การใช้งานอินดิเคเตอร์ Visible Range หรือ Volume Profileการใช้งานอินดิเคเตอร์ Visible Range หรือ Volume Profile
อินดี้ตัวนี้ใช้ในการดูว่านักลงทุนส่วนใหญ่ "ติดหุ้น" ในราคาไหนกันบ้าง
ซึ่งอาจนำมาตีความว่าเป็น "แนวต้าน" ของหุ้นก็ได้
หมายเหตุ การตีความเป็นไปตามทฤษฏีเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำเพื่อซื้อหรือขายหุ้นตัวใดตัวนึงแต่อย่างใด
X-indicator
การใช้อินดิเคเตอร์ Trend Ribbon คู่กับ EMA 50 จับจังหวะ ซื้อ ขายหากแท่งเทียนอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 50 วัน (แนวโน้มขาลง)
จุดที่แท่งเทียนเริ่มหลุด "ต่ำกว่า" เส้น EMA 50 >> บ่งบอกถึง "จุดขาย"
หากแท่งเทียนอยู่ "เหนือ" เส้นค่าเฉลี่ยนเคลื่อนที่ EMA 50 วัน (แนวโน้มขาขึ้น)
จุดที่แท่งเทียนเริ่มยืน "เหนือ" เส้น EMA 50 >> บ่งบอก "จุดซื้อ"
แถบ Ribbon จะช่วยยืนยัน "จุดซื้อ" เมื่อมีสัญญาณ "Long" เกิดขึ้น
และ "จุดขาย" คือจุดที่มีสัญญาณ "Short" เกิดขึ้น
หรือถึงคราวหมุนเวียนมาเล่น "กลุ่มแบงก์" 12 สค 63หากมือใหม่ต้องการทราบ "จุดเข้าซื้อ" หรือ "จุดขาย" ก็สามารถใช้อินดิเคเตอร์ MACD ได้
และกลุ่มธนาคารเมื่อวานนี้มีสัญญาณ MACD เกิด Golden Cross แท่งสีแดงได้เปลี่ยนเป็น "แท่งสีเขียว" แล้ว
นักลงทุนสามารถ "แบ่งไม้" เข้าซื้อได้ อาทิ ต้องการสะสมหุ้น KBank 1000 หุ้น ก็อาจทยอยเข้าซื้อที่ละ 500 + 500
หรือ 250+250+250+250 ก็ได้ เพื่อทำการเฉลี่ยต้นทุน และป้องกันกรณีผิดทางหรือเกิดการผันผวนเนื่องจากปัจจัยภายนอกต่างๆ
หมายเหตุ: Indicator ทุกตัวมีความแม่นยำประมาณ 50-70% เท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
การใช้้ EMA เส้นค่าเฉลี่ยในการหา จุดซื้อ/จุดขาย Level: Beginnerเส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average)
เราสามารถใช้เส้น MA (ผมเลือกใช้ EMA: Moving Average Exponential) เพียง 2 เส้น นั้นคือ EMA5 (เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน) และ EMA25 (เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน) ในหาจุดซื้อจุดขายได้ดังนี้
หาก EMA5 ตัดขึ้น เส้น EMA25 (แท่งเทียนอยู่ เหนือเส้น EMA25 ) เป็นแนวโน้ม "ขาขึ้น" จุดตัดที่เกิดขึ้นอาจพิจารณาว่าเป็น "จุดเข้าซื้อ"
หาก EMA5 ตัดลงเส้น EMA25 (แท่งเทียนอยู่ ใต้เส้น EMA25 ) เป็นแนวโน้ม "ขาลง" จุดตัดที่เกิดขึ้นอาจพิจารณาว่าเป็น "จุดขาย" ก็ได้
การใช้เส้น RSI ในการหา จุดซื้อ และ จุดขายการใช้เส้น RSI ในการหา จุดซื้อ และ จุดขาย
เส้น RSI สามารถนำมาใช้จับจังหวะการเข้าซื้อหุ้นได้โดยให้สังเกต 2 ตำแหน่งที่สำคัญคือ เมื่อเส้น RSI เข้าใกล้หรือต่ำกว่าเส้น 30 จะเกิดภาวะ OverSold (แพนิคเซลล์ / ขายแบบเทกระจาด) ซึ่งสามารถระบุเป็นจุด "เข้าซื้อ" ได้
ขณะเดียวกัน หากเส้น RSI อยู่เหนือเส้น 70 จะเกิดภาวะ OverBought (เข้าเขต ซื้อมากเกินไป เพราะกลัวตกรถ) ก็สามารถเป็น "จุดขายทำกำไร" ได้เช่นกัน
การบริหารความเสี่ยงในการเทรด Forex ตามระบบครับการบริหารความเสี่ยงตามระบบผมจะเป็นตามความคิดส่วนตัวนะครับ ไม่มีการเบิ้ล lot ตั้ง SL จุดเดียว ไม่ overtrade ถ้าคุณทำได้ก็จะมีเงินทุนไม่มีวันหมดครับ
(สนใจศึกษาระบบเทรดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่แชทส่วนตัวนะครับ ผมจะสอนตั้งแต่เริ่มต้นการเทรด Forex มาจนถึงระบบเทรดแบบ Swing trade ที่ผมใช้ในการวิเคราะห์ครับ จะเป็นการสอนสดสามารถถามตอบแลกเปลี่ยนความรู้ได้ครับ สอบถามเพิ่มเติมเรื่องเวลาเรียนได้ที่แชทส่วนตัวนะครับ ส่วนเรื่องค่าเรียนขึ้นอยู่กับผู้เรียนพิจารณาเองเลยครับ)
การเข้าทำกำไร H&S ที่ไหล่ขวาการหาจุดเข้าทำกำไร H&S นั้นจริงๆจะทำการเข้าเทรดเมื่อราคาหลุด low เดิม แล้วตั้ง SL ที่ ไหล่ขวา แต่ผมมีการเข้าออเดอร์ที่ไหล่ขวาแล้วตั้ง SL ที่ หัวของแพทเทิร์นนี้โดยจะเผื่อระยะ SL ไว้ไม่เกิน 50 จุด หรือ 5 Pips นั่นเอง ซึ่งเราจะมีโอกาสเก็บทำกำไรได้มากกว่าโดยมี TP ที่ Low เดิม ถ้าตามระบบจริงๆจะมีจุดเข้า sell เพียง 2 จุด คือที่ราคา 1.24900 และ 1.25627 แต่ว่าผมจะเพิ่มอีก 1 จุด เพื่อให้ระยะ SL นั้นสั้นที่สุด โดยจะเพิ่มจุดเข้าที่ราคา 1.25999 โดยเราจะพิจารณาเข้าตามจุดดังกล่าว โดยอาจจะมี indy สักตัวช่วยในการตัดสินใจเข้าก็ได้ครับ ในที่นี้ผมจะใช้ MACD ประกอบ และผมได้ให้จุดแนวรับไว้เพื่อเป็นการเก็งกำไรสั้นๆ โดยจะเก็บกำไรได้ 300-400 จุด ขึ้นอยู่กับอารมณ์ตลาดครับ
(หากสนใจที่จะศึกษาระบบเทรดเพิ่มเติมก็ทักผ่านแชทส่วนตัวได้เลยครับ)
การหาเส้น Key level หรือ Horizontal กลับตัววิธีการหาเส้น Key level บางครั้งเราอาจจะมองที่ปลายไส้เป็นหลักในทามเฟรมใหญ่ๆ แต่ว่าการหา Key level หรือแนวรับแนวต้านแบบนั้นอาจจะทำให้เราได้ออเดอร์บ้างไม่ได้บ้างเพราะว่าราคาอาจวิ่งขึ้นหรือลงไปก่อน ผมจึงยกตัวอย่างกราฟ USDCAD เพื่อหาเส้น Key level โดยจะพบว่าผมจะให้ความสำคัญกับเส้นที่สัมผัสกับไส้เทียนและราคาปิดราคาเปิดด้วย และผมจะไม่ใช้เส้นที่สัมผัสปลายไส้เทียนยาวๆอย่างเดียวเพื่อตัดสินใจในการเข้าออเดอร์แต่ละครั้ง เพราะเราอาจจะเข้าออเดอร์ไม่ทันหรือตกรถไปเลยก็ได้ ซึ่งตามระบบที่ผมใช้เทรดนั้นก็ใช้เส้น Key level เป็นหลัก + indicator สักตัวเพื่อตัดสินใจในการเทรดไม่จำเป็นต้องเป็น MACD ก็ได้ครับ อาจจะเป็น STO RSI ก็ได้แต่อย่าใช้รวมกันนะครับเดี๋ยวสับสน ถ้าหากเปิดกราฟดูไปทางขวาจะพบว่า Key level เหมาะสมนั้นทำงานได้ดีแค่ไหน ซึ่งกราฟอาจจะชนแล้วเด้งกลับมากหนอยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของตลาดแต่ว่าก็มั่นใจได้เลยว่าเมื่อราคามาถึงแล้วมันกลับตัวแน่นอน
EURUSD เหตุผลของการ sellจากกราฟเราจะพบว่าสัญญาณหลักคือการเข้า Buy จาก Harmonic pattern+ MACD ซึ่งผมได้ทำการให้จุด Sell ที่ TP ของ Harmonic ชุดนี้ เพื่อทำกำไรสั้นๆในรอบ swing ซึ่งแต่ละจุด Sell ที่ให้นั้นจะเป็น zone TP ของ Harmonic ซึ่งสามารถเล่นได้เพราะเทรนหลักยังเป็นเทรนลง และสิ่งสำคัญของการสวนรอบ swing ของ Harmonic คือ การ MM ให้ดีถึงแม้จะเข้าที่ไส้แต่ราคาก็ยังกลับมาทดสอบจุด Sell zone 1 เสมอเพราะว่าราคาต้องการที่จะไป Extra TP + อารมณ์ตลาดที่มีแรงขายอ่อนตัวลง แต่ว่าราคาอาจจะลงต่อก็ได้เพราะ H4 เริ่มเกิด Divergent เล็กๆแล้ว ดังนั้นถ้าเราเห็นราคาที่ดีเหมาะแก่การเข้าออเดอร์แล้วก็ควรรู้จักการ MM และทำการบังทุนเมื่อได้กำไร 200-400 จุด โดยถ้าเราทำแบบนี้เป็นนิสัยจะทำให้พอตเราเป็นอมตะเลยทีเดียว






















