[CASE STUDY หาหุ้นปันผล] กอง REIT กับผลตอบแทนไม่ธรรมดาสวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน วันนี้ผมจะพาไปรู้จักกับสินทรัพย์การเงินชนิดหนึ่งนะครับ ที่สร้างผลตอบแทนได้จากทั้งเงินปันผลที่จ่ายอย่างสม่ำเสมอ และส่วนต่างราคาซึ่งราคาเหมือนกับหุ้น แต่ไม่ผันผวนมากเท่าหุ้นกันครับ
สินทรัพย์นี้คือกอง REIT นั่นเองครับ ซึ่งกอง REIT จะมี Business Model เป็นการรับค่าเช่าจากผู้เช่า และเอาค่าเช่านั้นมาจ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเราๆ นั่นเอง
โดยทั่วไปแล้วกอง REIT ส่วนมากจะเป็นกองของ "ห้างสรรพสินค้า" . "คลังสินค้า" , "โรงแรม" , "อาคารสำนักงาน"
ทั้งนี้เองเจ้าของจะเป็นคนที่ไปเก็บค่าเช่าจากคนที่มาใช้บริการครับ เช่นหากกอง REIT เป็นห้างสรรพสินค้า รายได้ก็ได้มาจากค่าเช่ารายเดือนของห้างร้านในนั้น
กอง REIT เองมี 2 แบบ คือแบบซื้อสิทธิ์ขายอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นของตัวเอง(Freehold) กับซื้อกรรมสิทธิ์ระยะยาว (Leasehold)
ในเคสนี้ผมจะพูดถึงเรื่องกอง Reit ที่สามารถเป็นหุ้นเด้งได้ยาวๆ และจ่ายเงินปันผลให้เราได้ตลอด นอกจากนี้ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงไปที่สินทรัพย์อื่นๆ ได้ด้วย
คุณสมบัติหลักๆ คือ
- กองนั้นต้องมีความสามารถในการดึงดูดผู้เช่าให้มาใช้บริการเขาได้ตลอด
- สามารถปรับค่าเช่าตามเงินเฟ้อได้
- ความสามารถที่โดดเด่นคือการ "ฆ่าเงินเฟ้อ" ได้ครับ จากการปรับค่าเช่า และมูลค่าที่ดินที่ปรับสูงขึ้นได้เสมอ
- หากกองเป็นแบบ Leasehold ความขยันของเจ้าของเป็นสิ่งสำคัญ หากกองมีการขาย Asset เข้ากอง Reit ตลอด การที่กองนั้นราคาจะขึ้นไปตามความคาดหวังของอนาคตก็มี สามารถทำกำไรแบบส่วนต่างราคาหรือ Capital Gain ได้ไม่ยากนัก
ข้อเสียที่ร้ายแรงของกอง REIT ก็มีครับ นั่นคือ
- สภาพคล่องของกองอาจจะมีน้อยมากจนอาจเข้าออกได้ยาก
- การที่ราคาไม่ไปไหนอาจมีความเสี่ยง หากราคาเปิด Gap ลงมาจนทำให้เราเสียเงินทางบัญชี
- เงินปันผลอาจไม่การันตีจ่ายได้ตลอดได้ จากการที่มีปัญหาเฉพาะที่ครับ เช่นกองนั้นอาจเกิดไฟไหม้ทำให้ไม่สามารถเก็บค่าเช่าได้ หรือแม้แต่ COVID ที่อาจทำให้ผู้เช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้จากการต้อง Lock Down
ผมหวังว่าไอเดียนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนได้ และได้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์นี้ที่ดีนะครัย
ปันผล
[CaseStudy หาหุ้นลงทุน] การเลือกหุ้นปันผลที่มีคุณภาพเหนือกาลเวลาสวัสดีครับ สำหรับหลักการในวันนี้ผมอยากมานำเสนอการหาหุ้นที่เรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่อาจเป็นปันผลให้เราประดับพอร์ตในการกระจายความเสี่ยง และหาโอกาสท่ามกลางตลาดลงกันนะครับ
และปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าตอนนี้เป็นช่วงที่ตลาดขาลงและเป็นช่วงที่ลงทนเพื่อ Runtrend ก็นับว่าลำบากพอสมควร
ผมเลยใช้เวลานี้ไปกับการศึกษาขุดหาบริษัทดีๆ ที่ตอนนี้อาจมีตำหนิบ้าง แต่อาจกลับมาได้อาจจะดีกว่าก็ได้ครับ เป็นการใช้เวลาให้เหมาะสมอีกด้วย
โดยผมจะมีการอ้างอิงหนังสือที่ผมได้ตกตะกอนได้หลักๆ คือ 2 เล่มนี้ครับ นั่นคือเล่ม One Up on Wall Street กับ Warren Buffett Ways
โดยหลักการที่ผมอยากถ่ายทอดจะเป็นเรื่องของ
1) การหาบริษัทจากสิ่งรอบตัว การดูสิ่งแวดล้อมว่าเทรนด์อะไรที่มีอนาคต ซึ่งได้มาจากเล่ม One Up on Wall Street ของคุณปีเตอร์ ลินซ์ ครับ
2) การคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพแบบเล่ม Warren Buffett Ways รวมถึงหยิบหลักการเรื่องของปราการและคูคลองมาใช้ในการเลือก
โดยหลักการนี้ผมจะมาพูดในวีดีโอนี้กันครับ และขอมาแนะนำหุ้นหมวดหนึ่งที่มี Moat ที่อยากจะนำเสนอไม่มีในไทยได้รู้จักด้วยครับ เผื่อเป็นโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนในต่างประเทศครับผม
ท้ายสุดนี้มี Key Takeaway ที่ผมตกตะกอนได้เกี่ยวกับบริษัทที่ตลาดมองว่ามีคุณภาพ ซึ่งมีหลักๆ ประมาณ 7 ข้อ ดังนี้ครับ
1)เป็นบริษัทมี Profit Margin สูง
2)บริษัทมี Free Cash Flow ตลอด
3)นอกจากมี Free Cash Flow สูงแล้ว มีการลง Capex ในระดับไม่มากนัก (อาจจะไม่เกิน 35% ของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน)
4)บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนมีอัตราที่สูง
5)พึงระลึกไว้ ว่าหุ้นปันผลดีๆ คือบริษัทที่มี Recurring Income อย่างสม่ำเสมอ
5.5) และจำดีมากหาก Income ส่วนนี้เพิ่มสูงขึ้นเหนือกว่าอัตราการเพิ่มของ GDP กับ Inflation
6)จากข้อที่ 5 Recurring Income ล้วนมาจากการมี Recurring Revenue ที่มีศักยภาพ กล่าวคือสินค้าหรือการบริการของบริษัทต้องเป็นที่ต้องการตลอด และอาจมีเพิ่มขึ้นบ้าง
7)จากข้อที่ 6 Recurring Revenue จะดีมากที่สุดหากว่าไม่มีคู่แข่งหรือสินค้าสับเปลี่ยนมาตัดกำลัง คงดีไม่น้อยหากเราซื้อหุ้นที่ดูผูกขาด แต่ก็สามารถวางตัวให้ไม่มีข้อครหาได้ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารแล้วครับ ว่าวางตัวและดำเนินนโยบายสร้างภาพลักษณ์อย่างไร
สำหรับสิ่งที่ผมตกตะกอนและอยากฝากฝังทุกคนไว้ก็มีเพียงเท่านี้ หวังว่าวีดีโอและเนื้อหานี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย หากทุกคนชอบผมก็ดีใจและฝากร้ investing ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับ ที่นี่เราจะรวมหนังสือที่เกี่ยวข้องกับจักรวาลนักลงทุนไว้ในที่เดียว เพื่อเสริมศักยภาพสังคมการลงทนต่อๆ ไปครับ
โชคดีรักษาสุขภาพ Stay Healthy Stay Wealthy ครับผม
ALLYกำไร ไตรมาส 2 /65 ออกมา 146.75(EPS0.1679) ล้านบาท น่าจะใช้เป็นฐานของกำไรรอบใหม่ได้แล้ว เหตุผล คือ
1. ปัจจัยด้านส่วนลดราคาจากเหตุการณ์โควิทกำลังจะเริ่มหมดไป
2.ได้เริ่มมีการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคต
มูลค่าตลาด @19/08/2565 6,424.64 ล้านบาท ถ้าปันผล 90% ของกำไร(กฎของ REIT) อัตราปันผล 8.22% (กรณีแย่ที่สุด)
LHHOTELกำไร ไตรมาส 2 /65 ออกมา(รายได้จาก รร อย่างเดียว 158.24 ล้านบาท (เม.ย.65 ไม่มีรายได้) ค่าใช้จ่าย 50.08 ล้านบาท) 108.16 ล้านบาท
มูลค่าตลาด @22/08/2565 5,432.99 ล้านบาท ถ้าปันผล 90% ของกำไร(กฎของ REIT) อัตราปันผล 7% (กรณีแย่ที่สุด)
ถ้าเทียบกำไรปี 60 61 ที่กำไร 799.76 ล้าน และ 707.19 ล้าน มีโอกาสจะได้อัตราปันผล 10%
สาเหตุที่ กองยังไม่จ่ายปันผล หรือยังไม่ประกาศปันผล ในไตรมาส 2/65 น่าจะเพราะ กำไรสะสมยังติดลบ อยู่ -97.98 ล้านบาท ถ้าเป็นตามเหตุผลนี้น่าจะเริ่มจ่ายปันผลไตรมาส 3/65
[ดักรายใหญ่VI]สร้างแนวรับ/ต้านทางพื้นฐาน ด้วย PE และเงินปันผลวันนี้ผมจะมาพูดถึงที่มาของสูตรที่ได้ใช้ในอินดิเคเตอร์ใน Trading View กันนะครับ
(โดยอินดิเคเตอร์นี้ชื่อว่า DDM เพื่อแสดงแนวรับแนวต้านสำหรับสายพื้นฐานนะครับ สามารถดูสคริปสูตรได้ที่ด้านล่างคำอธิบายนี้ได้เลยครับ)
หลักๆ คือเพื่อต้องการประเมินมูลค่าหุ้นอย่างง่ายไว้ดูว่าแนวที่ควรซื้อแบบสวนกระแสอย่าง VI ควรซื้อประมาณโซนสะสมบริเวณไหนดี และใช้ประกอบการดูโซนการทำ Price Pattern ด้วย
หลักการคือเราจะใช้การกำหนดค่า PE ผ่านการตั้งค่า Dividend Payout ไว้คงที่(ที่ 40%) และปรับตัวเลข % Dividend Yield ตามที่เราต้องการ (2,3,4,6 เท่าไรก็ได้ตามที่เราอยากตั้งครับ)
ดั่งแนวรับและแนวต้าน โดยจะเป็นการประเมินมูลค่าหุ้นแบบ DDM นั่นเองครับ
สูตรมูลฐานที่เราจูดคือ Dividend Yield% = DPS / Price
และจะปรับมาเป็น PE = %Dividend Payout/%dividend Yield กันนะครับ
โดยท่านสามารถฟังการอธิบายเต็มๆ ได้ผ่านทางวีดีโอนี้นะครับ และมีตัวอย่างประกอบด้วย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยสำหรับการลงทุนโดยใช้อินดิเคเตอร์ต้นทางนะครับ
สำหรับวิธีการดักทางรายใหญ่ VI เราก็อาศัยดูเงินปันผลได้เลยครับ ว่าระดับไหนตามแบบ Price Pattern ที่จะจูงใจรายใหญ่ให้ซื้อหุ้นตัวนี้หรือตัวนั้น โดยอาจจะดูแนวโน้มเส้นแนวรับแนวต้านนี้ครั้นอดีตย้อนหลังก็ได้ครับ ว่าเขาเคยมีแนวที่แข็งๆ ตรงไหนเป็นต้นครับ
ทั้งนี้ท่านใดสนใจเกี่ยวกับการลงทุนแบบสวนกระแส สามารถหาอ่านได้ในหนังสือ ลงทุนหุ้นแบบจอห์น เนฟฟ์ ได้นะครับผม
UPDATE หุ้น GUNGUL หลังจากครั้งที่แล้ว ถึงเป้า TP 4บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรามาวางแผนการเล่นง่าย ๆ ด้วยการตีแนวรับ แนวต้าน กัน ในภาพใหญ่ ๆ ในภาพ TF Month
Ew. หรือ เทคนิค ในรูปแบบต่าง ๆ ก็ล้วนอาศัย แนวรับ แนวต้านตั้งนั้น
จากรูปจากเห็นผมตีแนว รับแนวต้านไว้
เมื่อราคาใกล้ ๆ แนวรับ แล้วมีแท่งเขียว ๆ ใน TF เล็ก ๆ เราก็อาจจะซื้อเก็บ
แล้วถ้าถึงแนวต้านแล้วมีแท่งแดง ๆ ใน TF เล็ก เราก็อาจจะ TP ไปบางส่วน หรือทั้งหมด ก็ได้นะครับ
การวางแผนการเล่น การบริหารพอร์ต สำคัญที่สุด
แล้วหุ้นตัวนี้ ก็ยังมีปันผลอีก ประมาณ 5% XD 6 พค. 64 ก็ยังมีโอกาสในการทำกำไรได้อยู่นะครับ
ลองวางแผนการเล่นดูนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม ถูกใจนะครับ เป็นกำไรใจอย่างมาก
ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ได้ UPDATE เพราะยุ่ง ๆ ยังไงมีตัวไหนดี ๆ เด๋วมาแชร์ให้นะครับ
[THANI] ความสวยงามของหุ้นที่กำไรโตแบบตามธรรมชาติ (Organic)
วันนี้ผมมีไอเดียการผนวกนำเอาเรื่องผลประกอบการ ผลกำไรสุทธิมาทำ Valuation เพื่อให้แสดงค่าราคาในการเข้าซื้อขายหุ้นให้ดูกันครับ
จากรูปนี้เส้นสีเขียว สีเหลือง และสีแดง แสดงค่าการนำตัวเลขผลประกอบการหรือ EPS มาคูณด้วย ค่าอัตราการจ่ายปันผล แล้วหารด้วยอัตราการจ่ายปันผลอีกที (Price = EPS * Dividend_Payout/Dividend_Yield)
ซึ่งราคาหุ้นที่จะได้นี้ จะกำหนดได้จากเปอร์เซ็นเงินปันผลที่ท่านต้องการเลย ซึ่งในที่นี้ผมตั้งค่าเงินปันผลไว้ที่ 5% ส่วน Payout ผมตั้งคงที่ไว้ท่ 40% ครับ
จากนั้นก็ปล่อยให้โค้ดของเราแสดงค่ากันไป
สิ่งที่น่าวิเศษใจ คือการที่เส้นเขียวของเราขึ้นไปเป็นขั้นบันไดแบบคงที่เรื่อยๆ นั่นเอง เสมือนว่าราคาเขาขึ้นไปตามพื้นฐานด้วยตัวของเขาเอง
ผมเชื่อว่าภาพนี้คงเป็นตัวบอกได้ดีเลย ว่าเหตุใดราคาหุ้นจึงมีขึ้นมีลง เหตุผลที่แจ่มแจ้งแน่ชัดก็เพราะว่า หุ้นตัวนั้นมีการเติบโตด้วยตัวของเขาเอง เขาสร้างคุณค่าตัวของเขาด้วยตัวเองนั่นเองครับ
สำหรับจุดเข้าซื้อ ผมแนะนำให้ผนวกเอาศาสตร์ด้าน Technical ในส่วนของ Price Pattern เข้ามาเสริมด้วยจะดีมากครับ หากราคามาแตะแนวรับทางพื้นฐานปุ๊ปจุดนั้นนับว่าเป็นจุดที่ไม่เลวเลยในการซื้อ แถมเราจะได้ราคา ณ ตำแหน่งเงินปันผลที่เราต้องการด้วย เป็นการรับรู้ความเสี่ยงและผลรางวัลที่เราจะได้รับในแต่ละครั้งเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ท่านอาจใช้แนวรับทางพื้นฐานนี้เป็นจุดเข้าซื้อในจุดที่คนอื่นกลัวได้ ดั่งคำของบัฟเฟตต์ที่ว่า "จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว"
บทความประกอบนี้อาจจะยาวเสียหน่อย เพราะผมเพิ่งได้สมัครสมาชิก Trading View รายไป พอเห็นความงดงามของโค้ดที่เราเขียนแล้วอดนำมาเล่ามาแชร์สู่กันฟังไม่ได้เลยครับ
ยาวหน่อย แต่ถ้าคุณชอบ ผมก็ดีใจนะ ขอบคุณครับ
[TH]AEONTS Sideway อยู่ข้างล่างเริ่มเบรกกรอบขึ้นแล้วสำหรับหุ้น Aeonts ตัวนี้ ผมชอบในความที่เขาเป็นบัตรเครดิตจากญี่ปุ่นที่ IPO ในไทย แต่มีฐานลูกค้าในเขตพม่า ลาว ไทย 3 ประเทศเลย(แถบลุ่มแม่น้ำโขง) ผมเลยมองว่าในอนาคตหากผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว กำลังซื้อกลับมา บัตรเครดิตก็อาจกลับมาได้ครับ
ในคลิปวีดีโอนี้ผมได้ให้ไอเดียทั้งทางด้านเทคนิค และพื้นฐานอย่างครบถ้วนในมุมมองของผมพอตัวเลย
ซึ่งวีดีโออาจยาวหน่อย แต่ถ้าพวกคุณชอบผมก็ดีใจนะครับ
[TH]CPALL Test เส้น MA แล้วดีดกลับทันทีสำหรับ CPALL ตอนนี้เขาได้ทำไส้เทียน Test เส้น Volume Weight Moving Average ระดับ 35 วัน แล้ว เขาก็กลับตัวเป็นแท่งเขียวทันที
ผมมองว่า ณ จุดนี้เป็นนิมิตรหมายที่ไม่เลวเลยครับ ที่เราอาจจะลองเริ่มลงทุนในหุ้น Growth ตัวนี้ แม้ว่า Market Cap. ของเขาจะสูงระดับแสนล้านแล้ว แต่หากเก็บบางส่วนไว้ลงทุนระยะยาว และบางส่วนไว้เล่นสั้น คงได้กระแสเงินสดมาสร้างพอร์ตไม่น้อยเลย
สำหรับมุมมองทางด้าน Fundamental ที่ผมนำมาประยุคใช้ในกราฟนี้นะครับ จะเป็นเส้น ที่แสดงเงินปันผลที่ระดับ 1.12% 1.25% และ 1.38% ซึ่งตอนนี้เขาสามารถยืนได้ที่เส้นระดับเงินปันผลที่ 1.38% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากท่านได้ย้อนกลับไปดูในอดีต ท่านจะเห็นทันที ว่าหุ้นตัวนี้เทรดที่ระดับค่าที่ 3 เส้นนี่แหละครับ
หากอนาคตเขากลับมาทำได้ดี แก้ไขปัญหาคนไม่ซื้อของโดยไม่ใส่ถุงได้ ผมว่าราคาเขากลับมาได้แน่นอนครับ
ยาวหน่อย แต่หากคุณชอบ ผมก็ดีใจนะ