Eaw_Neowave forecast อัพเดท #USDTHB อัพเดทค่าเงินบาท USDTHB อินดิเคเตอร์ที่แอดชอบใช้ดูว่า SETINDEX จะขึ้นหรือลงเพราะมันสะท้อนกระเเสเงินสดต่างชาติว่าเข้ามาเยอะหรือน้อยแค่ไหนทำให้เราจะรู้ว่าจะหุ้นจะขึ้นหรือลง ตอนนี้เห็นชัดว่าเป็นขาลงและ ลาเบลได้เป็น สาม Segment น่าจะเป็นการลงคลื่นซี ของ Flat อาจจะมี 5 ขาได้ แต่อาจจะจบสามขาเป็นแค่ abc ก็ได้แนวรับ 34 บาทโดยมองว่าถ้าหลุด 34 บาท อาจจะลงไป 33 บาทน่าเป็นเป้าสุดท้ายที่เงินบาทจะแข็งได้ ตอนนี้มองได้สองรูปแบบว่าเป็นการปรับฐานรูปแบบ Flat หรือ สามเหลี่ยมหากเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมก็จะไม่ควรหลุดต่ำกว่า 33.600 ถ้าต่ำกว่านั้นจะตัดความเป็นไปได้ว่าเป็นสามเหลี่ยมออกไปจะมองว่าเป็น Flat เท่านั้นและน่าจะลงไป 33 บาท ในคลื่น M2
USDTHB
รีวิวค่าเงินบาทเทียบเทียบกับ SETINDEXSET:SET รีวิวค่าเงินบาทเทียบเทียบกับ SETINDEX
หากดูแนวโน้มย้อนหลังจะพบว่าค่าเงินบาทกับ SET จะวิ่งส่วนทางกันในแง่ของกราฟ
คือ หากเงินบาทกลับมาแข็งค่าได้จะพบว่าในช่วงนั้น SET จะฟื้นตัวได้ดี
เมื่อวานเราเห็นค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า 35.39 จาจุดสูงสุดที่ทำไว้ที่ 35.89
และเริ่มเห็นแรงซื้อกลับตามมาใน SET
มุมมองตลาด มีโอกาศค่อยปรับตัวขึ้นกลับมาเล่นในกรอบได้เหมือนเดิม
USDTHB : มีแนวโน้มกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง 4/2/2023สำหรับ USDTHB หลังจากเรากลายเป็นขาลงใหญ่ ตาม DXY มาตั้งแต่ต้น พ.ย. 2022 และหลังจากนั้นก็ลงยาวมาตลอด
มาวันนี้ ทรงกราฟก็เริ่มเปลี่ยน เป็นทางที่น่าสนใจมากขึ้น
โดย USDTHB สามารถ "ระเบิด" ขึ้นมาทะลุเหนือ EMA18Daily และ ทะลุขอบบนของ ATR ได้
ซึ่ง ก็จะทำให้เกิดสัญญาณ "ซื้อ" ของ USDTHB นั่นเอง
สัญญาณ "ซื้อ" ของ USDTHB ก็หมายความว่า เราก็เปลี่ยนจากการถือเงินบาท มาถือ USD แทน
ซึ่ง ในยุคปัจจุบัน ท่านสามารถทำได้ง่ายมากๆ เช่น
1) โอนเงินบาท ไปซื้อ USDT ใน crypto exchange ของไทย
2) โอนเงินบาท ไปแลกเป็น USD ในแอพเทรดหุ้นต่างประเทศของไทย เช่น D**e In******X เป็นต้น
3) ท่ายากกว่านั้นก็ไป long USD ใน tfex ก็ได้ครับ
ก็รอดูกันไปว่า การดีดของ USDTHB รอบนี้ จะจีรังยั่งยืนหรือไม่ หรือแค่เป็นการเด้งเพื่อ sideway down ลงต่อ
แล้วเผื่อที่ให้หุ้นเมกา+คริปโตดีดกันต่อ... เดี๋ยวตลาดก็จะเฉลยออกมาเองครับ
ทำไมเราถึงควรทำตามระบบอย่างมีวินัย? ลองเอา Case Study มาให้ดูกันนะครับ ว่า ทำไม เราถึงควรทำตามระบบ อย่างมีวินัย
----------------
* ถ้าจำกันได้ ในปี 2022 ที่ผ่านมา ระบบ Trend Following ยอดฮิตง่ายๆ อย่าง Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ มี win rate อยู่ที่ 0% นั่นก็คือ ไม่ว่าจะมีสัญญาณเข้าซื้อกี่ครั้ง คุณก็จะโดน Stop Out ออกแบบไม่มีกำไรเสมอ
* โดยถ้าเราใช้ความเสี่ยงที่ 3% Risk per trade ในปี 2022 เราจะขาดทุน จากการทำตามระบบประมาณ -12.29%
* แต่ ถ้าเราไม่ท้อ ไม่เลิกทำตามมันอย่างมีวินัย แล้วก็กล้ากดซื้อ ตอนที่ระบบ Action Zone เขียวเมื่อวันที่ 10/1/2023 ที่ผ่านมา .. ผ่านมา 8 วัน ณ วันนี้ พอร์ตของเราก็จะมี "กำไร" ให้เห็นกันแล้วครับ
* โดยกำไรที่ได้ ก็จะมา cover loss -12.29% ของปีที่แล้ว ไปได้ทั้งหมด และทำให้ปีนี้ มีกำไร ( Unrealized Profit ) ประมาณ +3.19% นั่นเอง
* และ ตอนนี้ เทรนของ BTC เอง ก็เปลี่ยนเป็นขาขึ้น ทั้ง TF Daily และ TF Weekly ถ้าการขึ้นรอบนี้ยังไปต่อได้ แล้วเรานั่งทับมือรันเทรนกันต่อไปได้โดยไม่ใจเสาะขายออกมาก่อน เดี๋ยวปีนี้ เราก็จะปิดปีกันแบบมีกำไรเองครับ
* ก็ต้องขอยกคำพูดของ อจ. พิริยะ มาว่า "ระบบอ่ะ มันจะมี false sig ไปเรื่อยๆ จนครั้งที่เราไม่เชื่อมันน่ะแหละ มันถึงจะเป็น true sig" ... โคตรจริง 5555
ปล. รอบนี้ผมก็ทำตามระบบนะครับ ไม่ได้ไม่เชื่อเน้อ พิมพ์ไว้ก่อน เผื่อจะมีคนมาแซะอีก
ปล. 2 Position Size ก็สำคัญนะครับ ถ้าคุณใช้ความเสี่ยงเกิน 4% ของพอร์ต ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง กลายเป็นว่า เราก็จะยังขาดทุนอยู่ดีครับ
เพราะ key สำคัญ ของระบบ Trend Following คือ ทำไงก็ได้ ให้ตอนผิดทาง เราผิดน้อยที่สุด ส่วนตอนถูกทางก็ให้มันถูกมากและนานที่สุด นั่นเอง
ปล. 3 ที่ระบบมีสัญญาณขายตรงแท่งสุดท้าย เพราะเป็น option ในการ backtest ของผมนะครับ ของจริงยังไม่มีสัญญาณขายใดๆ เน้อ
USD อ่อนเป็นโจ๊ก หลังประกาศ CPI หักปากกาเซียนกันอีกแล้วจ้า 11/11ก่อนหน้านี้ ถ้าเราจะจำกันได้ ช่วงที่ดอลล่าห์มีการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จน ดอล/บาท ( USDTHB ) จ่อจะทะลุ 39 บาท
เหล่าบรรดากูรูทั้งหลายก็ออกมาชี้เป้าว่า ดอลจะแข็งต่ออย่างแรง จนอาจจะไปถึง 45 บาทต่อดอลได้
ยังไม่นับที่ สื่อแทบจะทุกสำนัก ออกข่าวเรื่องดอลแข็ง จ่อทะลุ 40 กันรัวๆ
แต่ จากการสังเกตุของผมเอง เมื่อไหร่ที่ สื่อลงข่าวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทุกสำนัก และ กูรูออกมาชี้เป้าไปต่อเวอร์ๆ
หลักจากนั้น มันมักจะเป็นจุดกลับตัวของสิ่งนั้นๆ เสมอครับ เช่น กลับจากขึ้นเป็นลง หรือ กลับจากลงเป็นขึ้น
ค่าเงินดอล ก็เช่นกัน หลังจากที่สื่อลง+กูรูฟันธง
ราคาก็เริ่มยึกๆ ยักๆ ไม่ไปต่อ ขึ้นๆ ลงๆ ออกข้างกันไปประมาณเดือนนึงได้
จนเมื่อวันนี้ ที่มีการประกาศเลข CPI ออกมาต่ำกว่าคาด ก็เลยทำให้ดอลล่าห์ที่จ่อทำทรงจะรูดแหล่ไม่รูดแหล่ ... รูดลงมาซะยับๆ เลยครับ
และ ไม่ใช่แค่ทำให้เงินบาทเราแข็งขึ้นเท่านั้น พวกคู่เงินอื่นๆ ที่สื่อลงเยอะๆ เช่น USDJPY ที่กูรูชอบออกมาบอกว่า ญี่ปุ่นแย่แล้ว เอาเงินไปสู้ค่าเงินบลาๆ เดี๋ยวประเทศจะล้มละลาย
...สุดท้าย USDJPY ก็ลงยับๆ เช่นกันครับ 555
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1) ถ้าสื่อลง + กูรูฟันธง ในสิ่งใดๆ ขอให้ระวังการกลับตัว ( ใช้ได้ทุกสิ่งอย่าง confirm 100% )
2) ฟังกูรูแล้วอย่าไปบ้าจี้ กดซื้อหรือขายตาม ให้ดูกราฟและเตรียม bet ฝั่งตรงข้าม โดยรอให้กราฟ confirm ก่อน
3) ก่อนจะกลับตัว กราฟจะเริ่มเสียทรง/ตั้งทรงก่อนเสมอ ถ้าดูแล้วมีสัญญาณซื้อหรือขาย ก็ต้องทำตามอย่างมีวินัย
4) กราฟไม่เคยโกหก ขอให้เชื่อกราฟ อย่าไปเชื่อ ความคิดเห็น คำทำนาย หรือ bias ของเราเอง
Elliott wave by Eaw Forecast #USDTHBอัพเดทค่าเงินบาท USDTHB อินดิเคเตอร์ที่แอดชอบใช้ว่า SET จะขึ้นหรือจะลง เพราะมันสะท้อนฟันโฟล หรือ กระเเสเงินสดต่างชาติว่าเข้ามาเยอะหรือน้อย แล้วทำเรา
จะรู้ว่าจะหุ้นหรือจะลง ตอนนี้พอจะเห็นว่าเป็นขาลงและ ลาเบลได้เป็น สาม Segment ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเป้าแรกที่ 31.990 แต่หากหลุดต่ำกว่านั้นก็อาจจะไปได้ถึง 31.641 ถึง 31.075 โดยมองว่า 31.075 น่าเป็นเป้าสุดท้ายที่เงินบาทจะแข็งได้
Elliott wave by Eaw อัพเดทค่าเงินบาท 13 มิถุนายน 2563
ที่ผมนับคลื่นไว้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2563 หลักการที่ผมได้ดูไว้ว่าเป็นรูปแบบ Double Combination ซึ่งท่อนแรกเป็น Elongated zz ที่เป็นรูปแบบ Standard Correction ต่อมาเกิด X-Wave เชื่อมกันด้วยท่อนสุดท้ายที่เป็น Triangle ซึ่งเป็นรูปแบบ Correction แบบ Complexity level-1 โดยทั่วไปรูปแบบรูปแบบ Double Combination นี้อาจจะเกิด Completely retrced ได้หากเป็นการจบคลื่นของ Terminal Impulse แต่ในกรณีทั่วไปมักจะไม่เกิด Completely retrced จะ Retrced ประมาณ 80% ใน Corrective Phase ส่วนหลัง X-wave ซึ่งอาจเป็นรูปแบบ Correction ที่มี C-wave failure หรือ Running Triangle นั้นมีโอกาสจะเกิด Completely Retraced รูปแบบทั้งหมดได้
บทวิเคราะห์ หากจบรูปแบบทั้งหมดราคาจะไม่ retrced ไปที่ 80% ของคลื่น a คือราคาที่ 50.830 บาทต่อ USD
Elliott wave by Eaw อัพเดทค่าเงินบาท ที่ดูไว้เมื่อวันที่ 24/3/64วันที่ 13 มิถุนายน 2563
วันที่ 24 มีนาคม 2564
USD/THB จากที่นับคลื่นไว้ว่าเป็น Double combination หนังสือบอกไว้ว่าโดยปกติ Double combination จะไม่ retrace มากกว่า 80% ก็จะอยู่ที่ 31.36
"Would indicate no more than about 80% retracement" แต่ตอนนี้เกิน 80% แล้วแสดงว่ามันน่าจะมีอะไรผิดปกติ
อัพเดทค่าเงินบาท (2) ต่อจากเมื่อวาน คลื่นสุดท้ายที่เป็นคลื่น e เป็นการลงรูปแบบ Zigzag มีโอกาสเป็นได้ 2 อย่างครับ Normal กับ Truncated ถ้าเป็น Truncated wave-c จะยาวแค่ 38.2 - 61.8% ถ้าเป็น Normal ก็จะยาว ได้ตั้งแต่ 61.8 - 161.8% ของ a Minimum length of wave-c in a normal zigzag zigzag 61.8 - 161.8% of wave-a added to the end of wave-a (วัดแบบ External แบบกราฟเมื่อวาน) ถ้า Truncated ต้องวัดแบบ internal แบบกราฟนี้ เรื่องความยาวของ wave-c Zigzag และ Flat ให้ไปอ่านบทที่ 12 ครับ และมีคำถามว่า Triangle ทำไมเกิดขึ้นใน Zigzag ได้ เพราะ คลื่น Correction Zigzag เกิดขึ้น Triangle ได้ใน wave-b และ wave-x เกิดขึ้นได้ปกติครับ เพราะเป็น Standard correction 😉 ช่วงนี้ตามติดค่าเงินบาทเพราะถ้าเงินไหลออกเร็วแสดงว่า หุ้นจะลงแรง
สถานการณ์ค่าเงินบาท $USDTHBค่าเงิน $USDTHB วิ่งในกรอบฟอร์มสามเหลี่ยมตามภาพ
ระยะสั้นน่าจะอ่อนตัวขึ้น และค่อยแข็งตัวตามลำดับ
แต่อย่างไรก็ตาม น่าจะวิ่งในกรอบเทาไปเรื่อยๆ จนเกิดสถานการณ์ใหม่ในการเลือกทางที่ชัดเจน
เช่น ผลจากค่าเงิน $DXY และมีการแทรกแซงค่าเงินเพื่อไม่แกว่งเกินไป
แต่ในที่สุด จะลงมาต่ำว่า 30 อีกรอบ
ถ้าบทบาทเป็นแบงค์ชาติ ก็ตามเกมดอลลาร์ เพื่อให้ไม่แกว่งต่อวันเกินไปพอ
ไม่น่าจะไปแทรกแซงอะไรมาก แค่ประคองตามเศรษฐกิจโลก เก็บกระสุนไว้ใช้ในระยะยาว และหามาตราการต่างๆกับคลัง เพื่อช่วยเหลือผลกระทบจากโควิทในระยะต่อไป เพราะลำบากแน่
USDTHB D1 เงินบาทไทยถึงเวลาย่อ มีแนวโน้มกลับไป 32.350 / 31.500USDTHB D1 เงินบาทไทยถึงเวลาย่อ มีแนวโน้มกลับไป 32.350 / 31.500
กรอบเวลา H4 เริ่มเกิด Bearish Divergence สัปดาห์หน้าควรจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อ Short เป้าหมายแรกดีมานด์โซน H4 ซึ่งเป็นดีมานด์โซนที่อ่อนแอแถวบริเวณราคา 32.350 กรณีเบรคดีมานด์โซน H4 ราคามีแนวโน้มกลับไปสู่แนวราคา 31.500 ซึ่งเป็นดีมานด์โซนในกรอบเวลา D1
*** ข้อควรระวัง ***
ราคาวิ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันดังนั้นเทรดเดอร์แนว Conservative ควรรอการเบรคเส้นค่าเฉลี่ย EMA 20 เพื่อคอนเฟิร์มการเข้าเทรด
#DemandSupply by #ForexTradeReview
USDTHBหลังจากที่ค่าเงินบาท แข็งค่าลงไปอยู่ที่ 29.716 บาท โดยประมาณ ซึ่งถือเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 7 ปี ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่มีการอ่อนค่ามาในช่วงปลายปี 2013 จนมีข่าวออกมาในช่วงปลายๆเดือนมกราคม ถ้าผมจำไม่ผิด
ว่าน่าจะมีการแทรกแซงเงินบาท จนทำให้มีการอ่อนค่ามาอยู่ในช่วง 31.221 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดของเดือน มกราคม 63 ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนก็ยังคงเป็นกังวล เนื่องจากค่าเงินบาทนั้นยังคงอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ยาก
ล่าสุดในวันนี้ ทางแบงก์ชาติ ลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
โดย มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.25% เหลือ 1.00% ซึ่งยังไม่เคยมีครั้งไหนที่มีดอกเบี้ยต่ำเท่านี้มาก่อน
ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยให้เหตุผลไว้ว่า เป็นเพราะ เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวต่ำกว่าคาด จากผลกระทบต่างๆดังนี้
- ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
- การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
- ความล่าช้าของ พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563
- ภัยแล้งภายในประเทศ
นอกจากนี้เสถียรภาพระบบการเงินมีความเปราะบางมากขึ้น จากแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจรวมถึงเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเกณฑ์
ดังนั้น การลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระดอกเบี้ยแก่ภาคธุรกิจและครัวเรือน และทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในอนาคต
=================================
ในส่วนปัจจัยเชิงเทคนิค
การปรับตัวขึ้นในช่วงเดือน มกราคา 2563 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ในภาพรวมระยะยาว
ซึ่งบ่งบอกว่า การแข็งค่าของเงินบาทนั้นมีแนวโน้มที่จะพักตัว และกลับไปอ่อนค่ามากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา ราคาได้มีการปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 78.6 retracement
ซึ่งการกลับขึ้นไปนั้นมีความเป็นไปได้น้อย ที่จะขึ้นไปทำ จุดสูงสุดใหม่ เมื่อเทียบกับ จุดสูงสุดก่อนหน้าในช่วงเดือน ตุลาคม 2558
ดังนั้นสัดส่วนในการกลับขึ้นไปจะอยู่ที่ 61.8 - 100 Fib retracement หรือที่ 34.013 - 36.668 โดยประมาณ
ซึ่งทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยเชิงเทคนิค นั้นมีความสอดคล้องกัน โดยในระกลาง เงินบาทน่าจะมีโอกาสกลับไปอ่อนค่าที่ประมาณ 34 บาท ต่อ ดอลลาร์ได้ เพื่อช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ และ ภาคการลงทุน ให้ดีขึ้นจากนี้
ค่าเงินบาทแข็งตัวสุดๆ ในรอบหลายปีกราฟบอกอะไรเราได้บ้างตอนนี้?
ในมุมมองของผม น่าจะมีเด้งแถวๆนี้บ้างเพราะเกิด Bullish Divergence ใน Time Frame ใหญ่ๆ และดูเหมือน Falling Wedge ขนาดใหญ่
ใน 1 - 2 ปี เราอาจจะได้เห็นกลับไปแถวๆ 31-32บาท ต่อ 1 USD แต่ถ้ามันไม่เด้งและทะลุ 28.40บาท ลงไปก็ตัวใครตัวมันทันทีเลยน่ะครับ
ใครที่จะเอาเงินบาทไปแลกเป็น USD ผมว่าเป็นเวลาที่เหมาะ หรือใครที่จะเติมเงินเข้าโบรคอะไรแบบนี้ ก็ดีเลย
Happy New Year ครับทุกท่าน
ค่าเงินบาทไทยน่าเป็นห่วงมากสำหรับผู้ส่งออกหากราคาหลุดไป 30.5 ลงมา ไปยาวแน่ครับ
หลังจากลดดอกเบี้ยเพื่อดัน ให้ราคาสูงขึ้น แต่ไม่มีผลมากมายนัก
เนื่องจากทั่วโลก ก็พยายามลดค่าเงินตัวเอง
แต่ของไทย เงินเรามันก็แข็งจริงๆ
ดังนั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย น่าจะมาแทรกแซงค่าเงินเพื่อดันให้ไม่หลุดลงมาแน่ๆ
เพราะหากหลุดลงมาก็เป็นเรื่องครับ
ตอนนี้ก็ต้องดูความสามารถของกระทรวงการคลังกับทางแบงค์ชาติว่าจะมีการปรับตัวอย่างไรให้ค่าเงิน เหมาะสม สมดุลกับสภาวะการณ์ของบ้านเมืองเรา
*** ตัวนี้ผมไม่ได้เทรด แค่มองแนวโน้มภาพรวมเท่านั้น