RSI Divergence หลอกให้เจ๊งโดยทั่วไปเรามักจะได้ยินว่าเมื่อเกิด RSI Divergence นั้นคือสัญญาณที่เตือนว่าแนวโน้มมีโอกาสจะกลับตัว ...แต่นักเทรดส่วนใหญ่มักจะเชื่อมั่นว่าแนวโน้มจะกลับตัวเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากมี RSI Divergence (นี่คือจุดแรกที่นักเทรดเริ่มทำพลาด คือ การเทรดด้วยความเชื่อ)
เรามักจะได้ยินเพื่อนนักเทรดส่วนใหญ่พูดคำว่า "ไม่ต้องกลัวนะ เพราะมี Divergence แล้วเดี๋ยวก็กลับตัว"
---------------------------------------
RSI Divergence สำหรับมุมมองของ OhMan Lan
Bearish Divergence หมายถึง ราคามีโอกาสปรับตัวลงชั่วคราว หรือ "ย่อลง" เท่านั้น
Bullish Divergence หมายถึง ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นชั่วคราว หรือ "เด้งขึ้น" เท่านั้น
การกลับตัวของแนวโน้มไม่ได้ขึ้นอยู่กับ RSI Divergence // แต่คือการพิจารณาหลังจากที่เกิด RSI Divergence และราคาได้ปรับตัวขึ้นหรือย่อลงแล้ว
พยายามไม่ดู RSI Divergence ซี้ซั้ว
1.ไม่สนใจ ถ้าหากส่วนใดส่วนหนึ่งของ RSI Divergence ไม่อยู่ในโซน overbought/oversold
2.ให้ความสำคัญน้อยลงเมื่อ RSI Divergence มี overbought/oversold กั้น
3.RSI Divergence จะยังไม่ใช่ RSI Divergence ถ้ายังไม่มีการยืนยันสัญญาณหรือการปิดแท่งเทียน (นี่คืออีกหนึ่งจุดสำคัญที่นักเทรดทำพลาด) หากไม่รอยืนยันสัญญาณก่อน แล้วราคาวิ่งต่อเนื่องอย่างรุนแรงอาจจะทำให้ RSI Divergence นั้นหายไป
หากให้ความสำคัญทุกจุด ก็จะสามารถเห็น RSI Divergence ได้แบบเรื่อยเปื่อย
X-indicator
อินดิเคเตอร์2ตัว สร้างกำไร120เท่า winrate67% ระยะเวลา 4เดือน วันนี้น้ามาแนะนำระบบ เทรดที่มีผลลัพธ์ 120RR ภายในระยะเวลา 4เดือน
winrate 67% ใครยังไม่มีระบบ ที่ถูกใจมารองดุชุดเทรดนี้กันเลย
คู่เทรดที่ใช้ทดสอบ BTCUSDT timeframe H1
อินดิเคเตอร์ที่ใช้
อินดิเคเตอร์ตัวแรก trendline with Breaks (lux)
อินดิเคเตอร์ตัสอง TRAMA
วิธีการใช้งาน รอจังหวะ สัญญา singal B เขียว เหนือเส้นม่วง
รอจังหวะ สัญญา singal B แดง ใต้เส้นม่วง
วางSL ไว้ที่ปลายแท่งเทียนก่อนหน้า
RR ขั้นต่ำ1.5 เท่า
เงื่อนไขการเทรด 1 รอสัญญา break signal
2 ดูว่าอยู่เหนือเส้นม่วง buy/long
ใต้ม่วง sell/short
3 วางstoploss ไว้ที่ปลายแท่งก่อนหน้า
4. วางTP ขั้นต่ำ1.5เท่า
คำเตือน ไม่เทรด ขัดแย้งกับหน้าเทรด
แท่งเทียนถัดไป ไม่ควรกลับมาเข้ากลับที่Break ไปแล้ว ควรปิดแท่งเป็นสีตามหน้าเทรด
สรุปผลbacktest เทรด43ไม้
win 29 ไม้ winrate 64%
loss 14ไม้
RR 120 เท่า
ระยะเวลาในการbacktest 4เดือน 1มค -30เมษา
วิธีการใช้งานอินดิเคเตอร์ OhManLan Ribbon เบื้องต้นเราให้ความสำคัญกับการลดโอกาสขาดทุน และพยายามแก้ไขปัญหาหลักของ Ribbon คือความล่าช้าของสัญญาณ และสัญญาณหลอกที่มากขึ้นเมื่อปรับค่าให้เร็วขึ้น
OhManLan Ribbon มีอะไรบ้าง?
1.) สัญญาณ Up/Down ที่บอกให้ทราบถึงแนวโน้ม
2.) สัญญาณ Partial Take-Profit ที่สามารถใช้เป็นสัญญาณแบ่งปิดทำกำไร
3.) OML Cloud ที่สามารถใช้เป็นแนวรับ-ต้าน, ใช้เป็นจุด Stop loss หรือ Trailing stop, บอกความแข็งแรงของเเนวโน้มและยังสามารถช่วยลดสัญญาณหลอกจาก Up/Down Signal ได้ด้วย
OhManLan Ribbon คือ Indicator ที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์กราฟได้ง่ายขึ้นสำหรับตลาดคริปโต
### วิธีการใช้งานเบื้องต้น
Up/Down Signals
- Up หมายถึง เทรนขาขึ้น สามารถเล่น Buy ได้
- Down หมายถึง เทรนขาลง สามารถเล่น Sell ได้
- Ribbon (Options): OML V4 ใช้ได้ทั่วไป, SaiDao ใช้สำหรับ Altcoins
*เตือน
- Up ไม่ได้หมายถึง แท่งเทียนสีฟ้า
- Down ไม่ได้หมายถึง แท่งเทียนสีส้ม
Up/Down สามารถขึ้นที่แท่งเทียนสีไหนก็ได้
*ทริคเสริม
แท่งเทียนสีชมพู สามารถ Buy บางส่วนได้หากมี RSI Divergence
แท่งเทียนสีเหลือง สามารถ Sell บางส่วนได้หากมี RSI Divergence
---------------------------------------
Partial Take-Profit Signals (X Signals)
- x สีส้ม หมายถึง แบ่งปิดทำกำไรสำหรับ Up Signal
- X สีฟ้า หมายถึง แบ่งปิดทำกำไรสำหรับ Down Signal
---------------------------------------
OML Cloud
- สามารถใช้เป็นแนวรับ-ต้าน, จุด Stop loss หรือ Trailing stop
- สามารถช่วยลดสัญญาณหลอก Up/Down
สีของ OML Cloud
-ฟ้า/เขียว หมายถึง เทรนขาขึ้นที่แข็งแรง
-ฟ้า/เหลือง หมายถึง เทรนขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง
-ชมพู/เหลือง หมายถึง เทรนขาลงที่แข็งแรง
-ชมพู/เขียว หมายถึง เทรนขาลงเริ่มอ่อนแรง
---------------------------------------
### อย่าหาทำ
X อย่าพึ่งพา OhManLan Ribbon เพียงตัวเดียว
X อย่าซื้อขายตาม Up/Down Signal แล้วพูดว่ายอมขาดทุนไปเถอะเวลาได้ก็กินคำใหญ่ แบบนี้ไม่เอา การเทรดไม่ใช่ของเล่นจะมาทำเล่น ๆ พูดมักง่าย ๆ ไม่ได้แบบนี้ไม่เอา
X ถ้าไม่มีทักษะอื่นมาร่วมวิเคราะห์ ก็พยายามหลีกเลี่ยง Altcoin ไว้ก่อน
X หลีกเลี่ยงการเทรดบน Time frame ระยะกลางและระยะสั้น ***TF ที่เหมาะสมที่สุดคือ 1 Day (ระยะสั้น ได้แก่ 5-15-30 นาที, ระยะกลาง ได้แก่ 60-120 นาที)
---------------------------------------
# OhMan Lan
ติดตามเราเพื่อรับบทวิเคราะห์, บทช่วยสอนและอินดิเคเตอร์
ขอให้โชคดีในการทำกำไร และเรายินดีที่จะรับคำแนะนำของคุณเพื่อปรับปรุง
WAVES: RSI Overbought ใช่ว่าจะต้องกลับตัวRSI Overbought ใช่ว่าจะต้องกลับตัว
โดยมากเรามักจะพบว่า
เมื่อ RSI Overbought แรกหลังจาก Oversold
การลงนั้นมักจะเป็นการลง (ย่อ) เพื่อขึ้นต่อ
***พยายามหลีกเลี่ยงการ Short ไว้ก่อน จนกว่าจะมีสัญญาณที่ยืนยันแล้วว่าจะกลับเทรนเป็นเทรนขาลง
BTC Backtest CDC ActionZone TF: 1Dทดสอบกลยุทธดูครับ
การเข้าซื้อด้วย ACD Action Zone (เขียวซื้อ แดงขาย)
เกิดสัญญาณเขียว ทำการ Buy เมื่อราคาขึ้นไปแล้ว เกิดสัญญาณแดงก็ขายออกมา (ขายแบบมีกำไร)
ตั้ง SL ไว้ที่ Low คร้้งล่าสุด (ถ้าไม่ขึ้นต่อ กลับเป็นลง ก็ยอม SL ออกมาดู หาจังหวะใหม่)
ถ้าเดียวแดง เดียวเขียว อยู่ในกรอบที่เราเปิด Order ไปแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไร (รอเลือกทาง)
ถ้าไปเขียวอยู่ผิดที่ (เขียวอยู่บนแนวโน้มขาลง คือ เกิด Lower Low ก็ไม่ต้องไปซื้อ)
AUDNZD,4H*SWING TRADE
เทคนิคที่ใช่การดูกราฟ
1-.Fibo
2-.Demand / Supply Zone
3-.แรวรับ/ต้านสำคัญ ฯ ต่างๆ
4-.รูปแบบการ ปฎิเศษ ราคา ที่จะไปต่อในทิศทางเดิม หรือ ตรงกันข้ามทิศทาง
** รักษาเงินต้น #MM วิเคราะห์ ให้มาก เมื่อมีความยั๋งยืน เราจะอยู่รอดและ ค่อยๆ สร้างผลดีๆ ตามมา
**คู่ EURNZD**
-เล่น ตามแนวโม้นที่ ยังไม่หลุดจากแนวโน้มเดิม คือ BUY ตามโซนต่างๆที่เรา จิตณาการณ์ไว้
1.-FIbo 50.0 / 61.8 / 78.6 Zone
2.-D/S Zone
3.-QML
ระบุ Degree Gold Chart จากเมื่อวาน....จากเมื่อวาน ผมเองก็ยังมีข้อผิดพลาด ต้องไล่คลื่นย่อยบางคลื่นเพื่อให้เป็นไปตามกฎมากที่สุด และเป็นไปตามรูปแบบ จากที่เคยคิดว่า มันอาจจะเป็นคลื่น Impulse (MINUTE Degree) แต่พอมาตรวจสอบคลื่นย่อยภายใน กลับพบัว่า มัน ฟอร์มตัวเป็น Corrive Standard ขนาดใหญ่ ที่เริ่มด้วย ZIGZAG และย่อลงมาทำ Small X-wave และสิ่งที่ควรจะเป็นต่อไป คือ FLAT ที่มี (C)-wave คือ Impluse Wave
การฝึกฝนอย่างเข้มข้น ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก จะทำให้การมโน Elliott wave ไม่มีเลย
แผนภูมิ Heikin Ashi vs แผนภูมิแท่งเทียนการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาถือเป็นหัวใจสำคัญของตลาด การมองดูแผนภูมิเพียงครั้งเดียวสามารถแสดงแนวโน้ม, แนวคิดทางการเทรด หรือเป็นวิธีที่รวดเร็วในการตรวจสอบการถือครองในพอร์ตการลงทุนของคุณ
แผนภูมิแท่งเทียนเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการดูการเคลื่อนไหวของราคา แท่งเทียนแท่งเดียวจะแสดงราคาสูงสุด, ต่ำสุด, ราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาหนึ่งๆ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลราคาจำนวนมากจะถูกเก็บไว้ในแท่งเทียนแท่งเดียว อย่างไรก็ตามบางครั้งข้อมูลราคานั้นเต็มไปด้วยความผันผวนหรือการซื้อขายที่วุ่นวาย
นั่นคือสิ่งที่แผนภูมิ Heikin Ashi มีประโยชน์มากที่สุด - มันทำให้ราคาราบรื่นโดยแสดงช่วงราคาเฉลี่ย มากกว่าการวัดที่แน่นอน อันที่จริงแผนภูมิ Heikin Ashi ได้รับการพัฒนาในญี่ปุ่นและคำว่า Heikin หมายถึง "ค่าเฉลี่ย" ในภาษาญี่ปุ่น ผู้ที่ลงทุนในระยะยาวหรือมองหาแนวโน้มที่ยั่งยืน แผนภูมิ Heikin Ashi อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ราคาราบรื่นและแสดงแนวโน้มที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
กุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจแผนภูมิ Heikin-Ashi คืออย่าลืมว่าแต่ละแท่งไม่ว่าจะเป็นสีแดงหรือสีเขียวจะแสดงช่วงราคาเฉลี่ยสำหรับช่วงเวลาหนึ่ง ในขณะที่แผนภูมิแท่งเทียนจะแสดงระดับราคาที่แน่นอนสำหรับช่วงเวลานั้น
สูตรสำหรับ Heikin Ashi มีลักษณะดังนี้:
ราคาเปิด = (ราคาเปิดของแท่งก่อนหน้า+ ราคาปิดของแท่งก่อนหน้า) / 2
ราคาปิด = (ราคาเปิด + ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด) / 4
ราคาสูงสุด = จุดสูงสุดไม่ว่าจะเป็น ราคาเปิด, สูง, ต่ำหรือราคาปิด
ราคาต่ำสุด = จุดสูงสุดไม่ว่าจะเป็น ราคาเปิด, สูง, ต่ำหรือราคาปิด
อย่าลืมทดสอบแผนภูมิทั้งสองประเภทที่แตกต่างกันและสนุกไปกับมัน ไม่มีวิธีใดที่จะเรียนรู้ได้ดีไปกว่าการเปรียบเทียบและดูความแตกต่างของแผนภูมิทั้งสองประเภทดังที่เรากำลังทำในตัวอย่างนี้ จำไว้ว่ามันขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของคุณด้วย คุณต้องการดูรายละเอียดทั้งหมดในการเคลื่อนไหวของราคาหรือไม่? หรือคุณต้องการดูราคาเฉลี่ยของการดำเนินการซื้อขายนั้น? ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคุณและมีเครื่องมือให้คุณได้ลองใช้
ข้อควรจำ
แม้ว่า Heikin Ashi และแผนภูมิประเภทอื่นๆ จะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์ตลาด แต่ก็ไม่ควรใช้ในการทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลังหรือออกคำสั่งซื้อขายเนื่องจากราคาของพวกเขาเป็นราคาสังเคราะห์และไม่สะท้อนถึงระดับของ bid/ask ในตลาดหลักทรัพย์หรือโบรคเกอร์ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นโปรดดูสิ่งพิมพ์เหล่านี้:
• ในศูนย์ช่วยเหลือ: กลยุทธ์สร้างผลลัพธ์ที่ไม่สมจริงในประเภทแผนภูมิที่ไม่ใช่แผนภูมิมาตรฐาน (Heikin Ashi, Renko และอื่น ๆ)
• จาก PineCoders: การทำ Backtest ในประเภทแผนภูมิที่ไม่ใช่แผนภูมิมาตรฐาน: คำเตือน!
ขอบคุณที่อ่านและโปรดแสดงความคิดเห็นหรือคำถามหากคุณ ถ้ามี!
BTC - การหา Cluster เพื่อยืนยันแนวโน้มในการกลับตัวเช้านี้มีสภาพที่น่าสนใจ สำหรับการหาแนวโน้มการกลับตัว ด้วย Cluster ที่ประกอบด้วย Tool, Pattern และ Indicator นะครับ
Tool ตัวไหน, Pattern รูปแบบใด พร้อมทั้งสภาพ indicator ลักษณะใดสามารถดูได้จากคลิปเลยนะครับ
โดยผมยกตัวอย่างจาก play ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันในการ trade BTC
Cluster ประกอบด้วย:
1. Fibo. Retracement
2. Fibo Extension
3. Andrew - Pitchfork
4. Hidden Bullish
BTC - การหาแนวโน้มการกลับตัวจาก TD Sequential ต่อเนื่องจาก Idea ที่แล้วนะครับ พี่ผมเคยเกริ่นเอาไว้ในเรื่องการใช้งาน indicator ที่เป็นการบ่งบอกถึง "แนวโน้ม" ในการกลับตัวอย่าง TD Sequential
ซึ่งเป็น Free Indicator ที่ดีและมีประโยชน์มากๆ ตัวนึงในกระดานนี้
ดูเนื้อหาจาก Clip แล้วผมขออนุญาตสรุปเอาไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ
- TD Sequential คือการเคลื่อนที่ต่อเนื่องกัน "9" แท่งในทิศทางเดียวกัน
- การเคลื่อนที่ขึ้นต่อเนื่อง เมื่อครบ 9 แท่ง จะบ่งบอกถึงสภาพการอ่อนแรงลงในขาขึ้น ในทางกลับกัน 9 แท่งลงติดกันก็จะบ่งบอกถึงการอ่อนแรงในการลง
- การนับ 9 แท่งต่อเนื่องนี้เราเรียกว่าเป็น phase "Setup" (ซึ่งการ Countdown จะยังไม่อธิบายเพราะ ตลาด react กับการ Setup ดีมากพออยู่แล้ว)
- คำว่าเคลื่อนที่ขึ้น 9 แท่งต่อเนื่อง ให้พิจารณา "ราคาปิด" ที่ต้องเหนือกว่า "ราคาปิด" ของ 4 แท่งก่อนหน้า
- การเกิด Perfect Sell Signal คือการที่ "High Price" ของแท่งที่ 8\9 เหนือกว่า "High Price" ของแท่งที่ 6\7
- การเกิด Sell or Buy signal จาก TD Seq. ไม่ใช่เป็นการบอกจุดกลับตัว แต่เป็นการบอก แนวโน้ม ที่อาจจะเกิดการกลับตัว
- การเข้าซื้อต้องรอให้เกิดการ swing ที่ประกอบไปด้วยแท่งเทียน 2-3 แท่งก่อนเท่านั้น ไม่ใช่ซื้อ ณ แท่งที่ 9
- การเข้าซื้อสามารถพิจารณาสภาพ Bull\Bear จาก TF ย่อยเป็นการประกอบได้
ทั้งนี้ขอบคุณ พี่ม้าเฉียวดูหุ้น ที่เคยแชร์ความรู้ indicator TD Seq. นี้มาในการเทรดหุ้นนะครับ
วิธีใช้ Session Volume HD เพื่อศึกษาราคาและปริมาณการซื้อขายSession Volume HD ถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มระดับรายละเอียดและความแม่นยำใหม่ในการศึกษาราคาและปริมาณการซื้อขายของแต่ละเซสชัน Session Volume HD จะปรับแบบไดนามิกเพื่อแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อคุณซูมเข้าและออกจากแผนภูมิ
ให้คิดว่า Session Volume HD เป็นเหมือนแว่นขยายสำหรับศึกษาปริมาณการซื้อขายและราคา ระดับราคาใดที่ดึงดูดปริมาณการซื้อขายมากที่สุด? สิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเราซูมเข้าหรือออกจากช่วงการซื้อขายที่เฉพาะเจาะจง? ด้วย Session Volume HD ยิ่งคุณซูมมากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขายสำหรับวันซื้อขายที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น มันเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนที่ซูมเข้าและออกและเปลี่ยนกรอบเวลาของกราฟอย่างรวดเร็ว
ในตัวอย่างข้างต้น เรากำลังดูแผนภูมิสองรายการของ Tesla ที่ตั้งค่ากรอบเวลาและความละเอียดต่างกัน คุณเห็นความแตกต่างระหว่าง Volume Profiles ที่แสดงในแต่ละแผนภูมิหรือไม่? แผนภูมิทางด้านซ้ายคือแผนภูมิรายวันย้อนหลังไปถึงเดือนพฤศจิกายน แผนภูมิทางด้านขวาคือแผนภูมิราย 65 นาทีที่ซูมเข้าในช่วงสองสามวันสุดท้ายของการซื้อขาย แผนภูมิทั้งสองใช้ Session Volume HD เพื่อแสดงการวิเคราะห์ Volume Profiles แต่ทว่าแต่ละแผนภูมิจะแสดงรายละเอียดในระดับที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะเครื่องมือ Session Volume HD ได้รับการปรับแบบไดนามิกเมื่อเราซูมเข้าหรือออก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเมื่อการซูมเพิ่มขึ้นระดับ volume profile จะแสดงเพิ่มมากขึ้น
เมื่อคุณเริ่มเข้าใจและใช้ Session Volume HD สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าเครื่องมือนี้สามารถปรับแต่งตามความต้องการและการสังเกตของคุณได้ เปิดการตั้งค่าเพื่อเริ่มต้น เทรดเดอร์และนักลงทุนทุกคนมีวิธีการของตนเองและการตั้งค่าเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างรูปแบบการวิจัยที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง:
Point of Control (POC) - ระดับราคาสำหรับช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด เส้นสีแดงที่แสดงบนทั้งสองแผนภูมิภายในโซน Volume Profile แต่ละโซน
Up Volume - กำหนดสีสำหรับ Up Volume หรือตำแหน่งที่เกิดการซื้อและราคาเพิ่มสูงขึ้น
Down Volume - กำหนดสีสำหรับ Down Volume หรือตำแหน่งที่เกิดการขายและราคาลดลง
Value Area Up - กำหนดสีของ Value Area Up หรือตำแหน่งที่การซื้อเกิดขึ้นในโซนปริมาณการซื้อขายสูง เช่น 70% ของปริมาณซื้อขายทั้งหมด
Value Area Down - กำหนดสีของ Value Area Down หรือตำแหน่งที่การขายเกิดขึ้นในโซนปริมาณการซื้อขายสูง เช่น 70% ของปริมาณซื้อขายทั้งหมด
Profile High - ระดับราคาที่สูงที่สุดที่ไปถึงในช่วงเวลาที่กำหนด
Profile Low - ระดับราคาที่ต่ำที่สุดที่ไปถึงในช่วงเวลาที่กำหนด
Value Area (VA) - ช่วงของระดับราคาที่มีการซื้อขายเป็นเปอร์เซ็นต์ตามที่ระบุ ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในช่วงเวลานั้น โดยปกติเปอร์เซ็นต์นี้จะกำหนดไว้ที่ 70% อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเทรดเดอร์แต่ละท่าน
Value Area High (VAH) - ระดับราคาสูงสุดภายในพื้นที่มูลค่านั้น
Value Area Low (VAL) - ระดับราคาต่ำสุดภายในพื้นที่มูลค่านั้น
เราหวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงพลังของ Session Volume HD และเครื่องมือ Volume Profile อื่นๆ ที่สำคัญเราหวังว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจคุณสมบัติ การปรับแต่งและฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดที่มาพร้อมกับคุณสมบัติเหล่านี้ Session Volume HD เป็นหนึ่งในเครื่องมือ Volume Profile ที่มีให้สำหรับคุณ และจะมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อซูมเข้าและออกจากกราฟ เปลี่ยนกรอบเวลา และค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมขณะที่คุณศึกษาช่วงการซื้อขายเฉพาะใดๆ
ขอบคุณที่อ่านและกรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านด้านล่างนี้ หากคุณต้องการดูเครื่องมือหรือคุณสมบัติ Volume Profile เพิ่มเติม - เราต้องการทราบข้อมูลเหล่านั้น! เพราะเราอาจสร้างมันเพื่อคุณ
วิธีใช้เครื่องมือวาดภาพใหม่ Fixed Range Volume ProfileVolume Profiles นั้นมีประโยชน์ในการทำความเข้าใจอุปสงค์, อุปทาน และสภาพคล่องโดยรวม เครื่องมือวอลุ่มโปรไฟล์ทำให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของปริมาณการซื้อขายในระดับราคาและช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงได้ เครื่องมือวาดภาพใหม่ของเราที่เรียกว่า Fixed Range Volume Profile ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถศึกษาแนวโน้มของวอลุ่มบนแผนภูมิของตนได้
นี่คือวิธีที่คุณสามารถเริ่มใช้เครื่องมือวาดภาพใหม่ Fixed Range Volume Profile:
1. ไปที่ด้านซ้ายของแผนภูมิของคุณแล้วคลิกเครื่องมือคาดการณ์และการวัด นี่คือที่เดียวกับที่คุณสามารถค้นหาช่วงราคาหรือเครื่องมือ Long / Short
2. เลื่อนลงไปและเลือก Fixed Range Volume Profile
3. เมื่อคุณเลือกเครื่องมือแล้วให้ค้นหาและคลิกลงบนพื้นที่ของแผนภูมิที่คุณต้องการศึกษา คลิกจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ในตัวอย่างนี้เรากำลังแสดง Fixed Range Volume Profile สำหรับ BTCUSD จากจุดสูงสุดตลอดกาลจนถึงวันนี้
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการอ่าน Fixed Range Volume Profile เป็นสิ่งสำคัญ เมื่อคุณวาด Fixed Range Volume Profile ครั้งแรกของคุณคุณจะเห็นสิ่งต่อไปนี้:
• เส้นสีแดง = จุดควบคุมหรือระดับราคาที่มีปริมาณมากที่สุด
• แถวสีเหลืองและสีน้ำเงิน = ปริมาณที่เพิ่มขึ้นและลดลงสำหรับแต่ละระดับราคา
• พื้นที่แรเงาสีน้ำเงิน = พื้นที่ที่เลือก volume profile ที่กำลังแสดงผลอยู่
โปรดทราบว่าคุณสามารถปรับการตั้งค่าของ Fixed Range Volume Profile ได้ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์, ความรู้สึก และการคำนวณได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มจุดควบคุมที่กำลังพัฒนา, ปรับสีของพื้นที่แรเงาและเปลี่ยนขนาดของแถวโวลุ่ม ความเป็นไปได้นั้นไม่มีที่สิ้นสุดและขึ้นอยู่กับคุณที่จะสร้างรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับ Fixed Range Volume Profile ของคุณเอง
เราหวังว่าคุณจะสนุกกับเครื่องมือวาดภาพใหม่นี้ และเราหวังว่าจะได้เห็นวิธีการใช้งานของคุณ เราอยู่ในภารกิจที่จะช่วยเหลือนักลงทุนและเทรดเดอร์ให้ได้มากที่สุด และเราเชื่อว่าเครื่องมือเช่นนี้สามารถทำได้ มันสามารถใช้งานได้ฟรีและเปิดให้ใช้งานสำหรับทุกคน
หากคุณมีคำถามหรือข้อเสนอแนะโปรดเขียนไว้ในความคิดเห็นด้านล่าง หากคุณยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือนี้เราขอแนะนำให้คุณทดลองมันทันทีและเริ่มการทดลอง วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการเรียนรู้ คือลองใช้เครื่องมือนั้นด้วยตัวคุณเอง






















