Recap มายด์เซ็ทการเทรด🧠 5 มายด์เซ็ทการเทรดแบบยั่งยืน
หลายคนมุ่งหาแต่ "ระบบเทรด" (Strategy) ที่ดีที่สุด แต่ลืมไปว่าต่อให้ระบบดีแค่ไหน ถ้า "คน" ที่อยู่หลังจอจิตใจไม่นิ่งพอ ก็ไม่สามารถทำกำไรอย่างยั่งยืนได้
การเทรดด้วย Supply & Demand คือการ "อ่านเกมของรายใหญ่" (Smart Money) แต่ถ้าจิตใจเราเต็มไปด้วยความกลัว ความโลภ หรือความไม่อดทน เราก็จะอ่านเกมผิด หรือที่แย่กว่านั้นคือ... อ่านเกมถูก แต่ไม่กล้าเล่นตามเกมที่อ่าน
นี่คือ 5 มายด์เซ็ทสำคัญที่เทรดเดอร์สาย S/D ต้องมี เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนครับ:
1. 🎯 เราคือ "นักแม่นปืน" ไม่ใช่ "คนยิงกราด" (The Sniper, Not The Machine Gunner)
* มายด์เซ็ท: เกมของเราคือการ "รอ" (Patience)
* การปฏิบัติ: เราไม่ไล่ตามราคาที่วิ่งไปแล้ว เราวิเคราะห์โซน Supply/Demand ที่ "คม" ที่สุด และ "รอ" ให้ราคา "วิ่งเข้ามาหา" กับดักที่เราวางไว้ เทรดเดอร์ที่ยั่งยืนรู้ว่า "การไม่เทรด" (นั่งทับมือ) คือส่วนหนึ่งของการเทรด
* คีย์เวิร์ด: เทรดน้อยลง แต่คุณภาพสูงขึ้น (Less is More)
2. 🛡️ โซนที่พัง คือ "ข้อมูล" ไม่ใช่ "ความล้มเหลว" (A Broken Zone is Data, Not Failure)
* มายด์เซ็ท: เราเป็นกลางต่อผลลัพธ์
* การปฏิบัติ: ไม่มีโซนไหนในโลกที่ชนะ 100% เมื่อโซนถูกทะลุ Smart Money แค่กำลังส่ง "ข้อมูล" ใหม่มาให้เราว่าเทรนด์แข็งแกร่ง หรือพวกเขาต้องการกวาดสภาพคล่อง (Liquidity Sweep)
* คีย์เวิร์ด: ยอมรับการขาดทุนที่คำนวณไว้ (Cut Loss) และไปรอ "อ่านเกม" ที่โซนถัดไป ห้ามแก้แค้นตลาด (Revenge Trade) เด็ดขาด!
3. ⚖️ โฟกัสที่ "กระบวนการ" ไม่ใช่ "กำไรรายวัน" (Process Over Outcome)
* มายด์เซ็ท: เทรดที่ "ดี" ไม่ได้แปลว่า "ชนะ" เสมอไป
* การปฏิบัติ: เทรดที่ "ดี" คือเทรดที่ทำตามแผน 100%:
* หาโซน S/D คุณภาพ
* รอราคาเข้าโซน
* ตั้ง SL/TP ชัดเจนตามแผน
* ปล่อยให้ตลาดทำงาน
* คีย์เวิร์ด: ถ้าทำตามนี้ครบ ต่อให้โดน SL ก็คือ "เทรดที่ดี" ความยั่งยืนเกิดจากการ "ทำซ้ำ" ในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่การฟลุ๊คชนะ
4. 🚫 "FOMO" คือศัตรูตัวฉกาจของนักเทรด S/D (Fear Of Missing Out is the Enemy)
* มายด์เซ็ท: ตลาดมีโอกาสให้เสมอ
* การปฏิบัติ: ศัตรูที่ร้ายที่สุดคือการ "กลัวตกรถ" เห็นราคาพุ่งออกจากโซน Demand ไปไกลแล้วรีบกระโดดตาม นี่คือการ "ไล่ราคา" ซึ่งเป็นจุดที่รายย่อยติดดอยเสมอ
* คีย์เวิร์ด: ถ้าคุณพลาดรถบัสคันนี้ ให้ไปรอที่ "ป้ายถัดไป" (โซนถัดไป) อย่างใจเย็น ไม่ใช่การวิ่งไล่ตามรถบัส
5. 💡 เราเทรด "สิ่งที่เห็น" ไม่ใช่ "สิ่งที่คิด" (Trade What You See, Not What You Think)
* มายด์เซ็ท: เราเป็นผู้ "ตอบสนอง" ต่อตลาด ไม่ใช่ผู้ "คาดเดา"
* การปฏิบัติ:
* "ผมคิดว่ามันน่าจะลงต่อ" (นี่คือการพนัน)
* "ราคาเข้าสู่โซน Supply ที่แข็งแกร่ง และเริ่มสร้างแท่งเทียนกลับตัว" (นี่คือการเทรดตามหลักฐาน S/D)
* คีย์เวิร์ด: หน้าที่เราคือ "อ่านเกม" ตามที่ Smart Money ทิ้งร่องรอยไว้บนกราฟ ไม่ใช่การมโนหรือใช้อคติส่วนตัว
การเทรด S/D ที่ยั่งยืน คือการเปลี่ยนตัวเองจาก "นักพนันที่รีบร้อน" ให้เป็น "ผู้บริหารความเสี่ยงที่อดทน" ที่อ่านเกมของรายใหญ่เป็นครับ
มายด์เซ็ทข้อไหนที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุด หรือข้อไหนที่คุณกำลังพยายามพัฒนาอยู่? พิมพ์แชร์กันได้เลยครับ 👇
รูปแบบชาร์ต
3 ข้อผิดพลาดในการเทรดที่เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงแม้แต่นักเทรดที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับดักทางจิตวิทยาที่อาจทำให้ประสิทธิภาพการเทรดของพวกเขาลดลงได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ การเข้าใจข้อผิดพลาดทางจิตใจเหล่านี้ — และเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยง — คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในตลาด
มาดูกันใกล้ ๆ ว่า 3 ข้อผิดพลาดในการเทรดที่พบบ่อยที่สุด ที่เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง:
⸻
🧠 1. FOMO — ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (Fear of Missing Out)
FOMO เป็นหนึ่งในความท้าทายทางอารมณ์ที่ใหญ่ที่สุดของนักเทรด มันคือความรู้สึกตื่นเต้น — หรือความกังวล — เมื่อเห็นตลาดเคลื่อนไหวโดยไม่มีคุณ และผลักดันให้คุณรีบเข้าออเดอร์โดยไม่วางแผนล่วงหน้า
ผลลัพธ์คือการไล่ตามเทรนด์และเข้าเทรดโดยไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน ซึ่งมักจะนำไปสู่การขาดทุน
วิธีหลีกเลี่ยง:
ยึดมั่นในแผนการเทรดของคุณ รอจังหวะที่เหมาะสม และจำไว้ว่า — การพลาดโอกาสหนึ่งครั้งดีกว่าการเสียเงินจากการเทรดที่ไม่พร้อม ตลาดจะมีโอกาสใหม่ให้คุณเสมอ
⸻
😡 2. Revenge Trading — การเทรดเพราะอารมณ์อยากเอาคืน
หลังจากขาดทุน หลายคนมักจะรู้สึกอยาก “เอาคืน” โดยรีบเข้าเทรดใหม่เร็วเกินไป ซึ่งมักจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและขาดทุนมากกว่าเดิม
วิธีหลีกเลี่ยง:
ยอมรับการขาดทุนว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด หยุดพักและกลับมาเมื่อคุณควบคุมอารมณ์ได้แล้ว
เป้าหมายของคุณไม่ใช่เพื่อเอาเงินคืน — แต่คือการเทรดให้มีคุณภาพ
⸻
🎲 3. ความเชื่อของนักพนัน (Gambler’s Fallacy)
นักเทรดหลายคนเข้าใจผิดว่าผลลัพธ์ที่ผ่านมาอาจมีผลต่อผลลัพธ์ในอนาคต เช่น “แพ้มาสามครั้ง ครั้งนี้ต้องชนะแน่” แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ตลาดทำงาน
แต่ละการเทรดเป็นเหตุการณ์อิสระที่มีความน่าจะเป็นของตัวเอง
วิธีหลีกเลี่ยง:
เชื่อในวิเคราะห์ของคุณ ไม่ใช่ความรู้สึกหรือโชคชะตา
เน้นการบริหารความเสี่ยงและวางแผนอย่างมีระบบ แทนที่จะหวังพึ่งความบังเอิญ
⸻
💡 สรุป
ความสำเร็จในการเทรดไม่ใช่แค่การมีสูตรหรือกลยุทธ์ที่ดีที่สุด — แต่คือการควบคุมจิตใจของตัวเอง
เมื่อคุณสามารถหลีกเลี่ยงกับดักทางอารมณ์เหล่านี้ได้ คุณจะเทรดอย่างมีวินัย ชัดเจน และมั่นใจมากขึ้น
จำไว้ว่า: นักเทรดที่เก่งที่สุด ไม่ใช่คนที่ควบคุมตลาดได้ — แต่คือคนที่ควบคุมตัวเองได้ต่างหาก
XAUUSD M15 ( อธิบายการเข้า ออเดอร์ ) เทคนิคการเทรดที่ผมใช้ : M15
1.trend : H4 + H1
2. Structure : ( จาก ทฤษฎี SMC นิดหน่อย )
3. wyckoff : นิดหน่อย ( ใช้หาการสะสมราคา , โซนเงินไหลเข้า/ออก , เทรด M15 )
4. liquidity + FVG : การสะสมราคา , โซนเงินไหลเข้า/ออก , ระยะ Tp ( จาก ทฤษฎี ICT )
5. session : การเทรด ช่วงเวลาตลาด London+Ny ( จาก ทฤษฎี ICC )
** ยิ่ง TF เล็กลง ** ยิ่งต้องใช้เทคนิคสูง แนะนำไม่ควรเทรดต่ำกว่า M5 ( WTF!! M1 พวกมโน )
⚙️ หลักสำคัญ (Key Principles)
• Structure Matters (โครงสร้างสำคัญ):
ราคามักไม่เบรกแนวรับ/แนวต้านเดิมสองครั้งติดกัน
→ ให้มองหาการเบรกครั้งเดียว แล้วรอการพักตัว
• Money Flow Zones (โซนเงินไหลเข้า/ออก):
กล่องสีเหลืองคือบริเวณที่มีเงินทุนจำนวนมากติดอยู่จากการเบรกครั้งแรก
→ บ่งบอกว่ามีแรงซื้อขายสำคัญตรงนั้น
• Patience (ความอดทน):
รอ “การเคลื่อนไหวรอบที่สอง” หลังจากการพักตัว
→ เพราะรอบที่สองมักแม่นยำกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า
จะปิดการซื้อขายที่ขาดทุนได้อย่างไร?การตัด亏损เป็นศิลปะ และเทรดเดอร์ที่ขาดทุนคือศิลปิน
การปิดสถานะที่ขาดทุนเป็นทักษะสำคัญในการบริหารความเสี่ยง เมื่อคุณอยู่ในสถานะเทรดที่ขาดทุน คุณจำเป็นต้องรู้จักจังหวะที่จะออกจากตลาดและยอมรับความสูญเสีย ตามทฤษฎีแล้ว การตัด虧損และการรักษาเงินทุนให้น้อยที่สุดเป็นแนวคิดที่ง่าย แต่ในการปฏิบัติจริง มันเป็นศิลปะ
ต่อไปนี้เป็น 10 สิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อปิดสถานะที่ขาดทุน
อย่าเทรดโดยไม่มีกลยุทธ์การตัด亏损 คุณต้องรู้จุดที่จะออกจากตลาดก่อนที่จะวางคำสั่ง
ควรวางจุดตัด亏损นอกเหนือช่วงราคาปกติ ในระดับที่อาจเป็นสัญญาณว่ามุมมองการเทรดของคุณผิดพลาด
เทรดเดอร์บางคนตั้งจุดตัด亏损เป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น หากพวกเขาต้องการทำกำไร + 12% จากการเทรดหุ้น พวกเขาจะตั้งจุดตัด亏损ไว้ที่ -4% เพื่อสร้างอัตราส่วน กำไร/ตัด亏损 (TP/SL) ที่ 3: 1
เทรดเดอร์บางคนใช้จุดตัด虧損แบบกำหนดเวลา หากราคาทรุดลงแต่ไม่เคยแตะจุดตัด虧损หรือยังไม่ถึงเป้าหมายกำไรภายในกรอบเวลาที่กำหนด พวกเขาจะออกจากตลาดเท่านั้นเนื่องจากไม่มีแนวโน้มและไปหาโอกาสที่ดีกว่า
เทรดเดอร์หลายคนจะออกจากตลาดเมื่อเห็นราคาตลาดพุ่งสูง แม้ว่าราคาจะยังไม่ถึงจุดตัด亏损ก็ตาม
ในการเทรดตามแนวโน้มระยะยาว จุดตัด亏损จะต้องกว้างพอที่จะรองรับแนวโน้มระยะยาวที่แท้จริง โดยไม่ถูกตัดออกจากตลาดก่อนเวลาอันควรจากสัญญาณรบกวน จุดนี้เองที่ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน และสัญญาณการตัดกันของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อให้มีจุดตัด虧損ที่กว้างขึ้น สิ่งสำคัญคือการมีขนาดสถานะที่เล็กกว่าสำหรับการเทรดที่มีความผันผวนมากขึ้นและราคาที่มีความเสี่ยงสูง
คุณเทรดเพื่อทำกำไร ไม่ใช่ขาดทุน การถือครองสถานะที่ขาดทุนไว้เฉยๆ ด้วยความหวังว่ามันจะกลับมาเท่าทุนเพื่อที่คุณจะสามารถออกจากตลาดได้ที่จุดเท่าทุนนั้นเป็นแผนที่เลวร้ายที่สุดแผนหนึ่ง
เหตุผลที่เลวร้ายที่สุดในการขายสถานะที่ขาดทุนคือ อารมณ์หรือความเครียด เทรดเดอร์ควรมีเหตุผลเชิงเหตุผลและปริมาณที่ชัดเจนในการออกจากสถานะที่ขาดทุนเสมอ หากจุดตัด亏损แคบเกินไป คุณอาจถูกตัดออกจากตลาดก่อนเวลาอันควรและทุกการเทรดจะกลายเป็นการขาดทุนเล็กน้อยได้อย่างง่ายดาย คุณต้องเผื่อพื้นที่ให้กับการเทรดมากพอที่จะพัฒนา
ควรออกจากสถานะเสมอเมื่อสูญเสียทุนทรัพย์การเทรดสูงสุดตามที่กำหนดไว้ การตั้งเปอร์เซ็นต์การขาดทุนสูงสุดที่ 1% ถึง 2% ของเงินทุนการเทรดทั้งหมดของคุณตามจุดตัด亏损และขนาดสถานะของคุณจะช่วยลดความเสี่ยงในการหมดบัญชีและรักษาการขาดทุนของคุณให้น้อย
ศิลปะพื้นฐานของการขายสถานะที่ขาดทุนคือ การรู้จักความแตกต่างระหว่างความผันผวนตามปกติกับการเปลี่ยนแปลงราคาที่ส่งผลต่อแนวโน้ม
Naked Trading เทรดกราฟเปล่าไม่ใช้อินดี้ดีอย่างไร📘 Naked Trading เทรดกราฟเปล่าไม่ใช้อินดี้ดีอย่างไร
👉👉ถ้าคุณชื่นชอบการเทรดกราฟเปล่าเพราะอินดิเคเตอร์มันเยอะจนลายตา แวะมาอ่านบทความนี้ก่อน เพราะมันมีดีกว่าที่เห็นกราฟเปลือยๆเปล่าๆมาก อยากรู้แล้วสินะว่ามันดียังไง มาครับ ตามมาอ่านกันได้เลย👈👈
🔍 Naked Trading คืออะไร?
Naked Trading หรือการเทรดกราฟเปลือย หรือพูดง่ายๆก็คือการเทรดกราฟเปล่าๆที่มีแต่แท่งเทียนนั่นแหละฮะ เป็นการเทรดแบบไม่ใช้อินดิเคเตอร์ คือการวิเคราะห์กราฟด้วย “พฤติกรรมราคา” (Price Action) เป็นหลักโดยไม่ต้องพึ่งอินดิเคเตอร์หลายตัว เช่น RSI, MACD หรือ EMA
หลักการสำคัญของการเทรดกราฟเปลือยมีพื้นฐานมาจากหลักการดังต่อไปนี้:
- Price action analysis โดยการเน้นที่การเคลื่อนไหวของราคาแบบเรียลไทม์
- เน้นความเรียบง่ายและความชัดเจน ลดปัญหาการคิดเยอะ อินดี้ยิ่งเยออะยิ่งคิดไปไกล
- ใช้สัญชาตญาณช่วย อันนี้สำคัญ ต้องเทรดในตลาดมานานพอสมควรประสบการณ์ช่วยให้เราเข้าใจตลาดได้ดียิ่งขึ้น
- Price Movement การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา รวมไปถึง Market Mood ในการอ่านอารมณ์ในตลาด การเทรดแบบนี้มักไม่มีสูตรตายตัวนะฮะ
✅ จุดเด่นคือ “ความเรียบง่าย” แต่ทรงพลัง
❌ ไม่มีเส้นมากมายมาบังกราฟ
✅ เข้าใจพฤติกรรมตลาดจากสิ่งที่ราคา “พูด” ด้วยตัวเอง
💡 ทำไมมือใหม่ควรเรียนรู้ Naked Trading?
1. เข้าใจโครงสร้างของราคาแบบแท้จริง
2. ไม่พึ่งอินดิเคเตอร์ lagging
3. เข้าออเดอร์และหาจังหวะทำกำไรได้ง่ายและเร็วขึ้นจากราคาจริง
4. ฝึกสมาธิ ความมีวินัย และการอ่านตลาดอย่างแท้จริง
5. ใช้ได้กับทุกตลาดและ Timeframe
🔑 หลักการพื้นฐานของ Naked Trading
1. โครงสร้างตลาด (Market Structure)
- ดูว่าเป็นขาขึ้น, ขาลง หรือ Sideway
- Higher High (HH), Higher Low (HL) → ขาขึ้น
- Lower High (LH), Lower Low (LL) → ขาลง
2. แนวรับแนวต้าน (Support / Resistance)
- จุดที่ราคากลับตัวบ่อย ๆ
- ใช้สำหรับดูว่า “ควรซื้อ/ขาย” บริเวณใด
3. พฤติกรรมแท่งเทียน (Candlestick Behavior)
- หาสัญญาณกลับตัว เช่น Pin Bar , Engulfing , Inside Bar
4. โซนสำคัญ (Key Zones)
ใช้บริเวณที่ราคาแสดงความลังเล (consolidation) หรือบริเวณที่เกิด Breakout แล้วกลับมาทดสอบ (retest)
🛠 วิธีสร้างระบบ Naked Trading สำหรับมือใหม่
✅ Step 1: TF แนะนำ H1 หรือ H4 สำหรับเริ่มต้น หรือ Daily สำหรับคนไม่ชอบเทรดบ่อย
✅ Step 2: สร้างแนวรับแนวต้าน ใช้จุด High/Low ที่ราคาแตะบ่อย ๆ วาดโซน ไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นเดียว
✅ Step 3: รอแท่งเทียนส่งสัญญาณ เช่น Pin Bar ที่แนวรับ → Buy หรือ Engulfing บริเวณแนวต้าน → Sell
✅ Step 4: วางแผน Risk-Based Entry ตั้ง SL ใต้/เหนือโซน , ตั้ง TP ตาม RR 1:2 ขึ้นไป
❗️ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่
1. การวาดและสร้างแนวรับแนวต้านมั่ว ให้เริ่มฝึกจาก Timeframe ใหญ่ก่อนเป็นหลักเช่น H4 / Daily
2. เมื่อเห็นสัญญาณแล้ว อย่าใจร้อนรีบเข้า ต้องรอให้ราคาปิดแท่งจบก่อนทุกครั้ง
3. การตั้ง SLควรต้องมีทุกครั้ง และคิดเป็น % ความเสี่ยงของพอร์ตเสมอ
4. ไม่เทรดบ่อยเกิน เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณการเข้าออเดอร์ถี่ๆ
🎓สรุปส่งท้าย
คือการ ฝึกเข้าใจตลาดจาก ราคาเพียงอย่างเดียว ไม่พึ่งสิ่งเสริม แต่เน้นการวิเคราะห์ที่ เรียบง่ายและมีเหตุผลเหมาะกับเทรดเดอร์สายวินัย สายเข้าใจ ไม่ใช่สายลุ้น หากคุณอยากเข้าใจตลาดจริง ๆ คุณต้องรื้ออินดิเคเตอร์ออก แล้วเริ่มมองราคาจริงด้วยแท่งเทียน






















