AUDUSD (H1) - เทรดตามกรอบ Ascending Channel - Long Bias🔖 คู่เงิน AUDUSD กรอบเวลา H4 เคลื่อนที่เป็นเทรนขึ้นในกรอบ Ascending Channel เส้นสีดำ พฤติกรรมราคาล่าสุดปรับตัวลดลงจากซัพพลายโซน H4 (0.72925 - 0.73150) เคลื่อนที่เข้าใกล้แนวต้านเดิมบริเวณราคา 0.72225 ที่ถูกเบรคขึ้นมาเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561
🔖 โดยภาพรวมแล้ว แนวต้านเดิมมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นแนวรับ + สอดคล้องกับเส้นแนวรับเทรนไลน์สีดำของ Ascending Channel แนะนำให้สังเกตการชะลอตัวของราคาบริเวณเส้นแนวรับเทรนไลน์เพื่อ เปิด Long Order
🔖 เป้าหมายระยะเส้นคือ ซัพพลายโซน H4 หรือเส้นแนวต้านเทรนไลน์ (เส้นประ) สีแดง
Contest
SET ตลาดหลักทรัพย์ห่งประเทศไทย D24M09Y2018แนวโน้ม SET Index -- ย่อลงเล็กน้อย แต่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะกลาง .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด (อันล่าสุด) การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ -- โดยภาพรวม ต่างชาติชะลอการขายสุทธิต่อเนื่อง (คือซื้อ ๆ ขาย ๆ แทนที่จะขายลูกเดียวเหมือนช่วงที่ผ่านมา) แนวโน้มค่าเงินบาท -- ทรงตัวที่ $32.43 THB/USD แนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นด้านแข็งค่า แนวโน้มราคาทองคำ -- ทรงตัวอยู่แถวระดับ $1,200 +/- แต่เนื่องจากทรงตัวมาได้หลายสัปดาห์ติดกัน ไม่ร่วงหนักแล้ว แนวโน้มอย่างไม่เป็นทางการ จึงกลับเป็นขึ้นได้อีกครั้ง รอดูอีกทีช่วงปลายสัปดาห์ แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ -- ปรับเพิ่มขึ้นทีละน้อย ล่าสุดทะลุ $80 ไปแล้ว โดยแนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก บวกช่วงเช้า บ่ายเป็นลบผสมกัน
TOA กลับมารอบนี้ น่าสนใจToa สามารถปิด ด้วยแท่งเขียวยาว ทำให้เป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง ทำให้เบรคเทรนไลน์ขาลง แต่ละขยับไปเล่นกรอบกราคาใหม่หรือไม่ ?
ต้องดูสัญญาณเหล่านี้ประกอบ
1.จำเป็นจะต้องเบรคแนวต้านที่ 38 บาทให้ได้ซะก่อน เพื่อเป็นการยืนยันว่าตัวหุ้นพร้อมในการเล่นที่กรอบราคาใหม่แล้ว
2.หากกราฟไม่สามารถผผ่านแนวต้านได้ แต่ราคามีการย่อลงมาแบบยกโลว์ จะทำให้การกลับมารอบนี้มีความแกร่งขึ้นไปอีก
กลยุทธ์
1.ซื้อเมื่อสามารถเบรคแนวต้านที่ 38 บาท ได้ ซึ่งอาจรอให้มีการคอนเฟิร์มจาก Macd>0
2.รอให้ราคาย่อกลับมา แล้วไม่หลุดเส้น EMA จึงหาจังหวะซื้อ แต่จงจำไว้ว่าราคาอาจไม่ย่อลงมาให้ซื้อเลย
Stoploss 36.50 บาท
BEM (กราฟ week) - รถไฟ All Time High ไปให้สุดแล้วหยุดที่ตรงไหนตัดประเด็นพื้นฐานออกไป แล้วว่ากันที่กราฟเพียวๆ...
BEM ราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ ทำราคาปิดที่ 9.05 ซึ่งเป็นราคา All Time High!!
จากหุ้นที่ใครๆก็มองว่าเป็นหุ้นเอื่อยๆเฉื่อยๆ แนว defensive stock แต่ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมากลับวิ่งพรวดเดียว 7%
แถม RSI MACD VOLUME รวมถึง Stochastic ต่างก็ทำ bullish signal กันครบถ้วนอีก...ยิ่งน่าสนใจว่าจะไปได้ต่อแค่ไหน
สมมติว่าเกิดเป็น False break คือราคากลับมาหลุดต่ำกว่าราคา All Time High เก่า เมื่อ 2 ปีก่อนที่ BEM เคยแตะที่ราคา 8.90 บาท
ตรงนั้นเราอาจจะมองเป็นจุด take profits สำหรับคนที่มีของอยู่แล้วโซนล่าง หรือเป็นจุด cut loss สำหรับคนที่เพิ่งเข้าไป
แต่ลองมาหา target price กันแบบง่ายๆ...ซึ่งไม่การันตีว่าจะถึงรึเปล่า แต่ทุกความหวังมีความฝันเป็นตัวนำพา ฮ๋าๆ
target จาก fibonacci หลังเบรก 8.90 บาท มาก็ควรจะเป็นที่ 9.65, 10.6, 11.7 ราวๆนี้
คือดีของหุ้นที่ทำ all time high ก็คือ....มันไม่มีแนวต้านอีกแล้ว ที่เหลือคือเรื่องของ
"งบนำพา ดีมานด์พาไป ซัพพลายทำไง เดี๋ยวเราก็เห็นเอง"
อย่าลืมเรื่องเดียวว่าหุ้นตัวนี้มีประเด็นเรื่องสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ารออยู่....หากได้สัมปทานต่อก็ยิ่งดี แต่หากไม่ได้ขึ้นมา ก็ควรมาคิดพิจารณาว่าจะทำยังไงกันต่อไป
-Wizard Kid-
THCOM เอาไงต่อดี...จะเบรคหรือจะหลุด?มุมมองของ Thcom หลังจากเห็นสัญญาณกลุ่มสื่อเริ่มกลับมาแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจ
Thcom สามารถเบรคเทรนไลน์ขาลงระยะยาวแล้ว จึงน่าสนใจว่าจะเคลื่อนที่ต่อไปในแนวโน้มใด
อีกทั้งสามารถทะลุแนวต้าน จาก Volume Profile ที่ 9.20 ได้
รวมถึงแม้ว่าล่าสุดจะเจอแรงขายแต่ก็สามารถยืนอยู่บนเส้น EMA 10 วันได้
สิ่งที่ต้องระวัง
ราคาขึ้นคราวนี้ไม่สามารถปิด Gap ขาลงคราวก่อนได้รวมถึงแนวต้านที่ 10 - 10.10 บาทได้ ซึ่งหากได้เบรคโอกาสทำรูปแบบ Sideway จะมีสูงมาก
กลยุทธ์
วางแผนซื้อเมื่อสามารถยืนแนวต้านที่ 10 บาทได้
หรือรอสัญญาณ Comfim จาก Macd
Stoploss
-เมื่อหลุดแนวต้านหรือหลุดเส้น EMA 10
นับคลื่น SET ช่วงที่ปรับตัวขึ้นมาตามภาพ ผมนับคลื่นที่ tf240นาที ช่วงที่ SET ปรับตัวขึ้นมา
ข้อสังเกตุ
1. เวฟ 5 อาจจะจบหรือยังไม่จบผมจึงใส่เครื่องหมายคำถามไว้ ถ้าจะจบก็ไม่ผิดกฎเพราะนับคลื่นภายในได้ครบ ถ้าไม่จบก็ได้ก็ขึ้นไปต่อ
2. แท่งเทียนสองแท่งสุดท้ายเกิดรูปแบบ bearish Engulfing
3. เกิด Bearish Divergence (ในกรณีถ้าเวฟ5จบตรงนี้)
นับเพื่อศึกษา ผิดถูกให้ความเห็นได้นะครับ ยินดีรับฟัง ถ้าชอบก็กด like ด้วยนะครับ
หรือ CBG จะทำรูปแบบต่อเนื่องครั้งที่ 3? (Bullish 3-Method Forma)เฝ้าสังเกตุดูพฤติกรรมกราฟ CBG มีแรงขายนิดหน่อย 2-3 วัน อีกวันราคาพุ่ง
ไม่แน่ใจว่ามีข่าวอะไรหรือเปล่า
แต่รูปแบบกราฟทำเป็น รูปแบบต่อเนื่อง (Bullish 3-Method Formation)
ซึ่งประกอบด้วย
-แท่งปิดเขียวยาว 1 แท่ง
-แท่งปิดแดงสั้น 2-3 แท่ง โดยราคาปิดจะไม่ต่ำกว่า ราคาปิดของแท่งเขียวยาวก่อนหน้านั้น
และตามด้วยแท่งปิดเขียวยาวอีก 1 แท่ง
ทำให้แปลความหมายได้ว่า ตัวกราฟจะยังคงเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มในทิศทางนี้ต่อ
แม้ว่าจะเจอแรงขายทำกำไรออกมา แต่ก็ยังมีคนตามเก็บของเรื่อยๆ จนคนขายหมด ราคาหุ้นจึงขึ้นต่อ
CBG จะทำเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่?
PSL : ใกล้ที่จะจบ corrective กราฟ PSL เป็นการฟอร์มตัว รูปแบบ ของ corrective ที่น่าสนใจเป็นกรณีศึกษา
จุดที่น่าสนใจ อยู่บริเวณ (D) or (XX) or 1 ในกรณีนี้ อาจจะเป็นคลื่นใดก็ได้ แต่ให้ความน่าจะเป็นที่จะเป็น เวฟ 1 น้อยที่สุด เพราะ sub wave 4 ภายในนั้น เกิด over lap อยู่นิดหน่อย ดังนั้นจึงให้น้ำหนักไปทาง เวฟ (D) or (XX) มากกว่า
หลังจากปลายสุดของคลื่นด้านบนนั้น ราคาได้ปรับตัวลงมา อาจจะเป็น (E) or (Z) or 2 ก็ได้ แต่ ณ ปัจจุบัน การปรับตัวนั้น ยังลงมาไม่ถึงเส้น Trendline ด้านล่าง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีมาก ถ้าหาก ราคา สามารถขึ้นผ่าน Trendline ด้านบนไปได้ จะเป็นการขึ้น แบบ Impulse อย่าง รุนแรง และ รวดเร็ว
แต่ถ้าหาก ราคา ไม่สามารถขึ้นไปผ่าน trendline ด้านบนได้ ราคา อาจจะปรับตัวลงมาเพื่อทดสอบที่ใกล้ ๆ บริเวณ trendline ด้านล่างอีกครั้ง แล้วจึงจะสามารถกลับขึ้นไป Break trendline บน ในที่สุด
สรุป คือ ไม่ว่า จะเป็น กรณีใด ๆ ทั้ง 3 กรณี ไม่ว่าจะเป็น (E) เป็น (Z) หรือ เป็น 2 ด้วยหลักการของ eillot Wave กราฟตัวนี้ ราคาจะสามารถขึ้นผ่าน Trendline ด้านบนไปได้ในที่สุด และ ไปทดสอบราคาเป้าหมายที่ 15.9 และ 19.8 ตามลำดับ
HMPRO : พักจบแล้ว HMPRO เป็นขาขึ้น มาตลอด และ มีการพักฐานเป็นช่วง ๆ ณ ตอนนี้ การพักตัวได้จบลงแล้ว ซึ่งการพักตัวรอบนี้ พักลงไปลึกที่บริเวณ แนว Fibonacci ที่ 38.2% ราคาค่อยปรับตัวขึ้นไปทำ new high ดังนั้น ราคาเป้าหมายถัดไปในระยะใกล้ ๆ นี้อยู่ที่ 18 เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ 23 ตามลำดับ
"ทั้งหมดนี้ เป็นการวิเคราะห์ ตามหลัก Technical Analysis เพื่อเป็นความรู้ เท่านั้น มิได้ชักชวนให้ซื้อ หรือ ขายหุ้นแต่ประการใด"
CMAN วิเคราะห์ตาม ทฤษฏี อีเลียตเวฟการขึ้นของ cman เป็นการขึ้นที่น่าสนใจนำมาเป็นกรณีศึกษา เนื่องจากตั้งแต่ cman เข้าตลาดมา ก็เป็นขาลงมาโดยตลอด ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง
ดังนั้น การขึ้น ในช่วงนี้ จึงให้น้ำหนักไปในทางขึ้นแบบ corrective มากกว่า การขึ้น แบบ Impulse โดยมีเป้าหมายราคาอยู่ที่ 4.00 บาทเป็นสำคัญ
การขึ้นรอบแรก ที่ให้ว่า Wave 1 or A เป็นการขึ้นแบบ impulse ชัดเจน ส่วนการลงมาพักตัว ที่ให้ไว้ว่า เวฟ 2 or B เป็น corrective แบบหนึ่ง ซึ่งใน เวฟ c ของ เวฟ 2 or B นั่น ทำ new low เพียงนิดเดียว แล้ว ลงมาพัก ที่บริเวณ 50% of wave 1 or A ดังนั้นการขึ้นในรอบนี้ เราจึงยังไม่สามารถ ยืนยันลงไปได้ว่า เป็นการขึ้น แบบ Impulse 100% และ ยังไม่สามารถยืนยันว่า การลง wave 2 or B ตรงนี้ จบแล้ว จนกว่าราคาจะทำ new high ของ Wave 1 or A ได้สำเร็จ จึงจะยืนยันได้ ว่าการลงนั้น จบ
แต่จากหลักการทางสถิติของอีเลียตเวฟ รวมไปถึง การวิะคราะห์ technical แล้ว การปรับตัวขึ้นแบบนี้ มีโอกาสที่จะขึ้น และ สามารถ ทำ new high ได้จริงเพราะ การขึ้นนี้ ได้ทะลุผ่านเส้น Trendline 0-B ของเวฟ 2 or B เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เมื่อวันที่ 18 กย.)
และ ถ้าราคาสามารถไปทำ new high ของ wave 1 or A ได้สำเร็จ เห็นว่า ราคา น่าจะไปหยุดพักตัวที่บริเวณ 4 บาท เนื่องมาจาก เป็น แนว Fibonacci ทั้งแบบ extension และ retracement รวมกันมากมาาย ที่บริเวณ สี่เหลี่ยมสีแดง และ ยังเป็น บริเวณ แนวรับ แนวต้านเดิมที่เคยมีมาในอดีต ที่เป็นสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน
"ทั้งหมดนี้ เป็นการวิเคราะห์ ตามหลัก Technical Analysis เพื่อเป็นความรู้ เท่านั้น มิได้ชักชวนให้ซื้อ หรือ ขายหุ้นแต่ประการใด"
ECL จะหมดแนวโน้มขาลงแล้วหรือยัง?เราติดตามรูปแบบราคาของกราฟ Ecl พบว่าถึงแม้ตัวกราฟจะเป็นแนวโน้มขาลงมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่ทำให้เราเริ่มสนใจคือ
1.รูปแบบการขัดแย้งของ Macd ซึ่งเราพบว่ามีความขัดแย้งกัน โดยสังเกตจากการที่ราคาลง แต่ Macd ไม่ยอมลงตาม (ทำให้คาดการณ์ว่ามีแรงขายลดลง มีแรงซื้อเพิ่มขึ้น?)
2.ตัวกราฟ Ecl ไม่ทำ นิวโลว์แล้ว
และ 3.จ่อเบรคเส้นเทรนไลน์ระยะยาว ซึ่่งหากเบรคเส้นเทรนไลน์ระยะยาวนี้ได้โอกาสที่กราฟ Ecl จะหมดแนวโน้มขาลงจะมีสูงมาก (เทรนไลน์ยิ่งไกลยิ่งมีนัยสำคัญ)
สิ่งที่คาดหวัง
1.อันดับแรก เบรคเทรนไลน์ระยะยาวให้ได้ซะก่อน ซึ่งราคาจะต้องไม่หลุดลงมาต่ำกว่าเส้นแนวโน้มนี้อีก เพื่อความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาลง ซึ่งอาจจะเปลี่ยนไปเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือ Sideway ต่อก็ได้
2.การเบรคแนวต้านเดิมที่ 2.14 บาท นั่นคือจะทำให้กราฟกลายเป็นรูปแบบขาขึ้นโดยสมบูรณ์ (มีการยกไฮยกโลว์ไปเรื่อยๆ)
สิ่งที่ต้องระวัง
หากราคาเด้งขึ้นมาชนเส้นเทรนไลน์เทรนไลน์แล้วไม่ผ่าน ก็ยังถือว่ายังคงเป็นแนวโน้มขาลงอยู่
กลยุทธ์
ซื้อ
1.ซื้อเมื่อสามารถเบรคเทรนไลน์ได้
2.ซื้อเมื่อสามารถเบรคแนวต้านที่ 2.14 บาทได้
ขาย
1.ขายเมื่อราคาไม่สามารถเบรคแนวต้านที่ 2.14 บาทได้
2.หากซื้อเมื่อเบรคแนวต้าน แผนการขายคือเมื่อแนวต้านกลายเป็นแนวรับแล้วรับไม่อยู่
หุ้น Whaup มีโอกาสเป็น เป็น Wave 3จากลักษณะกราฟแบบนี้ มีโอกาส ที่จะขึ้นเป็น wave 3 เนื่องจากการทำ new high ตรงบริเวณลูกศรสีดำ นั้น สามารถทำ new high ได้พร้อมกับ ปริมาณซื้อขาย volume ที่มากขึ้น เป็นตัวยืนยัน การเกิด impulse ชัดเจน จากหลักสถิติ ของ Wave นี้ ราคาเป้าหมายแรก จะไปหยุดที่บริเวณ 6.85 บาท ซึ่งเป็นบริเวณ 161.8% ของ Wave 1 และเป็นที่เดียวกับ ยอด High ใน Trend ของขาลงรอบก่อนหน้านี้ ( บริเวณนั้น ฟอร์มตัวเป็น corrective ชัดเจน ) มีความเห็นว่าราคาสมควรจะเกิดการพักตัว เมื่อไปถึงบริเวณนั้น จะต้องมาดูกันต่อไปว่าทั้งหมด จะรวมตัวเป็นรูปแบบใดถึงจะพอบอกอนาคต ของหุ้นตัวนี้ต่อไปได้
RUN ให้สุดเทรนกับ BollingerBand with CDC Action Zone By TheKiosK#contest การประกวดแข่งขันการเผยแพร่ไอเดียเกี่ยวกับหุ้นและดัชนีจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
Indicator following the trend ที่พัฒนามาจากต้นแบบ CDC Action Zone ของลุงโฉลกและปรับปรุงความสามารถให้ระบบเข้าออกรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย Bollinger Band
หลักการทำงานของ indicator BollingerBand with CDC Action Zone By TheKiosK
ราคา = ohlc4
จะซื้อ ก็ต่อเมื่อ (ราคา > upper BB หรือ ระบบเขียว) และก่อนหน้านี้เป็นแดง
จะขาย ก็ต่อเมื่อ (ราคา < upper BB หรือ ระบบแดง) และก่อนหน้านี้เป็นเขียว
จาก indicator BollingerBand with CDC Action Zone By TheKiosK มีสัญญาณเขียวใน SET ตั้งแต่วันที่ 14-Sep-2018 ที่ผ่านมาและเมื่อวานวันที่ 18-Sep-2018 SET ได้ทำการเบรคไฮด์ก่อนหน้าที่ทำไว้ 1730.65 ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เยอะมาก พร้อมกับการปิดเขียวเต็มแท่งเป็นการ confirm ได้ว่า trend ใหม่น่าจะมาแล้ว
ประกอบกับข่าวการเลือกตั้งที่ทะยอยออกมาเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนต้องจับตามองตลาดมากขึ้น เพราะมันน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Bullish Trend
bias BUY
WICE ยกไฮยกโลว์ ใกล้เบรคแนวต้านเต็มทีหลังจากเบรคเทรนไลน์มาได้ Wice ก็ทำรูปแบบขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีการยกไฮยกโลว์ชัดเจน
จนทำให้สามารถเบรคแนวต้านที่ 1 ได้ จนราคาวิ่งไปทดสอบแนวต้านที่ 2 แต่ไม่สามารถยืนได้
ราคาจึงย่อลงมาสะสมแรง เพื่อรอกลับไปเทสแนวต้าน 2 ที่ประมาณ 4.82 บาทอีกครั้ง
จุดที่น่าสนใจ
-ตัวกราฟ เป็นรูปแบบขาขึ้นชัดเจน ยกไฮยกโลว์ รวมถึงไม่หลุดเทรนไลน์
-หากเบรคแนวต้าน 2 ได้โอกาสวิ่งไปเทสแนวต้านถัดไป มีสูง
แผนการลงทุน
-ทำการเข้าซื้อเมื่อสามารถเบรคแนวต้าน 2 @4.82 บาท ได้
สิ่งที่ต้องระวัง
-คือการเบรคแนวต้าน 2 แบบไม่มี volume support
-หรือการย่อลงมาแล้วหลุด เทรนไลน์ขาขึ้น
TTCL ถ้าพลาดรอบแรกไม่เป็นไร เมื่อวานเริ่มรอบสองกำลังจะเริ่มด้วยการส่งสัญญาณแท่งเขียวพร้อม vol. ที่มากกว่าห้าวันทำการที่ผ่านมา ขึ้นมาจากการพักตัวที่ fibo retracement ที่ 23.6 ต้านข้างหน้า fibo 38.2 รออยู่ เมื่อวานทำราคามาจ่อเบรค hi ที่ทำไว้เมื่อห้าวันที่แล้ว หากเบรคแล้วสามารถยืนได้ไม่กลับลงมา จะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น ถ้าชอบก็กด like ให้ด้วยนะครับ
EURUSD - เกิดสัญญาณ Hidden Bullish Divergence TF H1🔖 สัปดาห์ที่ผ่านมาคู่เงิน EURUSD สามารถ Break Out ซัพพลายโซน H4 บริเวณ 1.16500 ขึ้นมาได้ทำให้แนวโน้มภาพรวมของการเคลื่อนที่นั้นเป็นไปในเชิงบวกสำหรับ Uptrend อย่างไรก็ตามราคายังถูกกดอยู่ภายใต้ EMA (120) ของ D1 ที่เป็นผลทำให้ราคากลับตัวลดลงมาเข้าสู่ดีมานด์โซน H4 (1.16230 - 1.16090) ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา
🔖 ในภาพใหญ่แล้วทิศทางราคาของคู่เงินยังดูไร้ทิศทาง แต่หากพิจารณาการเทรดใน Timeframe เล็กอย่าง H1 แล้ว EURUSD เป็นคู่เงินที่น่าสนใจเนื่องจากพฤติกรรมราคาและอินดิเคเตอร์ RSI (14) เกิด Hidden Bullish Divergence (ณ. ราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา) ทำให้คู่เงินนี้ Long Bias
🔖 Entry: รอสัญญาณ Bullish Price Action ที่ซัพพลายโซน H1/H4 (1.16230 - 1.16090)
🔖 Stop Loss: 1.16000
🔖 Profit Target 1: 1.17200 - 1.17450
🔖 Profit Target 2: 1.18200 - 1.18500
Gulf: เป็นขาขึ้นด้วย การวิเคราะห์ทาง technicalGulf เป็นหุ้นที่พึ่งเข้าตลาดได้ไม่นาน ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ถือว่า่ ยังมีไม่มาก จากข้อมูลทั้งหมด เมื่อแรกเข้าตลาดมาราคาเปิด ณ วันแรกที่ 57.50 ราคาได้ไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 83.50 ภายใน 1 เดือนถัดมา หลังจากนั้น ก็ปรับตัวลงเรื่อยมา จนกระทั่ง ราคาได้มาหยุดที่ ที่ระดับราคา 61.25 บาท ซึ่ง เป็นบริเวณเดียวกันกับแนว Fibonacci 61.8% หลังจากนั้น ราคาก็ได้มีการทดสอบ แนวรับนี้ อีก 3 รอบ คือ 26 มิ.ย. , 29 มิ.ย. และ 18 ก.ค. ซึ่ง ณ ระดับราคานี้ สามารถ รับเอาไว้ได้ มีความแข็งแรง พอสมควร ทำให้ราคา เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น หากดูให้ดีแล้ว ระดับราคานี้คือที่ 61.25 ถือว่า อยู่ในจุดสูงกว่าราคาของหุ้นที่ได้เข้าตลาดวันแรก เป็นที่น่าสนใจ
เมื่อวันที่ 14-23 พ.ค. ราคาได้มีการทดสอบเส้น Trendline (สีดำ) แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ จนกระทั่ง ราคาได้ย้ำระดับราคาที่ต่ำสุด ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น เมื่อราคาปรังตัวขึ้น จึงทำให้ขึ้นไปทดสอบ เส้น Trendline นี้อีกครั้ง ณ วันที่ 8-10 ส.ค. ที่ผ่านมา และสามารถ Break Out Trendline ได้เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ส่งผลให้ แนวต้าน ตามรูปแบบของ Trendline นั้น ถูกทำลายลง อาจจะกล่าวได้ว่า่ ณ ราคา ที่ 61.25 น่าจะกลายเป็นราคาที่ต่ำสุด การปรับตัวลงของราคา มีโอกาสที่จะสิ้นสุดลงแล้ว
หลังจากที่ Break Out Trendline ได้แล้ว ทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 70 บาท และ ราคาได้ทำ Throwback เพื่อทดสอบความแข็งแรงของ Trendline อีก 1 ครั้ง ก่อนที่ีราคาจะขึ้นไปทำ new high ใหม่ได้ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. พร้อมกับ ปริมาณการซื้อ ที่เพิ่มขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้จุดเข้าซื้อ จะอยู่บริเวณ ราคา High ที่ 70 บาทนี้ และ จุด ตัดขาดททุน จะอยู่ที่ 66.75 และ ราคาเป้าหมาย แรก จะอยู่บริเวณ 82.25 ซึ่งเป็น ราคาสูงสุด จุดเดิม ที่เคยมี ถ้าผ่านไปได้ มีโอกาส ที่จะไปถึง 87.75 หรืออาจจะสูงกว่าได้ ขึ้นอยู่กับ ผลประกอบการในอนาคต
"ทั้งหมดนี้ เป็นการวิเคราะห์ ตามหลัก Technical Analysis เพื่อเป็นความรู้ เท่านั้น มิได้ชักชวนให้ซื้อ หรือ ขายหุ้นแต่ประการใด"
TISCO หุ้นปันผลดี ที่น่าจะควรมีไว้ในพอร์ทย้อนกลับไปดูภาพช่วงครึ่งแรกของปี ราคาได้ทำรูปแบบการกลับตัวดับเบิ้ลท๊อป และได้ทิ้งตัวลงแรงในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม
ด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงมากในวันที่ 16 กค. แต่ในวันต่อมาได้เกิดแรงซื้อกลับด้วยปริมาณโวลุมที่ใกล้เคียงกัน
หลังจากนั้นราคาได้ค่อยๆขึ้นมาเรื่อยๆ จนช่วงต้นเดือนกันยายน ราคาได้มาถึงแนวต้าน ( neckline ) เดิม ก่อนที่ราคาจะทะลุลงมา ถึงแม้ว่าราคายังไม่สามารถ
ผ่านแนวนี้ไปได้ แต่ราคาก็ไม่ได้ลงมาแรง มีลักษณะพักตัวออกข้างมากกว่า ราคา 72.25 บาทน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้แล้ว
ราคาน่าจะพักตัวในช่วงโซนกรอบสีส้มนี้สักพัก ( ช่วงราคาประมาณ 80.25-83.25 บาท ) ก่อนที่จะเบรคขึ้นไปเทรดกันที่กรอบบนเดิม
ทิสโก้ มี pe ที่ประมาณ 10 เท่า อัตราส่วนเงินปันผลประมาณ 6 % และมีผลประกอบการที่ค่อนข้างดีมาโดยตลอด ทำให้อุ่นใจในการถือหุ้นตัวนี้ในระดับนึง
AU พร้อมแล้วที่จะกลับตัวพิจารณาจาก
1.การนับเวฟ สัมพันธ์กับ การวัด fibo ในขาลง โดยใช้เวฟ1ของขา c เป็นจุดเริ่มต้นวัดลงมา จะเห็นว่าราคาลงมาหยุดที่แถวๆ fibo 261.8 แล้วมีการกลับตัว
2.มีแท่งเขียวใหญ่พร้อมวอลุ่ม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการพักตัวไม่ต่ำกว่าแท่งเขียวใหญ่แล้วกลับมาจ่อเบรคแท่งเขียวใหญ่ได้อีกครั้ง
3.มีสัญญาณ bullish divergence ที่จุดราคาต่ำสุด
4.หากเบรคราคา 8.1 ได้ จะเป็นการยก hi ซึ่งส่งสัญญาณในทางบวก
5.อินดิเคเตอร์ EWO ขึ้นมาเหนือ 0 ได้เมื่อวันที่ผ่านมา
CHEWAหุ้น CHEWA ปัจจุบันได้ทำคลื่นครบ 5 คลื่นย่อย เรียบร้อย สังเกตุจากตัวเลขที่กำกับไว้(สีชมพู) โดยที่คลื่น 3 indicator จะทำจุดพีคสูงกว่า คลื่น 5 ที่ indicator ทำจุดพีคที่ต่ำกว่า ซึ่งจุดที่คลื่น 5 มาเทสต์ ตรงกับ High เดิมในอดีตพอดี และถ้าตี fibo extension แนวที่คลื่น 5 จะใกล้เคียงกับแนวฟิโบที่ 261.8% ด้วย(สีเขียว) จึงเกิด Bearish Divergence ย่อยๆ คาดว่าจะมีการพักตัวตามแนวฟิโบตามภาพ(สีน้ำเงิน) คาดว่าแนวที่ 38.2% ที่ราคา 1.24 น่าจะเป็นแนวที่มีนัยยะ เพราะเป็นแนวที่เคยเป็นไฮเดิมและมีการเทสต์หลายครั้งก่อนจะเบรกขึ้นมา เมื่อพักจบแล้วคาดว่าน่าจะขึ้นต่อ แต่ถ้าราคาหลุดแนวที่ 1.15 (แนวที่เปิด gap พร้อม Volume) ให้ stop loss แล้วรอดู pattern อีกที