STA แนวเฝ้าระวังSTA ได้มีไต่ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ จนต้นนี้ได้ถึงแนวต้าน ตามแนว fibo 423.6 ของ TF Week แถวราคา 51.25 พร้อมกับมีสัญญาณ Bearish Divergence ใน TF H1 และ Week พร้อมกับสีแท่งเทียนกลับตัวใน TF เล็กๆ ซึ่งตามเทคนิคแล้ว เมื่อราคาถึง fibo 423.6 กราฟจะต้องย่อลงมา แต่อาจจะไม่เสมอไป
- DW สามารถ put ตามเทคนิค ต้อง SL ที่ราคาประมาณ 52 กันเหวี่ยงขึ้นไปนิดหน่อย โซนี้เป็นราคา put ที่ค่อนข้างได้เปรียบ SL น้อย แต่ TP เยอะ
- ใครถือ STA อาจมีการ TP ออกบางส่วน
Set
SET index - มุมมองทางบวก (+) ในระยะยาวและเหตุผลหากพิจารณาว่ามีการ breakout ทั้ง fail break และ break ที่สำเร็จแต่ยืนไม่ได้ (พิจารณาจากราคาปิดของแท่งเทียน)
เป็นไปได้ว่าจริงๆแล้ว ตรงนี้แหละ คือแนว all time high ที่แท้จริง ที่ไม่นับ failed breakout ที่ผ่านๆมา
ราคายังยืนเหนือเส้น EMA 233 และตอนนี้ได้พยายามทดสอบแนวต้านกรอบเหลือง หากยืนได้คงทำ new all time high ได้จริงๆ
และถ้าหาก clear all time high เดิมได้
เป้าถัดไป คือแนว 6000
ตอนนี้หุ้นใหญ่ๆคงพักตัวหรือปรับฐาน เป็นเวลาให้หุ้นเล็กค่อยขยับๆ rotation ไม่ว่าจะเป็น large-cap ขยับหมุนเข้า midcap หรือ small cap
หรือ sector rotation ไปกลุ่มอื่นๆที่ยังไม่ขึ้น
อีกข้อมูลที่สนับสนุนว่า SET index จะขยับขึ้นไปสูงขนาดนั้น (6000!?) ได้ ผมคิดว่า 2 ภาพข้างล่างมีคำตอบครับ
XLE vs SP500
กราฟ relative performance ของกลุ่มพลังงาน VS SP500 โดยรวม ที่มีสัญญาณกลับตัวในรอบ 13 ปี
ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆเรื่องพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "น้ำมัน" ที่จะมีราคาแพงขึ้น เพราะว่า
1. ด้าน supply
COVID-19 ทำให้ demand ในใช้พลังงาน เพื่อการเดินทางลดลง ทำให้น้ำมันมี supply ล้นตลาด จนทำให้ OPEC+ ต้องประชุมตกลงลดกำลังการผลิต
ตอนนี้ แทบจะไม่มีการ ผลิต หรือ เสาะหา เพิ่ม พลังงานที่ใช้ตอนนี้คือ supply ที่หลงเหลืออยู่
2. ด้าน demand
เมื่อทุกประเทศได้รับวัคซีนถึงจุดหนึ่ง ย่อมต้องมีการเปิดประเทศ ทำให้ประชาชน ออกเดินทาง ท่องเที่ยว การคมนาคม การบินกลับมาอีกครั้ง
demand นี้จะ เกิน supply ในระยะแรกๆที่กลับมา เพราะว่า การผลิตน้ำมันที่หยุดไป ไม่ใช่แค่กดปุ่ม restart แล้วทุกอย่างจะกลับมาเท่าเดิมทันที
จะต้องมีช่วง supply ที่ไม่ทัน demand ส่งผลให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้น
3. นโยบาย Green energy โดยเฉพาะอย่างยิ่งของอเมริกา ย่อมมีนโยบายที่ "ไม่เอื้อ" ต่อบริษัทน้ำมัน ในอนาคต อาจมีการลดการเสาะหา ขุดเจาะ ผลิต เพราะนโยบายของรัฐไม่เอื้อ ทำให้ supply ลดลงเรื่อยๆ ทำให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้น เพราะ supply shortage
นอกจากน้ำมันแล้ว อนาคตของ green energy คงไม่พ้นเรื่องของ electric vehicles
ซึ่งเป้าหมายในเรื่องนั้น ก่อนอื่น คงต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีของ battery ที่ดีกว่า Lithium หรือ semi-solid state
แต่กว่าจะถึงจุดนั้น
น้ำมันจะยังคงมีบทบาทต่อไป
ตัวที่จะเชื่อมตรงกลางระหว่างการเปลี่ยนแปลงจาก fossil fuel อย่างน้ำมัน ไปสู่ electric vehicle คือ "natural gas"
(วิเคราะห์ทิศทางคร่าวๆไว้แล้วที่นี่ )
ซึ่งเริ่มทำการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
เชื่อว่ากลุ่มพลังงานจะมีบทบาทมากใน Post-pandemic era ครับ
XLF
กราฟกลุ่มการเงิน ของอเมริกา ที่หลังจาก 13-14 ปี ก้ได้ทำการ breakout ขึ้นสู่ new all time high
แน่นอนว่า แนวต้าน 13 ปีที่ถูกทลาย ย่อมขึ้นต่อมากกว่ากลับตัวลงมา
เพียงแค่ 2 sectors นี้ อาจจะเพียงพอที่จะส่ง SET ขึ้นสู่ new high
น้ำหนักของแต่ละ Sector ที่ประกอบกันเป็น SET index (อ้างอิงข้อมูลจาก MSCI Thailand ล่าสุด January 2021)
Energy 14.83%
Financials 13.89%
Consumer Staples 12.81%
Materials 11.35%
Industrials 9.14%
Communication Services 9.11%
Utilities 8.43%
Health Care 6.67%
Consumer Discretionary 5.84%
Real Estate 4.08%
Information Technology 3.84%
จะเห็นว่า กลุ่ม พลังงาน และ การเงิน มีน้ำหนักเกือบ 30% ของ SET index
ไม่เพียงเท่านั้น Post-pandemic era ย่อมต้องมีการเร่งพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้าน infrastructure หรือการก่อสร้างพัฒนาใดๆ
กลุ่มที่จะได้ผลดีจากการพัฒนาหรือฟื้นฟูประเทศด้านต่างๆ คือ Material และ Industrial (จีนเป็นตัวอย่างด้านการพัฒนาประเทศจนทำให้ basic material มีราคาแพงขึ้น ในช่วง post-world war 2 จนถึงขั้นเกิดเงินเฟ้อชนิด Demand (ต่อ basic material)-pull
หากรวม 2 กลุ่มนี้เข้าไปด้วย จะประกอบเป็นเกือบ 50% ของ SET index
ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวปริมาณมหาศาล ซึ่งส่วนนี้จะอิงกับการฉีดวัคซีนและการเปิดประเทศ กลุ่มการท่องเที่ยว การโรงแรม การสื่อสาร (กลุ่มที่ขายซิมการ์ดให้นักท่องเที่ยว) ย่อมต้องรอวัคซีน จึงจะฟื้นตัว ซึ่งคงอีกไม่นาน เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
จะเห็นว่าทุกอย่างมีความเกี่ยวโยงกัน และทั้งหมดนี้ย่อมส่งให้ SET index ทำ new all time high ได้
เป้าระยะสั้น คงเป็นตามที่นักวิเคราะห์และคนดังหลายคนอกมาพูด คือบริเวณ 2200-2300 ครับ
ตอนนี้เป็นเวลาสะสมหุ้น เพื่ออนาคตใน Post-pandemic era ครับ
หวังว่าข้อมูลจะมีประโยชน์ครับ
BANPU ถึงแนวต้าน 423.6 ราคา 12.4BANPU ถึงแนวต้าน 423.6 ราคา 12.4 ซึ่งเป็นแนวที่มีนัยสำคัญ และเกิดสัญญาณ bearish divergence ทั้ง STO และ RSI อาจทำให้ราคามีการย่อ ทั้งนี้บริเวณดังกล่าว ไม่เหมาะสำหรับการไล่ซื้อ ถ้าราคาไม่ผ่าน 12.40 บาท จะมีเป้าการลง ซึ่งต้องรอให้ TF เล็กมีการฟอร์มตัวก่อน จึงจะวัดเป้าได้ หรือ แท่งเทียนกลับตัว
ติดตามได้ที่เพจ
เม่าเหล็ก เล่นกราฟ
อัพเดท SET ที่นับไว้เมื่อวันที่ 5 พฤจิกายน 2563 (นับ T-Fex)ที่เคยนับไว้เมื่อวันที่ 5 พฤจิกายน 2563
ตอนนี้คลื่น B ยังไม่ถึง 80% ของคลื่น a ดังนั้นตอนนี้ถือว่าเป็น Flat รูปแบบ Weak B-wave ในหนังสือบอกว่า Weak b-waves are characterized by their less than normal retracement of wave-a. To classify as a weak b-wave, it must retrace between 61.8% -80% (inclusive)
สภาวะคลื่น b ที่อ่อนแอ ถ้าคลื่น C ลงมาน้อยกว่า 100% ของคลื่น b อีกเราจะเรียกว่า Double Failure If the c-wave is less than 100% of wave-b, the pattern should be called a Double Failure. แต่ถ้าคลื่น c ยาวคลื่น b 100% - 138.2% ก็จะเรียกว่า Wave-b failure แต่ถ้าคลื่น c ยาวกว่า 138.2% ก็จะจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ
Elongated Flat If wave-c is between 100% - 138.2% of waveb, the pattern should be called a B-Failure. If wave-c is longer than 138.2% of wave-b, it
will once again fall under the Elongated Flat category. แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคลื่น b หรือยัง แนวรับของคลื่น ย่อยของคลื่น b ขณะนี้คือ Retracement ที่ 38.2 และ 61.8%
อัพเดท Set50 future ที่นับไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564ลงมาอย่างที่คาดการณ์ไว้ ตอนนี้น่าจะจบคลื่นย่อย a(สีน้ำเงิน)ของคลื่น b(สีฟ้า) แล้ว
คาดการณ์ว่ากำลังจะขึ้นคลื่น b (สีน้ำเงิน) เดาว่าไม่น่าจะขึ้นไปไกลเพราะอาจะเป็น Zigzag
เมื่อจบจะลง c แต่ก็คิดว่าไม่ลงเยอะเพราะน่าจะเป็น Truncated zigzag 937 เป็นจุดวัดใจ