ESSO - Right shoulder formation
หากเป็นตามนี้ ESSO กำลังมุ่งหน้าไปแถว 10 บาท โดยมี stop สั้นมาก Risk/reward น่าสนใจครับ
Setindex
SET : กลุ่ม FINANCIALS ( ธนาคาร ) MACD > 0 แล้ว=สัญญาณซื้อ หลังจากแท่งเดียวยาวๆ ตันๆ ในวัน พฤหัสที่ 5/11/2020
ทำให้ภาพรวมของ SET ดูดีขึ้นมาก
และถ้ามาดูแยกตามอุตสาหกรรม เราก็จะเห็นได้ว่า กลุ่มธนาคาร ( Financials ) Action Zone ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ( MACD > 0 )
ด้วยเหตุนี้ ทำให้หุ้นกลุ่ม Bank เป็นที่น่าสนใจที่จะทยอยซื้อ โดยให้ SL อยู่ใต้ low และถือกันยันลูกบวช
เพราะถ้าไปดูจริงๆ มันก็ลงมาหนักมากทุกตัว ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะลงอะไรกันได้ขนาดนี้ 555
ผมคงดูรายตัวให้ไม่ได้นะครับ เพราะไม่มีใบ ก็ดูภาพกว้างๆ ไปล่ะกันเนอะ
PTTEP - Bullish channel
ตอนนี้ PTTEP อยู่เหนือ 50% fib และอยู่ในรูปแบบ channel ที่มีลักษณะเตรียมจะ breakout
ทิศทางราคาตอนตลาดปิดวันที่ 15 ตค 2020
ราคาน้ำมันดิบ อยู่ตรงช่องวงกลม คือปรับลดลงทั้งวันในเวลาตลาด set เปิด
แต่ตอนนี้ราคาได้ดีดกลับมาจนเกือบจะทำ new high คาดว่า 16 ตค 2020 เป็นต้นไป ราคาน่าจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้น
ในโซน 72-80 เป็นโซนที่น่าซื้อสะสม
เพราะมีเป้าระยะยาว ประมาณ 260+
[CPALL] หุ้นโคตร Defensive ณ ราคาดัชนี 1200 จุด ดีไหม มาดููกันสำหรับ CPALL ผมมองว่าตอนนี้หุ้นตัวนี้เริ่มมี Valuation ที่น่าสนใจไม่เลวเลย
จากการที่ธุรกิจของเขานั้น ล้อตามตัว C ในสมการของ GDP (GDP = "C" +I+G+X-M)
ซึ่งตัว C ที่ว่าก็คือกำลังซื้อของผู้บริโภคนั่นเองครับ กล่างคือ หากว่ากำลังซื้อของคนกลับมาหุ้นตัวนี้ก็อาจได้รับอานิสงฆ์นั้นก็เป็นได้เลย
สำหรับหุ้นตัวนี้ที่อาจมีการเติบโตอื่นๆ เข้ามา จากการมีฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น ก็ไม่เลวเลยที่เราจะมาลองทำการบ้านสำหรับตัวนี้ดูกันครับ รายละเอียดเป็นอย่างไร มารับชมกันครับ
PS. รายละเอียดนอกคลิป สำหรับ CPALL หุ้นตัวนี้ มี ROE หรืออัตราการทำกำไรต่อผู้ถือหุ้นอยู่ที่ราวๆ 20%++ ซึ่งนับว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับ ROE ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีค่าอยู่ที่ราวๆ 9-11% เท่านั้น แล้วแต่ราคาน้ำมัน (ว่ากันมาตรง ตลาดบ้านเราพึ่งพิงอุตสาหกรรมเก่า อย่างน้ำมันมาก ถึงมากเลยครับ)
ซึ่งการมีระดับ ROE เท่านี้ เราเลยไม่แปลกใจเลยที่เขาให้มูลค่าเทรดที่ Market Cap. เหนือกว่า Asset ของบริษัทเสียอีก เราอาจมองได้ว่า หุ้นตัวนี้ถูกหวังกับการเติบโตในอนาคตก็ไม่ผิดเลยครับ
ซึ่งตรงส่วนนี้เราอาจจะเอาจุดที่ Market Cap <= Total Asset เป็นจุด Stop Loss คงอาจจะดูโหดร้ายไป (คนไม่เห็นอนาคต หมดฝันแล้ว)
ดังนั้นแล้วตรงส่วนนี้ท่านอาจจะใช้จุดซื้อแบบ Technical ในการเข้าซื้อก็ได้ครับ แล้วก็เอาไปบอกลูกหลานท่านว่าท่านเป็นเจ้าของ 7-11 คงคูลไม่น้อยเลย ฮาา
ปล. ทั้งหมดก็มีราวๆ นี้นะครับ หากมีอะไรเพิ่มเติมผมจะมาแจ้งครับ ยาวหน่อย แต่ถ้าคุณชอบ ผมก็ดีใจนะ
BANPU - เตรียมพร้อมกับเวฟ 3
ตอนนี้เชื่อว่า มี 2 ทิศทาง คือ ย่อลงไปอีกหน่อย แล้วค่อยขึ้นไป 12 บาท
หรือ ขึ้นจากตรงนี้เลย
มาดู Underlying commodity อย่าง Natural gas หลังจากที่บ้านปูทำสัญญาซื้อเหมืองแก๊สบาร์เนตต์ และเริ่มรับรู้กำไรจากเหมืองตั้งแต่ กันยายน
จากข่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน CEO ได้บอกว่ามีกำไรเข้ามาแล้ว 89 ล้าน USD.
เมื่ออ้างอิงยาก opp day ที่ได้มีการบอกว่าต้นทุน gas ของบ้านปูคือ 1.6 USD/ millionBTU และทุก 10 cents ของราคา gas ที่เพิ่มขึ้น บ้านปูจะกำไร 10ล้าน usd
เมื่อพิจารณาจากราคาต้นทุน และราคา gas รวมถึงข่าวที่ออกมา น่าเชื่อว่าจะมีกำไรเกิดขึ้นจริง
ตอนนี้ราคา NatGas ได้ breakout ขึ้นมาแล้ว
เมื่อพิจารณาจาก seasonality ของ NatGas จะเห็นว่า ราคาแก๊สมักจะทำจุดสูงสุดในเดือน ธันวาคม-มกราคม
หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ BANPU วางแผนไว้ เชื่อว่าใน Q4 น่าจะมีกำไรเข้ามามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้า NatGas มี breakout to the upside
PTTGC - พร้อมทำ new high
ตอนนี้ PTTGC ได้ย่อลงมาทำเวฟ abc ในลักษณะ double zigzag. 5-3-5
ผมมีความมั่นใจกับการนับหุ้นตัวนี้เพราะก่อนหน้านี้ผมถือตั้งแต่ 24 บาท มาถึง 53 บาทตามเป้าที่วิเคราะห์ก่อนหน้า (ดูได้จากข้างล่าง)
หลังจากนั้นได้คอยพยายามเฝ้าดูตัวนี้มาต่อเนื่อง
เมื่อเห็นราคาหยุดบริเวณ 50%fib และนับเวฟครบ ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้น
มีความเป็นไปได้สูงว่าพร้อมจะทำนิวไฮ
โดยมีเป้าหมายราคา 2 เป้า
กรณีแรก ทำเวฟ 3 ย่อย ราคาน่าจะไปหยุดแถว 60-65บาท แล้วย่อ ก่อนขึ้นไปทำเวฟ 3 ใหญ่จริงๆ
กรณีที่2 ขึ้นไปทำเวฟ 3 ใหญ่เลยในโซน 80-85 บาท
SET มีเป้าเท่าไหร่หลังจากทำ newlow อีกครั้งSET ได้ทำ newlow ใน TF day แม้ว่าจะตอนปิดตลาดจะดีดขึ้นมาได้เล็กน้อย เหนือกว่า low ก่อนหน้าก็ตาม
แต่ภาพรวมไม่ค่อยดีนัก หากวันจันทร์ ปิดต่ำกว่า 1231 เป้าหมายถัดไปคือบริเวณ 1197
การเกิด sell signal crossing ทำให้มองตลาดยิ่งดูอ่อนแอลงไปอีก
เนื่องจาก 1197 อยู่ใกล้แนวรับจิตวิทยาที่ 1200 ขอนับรวมกันเป็นด่านใหญ่ที่จะพอเป็นแนวรับคือ 1197-1200 คาดว่า มีโอกาสลงมาทดสอบได้ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้
ส่วนเป้าหมายระยะกลาง 1145-1155 ก็ยังเป็นเป้าที่จะเป็นไปได้
BANPU - Possible wave 3
จากภาพ โครงสร้างของเวฟเห็นได้ชัดด้วยชาร์ทแบบเส้น มากกว่าแท่งเทียน
ตอนนี้คาดว่าเราอยู่ในเวฟ 3 ย่อย ของเวฟ 3
หากวิ่งแบบไม่แรงมาก เชื่อว่าเป้าของเวฟ 3 นี้ จะอยู่แถว 7.4 -9 บาท แล้ว consolidate ก่อนไปต่อ
เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ หลังจากที่ผมติดตามราคาถ่านหินมานานและเชื่อว่าถ่านหินได้จบ cycle ขาลงแล้ว
รวมถึงธุรกิจ natural gas ที่ได้รับผลบวกจากราคา nat gas ที่เพิ่มขึ้น (บทวิเคราะห์ข้างล่าง)
ผมมีมุมมองเป็นบวกต่อบ้านปูในระยะยาวครับ
Bitcoin, Gold, Dow Jones, Nasdaq, SET ระบบแดงหมด = "ถือเงินสด" เนื่องจากระบบ Trend Following ที่ผมใช้ track กลยุทธ ต่างๆ ในห้อง VIP ตอนนี้ "แดง" หมด
ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ใดๆ .. ซึ่งดูแล้วก็น่ากลัวจริงๆ ครับ
ลองมาดูว่า เป็นไงกันบ้าง
Bitcoin
-----------
* แดงหมดทั้งสามระบบ
* รวมถึง Altcoins อื่นๆ ก็แดงหมดด้วยเช่นกัน
Gold
----------
* แดงทั้งหมดทั้งสามระบบ
SET
----------
* แดงทั้งหมดทั้งสามระบบ
Dow Jones
----------
* แดงทั้งหมดทั้งสามระบบ
Nasdaq
----------
* แดงทั้งหมดทั้งสามระบบ
S&P500
----------
* แดงทั้งหมดทั้งสามระบบ
สำหรับคนที่ถือหุ้นถือ Bitcoin ถือทองเยอะเกินไป ก็อาจจะต้องลดความเสี่ยงโดยการออกมาถือเงินสดบ้าง
เพราะเราไม่รู้อนาคตเลยว่า มันจะลงไปลึกถึงแค่ไหนนั่นเองครับ
ช่วงนี้ควรเริ่มทยอยซื้อหุ้นที่ลงมาเยอะๆ เข้าพอร์ตแล้วหรือยัง? ช่วงนี้เลื่อน Facebook ผ่านเพจหุ้นต่างๆ ก็จะเริ่มมีโพสเชิงกึ่งคำถามว่า ตอนนี้ ตัวนี้น่าเริ่มซื้อหรือยัง? ตัวนั้นลงมาเยอะแล้วต้องซื้อแล้วถือยาวดีมั้ย?
ผมเอง ก็ไม่ใช่เซียนหุ้นอะไร เพราะส่วนตัวก็ยังเพิ่งมาดู price pattern ของหุ้นไทยได้ไม่นานเหมือนกัน .. แต่ด้วยความรู้ของการนั่ง Backtest ด้วยกลยุทธ ตระกูล Trend Following มาหลายสินค้า .. ก็พอสรุปรูปแบบของกราฟที่ดูแล้วน่าจะเป็น "ขาขึ้น" ได้ดังนี้
--------------------------------
1) กราฟขาขึ้น = indicator ชี้ขึ้น
--------------------------------
* ข้อนี้สำคัญมากที่สุด และโคตรง่ายที่สุด พิมพ์แล้วก็เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
* เอาง่ายๆ กราฟใดๆ มันจะขึ้นได้ สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นได้ มันจะมีสิ่งคล้ายๆ กันดังนี้
* Exponential Moving Average ( 21 ) เคลื่อนที่ไปในทิศทางชี้ขึ้นและจะอยู่ใต้แท่งเทียน
* Action Zone เขียว ( หรือเส้น MACD ทั้งสองเส้น > 0 )
* ถ้าเอา CDC ATR มาใส่กราฟ ก็จะเป็นสีเขียว
* พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากจะซื้อจริงๆ ก็นั่งรอให้เงื่อนไขข้างบนครบก่อนก็น่าจะดีกว่าครับ เพราะอย่างน้อย เราจะมีโอกาสที่เราจะได้กำไร สูงกว่าเสียตัง
--------------------------------
2) ถ้าตลาดมันยังเป็นขาลง มันก็จะลงไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลง
--------------------------------
* ข้อนี้ก็เหมือนเป็นการตอบแบบกวนตีนๆ อีกเช่นกัน แต่ตลาดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
* ถ้ามันจะหยุดลง ..กราฟมันก็จะค่อยๆ กลับตัว ขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้าย indicator ทั้งหลายที่ผมบอกในข้อแรก มันก็จะเขียว .. และนั่นคือจุดที่เราควรจะเสี่ยงเข้า และมีโอกาสชนะสูงขึ้น
* ต่างกับช่วงที่กราฟมันยังแดง ยังหัวปัก เหมือนหุ้นในตัวอย่างนี้ การที่เราเข้าไปเสี่ยงซื้อ ตอนที่กราฟยังเป็นขาลงอยู่ ก็เท่ากับการไปรับมีดที่กำลังหล่น..
* ถ้าโชคดี มีดมันเริ่มหมดแรงหล่นแล้วเราก็อาจจะไม่เจ็บหนัก และมีดก็จะพาเรารวยได้
* แต่ถ้าโชคร้าย มีดมันยังไม่หมดแรง แล้วมันหล่นต่อ มันก็จะทิ่มทะลุมือเรา ลงไปให้เราเอาตีนรับอีกรอบ ... ซึ่งถ้ายังโชคร้ายอยู่ มันก็จะทะลุตีนไปด้วย
* ทางที่ดี ผมว่า นั่งรอดูให้มีดมันหล่นลงพื้น แล้วหยุดสะบัดก่อน แล้วค่อยก้มลงเก็บมีด ... น่าจะปลอดภัยกว่า...
* คนส่วนใหญ่ กลัวจะไม่ได้ของ กลัวจะตกรถ แถมพวกสื่อต่างๆ ก็บิ้วให้เราซื้อซะเหลือเกิน เหมือนกับว่า ของแม่งลดราคาลงมาขนาดนี้แล้ว ไม่ซื้อก็โง่
* แต่ถ้าใครเคยผ่านช่วง ICO เน่า ของตลาดคริปโตมาก่อน คุณจะเข้าใจว่า ถ้าตลาดมันลง ไม่ว่าคุณจะถัวสวนเทรนแค่ไหน มันก็จะสามารถลงไปอีกได้เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลงจริงๆ โน่นแหละ 555
--------------------------------
3) ไม่มี Oversold ที่แท้ทรู และไม่มี Overbought ที่แท้ทรู เช่นกัน
--------------------------------
* มือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด ก็จะไปยึดติดกับหลักการ RSI Oversold ที่เขาสอนๆ กันว่า เฮ้ย มัน OS + Bullish divergence แล้ว เดี๋ยวมันต้องเด้งในเร็วๆ นี้แน่ๆ แล้วก็รีบไปซื้อสวนเทรนกัน
* ปัญหาของระบบสวนเทรนแบบนี้ มันก็คือว่า... มันสวนเทรนอ่ะ! .. มันอาศัยโชคล้วนๆ เลยครับ!
* ถูก ว่าบางครั้ง เราสวนแล้วมันจะขึ้นก็ได้ .. แต่ก็ต้องถามว่า แล้วโอกาสมันกี่% ล่ะ? แล้วมันคุ้มกับการสวนหรือไม่? เพราะผมเคยเห็นบางทีมัน OS แล้ว OS อีก มันก็ลงไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดนะครับ 55
* ดังนั้น ผมว่า รอชัวร์ๆ ก่อนดีกว่า
--------------------------------
4) ซื้อแล้วดอย ก็ไม่เป็นไรหรอก เราเป็น VI มองการลงทุนระยะยาว
--------------------------------
* ข้อนี้ มักเป็นคำแก้ตัวของคนติดหุ้น แล้วไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมถึงติด แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร
* เคส VI นี่ ถ้าเราไปดูกราฟของ KBANK ที่ทำ New Low 10 ปีก็พบว่า...
* ไม่ว่าคุณจะทยอยซื้อหุ้น KBANK ที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ แล้วไม่ขาย ( DCA หุ้น ) ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา.. ณ ตอนนี้ คุณก็จะ "ดอย" อยู่ดี ครับ
* จะดอยมาก ดอยน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณไปดอยที่ราคาเท่าไหร่ .. แต่ถ้าจะให้เฉลี่ยๆ ก็น่าจะมี ระดับ -50% up
* กลายเป็นว่า.. VI เนี่ย จริงๆ แล้ว มันใช้กับตลาดหุ้นไทยเราได้หรือป่าว? หรือใช้ได้แค่ช่วงหลังวิกฤต sub prime ตอนปี 2008? หรือเป็นแค่คำหวานที่เหล่ากูรูหุ้นหลอกให้เราถือหุ้นไปเรื่อยๆ ไม่ยอมขาย?
* อย่าลืมนะครับ เรามาลงทุน ก็อยากให้เงินเรางอกเงย เมื่อเวลาผ่านไป .. ไม่ใช่ว่า ยิ่งถือ ก็ยิ่งขาดทุน
* เราทำธุรกิจ ปีสองปีแรก ขาดทุน เราอาจจะต้องมานั่งคิดทบทวนดูเลยครับว่า ควรจะทำต่อดีไหม หรือยอมเลิกกิจการแล้วไปทำอย่างอื่น
* นี่กลายเป็นว่า พอเราติดหุ้น เราก็ทนขาดทุนไปเรื่อยๆ และรออย่างมีความหวังว่า "สักวัน" ราคามันน่าจะขึ้นไปสิบเด้งร้อยเด้ง เหมือนที่มันเคยขึ้นไปในอดีต... แบบนี้มันไม่ใช่การลงทุนแล้วครับ มันคือการซื้อหวยดีๆ นี่เอง 555
--------------------------------
สรุปว่า... ควรซื้อหรือยัง
--------------------------------
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมตอบเลยว่า "ยัง" ... เก็บเงินสดของท่านไว้ก่อนดีกว่า...
ไม่ต้องรีบช้อน กะจะได้จุดต่ำที่สุดหรอกครับ ตลาดมันก็อยู่ของมันตรงนี้ ไม่ไปไหน อีกกี่สิบกี่ร้อยปี มันก็ยังอยู่ เพราะว่า มันคือสิ่งที่เล่นกับความโลภของคนที่ไม่รู้ และคิดว่า ตลาดมันง่ายๆ นั่งกระดิกตีนริมชายหาดก็รวยได้ เหมือนดังภาพที่สื่อชอบเอามาหลอกพวกเรากัน..
ระหว่างรอ ก็นั่งศึกษาหาข้อมูลกันไปก่อน อย่างน้อย ก็ควรดูกราฟให้เป็น..
ยุคนี้ มีเว็บอย่าง tradingview ช่วยให้ท่านดูกราฟ + ใส่ indicator ได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ
พวก กลยุทธ ต่างๆ ผมก็ทำแจกเอาไว้เยอะแยะ ก็ไปเรียนรู้ หาวิธีใส่ แล้วก็ลองศึกษามันไปเรื่อยๆ ดูก่อน ยังไม่ต้องรีบกดซื้อด้วยเงินจริง ลองนั่ง backtest ไปเรื่อยๆ ก่อนว่า ท่าไหน ที่เราน่าจะเข้าซื้อ แล้วมีโอกาสชนะมากที่สุด
แล้วก็.. อย่าไปฟังพวกเพจเชียร์หุ้น กลุ่มหุ้น หรือบทวิเคราะห์อะไรมากนัก ถ้าอยากซื้อ ให้กลับมาเปิดกราฟดูก่อนว่า มันกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือยัง.. ถ้ายัง ก็ยังไม่ต้องซื้อ แต่ใส่ watch list ไว้ก่อน
ก็ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ อยากให้ทุกคนดูกราฟกันเองเป็น จะได้ไม่ไปติดดอยส่งเดช ครับ ช่วงนี้เงินยิ่งหายากอยู่ ...
อ้อ ส่วน ถ้าใคร เทรดหุ้นธรรมดา ยังไม่มีกำไรสม่ำเสมอตลอด 1-2 ปี... อย่าคิดแม้แต่จะไปลอง TFEX นะครับ ... หมดตัวแน่นอน 555
SUPER - Update on bullish trend
หลังจาก super ชนแนวต้าน .382 ที่ 1.1
ราคาได้ย่อลงไปทำสัญญาณกลับตัวบนแนว .382 ที่ 0.75-0.78
และได้ทำการดีดขึ้นมา
แต่การดีดนี้ เป็นแค่การดีด หรือเป็นจุดเริ่มต้นของเวฟ 3?
หากเป็นแค่การดีด อาจจะไปสุดแถว .96- 1.00 แล้วย่อลง แถว 0.6 ก่อนค่อยไป
หรือไม่ก็ขึ้นเวฟ3ไปเลย
หากขึ้นเวฟ 3 ไปเลย
อาจไปได้ถึง 2.2 บาท
รอดูกันต่อไปครับ
SET ขาขึ้น ใครๆ ก็ทำกำไรได้ จิ้มโง่ๆ มั่วๆ ยังไงก็ได้ตัง จากการที่ผมทำห้อง VIP และได้ใส่การวิเคราะห์ กราฟ SET และหุ้นรายตัวใน SET
โดยได้ทำวีดีโอ สรุปทุกวันธรรมดา + ทุกวันอาทิตย์ ( ดูกราฟรายวีค )
ทำให้ผมได้ศึกษาพฤติกรรมราคา ของหุ้นแต่ละตัวในตลาด และความสัมพันธ์ของแนวโน้มทิศทางของ SET และพอสรุปออกมาเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1) ช่วงขาขึ้น ใครๆ ก็ทำกำไรได้ง่ายๆ แม้แต่มือใหม่ที่หลับตาจิ้มตัวไหน ก็มักจะมีกำไร
------------------------
- ถามว่า แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าช่วงไหนขาขึ้น? ก็ใช้ระบบ Trend Following มาจับ สิครับ เช่น Action Zone ( MACD > 0 ) หรือพวก ATR Channel ก็ได้
- เอาง่ายๆ ก็คือไอ้ช่วงที่มันทุบลงไปจนถึง 1000 หลัง covid ในเดือนมีนาคม 2020 แล้วหลังจากนั้นก็เด้งตลอด และเด้งยาว ไปจนถึงเดือน มิ.ย. 2020 ที่ peak ที่ 1400
- ช่วงนั้น ถ้าจำกันได้ มีคนเปิดบัญชีหุ้น "เยอะมาก" เยอะจนสื่อหลายๆ สำนักต้องเอาไปลง
- ทำไมถึงเปิดกันเยอะ? ง่ายนิดเดียว เพราะตลาดมันง่ายไง! ตาสีตาสา เปิดบัญชีแล้วจิ้มหุ้นไปมั่วๆ ไรก็ได้ ยังไงก็มีกำไร เล่นเข้าๆ ออกๆ ทุกวันได้กำไรทุกวัน
- พอได้กำไรง่ายๆ ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องอวดลงเฟส เพราะที่ผ่านมา บอกเลยว่า SET แม่ง "แทบทำกำไรไม่ได้เลย" มาตลอดเป็นปีๆ ..แล้วจะมัวเหนียมทำไม ก็ต้องเรียกแขกเข้าเพจกันหน่อย
- พออวดลงเฟส ก็จะมีคนที่เห็น ก็จะถามว่า ทำไง สอนหน่อยสิเพื่อน ... ทำไงครับแอดอยากได้บ้าง.. ก็เลยเฮโลกันไปเปิด บช. กันจนเยอะเป็นประวัติการณ์
- เปิดเสร็จ ก็ไปเทรดมั่วๆ เลือกหุ้นตามห้องแชท ตามโพย pantip จิ้มมั่วๆ ก็มีกำไร ..พอร์ตใครใหญ่ก็อวดกำไรได้วันละเป็นแสนเป็นล้าน เข้าๆ ออกๆ ได้ทุกวัน ทั้งวัน
- ซึ่ง.. นี่แหละคือจุดตายของมือใหม่ เพราะเทรดกันแบบมั่วๆ ไม่มีระบบ ใครบอกตัวไหนก็เฮโลกันไปเข้าซื้อ แล้วก็ไม่ยอมถือทน ไปเข้าๆ ออกๆ พอได้กำไรเยอะๆ ก็จัดหนักจัดเต็ม ที่ตรงยอด เพราะคิดว่า ตลาดมีแต่การขึ้นอย่างเดียว
- พอเข้าที่ยอด 1400 ปุ๊บ มันก็ทุบลงมาเลยจ้า ....ก็ทุบหลังจากวันที่ผมอวดกำไรลงเพจเหมือนกันแหละ 5555 สรุป ออกไม่ทัน เพราะ streaming ตั้ง SL break even ไม่ได้ และอยากออกตามระบบ ก็เลยต้องออกมาแบบขาดทุน 555
- เคสผม สุดท้ายผมก็ยอมคัทออกมา เพราะดูทรงแล้ว เสียทรงขาขึ้นไปทั้งหมด รวมถึง SET Action Zone แดงด้วย ก็เลยยอมตัดใจหนีมาถือเงินสดหมด เพื่อลดความเสี่ยง
- ส่วนเคสของมือใหม่ ที่เข้ามาตอนตลาดดีๆ ... ก็เข้า อีหรอบเดิมคือ... ไปต่อกันไม่เป็น!!! ส่วนใหญ่ ก็กลับไปตั้งคำถามในห้องแชท หรือ inbox ถามกูรูที่เคยแนะนำหุ้นกันว่า...
- "ตัวนี้จะลงไปอีกเยอะไหมครับ?" -- "ตัวนี้มันจะเด้งกลับเมื่อไหร่คะ?" -- "ทำไมหุ้นตัวนี้มันถึงลงแรงจังคับแล้วเราจะทำยังไงต่อดี คัทดีไหมครับ?" ฯลฯ
- ซึ่งคำถามพวกนี้ ถ้าให้ผมตอบ ก็คงตอบได้ตรงๆ ว่า "ถ้ากูรู้อนาคต กูก็คงรวยไปนานแล้วล่ะจ่ะ.. ใครจะไปตอบได้วะ ไอ้บ้า!"
- แต่ถ้าให้กูรูสาย Fan Service ก็คงจะนั่งดูกราฟ นับเวฟ ให้ความหวังและกำลังใจ เม่าที่ดอย กันต่อไปเรื่อยๆ ว่า... "ใกล้เด้งแล้วล่ะครับ ทนถือต่ออีกนิด ไม่ขายไม่ขาดทุน"
2) ช่วงขาลง หรือ sideway down ... ใครไปขยัน ยิ่งเจ๊ง
--------------------------
- ความนรกของช่วง sideway down ของ SET ที่ผมเจอมากะตัวก็คือว่า...
- หุ้นส่วนใหญ่ จะเป็นการเด้งขึ้นๆ ลงๆ ออกข้างไปเรื่อยๆ มั่วๆ ซั่วๆ ไม่มีหลัก
- และเม่าที่เทรดด้วยอารมณ์ ก็จะเจอภาวะ เข้าปุ๊บ ร่วงปั๊บ คัทปุ๊บ เด้งป๊าบ อยู่ร่ำไป
- จนสุดท้าย เจอบ่อยๆ ก็จะถอยไปใช้กลยุทธ "ไม่คัทแล้วโว้ย เดี๋ยวคัทแล้วเด้ง ไม่ขายไม่ขาดทุน"
- สุดท้าย คนที่ไปเข้าที่ยอดแถวๆ 1400 ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมคัทกัน และถือรอกันอย่างมีความหวังว่า
.. "เดี๋ยวก็คงเด้งน่า" .. "ถือไปเรื่อยๆ กินปันผลน่า" .. "กูรูบอกว่า ตลาดถึงจุดต่ำสุดแล้ว เดี๋ยวก็เด้งน่า"... "กูรูบอกหุ้นไทยจะไป 1800 ถือต่อล่ะกัน เดี๋ยวตกรถ"...
- และสารพัดข้ออ้างที่จะเอามาทำให้เราติดกับดัก ความ bias ของการกลัวการขาดทุนนั่นเอง...
- ส่วนคนที่พยายามจะเล่น day trade ในวัน ก็อาจจะเจออารม์กราฟเด้งไปเด้งมา เดาทางยาก ไม่รู้มันจะเอาไงกันแน่ ถ้าไม่มีแผน เทรดมั่ว ก็เตรียมยับ
- และความอันตรายของมือใหม่ อีกอย่างคือ.. เสียแล้วไม่หยุด .. เสียแล้วจะต้องเทรดเอาคืนให้ได้.. และนี่แหละ คือจุดที่จะทำให้พอร์ตพังเกินเยียวยา..
- เพราะ ช่วง sideway down ผมบอกเลยว่า ยิ่งเล่น ยิ่งเจ๊ง เพราะหุ้นส่วนใหญ่ในตลาด มันก็เป็นขาลง ไม่ก็ออกข้าง ไปเรื่อยๆ
- ซึ่งหนทางเดียว ที่จะเอาตัวรอด และรักษากำไรที่ได้มาจากช่วงตลาดง่าย ในข้อข้างบน ก็คือ "การหยุดเทรด แล้วนั่งดูมันเฉยๆ" หรือ "ไปเทรดตลาดอื่น ที่เป็นทรงขาขึ้น"
- เพราะถ้ายังตะบี้ตะบันจะยื้อต่อ ระยะยาว ยังไงก็พัง เพราะตลาดอาจจะลงต่อไปอีกก็ได้ ไม่มีใครรู้..
ก็ฝากกันไว้นะครับ คงจบแค่นี้แหละ บ่นต่อไม่ค่อยถูกละ ง่วง 555
หวังว่าคงจะมีประโยชน์กันนะครับ