SET กำลังทำคลื่น BSET กำลังทำคลื่น B
คลื่น 1 2 จบ 3 ทำ a b c
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดทำการซื้อขายขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 วิกิพีเดีย
ที่อยู่: 93 ถ. รัชดาภิเษก แขวง ดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
SET ไอเดียในการเทรด
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
เปิดประเทศ
การส่งสัญญาณเปิดประเทศเพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวเดินหน้า หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,643.64 จุด เพิ่มขึ้น 10.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.29 หมื่นล้านบาท ต่างชาติเป็นกลุ่มนำซื้อสุทธิกว่า 5 พันล้านบาท ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,658 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพุธที่ 13 ตุลาคม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเล็กน้อย ขณะที่เอสแอนด์พี 500 และแนสแดคปิดบวก ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจสร้างแรงกดดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือแนวต้านของเส้นคอ (Neck line) ที่ 1,639 จุด เป็นสัญญาณยืนยันการกลับตัวรูป Double Bottom ที่มีเป้าประสงค์ (Measuring Target) ที่ 1,678 จุด ดัชนีตลาดมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นและทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,618 – 1,606 จุด และมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นสลับกับการพักตัว เนื่องจากดัชนีตลาดระยะสั้นเริ่มเข้าเขตซื้อมากเกิน ดัชนีตลาดระยะสั้นจึงเสี่ยงจะเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้น
(ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI เคยปรับลดลงแตะ 46.3 เปอร์เซ็นต์))
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดจะจบการพักตัวเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ที่ 1,591 จุด เมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,658 จุด และดัชนีตลาดจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง คลื่น (iii) ที่มีเป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,828 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3) โดยมีเป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,973 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก ดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือแนวต้านที่ 1,639 จุด ทำให้สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,658 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,652 – 1,658 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,635 – 1,627 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
มีลุ้น
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,639.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.29 หมื่นล้านบาท นักลงทุนทั่วไปเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,658 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม ตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย หลังตัวเลขการจ้างงานต่ำกว่าที่คาด บวกกับความกังวลว่าเฟดจะปรับลดวงเงินที่จะเข้าซื้อพันธบัตร
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,639 จุด ดัชนีตลาดจะยืนยันสัญญาณกลับตัวรูป Double Bottom เมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,639 จุด สัญญาณ DMI เริ่มแสดงทิศทางปรับตัวขึ้น หลังดัชนีตลาดแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมรูป Descending Triangle เส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,615 – 1,604 จุด และมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด โดยมีจุดสูงเก่าทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,658 จุด
(ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI เคยปรับลดลงแตะ 46.3 เปอร์เซ็นต์))
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,658 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด เป้าหมาย 161.8% Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,973 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ MACD เป็นลบ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นต่อหากดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,639 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,647 – 1,658 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,630 – 1,621 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ลุ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,658 จุด
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและสถาบันการเงิน หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,633.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1 แสนล้านบาท ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3,133 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,658 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก ขานรับวุฒิสภาสหรัฐฯบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้จนถึงเดือนธันวาคม
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวทะลุผ่านแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,628 จุด หลังจากดัชนีตลาดแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมรูป Descending Triangle สัญญาณ DMI ขาดความชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,639 จุด โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,613 – 1,602 จุด และมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด สัญญาณทางเทคนิคัลเริ่มแสดงทิศทางการปรับตัวขึ้น โดยมีจุดสูงเก่าทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,658 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI เคยปรับลดลงแตะ 46.3 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic และ RSI เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ MACD เป็นลบ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวขึ้นหลังดัชนีตลาดดีดตัวทะลุผ่านแนวต้านที่ 1,628 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,640 – 1,650 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,625 – 1,617 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,630 จุด
แรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด กดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,619.48 จุด ลดลง 4.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.7 หมื่นล้านบาท นักลงทุนทั่วไปเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทประจำวันพุธที่ 6 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดในแดนบวก หลังการเจรจาขยายเพดานหนี้ไปในทางบวก รวมไปถึงตัวเลขการจ้างงานเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนยังกังวลว่าเฟดจะปรับลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตร และตัวเลขเงินเฟ้อจะเป็นตัวเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงหลังดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,630 จุด สัญญาณ DMI และสัญญาณทางเทคนิคัลขาดความชัดเจน ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,612 – 1,601 จุด และแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนียืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI เคยปรับลดลงแตะ 46.3 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดจะยืนยันทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,628 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,628 – 1,637 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,610 – 1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากกำหนดจุดเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,593 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ลุ้นยืนเหนือ 1,630 จุด
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารรวมไปถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,624.24 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.86 หมื่นล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 600 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดจะยืนยันทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคารที่ 5 ตุลาคม ดัชนีหลัก 3 ดัชนีปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก จากแรงซื้อเก็งกำไรที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นที่รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กยังมีความเสี่ยงจากการปรับลดวงเงินที่จะเข้าซื้อพันธบัตร และเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นจะกดดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดต่ำปิดสูง แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวรับ และมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,612 – 1,600 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลง ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนียืนปิดเหนือ 1,630 จุด ดัชนีตลาดมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,639 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 50.8 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวกลับมาเป็นบวก ดัชนีตลาดจะยืนยันทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1,630 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,632 – 1,640 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,617 – 1,609 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากกำหนดจุดเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,593 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ตลาดปิดบวกจากแรงซื้อเก็งกำไร
แรงซื้อเก็งกำไรที่กลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวกที่ 1,614.48 จุด เพิ่มขึ้น 9.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.8 หมื่นล้านบาท ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1,035 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างภายในสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวลดลง จากแรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น และนักลงทุนวิตกว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจผิดนัดชำระหนี้
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นปิดเหนือแนวรับของเส้น MMA2 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,611 – 1,600 จุด ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้น สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบของ “Common Gap” ภายในกรอบสามเหลี่ยมรูป Descending Triangle มีจุดต่ำเก่าที่ 1,591 จุดเป็นแนวรับ และมีเส้นแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,630 จุด ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีสามารถยืนปิดเหนือแนวต้านนี้ได้
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 50.8 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็น ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ตามรูปแบบของ Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,625 – 1,635 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,605 – 1,595 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ทดสอบแนวรับ 1,591 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยประจำวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม ดัชนีตลาดปรับลดลงในช่วงเปิดตลาด แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนและธนาคารพาณิชย์ หนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,605.17 จุด ลดลง 0.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.56 หมื่นล้านบาท ต่างชาติและสถาบันภายในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก จากตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส และการร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวออกด้านข้างภายในกรอบสามเหลี่ยมแบบ Descending Triangle ที่มีจุดต่ำเก่าทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,591 จุด และมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,585 จุด โดยมีเส้นแนวโน้มขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,630 จุด ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบของ “Common Gap” สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวลงหากดัชนีตลาดไม่สามารถยืนปิดเหนือ 1,591 จุด และดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,630 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 46.3 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็น ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ตามรูปแบบของ Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,614 – 1,623 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,595 – 1,586 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ลุ้นยืนเหนือ 1,591 จุด
แรงเทขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด ธนาคารและพลังงาน ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,605.58 จุด ลดลง 11.30 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9 หมื่นล้านบาท ต่างชาติและสถาบันในประเทศเป็นฝ่ายขายสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,591 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน ตลาดปรับตัวลดลงทั้ง 3 ดัชนีหลัก นักลงทุนนำหุ้นออกเทขาย จากความวิตกว่าเฟดจะปรับลดวงเงินที่เข้าซื้อพันธบัตร และตัวเลขเงินเฟ้อจะกดดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ดัชนีตลาดปรับตัวลงทดสอบแนวรับของ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด (ทำจุดต่ำที่ 1,601 จุด) โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ 1,611 – 1,599 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบของ “Common Gap” มีจุดต่ำเก่าเป็นแนวรับอยู่ที่ 1,591 จุด และมีจุดสูงเก่าเป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,639 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 46.5 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็น ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ตามรูปแบบของ Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,616 – 1,626 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,595 – 1,585 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
แกว่งตัวออกด้านข้าง
แรงซื้อเก็งกำไรและการข้าวของต่างชาติเพื่อทำ Cover Short หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,616.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.28 หมื่นล้านบาท ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 1 พันล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบของ “Common Gap”
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพุธที่ 29 กันยายน ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากแรงซื้อที่กลับเข้าเก็งกำไร ขณะที่ดัชนีแนสแดคปรับตัวลดลงจากแรงขายที่มีออกมาในหุ้นเทคโนโลยี
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดต่ำปิดสูง ระหว่างการซื้อขายดัชนีตลาดปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด (ทำจุดต่ำที่ 1,604 จุด) โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ 1,611 – 1,599 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวรับ สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบของ “Common Gap” ดัชนีตลาดจะมีทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีสามารถยืนปิดเหนือ 1,639 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็น ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ตามรูปแบบของ Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,626 – 1,635 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,606 – 1,595 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯผวาเงินเฟ้อ
แรงเทขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด กดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,616.50 จุด ลดลง 3.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.86 หมื่นล้านบาท ต่างชาติกลับมานำซื้อสุทธิ ขณะที่สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มนำขายสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลมีทิศทางไปในทางลบ ส่งผลให้ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,602 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคารที่ 28 กันยายน ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีทรุดตัวลง 2 เปอร์เซ็นต์ จากการตื่นขายของนักลงทุน หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะถูกคุกคามจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆและปรับตัวลงปิดช่องว่างขาขึ้นที่ 1,631 – 1,619 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นลบ ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงและเคลื่อนตัวออกด้านข้าง ตามรูปแบบของการเกิด “Common Gap” โดยมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,6023 จุด และมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ 1,611 – 1,598 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI อยู่ที่ 51 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ตามรูปแบบของ Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,626 – 1,637 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,606 – 1,595 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
พักตัวเข้าหาแนวรับที่ 1,602 จุด
แรงเทขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,620.02 จุด ลดลง 11.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1.34 แสนล้านบาท ต่างชาติและสถาบันภายในประเทศเป็นฝ่ายขายสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลชี้ว่าดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,602 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ที่ 27 กันยายน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก จากแรงหนุนในหุ้นกลุ่มที่รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแดคปรับตัวลดลงจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดเปิดสูงปิดต่ำ แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ดัชนีฟิวเจอร์สเกิดช่องว่างขาลงและขาขึ้น และปิดช่องว่างโดยสมบูรณ์ (Complete Filling the Gap) ช่องที่เกิดขึ้นเป็นช่องว่างแบบ “Common Gap” ซึ่งจะเกิดในช่วงที่ดัชนีตลาดกำลังเคลื่อนตัวออกด้านข้าง (Sideways) สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) ดัชนีมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด และมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 1,610 – 1,597 จุด
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI รอบนี้ปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 46 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ Modified Stochastic เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) เนื่องจากเกิด Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,631 – 1,639 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,611 – 1,601 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ไล่ซื้อแบงก์เพื่อทำ Cover Short
ธนาคารไทยพาณิชย์ส่งสัญญาณปรับโครงสร้างธุรกิจ กระตุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร แรงซื้อส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากการที่ต่างชาติกลับเข้าซื้อหุ้นแบงก์เพื่อทำ Cover Short เนื่องจากขายล่วงหน้า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,631.15 จุด เพิ่มขึ้น 11.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1.4 แสนล้านบาท ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 3 พันล้านบาท รูปแบบ Common Gap ชี้ว่าดัชนีตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้าง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวัศุกร์ที่ 24 กันยายน ดัชนีดาวโจน์และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีแนสแดคปรับตัวลดลง ตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทสล่าและเฟซบุ๊คที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นไนกี้ปรับตัวลดลง ระยะสั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กมีความเสี่ยง
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นแบบมีช่องว่าง (1,619 – 1,631 จุด) การเกิดช่องว่างทั้งขาลง - ขาขึ้น และปิดช่องว่างโดยสมบูรณ์ (Complete Filling the Gap) ช่องที่เกิดขึ้นเป็นช่องว่างแบบ “Common Gap” ซึ่งจะเกิดในช่วงที่ดัชนีตลาดกำลังเคลื่อนตัวออกด้านข้าง (Sideways) สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นบวก แรงซื้อที่กลับเข้าเก็งกำไรระยะสั้น หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นก่อนที่จะพักตัวเพื่อปรับฐาน หรือแกว่งตัวออกด้านข้างตามรูปแบบ Common Gap
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์ (สัญญาณ RSI รอบนี้ปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 46 เปอร์เซ็นต์)
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) ซึ่งจะยืนยันการปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,673 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร ดัชนีตลาดดีดขึ้นปิดช่องว่างขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐานหรือแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) เนื่องจากเกิด Common Gap
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,639 – 1,647 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,623 – 1,614 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
พักตัวหลังปิดช่องว่าง
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด เช่น ธนาคารและกลุ่มพลังงาน หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,619.59 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.88 หมื่นล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,025 ล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นกลับมาเป็นบวกกในเขตขายมากเกิน ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลง ก่อนที่จะพักตัวเพื่อปรับฐาน
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทประจำวันพุธที่ 22 กันยายน ดัชนีหลักปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก นักลงทุนคลายความกังวลหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณลดวงเงินที่จะเข้าซื้อพันธบัตรแต่ไม่ได้ระบุเวลาที่ชัดเจน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่าง (Filling the gap) ขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ระหว่างการซื้อขายดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,623 จุด ดัชนีตลาดมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด โดยมีเส้น MMA2 เป็นแนวรับร่วม และดัชนีตลาดมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,585 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน ดัชนีตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งออกด้านข้างเพื่อปิดช่องว่างขาลง ก่อนที่ดัชนีตลาดจะปรับตัวลงเพื่อปรับฐาน
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,658 จุด ดัชนีตลาดปรับลดลงมาปิดที่ 1,625 จุด ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ทำให้ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,629 – 1,637 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,609 – 1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodit
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ปิดช่องว่างก่อนปรับฐาน
แรงซื้อเก็งกำไรที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,614.86 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.38 หมื่นล้านบาท ต่างชาติและสถาบันภายในประเทศกลับมาเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ก่อนที่จะพักตัวเพื่อปรับฐาน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคารที่ 21 กันยายน ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีแนสแดคปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท Evergrande และตลาดเฝ้าติดตามผลการประชุมของเฟด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน แรงซื้อเก็งกำไรหนุนดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่าง (Filling the gap) ขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ระหว่างการซื้อขายดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,591 จุด ดัชนีตลาดมีแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,602 จุด โดยมีเส้น MMA2 เป็นแนวรับร่วม และดัชนีตลาดมีแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,585 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงก่อนที่จะปรับตัวลงเพื่อปรับฐาน
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,658 จุด ดัชนีตลาดปรับลดลงมาปิดที่ 1,625 จุด ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ทำให้ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างขาลงที่ 1,617 – 1,625 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,623 – 1,632 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,604 – 1,595 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ผลกระทบจาก Evergrande
การผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande สร้างความวิตกให้กับตลาด หวั่นผลกระทบกระจายในวงกว้าง แรงเทขายในหุ้นกลุ่มนำตลาดส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งลงปิดที่ 1,603.06 จุด ลดลง 22.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.5 หมื่นล้านบาท สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มนำขายสุทธิกว่า 4 พันล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ปิดตลาดในแดนลบ นักลงทุนผวาผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande จะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้นักลงตื่นเทขายหุ้น
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดทรุดตัวลงแบบมีช่องว่าง (Breakaway Gap ที่ 1,617 – 1,625 จุด) ซึ่งจากนี้ไปจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และเป็นสัญญาณลงต่อเนื่อง ดัชนีตลาดหลุดแนวรับ 38.2% Fibonacci Retracement ที่ 1,602 จุด และมีเส้น MMA2 เป็นแนวรับร่วม ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับ 50.0% Fibonacci Retracement ที่ 1,585 จุด สัญญาณ DMI ขาดทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบในเขตขายมากเกิน ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นปิดช่องว่างก่อนที่จะปรับตัวลงต่อ
ควรเข้าซื้อเพิ่มเมื่อดัชนีตลาดปรับลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด หรือเมื่อสัญญาณ RSI ปรับลดลงไปที่ 50 – 40 เปอร์เซ็นต์
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 1,658 จุด ดัชนีตลาดปรับลดลงมาปิดที่ 1,625 จุด ดัชนีตลาดพักตัวลงเป็นคลื่นปรับ คลื่น (ii) ทำให้ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 1,512 จุด ดัชนีตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 3 และคลื่น 3) ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1,673 จุด
ในกรณีที่คลื่น 3) ยาวเท่ากับ 1.618 เท่าของความยาวคลื่น 1) คลื่น 3) จะมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,973 จุด
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นลบ ส่งผลให้ดัชนีตลาดพักตัวลงเพื่อปิดช่องว่างขาขึ้นที่ 1,621 – 1,611 จุด โดยดัชนีตลาดมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,673 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,611 – 1,621 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,594 – 1,585 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1,620 จุด ตั้งจุดซื้อไว้ที่ 1,621 จุด และเพิ่มพอร์ตการลงทุนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดัชนีตลาดพักตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 1,611 – 1,602 จุด
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity