ฝึกอ่านกราฟสังเกตภาพไหมครับไม่ว่าจะกราฟแบบไหนๆก็ตามมันก็จะเป็นอย่างนี้หมดแหละทรงเดิมๆรูปเดิมๆวิเคราะห์แบบเดิมๆเราก็ต้องจำรูปแบบที่เราถนัดในการวิเคราะห์ซื้อขายเสมอ
ประโยชน์ของพันธบัตรรัฐบาลผมไม่แน่ใจนะครับไม่มั่นใจเท่าไหร่แต่เท่าที่เคยได้ยินมาดีกว่าก็คือมันสามารถเอาไปทำหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ธนาคารเขารับด้วยนะครับมันก็มีมูลค่าคล้ายๆเงินสดคล้ายๆหลักทรัพย์ที่ดินอะไรต่างๆเราสามารถเอาไปทำวงเงินหนังสือทำได้อย่างเช่นถ้าทำงานราชการหนังสือค้ำประกันค้ำซองคำสัญญาค้ำประกันผลงานทำเบิกล่วงหน้าทำตั๋วอาวัลอะไรต่างๆพวกนี้ผมคิดว่าน่าจะทำได้นะผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ครับถ้าพูดถึงมันเหมาะกับการลงทุนแบบไหนก็คือนักธุรกิจที่มีเงินต้องมาลงทุนแล้วก็เอาไปทำวงเงินหนังสือค้ำนั่นแหละครับ
ประมูลงาน 1,000 ล้านใช้หนังสือค้ำ 5%หนังสือค้ำที่ต้องออกก็คือ 20 ล้านแต่ธนาคารรับหลักทรัพย์เพื่อออกหนังสือค้ำจากพันธบัตรรัฐบาลขึ้นอยู่กับเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างลูกค้ากับธนาคารแต่ละคนจะมีการฝากไม่เหมือนกันอัตราเฉลี่ยอยู่ประมาณ 25% 30% ดีหน่อยก็ 15% ตีสัก 30% แล้วกันครับสมมุติว่าจะออกหนังสือค้ำ 20 ล้านก็วางหนังสือพันธบัตรรัฐบาลตัวนี้ไปเพียงแค่ 30% เองนั่นก็คือ 6 ล้านบาทก็ได้หนังสือครับ 20 ล้านแล้วเงื่อนไขค่าธรรมเนียมก็ต้องขึ้นอยู่กับลูกค้าคุยกับธนาคารเอาแค่นั้นเองมันแปลงสินทรัพย์เป็นทุนได้ผมว่ามันเป็นประโยชน์แหละลองพิจารณาดูครับ
พันธบัตรรัฐบาล
ฝึกอ่านกราฟช่วงนี้เห็นพูดถึงพันธบัตรรัฐบาลไทยกันเห็นว่ามีเสถียรภาพสูงมากก็เลยมาลองดูหน่อยนึงตัวนี้อายุสัญญา 10 ปีจากที่เห็นในรูปนี้ก็ไม่เห็นว่ามันจะดีนะครับมันยังลงอยู่เลยผมว่ารอให้มันทำให้ท่านอะไรบางอย่างก่อนดีกว่าส่วนตัวคิดว่าจะซื้อก็ต้องรอรูปแบบของเราก่อนแล้วกันถ้าแบบนี้มันก็ยังลงต่อแหละลงถึงไหนก็ไปถึงเลข 0 นั่นแหละครับถามว่ามันดีไหมก็มีเงินเย็นก็ซื้อถึงทิ้งไว้ 10 ปีครับค่อยมาว่ากันกำไรนู้นครับได้ถึง 1.6 18 นั่นแหละยาวๆไปนู่นได้เลย 2.618 ก็ได้ถือไปเลยครับ 10 ปี
ประโยชน์ของพันธบัตรรัฐบาลผมไม่แน่ใจนะครับไม่มั่นใจเท่าไหร่แต่เท่าที่เคยได้ยินมาดีกว่าก็คือมันสามารถเอาไปทำหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ธนาคารเขารับด้วยนะครับมันก็มีมูลค่าคล้ายๆเงินสดคล้ายๆหลักทรัพย์ที่ดินอะไรต่างๆเราสามารถเอาไปทำวงเงินหนังสือทำได้อย่างเช่นถ้าทำงานราชการหนังสือค้ำประกันค้ำซองคำสัญญาค้ำประกันผลงานทำเบิกล่วงหน้าทำตั๋วอาวัลอะไรต่างๆพวกนี้ผมคิดว่าน่าจะทำได้นะผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ครับถ้าพูดถึงมันเหมาะกับการลงทุนแบบไหนก็คือนักธุรกิจที่มีเงินต้องมาลงทุนแล้วก็เอาไปทำวงเงินหนังสือค้ำนั่นแหละครับ
ประมูลงาน 1,000 ล้านใช้หนังสือค้ำ 5%หนังสือค้ำที่ต้องออกก็คือ 20 ล้านแต่ธนาคารรับหลักทรัพย์เพื่อออกหนังสือค้ำจากพันธบัตรรัฐบาลขึ้นอยู่กับเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างลูกค้ากับธนาคารแต่ละคนจะมีการฝากไม่เหมือนกันอัตราเฉลี่ยอยู่ประมาณ 25% 30% ดีหน่อยก็ 15% ตีสัก 30% แล้วกันครับสมมุติว่าจะออกหนังสือค้ำ 20 ล้านก็วางหนังสือพันธบัตรรัฐบาลตัวนี้ไปเพียงแค่ 30% เองนั่นก็คือ 6 ล้านบาทก็ได้หนังสือครับ 20 ล้านแล้วเงื่อนไขค่าธรรมเนียมก็ต้องขึ้นอยู่กับลูกค้าคุยกับธนาคารเอาแค่นั้นเองมันแปลงสินทรัพย์เป็นทุนได้ผมว่ามันเป็นประโยชน์แหละลองพิจารณาดูครับ
วิเคราะห์แนวโน้มของ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ผ่านความสัมพันธ์ “Inverse จากภาพกราฟ US10Y (ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี) วันที่ 15 เม.ย. 2025
เราสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ผ่านความสัมพันธ์ “Inverse Correlation”
(คือ Bond Yield ขึ้น → หุ้นลง, และในทางกลับกัน)
________________________________________
🔍 วิเคราะห์ภาพรวมของ US10Y
✅ โครงสร้างเทคนิคอล (อิงจากภาพ):
• กรอบ Fibonacci Retracement วัดจากยอดลงมา (ขาขึ้นล่าสุด)
• ขึ้นมาทดสอบระดับ 61.8% (4.44%) แล้วเริ่มอ่อนตัว = บ่งชี้แรงขาย
• ปัจจุบันราคาอยู่แถว 4.35% ใกล้ 50% Fibo (4.33%)
• มีแท่งแดงติดต่อกันหลายวัน = Momentum เริ่มเปลี่ยนเป็นอ่อนแรง
• มี TD Sequential ก่อตัวถึง 7/9 = อาจเริ่มเข้าสู่ภาวะ Exhaustion
________________________________________
📉 แนวโน้มผลต่อ "ตลาดหุ้นสหรัฐฯ"
🟢 ระยะสั้น (1-2 สัปดาห์)
• Yield มีโอกาส “พักตัว” ลงมาทดสอบโซน 4.22% - 4.08%
• หากลงต่อเนื่องไปถึง 4.00% หรือต่ำกว่า → ตลาดหุ้นจะได้แรงหนุน (หุ้นดีด)
• Sentiment เชิงบวกจะกลับมา โดยเฉพาะในกลุ่ม Tech และ Growth Stocks ที่แพ้ดอกเบี้ยสูง
🟡 ระยะกลาง (1-2 เดือน)
• หาก US10Y พักแล้วกลับขึ้นทะลุ 4.44% - 4.60%
o ตลาดหุ้นจะกลับเข้าสู่ความกังวล → Nasdaq, S&P500 อาจเผชิญแรงขายรอบใหม่
o โดยเฉพาะถ้า FED ยังส่งสัญญาณ "Higher for Longer"
• แต่ถ้า US10Y ย่อลงสู่ 3.90%-4.00% ตามโซน Fibonacci ด้านล่าง
o ตลาดหุ้นจะมีโอกาสเป็นขาขึ้นรอบใหม่
________________________________________
🔧 แนวรับ-แนวต้าน Yield สำคัญ (จากกราฟ):
ระดับ ความหมาย
4.44% แนวต้าน Fibo 61.8% / จุดกลับตัวล่าสุด
4.33% แนวรับ/ต้านระยะสั้น 50% Fibo
4.22% แนวรับถัดไป 38.2%
4.08% แนวรับหลัก / Low สำคัญก่อนหน้า
4.00% แนวจิตวิทยา / หากหลุด = ตลาดหุ้นวิ่งแรง
________________________________________
🔮 สรุปแนวโน้มหุ้นสหรัฐฯ จาก US10Y (15 เม.ย. 2025)
ช่วงเวลา แนวโน้มหุ้นสหรัฐฯ ปัจจัยจาก US10Y
สั้น (1-2 วีค) 🟢 ฟื้นตัวได้ Yield เริ่มพักตัวจากจุดสูงสุด
กลาง (1-2 เดือน) ⚠️ ผันผวนสูง ต้องจับตาว่า Yield จะทะลุ 4.44% หรือย่อลึกกลับใต้ 4.00%
________________________________________
Bond Shock คืออะไร?ขอเล่าเรื่อง "Bond Shock" ให้เข้าใจง่าย และเชื่อมโยงกับ สงครามการค้า (Trade War) ในตอนนี้นะครับ
________________________________________
📉 Bond Shock คืออะไร?
"Bond Shock" เปรียบเหมือน “แผ่นดินไหวในตลาดพันธบัตร”
จู่ๆ อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลก็พุ่งขึ้นแรงราวกับ “ภูเขาไฟระเบิด”
โดยในภาพที่แนบมา — เราเห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ขยับจากแถว 4.00% → ทะลุ 4.38% ในเวลาไม่นาน
นั่นคือ “แรงขายพันธบัตรอย่างหนัก” → ราคาพันธบัตรร่วง → Yield พุ่ง = Bond Shock
________________________________________
🧠 ทำไมถึง "ช็อก"?
1. ราคาพันธบัตรลง = คนไม่อยากถือหนี้รัฐบาล
→ สะท้อนความกังวลว่า "เงินเฟ้อ" อาจจะยังไม่หยุด
→ หรือกลัวว่ารัฐจะกู้เงินมากขึ้น จนหนี้ล้น (Fiscal Risk)
2. ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทและประชาชนพุ่ง
→ คนซื้อบ้าน ผ่อนรถ ลงทุนธุรกิจ เจออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
→ “ช็อกซ้ำ” ไปที่เศรษฐกิจ
3. หุ้นก็ตกตาม
→ ดอกเบี้ยสูงคือพิษร้ายของตลาดหุ้น (ดิสเคานต์แวลูสูงขึ้น กำไรดูไม่คุ้มความเสี่ยง)
________________________________________
⚔️ แล้วเทรดวอร์ (Trade War) มีผลยังไง?
เทรดวอร์ = ระเบิดเวลาของ Bond Shock
1. สงครามภาษี → ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น → เงินเฟ้อเพิ่ม
→ นักลงทุนเริ่มคาดว่า Fed ต้องขึ้นดอกเบี้ยสูงและนาน
→ พันธบัตรจึงถูกเทขาย → Yield พุ่ง
2. จีนคือผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐรายใหญ่
ถ้าเทรดวอร์รุนแรง → จีนลดการซื้อพันธบัตรหรือขายทิ้ง
= อุปสงค์ลด ราคาตก Yield พุ่ง
3. ดอลล่าร์แข็ง → ทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่
= ตลาดทุนทั่วโลกปั่นป่วน → นักลงทุน Panic ขายตราสารหนี้
________________________________________
🔥 ตัวอย่าง Bond Shock ที่เคยเกิดขึ้น
• ปี 1994: Fed ขึ้นดอกเบี้ยแบบเซอร์ไพรส์ → Bond Yield พุ่งเร็ว → ตลาดหุ้นตกแรง
• ปี 2022: เงินเฟ้อสหรัฐสูงสุดในรอบ 40 ปี → Fed ขึ้นดอกเบี้ยดุ → Bond Shock ทำ Nasdaq ดิ่ง
________________________________________
🪙 สรุปแบบสำนวน "ลุงบัฟเฟตต์"
“เวลาอัตราดอกเบี้ยขึ้น มันเหมือนน้ำทะเลลดลง… คุณจะเห็นว่าใครบ้างที่ไม่ใส่กางเกงว่ายน้ำ”
และ Bond Shock ก็คือ “น้ำลดฉับพลัน” ที่ทำให้ตลาดทั้งโลกสะดุ้ง
อย่าประมาทสงครามการค้า เพราะมันเหมือน ไฟใต้ดิน ที่พร้อมจุด
𝐃𝐚𝐢𝐥𝐲 𝐀𝐧𝐚𝐥𝐲𝐬𝐢𝐬 【18/01/24】 𝐃𝐚𝐢𝐥𝐲 𝐀𝐧𝐚𝐥𝐲𝐬𝐢𝐬 【18/01/24】
ทองคำเสี่ยงหลุด 2000$ หลัง Bond Yield พุ่ง,ยอดค้าปลีกฟื้นตัว ! 🚨
⭐️ ราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน นื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 4.129% และลดการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
.
⭐️ นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดเมื่อวันอังคารกล่าวว่าธนาคารกลางไม่ควรเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะสามารถรักษาไว้ได้โดยปัจจุบัน มีโอกาสประมาณ 57% ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม ตามเครื่องมือ CME FEDwatch tool
.
⭐️ ด้านโฟกัสสำคัญวันนี้อยู่ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและตัวเลขภาคการผลิต Philly Fed Manufacturing Index สหรัฐช่วง 20:30 น ส่วนในช่วงเช้านี้ตัวเลข Employment Change ของออสเตรเลียออกมาติดลบหนักถึง -65.1K ส่งผลให้ AUDUSD เกิดการย่อตัวลงไปก่อนหน้านี้
.
⭐️ ในส่วนของภาพทางเทคนิคราคาทองคำวันนี้กลายเป็นสถานะขาลงอย่างเต็มตัวเมื่อราคาหลุด Neckline Support บริเวณ 2014+- ลงมาได้สำเร็จโดยช่วงต้นตลาดราคาเกิดแรงซื้อกลับขึ้นมาก่อนตามพฤิตกรรมทางเทคนิคและหากไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ 2014 ได้เสียทีราคามีโอกาสย่อตัวกลับลงมาอีกครั้งโดยมองเป้าแนวรับเดิมบริเวณ 2004 เอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งมองถึง New low #โชคดีมีกำไรทุกท่านครับ
.
.
.
แนวรับ - แนวต้าน (09:20
XAUUSD
สถานะ : Slightly Bearish
R3 2023
R2 2019
R1 2014
———————————————
S1 2004
S2 2000
S3 1995
- Beam -
INVERTED YIELD CURVE ภาวะถดถอย! ในพันธบัตรสหรัฐอเมริกาสัญญาณเตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอย!
Inverted Yield Curve คือ “ภาวะผิดปกติ” เกิดขึ้นเมื่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุยาว
Chart ในอดีตได้เกิด Inverted Yield Curve มาแล้วหลายครั้ง จากหลากหลายสาเหตุ แต่แทบทุกครั้งในอดีตหลังเกิด Inverted Yield Curve จะตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย สะท้อนให้เห็นได้ด้วยการถดถอยของอัตราผลตอบแทนตามภาพ
แต่ Inverted Yield Curve ในปี 2022-2023 ครั้งนี้ อาจไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะเศรษฐกิจโลกได้ถดถอยงรุนแรงไปแล้วในเหตุการณ์ COVID-19 ทำให้ลงไปสร้างจุดต่ำสุดเกือบถึง 0% และหลังจากนั้น FEDใส่คันเร่งปรับดอกเบี้ย ทำให้อัตราผลตอบแทนปรับขึ้นรวดเร็วและรุนแรง ระดับที่ทำให้ Chart แสดงการจบแนวโน้มของขาลง และได้ผ่านการทำจุดต่ำสุดของอัตราผลตอบแทนไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ภาวะผิดปกติของ Invertd Yield Curve ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดการถดถอย แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังจากนี้ อาจไม่รุนแรงถึงระดับการเกิดจุดต่ำสุดใหม่ได้(New Low) และอาจจะเป็นเพียงแค่การพักเพิ่มสร้างแนวโน้มใหม่ในอนาคตแทน
**ยกเว้นเกิดปัจจัยลบใหม่ที่ใหญ่และรุนแรงกับเศรฐกิจโลกขึ้นอีกครั้ง
มนุษย์กราฟ | Humangraphy
เเนวโน้ม US 10 Y วันที่ 16 มิถุนายน 2565 *********************
เนื้อหาข้างบน
***ไม่ได้มีเจตนาให้ซื้อขายตาม ****
เป็นแต่เพียงการให้ความรู้ และ แชร์มุมมองส่วนตัว ที่มีต่อโครงสร้างราคาทองคำ gold sport ในวันนี้
เเละ* ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกำไรที่ได้จากการดูมุมมองของผม
เพราะฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการดูด้วยนะครับ☺️
มุมมอง US10Y วันที่ 08 มิถุนายน 2565
มุมมอง US10Y วันที่ 08 มิถุนายน 2565
ติดตามเเนวโน้มเทรดทองเเละน้ำมันได้ที่กลุ่มไลน์เเละกลุ่มเทเรเเกรมด้านล่าง ฟรี ฯ
*********************
เนื้อหาข้างบน
***ไม่ได้มีเจตนาให้ซื้อขายตาม ****
เป็นแต่เพียงการให้ความรู้ และ แชร์มุมมองส่วนตัว ที่มีต่อโครงสร้างราคาทองคำ gold sport ในวันนี้
เเละ* ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือผลกำไรที่ได้จากการดูมุมมองของผม
เพราะฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการดูด้วยนะครับ☺️
Bond Yield พุ่ง Fund Flow ไหลเข้า Bond Yield พุ่ง Fund Flow ไหลเข้า กดดันให้ตลาดต่าง ๆ เป็นขาลง ต้องจับตาว่าผลตอบแทนของพันธบัตร (Bond Yield) จะกลับตัวช่วงไหน
แต่ถ้าจะรอซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หรือเข้าเทรด เช่น คริปโต หุ้น ฯลฯ อาจจะต้องรอเกิด panic sell เพื่อรีเซ็ตก่อนจะดีมาก วันนั้นจะเป็นวันที่เราเข้าไปซื้ออีกครั้ง
ช่วงนี้จับตาดู Bond Yield เน้นเทรดด้วยความระมัดระวังมากขึ้น