SET เป็นขาขึ้นหรือยัง ???#SET : TF Day
.
SET : ตลาดหุ้นไทยจะเป็นขาขึ้นแล้วหรือยัง ???
คำตอบคือเป็นขาขึ้นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เรากำลังลุ้นอยู่ว่า SET จะเบรค 1,450 ได้หรือไม่ เพราะถ้า SET สามารถ Break 1,450 ได้ ตลาดหุ้นไทยจะเป็น Bullish Market และอีกทั้งยังเป็น Strong trend : Up trend อีกด้วย
.
เพราะฉะนั้น ใครที่คิดจะลงทุนในตลาดหุ้นไทย เตรียมเงินกันไว้ให้ดีๆ อย่าตกรถกันหล่ะครับ
.
ถึงใครๆหลายคนจะมองว่า เศรษฐกิจในบ้านเรายังไม่ดี ตลาดหุ้นจะไปขึ้นได้ยังไง สำหรับคนที่เทรดสาย Technical Anlysis จะรู้ดีกันว่ากราฟมาก่อนข่าวเสมอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ กราฟ SET จะฟอร์มตัวดีจนขัดแย้งกับเศรษฐกิจบ้านเราอย่างสิ้นเชิง เพราะในท้ายที่สุดข่าวต่างๆ จะมาหลังกราฟวิ่งไปแล้วเสมอนั่นเอง
.
หุ้นที่จะมาในปีหน้า คงหนีไม่พ้น ธีม : พลังงาน
เทคโนโลยีกำลังโตไปอีกขั้น หลายๆอย่างเริ่มสอดคล้องต่อเทคโนโลยี
ถึงเวลาที่บริษัทใหญ่ๆจะเริ่มทำกำไรกันแล้ว
แล้วคุณหล่ะ พร้อมที่จะทำกำไรไปกับพวกเขาแล้วหรือยัง ???
.
.
สำหรับใครที่มีคำถามหรือข้อสงสัยอะไร
สามารถ Comment พูดคุยกันได้
หรือถ้าอยากปรึกษาหาแนวทางของหุ้น
สามารถ Inbox เข้ามาคุยกันได้ ( ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ) ***
.
#SET
#ตลาดหุ้นไทย
#ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
#ขาขึ้น
#StockStrike
Set
SET index ถึงเวลาทะยานรึยัง$SET #thailand
เมื่อคืนมีข่าวดีเข้ามาในตลาด จากวัคซีนโควิท ผล 90%
ส่งผลน้ำมันขึ้น ทองลง ตลาดหุ้นเมกาขี้น
แต่ ...
ราคากลับตัวลงมาก่อนปิดตลาด
ระวังเช้านี้ จะมีคนรีบเข้าทำตลาดเปิด gap และ
ราคาโดนกดลงมาอีก
ผมยังมองว่า รอไปก่อน ยาวๆ
รอจนมันไปนิ่ง และมีสัญญาณกลับตัวชัดๆค่อยทยอยเข้า
มุมมองเหมือนเดิม รอ ...
CHG ใกล้จบการปรับฐาน Expanded Flat?CHG ขึ้นทรง Impulse wave 5 คลื่นต้นปี 2019 นับ 1 คาดจบ A-B-C Expanded Flat นับ 2 ตั้งขึ้น (1) ของ 3 เรียบร้อยและปัจจุบันพักตัวเป็น Expanded Flat A-B ขณะนี้ลงมาเป็นคลื่น C ซึ่งสามารถวัดเป้าได้ที่ 1.618 เท่าของคลื่น A ณ ราคา 2.20 บาท มีโอกาสจบการปรับตัวนี้
.
หมายเหตุ : การนับทางเลือก (Altnate Count) ชุดล่าสุดนี้ถ้าไม่ใช่ (1)-(2)-(3)-(4)-(5) อาจเป็น A-B-C ของคลื่น X
.
วิธีการเทรดของผม : เทรดเฉพาะ Actionery Wave 1-3-5 , A-C จะมีจังหวะเทรดได้ตลอดในทุกดีกรี
อัพเดท ดัชนีไทย (SET index )#set #index #thailand #tradingviewthailand
ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นไทยเลย ยกเว้นพวกที่ลงทุนระยะยาว กลุ่มปันผลกับตัวที่ราคาลงมาลึกๆก็ทยอยเก็บทีละนิด
พอมีเวลาก็จะมาดูภาพรวมอีกที
หลังจากไม่ได้ดูมาดูอีกที ดัชนีบ้านเราก็ปกติ คือลงตามเหตุและปัจจัยภายในภายนอก(น่าจะภายนอกซะมากกว่า)
คำถามว่าจะลงอีกแค่ไหน
1. แย่สุดๆ ก็ ต่ำกว่า 700 (หากเกิดเหตุเช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่ได้ตามที่คิดทั่วโลก)
2. มองแบบกลางๆ ลงไป วิ่งในกรอบ แถว 1000 - 1200
หากลงไปพักตัวแถว 1078 กำลังดีและทยอยขึ้นกลับมาแบบแข็งแรงก็น่าจะเหมาะ
ด้วยเหตุนี้ผมจึงปิดชาร์ตไทย ไปหาหลักทรัพย์ตัวอื่นๆที่ทำเงินได้เร็วกว่าดีกว่า
และติดตามดูดัชนีทั่วโลกและข่าวสำคัญเกี่ยวกับวัคซีน ก็พอ
ที่สำคัญคือ หากมีวัคซีนสำเร็จแล้วก็ตาม ยังไงบริษัทไทยต่างๆก็คง ไม่ดีขึ้นทันตาเห็นแน่นอน ดังนั้นการเทรดสั้นๆ จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดู แต่หากคนลงทุนระยะยาว ก็คงเลือกกลุ่ม ดูชาร์ต ตั้งเตือนราคาไว้ ก็ ทยอยแบ่งไม้เข้าไปแทน
*** ลองใช้การตั้งเตือนใน trading view เป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์มากจริงๆ
SET และขาลงอันเนิ่นนาน และขาขึ้นอันแสนสั้น ของเขา..ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่จัดได้ว่า รันทดที่สุด ของตลาดหุ้นไทย
เพราะไม่ว่าคุณจะใช้ระบบ Trend Following ใดๆ ไม่ว่าจะเป็น MACD > 0 ( Action Zone )
หรือด้วยระบบ ATR
คุณก็จะเจอการ ขาดทุนซ้ำซาก อยู่ร่ำไป
โดยจากกราฟ จะเห็นได้ว่า ช่วงปี 2019 ที่ ATR เปลี่ยนเป็นสีแดง
และหลังจากนั้น SET ก็ทำท่า Sideway Down ลงมาตลอด
และไปลงหนักที่สุดก็ตอนช่วง Covid ถล่ม ตอนมีนา 2020
ซึ่งตอนช่วง มีนา ที่ SET ถล่ม ก็มีคนบางคน สามารถรับมีดมาได้ ช่วงแถวๆ 900-1000 จุด
โดยคนเหล่านี้ ณ เวลานี้ ก็ยังมีกำไรหุ้นกันพอสมควร .. แต่ก็ลดลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับตอนช่วง Peak 1400 จุดตอน มิถุนายน 2020
...
ถ้าจำกันได้ ช่วงเมษา-พฤษภา 2020
เราจะเห็นข่าว คนอวดกำไรหุ้นรายวัน รวมถึง คนแห่กันมาเปิดบัญชีหุ้นกันอย่างล้นหนาฝาคั่ง
ซึ่งแน่นอนว่า.. มือใหม่เหล่านั้น...ที่เข้ามาแบบงงๆ .. ก็น่าจะติดหุ้น(ดอย) กันแทบทั้งหมด
โดยเท่าที่ผมไล่ๆ ดู พบว่า ถ้าเขาเหล่านั้น ไปซื้อที่ยอด ก็น่าจะขาดทุนกันระดับ -20% ถึง -30% แล้วแต่หุ้นแต่ละตัว
ถ้าไปดอยกลุ่มแบงค์ก็หนักหน่อย เพราะลากไปล่อเม่าซะยอด แล้วก็ทุบยาว 555
..ประเด็นที่ผมอยากจะบอก ก็คือว่า
1) ถ้าเทรดแบบไม่มีระบบ ยังไงก็เจ๊ง แต่ยังไงมือใหม่ไม่เข้าใจอยู่แล้วว่า ระบบคืออะไร ดังนั้น ... มือใหม่ = ยังไงก็เจ๊ง 100%
- เพราะอย่างน้อย การมีระบบ มันก็จะช่วยทำให้ เรารู้ว่า ตอนไหน ควรซื้อ ตอนไหน ควรนั่งเฉยๆ
- อย่างเคสระบบ ATR ที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ถ้าเรานั่งเฉยๆ ไม่ซน ตั้งแต่ช่วง ATR แดง ตอน 2 ส.ค. 19 เราก็จะไม่ขาดทุนเลย ตอนที่ราคาถล่มช่วง Covid
- และถึงเราไปเข้าช่วงที่ระบบเขียว ในเดือนเมษา 2020 แล้วค่อยไปออกตอนระบบแดง ตอน ปลาย มิ.ย. 2020 ตอนนี้ เราก็นั่งกอดเงินสดสบายๆ ไม่ต้องเครียดใดๆ เลย
2) การมีระบบ ทำให้เรารู้ว่า ตลาดไหน ควรไปเล่น ตลาดไหน ควรทิ้งให้ห่าง
- ถ้าเราใช้ระบบ จับในหลายๆ ตลาด เราก็จะเห็นว่า ตลาดที่เล่นได้ ก็คือ หุ้นอเมริกา ทอง และ คริปโต/Bitcoin
- โดย แค่ Bitcoin สำหรับปีนี้ เราสามารถเทรดได้ 3 รอบ และได้กำไรทุกรอบ รวมๆ แล้วประมาณ 30-40%
- และเราสามารถ เลิกดู SET ไปก่อนได้ จนกว่า SET จะกลับมาเขียวอีกครั้ง
3) การมีระบบ ทำให้เรารู้ว่า เราตกรถแล้วหรือป่าว และควรนั่งเฉยๆ
- สำหรับหุ้นไทย ถ้าไปส่องดูหุ้นรายตัว ก็จะเห็นว่า มีหลายๆ ตัวที่ระบบเขียวมาน้าานนน มากแล้ว และตอนนี้ก็ยังเขียวอยู่ ( เช่น RS )
- ทำให้ พอเราเห็นว่า เออ กูตกรถแล้วนี่หว่า.. ก็จะทำให้เราไม่คันมือไปเข้าหุ้น ตัวที่วิ่งไปไกลแล้วนั่นเอง
- การไปเข้าหุ้นตัวที่วิ่งไปไกลแล้ว ก็มีแต่ความเสี่ยงเต็มๆ เพราะเราไม่รู้ว่า ตลาดจะถล่มลงมาทับเมื่อไหร่
- โดยเฉพาะการที่ SET ในภาพรวม เป็นขาลง .. การจะเจอหุ้นดีที่เป็นขาขึ้น ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
4) การมีระบบ ทำให้เราสามารถ ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปพึ่งคนอื่น
- สิ่งที่มือใหม่ แทบจะ 100% เป็น ก็คือว่า.. หาหุ้นเองไม่เป็น ต้องคอยไปถามกูรูคนโน้นคนนี่อยู่เสมอ
- เข้าตัวนี้ดีไหมครับ ออกตัวนี้ได้หรือยังคะ หุ้นตัวนี้จะหยุดลงเมื่อไหร่คะ หุ้นตัวนี้จะขึ้นไปถึงไหนครับ คัทหุ้นตัวนี้ดีไหมคะ ฯลฯ
- ซึ่งคำถามข้างบน มันก็เกิดจากการที่มือใหม่ คิดว่า ตลาดมันง่าย แค่ซื้อมั่วๆ ตามกูรู แล้วถือไว้โง่ๆ สักพักฉันก็จะรวยง่ายๆ เหมือนซื้อหวย
- ถ้าช่วงตลาดดีๆ ไอ้การซื้อโง่ๆ มั่วๆ เนี่ย ยังไงก็มีกำไรจริงๆ ครับ แต่ช่วงตลาดไม่ดี หรือเข้าสู่ช่วง sideway down เนี่ย บอกเลย การซื้อมั่ว = หายนะ
แต่ถึงมีระบบแล้ว ก็ใช่ว่าจะเทรดแล้วรวยได้เลย เพราะสุดท้าย คุณก็ต้องไปฝึกวินัย ฝึกจิตของตัวเอง ในสนามรบจริงๆ อีกอยู่ดี
แต่อย่างน้อย เวลาเราลงสนาม เราก็ยังมีความรู้ มีอาวุธ ติดไม้ติดมือไปบ้าง... เพราะถ้าไม่มีระบบอะไรเลย ก็เหมือนการแก้ผ้าวิ่งเข้าสมรภูมิ.. ยังไงก็ตายกับตายครับ
ที่พิมพ์มาทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องหุ้นอย่างเดียวนะครับ คริปโต หรือ ทอง หรือตลาดอื่นๆ ก็ใช้ได้
เพราะผมบอกเลยว่า.. ตั้งแต่ผมเฝ้าตลาดมาตลอดหลายปีมานี่
มือใหม่ เขาจะทำสิ่งเดียวกันหมดเสมอคือ..
-----------------------------
ซื้อที่ยอด .... แล้วก็ร่วงทันที เลยรีบคัท.. พอคัท แล้วก็เด้งใส่หน้า... หลังจากนั้นก็เลยบอกกับตัวเองว่า คราวหน้าจะไม่ขายแล้ว..
แล้วก็ไปซื้อที่ยอดใหม่อีกรอบ .. คราวนี้ ติดดอยแต่ไม่ขาย... ราคาลงต่อ ก็ไม่ขาย..ราคาลงต่อไปอีก..ก็เริ่มเครียด
ไล่ถามกูรูว่าเมื่อไหร่จะกลับตัว...กูรูบอก ถือต่อไปก่อน เดี๋ยวก็เด้ง...แล้วก็ถือต่อไม่ขาย...
พอลงหนัก ไป -70% ถึง -80% ถึงค่อยตัดสินใจขาย ... พอขาย มันก็เด้งใส่หน้าอีกรอบ
..แล้วก็ออกจากตลาดไปพร้อมกับคำด่าว่า ตลาดแม่งเหี้ย เจ้ามือแม่งเลว กูรูแม่งกาก
..แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลยว่า ทำไม มึงถึงไปซื้อหุ้น (หรือ Bitcoin) โดยไม่มีแผนรับมือตอนมันลงเลยแม้แต่นิดเดียว 555
-----------------------------
ขาลงใน time frame 2 ชั่วโมงเพื่อไปทดสอบ แนวรับในภาพใหญ่แนวโน้มตลาดยังคงเป็นขาลงใน time frame ย่อยๆ อย่าง 2 ชั่วโมง เพื่อไปทดสอบแนวรับในภาพใหญ่
ตามที่ได้เคยโพสต์ไว้
ซึ่งในช่วงนี้แนะนำให้ ถือเงินสด เพื่อรอจังหวะซื้อตามแนวรับภาพใหญ่
โดยหากตลาดจะกลับตัวเป็นขาขึ้น อย่างน้อยควรทะลุเส้นกดสีชมพู แถวๆ ดัชนี 1330 และไปทดสอบแถวๆ 1350 ให้ได้
หากยังทำไม่ได้ยังมองว่าตลาดมีแนวโน้มลงต่อและยังไม่น่าลงทุนครับ
DOW JONES ดิ่ง 1861 จุด SET จะแค่ถอย หรือ ถ่อยเลย?ขณะที่แชร์ Idea นี้ บน TradingView ตลาดเมกาปิดไปแล้ว DJI ล่วงไป 6.91% หรือ -1861จุด ใครที่หลับไปตอน -900 คงหนาวแล้ว ตื่นมาเจอ -1861 หนาวกว่าแน่นอน โดยเฉพาะคนที่ ซื้อหุ้นมาเต็ม หรือ ห่อ Long TFEX มา
ทีนี้มาดูกันครับ ว่า ลบระดับ 6.91% จะฉุดให้ปู่ SET ถอยลงไปได้ถึงไหน ถ้าคิดแบบคณิตศาสตร์ง่ายๆ เลย SET ปิดวันพฤหัสที่ 1396.77 ถ้าลบเท่ากบ DJI คือ 6.91% ก็จะลบได้ถึง 96 จุด หรือกลมๆ กลับไป 1300 จุด เห้ย!!!! วันเดียวจะลบ 100 จุดเลยเหรอ?
ในด้านเทคนิคอล โค้ชลองตี Fibonacci ไว้ 2 ชุด ชุดใหญ่คือ ของรอบใหญ่ใน TF Day และชุดกลาง คือ รอบ ใน TF 60 จาก 1200-1450 โดยประมาณ
- ในชุดกลาง วันพฤหัสถอยมาทำความเคารพที่แนว 23.6%(1392) แล้วเด้งไปปิด 1396.77 พร้อมด้วย MACD อ้าปากลงใน TF60
- แนวถัดไป คือแนว 38.2% ของ Fibo คู่กลาง สีน้ำเงิน ที่ 1355 แน่นอนโอกาสเปิด Gap ข้ามไปในวันที่ DJI -1861 ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่หากโดดข้ามแนวนี้ภาพการขึ้นระยะกลาง-สั้นจะไม่ค่อยงามนัก แต่ยังไม่แย่ซะทีเดียวนะ
- แนว 61.8% หรือแถว 1296 ตรงนี้สิ ที่จะเป็นตัวบอกว่า ภาพระยะกลาง-สั้น จะไม่ไหว แต่ ภาพรวมยังมีแนวรับ 1273 (Fibo 38.2%) ของชุดใหญ่ รอบ TF Day อยู่
- 1273 หลุดเมื่อไหร่ อวสาน V Shape แต่เห็นมั้ย นี่แค่ถอยนะ ย้ำว่า แค่ถอย
สรุป
การตะบี้ตะบันลาก แบบไม่พักเลย ยิ่งลากไปไกลเท่าไหร่ การพัก ก็ลึกมากเท่านั้น 1273 เป็นแนว 38.2% ของชุดใหญ่ แม้ว่า ถ้ายืนแถวนั้นได้ ภาพรวมจะไม่เสียทรง แต่ลองถามใจคุณ การดีด V-Shape ทั้งโลกของตลาดโควิด-19 และ Dow Jones ตัดริบบิ้นการพักตัวด้วยการน๊อคกลางอากาศ -1861 จุดแบบนี้ ว่าก็ว่าเถอะ แค่ถอย พอร์ทของบางคนก็ถ่อยเสียแล้ว
ลองดูต่อไปครับ ถ้าถอยมารับต้องย่ำ ด้วย Volume น้อยลง แต่ถ้าถอยมาพร้อมเร่ง Volume มา อันนี้ ถอยมาทับชัวร์
เทรดด้วยสติ และความเสี่ยง คือเรื่องเดียวที่เราคุมได้ กำไรมาก-น้อยไม่สำคัญ ที่สำคัญ คือการทำให้เงินในพอร์ทยังเหลือ เพื่อให้เราอยู่ในตลาดได้นานพอ
SET : ไม่ทำ new low ก็เป็นแค่การย่อ เพื่อไปต่อ มือใหม่ ที่เพิ่งเข้าตลาดมาช่วงตลาดดีๆ
จะไม่เคยเจอภาวะการ correction ของตลาดที่รุนแรงมาก่อน
ซึ่งอย่าลืมว่า ตอนเราขึ้น เราขึ้นมาแบบ ร้อนแรงเหลือเกิน
บางตัวขึ้นมาเป็น 100%+ ในเวลาแค่ 1-2 สัปดาห์
ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่รอบนี้ เราอาจจะได้เห็นการ correction หนักกันบ้าง
ส่วนตัว ผมมองแล้ว การย่อรอบนี้ ก็เป็นสิ่งที่หลายๆ ที่ดูกราฟเป็น รอกันอยู่
เพราะการจะสร้างฐานไปต่อได้นั้น ก็ต้องมีการย่อและยก low เพื่อเตรียมทำกรอบขาขึ้นต่อไปนั่นเอง
ส่วนจะย่อลึกถึงไหนนั้น ก็ไม่มีใครรู้
แต่ที่แน่ๆ สำหรับตลาดไทย ถ้าลูกศิทย์ลุงโฉลกเยอะ
เราก็น่าจะได้เห็นการย่อลงมาทดสอบแถวๆ Action Zone แล้วก็เด้ง
เพราะเราต่างเรียนมาตำราเดียวกัน 555
แต่ถ้าไม่เด้ง ก็โน่นเลย ไปรอแถวๆ 0.786-0.887 fib
แถวๆ 1000 - 1100 จุดอีกรอบ
แต่ถ้าจะลงมาถึงนี่ ก็ต้องถามพี่กองว่า จะยอมให้ลงหรือป่าว
ส่วนเม่าน่ะเหรอ เปิดตลาดพรุ่งนี้คงตกใจขายกันไม่ยั้งแน่นอน 5555
SET : RSI มากกว่า 46.8 เตรียมเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ กินเวลา 2-4 ปีจากรูป ถ้าเราลองลากเส้นแนวนอน ตามแนวรับของ RSI ที่ SET เคยย่อลงมาแล้วไม่หลุด
จะเห็นได้ว่า
ค่า RSI ที่เป็นแนวรับ/แนวต้านใหญ่ ของ SET ระดับ TF Weekly ก็คือประมาร 46.8
ซึ่ง จากที่ได้ลองไล่ดูข้อมูลย้อนหลัง พบว่า
เมื่อ RSI ข้ามจากโซนล่าง ( น้อยกว่า 46 ) ข้ามเส้น 46.8 ขึ้นมา = หลังจากนั้นตลาดจะเป็นภาวะกระทิง ( Bullish / ขาขึ้น )
เมื่อ RSI ข้ามจากโซนบน ( มากกว่า 47 ) ข้ามเส้น 46.8 ลงมา = หลังจากนั้นตลาดจะเป็นภาวะหมี ( Bearish / ขาลง )
ซึ่ง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าเราสังเกตุ RSI จะเห็นได้ว่า
ตอนนี้ มันวิ่งข้ามเส้น 46.8 ขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และ confirm อีกชั้น ด้วย เส้น MACD ตัดกันเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา
ซึ่ง... ถ้าเราลองมองย้อนหลังไป เราจะพบความสัมพันธ์ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1) 15 ก.พ. 16 - 21 พ.ค. 18 ( ประมาณ 2 ปี )
--------------------
- RSI ได้ทะลุแนวต้าน 46.8 ขึ้นไป และวิ่งเป็นขาขึ้นยาว ตลอด 2 ปี
- ถ้าสังเกตุ MACD ก่อนหน้านั้นมีการตัดกันที่โซนล่างด้วย ก็เป็นการ confirm uptrend
- หลังจาก RSI Overbought แรก ตลาดก็มีการ Correction ลงมาแรง ถ้าดูจากกราฟแล้ว ผมว่าก็แรงกันจนเม่าสติแตกแน่ๆ 555 เพราะลงจาก 1550 ไป 1350 ในเวลา 7 สัปดาห์ ( สองเดือน )
- แต่ก็น่าจะเป็นจุดซื้อเพิ่มที่ดี สำหรับคนที่ยังไม่ได้ขึ้นรถ ( แต่ตอนหน้างาน ทุบแรง+นาน แบบนี้ ต้องมีคนสติแตกกันอย่างแน่นอนครับ )
- หลังจากนั้นตลาดก็ค่อยๆ ขึ้นไปต่อเรื่อยๆ แต่ก็มีช่วง sideway นิ่งๆ ไม่ไปไหน ให้คนถอดใจ กันอยู่เกือบปี ( ม.ค. 17-ส.ค. 17 )
- แล้วก็พุ่งพรวดเดียวไป peak ตอน ม.ค. 18 -- ก็สอดคล้องกับราคา BTC ที่พุ่งกระฉูดไปเหมือนกัน
- หลังจากนั้น ราคาก็เจอ bearish divergence weekly แล้วก็ร่วงลงมาหนัก ยาว ตั้งแต่ 2018 ถึงปัจจุบันนี่แหละ
- สิ่งที่เราเรียนรู้ จากการลองไล่พฤติกรรมราคา ในภาพใหญ่ คือ บางช่วง ตลาดมันจะเล่นงานเราด้วยการ correction อย่างรุนแรง แต่เป็นการ correction เพื่อไปต่อ
- ซึ่งเราก็ต้องมีแนวทางการหนีที่ชัดเจน เก็บเอาไว้ดูประกอบด้วย เช่น ถ้าปิด week ต่ำกว่า low ก่อนหน้า ไกลๆ ก็หนี หรือ short TFEX hedge พอร์ตเอาไว้ก่อน เป็นต้น
Pattern นี้ ในช่วงเวลาอื่นๆ
- 3 มี.ค. 14- 11 พ.ค. 15 = ปีกว่าๆ ( แถวนี้ ราคา BTC ก็ sideway )
- 21 พ.ย. 11 - 10 มิ.ย. 13 = เกือบสองปี ( แถวนี้ ราคา BTC ก็วิ่งควาย )
- 16 เม.ย. 09 - 12 ก.ย. 11 = สองปีกว่า
* แถวนี้ กราฟวิ่งขึ้นแบบแทบจะไม่พักอยู่ 2 ปี เปิดตำนานเซียนหุ้นในเมืองไทย
- 4 พ.ค. 04 - 16 มิ.ย. 08 = choppy market 4 ปี
* ช่วงนี้ตลาดวิ่งขึ้นวิ่งลงในกรอบ ไม่ได้พุ่งไปไหนไกลอยู่เป็นหลายปี
* ผมจำได้ว่า ช่วงนั้น หนังสือพ่อรวยสอนลูกฮิตมาก เพราะตลาดเมกาดี คน flip อสังหากันรัวๆ จนเกิดฟองสบู่ sub prime แล้วแตกในปี 2008
- 1998-2004 = ต้มยำกุ้ง Recovery 6 ปี
* ช่วงนี้ตลาดยังซึมๆ เหงาๆ เพราะคนหมดตัวกันไปเยอะ หลังจากวิกฤต ต้มยำกุ้ง
* ช่วงนี้ ใครมีเงิน แล้วช้อนหุ้นราคาถูก ตอนมันทำกรอบสะสมแถวโซน 200-300 แล้วไม่ขาย ตอนนี้ก็รวยกันไปถ้วนหน้า
สรุป
-----
* บทความนี้ก็เป็นข้อสังเกตุ ย้อนหลัง ของพฤติกรรมราคาของตลาดหุ้นไทย กับ RSI
* เอาจริงๆ มันก็มีบางช่วงที่ตรง ใช้ได้ แต่บางช่วงที่เราเจอตลาด choppy กันอยู่หลายปี กลยุทธนี้ก็ไม่เวิร์คเหมือนกัน
* สำหรับหุ้น ผมว่า บางที เราก็ต้องเทรดกันแบบมองภาพยาว และเล่นกันไปอย่างใจเย็นๆ
* อย่าง ถ้าเราดู TF monthly ประกอบ ก็จะเห็นว่า รอบนี้คือ opportunity of the lifetime จริงๆ อย่างลุงโฉลกแกเคยพูดไว้ในคลิป เพราะตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย RSI monthly เราลงไปหลุด 30 แค่ 3 ครั้งเท่านั้น
* ถ้าเราตัดสินใจเข้าหุ้น ในรอบนี้ ผมคิดว่า ไม้ที่เข้ารอบนี้ ต้องอย่าออกเด็ดขาด และถือกันไปยาวๆ
* ส่วนเงินสด บางส่วน ก็เก็บเอาไว้ข้างสนาม ไว้รอจังหวะ correction แรงๆ แล้วค่อยเข้าเพิ่ม เป็นต้น
* ก็ลองสังเกตุดูนะครับ เราก็ไม่รู้อนาคตหรอกว่ามันจะไปทางไหน แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ชัวร์ที่สุดคือ
* เม่า จะเข้าที่ยอดดอย ที่ RSI peak ใน TF ใหญ่ แทบจะเสมอครับ
* เพราะเป็นเม่า ตอนที่ต้องเข้า ก็ลังเลๆ แล้วไม่ยอมถือทนรวย ไปเข้าๆ ออกๆ
* สุดท้าย พอไปเข้าไม้สุดท้าย แบบมั่นใจ จัดหนักจัดเต็ม ตอน RSI peak ก็โดนตลาดรับน้องอย่างไม่ต้องสงสัยครับ ( ผมรู้ เพราะผมก็เคยทำแบบนั้นมาก่อน 555 )
* ถ้าไม่อยากเป็นเม่า ก็วางแผนเทรดไม้ระยะยาว เอาไว้บ้างก็ดีนะครับ
SET : RSI Monthly Reset แล้ว พร้อมทะยานไปสู่ 3300 จุด!จากรูปที่ผมได้ตั้งข้อสังเกตุมา พบว่า
เมื่อไหร่ที่ SET ย่อแรง จน RSI ระดับ TF Month Reset แล้วเนี่ย
หลังจากนั้น มันมักจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ครับ
ในช่วง 4-5 วันนี้ เราก็เริ่มที่จะเห็นเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาช้อนหุ้นหลายๆ ตัวของไทยแล้วเหมือนกัน
ผมว่า.. หลายๆ คนก็น่าจะเห็น fact ข้อนี้ ว่า ตลาดหุ้นไทยเรา มัน bottom ไปแล้ว
และหุ้นไทยหลายๆ ตัว พอไปดูผลกำไรย้อนหลัง ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรขี้ริ้วขี้เหร่เลย แต่ว่า ราคาเสือกลง!!
ก็ไม่แน่นะ รอบนี้ อาจจะเป็นขาขึ้นใหญ่อย่างลุงโฉลกว่าไว้ก็ได้ครับ
มาดูแต่ละช่วงกัน
-------------
1998-2004
-------------
RSI จาก ล่างสุด ( OS ) ไปบนสุด ( OB )
ใช้เวลา 1949 วัน ( 5.3 ปี )
SET ขึ้นไป 293%
--------------
2008-2013
--------------
RSI จาก ล่างสุด ( OS ) ไปบนสุด ( OB )
ใช้เวลา 1579 วัน ( 4.3 ปี )
SET ขึ้นไป 336%
* จริงๆ ตรงจุดนี้ มีการทำ เวฟ 5 อีกรอบด้วย ก่อนร่วงยาว
--------------
2020-2024/2025?
--------------
RSI จาก ล่างสุด ( OS ) ไปบนสุด ( OB )
ใช้เวลา 4-5 ปี? ก็น่าจะ top ช่วง 2024-2025
โดย SET อาจจะขึ้นไปแถวๆ 3300 จุด
( 1.618 + 4.236 fib level )
ขึ้นไปประมาณ 250%
------
สรุป
------
จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ เรามีความ "เป็นไปได้สูง" มากๆ ครับว่า
เงินจากนอก จะไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยเรา กันอย่างจริงๆ จังๆ เป็นเวลาหลายปี
อย่าลืมว่า รอบนี้ QE กันล้นโลก เงินแม่ง ล้นสุดๆ นะครับ
ถ้าสถานการณ์ virus covid ดีขึ้น เงินที่โยนเข้าหลุมดำ มันก็ต้องออกมาหาที่ลง
และมันจะไปไหนได้ นอกจากตลาดหุ้น หรือ Bitcoin(?) 555
ผมว่า แหย่ขาในหุ้นไทย เอาไว้บ้าง ก็ดีนะครับ
และให้มองเกมยาวๆ อย่ามองเกมสั้นๆ เล่นเข้าๆ ออกๆ แบบนั้นไม่เวิร์คครับ เพราะคุณจะโดนอารมณ์เล่นงานเวลาตลาดพักตัว
หรือใครนึกไม่ออกจริงๆ ไม่มีความรู้เลย
ก็ไปดูหุ้น top 10 หรือลองหาหุ้นที่มีกำไรต่อเนื่อง แข็งๆ
แล้วก็ทยอย DCA หุ้นไปก็ได้ แต่อย่างน้อย ขอให้ถือทน ถือยาว
รอให้ RSI monthly อย่างน้อย peak ไปก่อน แล้วค่อย ทยอยๆ ขายออกก็ได้ ( ควรดูกราฟให้เป็นครับ )