KBANK - Break bullish channel 3 ปี
ตอนนี้ bullish channel ที่มีความสูง 100 บาทได้ถูกเบรกแล้วบริเวณ 140
หากคำนวณจาก pattern จะทำให้ราคา kbank มีเป้าหมาย upside ที่ 230-240 บาทบริเวณ high เดิม
ขณะนี้ราคาเข้าสู่ zone ที่มีโอกาสเป็นแนวต้านเดิม
หากราคาขึ้นไปยืนได้ เชื่อว่าจะพร้อมไปไฮเดิมมากขึ้น
ปัจจัยพื้นฐาน
ทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นขาขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นธนาคาร
TFBF ไอเดียในการเทรด
Kbank H4 ราคาปัจจุบัน 118.50Kbank H4 ราคาปัจจุบัน 118.50
+1. ราคายืนได้ที บน ema 50/100/200
-1. ราคาหลุดแนวรับระยะสั้น ema20
-2. มีแรงขาย ออกมาเยอะมากใน 4 ชม
สุดท้ายก่อนปิดตลาด
กลยุทธ ( Buy on Dip)
เข้าซื้อ - รอ ราคาอาจย่อตัวลงมาทดสอบบริเวณแนวรับ
บริเวณ 116 บาท หากสามารถ ยืนได้ พร้อม มีปริมาณซื้อขาย
แต่หากยืนไม่ได้ แนวรับถัดไป 113.50
Kbank กราฟ DAY มองขึ้นต่อ รอซื้อเมื่อราคาย่อKbank Day 123.00 บาท SET:KBANK
+1. ราคาปิดเหนือ ค่า POC 120 ได้
+2. ราคาปิดเหนือ EMA 200 บริเวณ 118 ได้
+3. แท่งเทียน ปิดเขียวเต็มแท่ง ไม่มีใส้
+4. volume ซื้อ มาก
----------
-1. เกิด Hidden Bear Divergence RSI
ราคาอาจ ย่อ ลงมา บริเวณ 118-120 บาท
ปรับตัวขึ้น เป้า 133/150 ตามลำดับ
--------
กลยุทธ Buy On Dip
KBANK มีสัญญาณกลับตัวแถว 100
ที่ 1H หลังจากแทงทะลุ 50% fib ลงมา ตอนนี้ไม่ทำ oversold แล้ว เป็นไปได้ว่าเป็นสัญญาณกลับตัว
งบก็ออกมาดี มีกำไรมากกว่า 360% แต่ไม่ขึ้น คงเป็นเพราะอารมณ์ของตลาด
ปัจจัยด้าน MACRO คือมีโอกาสสูงที่อนาคตดอกเบี้ยจะปรับขึ้น หากเป็นจริง เวลานี้ควรทยอยสะสม
แต่เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ เชื่อว่าน่าจะ sideway ออกข้างมากกว่า
หากทะลุขึ้นมา 105 อาจจะเป็นสัญญาณคอนเฟิร์มเล็กๆ
หุ้น KBank ผมคิดว่าโซนนี้น่าเสี่ยง BUYแต่ล่ะ Wave ใช้เวลา 2 - 3ปี นานพอสมควร ส่วนตัวผมคิดว่าตรงนี้น่าเสี่ยง buy แล้วถือไปอีกสัก 2 - 3ปี ครับ
เพราะมันลงมาตรงเขต โซนทองแล้วด้วย เกิด bullish divergence แล้วสองรอบ ผมคิดว่ามันเลยน่าเสี่ยงจริงๆ
ถ้าจะเล่นตามก็ควร คิด วิเคราะห์ เเผนการเทรดตัวเองกันดีๆน่ะครับ แบ่งไม้ MM กันดีๆครับผม
May The Force be with You..!!!
kbank ในวันที่แอปล่มเมื่อวันที่ 30 ธค แอปธนาคารล่มเกือบหมด ก็เป็นข่าวเต็มฟีด ทำให้กลับมาคิดว่า เราจะพร้อมเข้าสู่ยุค แสกนจ่ายเงินหรือยัง
โดยสรุปคือ ยังไงก็ต้องมีเงินสดจำนวนหนึ่งที่เพียงพอที่จะใช้จ่ายในแต่ละวันติดกระเป๋าตังค์ ไม่งั้นวันนี้จะไม่รอด
จากกราฟ มีการตีดตัวแรง จนมาทดสอบต้านใหญ่ 115 สามวันแล้วไม่ผ่าน ดังนั้น ก็ต้องย่อลงไปสะสมพลังใหม่ แนวทดสอบย่อ 94.5 อาจมีเด้งเพื่อทดสอบบ้าง แต่มีแก้ปข้างล่างอยู่มองว่า 73.5 ราคานี้น่าติดตามมาก โอกาสความน่าจะเป็น ก็ต้องรอดูว่าสามารถยืนได้หรือไม่ อาจจะมีการเทใส่มือเม่าที่ไล่ราคา ใครที่ยังไม่มีก็ไม่ต้องรีบ
ช่วงนี้ควรเริ่มทยอยซื้อหุ้นที่ลงมาเยอะๆ เข้าพอร์ตแล้วหรือยัง? ช่วงนี้เลื่อน Facebook ผ่านเพจหุ้นต่างๆ ก็จะเริ่มมีโพสเชิงกึ่งคำถามว่า ตอนนี้ ตัวนี้น่าเริ่มซื้อหรือยัง? ตัวนั้นลงมาเยอะแล้วต้องซื้อแล้วถือยาวดีมั้ย?
ผมเอง ก็ไม่ใช่เซียนหุ้นอะไร เพราะส่วนตัวก็ยังเพิ่งมาดู price pattern ของหุ้นไทยได้ไม่นานเหมือนกัน .. แต่ด้วยความรู้ของการนั่ง Backtest ด้วยกลยุทธ ตระกูล Trend Following มาหลายสินค้า .. ก็พอสรุปรูปแบบของกราฟที่ดูแล้วน่าจะเป็น "ขาขึ้น" ได้ดังนี้
--------------------------------
1) กราฟขาขึ้น = indicator ชี้ขึ้น
--------------------------------
* ข้อนี้สำคัญมากที่สุด และโคตรง่ายที่สุด พิมพ์แล้วก็เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
* เอาง่ายๆ กราฟใดๆ มันจะขึ้นได้ สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นได้ มันจะมีสิ่งคล้ายๆ กันดังนี้
* Exponential Moving Average ( 21 ) เคลื่อนที่ไปในทิศทางชี้ขึ้นและจะอยู่ใต้แท่งเทียน
* Action Zone เขียว ( หรือเส้น MACD ทั้งสองเส้น > 0 )
* ถ้าเอา CDC ATR มาใส่กราฟ ก็จะเป็นสีเขียว
* พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากจะซื้อจริงๆ ก็นั่งรอให้เงื่อนไขข้างบนครบก่อนก็น่าจะดีกว่าครับ เพราะอย่างน้อย เราจะมีโอกาสที่เราจะได้กำไร สูงกว่าเสียตัง
--------------------------------
2) ถ้าตลาดมันยังเป็นขาลง มันก็จะลงไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลง
--------------------------------
* ข้อนี้ก็เหมือนเป็นการตอบแบบกวนตีนๆ อีกเช่นกัน แต่ตลาดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
* ถ้ามันจะหยุดลง ..กราฟมันก็จะค่อยๆ กลับตัว ขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้าย indicator ทั้งหลายที่ผมบอกในข้อแรก มันก็จะเขียว .. และนั่นคือจุดที่เราควรจะเสี่ยงเข้า และมีโอกาสชนะสูงขึ้น
* ต่างกับช่วงที่กราฟมันยังแดง ยังหัวปัก เหมือนหุ้นในตัวอย่างนี้ การที่เราเข้าไปเสี่ยงซื้อ ตอนที่กราฟยังเป็นขาลงอยู่ ก็เท่ากับการไปรับมีดที่กำลังหล่น..
* ถ้าโชคดี มีดมันเริ่มหมดแรงหล่นแล้วเราก็อาจจะไม่เจ็บหนัก และมีดก็จะพาเรารวยได้
* แต่ถ้าโชคร้าย มีดมันยังไม่หมดแรง แล้วมันหล่นต่อ มันก็จะทิ่มทะลุมือเรา ลงไปให้เราเอาตีนรับอีกรอบ ... ซึ่งถ้ายังโชคร้ายอยู่ มันก็จะทะลุตีนไปด้วย
* ทางที่ดี ผมว่า นั่งรอดูให้มีดมันหล่นลงพื้น แล้วหยุดสะบัดก่อน แล้วค่อยก้มลงเก็บมีด ... น่าจะปลอดภัยกว่า...
* คนส่วนใหญ่ กลัวจะไม่ได้ของ กลัวจะตกรถ แถมพวกสื่อต่างๆ ก็บิ้วให้เราซื้อซะเหลือเกิน เหมือนกับว่า ของแม่งลดราคาลงมาขนาดนี้แล้ว ไม่ซื้อก็โง่
* แต่ถ้าใครเคยผ่านช่วง ICO เน่า ของตลาดคริปโตมาก่อน คุณจะเข้าใจว่า ถ้าตลาดมันลง ไม่ว่าคุณจะถัวสวนเทรนแค่ไหน มันก็จะสามารถลงไปอีกได้เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลงจริงๆ โน่นแหละ 555
--------------------------------
3) ไม่มี Oversold ที่แท้ทรู และไม่มี Overbought ที่แท้ทรู เช่นกัน
--------------------------------
* มือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด ก็จะไปยึดติดกับหลักการ RSI Oversold ที่เขาสอนๆ กันว่า เฮ้ย มัน OS + Bullish divergence แล้ว เดี๋ยวมันต้องเด้งในเร็วๆ นี้แน่ๆ แล้วก็รีบไปซื้อสวนเทรนกัน
* ปัญหาของระบบสวนเทรนแบบนี้ มันก็คือว่า... มันสวนเทรนอ่ะ! .. มันอาศัยโชคล้วนๆ เลยครับ!
* ถูก ว่าบางครั้ง เราสวนแล้วมันจะขึ้นก็ได้ .. แต่ก็ต้องถามว่า แล้วโอกาสมันกี่% ล่ะ? แล้วมันคุ้มกับการสวนหรือไม่? เพราะผมเคยเห็นบางทีมัน OS แล้ว OS อีก มันก็ลงไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดนะครับ 55
* ดังนั้น ผมว่า รอชัวร์ๆ ก่อนดีกว่า
--------------------------------
4) ซื้อแล้วดอย ก็ไม่เป็นไรหรอก เราเป็น VI มองการลงทุนระยะยาว
--------------------------------
* ข้อนี้ มักเป็นคำแก้ตัวของคนติดหุ้น แล้วไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมถึงติด แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร
* เคส VI นี่ ถ้าเราไปดูกราฟของ KBANK ที่ทำ New Low 10 ปีก็พบว่า...
* ไม่ว่าคุณจะทยอยซื้อหุ้น KBANK ที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ แล้วไม่ขาย ( DCA หุ้น ) ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา.. ณ ตอนนี้ คุณก็จะ "ดอย" อยู่ดี ครับ
* จะดอยมาก ดอยน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณไปดอยที่ราคาเท่าไหร่ .. แต่ถ้าจะให้เฉลี่ยๆ ก็น่าจะมี ระดับ -50% up
* กลายเป็นว่า.. VI เนี่ย จริงๆ แล้ว มันใช้กับตลาดหุ้นไทยเราได้หรือป่าว? หรือใช้ได้แค่ช่วงหลังวิกฤต sub prime ตอนปี 2008? หรือเป็นแค่คำหวานที่เหล่ากูรูหุ้นหลอกให้เราถือหุ้นไปเรื่อยๆ ไม่ยอมขาย?
* อย่าลืมนะครับ เรามาลงทุน ก็อยากให้เงินเรางอกเงย เมื่อเวลาผ่านไป .. ไม่ใช่ว่า ยิ่งถือ ก็ยิ่งขาดทุน
* เราทำธุรกิจ ปีสองปีแรก ขาดทุน เราอาจจะต้องมานั่งคิดทบทวนดูเลยครับว่า ควรจะทำต่อดีไหม หรือยอมเลิกกิจการแล้วไปทำอย่างอื่น
* นี่กลายเป็นว่า พอเราติดหุ้น เราก็ทนขาดทุนไปเรื่อยๆ และรออย่างมีความหวังว่า "สักวัน" ราคามันน่าจะขึ้นไปสิบเด้งร้อยเด้ง เหมือนที่มันเคยขึ้นไปในอดีต... แบบนี้มันไม่ใช่การลงทุนแล้วครับ มันคือการซื้อหวยดีๆ นี่เอง 555
--------------------------------
สรุปว่า... ควรซื้อหรือยัง
--------------------------------
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมตอบเลยว่า "ยัง" ... เก็บเงินสดของท่านไว้ก่อนดีกว่า...
ไม่ต้องรีบช้อน กะจะได้จุดต่ำที่สุดหรอกครับ ตลาดมันก็อยู่ของมันตรงนี้ ไม่ไปไหน อีกกี่สิบกี่ร้อยปี มันก็ยังอยู่ เพราะว่า มันคือสิ่งที่เล่นกับความโลภของคนที่ไม่รู้ และคิดว่า ตลาดมันง่ายๆ นั่งกระดิกตีนริมชายหาดก็รวยได้ เหมือนดังภาพที่สื่อชอบเอามาหลอกพวกเรากัน..
ระหว่างรอ ก็นั่งศึกษาหาข้อมูลกันไปก่อน อย่างน้อย ก็ควรดูกราฟให้เป็น..
ยุคนี้ มีเว็บอย่าง tradingview ช่วยให้ท่านดูกราฟ + ใส่ indicator ได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ
พวก กลยุทธ ต่างๆ ผมก็ทำแจกเอาไว้เยอะแยะ ก็ไปเรียนรู้ หาวิธีใส่ แล้วก็ลองศึกษามันไปเรื่อยๆ ดูก่อน ยังไม่ต้องรีบกดซื้อด้วยเงินจริง ลองนั่ง backtest ไปเรื่อยๆ ก่อนว่า ท่าไหน ที่เราน่าจะเข้าซื้อ แล้วมีโอกาสชนะมากที่สุด
แล้วก็.. อย่าไปฟังพวกเพจเชียร์หุ้น กลุ่มหุ้น หรือบทวิเคราะห์อะไรมากนัก ถ้าอยากซื้อ ให้กลับมาเปิดกราฟดูก่อนว่า มันกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือยัง.. ถ้ายัง ก็ยังไม่ต้องซื้อ แต่ใส่ watch list ไว้ก่อน
ก็ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ อยากให้ทุกคนดูกราฟกันเองเป็น จะได้ไม่ไปติดดอยส่งเดช ครับ ช่วงนี้เงินยิ่งหายากอยู่ ...
อ้อ ส่วน ถ้าใคร เทรดหุ้นธรรมดา ยังไม่มีกำไรสม่ำเสมอตลอด 1-2 ปี... อย่าคิดแม้แต่จะไปลอง TFEX นะครับ ... หมดตัวแน่นอน 555