[Deep Value Scanner] หาหุ้นโคตรปลอดภัย ไม่เสี่ยงล้มละลายและดักVI แสกนหาหุ้น Deep Value โคตรปลอดภัย ไม่เสี่ยงล้มละลาย
สำหรับหลักการนี้ต้องขอขอบคุณ คุณเบนจามิน เกรแฮม ผู้เขียนตำรา Security Analysis และหนังสือ The Intelligent Investor และเป็นผู้ริเริ่มการลงทุนแบบ Value Investing แบบ Cigarette Butt ด้วยนะครับ
เทคนิคของ Deep Value กับเทคนิคหุ้นการลงทุนแบบ Cigarette Butt นี้ไม่ต่างกันมากเลย นั่นคือการซื้อหุ้นในมูลค่าที่น้อยกว่าทรัพย์สินส่วนของทุนบริษัท
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเลข 2 ตัวในการแสกนก่อนนะครับ เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจหลักการแสกนนี้ นั่นคือ
1 . Net Debt ซึ่งมีสูตรคือ Cash – (Short Term Debt + Long Term Debt)
2. Enterprise Value มีสูตรคือ (Market Cap + Debt )- Cash
โดยทั้งสองตัวเลขนี้ หากมีค่าติดลบก็หมายความว่าผ่านเกณฑ์แล้วครับ หลักการคือเราจะซื้อบริษัท ณ “ราคา” ที่น้อยกว่าเงินสดสุทธิหักลบหนี้สินของบริษัทนั่นเองครับ
สำหรับข้อดีข้อเสียของหลักการนี้มีดังนี้ครับ
ข้อดี
- เราสามารถซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีได้
- สามารถ Unlock Value ได้ ผ่านการเข้าไปถือหุ้น แล้วใช้สิทธิโหวตกดดันให้ผู้บริหารขายทอดกิจการ เพื่อนำเงินสดมาจ่ายสู่ผู้ถือหุ้นได้
- หากมูลค่าทางบัญชีสะท้อนความเป็นจริงแล้ว เหมือนกับการที่เราซื้อหุ้นโดยมีส่วนลด มีความสมเหตุสมผลในการลงทุนในเชิงทฤษฎี
(มีหลักยึดในการลงทุนชัดเจน)
- สิ่งที่เราต้องทำ มีเพียงอย่างเดียวคือการรอให้มูลค่าปลดล็อค สายกราฟคือหาจุดเข้าซื้อที่ได้เปรียบ
เช่นมีการสะสมพอสมควรแล้ว รวมถึงทำท่า Breakout อาจพิจารณาวางกลยุทธ์ได้
ข้อเสียและจุดอ่อน
- หากบัญชีมีการตกแต่งขึ้น อาจเป็นอุปสรรคได้ในการรับรู้มูลค่าที่แท้จริง
- ราคามักไม่ค่อยมีการขึ้นลงมาก หากไม่มีปัจจัยมาขับมูลค่า
เช่น การ Take Over , การขายสินทรัพย์ , การจ่ายเงินปันผลออกมา (ในกรณีที่บริษัทมีแต่เงินสดพร้อมจ่าย)
- ราคาหุ้นถูก ณ ตอนนี้ ไม่การันตีว่าจะราคาถูกตลอดไป
เช่นกรณีผู้บริหารใช้กลฉ้อฉล อย่างการนำเงินสดไปลงทุนในบริษัทอื่นๆ ซึ่งบริษัทอื่นๆ ที่ว่านี้อาจเป็น Shell Company ที่ผู้บริหารคนนั้นถือหุ้น
แล้วตั้งใจทำให้เกิดผลขาดทุน จนต้อง Whiteout ธุรกิจออกไปเกิดความสูญเสียทางบัญชีบริษัทเป็นต้น
ภาพประกอบ
[Case Study] วิเคราะห์หุ้นทุกมิติ และสอนใช้ Relative Strength สำหรับวีดีโอนี้ผมจะมานำเสนอการใช้ Relative Strength ประยุกต์กับทรงกราฟ รวมถึงการดูปัจจัยผลักดันบริษัท รวมถึงการหาเหลี่ยมเพื่อการลงทุนนะครับ
โดยเนื้อหาในครั้งนี้ทุกท่านหากได้อ่านคำประกอบนี้ก็เพียงพอได้รับสารที่ผมต้องการสื่อในวีดีโอนี้แล้วครับผม
แต่ก่อนอื่นเรามาคุยภาษาเดียวกันก่อนนะครับ
- บริษัทที่นำเสนอนี้เป็นเพียง 1 ใน Case Study ที่น่าสนใจ
- ผมปรับราคาบริษัทเป็นหน่วย CHF เพื่อป้องกันการชี้นำราคาหุ้น
- วีดีโอนี้มี Ref ที่สำคัญราวๆ 3 แหล่งนะครับ และทาง Trading View ไม่ให้เราโพสลิงค์ไปด้านนอก ขอให้ทุกท่านโปรดวางใจ ว่าทุกอย่างที่ผมได้นำเสนอไปนี้มีเอกสารตัวเลขอ้างอิงครับ
====================================================
จากกราฟนะครับ เราจะเห็นว่าตัว Relative Strength นี้มีการหดตัวเข้าสู่ 0 อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือเมื่อเทียบหุ้นตัวนี้กับตลาดแล้ว หุ้นตัวนี้มีความแข็งแกร่งกว่าตลาดอย่างเห็นได้ชัดเจนครับ และหากมองให้ไกลกว่านั้น เราอาจตั้งคำถามได้ว่า "เป็นไปได้ไหม ที่หุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นที่แข็งกว่าตลาดสัดวันหนึ่ง" ซึ่งหุ้นที่แข็งกว่าตลาดนั้นก็คือหุ้นที่มีค่า RS > 1 นั่นเองครับ
จากปัจจัยจากกราฟที่แสดงให้เห็นว่าเขาทำ Sideway มาเนิ่นนาน และเริ่มมีการเปลี่ยนไป เรามาดูกันที่ปัจจัยขับเคลื่อนภายในบริษัทอันเป็นต้นสายธารของหุ้นตัวนี้กันครับ
สำหรับบริษัทที่เราพูดถึงนี้ก็คือ BAFS บริษัทผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงให้แก่เครื่องบินนั่นเอง (และขอชี้แจงเพิ่มเติมจาก Oppday บริษัทนี้เปรียบเสมือนกับ "เด็กปั๊ม" นะครับ เขามีหน้าที่บริการบรรจุเชื้อเพลิง ดังนั้นแล้วราคาน้ำมันไม่มีผลจ่อบริษัทเลยครับ)
สิ่งที่ผมได้นำเสนอนี้มีปัจจัยผลักดันคือจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เริ่มบินสะพัดมากยิ่งขึ้น โดยหากเราได้ดูงบกำไรขาดทุนสุทธิแล้ว เราจะพบว่าตัวเลขในส่วนของ EBITDA กับค่าเสื่อมเริ่มมีการหักล้าง และเริ่มเท่าทุนแล้ว
และจากการที่ผมได้ไปฟัง Oppday ย้อนหลังก็ได้ทราบว่าปริมาณนักท่องเที่ยวตอนนี้เองก็ Breakeven ต่อการทำกำไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งหลายทั้งมวลนี้ นำมาสู่ทรงกราฟครับที่จากแต่ดั้งเดิมบริษัทได้มีการทำ Sideway มากว่า 2 ขวบปี อาจมีแนวโน้มที่บริษัทจะเปลี่ยนแนวโน้มไปก็ได้ ไม่ขึ้นก็ลง
โดยจุดตัดของเทรนนี้จะอยู่ที่ราวๆ เดือนมกราคา จากการตีเส้นเทรนด์ไลน์ขากด และเทรนด์ไลด์ขาขึ้น หลังจากที่พูดถึงเรื่องปัจจัยด้านเวลาที่อัดตัวพร้อมผลักดันหุ้นแล้ว เรามาดูในมิติของมูลค่ากันบ้างดีกว่าครับ
จากเครื่องมือ 2 ตัวนั่นคือ DDM และ Double Dividend Discount Model ได้แสดงให้เราเห็นว่า แต่ก่อนเดิม "ตลาด" เคยให้มูลค่าบริษัทนี้ "มากกว่ามูลค่าสินทรัพย์ของบริษัท" ต่อเนื่องหลายปี
และในปัจจุบัน บริษัทเองกลับมีการเทรดในระดับที่ต่ำกว่าเส้นแนวต้านที่แสดงนี้เสียอีก ดังนั้นหากเราตั้งสมมติฐานว่าราคาหุ้นจะ Mean Reversion ก็เป็นไปได้
ทั้งนี้แล้วจากข้อมูลที่เรามี อาจช่วยให้พี่ๆ เพื่อนๆ ใช้ในการวางแผนการเทรดได้นะครับ ผมว่าการที่เราวิเคราะห์ได้หลากหลายมิตินี้จะช่วยให้เราลงทุนได้อย่างมั่นใจได้มากขึ้น แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องแลกเข้ามาที่สาหัสเช่นกัน นั่นคือ "เราไม่อาจรู้เลย ว่าเรื่องอะไรที่เรารู้นั้นเป็น NOISE" หรือ "สิ่งก่อกวนในการลงทุน" ได้ กล่าวคือหากเรารู้สิ่งใดมากแล้ว สิ่งนั้นอาจบดบังทรรศนวิสัยในระยะยาวของเราก็เป็นได้
แต่กระนั้นแล้ว เราทุกคนในหมวดของเทรดเดอร์ก็ยังโชคดีครับที่เรายังสามารถยอมแพ้ได้ หากแผนที่เราวางไว้ไม่เป็นไปตามที่วาง ผ่านการยอมรับตัวเองและ Cutloss ทิ้งไป
ทั้งหลายนี้ผมวาดหวังว่าจะเป็นทางเลือกการลงทุนแก้ทุกท่านได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
ฝากหนังสือและ investing-in-th ไว้ด้วยนะครับผม เราจะรวบรวมหนังสือที่อยู่ในจักรวาลการลงทุนไว้ให้ทุกท่านในที่เดียวเป็นร้านหนังสือเพื่อการลงทุน เพื่อการ Empowerment สังคมการลงทุนอย่างแท้จริง
ขอให้ทุกท่านโชคดี สุขภาพแข็งแรงปลอดภัยครับผม
[ดักรายใหญ่VI]สร้างแนวรับ/ต้านทางพื้นฐาน ด้วย PE และเงินปันผลวันนี้ผมจะมาพูดถึงที่มาของสูตรที่ได้ใช้ในอินดิเคเตอร์ใน Trading View กันนะครับ
(โดยอินดิเคเตอร์นี้ชื่อว่า DDM เพื่อแสดงแนวรับแนวต้านสำหรับสายพื้นฐานนะครับ สามารถดูสคริปสูตรได้ที่ด้านล่างคำอธิบายนี้ได้เลยครับ)
หลักๆ คือเพื่อต้องการประเมินมูลค่าหุ้นอย่างง่ายไว้ดูว่าแนวที่ควรซื้อแบบสวนกระแสอย่าง VI ควรซื้อประมาณโซนสะสมบริเวณไหนดี และใช้ประกอบการดูโซนการทำ Price Pattern ด้วย
หลักการคือเราจะใช้การกำหนดค่า PE ผ่านการตั้งค่า Dividend Payout ไว้คงที่(ที่ 40%) และปรับตัวเลข % Dividend Yield ตามที่เราต้องการ (2,3,4,6 เท่าไรก็ได้ตามที่เราอยากตั้งครับ)
ดั่งแนวรับและแนวต้าน โดยจะเป็นการประเมินมูลค่าหุ้นแบบ DDM นั่นเองครับ
สูตรมูลฐานที่เราจูดคือ Dividend Yield% = DPS / Price
และจะปรับมาเป็น PE = %Dividend Payout/%dividend Yield กันนะครับ
โดยท่านสามารถฟังการอธิบายเต็มๆ ได้ผ่านทางวีดีโอนี้นะครับ และมีตัวอย่างประกอบด้วย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยสำหรับการลงทุนโดยใช้อินดิเคเตอร์ต้นทางนะครับ
สำหรับวิธีการดักทางรายใหญ่ VI เราก็อาศัยดูเงินปันผลได้เลยครับ ว่าระดับไหนตามแบบ Price Pattern ที่จะจูงใจรายใหญ่ให้ซื้อหุ้นตัวนี้หรือตัวนั้น โดยอาจจะดูแนวโน้มเส้นแนวรับแนวต้านนี้ครั้นอดีตย้อนหลังก็ได้ครับ ว่าเขาเคยมีแนวที่แข็งๆ ตรงไหนเป็นต้นครับ
ทั้งนี้ท่านใดสนใจเกี่ยวกับการลงทุนแบบสวนกระแส สามารถหาอ่านได้ในหนังสือ ลงทุนหุ้นแบบจอห์น เนฟฟ์ ได้นะครับผม
จิตวิทยาด้านประสิทธิภาพการซื้อขาย: ตอนที่ 1 ยิ่งมีความยากลำบากมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเกียรติในการเอาชนะมันมากขึ้นเท่านั้น นักบินที่เก่งกาจได้รับชื่อเสียงจากพายุและความปั่นป่วน
- เอพิคเตตัส.
เฮ้ทุกคน! 👋
สัปดาห์นี้ เราคิดว่าหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจที่จะเจาะลึกในหัวข้อที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง: จิตวิทยาด้านประสิทธิภาพ - และอภิปรายว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราจะพิจารณาคำถามต่อไปนี้: อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพที่เหนือกว่าจากเทรดเดอร์รายหนึ่งไปยังเทรดเดอร์รายถัดไป
โดยจุดยืนของกระบวนการแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างจากประสิทธิภาพด้านอื่น ๆ (เช่น กีฬา) ที่เทรดเดอร์ผู้ทะเยอทะยานสามารถนำไปใช้ เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนที่จำเป็นมากขึ้นเพื่อไปยังที่ที่พวกเขาต้องการ มาลุยกันเลย!
เวลาเป็นองค์ประกอบทั่วไปของความเชี่ยวชาญ ⏰
การเรียนรู้ถูกสร้างขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เริ่มจากการสำรวจก่อน, จากนั้นจึงสร้างองค์ความรู้, แล้วจึงฝึกปฏิบัติเพื่อให้มีโครงสร้างที่ดี
ในการทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างมากเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ ผู้นั้นมักจะมีความผูกพันทางอารมณ์กับกับสิ่งที่ทำ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว
เทรดเดอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงเกือบทั้งหมดเป็นเพราะความรักในการซื้อขายโดยธรรมชาติของพวกเขา นี่หมายถึงความรักในการวิเคราะห์ชาร์ต, ความรักในการทำงานเชิงกลยุทธ์, ความรักในการดูตลาด และความรักที่จะพยายามรวบรวมส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ในมุมมองนี้ การซื้อขายไม่ใช่งาน แต่เป็น งานคราฟ หากคุณรักในสถานะภาพ, ไลฟ์สไตล์ หรือรายได้ ก็มีแนวโน้มว่าคุณจะไม่ถึงจุดสูงสุดของอาชีพนี้ เทรดเดอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงๆ ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการซื้อขาย ไม่ใช่เพราะความต้องการของพวกเขา แต่เป็นเพราะพวกเขารักที่จะทำ
หาแหล่งเฉพาะด้าน ❤️
คนที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ด้วยการทำงานหนัก แต่พวกเขาทำงานหนักเพราะพวกเขาพบด้านเฉพาะที่ยอดเยี่ยม: พื้นที่ที่ให้พวกเขาได้ใช้พรสวรรค์, ความสนใจ และจินตนาการของพวกเขา ผู้ขว้างลูกที่เก่งที่สุดในโลกอาจสร้างผู้ตีลูกที่แย่ที่สุดก็ได้
หากคุณอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเดินทาง (หรือหลงทาง) สิ่งที่ควรพิจารณาคือการพยายามหาด้านเฉพาะที่คุณตรงใจคุณ เนื่องจากโรงพยาบาลและธนาคารมีการหมุนเวียนเพื่อให้ผู้มาใหม่ได้รับประสบการณ์ประเภทต่างๆ ความสำคัญอย่างยิ่งยวดจึงอยู่ที่การวางด้านเฉพาะนั้นๆ ในกลุ่มวิชาชีพและสถาบันในด้านการเงิน
เหตุใดเทรดเดอร์แต่ละรายจึงไม่ทำเช่นนี้? วิธีที่ดีในการตั้งศูนย์ทางความคิดของคุณคือการสร้างโปรแกรมหมุนเวียนสำหรับตัวคุณเอง นี่คือรายการประเภทสินทรัพย์และรูปแบบการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ลอง google หาข้อมูลหรือค้นหาแนวคิดที่นี่ใน TradingView ก็ได้ และพิจารณาสิ่งที่คุณเห็นด้วยมากที่สุด เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความเชี่ยวชาญในระยะยาวด้วยการค้นหาสิ่งที่คุณชอบทำในแต่ละวันจริงๆ
ประเภทสินทรัพย์สภาพคล่อง:
-หุ้น
-สกุลเงิน
-สกุุลเงินดิจิทัล
-ฟิวเจอร์ส
-รายได้คงที่
-ความผันผวน
รูปแบบ (ไทม์เฟรม):
-ระหว่างวัน - เวลาในการถือคือวินาทีถึงชั่วโมง
-สวิง - เวลาในการถือคือวันถึงสัปดาห์
-โพสิชั่น- เวลาในการถือคือสัปดาห์ถึงเดือน
สไตล์การถือครองแบบไหนที่เหมาะกับอารมณ์ของคุณ? คุณชอบเรียนรู้หัวข้ออะไร?
กระบวนการเรียนรู้ ✅
ในการซื้อขายและในชีวิตจริง เรามักจะได้ยินเสมอว่า "การฝึกฝนทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบ" คำพูดที่ดีกว่าอาจเป็น "การฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบ" โครงสร้างเวลาฝึกซ้อมแบบไหนที่สร้างความแตกต่างระหว่างผู้ที่มีประสบการณ์ห้าปีกับผู้ที่มีประสบการณ์หนึ่งปีที่ซ้ำกันห้าครั้ง ดังนั้น; คุณควรจัดโครงสร้างการปฏิบัติของคุณอย่างไร?
ในทางจิตวิทยาด้านประสิทธิภาพ มีแนวคิดที่เรียกว่า "การเรียนรู้แบบวนลูป" ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสามส่วน
การปฏิบัติ -> คำติชม -> การเรียนรู้ (ซ้ำ)
นี่เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากคำติชมเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุง การซื้อขายเป็นกีฬาที่เล่นเดี่ยว ซึ่งหมายความว่ากระบวนการรวมความคิดเห็นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
กำไร/ขาดทุนคือผลตอบรับ แต่กลไกการตอบรับของคุณเพียงอย่างเดียวอาจเป็นปัญหาได้ แม้แต่เทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดที่ดำเนินการซื้อขายได้ดีที่สุด ก็สามารถอยู่อีกด้านหนึ่งของความแตกต่างได้ในแต่ละวันได้ กระบวนการเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประสิทธิภาพที่ไม่ได้ขึ้นกับกำไร/ขาดทุน เพื่อให้คุณสามารถติดตามข้อมูลประกอบการตัดสินใจของคุณได้ เทรดเดอร์บางคนจดบันทึกอย่างละเอียด, บางคนบันทึกหน้าจอ, บางคนบันทึกข้อมูลในแต่ละวันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกำไร/ขาดทุน (ระยะเวลาการนอนหลับ, การดื่มน้ำ, อารมณ์ ฯลฯ)
(เรามีฟีเจอร์การบันทึกโน็ตที่อยู่บนชาร์ตที่คุณสามารถใช้เพื่อจุดประสงค์นี้ได้)
หากคุณต้องการที่จะรวบรวมสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพิมพ์เขียวระยะยาวสำหรับต้นแบบความเชี่ยวชาญ ควรมีลักษณะดังนี้:
1.) ค้นหาสิ่งที่คุณรักเกี่ยวกับการซื้อขายอย่างแท้จริง
2.) สำรวจให้ลึกยิ่งขึ้น
3.) อยู่ร่วมกับมันตลอดเวลาและปล่อยให้ความเพลิดเพลินที่แท้จริงของคุณกระตุ้นให้คุณผ่านช่วงขาขึ้นและขาลง
4.) จัดโครงสร้างการปฏิบัติของคุณในช่วงเวลานั้นๆ ในลักษณะที่คุณสามารถสร้างข้อเสนอแนะสำหรับตัวคุณเองได้
5.) รวมข้อเสนอแนะนั้นเพื่อปรับปรุงกระบวนการของคุณอย่างต่อเนื่อง ให้ลูปการเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว
หวังว่าคุณจะเพลิดเพลินกับการอ่าน, และอยู่อย่างปลอดภัย
- ทีม TradingView
4 ข้อควรจำเกี่ยวกับตลาดหมีเฮ้ทุกคน! 👋
เฮ้อ นี่มันสัปดาห์อะไรกันเนี่ย สินทรัพย์ทั่วกระดานถูกรมควัน และ Nasdaq สิ้นสุดสัปดาห์อย่างเป็นทางการด้วยตลาดหมี สำหรับเทรดเดอร์คริปโต, Bitcoin, Ethereum และสินทรัพย์ คริปโตอื่น ๆ บางส่วนได้ลดมูลค่าลงครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้น แม้ว่า S&P 500 จะลดลงเพียง 13-14% จากระดับสูงสุด แต่มีเพียง 25% ของหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมดอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน พูดได้อย่างปลอดภัยว่าหลังจากการวิ่งขึ้นครั้งใหญ่ในเกือบทุกอย่างที่เราได้เห็นในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตอนนี้เราอยู่ในตลาดหมีอย่างเป็นทางการแล้ว
เนื่องจากนี่อาจเป็นตลาดหมีครั้งแรกของใครหลายๆ คนในชุมชนของเรา เราจึงคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะแนะนำสิ่งสำคัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรจำเกี่ยวกับตลาดหมี เพื่อช่วยให้ผู้คนสำรวจระบบตลาดใหม่นี้
มาลุยกันเลย!
1.) ความผันผวนทำให้โพสิชั่นของคุณดูใหญ่ขึ้นในแง่ของ P/L 💥
ตลาดหมีมักทำให้เกิดความผันผวนของราคาสินทรัพย์มากกว่าตลาดกระทิง ในช่วง 20 วันที่ผ่านมา เราได้เห็นการเคลื่อนไหวเฉลี่ยรายวันในดัชนีประมาณ 3% ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ย 20 วันในปี 2564 ที่ประมาณ 0.9% อย่างมาก ด้วยจำนวนเงินทุนที่เท่ากัน การเบิกสินค้าในช่วงเฉลี่ยนี้หมายความว่าในแง่ $$ การเคลื่อนไหวของ P/L ของคุณน่าจะมากกว่า "ปกติ" มาก ในเดือนมีนาคม 2020 ช่วงรายวันเฉลี่ยใน S&P 500 นั้นมากกว่า 5%!
นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ เพราะ P/L สามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อจิตวิทยาของเทรดเดอร์ ผู้จัดการเงินมืออาชีพและกองทุนป้องกันความเสี่ยงจำนวนมากควบคุมปัจจัยนี้ โดยลดความเสี่ยงจากการผันผวนของพอร์ตรายวันให้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย กองทุนบางส่วนได้รับคำสั่งให้ทำสิ่งนี้ แม้ว่าคุณจะมีอิสระที่จะทำสิ่งที่คุณต้องการในการปฏิบัติตามแผนการซื้อขายของคุณ แต่นี่เป็นความคาดหวังหลักที่จะถือไว้! คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่าปกติ
2.) ตลาดหมีเฉลี่ยอยู่ได้ประมาณ 2 ปี 📉
ตัวเลข 2 ปีส่วนใหญ่หมายถึงระยะเวลาเฉลี่ยของตลาดหมี *หุ้น* จนถึงตอนนี้ในส่วนของคริปโต ตลาดหมีโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 9 เดือน สำหรับการเปรียบเทียบ ในหุ้น ตลาดกระทิงเฉลี่ยอยู่ได้นานกว่า 6 ปี ดังนั้น แม้ว่าตลาดหมีมักจะเร็วกว่าช่วงที่หุ้นเติบโต แต่ก็มีแนวโน้มที่จะน่าจดจำมากกว่า
เมื่อเร็วๆ นี้ ตลาดหมีเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ โดยตลาดหมีล่าสุดในปี 2020 ดำเนินไปเพียงไม่กี่เดือน คุณลักษณะบางอย่างเป็นผลจากการที่เฟดก้าวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนอื่นๆ มักอ้างว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่ดีกว่าที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันในศตวรรษที่ 21 นั้นช่วยให้ข้อมูลสามารถกำหนดราคาได้เร็วกว่ามาก แม้ว่าแนวโน้มจะมุ่งไปสู่ตลาดหมีที่สั้นลงและสั้นลงอย่างแน่นอน แต่บ่อยครั้งก็ยังสามารถยืนยาวได้นานกว่าที่คาดไว้ ปรับความคาดหวังตามนั้น!
3.) เงินสดคือโพสิชั่น💵
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อ USD ในปัจจุบันจะสูง โดยอยู่ที่ประมาณ 7-10% (ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังดูตัวเลขใดอยู่) กำลังซื้อของ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักในแต่ละวัน กำลังซื้อของ SPY หนึ่งหุ้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากขึ้นทุกวัน และเมื่อเร็วๆ นี้ อำนาจซื้อก็สูญเสียเร็วขึ้นมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจำสำหรับตลาดหมีคือการมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่คุณไม่ระเบิด คุณก็สามารถมีชีวิตเพื่อสู้ต่อไปได้อีกวัน การหนีสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพต่ำแล้วทำให้เป็นเป็นเงินสดเป็นทางเลือกหนึ่ง
สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ หากคุณดูประเภทสินทรัพย์หลัก ๆ ผู้คนดูเหมือนจะหนีไปหาเงินสด พันธบัตร, หุ้น, ทองคำ, คริปโต - ขายเป็นเงินสดทั้งหมด ในสภาพแวดล้อมที่ "ปิดความเสี่ยง" โดยทั่วไปแล้ว ผู้เล่นที่ระมัดระวังจะหมุนเวียนจากสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น เป็นสิ่งที่ "ปลอดภัยกว่า" เช่น พันธบัตรรัฐบาล ที่กล่าวว่าด้วยการปีนเขาและอัตราเงินเฟ้อที่สูงดูเหมือนว่าผู้คนจะข้ามผลตอบแทน 3% ที่พวกเขาจะได้รับในพันธบัตรเพื่อสนับสนุนความยืดหยุ่นทั้งหมดที่คุณได้รับด้วยเงินสด อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการป้องกันความเสี่ยงคือการขายสินทรัพย์สั้นที่คุณคิดว่าจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า หรือซื้อการลงทุนในพอร์ตของคุณ (ถ้ามี) คุณสามารถดูราคาการนอนหลับได้ดีในตลาดตัวเลือกโดยตรง
4.) การจะได้ราคาที่ด้านล่างนั้นยาก 🎣
แม้ว่าจะเป็นหน้าที่ของเราในฐานะเทรดเดอร์ในการค้นหาโอกาสที่มีมูลค่าที่คาดหวังในเชิงบวก การเลือกจุดต่ำสุดเป็นสิ่งที่ท้าทายมากในอดีต ในช่วงความผิดพลาดของปี 2020 กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่โดดเด่นหลายแห่งไม่ได้รับการป้องกันความเสี่ยงจากความผิดพลาด และก็ยากเกินที่จะออกมาจากมัน ที่แน่ๆ คนที่ฉลาดที่สุดในโลกบางคนก็ยังทำการเลือกจุดที่ต่ำสุดที่น่าจะเป็นไปได้ได้ไม่ดีพอ
เว้นแต่ว่าคุณมีกลยุทธ์ระยะยาวที่ช่วยให้สามารถใช้เงินทุนได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป (DCA) การพยายามเลือกจุดต่ำสุดในตลาดที่มีแนวโน้มลดลงอาจเป็นกลยุทธ์ % อัตรา bat rate ที่ต่ำมาก
เอาล่ะ ทั้งหมดนี้คือ 4 ข้อควรจำสำหรับมือใหม่ที่ต้องแบกรับตลาด ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำในตลาดที่ยากกว่าคือการเอาตัวรอด! 🐻
ขอให้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ดี! 😄
-ทีม TradingView
3 เคล็ดลับในการสร้าง Mindset ในการซื้อขายอย่างมืออาชีพ 🎯เฮ้ทุกคน! 👋
วันนี้ เราจะมาพูดถึงการสร้างกรอบความคิดในการซื้อขายอย่างมืออาชีพ แม้ว่าหัวข้อนี้จะเป็นหัวข้อของหนังสือและวรรณกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายจำนวนนับไม่ถ้วน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราคิดว่าการแยกแยะประเด็นที่สำคัญที่สุดสองสามข้อสำหรับชุมชน TradingView นั้นเป็นเรื่องที่ดี กระโดดเข้าไปกันเลย!
1.) เริ่มคิดในความน่าจะเป็น 🔢
มาดูแนวคิดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการซื้อขายและในชีวิตกัน: มูลค่าที่คาดหวัง
มูลค่าที่คาดหวังเป็นเพียงตัวเลขที่บ่งชี้ตามความน่าจะเป็น, มูลค่าของการดำเนินการบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นบวกหรือลบก็ได้ การซื้อขายนี้จะสร้างรายได้หรือไม่? ฉันควรเปลี่ยนอาชีพหรือไม่? ฉันควรแต่งงานกับคู่ของฉันหรือไม่? ทั้งหมดลงมาที่มูลค่าที่คาดหวัง แล้วอะไรคือมูลค่าที่คาดหวังในตอนนี้ล่ะ? มี 2 สิ่งคือ: อัตรา BAT RATE % และ การแพ้ / ชนะ
อัตรา BAT RATE คือเปอร์เซ็นต์ของการชนะเทียบกับผลลัพธ์ทั้งหมด การชนะ / การแพ้ คือขนาดของผู้ชนะโดยเฉลี่ยหารด้วยขนาดของผู้แพ้โดยเฉลี่ย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ โอกาสนี้ทำงานอย่างไร? ชัยชนะยิ่งใหญ่แค่ไหน? ขาดทุนขนาดไหน? เมื่อคุณรวมตัวเลขเหล่านี้เข้าด้วยกัน คุณจะเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นว่าการดำเนินการบางอย่างมีความสมเหตุสมผลหรือไม่
ตัวอย่างเช่น แนวคิดทางการซื้อขายบางอย่างมีโอกาส 50% ที่จะได้ผล การชนะทำให้คุณได้ $2 ในขณะที่การแพ้ทำให้คุณเสีย $1 คุณควรทำการซื้อขายหรือไม่?
ลองหากัน ในตัวอย่างนี้ คุณทำการซื้อขาย 100 ครั้ง ซึ่งมี 50 ครั้ง ที่คุณชนะ $2 และ 50 ครั้ง ที่คุณเสีย $1 คุณจะได้กำไรรวม $50! ((50x2)-(50x1)). เห็นได้ชัดว่าการซื้อขายนี้มีมูลค่าที่คาดหวังในเชิงบวก! ดังนั้น แม้ว่าคุณจะทำการซื้อขายและจบลงด้วยการขาดทุน คุณยังคงตัดสินใจถูกต้อง จากมุมมองของ EV
ธุรกิจที่ยุ่งยากกับมูลค่าที่คาดหวังคือ Bat Rate และ ชนะ / แพ้ ไม่ใช่ตัวเลขที่ชัดเจน เป็นการประมาณการ ดังนั้น การสร้างความรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีบางสิ่งเกิดขึ้น และการสร้างความเข้าใจในขอบเขตของการชนะและการสูญเสียจึงเป็นทักษะหลักในการสร้างเพื่อการซื้อขายและชีวิต วิธีง่ายๆ ในการปรับเทียบเสาอากาศของคุณให้ดีขึ้นสำหรับสิ่งนี้ คือการจดบันทึกสิ่งที่คุณคาดว่าจะเกิดขึ้นในบันทึกการซื้อขายของคุณ การทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ความสามารถในการคาดเดาผลลัพธ์ของคุณน่าจะดีขึ้น
2.) การตระหนักรู้ในตนเอง 😵💫
ในการซื้อขาย การกระทำของผู้เข้าร่วมตลาดทุกคนมักเกิดจากความกลัว 2 ประการคือ: ความกลัวที่จะพลาดโอกาส และ ความกลัวการสูญเสีย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือความกลัวและความโลภ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเคมีในสมองและประสบการณ์ชีวิตของคุณ มีแนวโน้มว่าความกลัวเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับคุณมากกว่าอีกความกลัวหนึ่ง
ลองนึกถึงสถานการณ์ต่อไปนี้: คุณทำการซื้อขาย และโพสิชั่นก็เริ่มเคลื่อนไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้ จากนั้นสินทรัพย์นั้นก็เริ่มเกิด sideway ขึ้น ลองดูสองวิธีที่สามารถทำได้:
a - คุณปิดสถานะของคุณ จากนั้นสินทรัพย์ก็เริ่มฉีกไปในทิศทางของคุณอีกครั้งโดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสามเท่า คุณพลาดการเคลื่อนไหวพิเศษนี้ไปซะแล้ว ตอนนี้คุณได้ออกจากตำแหน่งเพื่อผลกำไรอันน้อยนิด
b - คุณไม่ได้ปิดสถานะ และสินทรัพย์เดินทางกลับลงไปที่ Stop Loss ของคุณและคุณใช้ L (ซื้อ) ในการซื้อขาย
สถานการณ์ใดต่อไปนี้ที่เจ็บปวดสำหรับคุณมากกว่ากัน ไม่มีคำตอบที่ *ถูก* หรือ *ผิด* แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าความกลัวใดมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจที่ซับซ้อนในสมองของคุณ หากคุณพบว่าคุณมีแนวโน้มที่จะใช้ FOMO มากกว่า ให้ลองคิดหากลยุทธ์ที่คุณสามารถบีบทุกหยดสุดท้ายของการซื้อขายที่จะชนะให้ได้ หากคุณมีแนวโน้มที่จะกลัวการสูญเสียมากกว่า ให้ลองคิดหากลยุทธ์ที่ลดโอกาสที่คุณจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่
3.) ความเหมาะสมของกลยุทธ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง ✅
เคล็ดลับนี้เน้นย้ำถึงเคล็ดลับสุดท้ายเกี่ยวกับการตระหนักรู้ในตนเอง และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสม่ำเสมอในการโต้ตอบกับตลาด
เมื่อคุณโต้ตอบกับตลาด การเขียนแผนการซื้อขายที่เข้าใจเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้กำหนดอาณัติการลงทุน แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และแผนธุรกิจไว้อย่างชัดเจน อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีแผนกันล่ะ?
" ที่กล่าวไว้ ไม่ใช่ว่าทุกแผนการซื้อขายจะถูกสร้างขึ้นมาเท่าเทียมกัน และแผนที่วาง
ไว้ดีที่สุด มักจะไม่เป็นไปตามนั้น...ฯลฯ "
เมื่อออกแบบแผนการซื้อขายเทรดเดอร์มือใหม่หรือระดับกลางจำนวนมากมุ่งเน้นที่ด้านการทำเงินเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกับใน 'กลยุทธ์ใดที่จะทำให้ฉันได้รับผลกำไรสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด' ฉันจะได้เปรียบได้อย่างไร? โดยทั่วไป การทดสอบย้อนหลัง, การวิจัยพื้นฐาน, วิสัยทัศน์ และอื่นๆ มีส่วนในการช่วยกำหนดเกณฑ์สำหรับกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญรู้ว่ามีบางสิ่งที่สำคัญมากกว่าการกำหนดขอบของคุณ สร้างความเสมอต้นเสมอปลาย .
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมีกลยุทธ์การซื้อขายที่สมบูรณ์แบบซึ่งในทางทฤษฎี ในอนาคต มันจะช่วยให้คุณซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แผนดังกล่าวกำหนดเกณฑ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการซื้อจุดต่ำสุดของตลาดและการขายในจุดสูงของตลาด สำหรับมือใหม่ นี่อาจเป็นดั่งจอกศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม เพียงเพราะคุณ *เข้าใจ* กลยุทธ์ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถ *ดำเนินการ* กลยุทธ์ได้
คุณสามารถทดสอบกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบนี้ได้ในชีวิตจริง และหากคุณไม่สามารถปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้สำหรับตัวคุณเองในช่วงเวลาที่ร้อนระอุเนื่องจากองค์ประกอบทางจิตวิทยาของคุณ นั่นไม่่ใช่เพราะกลยุทธ แต่เป็นเพราะตัวคุณเอง
ดังนั้น การค้นหากลยุทธ์ที่คุณสามารถทำเองได้ด้วยความสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตลาด ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
ในแง่ของมูลค่าที่คาดหวังและการรับรู้ในตนเอง การมีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ 30% แต่คุณสามารถดำเนินการได้ด้วยความมั่นใจ 100% นั้นมีค่ามากกว่ากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ 70% ซึ่งคุณสามารถดำเนินการได้อย่างแม่นยำเพียง 40% ของเวลาเท่านั้น
การไม่เครียดจากการสูญเสียถือเป็นผลลัพธ์ที่แท้จริง สิ่งนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันความผิดพลาด ไม่ใช่การสูญเสีย
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับการอ่าน และขอให้มีวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ดี! แจ้งให้เราทราบด้วยการแสดงความคิดเห็นด้านล่างว่าคุณได้เรียนรู้สิ่งใด และเราจะพิจารณาทำชุดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับจิตวิทยาที่ประยุกต์ใช้สำหรับการซื้อขาย
ไชโย!
- ทีม TradingView
BTCUSDTความคล้ายกันของ harmonic และ รูปแบบชาร์ตทั่วไป คือ ในแต่ละอัน รูปร่างและโครงสร้างจะเป็นปัจจัยหลักในการรับรู้และยอมรับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาถัดไปสามารถถูกคาดหมายด้วยเป้าหมายที่จะเปลี่ยนจากรูปแบบมาเป็นกำไร อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่สำคัญ คือ รูปแบบ harmonic ถูกกำหนดไว้อย่างละเอียดมากกว่า โดยมีโครงสร้างกลับตัวแบบ 5 จุด ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนผสมของ Fibonacci retracements และ Fibonacci extensions ที่ต่อเนื่องกันด้วยรูปแบบอย่างดี ทำให้ไม่เกิดการแปลความหมายได้หลายอย่าง
รูปแบบ Harmonic จะเกิดซ้ำๆ กันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดที่ราคากำลังพักตัว โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ โครงสร้าง retracement แบบ 5 จุด อย่างเช่น Gartley และ Bat และรูปแบบ extension แบบ 5 จุด อย่างเช่น Butterfly และ Crab การเทรดตามรูปแบบ Harmonic ต้องอาศัยความอดทน เนื่องจากความเฉพาะตัวของอัตราส่วน รูปแบบที่ปรากฎเป็น Harmonic อาจไม่ได้เป็นตามนั้น เนื่องจากมันต้องตรงตามสัดส่วนที่เหมาะสม
Order Book คือ แผงตลาดขออธิบายแบบบ้าน ๆ ก่อน Order Book เปรียบเสมือนแผงตลาดที่เอาไว้วาง (สินค้า / สิ่งแลกเปลี่ยน) เพื่อให้ พ่อค้าแม่ค้า กับ ลูกค้า ได้เปลี่ยนเปลี่ยนกัน
แม่ค้าขายเนื้อหมู (สินค้า/สิ่งแลกเปลี่ยน คือ เนื้อหมู)
ลูกค้าซื้อเนื้อหมู (สินค้า/สิ่งแลกเปลี่ยน คือ เงิน)
Order Book ก็คือแผงตลาดเลย เป็นสถานที่พบเจอเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน ต่อรองราคากัน และเมื่อตกลงกันได้ก็จะทำการซื้อขายกัน
######## -------- ########
Order Book เป็นที่แสดง คำสั่งซื้อ และ คำสั่งขาย ของนักเทรด
ผู้ขาย (สินค้า/สิ่งแลกเปลี่ยน คือ Bitcoin)
ผู้ซื้อ (สินค้า/สิ่งแลกเปลี่ยน คือ USD)
หากนักเทรดส่งคำสั่งขาย คำสั่งนั้นก็จะไปปรากฏใน Order Book ของฝั่งผู้ขาย เพื่อรอรับคำสั่งซื้อ (รอให้คนมาซื้อ)
หากนักเทรดส่งคำสั่งซื้อ คำสั่งนั้นก็จะไปปรากฏใน Order Book ของฝั่งผู้ซื้อ เพื่อรอรับคำสั่งขาย (รอให้คนมาขาย)
// OhManLan // // OhManLan // // OhManLan //
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ OhManLan ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
คำสั่งตลาด (Market Order)คำสั่งตลาด (Market Order), คำสั่งนี้จะ Buy หรือ Sell ทุกราคาที่มีใน Order book ทันที
***หากใช้คำสั่งนี้บน Exchanges ที่มีสภามคล่องที่ต่ำ
จะมีความเสี่ยงที่สูงมาก เพราะคุณอาจจะได้ Buy หรือ Sell ในราคาที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบัน
## --- ## --- ## --- ##
ตัวอย่างการ Buy ด้วย Market Order
#Buy(1)
หากส่งคำสั่งตลาด (Market Order) ด้วยจำนวนเงิน 10,000 USD
ระบบจะทำการ Buy ทุกราคาที่มีใน Order book ฝั่ง Sell ทันที
ตามภาพ ระบบจะทำการ Buy ให้คุณทันทีที่ราคา 38,480 USD
#Buy(2)
หากส่งคำสั่งตลาด (Market Order) ด้วยจำนวนเงิน 176,265 USD
ระบบจะทำการ Buy ทุกราคาที่มีใน Order book ฝั่ง Sell ทันที
ตามภาพ ระบบจะทำการ Buy ให้คุณทันทีทั้งหมด 7 ราคา ได้แก่
38,480 USD ด้วยจำนวนเงิน 164,538 USD
38,482 USD ด้วยจำนวนเงิน 394 USD
38,483 USD ด้วยจำนวนเงิน 41 USD
38,484 USD ด้วยจำนวนเงิน 430 USD
38,485 USD ด้วยจำนวนเงิน 426 USD
38,486 USD ด้วยจำนวนเงิน 6,007 USD
38,487 USD ด้วยจำนวนเงิน 4,829 USD
## ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ OhManLan ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ##
ตัวอย่างการ Sell ด้วย Market Order
#Sell(1)
หากส่งคำสั่งตลาด (Market Order) ด้วยจำนวนเงิน 10,000 USD
ระบบจะทำการ Sell ทุกราคาที่มีใน Order book ฝั่ง Buy ทันที
ตามภาพ ระบบจะทำการ Sell ให้คุณทันทีที่ราคา 38,479 USD
#Buy(2)
หากส่งคำสั่งตลาด (Market Order) ด้วยจำนวนเงิน 2,150,140 USD
ระบบจะทำการ Sell ทุกราคาที่มีใน Order book ฝั่ง Buy ทันที
ตามภาพ ระบบจะทำการ Sell ให้คุณทันทีทั้งหมด 4 ราคา ได้แก่
38,479 USD ด้วยจำนวนเงิน 2,093,286 USD
38,478 USD ด้วยจำนวนเงิน 1,203 USD
38,477 USD ด้วยจำนวนเงิน 5,013 USD
38,476 USD ด้วยจำนวนเงิน 50,638 USD
// OhManLan // // OhManLan // // OhManLan //
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ OhManLan ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
คำสั่งจำกัด (Limit Order)คำสั่งจำกัด (Limit Order) คำสั่งนี้จะ Buy หรือ Sell ทุกราคาใน Order book ที่ไม่เกินราคาที่เรากำหนด
ตัวอย่างการตั้ง Buy ด้วย Limit Order
#Buy(1)
หากตั้ง Limit Order ที่ราคา 39,117 USD
ระบบจะทำการ Buy ทุกราคาที่มีใน Order book
แต่จะไม่ Buy สูงกว่าราคา 39,117 USD
ตามภาพ หากเราส่งคำสั่งซื้อด้วยจำนวนเงิน 2,258,733 USD
ระบบจะทำการ Buy ทันทีให้กับเรา 3 ราคาใน Order book ฝั่ง Sell ได้แก่
39,111 USD ด้วยจำนวนเงิน 2,258,730 USD
39,112 USD ด้วยจำนวนเงิน 1 USD
39,115 USD ด้วยจำนวนเงิน 2 USD
#Buy(2)
หากตั้ง Limit Order ที่ราคา 39,112 USD
ระบบจะทำการ Buy ทุกราคาที่มีใน Order book ฝั่ง
แต่จะไม่ Buy สูงกว่าราคา 39,112 USD
ตามภาพ หากเราส่งคำสั่งซื้อด้วยจำนวนเงิน 3,258,731 USD
ระบบจะทำการ Buy ทันทีให้กับเรา 2 ราคาใน Order book ฝั่ง Sell ได้แก่
39,111 USD ด้วยจำนวนเงิน 2,258,730 USD
39,112 USD ด้วยจำนวนเงิน 1 USD
สำหรับส่วนที่เหลืออีก 1,000,000 USD
จะถูกวางใน Order book ฝั่ง Buy
เพื่อรอรับ Order ฝั่ง Sell
#Buy(3)
หากตั้ง Limit Order ที่ราคา 39,106 USD
ระบบจะทำการ Buy ทุกราคาที่มีใน Order book ฝั่ง
แต่จะไม่ Buy สูงกว่าราคา 39,106 USD
*โดยราคาที่มีการทำธุรกรรมล่าสุด คือ 39,110.50 USD
ตามภาพ หากเราส่งคำสั่งซื้อด้วยจำนวนเงิน 10,218 USD
ระบบจะวางคำสั่งรอใน Order book ฝั่ง Buy
เพื่อรอรับ Order ฝั่ง Sell (ธุรกรรมจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที)
// OhManLan // // OhManLan // // OhManLan //
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ OhManLan ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ตัวอย่างการตั้ง Sell ด้วย Limit Order
#Sell(1)
หากตั้ง Limit Order ที่ราคา 39,108 USD
ระบบจะทำการ Sell ทุกราคาที่มีใน Order book
แต่จะไม่ Sell ต่ำกว่าราคา 39,108 USD
ตามภาพ หากเราส่งคำสั่งขายด้วยจำนวนเงิน 222,933 USD
ระบบจะทำการ Sell ทันทีให้กับเรา 3 ราคาใน Order book ฝั่ง Buy ได้แก่
39,110 USD ด้วยจำนวนเงิน 222,815 USD
39,109 USD ด้วยจำนวนเงิน 117 USD
39,108 USD ด้วยจำนวนเงิน 1 USD
#Sell(2)
หากตั้ง Limit Order ที่ราคา 39,108 USD
ระบบจะทำการ Sell ทุกราคาที่มีใน Order book
แต่จะไม่ Sell ต่ำกว่าราคา 39,108 USD
ตามภาพ หากเราส่งคำสั่งขายด้วยจำนวนเงิน 322,932 USD
ระบบจะทำการ Sell ทันทีให้กับเรา 2 ราคาใน Order book ฝั่ง Buy ได้แก่
39,110 USD ด้วยจำนวนเงิน 222,815 USD
39,109 USD ด้วยจำนวนเงิน 117 USD
สำหรับส่วนที่เหลืออีก 100,000 USD
จะถูกวางใน Order book ฝั่ง Sell
เพื่อรอรับ Order ฝั่ง Buy
#Sell(3)
หากตั้ง Limit Order ที่ราคา 39,111 USD
ระบบจะทำการ Sell ทุกราคาที่มีใน Order book
แต่จะไม่ Sell ต่ำกว่าราคา 39,111 USD
*โดยราคาที่มีการทำธุรกรรมล่าสุด คือ 39,110.50 USD
ตามภาพ หากเราส่งคำสั่งขายด้วยจำนวนเงิน 222,815 USD
ระบบจะวางคำสั่งรอใน Order book ฝั่ง Sell
เพื่อรอรับ Order ฝั่ง Buy (ธุรกรรมจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที)
// OhManLan // // OhManLan // // OhManLan //
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ OhManLan ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ประเภทคำสั่งต่างๆ ทำงานอย่างไรเฮ้ทุกคน! 👋
วันนี้เราจะมาดูประเภทคำสั่งหลักที่มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน ที่มักพบเห็นในตลาด และอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าที่ของพวกมันเล็กน้อย ว่าพวกมันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ฟังดูเข้าท่านะ? ไปลุยกันเถอะ! 🚀
ก่อนที่เราจะพูดถึงประเภทคำสั่งต่างๆ ที่คุณอาจเห็นเมื่อคุณทำการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มของ TradingView สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าตลาดเกือบทั้งหมดทำงานอย่างไรในตอนแรก
เมื่อพูดถึงตลาดไม่ว่าที่ใด เวลาไหน ก็มี “BEST BID” และ “BEST ASK” เมื่อใดก็ได้ 🔢
BEST BID คือราคาสูงสุดที่ใครบางคนยินดีจ่ายสำหรับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง และ BEST ASK คือราคาต่ำสุดที่ใครบางคนยินดีที่จะขายสำหรับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง
ลองคิดดูว่าเมื่อพูดถึงหุ้น โบรกเกอร์ของคุณจะนำเสนอตลาดรวมของคำสั่งซื้อ (คำสั่งซื้อ) สำหรับหุ้นใดหุ้นหนึ่ง สมมติว่าคุณอยู่ในตลาดหุ้น Apple คุณจะเห็นได้ว่าหุ้นนั้น “ซื้อขายที่” 175.50 ดอลลาร์ นั่นหมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าราคาต่ำสุดที่ใครบางคนยินดีขายหุ้น Apple ของพวกเขาอาจอยู่ที่ประมาณ 175.52 ดอลลาร์ และราคาสูงสุดที่ใครบางคนยินดีจ่ายสำหรับหุ้น Apple อาจอยู่ที่ประมาณ 175.49 ดอลลาร์
ผู้เข้าร่วมตลาดเหล่านี้แสดงเจตจำนงของตนอย่างไร? โดยการวางลิมิตออร์เดอร์ ⌛
1.) ลิมิตออร์เดอร์ เป็นคำสั่งประเภทหนึ่งที่คุณส่งไปยังสถานที่ซื้อขายเมื่อคุณต้องการซื้อหรือขายบางอย่างในราคาที่แน่นอน
ในตัวอย่าง Apple ด้านบน สมมติว่าคุณต้องการซื้อ Apple แต่คุณไม่ต้องการจ่ายเงินมากกว่า $175.25 เมื่อคุณป้อนคำสั่งซื้อนี้และคลิก "ส่ง" คำสั่งซื้อของคุณจะไปถึงสถานที่ซื้อขายและเข้าร่วมคำสั่งซื้อในราคา 175.25 ดอลลาร์ และตอนนี้คุณจะอยู่ในสถานะ "Live" และอยู่ในตลาด โบรกเกอร์ของคุณจะหักเงินสดที่จำเป็นในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อนั้นจากกำลังการซื้อของคุณในขณะที่คำสั่งซื้อของคุณเผยแพร่อยู่
คำถามต่อไป: หากทุกคนมีลิมิตออร์เดอร์ในรายการออร์เดอร์ แล้วราคาจะลดลงมาที่คุณไหม? 🔽
มีอยู่สองสามวิธี แต่วิธีหนึ่งที่พบบ่อยที่สุดคือ: มาร์เก็ตออเดอร์ ⌚
2.) มาร์เก็ตออเดอร์ คือคำสั่งที่ส่งไปยังตลาดและดำเนินการซื้อหรือขายสินทรัพย์ทันทีไม่ว่าราคาจะเป็นเท่าไร
ผู้คนจำนวนมากใช้มาร์เก็ตออเดอร์เพราะพวกเขารับประกันได้ว่าคุณจะได้โพสิชั่นที่คุณต้องการในทันที ข้อเสียคือเมื่อคุณส่งมาร์เก็ตออเดอร์ คุณจะไม่สามารถควบคุมราคาที่คุณได้รับ ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ในทันที และคุณอาจได้โพสิชั่นในราคาที่คุณไม่ต้องการ
กลับไปที่ตัวอย่างของเรา: หากคุณกำลังรอคำสั่งซื้อของคุณใน AAPL ซื้อหุ้นที่ 175.25 ดอลลาร์ ดังนั้นใครก็ตามที่จ่ายเงินให้กับคุณจะข้ามสเปรด ซึ่งนั่นอาจเป็นคำสั่งมาร์เก็ตออเดอร์ 💵
สมมติว่าคุณได้รับการซื้อหุ้นใน AAPL ที่ 175.25 ดอลลาร์ และคุณต้องการออกจากสถานะการซื้อของคุณหากหุ้นมีราคาต่ำกว่า 175 ดอลลาร์ ในกรณีนี้ คุณจะต้องใช้สต๊อปออเดอร์ 🛑
3.) สต๊อปออเดอร์ คือคำสั่งที่คุณส่งไปยังตลาดที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ Nasdaq/NYSE ซึ่งพวกมันมีราคาทริกเกอร์ และเมื่อราคาถูกทริกเกอร์ พวกมันจะดำเนินการ ลิมิตออเดอร์ หรือ มาร์เก็ตออเดอร์ ตามข้อมูลที่คุณได้ป้อนไป สิ่งเหล่านี้คือ สต๊อปลิมิตออเดรอ์ และ สต๊อปมาร์เก็ตออเดอร์
อาจฟังดูซับซ้อน แต่ก็ง่ายกว่าที่คิด
อีกครั้ง; กลับไปที่ตัวอย่างของเรา สมมติว่าคุณได้รับการซื้อใน AAPL ที่ 175.25 แต่แล้วคำสั่งสต๊อปออเดอร์ของคุณจะทำงานที่ 174.99 (คุณต้องการออกจากสถานะการซื้อ หากราคาหุ้นต่ำกว่า 175)
หากใช้มาร์ตเก็ตออเดอร์ในการสต๊อปออเดอร์ คุณจะถูกปิดออกจากโพสิชั่นในทันที ไม่ว่าราคาจะอยู่ที่เท่าไร ก็ง่ายๆ เท่านั้นล่ะ! ✅
สัปดาห์หน้า เราจะพูดถึงเทคนิคการสั่งซื้อที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้เพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น 🦾
ขอให้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย!
-ทีม TradingView 👀
ในที่สุดรางวัลBroker Awards ก็มาถึงแล้ว!สวัสดีทุกคน 👋👋
ถึงเวลานั้นของปีอีกครั้ง: Broker Awards!
ปีที่แล้ว เรามอบรางวัลที่แตกต่างกัน 8 รางวัลให้กับโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดที่รวมอยู่ในแพลตฟอร์มของเรา โหวตโดยคุณ!
ตั้งแต่พิธีมอบรางวัลปีที่แล้ว จำนวนโบรกเกอร์แบบบูรณาการเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ซึ่งหมายความว่าการโหวตของคุณมีความสำคัญมากกว่าที่เคย! การแข่งขันเพื่อตำแหน่งสูงสุดนั้นดุเดือด ดังนั้น หากคุณเคยร่วมงานกับหนึ่งในพันธมิตรที่ผสานรวมกันของเรา อย่าลืมแสดงความคิดเห็นของคุณบนเพจของพวกเขา! บทวิจารณ์ของคุณมีความสำคัญต่อรางวัลนี้ และสามารถช่วยให้ผู้อื่นตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในเรื่องเงินของพวกเขาได้ ไปเดี๋ยวนี้ !
ในปีนี้ประเภทคือ:
โบรกเกอร์แห่งปี
โบรกเกอร์หลายสินทรัพย์ที่ดีที่สุด
โบรกเกอร์ยอดนิยม
โบรกเกอร์ฟิวเจอร์สที่ดีที่สุด
แชมป์โซเชียล
โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และ CFD ที่ดีที่สุด
ที่สุดของเทคโนโลยีสุดล้ำ
สุดยอดโบรกเกอร์ / การแลกเปลี่ยน Crypto
จะผู้ชนะประกาศในวันที่ 20 มกราคม อย่าลืมจับตาดูเราเพื่อไม่ให้พลาดการประกาศ
อย่างจริงจัง: หากคุณยังไม่ได้ให้คะแนนโบรกเกอร์ที่คุณชื่นชอบ ไปที่หน้านี้ และคลิกไอคอนเพื่อไปที่ โปรไฟล์โบรกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง
เราแทบรอไม่ไหวแล้วว่าใครจะได้ที่ 1 ในปีนี้!
จำไว้ว่า คุณสามารถซื้อขายได้โดยตรงจาก TradingView โดยการเชื่อมต่อบัญชีของคุณกับหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ยอดเยี่ยมของเรา ในการเริ่มต้น ให้คลิกปุ่มแผงการซื้อขายที่ด้านล่างของชาร์ตของคุณ
วิธีใช้เหรียญ TradingViewคุณเคยต้องการที่จะแสดงความขอบคุณสำหรับไอเดียหนึ่ง แต่รู้สึกว่าการกดปุ่ม Like นั้นไม่เพียงพอใช่หรือไม่?
เหรียญ TradingView เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแสดงให้ผู้ใช้งานท่านอื่นเห็นว่าคุณชื่นชมเขา!
เหรียญ TradingView คืออะไร?
เหรียญ TradingView เป็นสกุลเงินภายในของเว็บไซต์เรา 1 เหรียญมีค่าเท่ากับ $0.01 USD
คุณจะรับเหรียญได้อย่างไร?
แนะนำเพื่อน : เมื่อคุณแนะนำเพื่อนให้รู้จักกับ TradingView คุณทั้งคู่จะได้รับเหรียญ TradingView หลังจากที่พวกเขาอัพเกรดสู่แผนบริการแบบชำระเงินของเรา
รับการแบ่งปัน/บริจาคจากผู้ใช้งานท่านอื่น: ผู้ใช้งาน TradingView สามารถมอบเหรียญสำหรับเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม, เพื่อกล่าวขอบคุณ หากพวกเขารู้สึกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรืออาจด้วยเหตุผลอื่นใด
ซื้อเหรียญ: คุณสามารถซื้อเหรียญเป็นชุด เช่น 500, 1,000 หรือ 5,000 เหรียญ โดยสามารถทำได้โดยเปิดเมนูผู้ใช้งานและเลือก "เหรียญ"
(ยอดเหรียญปัจจุบันของคุณ, ประวัติการบริจาค/แบ่งปัน และข้อมูลเหรียญอื่นๆ จะแสดงที่นี่ด้วย)
ยอดเยี่ยมไปเลย! ตอนนี้คุณมีสินทรัพย์เป็นเหรียญ TradingView แล้ว คุณจะใช้มันได้อย่างไร?
สนับสนุนใครซักคน : การให้กำลังใจ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแสดงการสนับสนุนผู้ใช้งานที่คุณชื่นชอบ
ขนาดของการส่งเหรียญของคุณมีการกำหนดไว้บนเว็บไซต์ของเราด้วยค่าต่อไปนี้: 100, 200, 350 หรือ 500 เหรียญ ค่าเหล่านี้เทียบเท่ากับ $1, $2, $3.50 และ $5USD คุณลักษณะนี้มีให้สำหรับผู้ใช้งานทุกคน
ให้กำลังใจไอเดียโดยใช้ปุ่ม "แสดงความคิดเห็นด้วยกำลังใจ" เพื่อส่งข้อความของคุณพร้อมด้วยเหรียญ TradingView
ให้กำลังใจผู้ใช้งานจากโปรไฟล์ของเขาโดยเลือก "เชียร์" ที่มุมบนของหน้าโปรไฟล์
ซื้อแผนบริการแบบชำระเงิน : คุณสามารถใช้เหรียญ TradingView กับแผนบริการราย 1 เดือนหรือราย 1 ปีได้ ตัวอย่างเช่น ใช้ 3,000 เหรียญสามารถใช้งานแผนบริการ PRO+ ได้นานถึง 1 เดือน ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของเรา
โปรดทราบว่าหากคุณมีแผนบริการปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ คุณสามารถเพิ่มอายุบริการบนแผนบริการประเภทเดียวกันได้หนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี เราไม่รองรับการอัพเกรดแผนบริการด้วยเหรียญ
คำแนะนำสำหรับการเป็นมืออาชีพเหรียญ TradingView
ผู้ดูแลการใช้งาน, ผู้จัดการและพนักงานของ TradingView มอบเหรียญให้กับแนวคิดที่ได้รับเลือกจากบรรณาธิการ, สคริปต์ที่ยอดเยี่ยม, ไอเดีย และเนื้อหาพิเศษอื่นๆ ตลอดเวลา
พวกเขาสามารถสังเกตได้ด้วยสัญลักษณ์โลโก้ TradingView หรือสัญลักษณ์ "Mod" ที่อยู่ถัดจากชื่อผู้ใช้งานของพวกเขา
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเหรียญ TradingView ใน ศูนย์ช่วยเหลือ ของเรา