หลักการบริหารเงินลงทุน (Money Management) สำหรับผู้เริ่มต้นสวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะมาแนะนำการบริหารเงินลงทุนด้วยระบบ T-L-S Trend-Level-Signal
จากประสบการณ์ของผม ได้พบว่ามี Trader หลายๆคนที่มีปัญหาการลากพอร์ทให้ติดลบ ตรงข้ามกับคำพูดที่ว่า
"Let's the profit run, cut the losers lose"
กลายเป็น
"Let's the losers run, cut the profit lose"
หลักการลงทุนในตลาดทั่วๆไป เรามักจะได้ยินคำว่า "ในการเทรดแต่ละครั้ง ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทั้งหมด"
แต่ในความเป็นจริง เรากลับได้ยินคำว่า "จงคำนวณว่าเงินในพอร์ทของเรา ใช้ maximum lot size ได้เท่าไร"
Standard lot จริงๆคือ 100,000 USD ต่อ 1.00 Lot
หากคุณลงทุนตามหลักการ นั่นหมายความว่าในการเข้าออเดอร์เทรดแต่ละครั้ง จุด stop loss ของคุณต้องห่างไม่เกิน 200 จุดสำหรับการลงทุน 1 standard lot
เมื่อคุณมีเงินไม่ถึง 100K USD คุณต้องถามตัวเองว่า
ในการเทรดครั้งนี้ "ฉันอยากเสี่ยงจำนวนเงินเท่าไร คิดเป็นกี่%ของพอร์ท"
"จุด Target point ของฉัน ให้ Risk:Reward ratio เท่าไร"
*โดยทั่วไป Risk:Reward ratio ขั้นต่ำ ควรจะเป็น 1:3 เป็นอย่างน้อย หมายความว่า หากคุณมี SL 200 จุด TP คุณต้องอย่างน้อย 600 จุด
เห็นมั้ยครับ การใช้หลัก common sense ที่ถามตัวเองว่า การลงทุนครั้งนี้ อยากเสียเงินเท่าไร จะนำไปสู่การ manage เงินที่สำคัญคือ
"จะใช้ Lot เท่าไรดี?
การจะตอบคำถามนี้ได้นั้น
1. เราจะ "ซื้อ" หรือ "ขาย"
เรากำลังเล่น "go with the trend" หรือเล่น "counter trend" เรากำลังตามเทร็นด์ใน Time frame ใหญ่ หรือสวนเทร็นด์
2. เราต้องรู้ก่อนว่าจุด stop loss เราอยู่ตรงไหน จุด target point เราอยู่ตรงไหน
การที่จะรู้ได้นั้น เราต้องรู้ว่า key level ที่ราคาของ asset ที่เราลงทุนจะกลับตัวที่จุดไหน โดยการหาจุดเหล่านี้มีหลายวิธี ไม่ว่าจะลาก Trend line, ใช้ Fibonacci, หรือนับ Elliot wave
3. เราต้องรอ "สัญญาณ" ตรงนี้สำคัญมากๆ ครับ ท่องไว้เลย "ไม่มีสัญญาณฉันจะไม่เข้า"
Level ทั้งหลายที่เราหาได้จากเครื่องมือต่างๆ ไม่มีใครบอกได้ว่าถูกหรือผิด สิ่งที่่จะบอกได้ว่าถูกหรือผิด คือ สัญญาณการกลับตัว
สัญญาณการกลับตัวสามารถหาได้จากเครื่องมือหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น indicator เช่น RSI divergence หรือ candlestick เช่น Pin bar หรือ reversal pattern เช่น Head and shoulder, diamond top and bottom etc.
แต่สัญญาณทั้งหมดนี้จะเชื่อไม่ได้เลย หากไม่ได้เกิดบน "key level" ข้อนี้สำคัญมาก หากไม่ถึง key level ไม่ต้องมองหา divergence ครับ ไม่มีประโยชน์
สัญญาณที่จะให้จุด stop loss ของเรามีตั้งแต่ candle 1 แท่ง เช่น Pin bar หรือสัญญาณแบบกลุ่ม เช่น reversal pattern
ตัวอย่าง
1. เมื่อเกิด Pin bar บนแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ โดยมีขนาดของแท่ง candle 200 จุด นั่นหมายความว่า หากคุณโชคดีพบสัญญาณการกลับตัวตอนกำลังเกิดพอดี คุณจะได้ตำแหน่ง stop loss ที่ 200
2. Pattern เช่น Head and shoulder จะมีจุด stop loss ตามทฤษฎี ซึ่งอยู่นอกเหนือscope ของโพสนี้ ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมครับ
เมื่อคุณได้
1. Trend จะซื้อหรือขาย
2. Level ราคามาถึงเลเวลที่คุณวิเคราะห์แล้ว
3. เกิดสัญญาณกลับตัวแล้ว
ถึงจุดนี้ ถามตัวเองตามนี้ครับ
"คุณอยากเสียเงินเท่าไรหากคุณวิเคราะห์ผิด"
"จุด Target ของคุณคือเท่าไร คุ้มเสี่ยงมั้ย R:R เป็นเท่าไร"
คำนวณ Lot size จากจุด SL ครับ ถามตัวเองบ่อยๆ "อยากเสียเงินเท่าไรหากวิเคราะห์ผิด"
เรามาดูตัวอย่างกันครับ
GBP/USD major forex pair ผมคำนวณหา key level ด้วยวิธี Fibonacci แล้วพบว่าแนวต้าน/รับที่แข็งแกร่งคือ 1.302
เมื่อราคาได้ทะลุลงมาใต้ 1.302 มันจะกลับไปเทส เพราะฉะนั้น Trend คือ ขาย
จากภาพจะเห็นได้ว่า เมื่อราคาเข้าใกล้ 1.302 ได้มีการส่ง "signal" ในรูปแบบของ Pin bar อันเล็กๆ ที่มีความยาวประมาณ 170 จุด
นี่คือ SL ครับ 170 จุด
แนว target ที่ผมคำนวณได้มี 2 จุดคือแนว Fibonacci ขนาดกลางบริเวณ 1.292-1.290 และแนว Fibonacci ขนาดใหญ่ ที่ 1.286-7
หมายความว่า Pin bar signal ที่เกิดขึ้นบน Key level 1.302 มี SL 170 จุด โดยมี
Target แรกที่ 1.292 (1000 จุด) และ
Target ที่ 2 ที่ 1.287 (1500 จุด)
SL ผม 170 จุด นั่นหมายความว่าการเทรดนี้ R:R อยู่ที่ 1:5 หรือ 1:7
สำหรับผม คุ้มเสี่ยงครับ
ถ้าคุณมีเงิน 100k usd คุณเล่น 1 lot เสี่ยงเงิน 170 usd (0.17% ของพอร์ท) แรกกับโอกาสกำไร 1000 usd (1%)
"คุณยอมเสี่ยงมั้ย?"
มาดูกันต่อครับ
ราคาได้มาทำการหยุดพักที่แนว Fibo เล็กๆที่ 1.292 ก่อนที่จะลงไปต่อที่แนวใหญ่ที่ผมคิดไว้ คือ 1.286-7
หากคุณเข้าเทรดครั้งนี้ คุณจะกำไรไปแล้ว 1-1.5% ด้วยการเสี่ยงเงิน 0.17%
หลังจากนั้นราคาได้ทำการส่ง "สัญญาณ" กลับตัว ในรูปของ Bullish diver อันเล็กๆ (ผมเทรด MT4, บนมือถือผม มีสัญญาณ Bullish Pinbar อันใหญ่เกิดขึ้นที่ 4 hr ครับ)
พร้อมทั้งทำ Bullish engulfing pattern
เมื่อพิจาณาจากสัญญาณแล้ว ผมมีจุด SL ตรงนี้ 1-200 จุด หากผมคำนวณ target ด้วยวิธีต่างๆ แล้ว R:R มากกว่า 1:3 ผมก็จะเข้าเทรดครับ
จะเห็นว่า หากเราทำการบ้าน หา key level มาดี
เราเฝ้า "รอ" สัญญาณบน key level
เราทำการบ้านวิเคราะห์ trend มาอย่างดี
เราจะได้ตำแหน่งเข้าที่ดี มี R:R เหมาะสม
"ไม่มี" คำว่าลาก แล้วเราจะไม่เครียด ไม่ต้องเพิ่มไม้โดยไม่จำเป็น
เพราะการที่ปล่อยให้เกิดการ "ลาก" แสดงว่าคุณไม่ได้ทำการบ้าน ไม่มี level ในใจ ไม่มีจุดเข้าจุดออกก่อนซื้อขาย
อยากดอย แนะนำไปดอยหุ้นครับ อย่ามาดอย Forex
Trend-Level-Signal และ Target คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับ Money management ครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หากคุณใช้หลักการ Money management นี้ การออก order ของคุณจะลดลง และกำไรจะเพิ่มขึ้น
แต่คนที่จะไม่แฮปปี้คือ Broker หรือ Introducing broker ของคุณครับ
เพราะว่าหลักการหาเงินของคนพวกนี้คือ
ทุกๆ order ที่คุณทำการวาง คนเหล่านี้จะได้ commission ครับ
เช่น คุณวาง order 1.0 lot introducing broker คุณจะได้เงินไปทันที 1 usd ครับ
หากคุณใช้หลักการบริหารเงินแบบที่ผมพูดมา คุณคิดว่าเดือนนึง คุณจะเหลือ order กี่ครั้ง
คนพวกนี้จะได้เงินจากคุณมากน้อยแค่ไหน ทำไม copy trade หรือการ clone หรือ bot ทั้งหลายจึงออก order ให้ถี่ๆ
คุณกำลัง "ถูกสูบเงิน" ครับ
การจะอยู่รอดได้ต้องหาความรู้ และเท่าทันผู้ไม่หวังดีทั้งหลายในตลาดครับ
ผมโดนมาหมดแล้ว อย่าทำพลาดแบบผมครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ของแถมก่อนจบโพสท์นี้ครับ
ทำไมคุณถึงไม่ควรติด "ดอย"
เรามักจะได้ยินคำว่า "คนรวยจะไม่ขายหุ้น เค้าจะซื้อหุ้นเพราะเค้าวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้นนั้นมาดี ไม่มีวันล้ม เค้าจะเป็นเจ้าของบริษัท กินเงินปันผล เมื่อหุ้นลง เค้าก็จะซื้อเพิ่ม"
สำหรับผม ผมจะถามกลับว่า "ตกลงรวยแล้วเลยมาลงทุน" หรือว่า "มาลงทุนเพราะอยากรวย"
เอาดีๆครับ มันคนละเรื่องกัน
คนรวยที่ฉลาดเค้าก็จะไม่ Buy and Hold หรอกครับ มีงานวิจัยตีพิมพ์ออกมาเยอะนะครับ ว่าการวิเคราะห์ตลาด ซื้อขายด้วยการวิเคราะห์ Sector rotation สามารถเอาชนะวิธี Buy and hold ได้ 3-5 เท่า
การที่คุณยังไม่รวย แล้วมาลงทุน แปลว่า คุณอยากรวย
หากคุณไม่มี stop loss ไม่ทำการบ้าน ไม่หาเลเวล สิ่งที่จะเกิดคือ
"เงินจม"
สิ่งเหล่านี้คือ "Opportunity cost" มันคือค่าเสียโอกาส แทนที่จะเอาเงินไปวางไว้ในจุดที่มันงอกเงย กลับต้องมาลุ้นว่าเมื่อไรราคาสินทรัพย์จะกลับมาจุดเท่าทุน
ทำไมที่ปรึกษาทางการเงินของคุณถึงบอกว่า ให้ซื้อหุ้นทุกเดือน ถัวๆเฉลี่ยๆ เป็นการออม
ไม่ใช่เลยครับ
เค้าได้ค่า commission จากการซื้อขายทุกๆเดือนของคุณครับ
ถ้าเจอ Financial advisor ไหนแนะนำแบบนี้ แนะนำให้เปลี่ยนครับ เค้าแคร์แค่เม็ดเงินที่เข้ากระเป็นเค้าเท่านั้นแหละครับ
ถ้าอยากรู้ว่า Financial advisor ที่แนะนำให้ซื้อหุ้นทุกเดือนมีความสามารถแค่ไหน ให้ถามว่า
"มีวุฒิ CMT มั้ยครับ" ถ้าไม่มี แนะนำให้ฟังหูไว้หูครับ
Happy Trading/Investing ครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมได้ทำวิดีโอแนะนำการใช้ Fibonacci คร่าวๆไว้ตามนี้ครับ ในอนาคตอาจมีการอัพเดทได้ หากไม่อยากพลาดรบกวนกดติดตามครับ
Fibonacci part 1
Fibonacci part 2
ตัวอย่างการวิเคราะห์ Trend ด้วย Elliot และ Fibonacci
รูปแบบชาร์ต
BROOK ทำกรอบพักตัวBrook ยิงขึ้นมา ตอนนี้ติด supply zone ทางด้านขวามือ เห็นราคาพักตัวแคบๆ ไม่ลึก ตอนนี้ถอยมาถึง trendline แล้วคาดว่าเร็วๆนี้น่าจะมีกระตุกบ้าง
CPALL แรงเริ่มตกCPALL breakout ออกจาก invertd head and shoulder pattern ขึ้นมาเป็น trend ขาขึ้นโดยการ breakout ขึ้นมาครั้งแรกได้ระยะพอสมควรก่อนพักตัว พอพักตัวเสร็จการ breakout ครั้งหลังนี้ไม่ได้ระยะเลย break ไปได้นิดเดียวก็ overlab กลับลงมาเสียแล้ว ทางทีดีควรที่จะ breakout กรอบนี้ขึ้นไปเพื่อไป clear false break ที่ทำไว้ก่อนหน้า
DTAC ใกล้จะต้องเลือกทางDTAC breakout ออกจากแนวต้านสำคัญขนาดยักษ์มาได้ ตอนนี้พักตัวเป็นกรอบตื้นๆ จะสังเกตุได้ว่าตอนนี้อยู่บริเวณ trendline แล้วน่าจะต้องเกิดอาการขึ้นในเร็วๆนี้
ติดตามพฤติกรรมของ JCKJCK ตอนแรก Breakout ขึ้นไปได้แล้วโดนตบลงมาราคาก็ยังดูไม่เสียทรงเท่าไหร่ เลย zoom เข้าไปดูใน time frame 30 นาที พบว่าในตอนที่ false break นั้นไม่มี volume ทิ้งแรงๆมาจากด้านบน แต่กลับเห็น volume มา peak บริเวณก้นกรอบแทน เลยตีความว่าอาจจะยังไม่ใช่การกระจายของของรายใหญ่ อาจเป็นการเขย่าให้รายย่อยหนีไป ราคาก็ยังสามารถยืนอยู่ได้ จึงอยากติดตามต่อไป
EPCO พักตัวEPCO breakout ออกจากฐานราคาด้านล้างขึ้นมาแล้วก็มาพักตัวเป็นกรอบ พักตัวค่อนข้างใช้ได้ volume ลดลงเรื่อยๆ ควรจะยืนแถวนี้ให้ได้จะดูดี ต้องติดตามดูต่อไป
ฐานราคาของ ESSOจากกราฟที่แสดงจะเห็นได้ว่า ESSO ได้ทำการขึ้นไปทดสอบแนวต้านอยู๋หลายครั้ง หลังจากการทดสอบแต่ละครั้งก็ทำ higher low ตลอด ตอนนี้ Volatility ของหุ้นกำลังลดลงเรื่อยๆคงจะเลือกทางในไม่ช้า แต่ที่น่าสงสัยคือมี volume บวมบริเวณแนวต้าน ทำให้น่ากังวลอยู่บ้าง แต่จากการที่หุ้นอยู่ zone ด้านล่างจึงทำให้ bias คิดว่าเป็นการสำสมมากกว่า โดยภาพรวมใน zone นี้ ยังคิดว่า demand ก็ยังได้คุมอยู่ สังเกตุเห็นจากเวลาวิ่งขึ้น จะวิ่งขึ้นแรงและเร็ว ส่วนเวลาย่อพักตัวจะค่อยๆโรยตัวลงมา ทำให้น่าเฝ้าติดตามต่อไป
MCS กับ sign of strengthจากกราฟเมื่อลองถอยออกมาดูในกรอบเวลาที่กว้างขึ้นทำให้นึกถึงรูปแบบวิธีการของ Wyckoff จึงใช้หลักการของ Wyckoff มาทำการพิจารณาว่า MCS นั้นกำลังอยู๋ใน Accumulation phase ที่น่าสนใจคือถ้ายึดตามหลักการที่ว่ามานี้ตอนนี้ MCS ได้เกิด sign of strength เรียบร้อยแล้วเป็นการที่ราคายกตัวขึ้นไปจ่อแนวต้าน จึงน่าติดตามต่อไป
KAMART พักตัวหลังจาก gap up with high volumeKAMART มีการยิงขึ้นไปแล้วรอบนึงแล้วกดลงมาแท่งไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ย่อลงไปยังทำ higher low ผ่านไปสักพักราคาก็ gap up ขึ้นมาจ่อ breakout ด้วย volume ที่ค่อนข้างเยอะจากนั้นพักตัว volume แห้งๆ ล่าสุดมีการดีดด้วย volume ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะยืนยันว่ายืน gap ได้ แม้แท่งที่ดีดขึ้นมาจะปิดไม่ค่อยสวยมากแต่ก็พอใช้ได้น่าติดตาม
TKN พักตัวออกข้างหุ้น TKN วิ่งขึ้นมาไม่พักเลยตลอดทางตอนนี้เพิ่งมาพักแบบเป็นรูปเป็นร่าง จากกราฟเห็นได้ว่าเป็นการพักตัวที่ไม่ลึก และตอนที่มีการ gap down ทิ้งลงมามีแท่งเทียน spread แคบสั้น volume สูงมากๆ เป็นการขัดแย้งกันของ spread ราคาและ volume ถ้าเป็นการลงแล้ว volume มหาศาลระดับนี้โดยธรรมชาติน่าจะเป็นแท่งแดงยาว จึงสันนิษฐานว่าแท่งเทียน spread แคบดังกล่าวอาจจะเกิดการสะสมขึ้น ประกอบกับเริ่มเห็น higher low และได้มีการมีการ shoot ขึ้นไปใหม่ด้วย volume พอสมควรขึ้นไปจ่อที่จะ breakout ออกจากกล่อง จึงมีความน่าสนใจ
เล่นแบบดาว buy ในเทรนขาขึ้น tfdตอนนี้ แนวเทรน ขึ้น ในtfd แล้ว พยาม เข้าbuy ตาม แนวรับ ของtf1h เพื่อให้เรา ได้ ราคา ที่ กำไร และ พยาม sl ใน แนวต้านtfd คำนวณ เงิน ในพอตให้ดีก่อนออกorder เพราะ เริ่มแรก จะติดลบ แน่นอน และจะโดนลากพอประมาณ จาก ประสบการณ์ที่ผ่านมา กับการเล่น แบบ ดาว
*ผลกำไร ถ้าเล่น ตาม หลักdow theory กำไร ตอนปิดorder กำไร จะ+หลายเท่าตัว ในเทรนขาขึ้น sl+ts พยาม ใช้ให้คล่อง
**เรื่องการ เข้าorder ให้วิเคราะห์จากกราฟ ในตอนนั้น เพราะ ช่วงเวลา เข้าorder เราต้อง มองให้ออก และตัดสินใจเอง อย่า เข้าตามคนอื่น แบบหลับหูหลับตาโดดเข้าไป เพราะ sl ในแต่ละtf คนละ ราคา