Block Trade คืออะไร?Block Trade คืออะไร เทรดอย่างไร ?
👯👯👯 สำหรับใคร ที่ชื่นชอบความท้าทาย และต้องการมีรายได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้น ให้รีบมาอ่านบทความนี้ เพราะหากเราลองเปรียบเทียบ การลงทุนในหุ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน แต่เราสามารถสร้างผลตอบแทนและกำไรได้มากกว่าหลายเท่าตัวด้วย Block trade จะดีกว่ามั้ย มาครับมาตามอ่านกัน
Block Trade คืออะไร?
Block Trade เป็นหนึ่งในบริการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดทำให้กับลูกค้าที่มีความต้องการลงทุนใน Single Stock Future (SSF) ซึ่งมีวิธีการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขาย (SSF) ที่ราคา และจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ
Single Stock Futures (SSF) แรกเริ่มเดิมที คือ การซื้อขายสัญญา Futures ของหุ้นอ้างอิงที่เราสนใจนั่นเอง โดยมากแล้วหุ้นอ้างอิงเหล่านี้มักจะเป็นสมาชิกของ SET50 ซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วบวกเพิ่มเข้าไปกับหุ้น SET100 อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ปัจจุบันมีทั้งหมด 69 หุ้นอ้างอิงที่เราสามารถเลือกซื้อขาย Long-Short โดยใช้ Single Stock Futures เป็นตัวช่วยในการเพิ่มอัตราทดให้พอร์ตการลงทุนของเราได้
แต่การซื้อขาย SSF กลับไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เหตุก็เพราะว่าผู้เล่นในสนามนี้โดยมากแล้วจะเป็นนักลงทุนทั่วไป ที่มาตั้งซื้อ-ขายกันเอง ทำให้ “สภาพคล่อง” ของสินค้าชนิดนี้น้อย เป็นผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายกันได้อย่างสะดวก ด้วยเหตุนี้เองทำให้ SSF ได้รับความนิยมน้อย และนักลงทุนไม่ให้ความสนใจมากนักเนื่องจากปัญหาสภาพคล่องที่ต่ำ
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้เพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด SSF วิธีการคือบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้จะทำตัวเป็นคู่สัญญาให้กับผู้ซื้อทุกคน โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อจะต้องซื้อจำนวนสัญญา SSF เป็นจำนวนขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่มีกำหนดขึ้นมาจากตลาดหลักทรัพย์
การจับคู่สัญญาของผู้ซื้อ และบริษัทหลักทรัพย์นี้เองที่เรียกว่า “BLOCK TRADE”
โดยที่หากผู้เล่นต้องการเปิด สถานะ LONG บริษัทหลักทรัพย์ก็จะมารับเป็นคู่สัญญาเปิด สถานะ SHORT ทำให้ออเดอร์ทั้งสองฝั่งแมทช์กันได้
ดังนั้น ในกรณีที่ราคาหุ้นขยับขึ้นไป ผู้เล่นก็จะมีกำไร และทางบริษัทหลักทรัพย์คู่สัญญาตรงข้ามก็จะต้องรับขาดทุนไปด้วย แต่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ต้องการเปิดความเสี่ยงตรงนี้จุดนี้ จึงใช้วิธีป้องกันความเสี่ยง โดยการเข้าไปซื้อ “หุ้นจริงบนกระดาน” เอาไว้เท่ากับจำนวนที่เป็นคู่สัญญาให้กับผู้เล่น เพราะฉะนั้นแล้วบริษัทหลักทรัพย์ก็จะ “ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย” จากการเป็นคู่สัญญากับนักลงทุน เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากอัตราทดของสินค้านี้ได้
ตัวอย่างขั้นตอนการทำ Block Trade (ตัวเลขสมมติ)
- ผู้เล่นติดต่อมาร์เกตติ้งส่วนตัวเพื่อขอทำ Block Trade หุ้น CBG 1 แสนหุ้น
- มาร์เกตติ้งส่งคำสั่งเปิด long CBG 100 สัญญา ถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นคู่สัญญา
- บริษัทหลักทรัพย์ทำการซื้อหุ้น CBG 100,000 หุ้นจากบนกระดานหลักเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงตามที่ได้กล่าวไปด้านบน
- ลูกค้ามีสถานะ long CBG 100 สัญญา หรือเทียบเท่ากับมีหุ้น CBG 100,000 หุ้น
*** เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น ***
หลังจากที่มีโบรคเกอร์เข้ามาเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมนี้แล้ว ปริมาณการเทรด SSF จึงโตขึ้นถึง 10 เท่าตัว จากเดิมที่มีการซื้อขาย SSF เฉลี่ย 10,000 สัญญา ต่อวัน เขยิบขึ้นมาที่ราวๆ 80,000 สัญญาต่อวัน ซึ่งในวันที่มีการเทรดกันคึกคักสุดๆ จำนวนสัญญาเคยขึ้นไปสูงถึง 150,000 สัญญาต่อวันเลยทีเดียว
ทำไมผู้เล่นถึงเข้ามาเทรด Block Trade กันมากมายขนาดนี้ !!?
1. หุ้นที่สามารถทำ Block Trade ได้นั้น โดยมากจะเป็นหุ้นใน SET50 และ SET100
2. เลือกทิศทางได้ทั้งในฝั่ง LONG และ SHORT เพราะฉะนั้น ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น,ขาลง หรือแม้แต่ไซด์เวย์ ก็มีโอกาสให้กับผู้เล่นอยู่เสมอ
3. การทำ Block Trade ใช้เงินน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นในตลาด
👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะเริ่มเป็นแนวทางในการหาเงินหรือกำไรเพิ่มขึ้นมั้ยครับ แอดว่ามันเข้าท่าดีนะครับ สำหรับคนที่มีเงินทุนน้อย และชอบเทรดในตลาดหุ้นที่มีทั้ง short และ long บอกเลยว่ามันได้ฟิลดีเหมือนกันนะเออ
แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
การวิเคราะห์คลื่น
Fed ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี 0.5%: ผลกระทบต่อทองคำและบิตคอยนการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับ 4.75%-5% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี มีผลกระทบทั้งต่อทองคำและบิตคอยน์อย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบต่อทองคำ
ทองคำมักจะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย เนื่องจากการลดต้นทุนการกู้ยืมทำให้นักลงทุนสนใจสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนแบบดอกเบี้ยอย่างทองคำมากขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัวลง
ผลกระทบต่อบิตคอยน์
บิตคอยน์และคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ อาจได้รับประโยชน์จากความผันผวนของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น การลดดอกเบี้ยทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินสูงขึ้น ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเช่นบิตคอยน์เพิ่มขึ้น
โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
แม้ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังมองว่า Fed อาจยังคงระมัดระวังในการปรับลดดอกเบี้ยต่อไป เพราะเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน หากการเติบโตยังไม่ชัดเจน Fed อาจเลือกที่จะลดดอกเบี้ยต่อไป แต่หากอัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาเร่งตัวขึ้น Fed อาจชะลอการปรับลดดอกเบี้ย.
“Fan Principle” เป็นเทคนิคที่ทรงพลังในการซื้อขาย โดยใช้เส้นแนวโน“Fan Principle” เป็นเทคนิคที่ทรงพลังในการซื้อขาย โดยใช้เส้นแนวโน้มเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคา
ไฮไลท์
📈 เทคนิคอันทรงพลัง: หลักการของพัดลมนั้นน่าเกรงขามในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
📉 การระบุจุด: การวาดเส้นแนวโน้มจากจุดสำคัญสามจุด
🔴 สัญญาณการซื้อขาย: สามารถระบุสัญญาณซื้อหรือขายได้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า
📊 ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ: การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟเพื่อแสดงเทคนิค
💰 โอกาสในการสร้างรายได้: กลยุทธ์สามารถส่งผลให้ได้รับผลกำไรอย่างมาก มากถึง 22%
🛑 การจัดการความเสี่ยง: ความสำคัญของการวางจุดหยุดขาดทุนเพื่อปกป้องการลงทุน
🔍 แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: ข้อมูลโดยละเอียดและกราฟิกจะถูกแชร์เพื่อทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ
📈 ประสิทธิผลของเทคนิค: Fan Principle ช่วยระบุแนวโน้มที่ชัดเจนโดยใช้จุดอ้างอิง ทำให้กลยุทธ์ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพ
📉 ความสำคัญของการยืนยัน: การตรวจสอบเส้นแนวโน้มด้วยจุดที่สามจะสร้างความมั่นใจในสัญญาณการซื้อขาย เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
🔴 สัญญาณเตือน: สัญญาณการขายหรือซื้อดังที่แสดงในวิดีโอสามารถนำไปสู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ตามการวิเคราะห์ในอดีต
📊 การวิเคราะห์ด้วยภาพ: การแสดงข้อมูลบนกราฟช่วยในการทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาด ซึ่งจำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
💰 ศักยภาพในการสร้างรายได้: การซื้อขายตามหลักการของ Fan สามารถให้โอกาสในการได้รับผลกำไรที่สำคัญ โดยเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของมัน
🛑 กลยุทธ์การป้องกัน: การวางจุดหยุดการขาดทุนเหนือจุดแนวต้านเป็นสิ่งสำคัญในการจำกัดการขาดทุนในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวของตลาดในเชิงลบ
🔍 การเข้าถึงแหล่งข้อมูล: ข้อมูลที่แชร์ในคำอธิบายและบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เป็นวิธีในการทำความเข้าใจทางเทคนิคให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและพัฒนาทักษะการซื้อขาย
-
หลักการทั่วไปในการซื้อขายคือกลยุทธ์ซึ่งประกอบด้วยการเปิดหลายตำแหน่งในสินทรัพย์เดียวกันในระดับราคาที่แตกต่างกัน ประเด็นหลักของแนวทางนี้มีดังนี้:
การทำงาน
แนวคิดคือการเปิดหลายตำแหน่ง (หรือ "ล็อต") ในสินทรัพย์ทางการเงินเดียวกันในระดับราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เกิด "ช่วง" ของตำแหน่ง
ตำแหน่งเหล่านี้เปิดในจุดที่พิจารณาถึงการกลับตัวของตลาดที่อาจเกิดขึ้น
วัตถุประสงค์คือเพื่อให้ตำแหน่งเหล่านี้เปิดเผยเหมือนอย่างพัดหรือค่อยๆ ปิดขึ้นอยู่กับการพัฒนาของตลาด
ประโยชน์
การกระจายความเสี่ยง: ด้วยการเข้าสู่ตลาดในระดับที่แตกต่างกัน เทรดเดอร์จะลดผลกระทบของการเข้าที่ไม่ดีเพียงครั้งเดียว
การจับความเคลื่อนไหว: วิธีการนี้ช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะต่างๆ
ความยืดหยุ่น: เทรดเดอร์สามารถปรับกลยุทธ์ของเขาได้โดยการปิดบางสถานะในขณะที่ยังคงเปิดสถานะอื่นไว้
เครื่องมือเพิ่มเติม
หลักการพัดสามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้:
Fibonacci Fan: เครื่องมือนี้จะวาดเส้นแนวโน้มที่ระดับสำคัญโดยอัตโนมัติ (38.2%, 50%, 61.8%) ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับตำแหน่งแฟน ๆ
Gann Angles: เส้นเหล่านี้วาดในมุมที่แตกต่างกัน (82.5°, 75°, 71.25° ฯลฯ) ยังสามารถช่วยระบุระดับที่เป็นไปได้ในการเปิดตำแหน่ง
RSI (Relative Strength Index): เทรดเดอร์บางรายรวมหลักการพัดเข้ากับ RSI เพื่อยืนยันจุดเริ่มต้น
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ
กลยุทธ์นี้จำเป็นต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเปิดหลายตำแหน่ง
สิ่งสำคัญคือต้องตั้งค่าระดับ Stop-Loss และ Take-Profit สำหรับแต่ละตำแหน่งในช่วง
การใช้แนวทางนี้จำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับตลาดและประสบการณ์การซื้อขายที่สำคัญ
MARKET STRUCTURE เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริงMARKET STRUCTURE
เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริง
👯👯👯กลับมาพบเจอกันอีกเช่นเคยกับบทความที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการเทรดโดยตรงเลยฮะ ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่หัดเทรดนี่ จัดว่าสำคัญมากๆเลย เพราะมันคือสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ มาครับ มาทำความรู้จักกับ MARKET STRUCTURE กันดีกว่า ว่ามันสำคัญอย่างไร
Market Structure โครงสร้างตลาด
โครงสร้างตลาดในการเทรด คือการทำความเข้าใจในเรื่อง หลักการการเชื่อมโยงกราฟใน Timeframe แต่ละ Timeframe ว่ามีความสัมพันธ์ุกันอย่างไร ไอ่เจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้เราสามารถอ่านกราฟออก และทำให้การเทรดนั้นดูง่ายขึ้นเยอะเเลย
อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า กราฟแท่งเทียนนั้นมีคลื่นเวฟ และมีเทรนด์ในตัวของมันเอง อ้างอิงตามทฤษฎีดาว ( Dow Theory ) ซึ่งเป็นทฤษฎีอมตะ ทฤษฎีต้นแบบในการอ่านคลื่นกราฟ โดยสามารถจำแนกแบ่ง เทรนด์ในการเทรดคร่าวๆดังนี้
1. Primary Trend คือแนวโน้มเทรนด์หลัก เทรนด์ใหญ่ ซึ่งทำให้เราแยกกราฟออกได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
2. Secondary Trend แนวโน้มรอง ส่วนใหญ่เทรนด์แนวโน้มรองมักจะเป็นเทรนด์ในกรอบระยะสั้น รวมไปถึงการพักตัวหรือสวิงเทรนด์ไซด์เวย์ และมีโอกาสที่ราคาจะไปต่อหรือกลับตัวได้เช่นกัน
3. Minor Trend แนวโน้มย่อย ส่วนใหญ่กรอบเทรนด์แนวโน้มย่อยมักจะอยู่ในกรอบ TF เล็กๆ วิ่งในระยะสั้นๆ และเป็นการย่อลงเพื่อไปต่อตามเทรนด์ในแนวโน้มใหญ่
แท่งเทียนของราคา ใน TF ต่างๆจึงมีความสัมพันธ์กันกับ Market structure
เปรียบเทียบการแบ่งแยก Timeframe เล็ก และใหญ่ ในกราฟคู่เงินเดียวกัน
การอ่านเทรนด์ออกจาก Timeframe (TF) หลายTimeframe จากใหญ่ ไป เล็ก จะทำให้เราอ่านกราฟออกและแบ่งแยกการเทรดได้ ว่าจะ Buy หรือ Sell และทำให้เราเห็นจุด โลว์ และ จุด ไฮ ( HH , HL, LL ) ที่ใกล้ที่สุด และโอกาสในการชนะก็ค่อนข้างได้เปรียบมากขึ้นอีกด้วย
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ง่ายๆเบสิค และทำให้หลายๆคนมองเห็นจุดเข้าที่ได้เปรียบได้มากขึ้น จากสัญญาณที่แตกต่างกันในหลาย TF แบบนี้เราก็จะเทรดได้ง่ายแถมกำไรดีขึ้นด้วยนี่สิ ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาคู่การเทรดและ การอ่านสัญญาณจากแท่งเทียนมาฝึกกันดูนะครับ แอดบอกเลยว่า กำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
ตัวอย่าง Terminal Impulse ที่ไม่ได้มี effect อย่างที่ทฤษฎีว่าไว้ในกราฟนี้เป็น Terminal Impulse แน่นอน ดูจากการ Overlap ของ 2-4 ก็เห็นชัดเจน แต่ก็ไม่ได้มี effect ที่ว่าจะลงไปจุดเริ่มต้นของมันเลย แถมขึ้นเกินไปอีก ดังนั้นก็ จะใช้อะไร เรียนอะไรมา เอามาแบ๊กเทสก่อนนะจ๊ะ อิอิ ตัวอย่างนี้ไม่ได้เป็นแค่ตัวอย่างเดียว ในกราฟอื่นๆก็มีให้เห็นบ่อยครับ ลองดูได้ รึบางที อาจจะเพราะเอามาใช้กับแท่งเทียน เลยเจอความ Sadly Disappointed เพราะไม่ใช่ Wave Chart กันนะ 🙃
วิธีใช้ ATR ในการเทรด Forexวิธีใช้ ATR ในการเทรด Forex:
การกำหนดระดับ Stop-Loss: เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR ร่วมกับระดับแนวรับแนวต้านเพื่อกำหนดระดับ Stop-Loss โดยทั่วไปแล้ว Stop-Loss จะถูกวางไว้เหนือแนวต้านสำหรับการเทรด Long และต่ำกว่าแนวรับสำหรับการเทรด Short ATR ช่วยให้
เทรดเดอร์สามารถปรับระยะ Stop-Loss ให้เหมาะสมกับความผันผวนของตลาดได้
การระบุโอกาสในการ Breakout: ATR สามารถช่วยระบุโอกาสในการ Breakout ของราคา โดยทั่วไปแล้ว Breakout จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวเกินกว่า ATR สองเท่า เทรดเดอร์สามารถใช้ Breakout เพื่อเข้าหรือออกจากการเทรด
การวัดความเสี่ยง: ATR เป็นเครื่องมือวัดความเสี่ยง เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR เพื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงของคู่สกุลเงินต่างๆ คู่สกุลเงินที่มีค่า ATR สูง มีความเสี่ยงสูงกว่าคู่สกุลเงินที่มีค่า ATR ต่ำ
การกรองสัญญาณ: ATR สามารถใช้เป็นเครื่องมือกรองสัญญาณจากตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจรอให้ ATR ลดลงก่อนที่จะเข้าซื้อหรือขายตามสัญญาณจาก RSI
ข้อจำกัดของ ATR:
ATR เป็นตัวบ่งชี้ที่ล้าหลัง: ATR คำนวณจากข้อมูลราคาในอดีต ดังนั้น ATR จึงไม่สามารถบอกอนาคตได้ เทรดเดอร์ควรใช้ ATR ควบคู่กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
ATR ไม่สามารถบ่งบอกทิศทางของราคา: ATR สามารถบอกเทรดเดอร์ได้ว่าราคาเคลื่อนไหวมากแค่ไหน แต่ ATR ไม่สามารถบอกเทรดเดอร์ได้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปทางใด
ค่า ATR สามารถเปลี่ยนแปลงได้: ค่า ATR สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา เทรดเดอร์ควรติดตามค่า ATR อย่างใกล้ชิด
โดยสรุป:
ATR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ Forex เทรดเดอร์สามารถใช้ ATR เพื่อกำหนดระดับ Stop-Loss ระบุโอกาสในการ Breakout วัดความเสี่ยง และกรองสัญญาณ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงข้อจำกัดของ ATR และใช้ ATR ควบคู่กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
Fibonacci fans : เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลังบทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ "แฟนฟิโบนัชชี" เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลัง พัฒนาจากลำดับฟิโบนัชชี เรียนรู้วิธีการตีเส้น วิเคราะห์ราคา และค้นพบแนวโน้มการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์
แฟนฟิโบนัชชี : Fibonacci fans
แฟนฟิโบนัชชี (Fibonacci fan) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้สัดส่วนฟิโบนัชชี (Fibonacci ratios) เพื่อระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นของราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้น ฟอเร็กซ์ หรือคริปโตเคอเรนซี่
สัดส่วนฟิโบนัชชี คือ ลำดับตัวเลขที่แต่ละตัวเลขเป็นผลรวมของสองตัวเลขก่อนหน้า เริ่มต้นด้วย 0 และ 1 ลำดับนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการปรากฏตัวในธรรมชาติ เช่น กลีบดอกไม้ กิ่งก้านของต้นไม้ และเปลือกหอย
วิธีการตีเส้นแฟนฟิโบนัชชี
ระบุจุดสูงสุด (swing high) และจุดต่ำสุด (swing low) ล่าสุดสองจุดบนกราฟราคา: จุดเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเส้นแฟนฟิโบนัชชี
วาดเส้นแนวตั้งจากจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด: เส้นเหล่านี้จะแบ่งกราฟออกเป็นสัดส่วนตามอัตราส่วนฟิโบนัชชีที่สำคัญ
วาดเส้นแนวนอนผ่านกราฟที่ระดับอัตราส่วนฟิโบนัชชีที่สำคัญ: อัตราส่วนฟิโบนัชชีที่ใช้ทั่วไป ได้แก่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6%
การตีความแฟนฟิโบนัชชี
จุดกลับตัว: ราคาอาจมีแนวโน้มที่จะกลับตัวในบริเวณของเส้นแฟนฟิโบนัชชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเส้น 38.2%, 50% และ 61.8%
แนวรับและแนวต้าน: เส้นแฟนฟิโบนัชชีสามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้าน โดยราคาอาจมีแนวโน้มที่จะเด้งกลับจากเส้นเหล่านี้
การขยายแนวโน้ม: เส้นแฟนฟิโบนัชชีสามารถใช้เพื่อขยายแนวโน้มของราคา โดยคาดการณ์ว่าราคาจะไปต่อในทิศทางเดิมจนถึงระดับอัตราส่วนฟิโบนัชชีที่สำคัญ
ตัวอย่างการใช้งานแฟนฟิโบนัชชี
หาจุดเข้าซื้อ/ขาย: นักลงทุนอาจใช้แฟนฟิโบนัชชีเพื่อหาจุดเข้าซื้อเมื่อราคาเด้งกลับจากแนวรับ หรือหาจุดเข้าขายเมื่อราคาทะลุแนวต้าน
ตั้งจุด Stop-loss และ Take-profit: นักลงทุนอาจใช้แฟนฟิโบนัชชีเพื่อตั้งจุด Stop-loss เหนือแนวรับ หรือใต้แนวต้าน และตั้งจุด Take-profit ที่ระดับอัตราส่วนฟิโบนัชชีที่สำคัญ
มุมมองทองคำ 29/12/23TF Day มองว่าทำกำลังทำ w3 of C โดยมีเป้าที่อาจไปถึง 1829.68 แผนคือมอง sell เป็นหลักเมื่อถึงโซนแล้วค่อยหาดูว่าจุดกลับตัวอยู่ตรงไหนส่วนคนที่มีของแล้วก็รันเทรดยาวๆไปได้และสามารถหาจุดเข้าออกตามระบบเทรดของตัวเองได้เช่นกัน
**การลงทุนมีความเสี่ยงนี่เป็นเพียงกรณีศึกษาไม่ได้แนะนำหรือเชิญชวนใดๆทั้งสิ้นผู้ที่สนใจควรศึกษาและตัดสินใจด้วยตัวเอง ขอให้ทุกคนโชคดีครับ***
USDJPY 4H เรียนรู้นับดาว นับดอย นับคลื่นUSDJPY 4H เรียนรู้นับดาว นับคลื่น
เพื่อนำไปเทรดในระบบsmc
ไม่ว่าตลาดจะเลือกทางไหน
ขอให้ทำตามแผนที่วางไว้ และมีวินัย สามารถได้กำไรทุกคนครับ.
ไม่ดื้อ ไม่โลภ ไม่กลัว
เสี่ยงเท่าที่คุณจะสูญเสียมันได้
นิ่งให้พอ รอให้เป็น เย็นให้ได้
เล็กน้อยxสม่ำเสมอ = มหาศาล
ท่านใดเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดติดตาม และShare ให้ด้วยนะ
น้าอ่านทุกคอมเม้นท์และเปิดรับทุกความคิดเห็น
5 เบญจภาคี ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค The Titans Of Technical Analysis
ในยุคแรกของซื้อขายในตลาด ผู้คนให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน ข่าววงใน ตัวเลขเศรฐกิจ การวิเคราะห์ทางเทคนิคถูกมองว่า เป็นเรื่องเหลวไหลใช้งานไม่ได้จริง แต่กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าหลักการเหล่านี้ใช้งานได้จริง เป็นเหตุเป็นผล เชื่อถือได้ ต่อไปนี้เป็นบุคคลในยุคบุกเบิกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อวงการเทคนิคอล เทคนิคของพวกท่านเหล่านี้ได้รับการศึกษาต่อยอด มาจนถึงปัจจุบัน
#Elliottwave #Zigzag Zigzag(5-3-5)
Single Zigzag คือการลดลงสามคลื่นที่มีลำดับคลื่นย่อยภายในเป็น 5-3-5 และคลื่น B ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น A อย่างชัดเจน ในบางกรณี Zigzag อาจเกิดขึ้น สองครั้งหรือมากสุดสามครั้งติดต่อกัน เพื่อให้มีการบรรลุเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ Zigzag แต่ละอันจะถูกคั่นกลางด้วยรูปแบบสามคลื่น(Corrective wave) ทำให้เกิด Double หรือ Triple Zigzag โดยที่ Zigzag มักจะเกิดขึ้นในคลื่นสองของ Motive wave มากกว่าคลื่นสี่ และอยู่ในคลื่นย่อยของสามเหลี่ยม และคลื่น X ในชุดคลื่นผสม
Rules
ซิกแซกแบ่งออกเป็นสามคลื่นเสมอ
คลื่น A แบ่งย่อยออกเป็น impulse หรือ leading diagonal.
คลื่น C แบ่งย่อย impulse หรือ ending diagonal.
คลื่น B แบ่งย่อยออกเป็น zigzag, flat, triangle หรือ combination เสมอ
คลื่น B ไม่เคยเคลื่อนที่เกินจุดเริ่มต้นของคลื่น A
Guidelines
คลื่น A แบ่งย่อยออกเป็น impulse.กือบทุกครั้ง
Wave C แบ่งย่อยเป็น impulse เสมอ
คลื่น C มักจะมีความยาวเท่ากับคลื่น A
คลื่น C มักจะสิ้นสุดเกินกว่าจุดสิ้นสุดของคลื่น A
คลื่น B มักจะย้อนกลับ 38 ถึง 79 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
ถ้าคลื่น B เป็น running triangle โดยทั่วไปจะย้อนกลับระหว่าง 10 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
หากคลื่น B เป็นคลื่นซิกแซก โดยทั่วไปจะถอยกลับ 50 ถึง 79 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
หากคลื่น B เป็นรูปสามเหลี่ยม โดยทั่วไปจะย้อนกลับ 38 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของคลื่น A
เส้นที่เชื่อมปลายคลื่น A และ C มักจะขนานกับเส้นที่เชื่อมปลายคลื่น B กับจุดเริ่มต้นของคลื่น A (แนวทางคาดการณ์ คลื่น C มักจะสิ้นสุดเมื่อถึงเส้นที่ลากจากปลายคลื่น A นั่นคือ ขนานกับเส้นที่เชื่อมจุดเริ่มต้นของคลื่น A และจุดสิ้นสุดของคลื่น B)