มุมมองส่วนตัวสำหรับ ETHUSDT 02/08/2021ณ วันที่ 02/08/2021 ด้านราคาของ ETH อยู่ในกรอบ Sideway ระหว่างราคา 1,700 USDT - 3,000 USDT ซึ่งเป็นกรอบ Sideway ขนาดใหญ่ และเมื่อมองในรูปแบบราคา ณ ตอนนี้ ตั้งแต่วันที่ 21/07/2021 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ราคาเป็น Strong Trend Up ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งมีโอกาสไปถึงแนวต้านที่ Fibo 50% ได้ที่ราคา 3,038 USDT ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแนวต้านที่สำคัญ ถ้าสามารถผ่านไปได้มีโอกาสทำราคาได้ถึง 3,400 USDT -3,800 USDT แต่ให้ระวังกับเครื่องมือ RSI ที่เข้าสู่โซน Overbought ระดับ 70.14 ซึ่งตรงนี้ถ้าไม่มีผู้เล่นที่เป็นนักเกร็งกำไรเข้ามาจะไม่สามารถทำให้ราคาทะลุผ่านแนวต้านตรงนี้ได้ ส่วนแนวรับที่ 1,700 USDT เป็นจุดแนวรับสำคัญซึ่งจะอัพเดทอีกที่เมื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ ซึ่งมุมมองทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นการชี้นำและแนะนำควรพิจารณาก่อนการลงทุนอย่างมาก ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนครับ
Fibonacci Retracement
วิเคราะห์แนวโน้ม EURUSD 05/08/2021สำหรับ EURO ณ วันที่ 05/08/2021 มีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ประมาณ 1.21899 และแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1.16079 โดย ณ ตอนนี้ ราคาได้พยายามกลับมายืนเหนือ EMA 8 ที่ราคา 1.18440 ซึ่งถ้าสามารถยืนเหนือได้ภายใน2-3วันนี้มี โอกาสที่จะไปทดสอบแนวต้าน EMA 50 ที่ 1.19111 ซึ่งเป็นแนวต้านสำหรับการฟอร์มตัวเป็น Up Trend ต่อไปโดย มุมมองด้าน Elliot Wave ณ ตอนนี้ ราคาได้ฟอร์มตัวในรูปแบบสามเหลี่ยมปากแคบ มุมมองส่วนตัวของผมถ้าราคาไม่หลุด 1.17481 ณ ตรงนี้มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นไปยืนเหนือ EMA 50 เพื่อกลับไป Up Trend ได้ครับ ซึ่งส่วนตัวผมจะ Focus ตรง EMA 8 นี้ก่อนประมาณ 2 วันเพื่อดูการฟอร์มตัวราคาใน Time Frame ที่ต่ำกว่า เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์อีกทีหนึ่ง ดังนั้นการมองราคาตามแนวโน้มขาขึ้นอาจจะปลอดภัยกว่าแม้ ณ ตอนนี้จะเป็นเทรนขาลงก็ตามแต่การฟอร์มตัวดีดกลับมาของราคาเป็นจุดที่น่าสนใจครับ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของผมครับ
***ซึ่งมุมมองทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นการชี้นำและแนะนำควรพิจารณาก่อนการลงทุนอย่างมาก ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนครับ***
วิเคราะห์ทองคำพฤหัสบดีที่ 22 กรกฏาคม 2564ตลาดทองคำนิวยอร์คเมื่อคืนนี้ปิดลบ 8 ดอลลาร์ จากเหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง/b]
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. วานนี้ปิดลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 1,803.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การปรับร่วงของทองคำครั้งนี้มาจากสาเหตุการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เป็นปัจจัยหลักที่เข้ามากดดันตลาดทองคำอีกครั้ง ถึงอย่างไรการปรับตัวลงของทองคำก็ยังเป็นเพียงการปรับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ยังสร้างความกังวลต่อนักลงทุนที่กระตุ้นให้เข้ามาลงทุนส่วนหนึ่งในตลาดทองคำที่อยู่ในฐานสินทรัพย์ปลอดภัยประเภทหนึ่ง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ได้ดีดตัวขึ้นใกล้ระดับ 1.30% เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นการสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ
อย่างไรก็ดีการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ก็มาช่วยให้ทองคำมีแรงดึงดูดในการเข้าซื้อได้เช่นกัน เนื่องจากทำให้ราคาทองคำจะมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ได้มีการถือครองเงินสกุลอื่นๆ สำหรับดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลหลักในตะกร้าเงินลดลง 0.22% ที่ระดับ 92.76 เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา
นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในสหรัฐในเวลานี้ ทั้งนี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ออกมาแถลงว่า จำนวนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าคิดเป็น 83% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด สูงกว่าระดับ 50% ที่พบในช่วงวันที่ 27 มิถุนายน – 3 กรกฏาคมที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์กันว่าทองคำอาจจะพุ่งขึ้น 10% และแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
ประเมินทางเทคนิควันนี้
ทองคำวันนี้ยังมีทิศทางการปรับตัวลงต่ำเนื่องจากการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์ สำหรับช่วงเช้าวันนี้บอนด์ฯ ได้ปรับขึ้นทดสอบ SMA200 วันในกรอบรายชั่วโมงซึ่งราคายังคงปรับฐานที่บริเวณดังกล่าว หากไม่ปรับขึ้นต่อก็จะส่งผลต่อทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ แต่อาจเป็นการปรับขึ้นระยะจำกัด เพราะดอลลาร์ช่วงเช้าวันนี้ก็เข้าลักษณะการปรับฐานราคาเหนือเส้น SMA200 วันในกรอบรายชั่วโมง ประเมินทางเทคนิคแล้ววันนี้หากราคาทองคำยังไม่หลุด 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงไปได้นั้น เราอาจเห็นการปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านระดั้บ 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนทองคำเวลานี้ให้ทำการซื้อขายด้วยการเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ไม่แนะนำให้มีการถือ Position ข้ามคืน เนื่องจาทองคำมีความผันผวนจากปัจจัยสองด้านคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และดัชนีดอลลาร์ เข้ามามีส่วนกดดันตลาดทองคำเวลานี้ จึงควรติดตามสถานการณ์ของสินทรัพย์สองประเภทนี้ควบคู่กันไปด้วย สำหรับวันนี้ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐได้แก่
1. รายงานงานจำนวนคนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก คาดการณ์ที่ 350,000 ตำแหน่ง เวลา 19:30 น.
2. ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) เดือนมิ.ย. คาดการณ์ 5.90 ล้านยูนิต เวลา 21:00
ตลาดหุ้นวันนี้ฝั่งเอเชียปรับขึ้นเชิงบวกขานรับตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับเชิงบวกไปเมื่อคืนนี้ คาดการณ์วันนี้ตลาดหุ้นจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง จึงจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจทำให้ทองคำถูกสกัดกั้นเชิงบวกได้เช่นกัน ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : กลยุทธ์การเทรดรายชั่วโมงสำหรับฝั่ง Long รอราคาทองคำลงมาบริเวณ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำสามารถทรงตัวได้เหนือบริเวณดังกล่าวได้นั้น ก็อาจเสี่ยงเปิดคำสั่ง “ซื้อ” ได้ที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการทำกำไรระยะสั้น ประเมินปิดทำกำไรที่แนวต้านบริเวณ 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุดต่ำกว่า 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
Short Position : สำหรับกลยุทธ์การเทรดฝั่ง Short นั้นหากราคาทองคำไม่สามารถผ่าน 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้นั้น ก็ให้เสี่ยงเปิดคำสั่ง “ขาย” ใต้บริเวณแนวต้านดังกล่าว เน้นการทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น ประเมินปิดทำกำไรที่แนวรับบริเวณ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวรับบริเวณดังกล่าวลงไปได้ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นเหนือแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Down trend
-----------------------------------------
4H : Down trend
-----------------------------------------
DAY : Down trend
---- -------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,795 / 1,785 / 1,775
---------------------------------------------------
Resistance : 1,804 / 1,810 / 1,825
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR เดือนกรกฎาคม 64
- ถารถือครองทองคำ : ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,812.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,028.55 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 8 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : -17.23 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%
วิเคราะห์ทองคำจันทร์ที่ 12 กรกฏาคม 2564ตลาดทองคำนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดบวกที่ 10.40 ดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ปิดบวก 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ระดับ 1,810.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อ่อนค่าลงต่อเนื่อง
สัปดาห์นี้นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกต่างเฝ้าจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือ “เฟด” ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาครองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ และรวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ
ทั้งนี้นายเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 14 กรกฎาคม และแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ การแถลงของนายพาวเวลในสัปดาห์นี้ถือว่าเป็นความสำคัญเนื่องจากเขาอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากที่รายงานการประชุมของเฟดเดือนมิ.ย. ระบุว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงิน QE พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิม 1 ปี และเฟดอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว ถ้อยแถลงของนายพาวเวลมีผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นอย่างมาก เช่นเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นหลังนายพาวเวลแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยคำกล่าวมีเนื้อหาว่า “เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้างและครอบคลุมให้ได้มากที่สุด และเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้ต้องเร่งปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วจนเกินไป
แม้นักวิเคราะห์หลายคนรวมนักลงทุนใหญ่ๆ มีความกังวลที่เฟดยังมีทีท่าเฉยต่อภาวะเงินเฟ้อดังกล่าว และเมื่อเงินล้นระบบก็ต้องมีที่รองรับเงินดังกล่าว อย่างตอนนี้ก็เห็นชัดว่าตลาดหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นนั้น เป็นตลาดที่รองรับเม็ดเงินดังกล่าวอย่างชัดเจนที่สุด แม้เงินกู้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกก็จริง แต่หลายๆ บริษัทฯ ใหญ่ๆ ก็ต่างมีการกู้เต็มเพดานวงเงินกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ผู้กู้เงินทั่วไปที่เป็นประชาชนธรรมดา ก็ล้วนแต่กู้เงินเต็มเพดานกันเป็นส่วนใหญ่ จึงเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ถ้าหากเฟดยังไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐได้เช่นกัน แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าการที่เฟดจะขยับอะไรบางอย่างออกมานั้น ก็จำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้นักลงทุนอยู่ในภาวะอาการตกใจ จนอาจทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนัก และระบบเศรษฐกิจก็อาจหยุดชะงักได้เช่นกัน จึงต้องมีวิธีการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา และแสดงถึงความเข้าใจต่อตลาดให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนต่อการตัดสินใจของเฟดที่จะมีในไม่ช้านี้ เรียกว่าเฟดโดนแรงกดดันจนกลืนไม่เข้า คายไม่ออกกันทีเดียว งานนี้เรียกว่าร้องเพลงพี่เบิร์ดกันเสียงหลงเวลานี้ “กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง” เอ้าก็ติดตามกันต่อไปครับ เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อทองคำโดยตรง เดี๋ยวจะหาว่าไม่ได้มาเล่าให้ฟังกันครับ
ประเมินทางเทคนิควันนี้
ราคาทองคำเช้านี้ยังขยับตัวภายใต้กรอบระดับ 1,797-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีระดับแรงซื้อเข้ามาหนุนตลาดทองคำหลังการอ่อนตัวของดอลลาร์และอัตราพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ประเมินทางเทคนิควันนี้ราคาทองคำยังคงพยายามขึ้นทดสอบระดับแนวต้านบริเวณ 1,810-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้นั้น มีแนวโน้มที่จะเกิดการเทขายเพื่อทำกำไรกันอีกรอบ ประเมินแนวรับบริเวณ 1,797-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้รอซื้อทองคำเมื่อเกิดการอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับดังกล่าวเพื่อทำกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : วันนี้ก็ยังมีลุ้นที่ราคาทองคำอาจ breakout ระดับแนวต้าน 1,810-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ แต่หากแรงซื้อยังคงจำกัดก็จะทำให้เกิดการเหวี่ยงของราคาในกรอบเดิมอีกครั้ง สำหรับการเปิดคำสั่ง “ซื้อ” นั้นแนะนำให้รอราคาทองคำย่อตัวมายังบริเวณแนวรับ 1,797-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาย่อมาที่บริเวณดังกล่าวอีกครั้งและสามารถยืนเหนือได้ก็ให้เสี่ยงเปิดคำสั่ง “ซื้อ” เพื่อเน้นการทำกำไรระยะสั้นไปก่อนเวลานี้ พิจารณาปิดทำกำไรที่แนวต้านบริเวณ 1,810-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านดั้งกล่าวขึ้นไปได้ สำหรับกรณีที่ราคาทองคำไม่ได้ย่อตัวลงมาที่แนวรับที่กล่าวไป หากมีการ Breakout ราคาขึ้นเหนือแนวต้านบริเวณ 1,810-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้รอราคาย่อตัวลงทดสอบแนวต้านด้งกล่าวที่ได้ถูกทลายลงไปก่อน แล้วค่อยหาจังหวะในการเข้าซื้อ เพื่อป้องกันการย่อตัวกลับมายังโซนกรอบ Sideway เดิมอีกครั้ง
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Up trend
-----------------------------------------
4H : Down trend
-----------------------------------------
DAY : Down trend
---- -------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,797 / 1,790 / 1,783
---------------------------------------------------
Resistance : 1,815 / 1,823 / 1,844
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR เดือนกรกฎาคม 64
- ถารถือครองทองคำ : ขายออกทองคำ -0.29 ตัน
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,802.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,040.19 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 5 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : -5.59 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%
วิเคราะห์ทองคำพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2564ทองคำตลาดนิวยอร์กวานนี้ปิดบวกขึ้น 6 ดอลลาร์ จากแดนล่าง 1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเฟดคลายสัญญาณไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ (+0.34%) ปิดที่ระดับ 1,783.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปัจจัยแรงหนุนทางคำมาจากการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวร่วงลงจากคำมั่นของเฟดที่ออกมายืนยันว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับร่วงลงมา สร้างปัจจัยหนุนทองคำกลับฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง
นายพาวเวลได้กล่าวต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า “เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้าง และเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องภาวะเงินเฟ้อมาเป็นแรงผลักดันให้ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป”
นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาก่อนหน้ายังสะท้อนถีงความอ่อนแอของโครงสร้างระบบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งหมดจึงเป็นปัจจัยหนุนทองคำกลับมายืนเหนือระดับ 1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง ก็ต้องลุ้นกันต่อว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน
ในส่วนกรณีพิพาทระหว่างสหรัฐกับจีน เรื่องการส่งเรือรบเข้าประจำในพื้นของทะเลจีนใต้นั้น หลังจากที่ก่อนหน้าเกิดภาวะความตึงเครียดอีกครั้งหลังสหรัฐนำเรือรบเข้าแล่นผ่านช่องแคบใต้หวัน ซึ่งถือเป็นอาณาเขตของทะเลจีนใต้ แต่สหรัฐอ้างว่าเป็นการตรวจตราในบริเวณน่านน้ำสากลเท่านั้น จากความขัดแย้งดังกล่าวได้ถูกปรับลดความร้อนแรงลงหลังมีข่าวว่าจะมีการเจรจาทางการทูตระหว่างสหรัฐกับจีนถึงกรณีดังกล่าว ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องดังกล่าวลงไป อาจทำให้ความน่าสนใจของทองคำถูกลดทอนลงไปด้วยเช่นกัน
ประเมินทางเทคนิควันนี้
วันนี้ทองคำกลับมาอยู่เหนือระดับแนวรับ 1,774-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง หลังจากที่ปรับขึ้นทดสอบแนวต้านระยะสั้น 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถฝ่าผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ ทำให้ราคาทองคำช่วงเช้ามืดของวันนี้กลับมาแกว่งตัวเหนือบริเวณแนวรับ 1,767-1,774 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ประเมินทางเทคนิคหากราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับดังกล่าวได้อีกครั้ง มีแนวโน้มที่อาจเห็นการปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 1,795 -1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง แต่หากราคาทองคำยังคงมีแรงกดดันอีกรอบ มีโอกาสที่แนวรับระดับบริเวณ 1,767-1,774 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจต้องพังทลายในรอบใกล้ๆ นี้ ประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,741 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการทำ QE, ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้, อินเดียวโดนปรับลดความน่าเชื่อถือจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
คืนนี้ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของสหรัฐดังนี้
19:30 ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (MoM) พ.ค.
19:30 ดัชนีจีดีพี (QoQ) (Q1)
19:30 จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (รายสัปดาห์)
ช่วงเวลาดังกล่าวอาจสร้างความผันผวนต่อตลาดทองคำได้ จึงแนะนำสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ควรระมัดระวังในการเทรดซื้อคำสั่งในเวลาดังกล่าวด้วย
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : รอซื้อทองคำบริเวณแนวรับ 1,767-1,774 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคากลับมาทรงตัวได้ที่บริเวณดังกล่าว เน้นการเข้าทำกำไรระยะสั้น พิจารณาทำกำไรได้ที่บริเวณแนวต้าน 1,795-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แต่หากราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้นั้น ก็ให้ชะลอการปิดทำกำไรบางส่วนออกไปก่อน ประเมินแนวต้านบริเวณถัดไปที่ 1,825 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Short Position : รอขายทองคำบริเวณแนวต้าน 1,795-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ให้เปิดคำสั่ง “ขาย” เน้นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ประเมินพิจารณาปิดทำกำไรได้ที่บริเวณแนวรับ 1,767-1,774 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวสูงกว่า 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Down trend
-----------------------------------------
4H : Down trend
-----------------------------------------
DAY : Down trend
-----------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,767 / 1,741 / 1,709
---------------------------------------------------
Resistance : 1,795 / 1,803 / 1,826
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR
- ถารถือครองทองคำ : ขายออก -2.91 ตัน
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,778.15 $
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,046.56 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 11 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : +3.44 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%
USDJPY H1 Low Risk TradeUSDJPY H1 ดีดกลับไปใกล้ระดับจุดสูงสุดเดิม
ปราการด่านสุดท้ายของ Fibo คือ 88.60% หรือ 110.200
ซึ่งน่าสนในการ Short ลงมาเนื่องจากมี Risk ที่ต่ำ (จุดสูงสุด)
ทางคลื่น Elliott Wave : Impluse ลงมา 1-2-3-4-5
ท่อนที่ดีดกลับนี้เป็น A-B-C
.
อย่างไรก็ตามหากทะลุ 88.6% นี้ขึ้นไปได้จะไปเช็ค High 110.325
และมีโอกาสปลิ้นขึ้นไปได้ถึง 110.50- 110.60
.
ควรพิจารณา Price Action รูปแบบแท่งเทียนบริเวณระดับต่าง ๆ ประกอบก่อนเข้าเทรดด้วยครับ
Toomtrade EP01 ไอดีเทรดคู่เงิน ปอนด์ดอลล่า GU ด้วย Elliot Waveหลังจากจุด ABCDE ราคามีการเทลงมายาวประมาณนึ่งแล้วมีการย่อดีดตัวกบัไปที่ Fibo เกือบแตะ 23.6 แล้ววนกลับลงมาจดแตะจุด100% ซึ่งเป็นแนวรับที่แข็งพอสมควรไม่สามารถผ่านไปได้
ราคามีการย่อกลับไม่ผ่าน Fibo 78.6 น่าจะมีการลงมาเทสที่แนว 100 % อีกครั้งถ้าราคาสามารถเบรคแนวรับแข็งตัวนี้ได้น่าจะลงยาวเพราะเข้าเวฟ 3 ของ Elliot Wave ซึ่งจะไม่เป็นเวฟที่สั้นที่สุดน่าจะลงยาวได้มากกว่าเวฟ1
ถ้าเบรคไปได้มอง
จุดเข้าฝั่ง Sell ที่เมื่อราคาเบรรค FIBO 100 %
TP 1 ที่ FIBO 161.8
TP 2 ที่ FIBO 261.8
Gold มุมมองแผนขึ้นระยะยาว มี 2 senario สำหรับตอนนี้ [7/11/20]ตอนนี้ผมได้มองไว้ 2 scenario สำหรับขาขึ้นในปัจจุบัน
สำหรับแผนแรก white scenario :
ตอนนี้กำลังจะย่อลงลึก ประมาณ 50-61.8 % หรือ 38.2 % ของ i (ขาที่ขึ้นมา) สามารถใช้ fibonacci retracement ลากตั้งแต่จุดเริ่มต้นของขาที่ขึ้นมาถึง high ปัจจุบัน
แต่แผนนี้จะผิดก็ต่อเมื่อราคาลงมาตํ่ากว่าเส้นสีเหลือง
สำหรับแผนที่สอง green scenario :
ย่อลงเล็กน้อยเพื่อขึ้นไปที่ 2000* ก่อนจะปรับฐานซักพักก่อนขึ้นขาสุดท้ายของ i of 3 ก่อนจะย่อลึกเพื่อขึ้นระยะยาว
แต่แผนนี้จะผิดก็ต่อเมื่อราคาลงมาตํ่ากว่าเส้นสีแดง
TFEX 17/8/63 TF60 ชนต้านกรอบเทรนไลน์TFEX 17/8/63 TF60 ชนต้านกรอบเทรนไลน์
ตราบใดไม่มีไฮใหม่ ก้ต้องมีนิวโล
เป็นเรื่องธรรมชาติของกราฟ ผู้ชนะคือคนที่ทนรอได้
เมื่อเปิดเช้ามาไม่สามารถยืน857.5 เตรียมทำใจ เทส846.9 ยืนได้มีเด้งนึงรอบ
เมื่อหลุดได้เจอ840
ดังนี้
แนวทางที่1 เช้าเปิดโดดก็รอ shortแถวแนวต้าน ไปได้ไม่เกิน865.5 ไปเบรก875.5ก็ยอม
แนวทางที่2 เช้ามาเปิดหลุด846.9 สามารถเก้งกำไร Shortตามไปปิดที่ราคา842.2 และ840 ได้เลย
แนวทางที่3 เมือราคาหลุด840 เมื่อไร่ก็ว่าแผนเข้าไม้เพื่อไปปิดตามราคา 830 และ824 สามารถลงไปได้ไกลถึง798.5
แต่หากราคาหลุด 840เมื่อไหร่ให้หันไปดูsetด้วยว่าต้องหลุด1300แล้วล่ะ
จะเห็นว่า กราฟตอนนี้มอง short ได้เปรียบกว่า Long ในแนวต้านสำคัญเมื่อราคามาถึงแนวที่กล่าวไว้
แผนเดิมๆเพิ่มเติมรายละเอียด
เทรดอย่าbias คิดว่ากราฟจะเป็นไปตามทฤษฎี
เพราะมันเป็นศาสตร์และศิลป์
จินตภาพสำคัญกว่าความคิด
รู้งี้ ทำไปแบบนี้ไปนานแล้ว
USDCHF 4H/D1 Long จากดีมานด์โซน เป้า 0.92500 และ 0.94000คู่เงิน USDCHF ราคาพักตัวอยู่ในดีมานด์โซนรายสัปดาห์ และเคลื่อนที่ในโครงสร้าง Double Bottom ในกรอบเวลา
MACD ในกรอบเวลา 4H ยก Low สูงขึ้นและเกิด RSI Divergence ในกรอบเวลา H1 แนะนำให้ Buy ที่ดีมานด์โซน 4H เป้าหมายการทำกำไร 0.92500 และเป้าหมายถัดไปที่ Support / Resistance Flip 0.94000
*** การเทรดคู่นี้ระยะ Stop Loss จะไม่ไกล แต่ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่เนื่องจากราคายังไม่สามารถเบรค Neckline ของรูปแบบ Double Bottom ได้ ***
#GiveAndTakeZone by #ForexTradeReview
set TF Day จะทำอะไรก็รีบทำset 10-14/8/63 TF Day จะทำอะไรก็รีบทำ
มีหยุดกลางสัปดาห์วันแม่ ทรงเดือนนี้ย่อก็ไม่น่ากลัว
กรณี setหลุด1303 แล้วแนวรับถัดไป1270 และ1212 ถัดไป1154
ภาวะการณ์นี้ เงินนอกตลาดเยอะมากดูได้จากหุ้น ipoเข้ามา3ตัว หรูหราไอโซ
ทำให้เรารู้ว่าเงินรอจะเข้าตลาดเพื่อเล่นรอบใหม่แต่การยื้อของกลุ่มเงินทุนยังรอเวลา
จังหวะเข้าหุ้นในราคาหรือภาวะตกใจอีกซักครั้ง
ดังนี้
แนวทางที่1แนวรับ1270 ควรจะเริ่มซื้อหุ้นคาดหวัง หุ้นในฝันได้แล้วอาจจะเริ่มสะสมพอร์ตลงทุน30% กันตกรถ
แนวทางที่2 แนวรับ1212 ควรจะเริ่มซื้อหุ้นหวังผล สะสมพอร์ตลงทุนเพิ่ม20% รวม50% ของพอร์ต
แนวทางที่3 แนวรับ1154 ควรจะเริ่มซื้อดีราคาถูก สะสมพอร์ตลงทุนเพิ่ม20% รวม70% ของพอร์ต
เหลือถือเงินสด30% สำหรับเล่นเก็งกำไร
จะเห็นว่า กราฟตอนนี้มอง Long ได้เปรียบกว่า short ในแนวรับสำคัญเมื่อราคามาถึงแนวที่กล่าวไว้
แผนในสัปดาห์นี้คงชัดเจนและเห็นภาพในกลางสัปดาห์ ใจเย็นเพราะแนวโน้มที่คุยกัน
อาจจะเกิดขึ้นในปลายเดือนก้ได้
ฉะนั้น เลือกหุ้นให้ถูกตัวและถูกเวลาสำคัญกว่า ซื้อแล้วตกใจตัวแดง
เงินสดคืออำนาจ ในการตัวสินใจในการลงทุน
เห็นภาพขัดเจนแล้วค่อยนำทาง
เทรดอย่าbias คิดว่ากราฟจะเป็นไปตามทฤษฎี
เพราะมันเป็นศาสตร์และศิลป์
จินตภาพสำคัญกว่าความคิด
รู้งี้ ทำไปแบบนี้ไปนานแล้ว
COL: น่ารัก น่าลุ้น ถ้าทะลุ น่าจะวิ่งได้อีกไกลราคาของ COL ตอนนี้ มาทดสอบบริเวณ 38.2% และจาก Volume Profile ก็เป็นช่วงที่มี Volume หนาแน่นพอควรในบริเวณด้านบนของ Value Area
ถ้าสามารถทะลุราคาบริเวณนี้ และไปยืนเหนือได้ มีโอกาสวิ่งไปหาเป้าถัดๆ ไปได้ที่ 32.50, 34.25, 37.00 และ 40.50 เลย
โดยมี Stoch RSI ที่เพิ่งตัดส่งเป็นแรงส่งด้วย ในขณะที่ RSI เตรียมตัวเข้าสู่ Overbought Zone ก็อาจต้องเริ่มระวังการย่อตัวบ้าง โดยมีแนวรับที่แข็งแกร่งและไม่น่าหลุดง่ายๆ อยู่ที่ 28.25 ของระดับ 23.60% พร้อมกับ Volume ที่หนาแน่น
สรุป หากรับความเสี่ยงได้ ก็น่าเข้าเลย และตั้ง stop loss ที่ 27 - 28
EA - น่าสนใจ รับแกร่ง upside สูงตาม Fibonacci Retracement จะเห็นว่า ราคาทะลุระดับราคา 23.60% ที่ 37.75 มาได้ และยืนเหนือมาได้ซักระยะ ทำให้ตรงนี้จะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งได้
ประกอบกับ Volume Profile ก็จะเห็นว่า 35 - 40 เป็นช่วงที่มี Volume เยอะ ช่วยสนับสนุนแนวรับที่แกร่งได้
ส่วน upside ตาม Fibonacci Retracement เป้าก็จะอยู่ที่ 38.20% และ 49.50% ที่ราคา 44.25 และ 49.50 ตามลำดับ หรือมากกว่านั้นไป
ประกอบกับ Stochastic RSI ตัดขึ้นพอดี มีโอกาสที่ราคาน่าจะวิ่งไปต่อได้
ข้อควรระวัง บริเวณราคาปัจจุบันนี้ 40.75 ก็จะมี high เดิมอยู่ อาจมองเป็นต้านเล็กๆ ได้ แต่คิดว่า น่าจะผ่านไปได้ครับ
Port ราคาไปได้อีกไกล ตาม Fibo Retracement และ Volume Profileตาม Fibonacci Retracement จะเห็นว่าราคาอยู่ใกล้ระดับของ 23.6% มาก ซึ่งถือเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งได้ ส่วนเป้าหมายต่างๆ ก็ตาม Fibonacci Retracement ถัดๆ ไป ได้เลย
และตาม Volume Profile ก็สอดคล้องกับ Fibonacci Retracement เป็นอย่างดี ส่วน Value Area ล่างสุด ก็อยู่ตรง 23.6% เหมือนกัน
ประกอบกับ Stochastic RSI ก็เพิ่งตัดขึ้นด้วย
ดังนั้น มีโอกาสที่ราคาจะวิ่งไปได้ไกล หากเข้าซื้อราคาที่บริเวณ 7.05 ก็อาจตั้ง stop loss ไว้บริเวณ 6.85, 6.50 หรือ 6.30 โดยมีบริเวณให้ take profit ตั้งแต่ 7.40, 7.75 และ 8.10
Port ราคาไปได้อีกไกล ตาม Fibo Retracement และ Volume Profileตาม Fibonacci Retracement จะเห็นว่าราคาอยู่ใกล้ระดับของ 23.6% มาก ซึ่งถือเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งได้ ส่วนเป้าหมายต่างๆ ก็ตาม Fibonacci Retracement ถัดๆ ไป ได้เลย
และตาม Volume Profile ก็สอดคล้องกับ Fibonacci Retracement เป็นอย่างดี ส่วน Value Area ล่างสุด ก็อยู่ตรง 23.6% เหมือนกัน
ประกอบกับ Stochastic RSI ก็เพิ่งตัดขึ้นด้วย
ดังนั้น มีโอกาสที่ราคาจะวิ่งไปได้ไกล หากเข้าซื้อราคาที่บริเวณ 7.05 ก็อาจตั้ง stop loss ไว้บริเวณ 6.85, 6.50 หรือ 6.30 โดยมีบริเวณให้ take profit ตั้งแต่ 7.40, 7.75 และ 8.10
ETCUSD รอ Price action กลับตัวในบริเวณ 17 ลงไปMajor resistance 25
Major support 13
ราคาทดสอบแนวรับ 13 ก่อนแรงซื้อจะชนะแล้วดันไปที่ 25 จากนั้นพักตัวลงมา
หากสามารถเบรค 25 ขึ้นไปใหม่อีกครั้งแสดงถึงการเริ่มต้นของขาขึ้นในรอบใหญ่ยืนยันด้วยเทรนด์ระดับกลาง
หากราคาเบรคแนว 13 ลงไปแสดงถึงแรงฝั่งขายยังคงคุมตลาดทำให้เทรนด์ใหญ่ขาลงยังคงอยู่
โอกาสในการเทรดด้าน Buy ของนักลงทุนที่เชื่อมั่นใน ETCUSD (พื้นฐาน)
สามารถเริ่มเก็บได้ที่ราคา 17 ลงไปแล้วหยุดหากเบรค 13 ลงไป (เพื่อรอจังหวะเซตตัวรอบใหม่)
โดยรอให้มี Price action แสดงสัญญาณกลับตัวใน Timeframe H4 / D1
การบริหารความเสี่ยง
ใช้เลเวอเรจต่ำเพื่อตั้ง SL ได้ถึง 0 แล้วคำนวณมาร์จิ้นของทุนทั้งหมดที่ยิงซื้อสินค้านี้ให้ไม่เกิน 2 % ของพอร์ตของนักลงทุน
XLM โซนในการซื้อสะสม รอ pullback / price action กลับตัวMajor resistance 0.4
Major support 0.2
ในภาพใหญ่ช่วงก่อนหน้ามีแรงซื้อดันขึ้นจาก 0.2 หยุดเทรนด์ลงไว้ได้ แล้วมีการพักตัวหลังจากขึ้นไปทดสอบ 0.4
น่าจะมีการสะสมแรงอีกระยะก่อนเลือกทิศทาง โดยหากเบรค 0.2 ลงหมายถึงเทรนด์ลงจะยังคงไปต่อ ส่วนหากเบรค 0.4 ขึ้นไปและยืนได้จะเป็นโอกาสเริ่มรอบใหม่ของเทรนด์ขาขึ้น
โอกาสในการเทรด สำหรับคนที่เชื่อมั่นว่า XLM มีพื้นฐานจะไปได้อีกไกลในอนาคต
รอให้เกิดสัญญาณกลับตัวขึ้นใน H4 / D1 เช่น Price action doji / engulfing เพื่อเก็บสถานะ Buy ในช่วง 0.3 ลงไปถึง 0.2 หากราคาเบรค 0.2 ลงไปให้รอปรับฐานใหม่ก่อนสะสมเพิ่ม
การบริหารความเสี่ยงอาจใช้ 2 % rule คุมขนาดการเปิดสถานะ
ใช้เลเวอเรจต่ำ ให้ 1 order นั้นสามารถรับการลากได้ถึง 0 โดยคำนวณมาร์จิ้นว่าทั้งหมดที่ใช้กับสินค้าตัวนี้หากถูกลากถึง 0 จะขาดทุนรวมแค่ 2 % ของพอร์ตทั้งหมด