Thaistocks
PTTEP - น่าจะไปต่อพร้อมกับราคาน้ำมัน
ตอนนี้คิดว่า PTTEP ปรับ correction จบ พร้อมๆกับน้ำมัน
หากราคาอยู่เหนือ 110 คาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้น
โดยมี เป้าหมายที่ยอด high เดิม แถว 220
เมื่อดูราคาน้ำมัน
จะเห็นว่า break กรอบ correction ออกมาแล้วเช่นกัน คาดว่าเป้าหมายคล้ายกันคือจะปรับตัวสูงขึ้นไปใกล้ๆ high เดิม
เมื่อดู correlation coefficient ระหว่าง PTTEP กับราคาน้ำมันดิบ
จะเห็นว่ามีความสัมพันธ์วิ่งไปในทิศทางเดียวกัน
คาดว่าราคาน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้
BANPU - ยืนเหนือโซนแนวรับกราฟเดือน ลุ้นไปต่อ
ตอนนี้จะเห็นว่าโซนแนวรับกราฟเดือนที่เป็นแนวรับในอดีตคือบริเวณ 11-12 บาท (ลากโดยใช้ closing price ของ monthly candlestick)
วันนี้ราคาบ้านปูลงมาทดสอบแนวรับนี้
จะเห็นว่าแนวนี้เป็นแนว fibonacci 61.8% จากยอด all time high อีกด้วย
ถ้าราคายืนบริเวณนี้ได้ แนวต้านถัดไปคือแนว fibonacci 50% และเป็น swing low เดิมของปี 2013 ที่ราคา 16.6
เทียบกับบทวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ ()
จะเห็นได้ว่าราคามาตามทิศทางที่คาดไว้
ถ้าที่เคยดูไว้ถูก ราคาห้ามลงมาต่ำกว่า 10.8
SET Index - เตรียมขึ้นต่อในเดือนเมษา
ตอนนี้ คาดว่า SET index อาจจะขึ้นไปเลย จนถึงแนว 1620-1630
หรือ ลงมาพักตัวอีกที บริเวณ 1535-1545 ก่อน
ไม่น่าหลุด 1530
เมื่อชนแนวต้าน trend line อาจมีการย่อลงมา (Sell in May) เข้า sideway แล้วไปเตรียมขึ้นอีกทีตอนปลายปี
แต่ถ้าหากสามารถขึ้นไปได้เลย
อาจจะสามารถไปทดสอบแนว All time high เดิมได้
Maximum ใน1-2ปีนี้ คาดว่าไม่น่าเกิน 2200
PTTEP - เตรียมขึ้นต่อ
ตอนนี้ PTTEP ยืนเหนือ 2019 Low และคาดว่าน่าจะยืนได้
มีโอกาสไปทดสอบแนวต้าน 132-135 ซึ่งคาดว่าจะตรงกับ SET จบ 1625 ที่ trend line จาก all time high ปี 2018 พอดี
เมื่อชน 132-135 อาจจะ sideway ในกรอบ (Sell in MAY)
ก่อนจะขึ้นต่อปลายปี
หากทะลุไปจนถึง 142
จะเป็นการจบ Bullish channel โดยจะมีเป้าที่ High เดิม คือ 210-220
โดยจะสัมพันธ์กับราคาน้ำมัน ที่รอ break แนวต้าน
BGRIM - 3 เหลี่ยมกำลังจะจบ
ตอนนี้คิดว่าแพทเทิร์น 3 เหลี่ยมของเวฟ 4 ใหญ่กำลังจะจบครับ
ไม่ค่อยแน่ใจว่าตรงนี้จะครบ 5 wave ของเวฟ c ย่อย ของเวฟ E หรือยัง
หากยัง คาดว่าอาจจะลงอีกนิดหน่อย แถว 43-44 ครับ
จุดที่คอนเฟิร์มได้ดีว่าจะจบแล้ว
จุดแรก : หากราคา ทะลุเกิน 50 บาท ขึ้นมา
จุดที่แน่นอนว่าเป็น 3 เหลี่ยมและจบแล้ว : หากราคา ทะลุเกิน 56 บาท
จุดที่คอนเฟิร์มว่า ไอเดียนี้คิดผิด คือ : ราคาลงมา ตำ่กว่าเวฟ (C) ที่ 38 บาท ครับ
หากขึ้นต่อ เป้าต่อไป
อยู่บริเวณ 72-80 บาทครับ
PTTGC - จบรอบ เตรียมซื้อสะสมตอนย่อ
ตอนนี้ PTTGC ได้ขึ้นมาถึงแนวฟิบ 50% จาก all time high ถึง low covid ครับ
ลักษณะที่เห็นชัดคือทำ 5 wave up แสดงว่าน่าจะเป็น 1 ย่อย ของเวฟ 3
และตอนนี้กำลังย่อเวฟ 2 ย่อยของเวฟ 3
โซนที่ควรซื้อสะสม คือบริเวณกรอบสีเหลือง ที่เป็นแนว Fib .382 เดิม และเป็นแนวซ้อนทับ retracement 2 แนว ระหว่าง .618 กับ .50 ครับ
************************************************************
PTTGC เป็นหุ้นที่ผมตามมาตลอดตั้งแต่ Covid low และได้กำไรมาพอสมควร
ติดตามบทวิเคราะห์ PTTGC เดิมได้ข้างล่างครับ
SET - น่าจะใกล้เวลากลับตัวขึ้นต่อ
ตอนนี้คิดว่า SET อาจจะย่อตัวในลักษณะ expanded flat เป็นเวฟ 2 ย่อยของเวฟ 3 เพื่อขึ้นต่อ
ตอนนี้ คิดว่าถ้าไม่หลุดเส้นสีแดงลงมา น่าจะไม่เสียทรงขาขึ้น
ปัจจัยสนับสนุนมุมมอง + ต่อ SET
USD vs THB ที่ดูแล้วเพิ่งจบ 3 เหลี่ยมและ USD น่าจะลงต่อ
โดยที่ผ่านมา USD ที่ rally จะส่งผลลบต่อหุ้น Emerging market ทั้งหมดรวมถึงไทยด้วย
USD VS EEM
USD VS SET
จะเห็นว่าวิ่งตรงข้ามกันเกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะตอน COVID-19 low ที่ dollar ได้ top out และSET ได้ปรับตัวขึ้นตั้งแต่นั้นมา
หากดูจาก USD/THB ที่เป็นทรงสามเหลี่ยม เชื่อว่า USD พร้อมจะปรับตัวลงต่อ เป็นผลดีกับ SET และตลาด risk asset อื่นๆ
หาก USDTHB ส่งสัญญาณว่า USD จะอ่อนค่าอีกจริง และ SET จะขึ้นต่อ
โดยมีแนวต้านเป็น trend line ที่กดทับมาจาก all time high เดิม แถว 1620
หากผ่านได้ เชื่อว่าจะขึ้นไปทดสอบ all time high เดิมครับ
[SAWAD]ภายใต้พื้นฐานกำไรที่เติบโต มีเรื่องน่ากังวลอะไรหรือไม่?!!
สำหรับ SAWAD นับว่าเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ผมมักอารมณ์องุ่นเปรี้ยวทุกครั้งเลยครับ เวลาเห็นเขาทำราคาที่สูงขึ้น กอปรกับความกลัวเรื่องของ NPL ผมเลยกลัวอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ จรพบกับความผิดพลาดที่ไม่ได้ลงทุนในตัวพวกเขา
แต่ตอนนี้ถ้าเราลบอคติฝังตาลง เราพบอะไรบ้างจากอินดิเคเตอร์ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกำไรสุทธิกับราคาหุ้นกัน โดยผ่านอินดิเคเตอรตัวเดิมของผมอย่าง Yield Valuation นี้ครับ
SAWAD นับว่าเป็นหุ้นที่อยู่ในหมวดของ Growth อย่างแท้จริงครับ จากการดูการเติบโตของสินทรัพย์(เส้นส้ม) ของเขา จากหนังสือพ่อรวยสอนลูกก็อย่างที่ว่าครับ สินทรัพย์คือสิ่งที่ช่วยสร้างรายได้ให้เรา การมีสินทรัพย์มากขึ้นก็เสมือนกับการเพิ่มที่มาของรายได้แบบนี้นั่นเองครับ
แต่กระนั้นแล้วสินทรัพย์ที่เพิ่มมขึ้นของ SAWAD นี้ เขาเพิ่มขึ้นในหมวดของหนี้สินนั่นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องปกติครับ เพราะว่า SAWAD ทำธุรกิจการเงิน หนี้สินของหมวดนี้ก็คือปริมาณเงินที่เราปล่อยสินเชื่อไปแน่นอนครับ
ว่ากันตามตรงในความเห็นของผมเอง ประเทศไทยเรามีระบบการเงินที่ Conservative มากนะครับ จากการที่แบงก์ของเราไม่มีการแข่งขันเท่าที่ควรจนมาถึงการไม่กล้าปล่อยสินเชื่อจนเรามีทุนสำรองของประเทศเราอยู่สูงมาก การไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ทำให้ประเทศเรามี Opportunity Cost สูงมาก สังเกตได้จากการที่นายกพูดเลยครับ ที่ว่าทำไม่เราถึงแพ้เวียดนาม ทั้งที่เรามีทุนสำรอง(งบดุลของประเทศ) ที่แข็งแกร่งมาก พูดง่ายๆ คือเราอาจจะล้มได้ยากนั่นเองครับ
กลับมาที่เรื่องของ SAWAD ด้วยความที่ธุรกิจการธนาคารของเราไม่ค่อยได้ปล่อยสินเชื่อให้รายย่อย นั่นเลยเป็นช่องทางให้กับธุรกิจ Nonbank อย่างพวก SAWAD และ MTC ได้มาทำหน้าที่นี้แทนพวกเขา เมื่อ Demand(ผู้ต้องการเงินรายย่อย) มีอยู่อย่างมหาศาล การเติบโตก็มหาศาลอีก และ Supply ที่กล้าทำตอนนั้นเองก็มีอยู่ไม่มาก Supply น้อย (MTC SAWAD) ดังนั้นแล้วหุ้นทังสองตัวนี้เลยโตเอาๆ จากความกลัว ความกังวลของหุ้นกลุ่มธนาคารนั่นเอง แต่เอาเถิดท่านอย่าเศร้ากับอุตสาหกรรมการเงินไทยเลย เพราะปัจจุบันนี้ภาครัฐก็ได้ส่งแบงก์ออมสินมาสู้ๆ พวกธุรกิจนี้แล้วครับ
การมาของออมสินเอง ทำให้เราอาจต้องกังวลมากขึ้นกับการลงทุนหุ้น SAWAD ครับ ว่าเขาจะมีโอกาสไปต่อได้หรือไม่ การแข่งขันนั้นดีตรงที่เราอาจจะได้พบนวัตกรรมใหม่ๆ และทางออกให้ผู้บริโภคที่สร้างสรรค์มากขึ้นจากการแย่งชิงตลาด แต่กระนั้นแล้วการลงทุนอย่างนักลงทุนเราคงต้องทำการบ้านหนักขึ้นครับ
แล้ว SAWAD ตอนนี้มีอะไร เรามาดูเส้น Yield Valuation ที่โปรแกรมสังเคราะห์มาครับ ว่าหากอนาคตคน "ให้ค่า" แก่ตัว SAWAD มากกว่าสมัยก่อน การที่เขาจะก้าวไกลเข้าสู่เส้นสีแดงนั้นก็อาจเป็นไปได้นั่นเองครับ เพราะว่ากำไรของเขาเติบโตตลอดเวลาเลย ตรงส่วนนี้ก็อยู่กับความคิดเห็นของรายย่อยอย่างเราแล้วครับ ว่าในฐานะผู้ถือหุ้นท่านจะเป็นลมใต้ปีกให้แก่ผู้บริหาร หรือทางผู้บริหารเขาจะทำอะไรได้บ้าง (ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่ต่างประเทศนักลงทุนรายย่อยอย่างเราก็สามารถเสนอแผนธุรกิจให้แก่บริษัทได้เหมือนกันครับ หากเราเห็นศักยภาพของเขา)
ยาวหน่อย แต่ถ้าคุณชอบผมก็ดีใจนะครับ
[CK] ณ ระดับแนวรับที่สำคัญ ภายใต้ราคานี้เขามีอะไรอยู่กันนะ!!???หุ้น CK นับว่าเป็น 1 ในหุ้นที่ทำรับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของไทยซึ่งมีรายหลักๆ อยู่ 3 ราย อันได้แก่ STEC ITD CK
โดยหากมองแบบลึกๆ แล้ว หุ้นหมวดนี้เขามีวัฎจักรรายได้ที่ล้อตามการลงทุนของภาครัฐเลยครับ หากภาครัฐมีการลงทุนใหญ่ๆ สำคัญๆ คงไม่พ้นทั้ง 3 ตัวนี้ที่จะได้หน้าเหนือเค๊กเป็นแน่แท้ กอปรกับอาจมีการแข่งขันจากประเทศมหามิตรอย่างจีนในการที่เขามาเข้าประมูลควบคู่กับกลุ่ม CP ด้วยครับ
นอกจาก CK จะทำหน้าที่หลักเป็นรับเหมาก่อสร้างแล้ว เราก็ต้องไม่ลืมเลย ว่า CK ก็ได้ทำหน้าที่เป็นคุณแม่ที่ให้กำเนิดลูกๆ ที่สำคัญทั้งสิ้น 3 คนอันได้แก่ CKP TTW BEM ด้วย ซึ่งทั้ง 3 หุ้นนี้สังกัดอยู่ในหุ้นหมวด SET100 ด้วยกันทั้งสิ้นครับ
ซึ่งก็เข้ามาสู่ประเด็นที่ผมผูกไว้ที่หัวข้อเรื่องกันนะครับ ว่าที่ราคา 15 บาทแนวสำคัญนี้ มันมีอะไรแฝงอยู่กันแน่ นั่นคือเรื่องของเงินลงทุนในบริษัทลูกนั่นเองครับ ซึ่งที่ราคานี้นั้น Market Cap เทียบเท่ากับเงินลงทุนในบริษัทลูกเลย เรียกได้ว่าได้ซื้อธุรกิจรับเหมาที่ใหญ่ที่สุดแล้วก็ได้ของแถมเป็นลูกๆ ที่ทำกิจการเงินสดนั่นเองครับ (ไม่ว่าจะรับเงินค่าไฟจาก กฟผ เอย รับเงินค่าประปาเอย รับเงินจากคนที่สัญจรทางด่วนเอย)
ยาวหน่อยแต่ถ้าคุณชอบ ผมก็ดีใจนะครับ
การบิน THAI - ทะลุ trend line ขาลง + ยกโลว์
การบินไทยได้ทำราคาทะลุ trend line ขาลงแล้ว
และได้ทำโลว์ที่สูงขึ้น
ในTF ย่อยตอนนี้ หากการบินไทยสามารถขึ้นไปทำ high เหนือ 4 บาทได้ จะทำให้กำารบินไทยขึ้น 5 wave หลังจากยก higher low
ซึ่งเป็นสัญญาณบวกว่าการบินไทยจะกลับตัวเป็นขาขึ้น
ในหลักการ Psychology ของ Elliott wave
ตอนนี้ การบินไทยอยู่ในจุดที่ถูกตั้งคำถามว่าจะรอดหรือไม่ จะไปต่อไหวมั้ย
แน่นอนว่าปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการพยายามเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร การชะล้างสิ่งโสมม (ที่ยังไม่รู้จะทำได้จริงมั้ย)
เทียบเท่ากับว่าเราอาจจะอยู่ในเวฟ 2 ที่ไม่ทำนิวโล
การบินไทย มีความพรีเมี่ยม มี value ในชื่อ "การบินไทย"
ส่วนนี้ อาจจะส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องมีการปรับปรุงสะสางเรื่องภายใน จนกลับมายืนได้อีกครั้งก็เป็นได้
หากไปแกะงบ เห็นว่ากำไรในส่วนของการขายตั๋วโดยสาร มีค่าพรีเมียมอยู่เยอะ แต่ไปพังในด้านอื่น
หากสะสางปัญหาได้ อาจจะได้เห็นอะไรดีๆครับ :) (ขอบคุณเพื่อนๆสายพื้นฐานสำหรับข้อมูลครับ)
DELTA - อีกไม่นานอาจมีเทอีกรอบ ไม่ควรไปเสี่ยงหลังจากชน 2.618 fib จาก Covid-19 low
Delta ก็ได้ย่อตัวลงมา ซึ่งน่ากลัวจะลงในลักษณะ 5 wave
ซึ่งถ้าหากลงมา 5 wave และ wave count ข้างบนถูกต้อง เชื่อว่าจะเห็น delta กลับลงมา 2-300 ได้อีก
การลงทุนคือการตัดสินใจวางเงินของเรา โดยมีจุด ออก ไม่ว่าจะ cut loss หรือ take profit ที่เหมาะสมคือ cut loss 1 ส่วน ต่อกำไร 3 ส่วนเป็นอย่างน้อย (Risk:Reward = 3:1)
หากตัดสินใจซื้อ Delta ตอนนี้ที่ราคา 718 ต้องตอบตัวเองได้ว่า cut loss เท่าไร และเป้าเท่าไร. คิดเป็น R:R เท่าไร
หากไม่เหมาะสม ไม่ควรไปยุ่งครับ
หาก Delta ลงมา อาจจะลงมาแถว 200






















