SET จะลงลึกแค่ไหนหลังจากหลุด low แนวรับสำคัญมา กับสถานการณ์ต่างๆรอบโลก
เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนในตลาดทั่วโลก
คำถามว่า จะลงอีกมั้ย แค่ไหน
สองแนวสำคัญคือ 1200 กว่า กับ ลงลึกต่ำกว่า 1000 ไปเลย
ดังนั้น ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเข้า หรือ เล่นรอเด้งขึ้นมา ก็ Short or Put ไป
ส่วนเทรดระยะยาว ก็ต้องแบ่งไม้เข้า (ไม่แนะนำ จนกว่าสถารการณ์ โรค covid19 ชัดเจนขึ้น)
Set
SET : หลีกช่วงตลาดขาลง ง่ายๆ ด้วย CDC ATR Trailing Stop WeeklyTFสิ่งที่สำคัญของการเทรด จากที่ผมได้เรียนรู้มาก็คือ
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ index ของตลาดเป็น "ขาขึ้น"
การจะเทรดหุ้นโดยการซื้อหุ้นเข้าพอร์ต
จะสามารถทำกำไรได้โดยง่ายมากๆ
เพราะในช่วงขาขึ้นนั้น หุ้นกว่า 80% จะขึ้น
ถึงแม้เราจะจิ้มหุ้นพลาด อย่างไร โอกาสที่เราจะทำกำไรในตลาดหุ้น
ก็สามารถมีสูงกว่าช่วงขาลง
ที่จิ้มหุ้นตัวไหน กว่า 80% ก็มักจะลงต่อ..
แต่ปัญหาคือ.. แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าช่วงไหนของตลาด เป็นขาขึ้นหรือขาลง?
ผมเลยลองเอา strategy ที่ผมได้เคยทำแจกไว้ นั่นก็คือ inwCoin CDC ATR Trailing Stop มาลอง backtest
และ optimize กับ SET index โดยสุดท้ายได้ค่าที่น่าสนใจมาดังนี้
* ค่าอื่นๆ ใช้ค่า Default ให้เปลี่ยนค่าเหล่านี้แทน
Slow ATR Period = 19
Slow ATR Multiplier = 1.5
Timeframe = Weekly
เมื่อเราลอง รัน Backtest เราก็จะพบว่า..
เราควรที่จะทำการ Short TFEX หรือ ขายหุ้นทั้งหมด ออกมาถือเงินสด
ตั้งแต่ช่วง วันที่ 30 ก.ค. 2019 แล้ว
เพราะหลังจากนั้น เราจะเห็นได้ว่า ตลาด เป็นขาลงมาตลอด
และสุดท้ายก็มาระเบิดลงแรง ก็เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง...
ทีนี้.. กลยุทธ นี้ มันสามารถหลีกเลี่ยงช่วงวิกฤตได้จริงๆ หรือเปล่า?
เราลองมาดูกัน
1) 2015 Yuan Devalue ( 11 Aug 2015 )
จะเห็นได้ว่า ในช่วงนี้ ทั้ง Action Zone และ ATR Trailing Stop ต่างบอกให้ออกมาถือเงินสด และนั่งเฉยๆ
ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. 2015 แล้ว .. และหลังจากนั้นตลาดก็ร่วงเรื่อยมา
โดยร่วงจาก 1510 จุด ลงไปถึง 1226 จุด ในเวลาถึง 280 วัน!
แต่ถ้าเราใช้วิธีนี้มา filter เพื่อหนีช่วงดังกล่าว
จะเห็นว่า เราก็สามารถนั่งเฉยๆ และรอดตายจากภาวะวิกฤตนี้มาได้แบบสบายๆ
2) 2008 Subprime Crisis
หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ฟองสบู่อสังหาอเมริกาแตก..
ช่วงนี้ถ้าเราไล่ดูจะเห็นว่า ATR Trailing Stop ไล่ออกมาให้ถือเงินสด
ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 2008 แล้ว และก็บอกให้นั่งเฉยๆ 224 วัน!
โดยช่วงนี้ SET ร่วงจาก 819 จุด ลงไปเหลือแค่ 382 จุดเท่านั้น!
ช่วงนี้ ใครสามารถเข้าหุ้นแข็งแกร่ง ในช่วงจบวิกฤต ก็เป็นเศรษฐีกันถ้วนหน้า
เพราะหลังจากนั้นตลาดก็วิ่งควายไปอีก หลายปี
3) 2000 วิกฤตดอทคอม
ช่วงนั้น ฟองสบู่ดอทคอม ก็แตกลง ทำให้กระทบไปทั่วโลก
แม้แต่หุ้นไทยก็ไม่เว้น ร่วงจาก 400 จุด ลงมาเหลือ 244 จุด
ซึ่งจริงๆ ตอนนั้นไทยก็เพิ่งฟื้นมาจากวิกฤตต้มยำกุ้งได้ไม่นานเอง
แต่ถ้าตาม ATR ก็อย่างที่เห็น สามารถหลบช่วงตลาดขาลงได้อีกแล้ว
โดยช่วงนี้ เริ่มตั้งแต่ 14 ก.พ. 2000 - 6 พ.ย. 2000 ใช้เวลา 266 วัน
4) 1996-1998 วิกฤตต้มยำกุ้ง
น่าจะเป็นวิกฤตเกี่ยวกับการเงินที่รุนแรงที่สุดของไทยแล้วล่ะมั้งครับ
โดยช่วงนั้น SET ร่วงจาก 1300 จุด ตอนที่ ATR บอกให้ออก
ลงไปเหลือแค่ 200 จุดเท่านั้น!
โดยช่วงนี้ใช้เวลานานมากๆ กว่าจะจบ ก็คือตั้งแต่
26 ก.พ. 1996 - 5 ต.ค. 1998 เป็นระยะเวลาถึง 2.6 ปี!!
สรุป
ในวิกฤต มันก็มีโอกาส เสมอ สำหรับคนที่มีเงินสด อยู่ในมือ..
ผมเคยฟัง กูรูไทย หลายๆ ท่าน ที่ผ่านช่วงนั้นมาได้ ใน youtube
ฟังแล้ว โหดร้ายมากจริงๆ ครับ หลายๆ คนถัวแล้วถัวอีก
ตลาดหุ้นมันก็ยังลงต่อไปของมันเรื่อยๆ.. จนสุดท้ายก็ขาดทุนหนัก หมดตัวกันเป็นแถว
แต่หลายๆ คนก็ไม่ยอมแพ้ และพยายามหาจังหวะเข้าซื้อ หุ้นกันใหม่ได้อีกครั้ง
และบางคนก็ถือยาว จากตอนนั้น มาจนถึงตอนนี้ กลายเป็นเศรษฐีหุ้นพันล้านกันไป
รอบนี้ Corvid Crisis เราก็ไม่รู้จะใช้เวลาอีกกี่วัน ถึงจะจบ
แต่ถ้าลองดูเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา เราจะพบว่า
ถ้าไม่ใช่เหตุการณ์ที่เลวร้ายยย จริงๆ
เราก็จะใช้เวลา ประมาณ 250-300 วัน ตลาดก็จะเริ่มเข้าสู่จุดต่ำสุด
และเริ่มเดินทางต่อ..
แต่สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของไทย ตอนนี้
มองไปข้างหน้าก็มีแต่ความมืดมน
เราก็ไม่รู้รอบนี้ มันจะจบเมื่อไหร่..
แต่ยังไง ก็คอยตาม ATR Trailing Stop ไปก่อนแล้วกันครับ
ถ้ามันมาพร้อมกับ Action Zone สีเขียว ก็น่าจะเป็นจุดที่น่าสนใจ
ที่จะเริ่มทยอยกลับเข้าตลาดครับ
ระหว่างนี้ก็ไม่ต้องทำไร กอดเงินสดกันไปก่อน
รอจังหวะที่ใช่ แล้วค่อยหวดทีเดียวครับ
อย่าเพิ่งไปถัวหุ้นเปะปะ..
( เรื่องถัวเปะปะ หรือดอยจนติดลบหนักนี่ ชาวคริปโต จะรู้จักกันดี 55
แต่ชาวเม่าหุ้นไทย กว่าจะรู้ตัว ก็น่าจะผ่านไปหลายปี ..)
จะว่าไป ตอนนี้ เราสามารถเข้าถึงข้อมูลของกราฟหุ้นได้โดยง่ายมากๆ
ผ่านเว็บอย่าง tradingview รวมถึงการใส่ indicator ต่างๆ เข้าไป
เพื่อที่จะช่วยเราในการตัดสินใจเลือกหุ้น และหาจังหวะเข้าหุ้นที่สวยๆ ได้อีกด้วย
ต่างกับเมื่อหลายปีก่อน ที่เราแทบไม่มีอะไรมาให้ดูเลย
( เอาจริงๆ ข้อมูล SET ก็รู้สึกเพิ่งจะเพิ่มมาใน Tradingview เมื่อประมาณปี 2018 - 2019 ที่ผ่านมานี้เองครับ )
ดังนั้น ถือว่า ปัจจุบันนี้ เรามีความได้เปรียบมากๆ นะครับ
สำหรับคนที่สามารถอ่านกราฟเป็น และใช้ indicator พื้นฐานได้บ้าง
สู้ๆ ครับทุกคน ก็ลองเขียนวิเคราะห์ดู
เผื่อจะมีมุมมองเอาไว้ดูเทรน และภาพรวมตลาดได้ครับ
เก็บเงินสดกันไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปรีบถัวนะครับ
SETSET ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังจากผลกระทบจากช่วงสงครามการค้า ที่ทำให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัว รวมไปถึงการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา
ปัจจัยที่กดดันราคาเริ่มมาจาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องยาวมาจนถึง วิกฤตในเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นบ่อน้ำเลี้ยงสุดท้าย ได้รับความเสียหายไปด้วย
การคาดการณ์ของผลกระทบนี้ มองต่ำๆก็คงกินเวลาไปในช่วงครึ่งปีแรก หรือจรกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
รวมไปถึงในเรื่องของวัคซีนที่จะนำมารักษา ซึ่งอาจจะต้องมีการประกาศแบบชัดเจนจาก WHO เพื่อคลายความกังวัลของนักลงทุน
ในส่วนของปัจเชิงเทคนิค หลังจากที่ราคาได้ Breakdown โซนแนวรับของราคาในช่วง 1592 - 1537 ลงมาและไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือโซนแนวรับนี้ได้
ราคาก็ยังคงปรับตัวลงอยู่ในแนวโน้มขาลงที่เป็นแนวโน้มมาตั้งแต่ปี 2018
การทิ้งตัวลงมาของราคาในช่วงนี้เป็นผลมาจาก ปัจจัยกดดันที่กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้น จนกว่าจะมีปัจจัยเชิงบวกเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาด ก็ยากที่ราคาจะกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง
ดังนั้น การรีบาวน์ในระยะสั้นต้องระวัง เนื่องจากมีโอกาสที่จะเป็นการรีบาวเพื่อลงต่อตามแนวโน้มเดิมได้
โซนแนวรับในระยะยาวจะอยู่ในช่วง 1228 - 1192 ซึ่ง ต้องดูประกอบกับปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องด้วย ทั้งนี้ หากพ้นครึ่งปีแรกไปได้แล้ว ยังไม่สามารถเคลียร์ปัจจัยเรื่องการแพร่ระบาดได้ ตลาดอาจจะผันผวนยาวไปจนสิ้นปี
เนื่องจาก ยังมีเรื่อง สงครามการค้า เฟส 2 หลังจากการเลือกตั้งในสหรัฐฯ จบไปอีกด้วย
SETSET ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง และมีโอกาสปรับตัวลงไปเรื่อยๆในอีก 3 เดือนข้างหน้า
หลังจากทีราคามีการปรับตัวหลุดโซนแนวรับระยะยาวที่ 1600 ~ 1537 จุด โดยประมาณ ก็มีการปรับตัวขึ้นไปทดสอบโซนแนวรับที่เบรคมาในช่วง สองสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ยังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือโซนแนวรับได้ ก่อนจะมีการปรับตัวลงอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้เป็นการคอนเฟิร์มการเปลี่ยนจากโซนแนวรับมาเป็นโซนแนวต้านในระยะยาว
ดังนั้นหากไม่มีปัจจัยหนุนเชิงบวกเข้ามา โอกาสที่จะกลับขึ้นไปนั้นก็มีความเป็นไปได้ยากขึ้น
ปัจจัยกดดันตอนนี้ยังคงเป็นเรื่องของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ที่ยืดยาวมาตั้งแต่ช่วงสงครามการค้าในเฟสที่ 1 จนมาถึงสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกภาคส่วน ซึ่งในช่วงสงครามการค้านั้น เรายังมีภาคการท่องเที่ยว ที่คอยพยุงเศรษฐกิจไว้อยู่
แต่หลังจากมีเหตุการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเข้ามา ส่งผลให้ ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมาก ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจในตอนนี้ เกิดการชะลอตัวในทุกภาคส่วน
ดังนั้น คาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะยังกดดันให้ SET มีการปรับตัวลงต่อเนื่องไปได้ ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ จนกว่าจะมีปัจจัยเชิงบวกเข้ามาเปลี่ยนแปลง ปัจจัยต่างๆ
SET Case Study ทำไมถึงควรเข้ามาเทรดในช่วงภาพรวมตลาดเป็นขาขึ้น? ผมเคยนั่งสังเกตุมาพักนึง กับตลาดคริปโตละ ว่า
ถ้าช่วงไหนที่ BTC มันทำตัวเป็นขาลงจ๋าๆ นะ
การนั่งเฉยๆ กอดคอ งอเข่า ถือเงินสดเฉยๆ เอาไว้ก่อน .. ก็เป็นการดี
เพราะถ้าช่วงตลาดที่ BTC เป็นขาลง
ไม่ว่าคุณจะไปพยายามเข้าซื้อ altcoin หรือ BTC เองก็ตามแต่
โอกาสที่คุณจะเจอการทุบของราคาก็มีสูงมาก
โดยในช่วงต้นปี 2020 ผมได้ลองไปเทรดหุ้นใน SET อยู่ได้เดือนนึง
ก็พบว่า ... SET เทรดยาก ถึงยากมากๆ
เพราะไม่ว่าคุณจะไปเข้าตัวไหน ตามระบบอะไรก็ตามแต่ ที่ Backtest แล้วเคยได้กำไร
แต่โอกาสที่หุ้นที่จะร่วงต่อ กลับมีสูงมากๆ
ผมก็เลยมานั่งคิดไปคิดมา เทียบกับ BTC ช่วงขาลง..
ก็ถึงบางอ้อว่า.. เออ ว่ะ... ถ้าตลาดโดยรวม มันเป็นขาลง ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่
แล้วเราจะไปทู่ซี้เทรดมันทำไมให้เมื่อยวะ เพราะโอกาสที่ หุ้นจะลงต่อ ก็มีสูง
เอาง่ายๆ อย่างช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ. 2020 ที่เราอยู่กันเนี้ย
เห็นมั้ยว่า ตลาดคริปโตโดยรวมนั้น เป็นทรง "ขาขึ้น" นำทีมโดย BTC
เอาแค่ใช้กลยุทธ CDC Action Zone คุณก็จะเห็นว่า มันเขียวมานานละ
และถ้าคุณไปดู altcoin ทั้งหลาย คุณก็จะเห็นได้ว่า ดีดกันตู้มต้ามๆ เต็มไปหมด
ประมาณว่า หลับตาจิ้มตัวไหน ก็มีโอกาสได้กำไรกันไปง่ายๆ อ่ะ
ผมเลย เกิดสมมุติฐานข้อนี้ขึ้นมา และจะมาลองไล่หุ้นไทย หลายๆ ตัว ในช่วงตลาดกระทิง
เพื่อดูว่า "โดยรวมๆ แล้ว เราจะทำกำไรได้ง่ายๆ ถ้าตลาดเป็นกระทิง จริงหรือเปล่า?"
ช่วงตลาดกระทิงของ SET ล่าสุด = 11 Apr 2016 - 18 Jun 18
เราจะใช้หลักการที่ว่า
1) จะเริ่มซื้อหุ้น ถ้า Action Zone เปลี่ยนเป็นสีเขียว ในช่วงกระทิงที่ว่ามา
2) จะขายหุ้น ถ้า Action Zone เปลี่ยนเป็นสีแดง
ลองมาดูหุ้นรายตัวกัน
1) BEAUTY : กำไร 190%
จะเห็นได้ว่า.. ถ้าเราเข้าช่วงตลาดกระทิงที่ว่ามา เราจะได้กำไรถึง +186% แบบง่ายๆ โดยไม่ต้องทำไรเลย!
แต่ถ้าเรายังดื้อไม่ยอมออก ก็อย่างที่เห็น ขาดทุนยับจ้า
2) KCE : กำไร 37%
3) CPF : กำไร 12%
4) WORK : กำไร 44%
5) SIRI : ขาดทุน -6% และกำไร 12%
6) SUPER : ขาดทุน -14% และ -17%
7) AMATA : กำไร 30%
8) CPALL : กำไร 66%
9) ESSO : กำไร 75% และ 23%
10) DTAC : กำไร 15%
11) ADVANC : กำไร 8%
12) BBL : กำไร 10%
13) RS: ขาดทุน -21% และได้กำไร 100%
สรุป
-----
โดยรวมๆ จะเห็นได้ว่า จิ้มมั่วๆ มา 13 ตัว ส่วนใหญ่ ถ้าเอาระบบง่ายๆ อย่าง CDC Action Zone เขียวซื้อแดงขายมาคุม
เราก็สามารถทำกำไรได้ไม่ยาก ในช่วงที่ตลาดดีๆ
แต่ ใช่ ก็มีหุ้นบางตัวที่ก็ไม่ perform เหมือนกัน ในช่วงตลาดดีๆ เช่น SUPER เป็นต้น
ซึ่ง ถ้าเรามองในมุมของ "ความน่าจะเป็น" เราจะเห็นได้ว่า..
ในช่วงตลาดดีๆ นั้น "ความน่าจะเป็น" ที่หุ้นส่วนใหญ่ "ราคาจะขึ้นต่อ หลังมีสัญญาณเข้า" จะสูงกว่าช่วงที่ตลาดแย่ๆ หรือ SET เป็นขาลง หลายเท่านัก
ซึ่งก็สอดคล้องกับตลาดคริปโต ที่ถ้า BTC ทำทรงขาลง ยังไงก็ยังไม่ควรเข้าไปเทรด เพราะโอกาสขาดทุน จะมีสูงมาก
จากสมมุติฐานนี้ ถ้าเราหันไปมองตลาดหุ้นอเมริกา อย่าง Dow Jones
ก็ยิ่งมาสนับสนุนแนวคิดนี้เข้าไปอีก เพราะตอนนี้ หุ้นเมกา ดีด รัวๆ
เพราะ Dow Jones มันเป็นขาขึ้นนั่นเอง ( จริงๆ มันเป็นขาขึ้นมานานมากๆ แล้วล่ะ )
จึงสรุป ได้ว่า..
"ถ้า Index ของ ตลาดเป็นขาลง ก็เก็บเงินสดไว้ก่อน หรือไปเทรดตลาดอื่น ที่เป็นขาขึ้น จะดีกว่า"
"ถ้า Index ของ ตลาดเป็นขาขึ้น ก็เข้ามาซื้อหุ้นไปเถอะ หลับตาจิ้ม ก็ยังมีโอกาสได้กำไรง่ายๆ"
ทั้งหมดนี้ คือเกมของ "ความน่าจะเป็น" ล้วนๆ ครับ
SET อาจจะเห็นเป้าการลงรอบใหญ่ อยู่แถวๆ 1200-1300 เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ผมได้ลองไปเทรดหุ้นไทย เพราะเหมือนเป็น task ที่ค้างคาใจมานาน อยากรู้ว่า มันเป็นยังไง มีข้อจำกัดอะไร และกลยุทธ อย่าง Mangmao ATH ( inwCoin Break Previous High ) ที่ทางเว็บ SiamQuant เคยสรุปออกมาว่า ให้ผลดีที่สุด นั้น.. มันใช้งานได้จริงป่าว...
..และที่สำคัญ ที่ตัดสินใจเข้าไปเทรด เพราะมองว่า SET ทำ double bottom และน่าจะเริ่มกลับตัวในปีนี้..
======
ปรากฏว่า... อาทิตย์ที่ผ่านมา SET ก็ร่วงเปิด GAP หลุด low 1545 ที่ยันเอาไว้ได้ตลอดสามสี่ปีที่ผ่านมาลงมา.. และก็อย่างที่เห็น วันนี้ก็หลุด 1500 ไปเป็นที่เรียบร้อย...
ซึ่งผมเอง ก็ได้ ปิดพอร์ตหุ้น ขายทิ้งทั้งหมด ทุกตัว ตั้งแต่วันจันทร์สัปดาห์ก่อน ตั้งแต่มันหลุดแนวรับ สามปี ที่ 1545 ไปแล้วครับ ... โดย take loss ประมาณ -3% ... ซึ่ง ก็ได้บทเรียน เล็กน้อย มาดังนี้
======
1) หุ้นไทย...แกว่งแรง ไม่แพ้ altcoins ในโลกของคริปโต.. บางตัวแรงกว่าอีก
---------
- ถ้าตามเพจหุ้น จะเห็นว่า หลายๆ ตัวที่เริ่มปีมา ดีดขึ้นมาแบบ แรงมาก ไม่ว่าจะเป็น น้องสวยสังหาร หรือน้องแบม หรือน้องกัฟ ที่ขึ้นมามาแค่เดือนเดียวหลายสิบเปอร์เซ็น..
- แต่หลายๆ ตัวเองก็ร่วงเละเทะไม่เป็นท่าเช่นกัน ตั้งแต่เริ่มปีนี้มา .. แถมบางตัว ลงวันเดียวเป็น -10% ถึง -30% ก็มี... โอ้ไม่นะ.. เหรียญ altcoin หลายๆ ตัวยังไม่ลงขนาดนี้เลย....
- ใครมาบอกว่าหุ้นไทย ความเสี่ยงต่ำกว่าคริปโต ผมจะขอถีบยอดหน้ามันสักที ... ให้ตายเถอะ!!!
----------
2) ในช่วงตลาดขาลง จะใช้กลยุทธอะไร ก็เหนื่อย สู้เลิกเทรดมันไปก่อนจนกว่าตลาดภาพรวมจะกลับมาดี เป็นขาขึ้น จะดีกว่า
-----------
- เนื่องจาก SET เรา sideway down กันมาได้หลายปีดีดักแล้ว และปี 2019 ที่ผ่านมา ครึ่งปีหลังก็ลงกันมาตลอด .. จากที่ผมเทรดมา ผมได้ความจริงอยู่อย่าง คือ..
- ในช่วงตลาดขาลง มันเทรดยาก เพราะการลง มันไม่ได้ลงแบบเป็นเทรน ลงทีเดียวจบ มันจะยึกยักยึกยัก ลงไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราเล่นได้แต่ฝั่งซื้อ.. เราก็จะเทรดไม่ได้เลย เพราะจะโดนสัญญาณหลอกให้เข้า แล้วก็ร่วงต่อ
- ซึ่งผมได้บทเรียนนี้มาจากตอน BTC เป็นขาลงตลอดปี 2018 บอกได้เลยว่า แม่ง เทรดยากฉิบหาย ( แต่คนเทรดได้กำไรก็มีนะ ไม่เถียง ) สู้นั่งเฉยๆ ฝากแบงค์ไว้ หรือไม่ก็ เอาเงินไหลไปตลาดอื่นที่มันเป็นขาขึ้น จะดีกว่า เทรดง่ายกว่า เยอะครับ .. ( เทรดขาขึ้นได้กำไรง่ายกว่าเทรดขาลงด้วย )
---------
3) ถ้าหุ้นไหนเป็นเทรนขาลง ( Action Zone แดง ) ก็อย่าไปพยายามถัวหรือซื้อเลย... โอกาสลงต่อสูงมาก
---------
- ข้อนี้ก็เป็นเหมือน Fact ที่ได้มาจากการเทรด altcoin ตลอดปี 2018-2019 ที่ผ่านมา.. และจากการนั่งไล่ดูกราฟหุ้นไทย หลายๆ ตัว ตอนทำ backtest ก็พบว่า
- ถ้า MACD อยู่ใต้ 0 ใน TF Daily ง่ายๆ เนี่ยแหละ..( Action Zone แดง ) ถ้ามันแดง ก็อย่าไปซื้อ อย่าไปถัว เพราะโอกาสที่มันจะลงของมันไปเรื่อยๆ จะสูงมากๆ โดยเฉพาะ ยิ่งถ้า ภาพรวมตลาดใหญ่เป็นขาลงด้วยล่ะก็... อือหือ... หนีเถอะ
- ซึ่ง มือใหม่ ที่เข้ามาเทรดหุ้น หรือ คริปโต ก็ตามเถอะ จะติดนิสัยเดียวกันคือ..คิดว่า "ไม่ขาย ไม่ขาดทุน" และคิดว่า "เดี๋ยวมันก็คงกลับมาน่า.." ซึ่ง หลายๆ คนก็จะติดนิสัยอมหุ้นเน่าไปเรื่อยๆ แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่า "อย่างน้อยก็ได้ปันผล.." ..... ปันผลปีนึงกี่เปอร์เซ็นกันเชียว มันเทียบกับหุ้นที่มันเป็นขาลง และมันทำลายล้างพอร์ตเราจนเละไม่มีชิ้นดีไม่ได้เลยนะ....
สรุป
-----
* สรุปง่ายๆ สั้นๆ เลย ก็คือว่า ถ้า index ของอะไรก็ตาม มันเป็น "ขาลง" ก็อย่าไปพยายามเหนื่อยเทรดเลยครับ ... เหนื่อยฟรี.. เช่น index ของ คริปโต ก็ BTC ส่วนของ SET ก็ SET index น่ะแหละ
* รอให้ตลาด มันกลับมาดีๆ จิ้มอะไรก็เขียวขจี มีแต่คนอยากจะซื้อ ไม่มีคนอยากจะขาย ( confirm กลับตัว ) แล้วค่อยเข้าไปก็ยังไม่สายครับ
AMATA ด้านล่างยังเปิดกว้างAMATA เกิดการ Correction ขึ้นโดยชุดแรกคลื่นแรกมีโอกาสเป็น Impulse 1-2-3-4-5
ปัจจุบันเป็นคลื่น 3 ลงมาที่ที่ระดับ 1.618 เท่าของคลื่น 1 และมีโอกาสลงต่อเป็น 2 เท่าของคลื่น 1
เนื่องจากคลื่นย่อยภายในของ 3 ยังไม่คลายตัวครบ 5 คลื่น (1)-(2)-(3)-(4)-->(5) จึงมีโอกาสลงต่อ
กลยุทธ์การเทรดอาจจะคอยให้เกิดการ Correct กลายเป็นคลื่น 4 เสียก่อน
จึงหาจังหวะเล่นคลื่น 5 อีกทีครับ ปัจจุบันหน้า Short ยังได้เปรียบ
ตัวนี้ผม Put มาแล้ว 1 รอบตาม Link นี้
www.kobtanakorn.com
.
คำเตือน: ไม่ใช่การแนะนำและบริการที่ปรึกษาการลงทุน
SETราคายังคงปรับตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยในช่วงวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมาราคามีการรีบาวน์ขึ้นมาทดสอบบริเวณเส้น Bearish Trendline ที่เป็นเส้นแนวต้านของแนวโน้มขาลง
ซึ่งราคายังไม่สามารถเบรคขึ้นไปได้และถูกกดกลับลงมาอีกครั้ง บ่งบอกได้ว่าราคายังคงมีโอกาสปรับตัวลงไปต่อได้มากกว่า
โซนแนวรับระยะยาว เฉลี่ยอยู่ที่ 1596 - 1537 โดยประมาณ
BDMS - หลุดจาก consolidation 6 เดือนแล้ว ใกล้เข้าสู่เวฟสุดท้าย
หลุดและทดสอบสำเร็จ (วงกลมแดง)
คัทเมื่อหลุดเส้นดำ
เป้า 32 บาท
Risk 6.8%
Reward 23% ที่ 32 บาท
เวฟนี้น่าจะเป็นการขึ้นครั้งสุดท้ายก่อนย่อหนัก
ไม่รู้จะจบแค่ 32 หรือจะไปถึง 36
เนื่องจากแนวโน้มน่าจะเป็นเวฟสุดท้าย ถึงเป้าแล้วควรออกเลยไม่ควรอยู่ต่อ
BAY - อยู่บนแนวรับสำคัญ มีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น
จากภาพ คิดว่าเราวางบนแนวรับที่สำคัญ ถ้าลองนับเวฟ
ตอน 97 ชนเป้าของเวฟ 3 ย่อยไปแล้ว และมีขนาดเป็น 1.618 เท่าของ เวฟ 1-2 ใหญ่
ถ้านับเวฟถูก ราคา 27.5 คือต่ำสุดของรอบนี้แล้ว และตอนนี้ควรจะเริ่มกลับไปทดสอบ 118 all time high เดิม
กราฟสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ลงมาทดสอบ 27.5 มีสัญญาณซื้อ และได้พุ่งขึ้นไป 5 wave ก่อนจะลงมา a-b-c เจอแนวรับที่ 29 บาท และดูท่าจะยืนได้
กราฟวัน ยังอยู่ใต้แนวต้านอยู่
แต่สัญญาณกลับตัวเริ่มมีมา
คิดว่าถ้า 29 ยืนได้ น่าจะพุ่งขึ้นไปไกล
จุดเข้าแบบ conservative คือ ถ้าเบรกทะลุ 31 บาทและยืนได้
หลุด 27.5 บาทจะต้องcut loss เป้า all time high
Risk 7.5% reward 400+%
SET index ThailandSET หลังหลุดเทรนไลน์ระดับสัปดาห์ และยังเกาะเส้นอยู่แต่จุดดีคือ ยังไม่หลุดลงไป new low
ดังนั้นแนวโน้มขึ้น กลับไปเทรนขาขึ้นต่อก็เป็นไปได้
ซึ่ง Risk - reward ratio ก็ถือว่าน่าเสี่ยงที่จะเข้าซื้อและใช้ Stoploss ตรงจุด low เดิม
ส่วนแนวโน้มก็ลงได้ ทั้งจากสถานการณ์โลกและจากทรงชาร์ตก็มีแนวโน้มลงได้
ซึ่งหากหลุดและเกิด New low เส้นแดงลงมาก็สามารถ ยืนยันการลงได้ทันที โดยแนวโน้มเส่้นดำด้านล่าง
ดังนั้นการเทรด คือ
1. ซื้่อต่อย่อ หากราคายังคงยืนเหนือ 1542.46 (ด้วยเหตุผล risk-reward ratio ว่าคุ้ม)
2. หากราคาหลุด เส้นแดงลงมาได้ต่อเนื่อง ก็ Short หรือ Put อย่างเดียวไม่ต้องคิดอะไรมาก
วีธีปลอดภัยสุด คือ หากลงหลุดเส้นแดง ขาย
ส่วนขา ซื้อ ควรรอความชัดเจนเช่น เบรคหลุด 1600+ ให้หลุด trendline ดำขึ้นไปและยืนอยู่ได้
เพราะโซนนี้ไม่ชัดเจนยกเว้นต้องเสี่ยงไป หรือ เทรดระยะสั้นๆไปแทน
PTTGC - Inverted head and shoulder เสร็จสิ้นจากโพสที่แล้ว
คาดว่า PTTGC ได้จบ correction wave และกำลังจะมุ่งสู่เวฟ 3 all time high
ตอนนี้ราคาได้ทำ Inverted head and shoulder ทะลุ neck line และทดสอบแล้ว
เป้าแรกจาก inverted head and shoulder อยู่ที่ประมาณ65 บาท ซึ่งเป็น 50% fibo retracement พอดี
ในภาพรวมคิดว่ากำลังขึ้นเวฟ 3 เป้าที่ 170 บาท