หัดลองนับ EW กับกราฟทองวันนี้ update นิดหน่อย (เหรอ ? ) จัดลำดับ Label ใหม่กันงง (หรืออาจจะงงกว่าเดิม !!?) ซึ่งทิศทางยังเหมือนเดิมไม่แตกต่างจากคราวก่อน
นับแล้วได้ ขาลง ...มีแก้ไขชื่อ Pattern พอสมควร (แก้บ่อยไปแระตู !!)
ซึ่งกราฟยังคงวิ่งตาม Trend Wave c (Minute) ไป Wave C (Intermediate) ตามที่เคยนับคราวก่อน
ภาพรวมยังอยู่ใน Parallel Channel ซึ่งอยู่กลาง Parallel Channel พอดี...
มองว่าตอนนี้อยู่ในระยะ Wave 4 (Micro) ซึมลง Wave 5 (Micro) เพื่อจบ Wave 3 (Minuette)
มีความเป็น Correction ใน Wave 4 (Micro) เพราะราคาย้อนขึ้นมาถึง 1745.XX ชน Fibonacci Retracement ที่ 38.2%
ขยับ Date and Price Range Projection อีก...
ให้น้ำหนัก ตามกราฟ (ถูก-ผิด ไม่รู้ อยากได้คนแนะนำเรื่องนี้เหมือนเดิม).....
สวัสดี
ปล1. ทำกราฟและเขียนโพสต์นี้ในระหว่างวันที่ 22 มี.ค. 2021 ตามเวลาประเทศไทย หากใครดูแท่งเทียนประกอบให้มองที่ TF:4H
ปล2. ใครมีอะไรก็เสริมได้ ผมจะได้เรียนรู้เหมือนกันว่าต้องปรับยังไง
ปล3. ***ข้อย้ำอีกที กำลังหัดนับ***
ฟิโบนัชชี
BTC/USD - อาจจบรอบใหญ่แบบน่ากลัว
ผมตามราคา Bitcoin ตั้งแต่ high ปี 2020 ก่อนที่จะลงมา 4000
แล้วมา งงๆ ตรงที่ตอนขึ้นมา มันไม่ใช่ 5 wave. เพราะดูแล้วนับยังไงก้ได้แค่ 3 เลยหยุดดูไปก่อน
ตอนนี้มาดู บริเวณที่นับได้ไม่ครบ 5 wave มันเหมือนเป็น 3 wave ที่เชื่อมกัน. เลยนับเป็น abc
แล้วที่ขึ้นมาจากปีที่แล้ว ดูเป็น 5-3-5
พอลอง zoom ออกมาดู เหมือนว่าที่ขึ้นมา10 ปีนี้ ครบ 5 wave ไปแล้ว
หรือว่า มันครบ 5 wave แล้วจริงๆ. เพราะถ้าเป็นแบบนี้ แปลว่า correction รอบต่อไป จะลงไปราคาหลัก x,xxx USD อีกรอบ
ไม่ควรมาซื้อราคาแถวนี้ครับ
รอดูกันไป. ถ้าลงมาหนักๆจริง จะเป็นโอกาสดีมากๆที่จะได้ซื้อครับ
BGRIM - 3 เหลี่ยมกำลังจะจบ
ตอนนี้คิดว่าแพทเทิร์น 3 เหลี่ยมของเวฟ 4 ใหญ่กำลังจะจบครับ
ไม่ค่อยแน่ใจว่าตรงนี้จะครบ 5 wave ของเวฟ c ย่อย ของเวฟ E หรือยัง
หากยัง คาดว่าอาจจะลงอีกนิดหน่อย แถว 43-44 ครับ
จุดที่คอนเฟิร์มได้ดีว่าจะจบแล้ว
จุดแรก : หากราคา ทะลุเกิน 50 บาท ขึ้นมา
จุดที่แน่นอนว่าเป็น 3 เหลี่ยมและจบแล้ว : หากราคา ทะลุเกิน 56 บาท
จุดที่คอนเฟิร์มว่า ไอเดียนี้คิดผิด คือ : ราคาลงมา ตำ่กว่าเวฟ (C) ที่ 38 บาท ครับ
หากขึ้นต่อ เป้าต่อไป
อยู่บริเวณ 72-80 บาทครับ
GOLD ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเพื่อลงต่อ เป้าหมาย 1590$ราคาทองคำในกรอบเวลารายวัน เคลื่อนที่ในรูปแบบของ Correction เมื่อวานนี้มีการปรับตัวขึ้นจากแนว Fibonacci 61.8% ที่ลากเชื่อมระหว่าง Low ของเดือนมีนาคม และ High ของเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นดีมานด์โซนของกรอบเวลารายสัปดาห์
ระยะสั้นราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ มีแนวต้านสำคัญที่ราคา 1,740$ และ 1,760$ ตามโครงสร้างการเคลื่อนที่ระยะกลางมีแนวโน้มกลับตัวเพื่อลงต่อสู่ระดับ Fibonacci 78.6% หรือเส้นแนวรับของ Uptrend
I'm back
#GiveAndTake by #ForexTradeReview
หัดลองนับ EW กับกราฟค่าเงิน GBP/JPYปรับเปลี่ยนจากการนับครั้งก่อน...
ขยับ Wave e (Subminuette) และ Wave 5 (Minuscule)..จากเดิมคิดว่า..จบละ ขอเปลี่ยนความคิดคือ... ยังไม่จบ !!?
ใช้ Trendline (เส้นประ) ปริเวณ Ending Diagonal
ตาม Parallel Channel ยังอยู่ใน Way ขาขึ้นอีกหน่อย เลื่อน Ghost Feed ตาม Label ....
สัปดาห์นี้คงได้ข้อสรุป (มั้งนะ !!!!) ถ้าไม่จบ Wave 5 (Minuscule) คือขึ้นอีกยาวๆ
ได้ตามกราฟ (ถูก-ผิด ไม่รู้ อยากได้คนแนะนำเรื่องนี้เหมือนเดิม).....
สวัสดี
ปล1. ทำกราฟและเขียนโพสต์นี้ในระหว่างวันที่ 22 ก.พ. 2021 ตามเวลาประเทศไทย หากใครดูแท่งเทียนประกอบให้มองที่ TF:4H
ปล2. ใครมีอะไรก็เสริมได้ ผมจะได้เรียนรู้เหมือนกันว่าต้องปรับยังไง
ปล3. ***ข้อย้ำอีกที กำลังหัดนับ***
หัดลองนับ EW กับกราฟค่าเงิน GBP/JPYปรับเปลี่ยนจากการนับครั้งก่อน...เพราะคราวก่อนนับผิด (อีกแล้ววว >.<)
นั่งพิจารณาใจตน...(กราฟนั่นแหละ) Re-Label ใหม่อีกครั้ง....
ดูตาม Parallel Channel ยังอยู่ใน Way ขาขึ้น เลื่อน Ghost Feed ตาม Label ....
จัดลำดับ Impulse Wave 1-5 (Minute) ดูใกล้เคียงขึ้นมาหน่อย....
พบ Wave 3 (Minute) มีความน่าจะเป็น Extension Wave 3 จากลองนับ Wave ย่อย (Minuscule) ที่จบไปในสัปดาห์ก่อน
และตอนนี้ อยู่ในช่วง Wave 4 (Minute) สักระยะ เพื่อไป Wave 5 (Minute)
ได้ตามกราฟ (ถูก-ผิด ไม่รู้ อยากได้คนแนะนำเรื่องนี้เหมือนเดิม).....
สวัสดี
ปล1. ทำกราฟและเขียนโพสต์นี้ในระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2021 ตามเวลาประเทศไทย หากใครดูแท่งเทียนประกอบให้มองที่ TF:4H
ปล2. ใครมีอะไรก็เสริมได้ ผมจะได้เรียนรู้เหมือนกันว่าต้องปรับยังไง
ปล3. ***ข้อย้ำอีกที กำลังหัดนับ***
SET index - มุมมองทางบวก (+) ในระยะยาวและเหตุผลหากพิจารณาว่ามีการ breakout ทั้ง fail break และ break ที่สำเร็จแต่ยืนไม่ได้ (พิจารณาจากราคาปิดของแท่งเทียน)
เป็นไปได้ว่าจริงๆแล้ว ตรงนี้แหละ คือแนว all time high ที่แท้จริง ที่ไม่นับ failed breakout ที่ผ่านๆมา
ราคายังยืนเหนือเส้น EMA 233 และตอนนี้ได้พยายามทดสอบแนวต้านกรอบเหลือง หากยืนได้คงทำ new all time high ได้จริงๆ
และถ้าหาก clear all time high เดิมได้
เป้าถัดไป คือแนว 6000
ตอนนี้หุ้นใหญ่ๆคงพักตัวหรือปรับฐาน เป็นเวลาให้หุ้นเล็กค่อยขยับๆ rotation ไม่ว่าจะเป็น large-cap ขยับหมุนเข้า midcap หรือ small cap
หรือ sector rotation ไปกลุ่มอื่นๆที่ยังไม่ขึ้น
อีกข้อมูลที่สนับสนุนว่า SET index จะขยับขึ้นไปสูงขนาดนั้น (6000!?) ได้ ผมคิดว่า 2 ภาพข้างล่างมีคำตอบครับ
XLE vs SP500
กราฟ relative performance ของกลุ่มพลังงาน VS SP500 โดยรวม ที่มีสัญญาณกลับตัวในรอบ 13 ปี
ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆเรื่องพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "น้ำมัน" ที่จะมีราคาแพงขึ้น เพราะว่า
1. ด้าน supply
COVID-19 ทำให้ demand ในใช้พลังงาน เพื่อการเดินทางลดลง ทำให้น้ำมันมี supply ล้นตลาด จนทำให้ OPEC+ ต้องประชุมตกลงลดกำลังการผลิต
ตอนนี้ แทบจะไม่มีการ ผลิต หรือ เสาะหา เพิ่ม พลังงานที่ใช้ตอนนี้คือ supply ที่หลงเหลืออยู่
2. ด้าน demand
เมื่อทุกประเทศได้รับวัคซีนถึงจุดหนึ่ง ย่อมต้องมีการเปิดประเทศ ทำให้ประชาชน ออกเดินทาง ท่องเที่ยว การคมนาคม การบินกลับมาอีกครั้ง
demand นี้จะ เกิน supply ในระยะแรกๆที่กลับมา เพราะว่า การผลิตน้ำมันที่หยุดไป ไม่ใช่แค่กดปุ่ม restart แล้วทุกอย่างจะกลับมาเท่าเดิมทันที
จะต้องมีช่วง supply ที่ไม่ทัน demand ส่งผลให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้น
3. นโยบาย Green energy โดยเฉพาะอย่างยิ่งของอเมริกา ย่อมมีนโยบายที่ "ไม่เอื้อ" ต่อบริษัทน้ำมัน ในอนาคต อาจมีการลดการเสาะหา ขุดเจาะ ผลิต เพราะนโยบายของรัฐไม่เอื้อ ทำให้ supply ลดลงเรื่อยๆ ทำให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้น เพราะ supply shortage
นอกจากน้ำมันแล้ว อนาคตของ green energy คงไม่พ้นเรื่องของ electric vehicles
ซึ่งเป้าหมายในเรื่องนั้น ก่อนอื่น คงต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีของ battery ที่ดีกว่า Lithium หรือ semi-solid state
แต่กว่าจะถึงจุดนั้น
น้ำมันจะยังคงมีบทบาทต่อไป
ตัวที่จะเชื่อมตรงกลางระหว่างการเปลี่ยนแปลงจาก fossil fuel อย่างน้ำมัน ไปสู่ electric vehicle คือ "natural gas"
(วิเคราะห์ทิศทางคร่าวๆไว้แล้วที่นี่ )
ซึ่งเริ่มทำการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
เชื่อว่ากลุ่มพลังงานจะมีบทบาทมากใน Post-pandemic era ครับ
XLF
กราฟกลุ่มการเงิน ของอเมริกา ที่หลังจาก 13-14 ปี ก้ได้ทำการ breakout ขึ้นสู่ new all time high
แน่นอนว่า แนวต้าน 13 ปีที่ถูกทลาย ย่อมขึ้นต่อมากกว่ากลับตัวลงมา
เพียงแค่ 2 sectors นี้ อาจจะเพียงพอที่จะส่ง SET ขึ้นสู่ new high
น้ำหนักของแต่ละ Sector ที่ประกอบกันเป็น SET index (อ้างอิงข้อมูลจาก MSCI Thailand ล่าสุด January 2021)
Energy 14.83%
Financials 13.89%
Consumer Staples 12.81%
Materials 11.35%
Industrials 9.14%
Communication Services 9.11%
Utilities 8.43%
Health Care 6.67%
Consumer Discretionary 5.84%
Real Estate 4.08%
Information Technology 3.84%
จะเห็นว่า กลุ่ม พลังงาน และ การเงิน มีน้ำหนักเกือบ 30% ของ SET index
ไม่เพียงเท่านั้น Post-pandemic era ย่อมต้องมีการเร่งพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้าน infrastructure หรือการก่อสร้างพัฒนาใดๆ
กลุ่มที่จะได้ผลดีจากการพัฒนาหรือฟื้นฟูประเทศด้านต่างๆ คือ Material และ Industrial (จีนเป็นตัวอย่างด้านการพัฒนาประเทศจนทำให้ basic material มีราคาแพงขึ้น ในช่วง post-world war 2 จนถึงขั้นเกิดเงินเฟ้อชนิด Demand (ต่อ basic material)-pull
หากรวม 2 กลุ่มนี้เข้าไปด้วย จะประกอบเป็นเกือบ 50% ของ SET index
ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวปริมาณมหาศาล ซึ่งส่วนนี้จะอิงกับการฉีดวัคซีนและการเปิดประเทศ กลุ่มการท่องเที่ยว การโรงแรม การสื่อสาร (กลุ่มที่ขายซิมการ์ดให้นักท่องเที่ยว) ย่อมต้องรอวัคซีน จึงจะฟื้นตัว ซึ่งคงอีกไม่นาน เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
จะเห็นว่าทุกอย่างมีความเกี่ยวโยงกัน และทั้งหมดนี้ย่อมส่งให้ SET index ทำ new all time high ได้
เป้าระยะสั้น คงเป็นตามที่นักวิเคราะห์และคนดังหลายคนอกมาพูด คือบริเวณ 2200-2300 ครับ
ตอนนี้เป็นเวลาสะสมหุ้น เพื่ออนาคตใน Post-pandemic era ครับ
หวังว่าข้อมูลจะมีประโยชน์ครับ
PTTGC - จบรอบ เตรียมซื้อสะสมตอนย่อ
ตอนนี้ PTTGC ได้ขึ้นมาถึงแนวฟิบ 50% จาก all time high ถึง low covid ครับ
ลักษณะที่เห็นชัดคือทำ 5 wave up แสดงว่าน่าจะเป็น 1 ย่อย ของเวฟ 3
และตอนนี้กำลังย่อเวฟ 2 ย่อยของเวฟ 3
โซนที่ควรซื้อสะสม คือบริเวณกรอบสีเหลือง ที่เป็นแนว Fib .382 เดิม และเป็นแนวซ้อนทับ retracement 2 แนว ระหว่าง .618 กับ .50 ครับ
************************************************************
PTTGC เป็นหุ้นที่ผมตามมาตลอดตั้งแต่ Covid low และได้กำไรมาพอสมควร
ติดตามบทวิเคราะห์ PTTGC เดิมได้ข้างล่างครับ
หัดลองนับ EW กับ BTCนับย่อยต่อจากครั้งก่อนตาม Link นี้
คราวนี้นับย่อยเพิ่ม ใช้ Label Cycle (สีฟ้า)...ครั้งก่อน ระบุ Label ผิด ซึ่งที่ถูกคือ Supercycle (สีเหลือง)
คราวนี้แก้ใหม่นับดูย่อยของ Wave III (Supercycle)...
ราคามาสูงมากแล้วไม่แน่ใจ Wave V (Cycle) จะจบเท่านี้หรือไปต่อ...
ได้ตามกราฟ (ถูก-ผิด ไม่รู้ อยากได้คนแนะนำเรื่องนี้เหมือนเดิม).....
สวัสดี
ปล1. ทำกราฟและเขียนโพสต์นี้ในระหว่างวันที่ 21 ก.พ. 2021 ตามเวลาประเทศไทย
ปล2. ใครมีอะไรก็เสริมได้ ผมจะได้เรียนรู้เหมือนกันว่าต้องปรับยังไง
ปล3. ***ข้อย้ำอีกที กำลังหัดนับ***
ทองคำภาคค่ำ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เย็นนี้ไม่อยากพูดถึงสาเหตุทองคำปรับตัวต่ำแล้ว เพราะรู้กันแล้วว่าเพราะอะไร แต่มาพูดถึงสาเหตุใหม่ๆ กันดีกว่านะครับ ทองคำตอนนี้โดนรุมเร้ากดดันกันเรียกว่าเกือบจะรอบด้าน แทนที่เมื่อภาวะกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อในอนาคตจะกลับมาหนุนทองคำอีกรอบตามที่พวกเราคาดหวัง ตลาดนักลงทุนดันไปให้ความสนใจสกุลเงินดอลลาร์ซะงั้น ทำให้ทองลดต่อเนื่อง ยังกู่ไม่กลับเลยเวลานี้ ยิ่งตอกย้ำเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันยังกดลงห่างจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันชัดเจนแบบนี้ ก็หมดแรงจะหวังว่าใกล้ๆ จะกลับไปรับชาวดอยลงจากเขา งานนี้ถ้ายังถลำลึกจนเลยเถิดเกิน 1,712 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขอบอกก่อนเลยว่า ตัวใครตัวมันละครับ ใครจะขอเมียคนแรกหรือคนต่อไป รอซื้อทองเก็บราคาถูกๆ ไว้เลย (ขออย่าให้เงินบาทอ่อนมากก็แล้วกัน) เอาละมาดูประเด็นใหม่ๆ กันดีกว่า ได้รับข่าวจาก website ของ BelnCrypto ได้ออกมารายงานว่า รัฐซูคหนึ่งในรัฐของสวิตเซอร์แลนด์ ได้เริ่มให้ชำระภาษีด้วยสกุลเงินบิตคอยน์และเงินอีเธอร์แล้ว ซึ่งได้ร่วมมือกับบริษัทบิตคอยน์ สวิส (Bitcoin Suisse) มาทำหน้าที่แปลงเงินที่ได้รับชำระภาษีในรูปแบบของเงินบิตคอยน์มาเป็นเงินฟรังก์สวิสให้กับรัฐซูค มันเลยส่งผลให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหันไปให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับการลงทุนบิตคอยน์ในยามนี้ เลยทำให้มันกลับมากดดันทองคำให้ลดความน่าสนใจในการลงทุนลง แต่กระนั้นทองคำก็ยังจัดว่าเป็นสินทรัพย์ชั้นดีในยามไม่ปกติ จะให้หันหลังกันไปเลยทีเดียวก็คงจะไม่ใช่ เพียงแต่ทองคำตอนนี้มันส่งสัญญาณภาวะขาลงออกมาได้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเรามอง EMA50 ที่ถอยห่างออกจาก EMA200 วันแบบนี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าทองจะลงไปถึงไหน หรือจะถึง 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามที่เขาว่ากัน
กลยุทธ์การเทรดทองคำค่ำนี้
ทองคำแม้ปรับตัวขึ้นได้บ้างจากการอ่อนตัวลงของ Bond yeild 10 year และ Dollar Index แต่ก็เป็นเพียงการอ่อนตัวลงในระยะสั้น จึงทำให้แรงซื้อทองคำเข้ามาในระดับจำกัด หากทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,773-1,777 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น แนะนำให้เปิดสถานะ short เพื่อทำกำไรระยะสั้นอีกครั้ง ให้พิจารณาปิดทำกำไรที่แนวรับ 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังหลุดต่ำลงไปได้อีกก็ให้ชะลอการปิดทำกำไรบางส่วนออกไปก่อน แนวรับถัดไปอยุ่ที่ 1,755 ดอลาร์ต่อออนซ์ (แนวรับจาก FIBO แนวรับของราคาไม่มีในระยะกำหนดนี้) และให้ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์
วิเคราะห์ทองคำ 19 กุมภาพันธ์ 2564 (Gold analysis 19/02/21)สวัสดีทองคำศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 64 วันนี้ทองคำจะกลับตัวปรับขึ้นไปได้บ้างหรือไม่ก็ต้องมาติดตามกันต่อ แต่สถานการณ์ภาพรวมก็ยังมองดูแย่ ซึ่งหากพิจารณาสถานการณ์ขณะนี้หากเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาทองคำควรจะปรับตัวขึ้นได้แล้ว แต่ทำไมกลับกลายเป็นดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมา ฉีกกฎตำราที่ผ่านมาได้เกือบหมด ในภาวะกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐรอบใหม่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นนักลงทุนต่างก็กังวลถึงเรื่องเงินเฟ้อที่จะตามมาในอนาคตอันใกล้นี้ ย่อมจะต้องกดดันดอลลาร์ และทองคำจากที่เคยเป็นหลุมหลบภัยชั้นเยี่ยมของนักลงทุนยามที่เศรษฐกิจมีปัญหา การเมืองสั่นคลอน เงินเฟ้อ แต่รอบนี้กลับกลายเป็นว่าดอลลาร์นั้นได้รับอานิสงค์ไปเต็มๆ ทำเอานักวิเคราะห์มึนงงกันตามๆ กัน มีนักวิเคราะห์ถึงกลับเปรยปากว่าทองคำเมื่ออยู่ในภาวะกดดันเช่นนี้ ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวไกลถึง 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำเอาขาดอยนั่งรอกันหนาวตามๆ กัน หากจะเป็นนั้นคงไม่แคล้วจะต้อง cutloss พอร์ตกันไปก่อนที่จะแตกกระจายไม่เหลือให้ได้แก้ตัวใหม่
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กวานนี้สามารถปิดบวกเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการที่ทองร่วงลงมา หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีและค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนตัวลงมาบ้าง นอกจากนี้แล้วทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ จากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเชา และตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ก็มีพุ่งสูงขึ้นระดับ 861,000 ราย สูงกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 773,000 ราย ส่วนดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกจากเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียก็ร่วงลงสู่ระดับ 23.1 ในเดือน ก.พ. จากระดับ 26.5ในเดือน ม.ค. ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่นักลงทุนเองก็ลดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้
และเมื่อวันพุธที่ผ่านมาตลาดทองคำนิวยอร์กเองก็เกิดภาวะ Death Cross เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 61 เนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยทางเทคนิคระยะสั้นตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยเมื่อวันพุธราคาเฉลี่ยในรอบ 50 วัน อยู่ที่ระดับ 1,856.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในรอบ 200 วันที่ระดับ 1,857.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในทางเทคนิคทองคำได้ปรับตัวหลุดแนวรับ 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวรับก่อนหน้าต่ำสุดเมื่อ 30 พ.ย 20 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นเหนือแนวรับดังกล่าวได้อีกครั้ง หากราคาทองคำเองยังไม่สามารถปรับตัวต่ำแนวรับดังกล่าวได้นั้น อาจมีแรงซื้อเข้ามาผยุงราคาทองคำไว้ได้อีกครั้ง ซึ่งประเมินแนวต้านไว้ที่บริเวณ 1,773-1,777 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำปรับตัวหลุดต่ำกว่า 1,764 ลงไปนั้น เรายังไม่เจอแนวรับในบริเวณดังกล่าวในช่วงเวลานี้เลย แต่จะมีแนวรับเมื่อเดือนมิถุนายน 63 ที่อยู่ไกลที่ระดับ 1,712 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากมองรูปแบบแล้วคาดว่าราคาน่าจะปรับตัวที่บริเวณจุดต่ำสุดใหม่ที่สามารถทำได้ระดับ 1,760.51 - 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะทำให้ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง
กลยุทธ์การเทรดทองคำ
หากราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,760-1,764 ได้นั้น อาจมีแรงซื้อเข้ามาหนุนราคาทองคำ แนะนำเปิดเสี่ยงคำสั่งซื้อ (Long) และพิจารณาปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,773-1,777 แต่หากราคาสามารถปรับตัวสูงกว่าแนวรับดังกล่าวอาจชะลอการปิดทำกำไรออกไปก่อนซึ่งจะมีบริเวณแนวรับถัดไปที่ 1,784-1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
กองทุน SPDR ถือครองทองคำ 1,132.89 ตัน สถานะการถือครองคงที่