HSI Futures (TF: 1D) กับ Fibonacci 78.6-88.6จากกราฟ HSI Futures (TF: 1D) มีหลายประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมราคา ณ บริเวณ Fibonacci 78.6%-88.6% ที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจเทรด DW ได้ดังนี้:
________________________________________
🔍 สถานการณ์ปัจจุบัน:
• แนวต้าน Fibonacci 78.6% = 23,672.89 → ราคาขึ้นมาชนและเกิดแรงขาย
• แนวต้าน Fibonacci 88.6% = 24,259.39 → ยังไม่ถูกทดสอบ
• แท่งเทียนล่าสุด เป็นแท่งแดงขนาดปานกลางหลังจากไม่ผ่านแนว 78.6% ซึ่งเป็นสัญญาณของแรงขายรอบใหม่
________________________________________
📌 วิเคราะห์พฤติกรรมราคาในบริเวณ 78.6-88.6%
พื้นที่ 78.6%-88.6% เป็น:
✅ “Deep Retracement Zone”
❗ บ่งบอกว่าเป็น “จุดวัดใจ” ระหว่างการกลับตัว (Reversal) และการเบรกเพื่อไปต่อ (Breakout)
กรณีที่ 1: กลับตัวลง (Rejection จาก 78.6%)
• การไม่ผ่าน 78.6% พร้อมแท่งแดง → สัญญาณกลับตัวอ่อนๆ (Bearish reaction)
• หากราคาหลุดแนวรับใกล้ 23,200 และเบรกเส้นแนวโน้มขาขึ้น = คอนเฟิร์มโอกาสการย่อลึก
• เป้าหมายถัดไป:
o 22,687.57 = Fib 61.8%
o 21,995.50 = Fib 50%
• หากย่อลงแรง = การฟื้นตัวรอบนี้อาจเป็นแค่ “Dead Cat Bounce”
กรณีที่ 2: ทะลุ 78.6% และ Break 88.6%
• ต้องมีแท่งเขียวเต็มแท่งทะลุพร้อม Volume
• ถ้าผ่าน 88.6% ไปได้ = มีลุ้นกลับไปทดสอบ High เดิม 24,928 จุด
• เทรนด์จะกลับเป็น “ขาขึ้นจริงจัง” (Trend Reversal)
________________________________________
🧠 กลยุทธ์การเทรด HSI DW จากกราฟนี้
✅ สายอนุรักษ์นิยม (รอความชัดเจน)
• รอให้ราคา ยืนเหนือ 23,700 แล้วค่อย Follow Buy ด้วย HSI Call DW เป้า 24,200 - 24,900
• หรือ ถ้าหลุด 23,200 / เส้นแนวโน้มขาขึ้น → ซื้อ HSI Put DW เป้า 22,000 - 21,300
⚡ สายเก็งกำไรเร็ว (Aggressive Trader)
• เปิด (Put DW) ตรงแนว 78.6% พร้อมจุดตัดขาดทุนหากยืนเหนือ 23,800
• วางเป้ากำไรที่ Fib 61.8% และ 50%
________________________________________
🔔 จุดสังเกตเสริม
• มี Fair Value Gap (FVG) หลายจุดด้านล่าง → เป็นแนวรับดึงดูดราคาถ้าเกิดการกลับตัว
________________________________________
✅ สรุปความน่าจะเป็น (Probability Based Outlook):
สถานการณ์ ความน่าจะเป็น กลยุทธ์
กลับตัวจาก 78.6% → ลงต่อ ⭐⭐⭐⭐ (สูง) Put DW / Short
ยืนเหนือ 78.6% → ไปทดสอบ 88.6% ⭐⭐ (กลาง) Wait & See หรือเล่นสั้น
Break 88.6% → เทรนด์กลับตัวจริง ⭐ (ต่ำ) Buy Call DW หลังเบรกคอนเฟิร์ม
HSI1! ไอเดียในการเทรด
มาดูจุดสำคัญของ HSI Futures จากกราฟ โดยเน้น “Fibonacci 78.6-88.6มาดูจุดสำคัญของ HSI Futures จากกราฟ โดยเน้น “Fibonacci 78.6-88.6% Zone” ซึ่งเป็นโซนที่เทรดเดอร์สาย Advanced ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษในมุมมองเชิงเทคนิคอลและจิตวิทยาตลาด
________________________________________
1. ภาพรวมโครงสร้างกราฟ
• กราฟนี้เป็น HSI Futures (Daily)
• คลื่น Elliott Wave, TD Sequential และ Fibonacci Retracement ถูกลากจากจุดต่ำสุด (Low) ไปยังจุดสูงสุด (High) ล่าสุด
• ราคาปัจจุบันอยู่บริเวณ 23,400–23,800 ซึ่งตรงกับ “Fibonacci Zone 78.6% (23,672.89) – 88.6% (24,259.39)”
________________________________________
2. ความหมายของ Fibonacci 78.6% – 88.6% Zone
ทำไมถึงสำคัญ?
• Fibonacci 78.6% และ 88.6% เป็นโซนที่นักเทรด Harmonic Patterns และ Advanced Technical มักจับตามอง เพราะมักเป็น “จุดกลับตัว” (Reversal) ที่แม่นกว่าการใช้แค่ 61.8% หรือ 50%
• เป็นจุดที่ “คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเบรกแนวต้านแล้วจะไปต่อ” แต่จริงๆ แล้ว อาจมีแรงขายหรือแรงกลับตัวซ่อนอยู่ เพราะเป็นจุดที่ผู้เล่นใหญ่ (Big Players / Smart Money) ชอบใช้ในการ “กับดักรายย่อย” (Stop Hunter)
เทคนิคที่พบเจอในโซนนี้
• Double Top, Shooting Star, Bearish Engulfing หรือสัญญาณกลับตัวอื่นๆ มักเกิดบ่อยในบริเวณนี้
• มักเกิด “False Break” คือ หลอกให้ราคาเบรกไปเหนือ High เดิม แล้วดึงกลับแรง
________________________________________
3. พฤติกรรมราคาช่วงนี้ (Context ในกราฟ)
• ราคาขึ้นมาทดสอบ 78.6% – 88.6% แล้วไม่สามารถผ่านไปได้อย่างมั่นคง
• มีแรงขายชัดเจน Candle ล่าสุดเป็นแท่งแดง และเกิดการย่อตัว
• ถ้าราคาย่อลงต่อ แนวรับถัดไปที่ 61.8% (22,687) และ 50% (21,995) มีโอกาสเป็นเป้าหมายของแรงขาย
________________________________________
4. กลยุทธ์เทรดเมื่อเจอโซน 78.6–88.6%
• ถ้าเล่นฝั่งขาย (Short):
→ ดูจังหวะกลับตัวชัดๆ เช่น Bearish Pattern, แท่งแดงใหญ่, สัญญาณจาก TD Sequential
→ Stop Loss เหนือ 88.6% เผื่อ False Break
• ถ้าจะรอเล่นฝั่งซื้อ (Long):
→ ควรรอให้ราคาทะลุ 88.6% ขึ้นไปและยืนเหนือแนวต้านเดิมได้จริง พร้อมวอลุ่มสนับสนุน
→ ไม่ควรไล่ซื้อในโซนนี้เพราะ “Risk:Reward” ไม่คุ้ม
________________________________________
5. สรุปสั้น ๆ
• Fibonacci 78.6% – 88.6% คือ “เขตสงครามจิตวิทยา” ของเทรดเดอร์
• หากราคาขึ้นไปแต่ไม่ผ่าน – มักเกิดแรงเทขายแรง หรือเทรนด์กลับตัว
• ถ้าทะลุผ่านและยืนได้ – อาจเข้าสู่รอบขาขึ้นใหม่ แต่ต้องรอ Confirmation
________________________________________
Key Takeaway:
อย่าไล่ซื้อในโซนนี้ถ้าไม่มีสัญญาณยืนยันเด็ดขาด
เน้นรอจังหวะกลับตัว หรือเล่นฝั่งขายเมื่อเห็นสัญญาณชัดเจนในบริเวณนี้จะปลอดภัยกว่า
การเข้าเทรด HSI DW ด้วยแนวคิดที่เรียกว่า Fair Value Gap (FVG)หลักการสำคัญของการเข้าเทรดด้วยแนวคิดที่เรียกว่า Fair Value Gap (FVG) ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักเทรดสไตล์ Price Action โดยเฉพาะในกลุ่มของ ICT (Inner Circle Trader)
🟢 ความหมายของ Fair Value Gap (FVG)
Fair Value Gap คือพื้นที่หรือช่องว่างที่เกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย ส่งผลให้ราคายังไม่ได้มีการเทรดหรือพักตัวในโซนนั้นอย่างสมบูรณ์ และมีแนวโน้มที่ราคาจะย้อนกลับมาปิดช่องว่างดังกล่าวในอนาคต
________________________________________
📌 3 รูปแบบสำคัญของการเทรด FVG ตามภาพ
1️⃣ Full Fill (FVG ถูกปิดสนิท)
• คือ สภาวะที่ราคาได้ย้อนกลับมาปิดช่องว่าง Fair Value Gap อย่างสมบูรณ์แล้ว (Imbalance Rebalanced)
• ราคาย้อนมาจนถึงจุดเริ่มต้นของช่องว่าง
• ถือว่าเป็นการเติมช่องว่างที่สมบูรณ์ ส่งสัญญาณว่าแรงซื้อ-แรงขายเริ่มกลับสู่จุดสมดุล
• กลยุทธ์เทรด:
o สามารถมองเป็นจุดเข้าแบบ Conservative (ปลอดภัยที่สุด) เพราะราคากลับมาปิด Gap แล้ว แสดงถึงการปรับสมดุลของราคาอย่างเต็มที่
________________________________________
2️⃣ Consequent Encroachment (C.E.) (FVG ปิดไปครึ่งหนึ่ง)
• คือ สภาวะที่ช่องว่างถูกเติมกลับไปเพียง 50% ของช่องว่างทั้งหมด
• จุด 50% (0.5 ของช่อง FVG) ถือเป็นแนวรับ/แนวต้านสำคัญ
• ราคาย้อนกลับมาทดสอบเพียงครึ่งช่องว่าง และอาจไม่ได้เติมเต็มช่องว่างทั้งหมด ก่อนจะเคลื่อนไหวต่อไป
• กลยุทธ์เทรด:
o ถือเป็นจุดเข้าแบบ Moderate (เสี่ยงกลางๆ)
o นักเทรดนิยมใช้จุดนี้เป็นระดับเข้าซื้อ/ขาย เพราะมีแนวโน้มที่ราคาจะกลับไปตามแนวโน้มเดิม (Continuation) หลังจากทดสอบจุด 50%
________________________________________
3️⃣ Entry Drill (IOFED - Institutional Order Flow Entry Drill)
• คือ การที่ราคาแตะเข้าไปในพื้นที่ Fair Value Gap เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางหลัก
• ราคาย้อนกลับเพียงสั้นๆ ไม่ถึงระดับครึ่งหนึ่งของ FVG แล้วก็เคลื่อนตัวต่อเนื่องทันที
• แสดงถึงการที่ Order Flow ของสถาบัน (Smart Money) ยังคงแข็งแกร่ง และยังสนับสนุนแนวโน้มเดิม
• กลยุทธ์เทรด:
o เหมาะสำหรับการเข้าเทรดแบบ Aggressive (เชิงรุก) เพราะมีโอกาสที่ราคาจะไม่ย้อนกลับมาลึกกว่าเดิมอีกครั้ง
o จุดเข้าเช่นนี้ต้องมีการยืนยันด้วยปัจจัยอื่นเพิ่มเติม (เช่น Momentum, Trend) เพื่อความแม่นยำ
________________________________________
🚩 สรุปแนวคิดการเทรด FVG:
• Fair Value Gap (FVG) เป็นเครื่องมือสำคัญในการจับสัญญาณการพักตัวของราคา (Retracement) ในทิศทางหลัก
• ช่องว่างที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม คือพื้นที่ที่ราคามีโอกาสกลับมาทดสอบ
• จุดที่ราคากลับเข้ามาทดสอบภายใน Gap ช่วยระบุระดับความเสี่ยงและลักษณะของเทรด (Conservative, Moderate, Aggressive)
• วิธีนี้นิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ใช้ Price Action และนักเทรด ICT (Inner Circle Trader) ซึ่งเน้นการเทรดตาม Smart Money (สถาบันการเงิน)
📌 การใช้งานจริง:
นักเทรดสามารถกำหนดกลยุทธ์ด้วยการตั้ง Limit Order หรือรอ Confirm Price Action ภายใน Gap เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเข้าเทรด
นี่คือรายละเอียดของหลักการเทรด FVG ที่แสดงไว้ในภาพครับ
HSI Futures (TF: Day) 08/05/25 วางแผนกลยุทธ์ DW อย่างละเอียดจากกราฟล่าสุดของ HSI Futures (TF: Day) 08/05/25 (พร้อม Fibonacci + TD Sequential) เราสามารถวางแผนกลยุทธ์ DW ได้อย่างละเอียดดังนี้:
________________________________________
🔍 สถานการณ์ปัจจุบัน (TF Day)
รายละเอียด ข้อมูล
✅ แนวโน้มล่าสุด Rebound จาก TD Buy Setup ครบ 9 → ขาขึ้นต่อ
🟢 ราคาปัจจุบัน 22,901 จุด (ทะลุ Fib 61.8%)
⚠️ ต้านสำคัญถัดไป 23,672 (78.6%), 24,259 (88.6%) และ 24,928 (100%)
🔢 TD Sequential ล่าสุด TD Sell Setup ขาขึ้นถึงแท่ง 5 แล้ว
🔴 แนวรับสำคัญ 22,687 (Fib 61.8%), 21,995 (Fib 50.0%)
________________________________________
🎯 กลยุทธ์เทรด DW28
✅ กลยุทธ์ Call DW (ขึ้นต่อ → เล่นตามโมเมนตัม)
รายการ แผน
🟩 ใช้ DW HSI28C2507E
📍 จุดเข้า ยืนเหนือ 22,800–23,000 ได้ต่อเนื่อง
🎯 เป้าหมาย TP1: 23,672 / TP2: 24,259 / TP3: 24,928
⛔ Stop Loss หากราคากลับมาต่ำกว่า 22,600
🕒 อายุ DW อย่างน้อย 1.5–2 เดือน (อิงรหัส 2507 = หมดอายุ ก.ค. 2568 เหมาะสม)
⚠️ กลยุทธ์ Put DW (เผื่อกลับตัวจากแนวต้านสูง)
รายการ แผน
🟥 ใช้ DW HSI28P2507C หรือ HSI28P2507D
📍 จุดเข้า รอ TD Sell Setup ขาขึ้นครบแท่ง 9 + เกิดแท่งแดงกลับตัวที่ 23,672–24,928
🎯 เป้าหมาย TP1: 22,000 / TP2: 21,303 / TP3: 20,447
⛔ Stop Loss ถ้าทะลุ 25,000 แบบแรง
🕒 อายุ DW เหลือเวลา > 45 วัน, Delta ≈ -0.5 ถึง -0.6
________________________________________
📌 กลยุทธ์ HSI DW28 (อิง TD Sequential + Fib Day Chart)
✅ Call DW: ใช้ HSI28C2507E
- ซื้อเมื่อยืนเหนือ 23,000
- เป้า: 23,672 → 24,928
- Stop: <22,600
⚠️ Put DW: เฉพาะเมื่อกลับตัวจากแนวต้าน
- รอ TD Sell ครบ 9
- ใช้ HSI28P2507C/D
- เป้า: 22,000 → 21,303
🧭 DW หมดอายุ ก.ค. 2568 → เหมาะกับ Swing Trade 2–4 สัปดาห์
________________________________________
การวิเคราะห์ HSI FUTURES โดยใช้ TD Sequential, Pivot Zoneการวิเคราะห์ HSI FUTURES โดยใช้ TD Sequential, Pivot Points, Demand/Supply Zone:
1. TD Sequential (ตัวเลข 1-9 และสัญญาณ Break of Structure - BOS):
• การกลับตัวที่ TD 9:
o ในช่วงต้นของกราฟ มี TD 9 ที่บริเวณโซน Supply (สูงสุดของกราฟ) ซึ่งราคาปรับตัวลงหลังจากนั้น พร้อมสร้าง Break of Structure (BOS) ในทิศทางลง (แนวโน้มขาลง)
• แนวโน้มล่าสุด:
o ปัจจุบัน TD Sequential อยู่ในช่วงขาขึ้นใหม่ (การนับตัวเลข 1-5 ในรอบปัจจุบัน) ซึ่งราคาพยายามทะลุ Pivot Point (P) ที่ระดับ 20,300 ไปด้านบน
o หากราคาสามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ มีโอกาสสูงที่จะนับเลขจนถึง TD 9 และทดสอบแนวต้านที่สำคัญ (R1 หรือ Supply Zone)
2. Pivot Points (S1, S2, S3 / R1, R2, R3):
• ระดับสำคัญของ Pivot Points:
o Pivot Point (P): ที่ 20,300 เป็นแนวต้านที่ราคาพยายามทะลุอยู่ หากราคาปิดเหนือระดับนี้ มีโอกาสปรับขึ้นต่อไปที่ R1 (20,933) และ R2 (22,257)
o S1 (19,215): เป็นแนวรับสำคัญในระยะใกล้ โดยมี Demand Zone สนับสนุน หากราคาย่อลงมาที่บริเวณนี้ อาจมีแรงซื้อเข้ามา
o S2 (17,712): เป็นแนวรับถัดไป ซึ่งอยู่ใกล้ Demand Zone หลัก
3. Demand/Supply Zone:
• Demand Zone:
o มี Demand Zone แข็งแกร่งที่บริเวณ 17,166 - 18,500 ซึ่งเป็นฐานรับสำคัญ หากราคาปรับตัวลงแรง
o ในระยะใกล้ มี Demand Zone รองรับในบริเวณ 19,215 ใกล้ระดับ S1
• Supply Zone:
o Supply Zone หลักอยู่ที่บริเวณ 23,000 - 23,400 ซึ่งราคาถูกปฏิเสธหลายครั้งในอดีต
o Supply Zone ย่อยที่บริเวณ 21,172 ยังเป็นแนวต้านที่ราคาอาจเผชิญแรงขายในระยะกลาง
4. แนวโน้มโดยรวม:
• ระยะสั้น: แนวโน้มขาขึ้นเริ่มชัดเจน หากราคาสามารถทะลุและยืนเหนือ Pivot Point (20,300) ได้อย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายที่ R1 (20,933)
• ระยะกลาง: หากราคาสามารถผ่าน Supply Zone ย่อยที่ 21,172 ได้ จะยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง
• ระยะยาว: แนวต้านสำคัญอยู่ที่ Supply Zone (23,000 - 23,400) ซึ่งจะเป็นเป้าหมายสำหรับแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
________________________________________
คำแนะนำการเทรด:
1. Long Position:
o หากราคาสามารถปิดเหนือ Pivot Point (20,300) ได้:
เป้าหมาย: R1 (20,933) และ R2 (22,257)
Stop Loss: ตั้งไว้ใต้ Pivot Point ที่ 19,900
2. Short Position:
o หากราคาลงมาต่ำกว่า Pivot Point และหลุดแนว S1 (19,215):
เป้าหมาย: S2 (17,712) หรือ Demand Zone (17,166 - 18,500)
Stop Loss: ตั้งไว้เหนือ S1 (19,500)
3. Demand Zone เป็นจุดเฝ้าระวัง:
o หากราคาย่อลงมาที่ Demand Zone ใกล้ 19,215 ควรพิจารณาเปิด Long Position พร้อม Stop Loss ใกล้แนว 19,000
________________________________________
การตัดสินใจ PUT DW (Derivative Warrants) ใน HSI Futures ทำตอนไหนการตัดสินใจ PUT DW (Derivative Warrants) ใน HSI Futures ทำตอนไหน
สำหรับการตัดสินใจ PUT DW (Derivative Warrants) ในกรณีที่ **HSI Futures เกิดสัญญาณ TD SELL COUNTDOWN #13 บนกรอบ DAY** และคุณคาดการณ์ว่าเป้าหมายระยะสั้นอยู่ที่ 20,000 จุด มีปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาดังนี้:
---
### **1. ความหมายของ TD SELL COUNTDOWN**
- **TD Sequential** เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแนวโน้ม โดย:
- **TD SELL COUNTDOWN #13** บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจกำลังหมดแรง และมีโอกาสเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง
- สัญญาณนี้มักต้องการการยืนยันเพิ่มเติม เช่น การ Break แนวรับสำคัญ หรือสัญญาณเทคนิคอื่นๆ
---
### **2. การประเมินเป้าหมายที่ 20,000 จุด**
- หากคุณประเมินว่าเป้าหมายระยะสั้นคือ **20,000 จุด** (ซึ่งต่ำกว่าระดับปัจจุบัน) และแนวโน้มขาลงได้รับการยืนยันจากการวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น:
- **EMA/SMA ตัดลง**
- **MACD** หรือ **RSI** ชี้ไปในโซน Bearish
- การ Breakout ต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญ
**แผน PUT DW อาจเหมาะสม** แต่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงจาก:
- ความผันผวน (Volatility)
- ระดับเวลา (Time Decay) ในกรณีที่ใช้ DW
---
### **3. การเลือก DW และกลยุทธ์**
- ควรเลือก **DW PUT** ที่มี Leverage สูง และอายุคงเหลือเพียงพอ (เช่น มากกว่า 30 วัน) เพื่อหลีกเลี่ยง Time Decay ที่รวดเร็ว
- วางแผน Stop Loss ชัดเจน หากราคาย้อนกลับเหนือแนวต้านสำคัญ หรือหากไม่มีสัญญาณยืนยันเพิ่มเติม
---
### **4. การติดตามปัจจัยอื่นๆ**
- **ปัจจัยภายนอก:** เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจีน, ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นโลก, หรือข่าวสำคัญที่เกี่ยวข้อง
- **Volume:** หากมี Volume สูงในช่วงที่ราคาลง อาจเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาลง
---
### **สรุป: PUT DW ได้ แต่ต้องรอการยืนยันเพิ่มเติม**
หากสัญญาณ TD SELL COUNTDOWN #13 บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงได้รับการยืนยัน เช่น Break แนวรับหรือปัจจัยเทคนิคอื่นๆ การ PUT DW อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะหากเป้าหมายอยู่ที่ 20,000 จุด แต่ควรระวังความเสี่ยงจากความผันผวนและตั้ง Stop Loss เพื่อจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DW ที่ควรเลือกหรือการวิเคราะห์เชิงลึก แจ้งมาได้เลยครับ!
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ HSI Futures เกิดสัญญาณ TD Sell #13เมื่อ **HSI Futures** (ดัชนีล่วงหน้า Hang Seng Index) นับ TD Sell Countdown ถึง #13 ตามระบบ **TD Sequential** ของ Tom DeMark หมายความว่า:
1. **สัญญาณกลับตัว (Reversal Signal)**
การนับ TD Sell Countdown ถึง #13 เป็นการบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจกำลังจะหมดแรง และอาจเกิดการกลับตัวลง (Bearish Reversal) หรืออย่างน้อยจะมีการปรับฐาน (Correction)
2. **จุดสูงสุด (Potential Exhaustion)**
การเกิด #13 แสดงว่าตลาดอาจอยู่ในภาวะ "แรงซื้อหมด" หรือ "Exhaustion Phase" หลังจากที่ราคาเคลื่อนที่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตามเงื่อนไขของระบบ TD Sequential
3. **การวิเคราะห์เพิ่มเติม**
- **แนวต้านสำคัญ (Resistance)**: ตรวจสอบว่ามีการชนแนวต้านหรือระดับสำคัญในกราฟ เช่น Fibonacci Retracement, Moving Average, หรือเส้นแนวโน้ม
- **พฤติกรรมราคาหลังจากนี้**: อาจมีการพักตัวหรือปรับฐาน ก่อนที่จะเข้าสู่แนวโน้มใหม่
- **ยืนยันสัญญาณ (Confirmation)**: หากต้องการเพิ่มความแม่นยำ อาจใช้สัญญาณยืนยันเพิ่มเติม เช่นการเกิด Bearish Divergence ใน RSI หรือการตัดลงของ MACD
### การจัดการการเทรด:
1. **ระมัดระวังการซื้อเพิ่ม**
หากคุณถือสถานะ Long ควรพิจารณาการทำกำไร (Take Profit) หรือวาง Stop Loss ไว้ให้รัดกุม
2. **มองหาโอกาส Short**
หากมีสัญญาณยืนยันว่าแนวโน้มกำลังเปลี่ยนเป็นขาลง อาจมองหาจังหวะเปิดสถานะ Short ในช่วง Pullback
3. **ตรวจสอบบริบทตลาด**
ดูแนวโน้มตลาดโดยรวมและปัจจัยพื้นฐาน เช่น ข่าวเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อ HSI Futures
การนับ #13 ใน TD Sell Countdown เป็นสัญญาณที่ต้องระวัง แต่ยังควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วยเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำที่สุดในสถานการณ์ของตลาดเฉพาะหน้า!
วิธีเทรด DW ตามแนวทาง "ม้าเฉียว ดูหุ้น The Future"วิธีเทรด DW ตามแนวทาง "ม้าเฉียว ดูหุ้น The Future"
ต้องบอกว่า DW นี่ใช้ความรู้เทคนิคอลเป็นหลัก และควรมีความเข้าใจหลักการของสินค้าประเภทออปชั่นเบื้องต้นจะทำให้เทรดได้ดีขึ้นครับ
อย่างแรกคำศัพท์ที่ต้องทราบ ขออธิบายแบบบ้านๆ
1. Effective Gearing หรือ อัตราทด ยิ่งมีค่ามากก็ยิ่งดีครับ ตามหลักฟิสิกส์ออกแรงน้อยได้งานมาก นึกถึงฟันเฟืองน่ะครับ หมุนรอบตัวเล็ก ตัวใหญ่ขยับ
2. Sensitivity ความไว หรือ ความเร็วในการขึ้น/ลง ของ DW โดยอ้างอิงตัวแม่นั่นเอง ยิ่งมากยิ่งดี 0.7-1.00+ โดยประมาณ
แต่หากต่ำกว่านั้น ก็สามารถเทรดได้ โดยดูความสมดุลภาพรวมจากค่าอื่นๆประกอบ
3. Time Decay เนื่องจาก DW มันเป็นสินค้าที่ใช้หลักการ
ของออปชั่น มันเลยมี Time Value เข้ามาเกี่ยว
ขออธิบายด้วยภาษาชาวบ้าน เหมือนคุณขายข้าวมันไก่ ซื้อไก่มาต้มขาย ก็ต้องขายให้ได้ภายในระยะเวลาช่วงนึง ไม่เช่นนั้นมันก็จะบูดเน่าเสียไป ความอร่อยหรือมูลค่าก็ลดลงไปตามเวลา จนสุดท้ายหมดอายุ คือกินไม่ได้ ต้องทิ้ง ไม่เหลือคุณค่าอันใดอีกแล้ว
4. Last Trading Day วันซื้อขายสุดท้ายครับ ยิ่งเข้าใกล้เส้นตายหากไม่เป็นไปตามแผน ก็ยิ่งร้อนใจ ดังนั้นเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 1 เดือนก่อนหมดอายุครับ
อย่างออปชั่นนี่เวลาผมเทรด ผมมองยาว 3 เดือน คือ ภาพใหญ่จนจบซีรี่ส์นั้นๆ
5. สภาพคล่อง + ผู้ออก DW ที่เชื่อถือได้ อันนี้ก็ต้องลองคบค้าสมาคมกับเค้าดูครับ สมัครไปนั่งฟังของแต่ล่ะโบรกว่าเค้ามีอะไรนำเสนอ เวลามีปัญหา แก้ไขให้เราไหม
มาถึงส่วนที่เป็นเทคนิคอล
คนส่วนมากมักจะถูกสอนให้ไล่ซื้อ Break Out
ไล่ Call ตาม Break High และ ไล่ Put ตาม Break Low
นักเก็งกำไร 95% ในตลาด ใช้วิธีการวิ่งไล่ครับ หรือคำศัพท์เท่ห์ๆ คือ การ Follow Buy
โดยสภาพตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน การเคลื่อนที่เป็น Sideway เกินกว่า 80% ครับ ดังนั้น "การวิ่งไล่" ที่นิยมทำกัน จึงใช้การดู Bid-Offer ดู Ticker เป็นหลักด้วยลักษณะแบบนี้ทำให้ต้องกินคำเล็กครับ เพราะมันเห็นภาพระยะสั้น พูดง่ายๆ คือ ไล่ Call ตอนมันวิ่งขึ้น ไล่ Put ตอนมันวิ่งลง ผิดทางต้องรีบหนี
แต่นั่นล่ะ Cut Loss มันก็เหมือน "ลดความอ้วน" ทุกคนรู้แต่ไม่ทำ มิหนำซ้ำยังใช้วิธีการอมไว้ & ซื้อถัว เพิ่มสถานะผิดทางเข้าไปอีก ทั้งๆที่ DW คือสินค้าที่มีการบูดเน่าหมดอายุเหลือศูนย์ได้
สรุปว่า ม้าเฉียว ดูหุ้น The Future จะไม่ใช้วิธีนี้ครับ
เราจะใช้หลักการ "Sell The Strength & Buy The Weakness" ซื้อเมื่อมันพักตัว ทยอยแจกจ่ายตอนคนไล่ตาม
ช่วงพักตัวขาขึ้นไม่ว่า HSI, SET 50 หรือ หุ้นรายตัว ที่นิยมเทรด DW กันจะเป็นสีแดงแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ใช้วิธีวิ่งไล่ เมื่อเห็นสีแดงก็ใส่ Put เข้าไว้ เห็นสีเขียว ก็อัด Call เต็มที่
เราจะทำกลับกันอย่างมีหลักการดังนี้
1. อ่านแนวโน้มหลักก่อน "แดงในเขียวใหญ่ สุดท้ายคือเขียว"
นั่นคือ Call เมื่อตลาดพักตัวในแนวโน้มขึ้น จะเห็นว่าเรา ซื้อ/Call กันในกรอบสะสมพลัง และปล่อยของเมื่อมันระเบิดขึ้นเปลี่ยนกรอบ
2. ในทางตรงกันข้าม "เขียวในแดงใหญ่ สุดท้ายคือแดง" เราจะ Put ในจังหวะ Rebound ของแนวโน้มขาลงครับ ตอนนั้นมันจะเขียว คนส่วนใหญ่ไล่ Call แต่เราทราบว่ามันเขียวไม่นาน เดี๋ยวก็ลงไปตามแนวโน้มเดิม เราจึงทำสวนทางในจังหวะนั้น
3. หากทำสำเร็จ จะได้ผลกำไรอย่างต่ำ 10% แต่โดยทั่วไปแล้วจะมากกว่านั้นครับ
ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างต้องมองหาโอกาสในจังหวะที่ตลาดคลุมเครือครับ
อะไรที่ใครๆก็เห็นแล้ว โอกาสดีๆ ก็หายไปแล้วเสมอ
หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆนักลงทุนนะครับ
4 พฤศจิกายน 2567 อัปเดท Hang Seng Index Futures ด้วยเทคนิคอล4 พฤศจิกายน 2567 อัปเดท Hang Seng Index Futures ด้วยเครื่องมือทางเทคนิคอล
HMA (Hull Moving Average) ที่ 21 วันอ่านได้ว่า ดัชนีอยู่ในแนวโน้มเชิงบวกเหนือเส้นค่าเฉลี่ย HMA
รอบก่อนที่ ฮั่งเสงจะขึ้นแรง แกว่งตัวไซด์เวย์สะสมพลังอยู่นาน จนเมื่อเริ่มปิดเหนือ HMA21 ก็ระเบิดขึ้นออกจากกรอบอย่างรุนแรง
MaChao Flip ชุด Countdown ที่นับเทรนด์ขึ้น ยังนับเพียง 11 หากต้องนับให้ครบ Sequence ก็ประมาณการได้ว่าจะต้องขึ้น ไล่ลำดับการนับมา 20852 และ 21842 ในเบื้องต้น
ทั้งนี้หากนักลงทุนเทรดขึ้น หรือ Call DW ให้กำหนดจุดยอมแพ้เมื่อดัชนีปิดสิ้นวันต่ำกว่า 20353
การกำหนดกลยุมธ์ DW HSI 3 รูปแบบ
1. จบในวัน intraday trade เน้นค่า sensitivity เพื่อให้ DW ขยับไวตาม underlying
2. ถือไว้ 2-3 วัน เน้นค่า gearing เพื่อหวังผลการระเบิดออกจากกรอบไซด์เวย์
3. HOLD สถานะ ทำเมื่อ อ่านตลาดเป็นแนวโน้ม ตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป ควรพิจารณาค่า Time Decay ที่ไม่สูงนักและบาลานซ์กับค่า Gearing & Sensitivity
4. ยอมแพ้ ไม่ถัว เมื่อ ดัชนีอ้างอิงปิดหลุดแนว STOP LOSS
HSI มีแนวโน้มระเบิดขึ้นจาก กรอบ sideway ทดสอบ 20950ด่วน! จีนมีแผนจะออกมาตรการกระตุ้น CONSUMPTION นะครับ
สำหรับ HSI DW ก็น่าสนใจที่จะ CALL DW
HSI มีแนวโน้มระเบิดขึ้นจาก กรอบ sideway ทดสอบ 20950 หากใช่
มีโอกาสทำ W2 ขึ้น W3 ก็น่าสนใจที่จะ CALL DW HSI ขึ้นไปครับ
ดูตาราง ดู gearing sensitivity และ time decay รวมถึงเครื่องหมาย remark ต่างๆก่อนเทรด DW เสมอ
28/10/2024
HSI FUTURES ย่อลงมาทดสอบ Fibonacci 127.2% แล้วเกิด Sell Reject14 ตุลาคม 2567 ภาพแสดง HSI FUTURES ย่อลงมาทดสอบ Fibonacci 127.2% แล้วเกิด Sell Reject
หากวันนี้ตลาดหุ้นไทยเปิด ผมคงให้ความเห็นว่า ย่อมาเรา Call DW HSI ขึ้นไปดีกว่า PUT ครับ
ลองมาฟังเหตุผลดังนี้ ด้วย MaChao Flip & Fibonacci
"MaChao Flip Aggressive Count"
ในช่วงที่ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสภาพปกติ เราสามารถใช้วิธี **Aggressive Count** หรือการนับแบบเร่ง เพื่อให้ทันกับความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
วิธีการ Aggressive Count นี้แตกต่างจาก แบบดั้งเดิมตรงที่ว่า:
1. **สำหรับการนับเพื่อซื้อ (Buy Count)**:
- ในวิธีดั้งเดิมจะเปรียบเทียบราคาปิด (Closing Price) กับราคาต่ำสุดของแท่งราคา (Price Bar) ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น 2 แท่ง
- แต่ในวิธี Aggressive Count จะเปลี่ยนไปเปรียบเทียบแค่ราคาต่ำสุดระหว่างแท่ง โดยไม่ใช้ราคาปิดมาเกี่ยวข้อง
- หากราคาต่ำสุดของแท่งราคาในปัจจุบัน น้อยกว่าหรือเท่ากับราคาต่ำสุดของแท่งที่เกิดขึ้น 2 แท่งก่อนหน้า และตรงตามเงื่อนไขอื่น
2. **สำหรับการนับเพื่อขาย (Sell Count)**:
- ในวิธีดั้งเดิมจะเปรียบเทียบราคาปิดกับราคาสูงสุดของแท่งราคาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น 2 แท่ง
- แต่ในวิธี Aggressive Count จะเปลี่ยนไปเปรียบเทียบแค่ราคาสูงสุด โดยไม่ใช้ราคาปิดมาเกี่ยวข้อง
- หากราคาสูงสุดของแท่งราคาในปัจจุบัน สูงกว่าหรือเท่ากับราคาสูงสุดของแท่งที่เกิดขึ้น 2 แท่งก่อนหน้า และตรงตามเงื่อนไขอื่น
การตั้งค่า:
วิธีการ Aggressive Count ให้ผู้ใช้ **เปลี่ยนการเปรียบเทียบราคาปิด** ออกจากกล่องการตั้งค่า และเปลี่ยนไปใช้การเปรียบเทียบ **ราคาต่ำ (Low) สำหรับการซื้อ** และ **ราคาสูง (High) สำหรับการขาย** แทน
โดยสรุป วิธีนี้จะเป็นการเปรียบเทียบราคาต่ำหรือสูงของแท่งราคาในปัจจุบันกับแท่งราคาที่เกิดขึ้น 2 แท่งก่อนหน้า ซึ่งจะช่วยในการตรวจจับสัญญาณซื้อหรือขายที่มีความเสี่ยงต่ำได้เร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ณ เวลา 12:50 ของ 14/10/2024 เราพบว่า แนว Fibonacci 127.2 เป็นแนวรับหลักที่ Hold ดัชนี้ไว้
ชุด Aggressive Count นับ 8 บอกเราว่าชุดการนับทางขึ้นด้านบน ยังมีโอกาสนับได้ต่อเนื่อง
สรุปง่ายๆว่า HSI ย่อมาก็ Call ไปครับ โดยกำหนดจุด STOP LOSS ที่ low ของวันที่ 9/10/2024 มีค่า 20,241 จุด
10 ตุลาคม 2567 "ฮั่งเสงมีโอกาสฟื้นตัวจากแนว Fibonacci 127.2"10 ตุลาคม 2567 "ฮั่งเสงมีโอกาสฟื้นตัวจากแนว Fibonacci 127.2"
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เมื่อคุณลาก Fibonacci Extension จะได้ว่า
"HSI Futures" ทดสอบ Fibonacci Level 200% เกิด Buy Reject หรือ การปฏิเสธการซื้อ ส่งผลให้ราคาพักตัวหรือกลับทิศทางจากแนวโน้มก่อนหน้า
ตัวอย่างในภาพเป็น HSI Futures เหตุการณ์ต่อเนื่อง 8-9 ต.ค.67
เป็นการลาก Fibonacci Extension ในช่วงแนวโน้มขาลง เพื่อหารอบการฟื้นตัว โดยจะเริ่มจากจุด Swing high (9) ไปสู่จุด Swing Low (13) ของรอบ
ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่าดัชนี ขึ้นไปที่ระดับ 200% ตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2567 และอ่อนกำลังทางขึ้นชัดเจนเมื่อ 8-9 ต.ค.67 ให้พิจารณาแนวพักตัวกรอบ Pivot-127.2%ในเบื้องต้น ซึ่งมีค่าในโซน 20,353-20,709
นักลงทุนสามารถใช้กรอบ 20,353-20,709 เป็นฐาน Support เพื่อ Call DW HSI ขึ้นไป โดยมีกรอบเป้าหมายในโซน 127.2%-161.8%
ทั้งนี้ให้กำหนดจุด STOP LOSS อย่างชัดเจนที่ Pivot 20,353
ค่าที่นิยมใช้ของ "DOHOON913"
ปกติกราฟทั่วไป (ในตัวอย่างใช้ Tradingview) จะโชว์สัดส่วน Fibonacci ตั้งแต่ 0.146,0.236, 0.382, 0.5, 0.618, 0.786, 0.886 1, 127.2*, 1.618, 2.00, และ 2.618
จริงๆแล้วทั่วไปจะใช้แค่ 4 ค่า คือ 23.6%, 38.2%, 50%, and 61.8% ในการวิเคราะห์เบื้องต้นของการพักตัวหรือฟื้นตัว จากนั้นจึงไล่สเตป monitor ไปตามระดับ Fibonacci Level ต่างๆ
TIP กรอบ 127.2%-161.8% มักตรงกับ PRZ ของ Harmonic Pattern และใช้เฝ้าระวังการกลับตัว
สำหรับแนว 50% และ 200% จริงๆ ไม่ได้เป็นสัดส่วน Fibonacci แต่มาจาก Dow Theory ที่คนส่วนมานิยมใช้กัน โปรแกรมใหญ่เลยใส่เข้ามา
สรุป
การใช้เครื่องมือ Fibonacci retracements และ extension เป็นการวัดรอบการแกว่งตัวของราคาเพื่อหาจุดกลับตัวของรอบ ซึ่งสามารถใช้จับจังหวะในการซื้อขายได้เป็นอย่างดี และยิ่งถ้าไปใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่นอย่างเช่น MaChao Flip, Elliott Wave, Harmonic Pattern เป็นต้น ก็จะยิ่งทวีความมีประสิทธิภาพในการเทรดขึ้นไปอีกด้วยเช่นเดียวกัน
HSI ทดสอบ Fibonacci Level 200% เกิด Buy Reject การปฏิเสธการซื้อ9 ตุลาคม 2567 "HSI Futures" ทดสอบ Fibonacci Level 200% เกิด Buy Reject หรือ การปฏิเสธการซื้อ ส่งผลให้ราคาพักตัวหรือกลับทิศทางจากแนวโน้มก่อนหน้า
ตัวอย่างในภาพเป็น HSI Futures เหตุการณ์ในเวลานี้ 9 ต.ค.67
เป็นการลาก Fibonacci Extension ในช่วงแนวโน้มขาลง เพื่อหารอบการฟื้นตัว โดยจะเริ่มจากจุด Swing high (9) ไปสู่จุด Swing Low (13) ของรอบ
ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่าดัชนีเกิดการฟื้นตัวลักษณะ ขึ้นไปที่ระดับ 200% ตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2567 และอ่อนกำลังทางขึ้นชัดเจนเมื่อ 8 ต.ค.67 ให้พิจารณาแนวพักตัวกรอบ 127.2%-161.8% ในเบื้องต้น
ค่าที่นิยมใช้ของ "DOHOON913"
ปกติกราฟทั่วไป (ในตัวอย่างใช้ Tradingview) จะโชว์สัดส่วน Fibonacci Retracement ตั้งแต่ 0.146,0.236, 0.382, 0.5, 0.618, 0.786, 0.886 1, 1.618, 2.00, และ 2.618
จริงๆแล้วทั่วไปจะใช้แค่ 4 ค่า คือ 23.6%, 38.2%, 50%, and 61.8% ในการวิเคราะห์เบื้องต้นของการพักตัวหรือฟื้นตัว จากนั้นจึงไล่สเตป monitor ไปตามระดับ Fibonacci Level ต่างๆ
TIP กรอบ 78.6%-88.6% มักตรงกับ PRZ ของ Harmonic Pattern และใช้เฝ้าระวังการกลับตัว
สำหรับแนว 50% และ 200% จริงๆ ไม่ได้เป็นสัดส่วน Fibonacci แต่มาจาก Dow Theory ที่คนส่วนมานิยมใช้กัน โปรแกรมใหญ่เลยใส่เข้ามา
สรุป
การใช้เครื่องมือ Fibonacci retracements และ extension เป็นการวัดรอบการแกว่งตัวของราคาเพื่อหาจุดกลับตัวของรอบ ซึ่งสามารถใช้จับจังหวะในการซื้อขายได้เป็นอย่างดี และยิ่งถ้าไปใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่นอย่างเช่น MaChao Flip, Elliott Wave, Harmonic Pattern เป็นต้น ก็จะยิ่งทวีความมีประสิทธิภาพในการเทรดขึ้นไปอีกด้วยเช่นเดียวกัน
8 ตุลาคม 2567 "HSI ทดสอบ Fibonacci Level 200% เฝ้าระวัง Reject8 ตุลาคม 2567 "HSI ทดสอบ Fibonacci Level 200% เฝ้าระวัง Buy Reject
ตัวอย่างในภาพเป็น HangSeng Futures เหตุการณ์ในเวลานี้ 8 ต.ค.67
เป็นการลาก Fibonacci Extension ในช่วงแนวโน้มขาลง เพื่อหารอบการฟื้นตัว โดยจะเริ่มจากจุด Swing high (X) ไปสู่จุด Swing Low (13) ของรอบ
ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่าดัชนีเกิดการฟื้นตัวลักษณะ ขึ้นไปที่ระดับ 200% ในเช้านี้ 7 ตุลาคม 2567 และอ่อนกำลังทางขึ้นในเช้า 8 ต.ค.67 ให้พิจารณาแนวพักตัวกรอบ 127.2%-161.8% ในเบื้องต้น
ค่าที่นิยมใช้
ปกติกราฟทั่วไป (ในตัวอย่างใช้ Tradingview) จะโชว์สัดส่วน Fibonacci Retracement ตั้งแต่ 0, 0.382, 0.5, 0.618, 0.786, 1, 1.618, 2.00, 2.618, 3.618, 4.236 ไม่มี 0.236 (ซึ่ง Add เพิ่มได้)
จริงๆแล้วทั่วไปจะใช้แค่ 4 ค่า คือ 23.6%, 38.2%, 50%, and 61.8% ในการวิเคราะห์เบื้องต้นของการพักตัวหรือฟื้นตัว จากนั้นจึงไล่สเตป monitor ไปตามระดับ Fibonacci Level ต่างๆ
สำหรับแนว 50% และ 200% จริงๆ ไม่ได้เป็นสัดส่วน Fibonacci แต่มาจาก Dow Theory ที่คนส่วนมานิยมใช้กัน โปรแกรมใหญ่เลยใส่เข้ามา
สรุป
การใช้เครื่องมือ Fibonacci retracements เป็นการวัดรอบการแกว่งตัวของราคาเพื่อหาจุดกลับตัวของรอบ ซึ่งสามารถใช้จับจังหวะในการซื้อขายได้เป็นอย่างดี และยิ่งถ้าไปใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่นอย่างเช่น การดู Price action, Indicator ต่างๆ เป็นต้น ก็จะยิ่งทวีความมีประสิทธิภาพในการเทรดขึ้นไปอีกด้วยเช่นเดียวกัน
HSI จะขึ้นไปไหน ลองใช้ Fibonacci Level มาช่วยในการอ่านHSI จะขึ้นไปไหน ลองใช้ Fibonacci Level มาช่วยในการอ่าน
ตัวอย่างในภาพเป็น HangSeng Futures เหตุการณ์ในเวลานี้ 7 ต.ค.67
เป็นการลาก Fibonacci Extension ในช่วงแนวโน้มขาลง เพื่อหารอบการฟื้นตัว โดยจะเริ่มจากจุด Swing high (X) ไปสู่จุด Swing Low (13) ของรอบ ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่าดัชนีเกิดการฟื้นตัวลักษณะ ขึ้นไปที่ระดับ 200%ในเช้านี้ 7 ตุลาคม 2567
ค่าที่นิยมใช้
ปกติกราฟทั่วไป (ในตัวอย่างใช้ Tradingview) จะโชว์สัดส่วน Fibonacci Retracement ตั้งแต่ 0, 0.382, 0.5, 0.618, 0.786, 1, 1.618, 2.00, 2.618, 3.618, 4.236 ไม่มี 0.236 (ซึ่ง Add เพิ่มได้)
จริงๆแล้วทั่วไปจะใช้แค่ 4 ค่า คือ 23.6%, 38.2%, 50%, and 61.8% ในการวิเคราะห์เบื้องต้นของการพักตัวหรือฟื้นตัว จากนั้นจึงไล่สเตป monitor ไปตามระดับ Fibonacci Level ต่างๆ
สำหรับแนว 50% และ 200% จริงๆ ไม่ได้เป็นสัดส่วน Fibonacci แต่มาจาก Dow Theory ที่คนส่วนมานิยมใช้กัน โปรแกรมใหญ่เลยใส่เข้ามา
สรุป
การใช้เครื่องมือ Fibonacci retracements เป็นการวัดรอบการแกว่งตัวของราคาเพื่อหาจุดกลับตัวของรอบ ซึ่งสามารถใช้จับจังหวะในการซื้อขายได้เป็นอย่างดี และยิ่งถ้าไปใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่นอย่างเช่น การดู Price action, Indicator ต่างๆ เป็นต้น ก็จะยิ่งทวีความมีประสิทธิภาพในการเทรดขึ้นไปอีกด้วยเช่นเดียวกัน
HSIV2020 with 3 starsทุกครั้งที่มี new low ผมจะให้ target ของรอบย่อย โดยแปะดาวสีแดงไว้ในตำแหน่งล่วงหน้า
timing อาจจะไม่ได้ถูกต้องเพราะเป็นการวาดอย่างมั่วๆ คาดเดาว่า อาจจะเป็นช่วงระยะเวลานี้
แต่ที่ตั้งใจวางคือระดับดัชนีที่มาจากการคำนวณ
2 ครั้งแรก เมื่อลงมาถึงก็เป็นแนวรับ แนวเด้งที่ดี และที่สำคัญ ลงมาถึงทุกครั้งด้วย
มาดูกันว่าครั้งที่ 3 จะถึงหรือไม่ และจะเป็นแนวรับที่ดี ให้เราได้ดีเหมือน ดาว 2 ดวงแรกหรือ่ไม่
UPDATE HANG SENG INDEX FUTURESแม้ว่าสถานการณ์ การประท้วงในฮ่องกงยังไม่คลี่คลาย แต่ทางเทคนิคอลอ่านได้ว่า ฮั่งเสงจะมีการรีบาวด์ทดสอบกรอบ 26600-26680 จุด
ในกรณีที่สิ้นวัน ดัชนีฮั่งเสงปิดในกรอบนี้ได้ ตลาดหุ้นฮ่องกงจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง
แต่หากทำไม่ได้อ่านได้ว่าเป็นการรีบาวด์แล้วลงต่อครับ
ก็ตัดสินกันที่ขอบล่าง 26600 ก็แล้วกันนะครับ
สำหรับคนที่ต้องการเล่นกับ leverage ก็ลองดู DW ครับ
🔵DW เป็นตัวเลือกอีกทางนึงสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการซื้อหุ้นสามัญ
HSI28C2001B สำหรับแนวโน้มตลาดฟื้นตัว
HSI28P2001C สำหรับการรีบาวด์แล้วลงต่อ