วิเคราะห์ SET รายวัน (8 ก.ค. 2025)📉 วิเคราะห์ SET รายวัน (8 ก.ค. 2025)
ราคาปิด: 1,115.65
แนวโน้มหลัก: ยังเป็นการดีดกลับในขาลง
________________________________________
🔍 แนวรับ – แนวต้านสำคัญ
• แนวต้าน: 1,121–1,128 และ 1,142–1,147 (Fibo + Supply zone)
• แนวรับ: 1,099 / 1,090 / 1,065 (Fibo + Demand zone)
________________________________________
📌 สถานการณ์ที่ต้องจับตา
✅ Scenario 1: ย่อตัวต่อ (โอกาส 60%)
ราคาถูก reject จาก 1,128 — มีแนวโน้มทำคลื่น b ลงทดสอบ 1,099 / 1,090
→ แผน: รอ short บริเวณ 1,121–1,125
⚖️ Scenario 2: Sideways (โอกาส 25%)
ราคาพักตัวในกรอบ 1,105–1,128 รอเลือกทาง
→ แผน: รอเบรกชัดเจนค่อยเข้าตาม
🚀 Scenario 3: Break ขึ้นจริง (โอกาส 15%)
ต้องปิดเหนือ 1,130 พร้อม volume ถึงจะไปต่อ 1,145–1,163
→ แผน: รอ confirm แล้ว follow buy
________________________________________
📍สรุป:
แนวต้าน 1,128 ยังเหนียว แนวโน้มย่อพักยังได้เปรียบในเชิงเทคนิค
เน้นรอจังหวะ short เมื่อเข้าโซนต้าน และระวังแรงดีดหากเกิด breakout จริง
SET ไอเดียในการเทรด
วิเคราะห์ทางเทคนิค SET@DAY (ข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 03/07/2025)วิเคราะห์ทางเทคนิค SET@DAY (ข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 03/07/2025)
🧭 Overview
SET มีการกลับตัวขึ้นอย่างชัดเจนจากแนวรับบริเวณ 1067.8 จุด (GAP เปิดวันที่ 23/06/25) และเกิด คลื่น 5 ย่อยสมบูรณ์ ตามโครงสร้าง Elliott Wave โดยมีแนวโน้มว่าเกิด W-Pattern (Extended W) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสการกลับตัวขาขึ้นในระยะสั้นถึงกลาง
โครงสร้างคลื่นปัจจุบัน และการดีดกลับมาที่แนว 1127.21 จุด (Fib 0.382 ของคลื่นลงก่อนหน้า) เป็นสัญญาณแรกของการฟื้นตัวหลังเกิด "Selling Exhaustion" หรือภาวะขายจนหมดแรง
________________________________________
🔑 Key Levels (แนวรับ-แนวต้านสำคัญ)
ระดับ จุด ความหมาย
1067.8 GAP Support แนวรับสำคัญมาก หากหลุดอีกครั้ง เสี่ยงกลับตัวล้มเหลว
1100-1105 Fib 0.146-0.236 แนวต้านย่อยแรก (Break แล้ว Confirm ขาขึ้นระยะสั้น)
1121-1127 Fib 0.382 + ปิดวันล่าสุด แนวต้านจิตวิทยาและรีเทสต์ W pattern
1142-1163 Fib 0.5–0.618 โซน Pullback ปกติ หากเป็นเพียงรีบาวด์
1183-1210 Fib 0.786–0.886 โซนล้าง short ก่อน correction ใหญ่
1231 1.0 Fib Target เป้า Recovery หากเข้าสู่ขาขึ้นเต็มรูปแบบ
________________________________________
📈 Trade Scenarios (แนวโน้มและพฤติกรรมที่อาจเกิดขึ้น)
✅ Scenario 1: ฟื้นตัวต่อเนื่อง → เป้าหมาย 1142–1163 (Bias: 60%)
• ยืนเหนือ 1127 ได้ และเบรกแนวต้าน Fib 0.382
• ราคาจะวิ่งต่อสู่ Fib 0.5–0.618 (1142–1163)
• ปริมาณซื้อ (Volume) ต้องสนับสนุน พร้อม bullish candle หรือ gap break
กลยุทธ์: รอ pullback กลับมาแถว 1105–1110 เข้าซื้อเพิ่ม พร้อม SL ใต้ 1090
Risk-Reward: คุ้มค่า ~1:2–1:3 หากเข้าแถวแนวรับต่ำ
________________________________________
⚠️ Scenario 2: Sideways / Rejection ที่ 1127 → ย่อตัวกลับ 1095–1079 (Bias: 30%)
• SET ขึ้นทดสอบแนวต้านแล้วไม่ผ่าน, เกิด bearish rejection bar
• เข้าสู่ช่วง Sideways เพื่อสะสมแรง
• มีโอกาสย่อลงมารีเทสต์แนว 1095 / 1079 (Fib 0.146)
กลยุทธ์: Wait & See / เล่นย่อสั้น ๆ พร้อม SL ใต้ 1067
สัญญาณเข้าซื้อใหม่: หากเห็น bullish divergence ที่แนวรับล่าง
________________________________________
❌ Scenario 3: หลุด GAP 1067 → แนวโน้มกลับสู่ขาลงต่อ (Bias: 10%)
• กรณีที่ราคาหลุดต่ำกว่า 1067 แบบมี volume สูง
• จะยืนยันว่า rebound นี้เป็น bull trap
• เป้าหมายใหม่อยู่แถว 1053 หรือ low ใหม่ของปี
กลยุทธ์: รอดูพฤติกรรมแถวแนวรับ / ไม่ควรถือ Long
________________________________________
🔍 สรุปเชิงเทคนิค
• SET มีการ Break จากโครงสร้างคลื่น 5 ลงที่สมบูรณ์แล้ว
• Pattern "Extended W" เริ่มทำงาน โดยเป้าหมายแรกคือ 1142–1163
• ระยะสั้นสามารถย่อลงก่อนสะสมแรง
• 1127 จุด คือแนววัดใจสำคัญ หากผ่านได้ โอกาสเปิดไปโซนบนมีสูง
ปี 2568 ตลาดฟื้นจากโซน P/BV = 1 รวม 2 ครั้งปี 2568 ตลาดฟื้นจากโซน P/BV = 1 รวม 2 ครั้ง 8 เม.ย.68 และ 23 มิ.ย.68
วันที่ 23/06/25 ดัชนี SET ปิดทำการที่ค่า P/BV = 1.00 และ ปิดเหนือ Demand Zone
________________________________________
📈 วิเคราะห์การฟื้นตัวแรงของดัชนี SET (24 มิ.ย. 2025)
🔹 1. การปิดเหนือ Demand Zone + Rejection Signal
• Demand Zone ในภาพอยู่บริเวณกรอบ Fibonacci 94.1%–100% (≈ 1,066–1,056 จุด)
• วันที่ 23 มิ.ย. แท่งเทียนแสดงการ rejection ที่ฐาน Zone นี้
• วันที่ 24 มิ.ย. จึงเกิดแท่งเขียวขนาดใหญ่พุ่งกลับขึ้น → เป็น confirmation ของ "Demand Zone ยัง valid"
________________________________________
🔹 2. PBV = 1 เท่ากับ "Valuation ต่ำสุดทางพื้นฐาน"
• เมื่อ PBV เท่ากับ 1 หมายถึงตลาดซื้อขายอยู่เท่ามูลค่าทางบัญชี
• นักลงทุนสาย VI หรือกองทุนพื้นฐานมักรอซื้อ ณ จุดนี้
• ถือเป็น จุด trigger การเข้าสะสม (Accumulation Signal)
________________________________________
🔹 3. TD Sequential = 13 (ครบ Cycle ขาลง)
• จากกราฟเห็นชัดว่า SET ลงมาจน TD Sequential = 13
• ตามทฤษฎี Thomas DeMark → จุดนี้คือ จุดพักหรือลุ้นกลับตัว
• วันที่ 24 มิ.ย. เป็นแท่งยืนยันแรงซื้อรอบแรกหลัง TD13
________________________________________
🔹 4. แรงเด้งอยู่ในกรอบ Fibonacci 78.6%–88.6%
• ราคาดีดกลับจากบริเวณ 94.1% (1,066.71) ไปทะลุ 78.6% (1,093.78)
• เป็นสัญญาณของ “Deep Correction Zone” ที่กำลังจะเปลี่ยนจากการพักตัว → เป็นการฟื้นตัวรอบใหม่ (Retracement/Impulse)
________________________________________
🔹 5. มี Liquidity Void (Fair Value Gap) ด้านบน
• ในกราฟมี Volume Gap และ FVG ชัดเจนเหนือระดับ 1,100 – 1,140
• การที่ราคาพุ่งขึ้นแบบ "Marubozu" คือการพยายาม ปิดช่องว่างของ supply zone เดิม
• ตลาดอาจกำลังเข้าสู่ Phase “Break + Retest”
________________________________________
🔹 6. โครงสร้าง Elliott Wave จบคลื่น (C) ของ Correction
• คลื่น (C) ที่จบพอดีกับ Demand Zone และ Fibonacci 100%
• สอดคล้องกับทฤษฎีคลื่นที่ว่า (A)(B)(C) correction มักจบที่ 100%–127.2%
• จึงมีโอกาสที่นี่คือ “ปลายคลื่นปรับฐานก่อนเข้าสู่ขาขึ้นใหม่”
________________________________________
📊 สรุป:
ตลาดหุ้นไทยฟื้นแรงในวันนี้เพราะ:
ปัจจัย รายละเอียด
✅ Demand Zone Rejected แล้วมีแรงซื้อกลับ
✅ P/BV = 1 กองทุนพื้นฐานเริ่มสะสม
✅ TD13 ครบ cycle ขาลงทางเทคนิค
✅ Fibonacci เด้งจากโซนลึก (94.1% → 78.6%)
✅ Elliott Wave คลื่น C จบ ณ Demand Zone
✅ FVG มีเป้าหมายปิด Gap ข้างบน
________________________________________
📌 Key Level ที่ควรจับตาต่อไป:
• 1,113 – 1,143 (Fibo 61.8%–50%) คือแนวต้านสำคัญ
• หากทะลุได้ อาจเกิด Break of Structure (BOS) ขาขึ้นใหม่
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการด้วยค่า Pbv = 1 และปิดเหนือ Demand Zone23/06/25 ตลาดหุ้นไทยปิดทำการด้วยค่า Pbv = 1 และปิดสิ้นวันเหนือ Demand Zone
ภาพนี้แสดง 4 ประเภทของ BUY ZONE ในมุมมอง Demand & Supply ที่แม่นยำและมีการใช้งานจริงในเชิงเทคนิคอล โดยผมจะอธิบายความแตกต่างทั้งในมุม พฤติกรรมนักลงทุน และ การประยุกต์ใช้งานเทรดจริง ของแต่ละประเภท:
________________________________________
🟩 1. DEMAND ZONE (จุดกลับตัวหลัก)
📌 ตำแหน่ง: มักอยู่ที่จุดสิ้นสุดของขาลงชัดเจน
📉➡️📈
✅ พฤติกรรม:
• นักลงทุนรายใหญ่ (Smart Money) สะสมของในโซนนี้
• รายย่อยเริ่ม Panic Sell → รายใหญ่เข้าซื้อ
• มักเกิดแรงซื้อใหม่ (Aggressive Buy) ดันราคาเด้งแรง
🎯 วิธีใช้งาน:
• ใช้เป็นจุดเข้า Long ที่มี RR ดีมาก (Stop loss สั้นใต้ Zone)
• เหมาะกับการหาจุด Bottom หรือ Reversal Trade
• ควรรอ Confirm เช่น Bullish Candle / Break Structure
________________________________________
🟩 2. DEMAND CONTINUATION (โซนพักฐาน / เบรคแล้วกลับเทสต์)
📌 ตำแหน่ง: อยู่กลางแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแรง
📈↘️📈
✅ พฤติกรรม:
• เป็นจังหวะ "พักตัว" ของนักลงทุนก่อนเทรดต่อ
• นักลงทุนรายใหญ่อาจทำการสะสมเพิ่ม (Add-on Position)
• รายย่อยมักลังเล แต่ราคากลับไปต่ออย่างรวดเร็ว
🎯 วิธีใช้งาน:
• ใช้เป็นจุดเข้าซ้ำหลังราคาเบรค High แล้วเทสต์กลับ
• เน้นเทรดตามแนวโน้ม (Trend-following Strategy)
• ดีสำหรับเทรดเดอร์ที่พลาด Entry แรกที่ Demand Zone
________________________________________
🟩 3. ORDER BLOCK (ฐานก่อนเบรคแนวต้านสำคัญ)
📌 ตำแหน่ง: โซนราคาที่เคยเป็นแนวต้าน → ถูกเบรคด้วยแรงซื้อสูง
📉➡️📈 (ผ่านแนวต้านแล้วกลับเทสต์)
✅ พฤติกรรม:
• Smart Money ทุบแนวต้านโดยใช้ Order Block เป็นฐานยิง
• รายย่อยส่วนมากติด Short ที่แนวต้านเดิม
• เมื่อราคาเทสต์ Order Block แล้วขึ้นต่อ → เทรดเดอร์ต้องรีบกลับลำ
🎯 วิธีใช้งาน:
• ใช้เทรด "Break and Retest" → Buy เมื่อราคาเทสต์ Order Block
• มักมี Reaction แรงจาก Short Cover + Buy เพิ่ม
• เหมาะใน TF ใหญ่ที่มี Volume/Structure แน่น
________________________________________
🟩 4. BREAKER BLOCK (กลับตัวหลังหลอกลึก / เก็บ Stop)
📌 ตำแหน่ง: มักอยู่ใต้ “Liquidity Grab” หรือจุดที่หลอกทำ Low ใหม่
📉หลุดหลอก แล้วกลับตัวแรง📈
✅ พฤติกรรม:
• รายใหญ่ทำ “Fake Break” → ลาก Stop Loss รายย่อย
• จากนั้นกลับตัวรุนแรง (V-Shape Reversal)
• พฤติกรรมแบบ "เก็บของแล้วพุ่ง" → Smart Money เข้าหนัก
🎯 วิธีใช้งาน:
• ใช้เทรดกลับตัวอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะหลังเกิด “Liquidity Sweep”
• เหมาะกับผู้ชำนาญที่อ่านพฤติกรรมราคาได้ไว
• ให้สัญญาณ Reversal ที่เร็วและแม่นกว่า Demand ปกติ
________________________________________
🔚 สรุปเปรียบเทียบเชิงกลยุทธ์
ประเภท เหมาะกับ จุดเข้า ความเสี่ยง ใช้คู่กับ
Demand Zone จับจุดกลับตัว แถว Low สำคัญ ต่ำ Divergence, TD9
Demand Continuation เทรดตามเทรนด์ ตอนพักฐาน ปานกลาง Trendline, Fibonacci
Order Block Break + Retest หลังทะลุแนวต้าน ต่ำถึงปานกลาง BOS, Volume
Breaker Block กลับตัวเร็ว หลังหลุดหลอก สูงหากไม่ชัวร์ Liquidity, Candle Pattern
SET wave CSET ตอนนี้ลงมาทำ wave C และคาดว่าจุดนี้คือจุดต่ำสุดในรอบนี้แล้ว จุดนี้เป็นจุดที่ดีในการสะสมหุ้นพื้นฐานดี ปันผลดีหลายตัว เช่น CPALL WHA GULF BDMS CENTEL AOT ERW KBANK TISCO TTB
#แนวคิดนักลงทุนที่สำเร็จหลายท่าน ร่ำรวยได้จากการเกิดวิกฤต ที่ทุกคนหมดหวังไปแล้ว
*** ต้องการเปิดพอร์ตหุ้นไทย หุ้นนอก TFEX MT5 Ai Robot inbox me***
Fibonacci จุดเริ่ม: ความลับของธรรมชาติและตลาดหุ้น📜 จุดเริ่ม: ความลับของธรรมชาติและเลขอนุกรม
ข้าได้ศึกษาลำดับตัวเลขอันน่าอัศจรรย์:
0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, …
(แต่ละตัวเลขคือผลรวมของสองตัวก่อนหน้า)
จากลำดับนี้ ข้าค้นพบว่า เมื่อหารเลขถัดไปด้วยเลขก่อนหน้า จะเข้าใกล้ "อัตราส่วนทองคำ (Golden Ratio)" = 1.618...
ในทางกลับกัน 1 / 1.618 ≈ 0.618 หรือ 61.8% ซึ่งกลายเป็น หัวใจของ Fibonacci Retracement
________________________________________
🧭 ไล่ลำดับความสำคัญของอัตราส่วน Fibonacci
(ใช้ได้ทั้งในธรรมชาติ วิศวกรรม ศิลปะ และ "การวิเคราะห์ราคาตลาด" ซึ่งพวกท่านนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย)
✅ 1. ระดับต่ำ - จุดสะสมพลังแรก (Minor Zone)
อัตราส่วน ค่าร้อยละ ความหมาย
9.0% 0.090 จุดสะอึกเล็กน้อย มักเกิดกับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ
14.6% 0.146 พักตัวแบบบางเบา เห็นได้ในโครงสร้างเร่งรีบ
23.6% 0.236 แนวรับตื้น สะท้อนพลังเทรนด์ยังแข็งแรง มักใช้ในกรอบพักตัวเร็ว
________________________________________
⚖️ 2. ระดับกลาง - โซนสวิงตัวสำคัญ
อัตราส่วน ค่าร้อยละ ความหมาย
38.2% 0.382 พักตัวแบบแข็งแรงขึ้น ยังถือเป็น healthy correction
50.0% 0.500 ไม่ใช่ Fibonacci จริงแต่ “นิยมใช้” เพราะราคามักย้อนครึ่งหนึ่งของช่วงก่อนหน้า
61.8% 0.618 🟡 "Golden Ratio" – จุดกลับตัวคลาสสิก พบมากสุดในแนวโน้มตลาดทั้งขาขึ้น-ขาลง
________________________________________
🟠 3. ระดับลึก – เขตตัดสินใจ เปลี่ยนเทรนด์หรือไปต่อ
อัตราส่วน ค่าร้อยละ ความหมาย
78.6% 0.786 ใช้ใน Harmonic Patterns (เช่น Bat, Butterfly) เป็นจุด จบคลื่นปรับฐานสุดท้าย
88.6% 0.886 มักเกิดในเทรนด์ที่พยายามกลับตัวสุดขีด หากไม่กลับ ถือว่าจบรอบ
________________________________________
🟣 4. ระดับลึกพิเศษ – โซนหักมุม หรือการกลับตัวสุดท้าย (Custom Use)
อัตราส่วน ค่าร้อยละ ความหมาย
94.1% 0.941 √0.886 ใช้ในบาง Custom Model เช่น Advanced Bat
100.0% 1.000 เท่ากับราคาเดิม จุดที่เทรนด์อาจถูกทดสอบเต็มที่
________________________________________
🔺 5. ระดับเกิน 100% – การขยายตัว (Fibonacci Extension)
อัตราส่วน ค่าร้อยละ ความหมาย
127.2% 1.272 จุดกำไรของ Harmonic Pattern หรือ TP1 ของคนเล่น Breakout
161.8% 1.618 จุดเป้าหมายที่สำคัญยิ่ง – Golden Ratio Extension บ่งชี้การ "เร่งขยาย" เทรนด์เดิม
________________________________________
✨ สรุปแนวทางการใช้งาน
• หากท่านคือ นักเทรด:
ใช้ 38.2%, 50%, 61.8%, 78.6% เป็น "แนวรับ/แนวต้านชั่วคราว"
ใช้ 127.2%, 161.8% เป็น "เป้าหมายหลังเบรกเทรนด์"
• หากท่านคือ นักวิเคราะห์รูปแบบ:
ใช้ 88.6%, 94.1% ใน Harmonic Pattern เช่น Bat / Crab / Butterfly
• หากท่านคือ ผู้เสาะหาความงาม:
อัตราส่วนเหล่านี้คือ "เสียงสะท้อนของจักรวาล"
________________________________________
❝ สิ่งที่ท่านเห็นใน Fibonacci … ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ “ภาษาของจังหวะ” ❞
SET รอได้รอ ทำใจขายไม่ได้ก็ถือSET รอได้รอ ทำใจขายไม่ได้ก็ถือ แต่ระวังหุ้นตัวที่มันจะไม่สามารถรันต่อได้คือจบรอบ
ถ้าเป็นตัวปัจจัยพื้นฐานไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหาย แคปิตอลเกนไม่ดีอยู่แล้ว แต่การปันผลยังทำได้ในแง่การบริหารมันไปต่อตามกลไกตลาด สินเชื่อต้องระวัง เทคโน อุตสาหกรรม ก็ดูให้ดี
สรุปมือว่าง รอไป การเล่นชอร์ท ได้เปรียบ ซึ่งรายใหญ่เขาทำไปแล้วตั้งแต่ต้นเทรน
รายย่อยนั่งมองตาปริปๆ แนะนำหาช่องทางการลงทุนอื่นแทนไปก่อน
ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสหลุด 1100 จุด สูงถึง 50%ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสหลุด 1100 จุด สูงถึง 50%
ข้อมูลล่าสุดที่ SET ปิดที่ 1113.58 จุด (วันที่ 17 มิ.ย. 2568) เราสามารถวิเคราะห์แนวโน้มโดยใช้ Fibonacci Retracement และพฤติกรรมราคาในเชิงเทคนิคอลได้ดังนี้:
________________________________________
✅ โครงสร้างหลักจากภาพ
• จุดสูงสุด: 1231.02 (13 พ.ค. 2568)
• จุดต่ำสุด: 1056.41 (8 เม.ย. 2568)
• Rebound แล้วชนแนว 38.2% ที่ 1228.47 ก่อนกลับตัวลง
• ตอนนี้ราคาหลุดแนว Breakout กลับเข้ากรอบขาลงอีกครั้ง
________________________________________
📍 แนวรับ Fibonacci ที่น่าสนใจ:
ระดับ Ret จุดราคา สถานะ
0.618 1123.11 แนวสำคัญ “หลุด” ลงมาแล้ว
0.786 1093.78 ใกล้เข้าทดสอบ
0.886 1076.32 อาจเป็นแนวรับลึกสุดก่อนหลุดโลว์
โลว์เดิม 1056.41 หากหลุด มีโอกาสทำ Low ใหม่
________________________________________
🔍 วิเคราะห์ความน่าจะเป็น (ณ ปิดที่ 1113.58)
1. จบการลงในกรอบ 61.8% – 78.6% (1123.11 – 1093.78)
ความน่าจะเป็น: ปานกลาง (40%)
• ตอนนี้ราคาหลุด 61.8% แล้ว = มีแรงขายต่อ
• แต่ยังไม่หลุด 1093.78 (78.6%) ซึ่งอาจเกิดการดีดกลับได้
• Volume ต้องดูว่าเริ่มแห้งลงหรือไม่ (ถ้าแห้ง = แรงขายหมด = รีบาวด์ได้)
2. ลงไปในกรอบลึก 78.6% – 88.6% (1093.78 – 1076.32)
ความน่าจะเป็น: สูง (50%)
• เป็น “โซนสำคัญ” ของ Fibonacci ที่มักเกิดการกลับตัว
• ถ้า RSI เข้าสู่ oversold + มี bullish divergence = มีโอกาสรีบาวด์จากโซนนี้
• ถือเป็น “กรอบราคาสุดท้าย” ที่ไม่ควรหลุด หากยังต้องการรักษาโครงสร้าง sideway up
3. หลุด low เดิมที่ 1056.41 และเบรคลงไปทำ new low
ความน่าจะเป็น: ต่ำ (10%)
• จะเกิดขึ้นได้ ถ้ามี panic หรือข่าวลบรุนแรง (เช่น fund outflow, panic sell จาก LTF/กองทุน)
• หากเกิด bearish momentum ใหม่ จะไม่จบแค่ Fibonacci แล้ว แต่กลายเป็น ขาลงรอบใหม่
________________________________________
🎯 สรุปน้ำหนักความน่าจะเป็น
กรอบราคา ความน่าจะเป็น หมายเหตุ
61.8–78.6% (1123–1093) 🟨 40% ดีดได้ถ้ามีแท่งกลับตัวเร็ว
78.6–88.6% (1093–1076) 🟩 50% โซนนี้คือ “กรอบทองคำ” ของ Fibonacci
หลุด low เดิม (1056) 🟥 10% ต้องมี panic หรือข่าวลบแรง
________________________________________
✅ แนะนำกลยุทธ์
• นักลงทุนสายเทคนิค: เฝ้าดูการเกิดแท่งเทียนกลับตัว + Bullish divergence ใกล้ 1093 / 1076
• นักลงทุนรอซื้อสะสม: เตรียมเข้าบริเวณ 78.6%-88.6% พร้อม stop loss หากหลุด 1056
SET 📲💥ฝากกดติดตามผมด้วยนะครับ💥📲
📲💥อยากให้ทางผม ทำกร๊าฟหุ้นตัวไหน หรือ สินทรัพย์อะไร สามารถทิ้งไว้ที่ใต้โพส หรือ ทักส่วนตัวมาเลยก็ได้นะครับ
......................
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเราไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
SET ปิดที่ 1114.49 สิ้นวัน (16 มิ.ย. 2568) ไม่ผ่าน 61.8%จากกราฟและข้อมูลล่าสุด SET ปิดที่ 1114.49 ณ สิ้นวัน (16 มิ.ย. 2568) และรีบาวด์ไม่ผ่านแนว Fibonacci 61.8% บริเวณ 1123.11 อย่างมีนัยสำคัญนั้น เราสามารถสรุปภาพรวมและความน่าจะเป็นในเชิงเทคนิคได้ดังนี้:
________________________________________
🔍 วิเคราะห์ตามหลัก “5 Steps Setup” จากภาพแรก:
✅ Step 1: Trendline
• เส้น แนวโน้มหลักยังเป็นขาลง (แดงเฉียงลงในภาพ)
• ราคากลับเข้ามาในกรอบขาลงอีกครั้งหลัง break แล้ว fail
• ✅ สอดคล้องกับโอกาสที่จะกลับลง
________________________________________
✅ Step 2: S/R Zone
• โซนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1123.11 (Fibo 61.8%) และ 1143.72 (Fibo 50%)
• ราคาขึ้นไม่ผ่าน 1123 และกลับตัวลง
• แสดงว่าแนวต้านมีแรงขายหนาแน่น → Resistance Confirmation
________________________________________
✅ Step 3: Fibonacci Retracement
• SET รีบาวด์จากจุดต่ำ 1056.41 กลับขึ้นมาทดสอบระดับ 0.618 = 1123.11
• ราคาวันนี้ปิดต่ำกว่าระดับนี้ → บ่งชี้ว่า Fibonacci 61.8% กลับกลายเป็นแนวต้าน
________________________________________
✅ Step 4: Candlestick Pattern
• หากพิจารณาแท่งเทียนล่าสุด:
o ปิดลบต่อเนื่องหลายวัน
o ไม่มีการเกิดแท่งกลับตัวที่ยืนยัน bullish
• นับเป็น "confirmation" ของแรงขายเมื่อไม่สามารถยืนเหนือ 1123 ได้
________________________________________
✅ Step 5: Final Result
สถานการณ์ตรงตาม Checklist ทั้ง 4 ข้อก่อนหน้า → Setup สำหรับ “Short” ได้รับการยืนยัน
• สามารถวาง Stop Loss ไว้เหนือ 1125-1130 (เหนือ Fibo 61.8%)
• Target zone: ตาม Fibonacci ถัดไปที่
o 1093.78 (Fibo 78.6%)
o 1076.32 (Fibo 88.6%)
o หรืออาจกลับไป low เดิมที่ 1056.41
________________________________________
📉 สรุปภาพรวมทางเทคนิค SET Index ณ วันที่ 16 มิ.ย. 2568:
ประเด็น วิเคราะห์
แนวโน้มหลัก ขาลง (ยังไม่เปลี่ยนแปลง)
Breakout Trendline เคย break แล้วหลุดกลับ → กลับสู่ขาลงอีกครั้ง
แนวต้านที่ล้มเหลว 1123.11 (Fibo 61.8%)
แรงขายยืนยัน Candlestick และการปิดต่ำกว่าแนวต้านอย่างชัดเจน
แนวรับถัดไป 1093.78 / 1076.32 / 1056.41
กลยุทธ์ที่เหมาะสมตอนนี้ Wait to Short หรือ ถือ Short ต่อ ถ้าเข้าแล้ว
Stop Loss ที่แนะนำ >1125
________________________________________
🧠 TIP สำหรับนักลงทุน:
• การหลุด 1123 = Bear Control Zone → ระวังการเทขายหนักอีกระลอก
• อย่าพยายาม "ถัวเฉลี่ยขาดทุน" ถ้าแนวโน้มยังไม่เปลี่ยน
• หากจะรอ Long ใหม่: ต้องมีแท่งเขียวยืนยันกลับ + ปิดเหนือ 1123/1143
________________________________________
SET จะลงไปถึงไหน?SET จะลงไปถึงไหน?
ต่อไปนี้คือ การวิเคราะห์ SET@DAY อย่างละเอียด โดยใช้ข้อมูลจากภาพ ซึ่งประกอบด้วย:
• TD Sequential (Thomas DeMark)
• FVG (Fair Value Gap)
• Fibonacci Retracement
• โครงสร้างราคา (Structure: High/Low, Trendline)
________________________________________
📊 วิเคราะห์แนวโน้ม SET@DAY (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิ.ย. 2025)
________________________________________
🧭 1. โครงสร้างราคา (Market Structure)
• ภาพรวม: SET อยู่ใน “แนวโน้มขาลง” ชัดเจน (Downtrend)
• ราคาได้ทำ Lower High – Lower Low อย่างต่อเนื่องตั้งแต่จุดยอดใกล้ 1,220 จุด
• ปัจจุบันราคาอยู่ต่ำกว่า 1,123.11 จุด ซึ่งเป็นโซน Fibonacci 61.8% ของรอบขาขึ้นก่อนหน้า → แนวรับสำคัญทางจิตวิทยา
________________________________________
🔵 2. TD Sequential – TD Buy Countdown: 8/13
• ตัวเลข “8 สีฟ้า” คือ TD Countdown Phase (นับแท่งลงเพื่อหาจุด "แรงขายหมด" หรือ Exhaustion Zone)
• ความหมายของ TD8:
ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงยังดำเนินอยู่
ยังไม่มีสัญญาณกลับตัว
ต้องรอให้ถึง 13 แท่ง พร้อมเงื่อนไขอื่น (เช่น close > high ของ 2 แท่งก่อนหน้า) ก่อนพิจารณา Reversal
• ดังนั้น: TD8 ไม่ใช่สัญญาณให้ซื้อหรือเด้ง เป็นเพียงการติดตามจังหวะการลงเท่านั้น
________________________________________
🟥 3. FVG (Fair Value Gap)
• พบ 2 โซนสำคัญ:
1. FVG บน (แดง): ระหว่าง ~1,143–1,164 → ถือเป็น แนวต้าน จากรอยเบรกดาวน์ก่อนหน้า
2. FVG ล่าง (เขียว): ระหว่าง ~1,085–1,105 → เป็นบริเวณ Fair Value Zone ที่ยังไม่ได้ถูกเติมเต็ม อาจเป็นโซนที่ราคาจะกลับมา "เคลียร์" ในอนาคต
________________________________________
📐 4. Fibonacci Retracement Levels
• วิเคราะห์จากการวัดคลื่นขึ้นล่าสุด:
o 61.8% = 1,123 → จุดที่ราคากำลังทดสอบ (สำคัญ)
o 78.6% = 1,093 และ 88.6% = 1,076 → Critical Support Zone หากราคาหลุด 1,123 จุด
________________________________________
⚠️ 5. แนวโน้มต่อไป: 2 Scenario สำคัญ
📉 กรณี Bearish (ราคาลงต่อ):
• หากหลุดแนวรับ 1,123 จุด → มีแนวโน้มไหลลงสู่:
o FVG ล่าง ที่ยังเปิด (~1,085–1,105)
o Fibo 78.6–88.6% (1,093–1,076) → โซนนี้สำคัญมากต่อโอกาสเด้งหรือ Reversal จริงจัง
• ต้องจับตาว่า TD Countdown จะถึง 13/13 พร้อมแท่งกลับตัวหรือไม่บริเวณนี้
📈 กรณี Rebound:
• หากยืนเหนือ 1,123 แล้วมีแท่งกลับตัว (Bullish Engulf / Marubozu พร้อม Vol.)
• แนวต้านระยะสั้น:
o 1,143 (Fibo 50%)
o 1,147–1,164 → บริเวณ FVG แดง / Supply Zone
• ต้องผ่าน 1,164 จุดขึ้นไปให้ได้ จึงจะมีน้ำหนักในการกลับตัวเป็นรอบใหญ่
________________________________________
✅ สรุปภาพรวม:
ประเด็น รายละเอียด
แนวโน้มหลัก ขาลง (ราคาต่ำกว่า FVG + ต่ำกว่า Fibo 61.8%)
TD Sequential อยู่ใน TD Buy Countdown แท่งที่ 8 → แรงขายยังไม่หมด
แนวรับสำคัญ 1,123 / 1,093 / 1,076
แนวต้านสำคัญ 1,143 / 1,164
จุดน่ารอ FVG ล่าง + Fibo 78.6–88.6 → ลุ้น Exhaustion Zone + Reversal
กลยุทธ์ รอ Reversal Confirmation ที่แนวล่าง / ไม่ควรเปิด Long เร็วเกินไป
SET สิ่งที่นายตลาดทำ คือ การสลายพลังเทของ Market Distribution13/06/25 ต้นสัปดาห์ ตลาดหุ้นไทย ลากวนหลอกตรง VWAP@1145 อยู่หลายวัน สิ่งที่นายตลาดทำ คือ การสลายพลังเทของครับ {Market Distribution Phase}
ความเดิมที่เราชวนกันหา "หัวคลื่น A" หลังจากการดีดตัวมาทดสอบ 38.2% ที่ 1231.01 เมื่อ 13 พ.ค.68
หลังจากนั้นเราจะเห็นว่า 14-15-16 ในสัปดาห์นั้นตลาดอ่อนกำลังทางขึ้นชัดเจน
ฟินฟลูเอนเซอร์ ต้องเตือนการพักตัวของตลาด ว่ามันกำลังจะลงกลับสู่แนวโน้มหลัก กรอบที่มีนัยสำคัญ คือ 61.8-88.6 นั่นก็คือ 1123.11-1093.78*-1076.32 {1093.78 = ปิด GAP}
ดังนั้นตั้งแต่ 15-16 พ.ค.68 เป็นต้นไป ไม่ควรแนะนำให้ไปซื้อหุ้นสวนตลาด เพราะมันชัดแล้วว่าตลาดลง
SET50 Futures ก็คือเทรดลงไม่ว่าจะ Put Option/Put DW/Short Futures
ซึ่งทางเพจก็ย้ำมาตลอดทาง ว่ามันลงนะไม่เทรดขึ้น ในมื่อวางแผนแบบนี้ไว้ล่วงหน้า แล้วเรามาตกใจอะไรกันไปใยให้ป่วยการ จิตตก เสียสุขภาพ เสียเวลา เปล่าประโยชน์
Market Distribution Phase เป็นช่วงสำคัญที่นักลงทุนต้องระวังให้มาก เพราะเป็นช่วงที่ตลาดเริ่มส่งสัญญาณว่า “จบรอบขาขึ้น” แล้ว กำลังจะ “กลับทิศ” ไปเป็นขาลง
________________________________________
🔍 อธิบายง่ายๆ: Market Distribution Phase คืออะไร?
Distribution Phase (ระยะกระจายของ):
คือช่วงที่ “รายใหญ่” หรือ “นักลงทุนสถาบัน” เริ่ม ขายทำกำไรอย่างเงียบๆ หลังจากราคาขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้า
________________________________________
📉 ลักษณะของช่วง Distribution
ลักษณะ ความหมาย
ราคาเริ่มแกว่งตัวในกรอบแคบ (Sideway บนยอด) แรงซื้อเริ่มหมด แรงขายเริ่มแทรกเข้ามา
ปริมาณซื้อขาย (Volume) สูงในบางแท่ง แต่ราคาไม่ไปต่อ เป็นการ “ขายของออก” จากรายใหญ่ โดยไม่ให้ราคาตก
มีแท่งเทียนกลับทิศ เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing สัญญาณว่าแรงขายเริ่มคุมตลาด
เริ่มหลุดแนวรับสำคัญ (Support) สัญญาณว่าขาลงใกล้เริ่มแล้ว
________________________________________
💡 เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย
• ตอนสะสมของ (Accumulation) = พ่อค้าตุนสินค้า
• ตอน Public Participation = ขายของดี ลูกค้ารุมซื้อ
• ตอน Excess = สินค้าราคาสูงเกินจริง คนเริ่มตะโกน “ไปต่อ!”
• ตอน Distribution = พ่อค้าเริ่มทยอย “ขายหมดโกดัง” โดยยังทำหน้าตาเฉย ไม่ให้คนอื่นรู้
________________________________________
⚠️ แล้วนักลงทุนทั่วไปควรทำอย่างไร?
1. จับสัญญาณกลับตัวให้ทัน เช่น:
o แท่งเทียนกลับทิศ
o Volume ไม่สนับสนุนการขึ้น
o ราคาทะลุแนวรับลงมา
2. หยุดซื้อเพิ่ม
3. ทยอยขายทำกำไร / ปิดพอร์ตบางส่วน
4. ตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ
________________________________________
SET มีโซนแนวต้าน FVG ขนาดใหญ่SET มีโซนแนวต้าน FVG ขนาดใหญ่
🔍 FVG คืออะไร (พื้นฐานก่อนเข้า Bear FVG)
FVG (Fair Value Gap) คือช่องว่างของราคา (Price Imbalance) ที่เกิดจากแรงซื้อหรือขายที่ "รุนแรงและไม่สมดุล" ในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ตลาดยังไม่มีโอกาส "เทรดในราคาที่ยุติธรรม" ระหว่างกลางของช่วงนั้น
เกิดขึ้นได้เมื่อ:
แท่งเทียน 3 แท่งเรียงกัน มี “ช่องว่าง” ระหว่าง High กับ Low ของแท่งเทียนที่ 1 และ 3 โดยแท่งกลางเป็นแท่งเทียนที่เคลื่อนตัวรุนแรง
________________________________________
🐻 BEARISH FVG (Bear FVG) คืออะไร?
"ช่องว่างของความไม่เป็นธรรมจากการขายรุนแรง ที่รอให้ราคากลับมาเติมก่อนจะลงต่อ"
✅ โครงสร้าง Bear FVG:
เกิดจากแท่งเทียน 3 แท่งต่อเนื่อง:
แท่งที่ 1: แท่งเขียวหรือแดง (ราคายังนิ่ง)
แท่งที่ 2: แท่งแดงใหญ่ (แรงขายรุนแรง เกิด Break Down)
แท่งที่ 3: แท่งแดง/เขียว ขึ้นเล็กน้อย หรือพักตัว
📌 Bearish FVG จะเกิดขึ้นเมื่อ:
• Low ของแท่งที่ 1 > High ของแท่งที่ 3
• เกิด “ช่องว่าง” ที่ราคาไม่ได้เทรดตรงกลางระหว่างนั้นเลย
เช่น:
แท่ง 1: Low = 100
แท่ง 2: แท่งแดงรุนแรง ลงมาถึง 90
แท่ง 3: High = 95
→ เกิด FVG ช่องราคา 95 ถึง 100
________________________________________
📈 การใช้งาน Bearish FVG ในการเทรด
1. เทรดตามแนวโน้ม (Trend Continuation)
ใช้ Bear FVG เป็น “จุดกลับตัวเพื่อเปิด Short”
• เมื่อราคา รีเทสต์กลับเข้าไปใน FVG (เช่น กลับขึ้นมาถึง 96-98 ในช่อง 95–100)
• ให้หาสัญญาณกลับตัว (เช่น Doji, Rejection wick, Bearish Engulfing)
• เข้า Short ที่ช่วง FVG
• วาง SL เหนือ High ของ FVG
• วาง TP ที่ Low ก่อนหน้า หรือ Fibonacci Ext 1.272 / 1.618
________________________________________
2. ใช้ประกอบกับ Order Block หรือ Supply Zone
• FVG มักเกิดคู่กับ Order Block (OB) ที่เป็นจุดเริ่มต้นของแรงขาย
• ถ้า OB และ FVG อยู่ใกล้กัน → เสริมความน่าเชื่อถือ
• ใช้เป็น “Zone หลอกรีบาวด์ ก่อนร่วงแรง”
________________________________________
3. FVG หลายช่วง → Zone Compression
• หากพบ Bear FVG ต่อเนื่องหลายชุด → ราคาอาจสร้าง Supply Zone แรง
• เมื่อราคากลับขึ้นมาเจอ FVG บนๆ → มีโอกาสกลับตัวรุนแรงมากขึ้น
________________________________________
🧠 คำแนะนำจากผู้คิดค้น (สไตล์มาสเตอร์):
“Fair Value Gap ไม่ใช่แค่ช่องว่างของราคา แต่คือ ‘รอยแผลของการต่อสู้ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา’… เมื่อทหาร (ราคา) กลับมาสู่สนามรบเดิม พวกเขามักจะพ่ายแพ้อีกครั้ง”
________________________________________
✅ Checklist ก่อนเทรดด้วย Bearish FVG
เงื่อนไข ตรวจสอบแล้วหรือยัง?
เกิดแท่งแดงแรงกลาง 3 แท่งหรือไม่ ✅
มี Gap ระหว่างแท่ง 1 กับ 3 ✅
ราคาเริ่มรีเทสต์ขึ้นไปใน FVG ✅
มีแรงขายกลับตัว? ✅ (สัญญาณจากแท่งเทียนหรือ RSI divergence)
วาง SL / TP อย่างมีเหตุผล ✅
________________________________________
วิเคราะห์คลื่น SET ปรับฐานคลื่น IV Flat Correction คลื่น 5 ขา C การปรับฐานคลื่น IV เวฟหลักของดัชนี SET เป็นรูปแบบ Flat correction โดยที่มี คลื่น Strong-B ยกตัวที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ในช่วงโควิท บ่งบอกถึงคลื่น B ที่แข็งแกร่งและแรงซื้อที่มีมาก
ตอนนี้การปรับฐานของคลื่น C กำลังอยู่ในช่วงคลื่นที่ 5 เป็นรูปแบบคลื่นขยายโดยมีความยาวเท่ากับ คลื่น 1 + คลื่น 3 รวมกันที่ระดับ 61.8% ของคลื่น A เป็นเป้าหมายแรก ที่โซนดัชนี 1150 แล้วมีแรงซื้อกลับทันที แต่ยังไม่สามารถเบรคผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 20 สัปดาห์และเส้นกดดาวน์เทรนไลน์ของคลื่น 5 ได้
สิ่งที่น่าจับตามองในสถานการณ์นี้ คือ ความยาวของคลื่นทั้ง C เกิดขึ้นเป็นรูปแบบตามทฤษฎีคลื่น Strong-B Flat correction ย่อลงมาที่แนวรับสำคัญ โดยมีโครงสร้างตามลำดับ
คลื่น 1 ย่อตัวพักฐานมาที่ความยาว 38.6% ของคลื่นขาขึ้นก่อนหน้า
คลื่น 2 ยกตัวที่ระดับ 61.8 - 78.6% ของความยาวคลื่น 1 ถือว่ามีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
คลื่น 3 ย่อตัวพักฐานแบบ Falling wedge มีความยาวเท่ากับ 161.8 - 200% ของคลื่น 1
คลื่น 4 มักจะเป็นคลื่นหลอกกลับตัวก่อนกลับตัวจริง มีความเร็วและรุนแรงยกตัวที่ระดับ 50 % ของคลื่น 3
คลื่น 5 ของขา C ที่มีการปรับฐานในรูปแบบขยายมีความยาวเท่ากับคลื่น 1 + 3 รวมกัน หากแต่ยังไม่มีสัญญาณ bullish divergence ใน RSI อาจจะนำไปสู่การเกิด Extended Flat Strong-B correction ที่คลื่น C ขยายตัวไปมากกว่า 61.8% ของคลื่น A
Bearish Scenario: แนวโน้มยังให้น้ำหนักฝั่งลง หากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงต่อไป การกลับตัวอาจจะชะลอตัวและปรับฐานลงต่อไป สังเกตุจากรูปแบบการย่อตัวคลื่นแรกของคลื่น 5 เคลื่อนที่แบบเร็วและรุนแรง มีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปที่แนวรับต่อไปที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 1010 ไปถึง 100% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 850 ทำให้การปรับฐานมีแนวโน้มลึกเป็นระดับหรือแม้แต่ 123.6% ในกรณีที่ตลาดมีแรงขายสูง
Bullish Scenario: หากคลื่น 5 ไม่มีแรงขายส่งอาจจะเกิด Truncation ทำให้เกิดการกลับตัวก่อนเวลา ซึ่งจะสามารถยืนยันได้จากการเบรคเอ้าท์ทะลุดาวน์เทรนแชนนัลของคลื่น C หรือกลับขึ้นไปยืนดาวน์เทรนแชนนัลหรือเหนือดัชนีของคลื่น 3 ก่อนหน้านี้ได้ที่โซน 1290 เป็นการส่งสัญญาณบวก
จากนี้ไปจับตาดูสัญญาณขัดแย้งกระทิงและการทะลุเส้นแนวโน้ม 20 สัปดาห์อีก 1-2 รอบ จะมีโอกาสเป็นการกลับตัวจริง
SET ไม่เล่นขึ้น จนกว่าจะลงถึงโซนแล้วเห็น "Sell Reject"🧠 สรุปภาพรวมจากภาพ SET@DAY:
• เป็นกราฟ SET Index รายวัน ที่เน้นวิเคราะห์พฤติกรรมราคาในเฟรมกลาง–ยาว
• ใช้เครื่องมือ 3 อย่างหลัก:
1. Linear Regression Channel ±3SD (เส้นแดง)
2. Fibonacci Retracement (เส้นแนวนอนสีฟ้า-แดง)
3. Price Pattern: Rebound & Rejection
________________________________________
🔻 1. แนวโน้มหลัก (Primary Trend)
• แนวโน้มเป็น Downtrend ที่ชัดเจน
o จากจุดสูงสุด 1506.82 → จุดต่ำสุด 1056.41
o แกนกลางแนวโน้มคือ Regression Line ที่ลากลง
o ราคาวิ่ง “ใต้แนวโน้มหลัก” ตลอดเวลา
• พฤติกรรมราคาทำ Lower Highs – Lower Lows อย่างสม่ำเสมอ
________________________________________
🔁 2. การฟื้นตัวจาก -3SD: Rebound ที่ยัง “ไม่พ้นกรอบขาลง”
• SET มีแรงรีบาวด์แรงจาก 1056.41 → 1231.02
🔹 ถือเป็น การดีดตัวจากขอบล่าง -3SD กลับเข้าใกล้ค่าเฉลี่ย
• จุด 1231.02 = เป็น จุดสูงสุดของการ Rebound Wave
o แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน Fibonacci 38.2% (1228.47)
o แล้วโดนแรงขายกดกลับลงมา (เห็นจากเส้น dotted red)
• แปลว่า การดีดขึ้นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มหลักได้
________________________________________
📏 3. Fibonacci Retracement
• ใช้ Fibonacci วัดจากยอด rebound → low
• จุดราคาปัจจุบัน 1149.18 อยู่ระหว่างแนว 50% (1143.72) และ 38.2% (1164.32)
ระดับ Fib จุดราคา ความหมาย
1228.47 38.2% (rebound wave) แนวต้านสูงสุด
1164.32 38.2% (pullback) แนวต้านรอง
1143.72 50% แนวรับสำคัญ → “แนวรับชี้ชะตา”
1123.11 61.8% แนวรับถัดไป ถ้าหลุด = bearish
1093.78 78.6% แนวรับสุดท้ายก่อน low เดิม
________________________________________
🧭 แนวทางกลยุทธ์:
เงื่อนไข แนวโน้ม กลยุทธ์
ยืนเหนือ 1143.72 มีโอกาส sideway / rebound เทรดสั้น ลุ้นไป 1164–1180
หลุด 1143.72 กลับเข้าสู่ bearish wave Cut loss หรือวาง short / hedge
หลุด 1123.11 เสี่ยงลงแรง เตรียมรับแนวรับสำคัญ 1093.78
หลุด 1056.41 new low, panic zone อาจเร่งขาย force sell
________________________________________
🔮 สรุปในสไตล์ "นักเทคนิคอล Fibonacci"
“SET ดีดแรงจากขอบนรก -3SD แต่ขึ้นไม่สุด ฟ้าไม่รับ วิญญาณร่วง
หากไม่สามารถเกาะแนว 1143 ได้อีกครั้ง... ราคาก็อาจถลำกลับลงไปรับกรรมที่แนว 1123 → 1093 หรือจุดเริ่มนรกเดิม 1056”
สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci🐂🐻 สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci
เปรียบแต่ละระดับ Fibonacci เป็น "ตำแหน่งยุทธศาสตร์" ที่สำคัญของสงครามแนวโน้ม
🔢 ระดับ Fib 📍ตำแหน่งในสงคราม 🧠 ความหมายเชิงเทรด
14.6% จุดลาดตระเวนเบื้องต้น รอยเท้าศัตรูเล็กๆ – อาจเป็นการพักตัวระยะสั้นก่อนเดินหน้าต่อ ไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ
23.6% ป้อมหน้า (Outpost) เริ่มเห็นแรงต้าน หรือรับ – มักใช้วัด momentum ว่ายังแข็งแรงไหม ถ้ายังไปต่อได้ แสดงเทรนด์ยังอยู่
38.2% ค่ายทหารย่อย เป็น “ฐานป้องกัน” ที่เริ่มมีความสำคัญ กระทิง-หมีเริ่มเผชิญหน้าชัดเจน มักใช้เป็น wave 2 หรือ b pullback
50.0% สนามรบหลัก จุดวัดใจกลางสนาม – ยังไม่ใช่เมืองหลวง แต่เป็นจุดที่ "ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ" รอดูว่ากระทิงหรือหมีจะควบคุมได้
61.8% เมืองหลวง 💥 จุดยุทธศาสตร์สูงสุด – หากโดนทะลุ เทรนด์อาจ เปลี่ยนฝั่ง ได้เต็มตัว จึงเป็นแนว ตัดสินขาด
78.6% เมืองหลวงแตกแต่ยังไม่ยึด ปราการสุดท้ายก่อนแตกทัพ – โอกาสพลิกกลับมีน้อย แต่ถ้ากลับได้ = รีเวอร์แซลขั้นเทพ
88.6% เมืองหลวงลุกเป็นไฟ ⚔️ สถานการณ์สิ้นหวัง แต่ยังพอมีปาฏิหาริย์ – การถอยลึกเกินปกติ แต่หากกระทิงโต้กลับได้ อาจเป็น "V-shape reversal" แบบไม่คาดคิด
100% กองทัพถอยกลับเต็มตัว เทรนด์เดิม ตายสนิท – เท่ากับราคา ย้อนกลับ 100% จบแนวโน้มเดิม
127.2% ล้อมเมืองใหม่ เริ่มเข้าสู่แนว Extension – กองทัพเริ่มบุกไป “ยึดเมืองใหม่” ตั้งเป้าทะลุไฮ/โลเดิม
161.8% ยึดประเทศใหม่ เป็น เป้าโปรดของกระทิง/หมีที่ชนะศึก – คล้ายจุด Take Profit แรกของเทรนด์ใหม่
200% ขยายอาณาเขต เทรนด์เริ่มร้อนแรงเกินเหตุ – เข้าสู่ “ภาวะเร่ง” ที่ต้องระวังความร้อนแรงเกินจริง
261.8% จักรวรรดิใหม่ จุดสูงสุดของสงครามเทรนด์ – มักเกิดก่อนการพักฐานใหญ่หรือ Reversal – “ยิ่งสูง ยิ่งเสี่ยงหัก”
________________________________________
📌 สรุปภาพรวม
• 🔸 14.6–38.2% = โซน "พักเพื่อไปต่อ" (Pullback โซน)
• 🔸 50–61.8% = โซน "ตัดสินใจ" (Reversal Zone)
• 🔸 >100–261.8% = โซน “ขยายแนวรบ” (Extension Zone)
"ทุกวิกฤตจบที่ 1183 จุด: จุดที่ Fibonacci กลายเป็นเส้นชีวิตตลาด""ทุกวิกฤตจบที่ 1183 จุด: จุดที่ Fibonacci กลายเป็นเส้นชีวิตตลาด"
ภาพนี้คือกราฟ SET Index รายไตรมาส (SET@Quarterly) ที่แสดงการย้อนกลับของราคาหลักทรัพย์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1975 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ Fibonacci Retracement จากจุดสูงสุด (ประมาณ 1789.16) มายังจุดต่ำสุด (204.59) ซึ่ง ระดับ 61.8% (ที่ 1183.85 จุด) ปรากฏว่าเป็นแนวรับสำคัญซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายวิกฤติ
🧠 ความสำคัญของแนว Fibonacci 61.8%
• Fibonacci 61.8% คือสัดส่วน "Golden Ratio" ที่มักเกิดขึ้นในธรรมชาติ และตลาดการเงินก็มักสะท้อนพฤติกรรมแบบนี้เช่นกัน
• ในแง่จิตวิทยา นักลงทุนจำนวนมากจับตาแนวนี้ และเมื่อราคาย่อลงถึง 61.8% มักมีแรงซื้อเข้ามาพยุงไว้
________________________________________
🕰️ วิเคราะห์เหตุการณ์ตามช่วงเวลาสำคัญ
📍1. จุดเริ่มต้น: 204.59 จุด (30 มิ.ย. 1998)
• หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง 1997
• SET พังจากเกือบ 1800 จุดลงมาเหลือต่ำกว่า 300 จุด
• จุดต่ำสุดเกิดในช่วง IMF เข้าแทรกแซง
• จากจุดนี้ SET เริ่มฟื้นระยะยาว
________________________________________
📍2. ปี 2008: วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (Subprime Crisis)
• จากกราฟ ราคาย่อลึกในช่วงปี 2008 แต่ยัง “ไม่หลุด” แนว 61.8% (บริเวณ 1183.85)
• เกิดแรงดีดกลับขึ้น ทำ new high
________________________________________
📍3. ปี 2020: วิกฤต COVID-19
• SET ยุบอย่างรวดเร็วช่วง Q1/2020
• ต่ำสุดใกล้ระดับ 960 จุด แต่ดีดกลับขึ้นแรง → ถือเป็น Rebound แบบ V-Shape
• อีกครั้งที่ราคาลงลึก แต่ไม่หลุด 61.8%
________________________________________
📍4. ปัจจุบัน (Q2/2025): กลับมาทดสอบ 1183.85 อีกครั้ง
• ภาพแสดงว่าราคากำลัง “ชะลอตัว” ใกล้แนวแนวต้าน 61.8%
• ถือว่าเป็นจุดวัดใจระหว่าง “พักตัวเพื่อฟื้น” หรือ “หลุดแล้วจบรอบใหญ่”
________________________________________
🔁 สรุปเชิงกลยุทธ์
เหตุการณ์ จุดต่ำสุด การฟื้นตัว สถานะของ 61.8%
วิกฤต 1997 ~204.59 เริ่มต้นรอบใหม่ เป็นฐาน
วิกฤต 2008 ~380-500 เด้งกลับแรง ไม่หลุด 61.8%
วิกฤตโควิด ~960 เด้ง V-Shape ไม่หลุด 61.8%
ปัจจุบัน ~1170 รอวัดใจ กำลังทดสอบ 61.8%
________________________________________
📌 สรุปสุดท้าย
ภาพนี้แสดงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของ SET กับ Fibonacci 61.8% ได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะ:
• 61.8% (ที่ 1183.85) ทำหน้าที่เหมือน "แนวรับ-ต้าน ในอดีต" ที่ตลาดเคารพเสมอ
• เป็นระดับที่ รอดจากทุกวิกฤตใหญ่: ต้มยำกุ้ง / แฮมเบอร์เกอร์ / โควิด
• ขณะนี้กำลังทดสอบอีกครั้ง → เป็นจุดวัดใจของรอบใหญ่ในปี 2025
เมื่อ SET ถูกกดกลับจาก 38.2% = มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวรับเดิมหรือตเมื่อ SET ถูกกดกลับจาก 38.2% = มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวรับเดิมหรือต่ำกว่า
_______________________________________
อธิบายภาพ
1. โครงสร้างภาพรวม
• จุด High (Hi): 18 ต.ค. 2567 ที่ระดับ 1506.82 จุด (จุดสูงสุดในรอบนี้)
• จุด Low (Lo): 8 เม.ย. 2568 ที่ระดับ 1056.41 จุด (จุดต่ำสุดในรอบนี้)
• กราฟแสดงการเคลื่อนไหวของ SET Index ที่ดิ่งลงจาก Hi → Lo แบบต่อเนื่อง
2. การฟื้นตัว (Retracement)
• หลังจากทำจุดต่ำสุด SET มีแรงรีบาวด์หรือฟื้นตัวขึ้น
• เส้นแนวนอนแต่ละเส้น (สีน้ำเงิน-แดง) คือระดับ Fibonacci Retracement สำคัญ (วัดจากจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดรอบนี้)
3. จุดเด่นของภาพ: Fibonacci 38.2%
• ระดับ 38.2% (1228.47 จุด) ถูกเน้นด้วยตัวเลขและเส้นสีแดงในภาพ
• กราฟรีบาวด์มาชนแนวต้านนี้ (ฟื้นตัวขึ้นมาถึง 38.2% ของขาลงทั้งหมด) แล้วเกิดแรงขายกดกลับลงมาอีกครั้ง
________________________________________
หลักการ Fibonacci Retracement (Hi to Lo)
1. Fibonacci Retracement ใช้วัด "แรงฟื้นตัว" ของราคาหลังเกิดแนวโน้มใหญ่ (ขึ้นหรือลง)
o วาดจากจุดสูงสุด (Hi) → จุดต่ำสุด (Lo) ในรอบนั้น
2. ค่า 38.2% เป็นหนึ่งในโซนยอดนิยมที่ราคา "มัก" จะฟื้นตัวกลับมา (แต่ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง)
o ตามทฤษฎี: ถ้าราคาขึ้นไปแล้วหยุดที่ 38.2% มักสะท้อนว่า "ยังอยู่ในเทรนด์เดิม" (ในที่นี้ คือ เทรนด์ขาลงยังไม่จบ)
o หากผ่าน 38.2% ได้ชัดเจน เป้าหมายถัดไปคือ 50% และ 61.8% ตามลำดับ
________________________________________
สรุปความสำคัญ
• SET ฟื้นตัวได้ 38.2% แล้วหยุด: เป็นสัญญาณว่า “แรงขายจากเทรนด์ขาลง” ยังครอบงำอยู่
• โซน 38.2% = แนวต้านสำคัญที่เทรดเดอร์จับตามองว่าราคาจะไปต่อหรือไม่
• หากยืนเหนือ 38.2% ได้ อาจมีแรงดันไปสู่โซน 50% (1281.61) หรือ 61.8% (1334.76) ตามลำดับ
• แต่ถ้าถูกกดกลับจาก 38.2% = มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวรับเดิมหรือต่ำกว่า
________________________________________
สรุปย่อ
SET Index ฟื้นตัวหลังลงหนัก แต่หยุดอยู่ที่ 38.2% ตามหลัก Fibonacci—แนวต้านสำคัญที่วัดใจตลาด! ถ้าผ่านได้ มีลุ้นขึ้นต่อ แต่ถ้ายืนไม่อยู่ อาจเห็นการทดสอบจุดต่ำใหม่อีกครั้ง
ปัจจุบันก็เห็นชัดเจนว่าไม่ผ่านแนว 38.2% นะครับ
Fibonacci 38.2% ในการวิเคราะห์กราฟ SET-WEEKFibonacci 38.2% ในการวิเคราะห์กราฟ SET
________________________________________
Fibonacci 38.2% คืออะไร?
• Fibonacci 38.2% คือ “แนวต้านสำคัญ” ที่ได้จากการลากเส้นวัดรีบาวด์ (Fibonacci Retracement) หลังจากที่ SET เกิดขาลงแรง
• ตัวเลข 38.2% มาจากหลักคณิตศาสตร์ Fibonacci ซึ่งนักเทคนิคอลใช้กันทั่วโลกเพื่อจับ “จุดเปลี่ยน” หรือ “ด่านสำคัญ” ของราคา
________________________________________
ความหมายของ 38.2% ในเชิงเทคนิค
• แนวต้านจิตวิทยา:
ราคามักจะเด้งขึ้นมาทดสอบแนวนี้หลังจบขาลงใหญ่
นักลงทุนที่ติดดอยหรือรอขายขาดทุน จะใช้จังหวะนี้ขายออก
ทำให้ราคามักหยุดชะงัก หรือพักตัวบริเวณนี้
• ถ้ายืนเหนือ 38.2% ได้:
สะท้อนว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมา เทรนด์ฟื้นตัวมีลุ้นไปต่อถึง 50%–61.8%
• ถ้ายืนไม่ได้ หรือโดนขายหนัก:
ตลาดยังอยู่ในโหมดรีบาวด์เท่านั้น ยังไม่มีแรงซื้อจริงจัง
________________________________________
ตัวอย่างในกราฟ SET
• ในกราฟที่แสดง เส้น 38.2% อยู่ที่ 1,228.47 จุด
• จะเห็นว่าราคาวิ่งขึ้นมาทดสอบแนวนี้ และเริ่มมีแรงขายกดลง
• ถ้าราคาขึ้นไปแล้วยืนเหนือ 1,228 จุดไม่ได้ ตลาดมีโอกาสพักฐานหรือลงต่อ
• ถ้าทะลุ 38.2% ขึ้นไปได้ชัดเจน จะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับรอบฟื้นตัว
________________________________________
สรุปสั้น:
Fibonacci 38.2% คือแนวต้านหลักที่ตลาดต้องตัดสินใจ ถ้าผ่านได้ ตลาดมีลุ้นฟื้นตัวต่อ
แต่ถ้าชนแล้วกลับตัวลงอีก แสดงว่ารีบาวด์อาจจบลงแค่ตรงนี้
SET 21/05/25 กำลังปรับฐาน D : ขาลง ที่ดีดขึ้น 38.2 ob will os
- will os 38.2
- Tsd.1195.8-1231 ถ้าไม่เ่บรค 1231 ยัง os
240 : ขึ้นไม่ถึง 161.8 จึง os 38.2
- os HL ในวันเบรค 1195.3 แต่ปิดต่ำกว่า จึงยังไม่มี TSu.
60 : os LL ลุ้นลง 161.8
- H-Budi. Tsu.1185.3-1191.5
- ถ้าเบรค 1191.5 ไม่หลุด 1185 จะ ob test 1230.3
30 15 : os HH HL
- ถ้าไม่หลุด 1185 พา 60 ob
- ถ้าหลุด 1185 ลงเป้า 1175.5 1164-62
SET หากเปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1195 เด้งขึ้นต่อ SET หากเปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1195 เด้งขึ้นต่อ
โดยมีแนวต้าน 1216 กับ 1231, 1245
แต่ถ้ายืนไม่ได้ มองย่อตัวต่อ โดยมีแนวรับย่อย 1188, 1182, 1175, 1166, 1150 ตามลำดับ
อาจจะพักตัวสักสองสามวันก่อนเลือกทางอีกที
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
เหตุใด Wave 1 หรือ Wave A ถึงมักมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 38.2% ดังจากเอกสาร “Overview of Fibonacci and Wave Relationships” โดย Marc Rinehart เราสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใด Wave 1 หรือ Wave A ถึงมักมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 38.2% ดังนี้:
________________________________________
🔍 พื้นฐานของแนวคิด Fibonacci Retracement
Fibonacci retracement เป็นเครื่องมือสำคัญใน Elliott Wave ที่ใช้หาจุดกลับตัวหรือแนวต้านสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของคลื่นใหม่ เช่น Wave 1 หรือ A
________________________________________
🧠 กรณี Wave 1 หรือ A:
• Wave 1 หรือ A คือ คลื่นเริ่มต้นของขาใหม่ในโครงสร้างคลื่น ซึ่งมักเกิดหลังจากตลาดปรับตัวแรงจากคลื่นก่อนหน้า (เช่น Wave 5 หรือ C จบลง)
• ผู้เล่นจำนวนมากยังไม่ “เชื่อมั่น” ว่าการกลับตัวเกิดขึ้นจริง → จึงเกิดแรงขายสวนในระยะสั้นตามแนว “ความไม่แน่ใจ” หรือ “retest”
• จากสถิติที่มีการค้นคว้า
“We typically expect only 12% of Wave 2’s to hold 38% retracements of Wave 1…”
หมายความว่า…
• เมื่อ Wave 1 (หรือ A) เด้งขึ้นจากจุดต่ำสุด → จุดสิ้นสุดของ Wave 1 จะมักไป ติดแนวต้าน Fibonacci 38.2% ของคลื่นใหญ่ก่อนหน้า
• เหตุผลคือ เป็นจุดที่ แรงขายจากผู้ติดดอย หรือผู้ที่ยังมองว่าเป็น “dead cat bounce” เริ่มทำงาน → กลายเป็นแนวต้านสำคัญ
________________________________________
📉 สถานการณ์ในตลาดจริง:
• เมื่อเกิดการปรับฐานแรง เช่นจากขาลงใหญ่ → หากราคาฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย (เช่น +38.2%) แล้วถูกเทขายลงอีก → มักหมายความว่าเป็นแค่ “Wave A” ของการย่อตัวแบบ Zigzag
• แต่หากราคาสามารถ ทะลุ 38.2% ไปได้ และถือฐานอยู่ → มีแนวโน้มสูงว่าเป็น “Wave 1” ของรอบใหม่ และจะมี Wave 3 แรงตามมา
________________________________________
✅ สรุป:
แนวต้าน Fibonacci 38.2% เป็นระดับสำคัญที่ Wave 1 หรือ A มักไปติด เพราะ:
1. เป็น “ระดับฟื้นตัวต่ำสุด” ที่ยังดูไม่น่าเชื่อถือ
2. นักลงทุนจำนวนมากใช้จุดนี้ในการ “ขายเพื่อออกของ” หรือทดสอบการกลับตัว
3. หากทะลุได้ → เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มใหม่อาจเริ่มจริง (Wave 3 หรือ C กำลังจะเกิด)
________________________________________