30%
ก.ย. 2017 : ลงเพราะข่าวจีน
-----------------
High : 4982
Low : 2972
ย่อประมาณ -40%
มิ.ย. 2017 : พักฐานยาว
----------------
High : 2989
Low : 1828
ย่อประมาณ -40%
มี.ค. 2017 : พักอีกละ
----------------
High : 1300
Low : 891
ย่อประมาณ -30%
ม.ค. 2017
----------------
High : 1140
Low : 751
ย่อประมาณ -34%
ก.ค.-ส.ค. 2016
----------------
รอบนี้มีย่อสองรอบ รอบละประมาณ -30%
พ.ย. 15- ม.ค. 16
------------------
มีย่อสองรอบ รอบละ -40% กับ -25%
---------------
สรุป
---------------
* สรุปได้ว่า ทุกการขึ้นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดกระทิงแบบไหน BTC ก็มักจะมีการย่อประมาณ -20% ถึง -40% แล้วก็ไปต่อ ( ยกเว้นจะจบรอบขาขึ้นและเปลี่ยนเป็นขาลง )
* ดังนั้น คนที่เล่นแบบ Leverage ก็ไม่ควรเล่นเกิน 2x เพราะว่า การย่อที่แรงที่สุด คือประมาณ -40% แต่.. เราก็อาจจะเจอเหตุการณ์ black swan ย่อลึกก็อาจจะเป็นได้ ( เล่น 2x เจอ -40% ก็ -80% ไปแล้ว นั่งไม่ติดหรอก ) สรุปได้ว่า ก็ไม่ควรเล่นแบบ leverage ด้วยเงินก้อนใหญ่อยู่ดี 555 ควรเล่นแบบ Spot เท่านั้น เพราะจะทนการแกว่งได้
* คนที่ Take Profit ออกมานั่งข้างสนามถือเงินสดแล้ว ให้วางแผน ช้อนซื้อ แถวๆ โซน -20% ถึง -40% เป็นต้นไป โอกาสที่จะได้ของราคาถูกก็มีสูง ( อาจจะแบ่งไม้ไว้ช้อน กี่% ของพอร์ตก็ว่าไป )
* รอบนี้ ตอนเขียน ราคาอยู่ประมาณ 16700 ดังนั้น จุดที่น่าสนใจจะมีดังนี้
-20% = 13,360 * โอกาสเป็นไปได้สูง คือการ Retest แนวต้านแกร่งๆ ที่ทะลุขึ้นมา
-25% = 12,525 * โอกาสเป็นไปได้สูง คือการ Retest แนวต้านแกร่งๆ ที่ทะลุขึ้นมา
-30% = 11,690
-35% = 10,855
-40% = 10,200 * แนวรับสุดท้าย ที่คิดว่า ยังไงก็คงไม่หลุดลงไปจากนี้อีกแล้วล่ะ
-45% = 9,185
ถ้าราคาวิ่งไปต่อ ก็ค่อยไปคำนวณใหม่
* ก็ลองวางแผนกันดูนะครับ สิ่งที่สำคัญ ในการเทรดก็คือ อย่าประมาท และอย่าไปไล่ราคา รวมถึงการตั้งสติ ควบคุมความโลภ และกำหนดแผนขึ้นมาให้ได้ ระหว่างที่ทุกคนกำลัง FOMO กันอยู่
* รอบนี้ ผมเฉยๆ เพราะผมก็ไม่ได้มือว่างหมด ผมก็ยังมีของติดไม้ติดมือไว้อยู่ด้วย ราคาขึ้นต่อ ผมก็สบายๆ ยังไงพอร์ตก็โตขึ้น แต่ถ้ามันลง ผมก็มีเงินสด ไว้รอเข้าเพิ่มได้ ในจุดที่ได้เปรียบ ครับ
การเพิ่ม indicator (Exponential Moving Average: EMA) ลงบนชาร์ตการเพิ่ม indicator (Exponential Moving Average: EMA) ลงบนชาร์ต
1. เมนู เลือก fx Indicators
2.ไปที่ Favorites หรือ Built-ins
3.เลือก Moving Average Exponential
4. ตรวจสอบรายชือ Indicators ก่อนเพิ่ม
5. ตรวจสอบรายชื่อ indicators หลังเพิ่ม( EMA9)
6.ปรับลดจำนวนข้อมูลตามต้องการ(เช่น ระยะเฉลี่ย เปลี่ยนจาก 9 เป็น 18)
วิธีสร้างชาร์ตด้วยสีพื้นหลังแบบไล่ระดับสีเมื่อเร็ว ๆ นี้เราได้พัฒนาชาร์ตของเราให้สามารถมีสีพื้นหลังที่ไล่ระดับสีได้ นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้สองสีพร้อมกันเพื่อสร้างแผนภูมิที่ดูดีและไม่เหมือนใครของคุณเองได้ ในตัวอย่างนี้เราได้สีน้ำเงินอ่อนกับสีขาวเพื่อสร้างพื้นหลังที่ดูสบายตา
ในการเริ่มต้น ให้ทำตามขั้นตอนง่ายๆเหล่านี้:
ขั้นตอนที่ 1 - เปิดการตั้งค่าชาร์ตของคุณ
ขั้นตอนที่ 2 - ในหน้าต่างการตั้งค่า คลิกแถบการแสดงผล
ขั้นตอนที่ 3 - เปลี่ยนการตั้งค่าสีพื้นหลังเป็น การไล่ระดับสี
ขั้นตอนที่ 4 - เลือก 2 สีที่ต้องการ
ชาร์ตในตัวอย่างนี้แสดงราคาของ Apple ตั้งแต่ IPO โดยใช้แท่งเทียนรายเดือน แท่งเทียนแต่ละแท่งจะแสดงการซื้อขายหนึ่งเดือนเต็ม เราตัดสินใจใช้ Apple เพราะ 9 ปีที่แล้ววันนี้ สตีฟ จ็อบส์ จากไป Apple ทำหลายอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะของการลงทุนในระยะยาว เมื่อดูที่ชาร์ตนี้คุณสามารถเรียนรู้ประวัติราคาทั้งหมดของ Apple ย้อนกลับไปในการเสนอขายหุ้นในปี 1980 รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และกิจกรรมทางการเงิน นอกจากนี้ยังแสดงบนพื้นหลังชาร์ตแบบไล่ระดับสีใหม่ของเรา
ขอขอบคุณที่อ่าน และเราหวังว่าท่านจะสนุกกับฟีเจอร์ใหม่ของการไล่ระดับสีของชาร์ตนี้! กรุณาฝากคำถามหรือความคิดเห็นไว้ด้านล่าง ทีมงานของเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อติดตามและช่วยเหลือท่าน
แชร์ไอเดีย การวางแผนเทรดการวางแผนการเทรดเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ
นักลงทุนควรวางแผนการเทรดโดย
การใช้อินดิเคเตอร์ที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญในการการมากำหนดจุดซื้อและจุดขาย
ไม่ว่าจะเป็น MACD RSI Fibo เส้น Trend Line และอื่นๆ โดยที่
1. กำหนดจุดเข้าซื้อ
อาจจะแบ่งไม้ซื้อ 2-4 ไม้ก็ได้ เช่น
Buy 1: บาท
Buy 2: บาท
2. กำหนด "จุดขาย" ทำกำไร (แบ่งไม้ขายได้เช่นกัน)
Sell 1: บาท
Sell 2: บาท
3. กำหนดจุด "Stop Loss" (แบ่งไม้ได้เช่นกัน) เช่น
Cut 1: บาท
Cut 2: บาท
สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าการวางแผนการเทรด คื อ "การทำตามแผนการเทรด"
คุณไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ "ทุกครั้ง" ในบางครั้ง "ผิดทาง" ต้องรู้จัก "ยอมแพ้" บ้าง
การยอมแพ้หรือการ Stop Loss เป็นการรักษา "เงินต้น" เพื่อให้คุณนำมาเป็นทุนกับการลงทุนครั้งใหม่
อย่าปล่อยให้การขาดทุน "5-10%" ผิดทางจนกลายเป็น "20-50%" จนคุณต้องสูญเสียเงินต้นไปมากกว่าที่ควรจะเป็น
ฟองสบู่ DeFi น่าจะแตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว = ลุกช้าจ่ายรอบวงช่วงนี้ที่ไม่ค่อยได้อัพเดทอะไรลงเพจ หรือไม่ได้ live ส่วนนึงก็ไม่รู้จะอัพอะไร แล้วก็ไปติด Genshin Impact อยู่ตลอดอาทิตย์ที่แล้ว 555 ยังดีมี Venti มาให้ชื่นใจ ส่วนที่เหลือก็เกลือเรียบ
อีกส่วนนึงก็กำลังชั่งใจว่า จะออกมาโพสทับถม DeFi ดีหรือไม่ เพราะก็อย่างที่เราเห็นๆ กันนะครับว่า ช่วงนี้ เหรียญ DeFi ทั้งหลาย ก็เริ่มออกลาย อย่างที่ผมเคยเตือนๆ กันมาในเพจตลอด ... ว่าระวังมันจะเป็นแค่ Just another ICO
ตัวอย่างที่เห็นตอนนี้ก็คือ Sushi(t) the exit scam ของเรา ที่เจ้าของแม่งขายเหรียญเปิดตูดไปหมดนานแล้ว แต่ไอ้เจ้าของ FTX มารับขี้ไปแทน ... ซึ่งตอนนี้ราคาเหรียญก็ต่ำตม ชนิดที่เรียกว่า เอาขี้มาเทียบก็ยังไม่น่าจะใช้ได้
โดยที่ผ่านมา Sushi(t) ได้ร่วงจาก ATH ลงมาราคาปัจจุบัน ไปแล้วกว่า -95% และ ร่วงลงมาถึง -35% ในเวลาแค่ 4 วันเท่านั้น
โดยถ้าเราไปหลงเชื่อค่า APY ที่บอกว่า ได้วันละ 0.29% ปีละ 104% ซึ่งถ้าคิดแล้ว 4 วันที่ผ่านมาก็จะได้ไปถึง..+1.16% ... แต่มูลค่าเหรียญมึงร่วงลงมา 4 วัน -35%.... แค่นี้ก็ได้แต่เอาตรีนก่ายหน้าผากแล้วครับ...
แล้วขอโทษนะครับ ถ้าคุณยังไปฝากเงินซื่อบื้ออยู่ใน sushi swap หวังกินดอกจนครบ 1 ปี ซึ่งได้มาแค่ 100% ( ตามที่เว็บบอก ) แต่ถ้าราคาเหรียญลงไปจาก ราคาปัจจุบันอีก -99% นี่คือจบนะครับ...
เพราะถ้าเหรียญลงไป -99% แล้ว คุณต้องทำกำไรกลับมาถึง 10,000% เลยนะ มันถึงจะกลับมาแค่ เท่าทุน!! ( 1 x 100 x 100 = 10,000% )
===========
จากที่ผมดูทรงแล้ว ผมคิดว่า ฟองสบู่ DeFi น่าจะแตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ก็รอแค่ว่า ใครลุกช้า ก็จ่ายรอบวง ตามสไตล์แชร์ลูกโซ่
แล้วเคส DeFi คือ คุณไปตามฟ้องร้องกะใครไม่ได้เลยนะครับ เพราะทุกโครงการอยู่บน Smart Contract ( ยกเว้นคุณจะไปให้คนที่ตามตัวได้ บริหารเงินให้ แบบนั้นก็อาจจะพอตามตัวกันได้มั้ง 5555 )
เวลาคุณมาร้องห่มร้องไห้ ว่าเงินหายหมด... ขาดทุนหนักมาก ทำไงดี .. คนที่ชวนๆ คุณไปลง เขาก็จะใช้ประโยคคลาสสิค บอกคุณว่า "เอ๋า ก็ผมบอกแล้วไงครับว่า ให้เอาเงินเท่าที่จะเสียได้ มาลงเท่านั้น แล้วพี่ไป all-in ทำไมล่ะครับ!?!" ..... ซึ่งก็จริงของเขาอ่ะนะ 5555
หรือไม่ก็อาจจะบอกว่า "ถือทนรอไปก่อนนะครับ เดี๋ยวมันก็กลับมา" ... ซึ่ง มันอาจจะกลับมา หรือมันอาจจะไม่กลับไปเลย เหมือนโปรเจค ICO หลายๆ ตัวที่ -100% กันไปแล้วก็ได้นะครับ
==============
ดังนั้น... หลังจากนี้ ... ใครรู้ตัวว่าลงไปเยอะ และดูทรงแล้ว ไม่น่าไหว ก็ลองตัดสินใจดูแล้วกันครับว่าจะ take action ยังไง ... ส่วนตัวผมคงไม่บอกไร เพราะเดี๋ยวบอกให้หนี แล้ววันรุ่งขึ้นมันดีดใส่หน้า ก็จะมาด่าผมอีก 555
นี่คือสิ่งที่ผมย้ำ และเตือน อยู่ในเพจมาตลอดว่า ตลาด มันไม่ง่ายนะ อย่าประมาท ....
และมันก็ยังคงเป็นจริงเสมอครับ
จะค้นหารูปแบบแท่งเทียนบนชาร์ตของคุณอย่างทันทีได้อย่างไรเราสร้างชาร์ตนี้ของหุ้น Apple เพื่อแสดงการอัปเดตที่เราทำกับรูปแบบแท่งเทียน ซึ่งเป็นวิธีใหม่ในการระบุรูปแบบแท่งเทียนที่เฉพาะเจาะจงโดยอัตโนมัติ ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงคลิกเดียวสามารถตรวจจับรูปแบบแท่งเทียนได้เกือบทุกรูปแบบตั้งแต่แท่งเทียน Bearish Engulfing ไปจนถึง Shooting Star Top
ในการเริ่มต้นให้เปิดเมนูอินดิเคเตอร์และกลยุทธ์ จากนั้นคลิกแท็บรูปแบบแท่งเทียน จากนั้นเลือกรูปแบบที่คุณต้องการใช้ หากตรวจพบรูปแบบแท่งเทียนโดยอัตโนมัติป้ายกำกับพิเศษจะปรากฏบนชาร์ต: สีน้ำเงินสำหรับ Bullish, สีแดงสำหรับ Bearish หรือสีเทาสำหรับทั้งสัญญาณ Bullish และ Bearish วางเมาส์เหนือป้ายกำกับเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียนแบบเฉพาะเจาะจง
แผนภูมิที่เราสร้างในตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นหุ้น Apple ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน มันแสดงให้เห็นแท่งเทียน Bearish Engulfing และ Doji แต่ละอันที่แสดงด้วยป้ายกำกับสีแดงและสีเทา หุ้น Apple เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเกิดเทียน Bearish Engulfing ขนาดใหญ่ เราได้ไฮไลต์พื้นที่นั้นบนแผนภูมิด้วยลูกศร หุ้น Apple ปรับตัวลดลงประมาณ 15% นับตั้งแต่แท่งเทียนก่อตัวขึ้น และอาจเป็นสัญญาณขาลง โดยความเชื่อมั่นและการเคลื่อนไหวของราคาจะเปลี่ยนเป็นขาลงในพริบตา อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือไม่ใช่แท่งเทียน Bearish Engulfing ทุกแท่งที่นำไปสู่การเทขายในระยะยาว ในความเป็นจริง ในอีกสามครั้งถัดมา หุ้น Apple ไม่มีผลกระทบจากรูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้ ครั้งนี้จะแตกต่างกันไหม? เวลาจะบอกเอง
นอกจากนี้เรายังสามารถติดตามหุ้น Apple และผลกระทบของแท่งเทียนนี้เมื่อเวลาผ่านไปได้โดยการสร้างการแจ้งเตือน ใช้แล้ว - รูปแบบแท่งเทียนของเราทำงานร่วมกับระบบแจ้งเตือน ดังนั้นหากคุณต้องการรับการแจ้งเตือนทุกครั้งที่รูปแบบแท่งเทียนปรากฏบนชาร์ตคุณสามารถสร้างการแจ้งเตือนสำหรับสิ่งนั้นและส่งไปยังโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรืออีเมลของคุณได้
เรารับฟังและรอคอยเสียงตอบรับและฟีดแบคของท่านเสมอ และเริ่มจากวันนี้ไป เราได้เพิ่มอินดิเคเตอร์ใหม่ 17 รายการไปยังเมนูรูปแบบแท่งเทียน:
• Dark Cloud Cover และ Piercing;
• Morning Doji Star และ Evening Doji Star;
• Harami Cross ( Bearish และ Bullish );
• Tweezer Bottom และ Tweezer Top;
• Rising Three Methods และ Falling Three Methods;
• Rising Window และ Falling Window;
• On Neck;
• Upside Tasuki Gap และ Downside Tasuki Gap;
• Doji Star ( Bullish และ Bearish )
อินดิเคเตอร์ทั้งหมดนี้ถูกเขียนขึ้นด้วยไพน์ ภาษาโปรแกรมอย่างเป็นทางการของเรา ถ้าท่านต้องการเข้าใจอัลกอริธึมของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งปรับตั้งค่าหรือปรับแต่งมันด้วยตัวท่านเอง ให้ไปที่ ซอร์สโค้ดของอินดิเคเตอร์และแก้ไขมันจากที่นั่นได้เลย
เราหวังว่าท่านจะเพลิดเพลินไปกับ การสอนการใช้งานรูปแบบแท่งเทียนนี้ ถ้าท่านมีคำถามหรือความคิดเห็น ส่งข้อความของท่านไว้ด้านล่างนี้ ถ้าท่านชอบโพสต์นี้ กรุณากดไลค์ให้เรา
ช่วงนี้ควรเริ่มทยอยซื้อหุ้นที่ลงมาเยอะๆ เข้าพอร์ตแล้วหรือยัง? ช่วงนี้เลื่อน Facebook ผ่านเพจหุ้นต่างๆ ก็จะเริ่มมีโพสเชิงกึ่งคำถามว่า ตอนนี้ ตัวนี้น่าเริ่มซื้อหรือยัง? ตัวนั้นลงมาเยอะแล้วต้องซื้อแล้วถือยาวดีมั้ย?
ผมเอง ก็ไม่ใช่เซียนหุ้นอะไร เพราะส่วนตัวก็ยังเพิ่งมาดู price pattern ของหุ้นไทยได้ไม่นานเหมือนกัน .. แต่ด้วยความรู้ของการนั่ง Backtest ด้วยกลยุทธ ตระกูล Trend Following มาหลายสินค้า .. ก็พอสรุปรูปแบบของกราฟที่ดูแล้วน่าจะเป็น "ขาขึ้น" ได้ดังนี้
--------------------------------
1) กราฟขาขึ้น = indicator ชี้ขึ้น
--------------------------------
* ข้อนี้สำคัญมากที่สุด และโคตรง่ายที่สุด พิมพ์แล้วก็เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
* เอาง่ายๆ กราฟใดๆ มันจะขึ้นได้ สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นได้ มันจะมีสิ่งคล้ายๆ กันดังนี้
* Exponential Moving Average ( 21 ) เคลื่อนที่ไปในทิศทางชี้ขึ้นและจะอยู่ใต้แท่งเทียน
* Action Zone เขียว ( หรือเส้น MACD ทั้งสองเส้น > 0 )
* ถ้าเอา CDC ATR มาใส่กราฟ ก็จะเป็นสีเขียว
* พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากจะซื้อจริงๆ ก็นั่งรอให้เงื่อนไขข้างบนครบก่อนก็น่าจะดีกว่าครับ เพราะอย่างน้อย เราจะมีโอกาสที่เราจะได้กำไร สูงกว่าเสียตัง
--------------------------------
2) ถ้าตลาดมันยังเป็นขาลง มันก็จะลงไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลง
--------------------------------
* ข้อนี้ก็เหมือนเป็นการตอบแบบกวนตีนๆ อีกเช่นกัน แต่ตลาดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
* ถ้ามันจะหยุดลง ..กราฟมันก็จะค่อยๆ กลับตัว ขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้าย indicator ทั้งหลายที่ผมบอกในข้อแรก มันก็จะเขียว .. และนั่นคือจุดที่เราควรจะเสี่ยงเข้า และมีโอกาสชนะสูงขึ้น
* ต่างกับช่วงที่กราฟมันยังแดง ยังหัวปัก เหมือนหุ้นในตัวอย่างนี้ การที่เราเข้าไปเสี่ยงซื้อ ตอนที่กราฟยังเป็นขาลงอยู่ ก็เท่ากับการไปรับมีดที่กำลังหล่น..
* ถ้าโชคดี มีดมันเริ่มหมดแรงหล่นแล้วเราก็อาจจะไม่เจ็บหนัก และมีดก็จะพาเรารวยได้
* แต่ถ้าโชคร้าย มีดมันยังไม่หมดแรง แล้วมันหล่นต่อ มันก็จะทิ่มทะลุมือเรา ลงไปให้เราเอาตีนรับอีกรอบ ... ซึ่งถ้ายังโชคร้ายอยู่ มันก็จะทะลุตีนไปด้วย
* ทางที่ดี ผมว่า นั่งรอดูให้มีดมันหล่นลงพื้น แล้วหยุดสะบัดก่อน แล้วค่อยก้มลงเก็บมีด ... น่าจะปลอดภัยกว่า...
* คนส่วนใหญ่ กลัวจะไม่ได้ของ กลัวจะตกรถ แถมพวกสื่อต่างๆ ก็บิ้วให้เราซื้อซะเหลือเกิน เหมือนกับว่า ของแม่งลดราคาลงมาขนาดนี้แล้ว ไม่ซื้อก็โง่
* แต่ถ้าใครเคยผ่านช่วง ICO เน่า ของตลาดคริปโตมาก่อน คุณจะเข้าใจว่า ถ้าตลาดมันลง ไม่ว่าคุณจะถัวสวนเทรนแค่ไหน มันก็จะสามารถลงไปอีกได้เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลงจริงๆ โน่นแหละ 555
--------------------------------
3) ไม่มี Oversold ที่แท้ทรู และไม่มี Overbought ที่แท้ทรู เช่นกัน
--------------------------------
* มือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด ก็จะไปยึดติดกับหลักการ RSI Oversold ที่เขาสอนๆ กันว่า เฮ้ย มัน OS + Bullish divergence แล้ว เดี๋ยวมันต้องเด้งในเร็วๆ นี้แน่ๆ แล้วก็รีบไปซื้อสวนเทรนกัน
* ปัญหาของระบบสวนเทรนแบบนี้ มันก็คือว่า... มันสวนเทรนอ่ะ! .. มันอาศัยโชคล้วนๆ เลยครับ!
* ถูก ว่าบางครั้ง เราสวนแล้วมันจะขึ้นก็ได้ .. แต่ก็ต้องถามว่า แล้วโอกาสมันกี่% ล่ะ? แล้วมันคุ้มกับการสวนหรือไม่? เพราะผมเคยเห็นบางทีมัน OS แล้ว OS อีก มันก็ลงไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดนะครับ 55
* ดังนั้น ผมว่า รอชัวร์ๆ ก่อนดีกว่า
--------------------------------
4) ซื้อแล้วดอย ก็ไม่เป็นไรหรอก เราเป็น VI มองการลงทุนระยะยาว
--------------------------------
* ข้อนี้ มักเป็นคำแก้ตัวของคนติดหุ้น แล้วไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมถึงติด แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร
* เคส VI นี่ ถ้าเราไปดูกราฟของ KBANK ที่ทำ New Low 10 ปีก็พบว่า...
* ไม่ว่าคุณจะทยอยซื้อหุ้น KBANK ที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ แล้วไม่ขาย ( DCA หุ้น ) ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา.. ณ ตอนนี้ คุณก็จะ "ดอย" อยู่ดี ครับ
* จะดอยมาก ดอยน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณไปดอยที่ราคาเท่าไหร่ .. แต่ถ้าจะให้เฉลี่ยๆ ก็น่าจะมี ระดับ -50% up
* กลายเป็นว่า.. VI เนี่ย จริงๆ แล้ว มันใช้กับตลาดหุ้นไทยเราได้หรือป่าว? หรือใช้ได้แค่ช่วงหลังวิกฤต sub prime ตอนปี 2008? หรือเป็นแค่คำหวานที่เหล่ากูรูหุ้นหลอกให้เราถือหุ้นไปเรื่อยๆ ไม่ยอมขาย?
* อย่าลืมนะครับ เรามาลงทุน ก็อยากให้เงินเรางอกเงย เมื่อเวลาผ่านไป .. ไม่ใช่ว่า ยิ่งถือ ก็ยิ่งขาดทุน
* เราทำธุรกิจ ปีสองปีแรก ขาดทุน เราอาจจะต้องมานั่งคิดทบทวนดูเลยครับว่า ควรจะทำต่อดีไหม หรือยอมเลิกกิจการแล้วไปทำอย่างอื่น
* นี่กลายเป็นว่า พอเราติดหุ้น เราก็ทนขาดทุนไปเรื่อยๆ และรออย่างมีความหวังว่า "สักวัน" ราคามันน่าจะขึ้นไปสิบเด้งร้อยเด้ง เหมือนที่มันเคยขึ้นไปในอดีต... แบบนี้มันไม่ใช่การลงทุนแล้วครับ มันคือการซื้อหวยดีๆ นี่เอง 555
--------------------------------
สรุปว่า... ควรซื้อหรือยัง
--------------------------------
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมตอบเลยว่า "ยัง" ... เก็บเงินสดของท่านไว้ก่อนดีกว่า...
ไม่ต้องรีบช้อน กะจะได้จุดต่ำที่สุดหรอกครับ ตลาดมันก็อยู่ของมันตรงนี้ ไม่ไปไหน อีกกี่สิบกี่ร้อยปี มันก็ยังอยู่ เพราะว่า มันคือสิ่งที่เล่นกับความโลภของคนที่ไม่รู้ และคิดว่า ตลาดมันง่ายๆ นั่งกระดิกตีนริมชายหาดก็รวยได้ เหมือนดังภาพที่สื่อชอบเอามาหลอกพวกเรากัน..
ระหว่างรอ ก็นั่งศึกษาหาข้อมูลกันไปก่อน อย่างน้อย ก็ควรดูกราฟให้เป็น..
ยุคนี้ มีเว็บอย่าง tradingview ช่วยให้ท่านดูกราฟ + ใส่ indicator ได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ
พวก กลยุทธ ต่างๆ ผมก็ทำแจกเอาไว้เยอะแยะ ก็ไปเรียนรู้ หาวิธีใส่ แล้วก็ลองศึกษามันไปเรื่อยๆ ดูก่อน ยังไม่ต้องรีบกดซื้อด้วยเงินจริง ลองนั่ง backtest ไปเรื่อยๆ ก่อนว่า ท่าไหน ที่เราน่าจะเข้าซื้อ แล้วมีโอกาสชนะมากที่สุด
แล้วก็.. อย่าไปฟังพวกเพจเชียร์หุ้น กลุ่มหุ้น หรือบทวิเคราะห์อะไรมากนัก ถ้าอยากซื้อ ให้กลับมาเปิดกราฟดูก่อนว่า มันกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือยัง.. ถ้ายัง ก็ยังไม่ต้องซื้อ แต่ใส่ watch list ไว้ก่อน
ก็ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ อยากให้ทุกคนดูกราฟกันเองเป็น จะได้ไม่ไปติดดอยส่งเดช ครับ ช่วงนี้เงินยิ่งหายากอยู่ ...
อ้อ ส่วน ถ้าใคร เทรดหุ้นธรรมดา ยังไม่มีกำไรสม่ำเสมอตลอด 1-2 ปี... อย่าคิดแม้แต่จะไปลอง TFEX นะครับ ... หมดตัวแน่นอน 555
SET ขาขึ้น ใครๆ ก็ทำกำไรได้ จิ้มโง่ๆ มั่วๆ ยังไงก็ได้ตัง จากการที่ผมทำห้อง VIP และได้ใส่การวิเคราะห์ กราฟ SET และหุ้นรายตัวใน SET
โดยได้ทำวีดีโอ สรุปทุกวันธรรมดา + ทุกวันอาทิตย์ ( ดูกราฟรายวีค )
ทำให้ผมได้ศึกษาพฤติกรรมราคา ของหุ้นแต่ละตัวในตลาด และความสัมพันธ์ของแนวโน้มทิศทางของ SET และพอสรุปออกมาเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1) ช่วงขาขึ้น ใครๆ ก็ทำกำไรได้ง่ายๆ แม้แต่มือใหม่ที่หลับตาจิ้มตัวไหน ก็มักจะมีกำไร
------------------------
- ถามว่า แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าช่วงไหนขาขึ้น? ก็ใช้ระบบ Trend Following มาจับ สิครับ เช่น Action Zone ( MACD > 0 ) หรือพวก ATR Channel ก็ได้
- เอาง่ายๆ ก็คือไอ้ช่วงที่มันทุบลงไปจนถึง 1000 หลัง covid ในเดือนมีนาคม 2020 แล้วหลังจากนั้นก็เด้งตลอด และเด้งยาว ไปจนถึงเดือน มิ.ย. 2020 ที่ peak ที่ 1400
- ช่วงนั้น ถ้าจำกันได้ มีคนเปิดบัญชีหุ้น "เยอะมาก" เยอะจนสื่อหลายๆ สำนักต้องเอาไปลง
- ทำไมถึงเปิดกันเยอะ? ง่ายนิดเดียว เพราะตลาดมันง่ายไง! ตาสีตาสา เปิดบัญชีแล้วจิ้มหุ้นไปมั่วๆ ไรก็ได้ ยังไงก็มีกำไร เล่นเข้าๆ ออกๆ ทุกวันได้กำไรทุกวัน
- พอได้กำไรง่ายๆ ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องอวดลงเฟส เพราะที่ผ่านมา บอกเลยว่า SET แม่ง "แทบทำกำไรไม่ได้เลย" มาตลอดเป็นปีๆ ..แล้วจะมัวเหนียมทำไม ก็ต้องเรียกแขกเข้าเพจกันหน่อย
- พออวดลงเฟส ก็จะมีคนที่เห็น ก็จะถามว่า ทำไง สอนหน่อยสิเพื่อน ... ทำไงครับแอดอยากได้บ้าง.. ก็เลยเฮโลกันไปเปิด บช. กันจนเยอะเป็นประวัติการณ์
- เปิดเสร็จ ก็ไปเทรดมั่วๆ เลือกหุ้นตามห้องแชท ตามโพย pantip จิ้มมั่วๆ ก็มีกำไร ..พอร์ตใครใหญ่ก็อวดกำไรได้วันละเป็นแสนเป็นล้าน เข้าๆ ออกๆ ได้ทุกวัน ทั้งวัน
- ซึ่ง.. นี่แหละคือจุดตายของมือใหม่ เพราะเทรดกันแบบมั่วๆ ไม่มีระบบ ใครบอกตัวไหนก็เฮโลกันไปเข้าซื้อ แล้วก็ไม่ยอมถือทน ไปเข้าๆ ออกๆ พอได้กำไรเยอะๆ ก็จัดหนักจัดเต็ม ที่ตรงยอด เพราะคิดว่า ตลาดมีแต่การขึ้นอย่างเดียว
- พอเข้าที่ยอด 1400 ปุ๊บ มันก็ทุบลงมาเลยจ้า ....ก็ทุบหลังจากวันที่ผมอวดกำไรลงเพจเหมือนกันแหละ 5555 สรุป ออกไม่ทัน เพราะ streaming ตั้ง SL break even ไม่ได้ และอยากออกตามระบบ ก็เลยต้องออกมาแบบขาดทุน 555
- เคสผม สุดท้ายผมก็ยอมคัทออกมา เพราะดูทรงแล้ว เสียทรงขาขึ้นไปทั้งหมด รวมถึง SET Action Zone แดงด้วย ก็เลยยอมตัดใจหนีมาถือเงินสดหมด เพื่อลดความเสี่ยง
- ส่วนเคสของมือใหม่ ที่เข้ามาตอนตลาดดีๆ ... ก็เข้า อีหรอบเดิมคือ... ไปต่อกันไม่เป็น!!! ส่วนใหญ่ ก็กลับไปตั้งคำถามในห้องแชท หรือ inbox ถามกูรูที่เคยแนะนำหุ้นกันว่า...
- "ตัวนี้จะลงไปอีกเยอะไหมครับ?" -- "ตัวนี้มันจะเด้งกลับเมื่อไหร่คะ?" -- "ทำไมหุ้นตัวนี้มันถึงลงแรงจังคับแล้วเราจะทำยังไงต่อดี คัทดีไหมครับ?" ฯลฯ
- ซึ่งคำถามพวกนี้ ถ้าให้ผมตอบ ก็คงตอบได้ตรงๆ ว่า "ถ้ากูรู้อนาคต กูก็คงรวยไปนานแล้วล่ะจ่ะ.. ใครจะไปตอบได้วะ ไอ้บ้า!"
- แต่ถ้าให้กูรูสาย Fan Service ก็คงจะนั่งดูกราฟ นับเวฟ ให้ความหวังและกำลังใจ เม่าที่ดอย กันต่อไปเรื่อยๆ ว่า... "ใกล้เด้งแล้วล่ะครับ ทนถือต่ออีกนิด ไม่ขายไม่ขาดทุน"
2) ช่วงขาลง หรือ sideway down ... ใครไปขยัน ยิ่งเจ๊ง
--------------------------
- ความนรกของช่วง sideway down ของ SET ที่ผมเจอมากะตัวก็คือว่า...
- หุ้นส่วนใหญ่ จะเป็นการเด้งขึ้นๆ ลงๆ ออกข้างไปเรื่อยๆ มั่วๆ ซั่วๆ ไม่มีหลัก
- และเม่าที่เทรดด้วยอารมณ์ ก็จะเจอภาวะ เข้าปุ๊บ ร่วงปั๊บ คัทปุ๊บ เด้งป๊าบ อยู่ร่ำไป
- จนสุดท้าย เจอบ่อยๆ ก็จะถอยไปใช้กลยุทธ "ไม่คัทแล้วโว้ย เดี๋ยวคัทแล้วเด้ง ไม่ขายไม่ขาดทุน"
- สุดท้าย คนที่ไปเข้าที่ยอดแถวๆ 1400 ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมคัทกัน และถือรอกันอย่างมีความหวังว่า
.. "เดี๋ยวก็คงเด้งน่า" .. "ถือไปเรื่อยๆ กินปันผลน่า" .. "กูรูบอกว่า ตลาดถึงจุดต่ำสุดแล้ว เดี๋ยวก็เด้งน่า"... "กูรูบอกหุ้นไทยจะไป 1800 ถือต่อล่ะกัน เดี๋ยวตกรถ"...
- และสารพัดข้ออ้างที่จะเอามาทำให้เราติดกับดัก ความ bias ของการกลัวการขาดทุนนั่นเอง...
- ส่วนคนที่พยายามจะเล่น day trade ในวัน ก็อาจจะเจออารม์กราฟเด้งไปเด้งมา เดาทางยาก ไม่รู้มันจะเอาไงกันแน่ ถ้าไม่มีแผน เทรดมั่ว ก็เตรียมยับ
- และความอันตรายของมือใหม่ อีกอย่างคือ.. เสียแล้วไม่หยุด .. เสียแล้วจะต้องเทรดเอาคืนให้ได้.. และนี่แหละ คือจุดที่จะทำให้พอร์ตพังเกินเยียวยา..
- เพราะ ช่วง sideway down ผมบอกเลยว่า ยิ่งเล่น ยิ่งเจ๊ง เพราะหุ้นส่วนใหญ่ในตลาด มันก็เป็นขาลง ไม่ก็ออกข้าง ไปเรื่อยๆ
- ซึ่งหนทางเดียว ที่จะเอาตัวรอด และรักษากำไรที่ได้มาจากช่วงตลาดง่าย ในข้อข้างบน ก็คือ "การหยุดเทรด แล้วนั่งดูมันเฉยๆ" หรือ "ไปเทรดตลาดอื่น ที่เป็นทรงขาขึ้น"
- เพราะถ้ายังตะบี้ตะบันจะยื้อต่อ ระยะยาว ยังไงก็พัง เพราะตลาดอาจจะลงต่อไปอีกก็ได้ ไม่มีใครรู้..
ก็ฝากกันไว้นะครับ คงจบแค่นี้แหละ บ่นต่อไม่ค่อยถูกละ ง่วง 555
หวังว่าคงจะมีประโยชน์กันนะครับ
การนั่งเฉยๆ ทำตามระบบเนี่ย.. มันยากที่สุดแล้ว -- ลุงโฉลกสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด
ที่ผมได้เรียนรู้มาจากการลองผิดลองถูกอยู่ 3 ปี ก็คือ..
.. "การนั่งเฉยๆ เนี่ย มันโคตรๆๆๆ ยากที่สุดเลย"
ซึ่งคำพูดนี้ ถ้าใครตามลุงโฉลกมานาน แกจะชอบเน้นย้ำเสมอ
เมื่อก่อน ผมก็ไม่เข้าใจนะว่า ทำไมจะต้องนั่งเฉยๆ อ่ะ
ก็มาเทรดอ่ะ ก็ต้องเทรดทุกวัน ทำกำไรทุกวันดิ
กลายเป็นว่า พอพยายามจะเทรดทุกวัน
สิ่งที่มันตามมาด้วยคืออารมณ์ที่แกว่งทุกวันไปตามการขึ้นลงของราคา
..ราคาขึ้น = นักลงทุนเฮ ดีใจ ที่ราคาขึ้น แล้วก็รีบไปกดซื้อที่ยอด กลัวตกรถ
..ราคาลง = นักลงทุนผวา ราคาร่วงหนัก แล้วก็ไปรีบขายด้วยความ กลัวขาดทุนหนัก
พอเรามาลอง Backtest + ตามระบบจริงจัง พบว่า
เออ ถ้ามันเขียว แม่งก็นั่งเฉยๆ ไปนี่แหละ ไม่ต้องทำไร
ถ้าคันมือจริงๆ ให้แบ่งเงินสัก 10$ - 20$ ไปเล่นในพอร์ตเสี่ยง จะได้หายคันมือ
พอมันแดง ก็ออก แล้วก็นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำไร ราคาแกว่งไปมาก็อย่าไปสน
.. พอทำได้ กลายเป็นว่า.. เออ พอร์ตผม ก็ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ แฮะ
มันไม่โตหวือหวา แต่ก็โต
แถม ไม่ต้องมานั่งจ้องกราฟทั้งวันด้วยว่า จะเข้าหรือจะออกดีนะ
เทรดสบายๆ ไม่เครียด มีเวลาไปพัฒนาตัวเองในด้านอื่น หรือทำอย่างอื่นที่อยากจะทำ
....
ใครรู้ตัวว่า ตอนนี้ กำลังโดนอารมณ์เล่นงาน เทรดมั่วซั่วโดยไม่มีแผน
ก็ลองแบ่งเงินมาส่วนนึง มาทำตามระบบอย่างเคร่งครัดดูนะครับ
แล้วก็ลองเปรียบเทียบกับพอร์ตเล่นมั่วๆ ตามอารมณ์ ตามห้องแชท ดู
แล้วก็ผ่านมา แต่ละ ควอเตอร์ ก็ค่อยมาวัดผล
บางที ท่านอาจจะแปลกใจว่า ..ไอ้ชิบหาย การทำตามระบบโง่ๆ นี่ มันได้กำไรสม่ำเสมอ ดีกว่าการจ้องจะไปเข้าๆ ออกๆ ทุกวันอีกนะเนี่ย!! 555
EURUSD และ Tesla สินทรัพย์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกEURUSD เป็นสัญลักษณ์ที่มีการค้นหามากที่สุดประจำเดือนกรกฎาคม ครองตำแหน่งสูงสุดใน 140 ประเทศทั่วโลก มากกว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง Tesla (17) ถึง 8 เท่า ตามมาด้วย GBPUSD (14) และ BTCUSD (13)
แน่นอนว่ามีความแตกต่างไปในบางประเทศ: เช่น สินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของรัสเซีย คือ Sberbank, บราซิล คือ ดัชนี Ibovespa และ ดัชนี Nifty 50 สำหรับอินเดีย
ตามที่เราได้เคยกล่าวไว้ในโพสต์ล่าสุด Tesla เป็นที่นิยมในอเมริกา (โดยมี Bitcoin ตามมาไม่ห่าง) แต่มันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายังได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อในแคนาดา, นิวซีแลนด์,สแกนดิเนเวีย, ซาอุดีอาระเบีย และแม้กระทั่งกรีนแลนด์ ในขณะเดียวกัน Apple เป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไต้หวันเท่านั้น
บางทีสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ข้อมูลของเรานั้นอาจชี้ชัดได้เพียงเล็กน้อย (อย่างที่คุณอาจจะจินตนาการได้ว่า ปริมาณการค้นหาอยู่ในระดับต่ำ) ตลาดที่เป็นที่นิยมและได้รับความสนใจมากที่สุด กับสถานที่นั้นมีความสัมพันธ์กับการเทรดเพียงเล็กน้อย ดังเช่น:
เกาหลีเหนือ: BTCUSD
นครวาติกัน: TRGP
ชาด: USDJPY
แอนตาร์กติกา: TSLA
และดังเช่นเคย ขอบคุณที่อ่านและเป็นส่วนหนึ่งของ TradingView ถ้าท่านมีคำถาม ข้อสงสัย โปรดฝากคอมเมนท์ไว้ด้านล่าง