Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ราคาน้ำดิบล่วงหน้าติดลบ
ราคาน้ำมันดิบ TWI ล่วงหน้าดิ่งลง ฉุดราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลง ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ประจำวันอังคาร (21/4) ทรุดตัวลง 631 จุด ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
แรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มตลาด ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,252.92 จุด ลดลง 13.48 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.86 หมื่นล้านบาท ภาวะซื้อมากเกินจะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,150 จุด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่าง (Gap) ที่ 1,272 – 1,364 จุด และมีแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement (1852/969 จุด) อยู่ที่ 1,306 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Harami ขาขึ้นในเขตซื้อมากเกิน ภาวะซื้อมากเกินจะกระตุ้นแรงขายออกมาเป็นระยะ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสพักตัวลงเข้าหาแนวรับของช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด
ระยะสั้นจึงควรระวังดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ เพราะจะเป็นสัญญาณที่ดัชนีตลาดพักตัวลงปิดช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,153 – 1,083 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก ในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,267 – 1,281 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,237 – 1,222 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นรายตัว (เพิ่มพอร์ตการลงทุนเป็น 20 เปอร์เซ็นต์) เมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,083 จุด
SET ไอเดียในการเทรด
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงติดลบ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ (20/4) ปรับตัวลดลง ดาวโจนส์รูดลง 592 จุด ตลาดได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าทรุดตัวลงติดลบ
ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับผลดีจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ชะลอตัว จนนำไปสู่การเปิดภาคธุรกิจ ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นปิดที่ 1,266.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท ภาวะซื้อมากเกินจะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขาย ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 9
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่าง (Gap) ที่ 1,272 – 1,364 จุด และมีแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement (1852/969 จุด) อยู่ที่ 1,306 จุด ภาวะซื้อมากเกินจะกระตุ้นแรงขายออกมาเป็นระยะ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสพักตัวลงเข้าหาแนวรับของช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด
ระยะสั้นจึงควรระวังดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ เพราะจะเป็นสัญญาณที่ดัชนีตลาดพักตัวลงปิดช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,153 – 1,083 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก ในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,281 – 1,299 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,251 – 1,236 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นรายตัว (เพิ่มพอร์ตการลงทุนเป็น 20 เปอร์เซ็นต์) เมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,083 จุด
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ยิ่งสูงยิ่งหนาว
แรงซื้อที่กลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,239.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.89 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นเริ่มเป็นลบในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติขายสุทธิออกมาเล็กน้อย
ความหวังในยาและวัคซีนป้องโควิด-19 กระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุนย่านวอลล์สตรีท ที่จะเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 704 จุด ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวผันผวนและมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,267 จุด หลังดัชนีอ่อนตัวลงปิดช่องว่าง (Filling the gap) ที่ 1,184 – 1,150 จุด และมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement (1267/969 จุด) อยู่ที่ 1,153 จุด สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นลบ จะกระตุ้นแรงขายระยะสั้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,150 จุด
ระยะสั้นจึงควรระวังดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ เพราะจะเป็นสัญญาณที่ดัชนีตลาดพักตัวลงปิดช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,153 – 1,083 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ RSI และ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic เป็นลบ ในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,253 – 1,267 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,226 – 1,210 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นรายตัว (เพิ่มพอร์ตการลงทุนเป็น 20 เปอร์เซ็นต์) เมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,083 จุด
Target of SET (new alternation)มีความเป็นไปได้สูงว่า retrace ครั้งนี้ไม่จบแบบ shallow ดังนั้น alternation ระหว่าง w.II แดง / w.B of III แดง / w.IV แดง จะสลับกันในรูปแบบ deep/normal/shallow จึงปรับใหม่ให้เป้าไปอยู่ที่ 61.8-66.7% ประมาณ 850 ซึ่งกรณีนี้ % projection of w.c ฟ้า จะเป็น rare case คือ 361.8%...... concept is "จินตนาการย่อมมาก่อนข้อมูลแม้ว่าการจินตนาการนั้นมาจากข้อมูลทั้งหมดที่เรารับรู้ นั่นคือ การตั้งคำถามสำคัญกว่าการหาคำตอบ และหากจินตนาการผิดทิศทางซึ่งรับรู้ด้วยผลลัพธ์ นั่นคือ การจินตนาการใหม่ซ้ำ โดยแท้จริงแล้วธรรมชาติทุกสรรพสิ่งย่อมมีวงจรและรูปแบบของมันศาสดาคือผู้ค้นพบและหาทางออก เราผู้ซึ่งเพียงแต่พบบางเสี้ยวส่วนและยังต้องหาต่อไปตราบเท่าที่ต้องอยู่กับสิ่งนั้น"
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ผลประกอบการ 1Q63
การปรับลดเครดิตพินิจของประเทศไทย กดดันให้เกิดแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,200.15 จุด ลดลง 35.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,150 จุด ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มทยอยประกาศ จะส่งผลลบในด้านจิตวิทยา
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดี (16/4) ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังทรัมป์ส่งสัญญาณเดินเครื่องภาคธุรกิจ สวนทางกับยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ หลังดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวต้าน และมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement (1267/969 จุด) อยู่ที่ 1,153 จุด สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นลบ จะกระตุ้นแรงขายระยะสั้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,150 จุด
ระยะสั้นจึงควรระวังดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ เพราะจะเป็นสัญญาณที่ดัชนีตลาดพักตัวลงปิดช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,153 – 1,083 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,150 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,217 – 1,236 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ – จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นรายตัว (เพิ่มพอร์ตการลงทุนเป็น 20 เปอร์เซ็นต์) เมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,083 จุด
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ระวังผลกระทบจากผลประกอบการ
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขาย หลังสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “S&P” ปรับลดมุมมองเศรษฐกิจไทยจาก “บวก” เป็น “เสถียรภาพ” ดัชนีตลาดปิดที่ 1,236.10 จุด ลดลง 20.25 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท ภาวะซื้อมากเกินจะทำให้ดัชนีตลาดเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพุธ (15/4) ปรับตัวลดลง ดาวโจนส์รูดลง 445 จุด หลังยอดค้าปลีกรูดลงและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่ำกว่าเป้า ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-15
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลง หลังดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่าง (Gap) ที่ 1,272 จุด มีแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement (1852/969 จุด) ที่ 1,306 จุด และมีแนวต้านทางจิตวิทยาอยู่ที่ 1,300 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านร่วม แท่งเทียนเกิดเป็น Star ในเขตซื้อมากเกิน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ระยะสั้นจึงควรระวังดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ เพราะจะเป็นสัญญาณที่ดัชนีตลาดพักตัวลงปิดช่องว่างที่ 1,184 – 1,150 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,253 – 1,267 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,220 – 1,207 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะทยอยเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 940 จุด+/- และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ภาวะซื้อมากเกิน
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,256.35 จุด เพิ่มขึ้น 19.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.6 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติเดินหน้าขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคาร (14/4) ปิดตลาดในแดนบวก Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขี้นเกือบ 4% นักลงทุนมองว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น (แต่จากรายงานพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่สหรัฐเพิ่มขึ้น 24,215 ราย และยอดผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมง 2,284 ราย) สวนทางกับมุมมองของนักลงทุน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่าง (Gap) ที่ 1,272 จุด มีแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement (1852/969 จุด) ที่ 1,306 จุด และมีแนวต้านทางจิตวิทยาอยู่ที่ 1,300 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านร่วม แท่งเทียนเกิดเป็น Star ในเขตซื้อมากเกิน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ระยะสั้นจึงควรระวังดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ เพราะจะเป็นสัญญาณที่ดัชนีตลาดพักตัวตามมา
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,272 – 1,285 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,241 – 1,228 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะทยอยเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 940 จุด+/- และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
แรงขายจากภาวะซื้อมากเกิน
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,228.03 จุด เพิ่มขึ้น 17.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.37 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นลบในเขตซื้อมากเกิน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ตลาดยังมีความเสี่ยงที่พักตัวลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่าง (Gap) ที่ 1,184 – 1,249 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านร่วม ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,243 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Shooting Star ในเขตซื้อมากเกิน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,184 จุด
ภาวะซื้อมากเกินและตามหลักการของ Granville ดัชนีตลาดจะพักตัวเมื่อปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้น MMA2
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ RSI และ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic เป็นลบในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,243 – 1,255 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,210 – 1,192 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะทยอยเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 940 จุด+/- และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
Shooting Star
แรงขายที่มีในช่วงบ่ายฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าลงมาปิดที่ 1,210.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.36 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นลบในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติกลับมาขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดี (9/4) ปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับเฟดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สรอ. ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และตัวเลขการว่างงานที่พุ่งขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของช่องว่าง (Gap) ที่ 1,184 – 1,249 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านร่วม ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,243 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Shooting Star ในเขตซื้อมากเกิน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีโอกาสพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,184 จุด
ตามหลักการของ Granville ดัชนีตลาดจะพักตัวเมื่อปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้น MMA2
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ RSI และ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic เป็นลบในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,226 – 1,243 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,195 – 1,180 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะทยอยเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 940 จุด+/- และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ระยะสั้นซื้อมากเกิน
แรงขายทำกำไรระยะสั้นที่มีออกมา ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยพักตัวลงปิดที่ 1,205.77 จุด ลดลง 9.18 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.3 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวกและเข้าเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติกลับมาขายสุทธิเกือบ 8 พันล้านบาท
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ (8/4) ปรับเพิ่มขึ้น 779 จุด ขานรับข่าวเบอร์นี แซนเดอร์ส ถอนตัวจากการแข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงประธานาธิบดี และมองว่าการระบาดเชื้อโควิด-19 จะดีขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆเหนือแนวรับกรอบล่างของช่องว่างที่ 1,184 จุด (ช่องว่างขาลงอยู่ที่ 1,184 – 1,249) และปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลง
ตามหลักการของ Granville ดัชนีตลาดจะพักตัวเมื่อปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้น MMA2
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก สัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,220 – 1,238 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,183 – 1,162 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะทยอยเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 940 จุด+/- และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)
SET Index - Outperform EEM ในที่สุด
จากกราฟ relative strength ข้างล่าง จะเห็นว่า SET ได้ยืนเหนือ trend line ของ SET/EEM ได้แล้ว และหากย้อนไปดูในอดีต ทุกครั้งที่เบรกแนวต้าน SET/EEM ได้ SET จะทำการ rally
เมื่อดูกราฟของ SET เอง พบว่ากราฟเดือนอยู่เหนือแนว .50 fib แล้ว ซึ่งมีโอกาสกลับตัว
เราคง sideway แถวนี้ให้เศรษฐกิจฟื้นตัวสักพักก่อนขึ้นไปจบที่ 2600-2700
หลายคนบอกว่าจะมี 7-800 แต่เพื่อความไม่ประมาท ควรสะสม position ไว้ตั้งแต่ตอนนี้เผื่อว่าจะจบแล้ว
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ระยะสั้นมีโอกาสพักตัว
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคาร (7/4) แกว่งตัวผันผวนเนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้น 900 จุดในช่วงเช้า ปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 26 จุด
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นปิดที่ 1,214.95 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 76.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.87 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวกในเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในรอบ 6 วัน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวทะลุผ่านแนวต้านกรอบล่างของช่องว่างที่ 1,184 จุด ขึ้นทดสอบแนวต้านของเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลง หลังจากดัชนีตลาดแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมรูป Ascending Triangle ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,306 จุด
ตามหลักการของ Granville ดัชนีตลาดจะพักตัวเมื่อปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้น MMA2
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 969 จุด จากที่ได้วิเคราะห์ไว้คลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) ที่ 942 จุด ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เมื่อนำจุดสูงที่ 1,852 จุด กับจุดต่ำที่ 969 จุด มาวิเคราะห์แนวต้านจะได้ ดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,306 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,410 จุด และ
61.8% Fibonacci Retracement = 1,515 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก สัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,238 – 1,255 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,199 – 1,183 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะทยอยเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 940 จุด+/- และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ดาวโจนส์ชี้นำในทางบวก
ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นปิดที่ 1,138.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.97 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวกและเริ่มปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ (6/4) ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,627 จุด นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อเพื่อดักข่าวดี หลังยอดการติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณชะลอตัว
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งแคบๆและปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของสามเหลี่ยม Ascending Triangle ที่มีแนวต้านอยู่ที่ 1,130 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,138 จุด ดัชนีตลาดมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,184 จุด เส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,197 จุด การเกิดสัญญาณ Convergence ของสัญญาณ MACD Histogram แสดงว่าดัชนีตลาดยังมีทิศทางปรับตัวลงหรือปรับฐาน
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีแนวโน้มจบคลื่น I,(5),5) ที่ 1,852 จุด ดัชนีมีทิศทางปรับตัวลดลงเป็นคลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 942 จุด ซึ่งเป็นแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) และมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 843 จุด
เมื่อนำจุดต่ำที่ 380 จุด กับจุดสูงที่ 1,852 จุด มาวิเคราะห์แนวรับ จะได้แนวรับดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,290 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,116 จุด
61.8% Fibonacci Retracement = 942 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก สัญญาณ Modified Stochastic ปรับตัวเข้าเขตซื้อมากเกิน จะทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นเผชิญแรงขายออกมาเป็นระยะ
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,161 – 1,184 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,120 – 1,100 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
หาจังหวะทยอยเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 940 จุด+/- และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ราคาน้ำมันหนุนตลาดทุน
แรงซื้อที่กลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มปตท. หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,138.27 จุด เพิ่มขึ้น 32.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ทำให้ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้น MMA2 ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดี (2/4) ตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ดาวโจนส์บวก 469 จุด หลังทรัมป์เข้าเป็นตัวกลางยุติสงครามราคาน้ำมันดิบระหว่างซาอุดิอาระเบียกับรัสเซีย
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งแคบๆและเคลื่อนตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมรูป Ascending Triangle ที่มีแนวต้านอยู่ที่ 1,130 จุด ดัชนีตลาดทะลุผ่านแนวต้านขึ้นมาปิดที่ 1,138 จุด และมีทิศทางปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,184 จุด เส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,203 จุด การเกิดสัญญาณ Convergence ของสัญญาณ MACD Histogram แสดงว่าดัชนีตลาดยังมีทิศทางปรับตัวลงหรือปรับฐาน
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดมีแนวโน้มจบคลื่น I,(5),5) ที่ 1,852 จุด ดัชนีมีทิศทางปรับตัวลดลงเป็นคลื่น II,E มีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 942 จุด ซึ่งเป็นแนวรับ 61.8% Fibonacci Retracement (คำนวณระหว่าง 380 จุดกับ 1,852 จุด) และมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 843 จุด
เมื่อนำจุดต่ำที่ 380 จุด กับจุดสูงที่ 1,852 จุด มาวิเคราะห์แนวรับ จะได้แนวรับดังนี้
38.0% Fibonacci Retracement = 1,290 จุด
50.0% Fibonacci Retracement = 1,116 จุด
61.8% Fibonacci Retracement = 942 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก ดัชนีตลาดอยู่ในช่วงปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,161 – 1,184 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,120 – 1,100 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ได้แนะนำให้ล้างพอร์ตการลงทุน จะกลับเข้าซื้อเมื่อสัญญาณ RSI และ MACD Histogram เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงถึงช่วงปลายตลาดขาลง
คำแนะนำ
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายวัน ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI จากกราฟรายวัน เพื่อการลงทุนระยะสั้น
- ในกรณีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อ (ทยอย) โดยพิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ควรดูพิจารณาสัญญาณ Bullish Divergence ของ MACD Histogram จากกราฟรายสัปดาห์ เพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว
- ในกรณีที่ตลาดเป็น Bear Market มากๆ การเกิดสัญญาณ Bullish Divergence อาจเกิดถึง 3 ยอด (โดยทั่วไปในภาวะที่ตามปกติ สัญญาณ Bullish Divergence ส่วนใหญ่จะเป็นสองยอด)