การวิเคราะห์แนวโน้ม
ฝึกอ่านกราฟภาพที่เห็นนี้มันจะดูรกๆหน่อยนะครับจากที่เห็นด้วยตาเห็นอะไรอยากเขียนอะไรพูดออกมาพูดออกมาให้หมดรู้อะไรใส่เข้าไปให้หมดแล้วเราก็มาดูซิว่าไอ้สิ่งที่เราใส่เข้าไปนั่นน่ะมันมีจุดไหนที่เป็นจุดที่สังเกตว่ามันเป็นไปตามที่เราคิดแล้วมันเป็นแบบนั้นกี่รอบทำสัก 10 ครั้งมันขึ้นแบบที่เราคิดไหมสักกี่ครั้งแล้วถ้าเราจะเข้าออเดอร์ตรงนั้น sltp คือเท่าไหร่เราพอใจแค่ไหนควรจะต้องมองหาทุกๆวิถีทางดูตามที่ตัวเองถนัดจะใส่ฟีโบเข้าไปก็ได้แต่ผมไม่ใส่เพราะมันรกมากแล้วตอนนี้ก็เลยเอาให้ดูประมาณนี้เขียนภาพออกมาว่ามันจะขึ้นหรือมันจะลงหรือมันจะ side way ลองจินตนาการภาพออกมาหาสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นคาดการณ์อนาคตของกราฟดับค้างเอาไว้หลายๆมุมมองเพื่อให้ได้เห็นว่ามันเข้ามุมมองไหนแล้วเราก็ไปเข้าแผนในการเข้าออเดอร์ในมุมมองนั้นๆ
INSET หุ้นปลายน้ำ ที่เกาะเทรนด์ดาต้าเซ็นเตอร์✅ แนวโน้มกราฟ✅
หุ้นมีการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงตั้งแต่ปี 2022 จนถึงช่วงกลางปี 2023
แต่เริ่มมีแรงซื้อกลับขึ้นมาในช่วงปลายปี 2023 – ต้นปี 2024
ปัจจุบันราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าจุดสูงสุดของปี 2024 ที่ประมาณ 3.80 – 4.00 บาท
และล่าสุดอยู่ที่ 2.74 บาท
ซึ่งเป็นโซนที่เคยมีแนวรับในช่วงก่อนหน้า
✅ แนวรับ – แนวต้านสำคัญ✅
แนวรับ:
2.60 – 2.70 บาท (แนวรับระยะสั้น)
2.40 บาท (แนวรับสำคัญ หากราคาหลุดแนวนี้อาจมีแรงขายเพิ่ม)
✅ แนวต้าน:
3.00 บาท (แนวต้านแรก)
3.30 – 3.40 บาท (แนวต้านสำคัญ)
3.80 – 4.00 บาท (แนวต้านใหญ่ หากทะลุขึ้นได้อาจเกิดแนวโน้มขาขึ้น)
✅กลยุทธ์การเทรด✅
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น:
หากราคายังคงทรงตัวบริเวณแนวรับ 2.70 บาท และ Stochastic เกิดสัญญาณกลับตัว อาจพิจารณาเข้าสะสม
จุดทำกำไรระยะสั้นที่แนวต้าน 3.00 – 3.30 บาท
Stop Loss ที่ 2.60 บาท หากราคาหลุดแนวรับนี้
✅สำหรับนักลงทุนระยะยาว:
ควรติดตามแนวโน้มรายไตรมาส และการเติบโตของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์
หากหุ้นสามารถทะลุ 4.00 บาท ได้ อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน
✅Target Price✅
โดยอ้างอิงจาก
(1) กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
(2) แนวโน้มธุรกิจ Data Center
เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาของ INSET ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
วิเคราะห์กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
จากโครงสร้างกราฟ Timeframe 1D พบว่า
แนวโน้มหลัก (Long-term Trend)
✅ Downtrend ในระยะยาว (2022-2023)
หุ้นอยู่ในแนวโน้มขาลงตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาตั้งแต่ปลายปี 2023
ปัจจุบันหุ้นเคลื่อนไหวในช่วง 2.60 - 3.80 บาท ซึ่งเป็นแนวรับและแนวต้านสำคัญ
✅ เริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Mid-term Trend) ในปี 2024
ราคาหุ้นสามารถกลับมายืนเหนือ 2.50 บาท ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดก่อนหน้านี้
หากหุ้นสามารถทะลุแนวต้านที่ 3.80 - 4.00 บาท ได้ จะเป็นสัญญาณเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
✅แนวรับ – แนวต้านระยะยาว✅
แนวรับสำคัญ:
2.60 - 2.70 บาท (แนวรับแรก)
2.40 บาท (แนวรับหลัก ถ้าหลุดแนวนี้ มีโอกาสลงแรง)
แนวต้านระยะสั้น:
3.00 - 3.20 บาท (แนวต้านแรก หากทะลุอาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อ)
แนวต้านสำคัญใน 1-2 ปี:
3.80 - 4.00 บาท (แนวต้านแข็งแกร่ง ถ้าผ่านได้มีโอกาสเป็นขาขึ้นรอบใหญ่)
5.00 - 5.50 บาท (เป้าหมายระยะกลาง หากราคาสามารถเบรก 4.00 บาทขึ้นไป)
7.00 - 8.00 บาท (เป้าหมายสูงสุดในกรณีที่ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด)
อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
📉 Stochastic (9,3,3): อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 20) มีโอกาสเด้งกลับ
📉 RSI (14): อยู่ที่ 40.98 ถือว่าเป็นโซน Neutral แต่ยังไม่มีสัญญาณขาขึ้นที่ชัดเจน
🟢 สัญญาณเข้าซื้อ:
หากราคาสามารถยืนเหนือ 2.70 - 2.80 บาท และเกิดสัญญาณกลับตัวใน Stochastic
หรือ หากราคาทะลุแนวต้าน 3.20 - 3.50 บาท มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 4.00 บาท
วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ Data Center
โอกาสเติบโตของ INSET
กระแส Data Center ในไทยเติบโตสูง
บริษัทข้ามชาติ เช่น Google, TikTok, AWS, Microsoft ประกาศลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย
รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
INSET ได้ประโยชน์จากโครงการ Hyperscale Data Center
บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อรับงาน มูลค่าหลายพันล้านบาท
หากชนะประมูล อาจมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
งานก่อสร้าง Data Center มีอัตรากำไรสูง
โครงการ Data Center มักมี Gross Margin สูงถึง 20-30% เมื่อเทียบกับงานก่อสร้างทั่วไป
โครงการ 5G & Cloud Computing ช่วยหนุน INSET
บริษัทได้รับงานก่อสร้าง Fiber Optic, ระบบ 5G และโครงข่าย Cloud
เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็ว คาดการณ์ CAGR สูงกว่า 15% ต่อปี
ประเมินราคาเป้าหมาย (Target Price)
กรณี Conservative (ฐานล่าง)
ถ้าราคาหุ้นยังไม่สามารถทะลุ 3.80 - 4.00 บาท อาจแกว่งตัวในช่วง 2.50 - 3.50 บาท
Target Price: 3.50 - 4.00 บาท (เติบโตปานกลาง)
กรณี Base Case (เติบโตตามแผน)
หากบริษัทสามารถ ได้งาน Hyperscale Data Center และรายได้โตตามเป้า
ราคาหุ้นอาจสามารถ Breakout เหนือ 4.00 บาท
Target Price: 5.00 - 5.50 บาท (คาดการณ์ 1-2 ปี)
กรณี Bullish Case (ขาขึ้นเต็มตัว)
หาก INSET ชนะประมูลงานขนาดใหญ่ + อุตสาหกรรม Data Center โตเร็วกว่าคาด
ราคาหุ้นอาจสามารถกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 7.00 - 8.00 บาท
Target Price: 7.00 - 8.00 บาท (กรณีดีที่สุด)
สรุปกลยุทธ์ลงทุน
🔹 นักลงทุนระยะสั้น (Swing Trade):
ซื้อตรงแนวรับ 2.70 - 2.80 บาท และขายทำกำไรที่ 3.50 - 4.00 บาท
ตั้ง Stop Loss หากราคาหลุด 2.60 บาท
🔹 นักลงทุนระยะกลาง - ยาว (1-2 ปี):
สะสมเมื่อราคาทรงตัวเหนือ 3.00 บาท
เป้าหมายกำไร 5.00 - 5.50 บาท และกรณีดีที่สุดอาจไปถึง 7.00 - 8.00 บาท
หากราคาหลุด 2.50 บาท ควรทบทวนแผนลงทุน
✅สรุปแนวโน้มราคาเป้าหมาย INSET (1-2 ปี)✅
กรณี----------------------------------ราคาเป้าหมาย (บาท)-------เงื่อนไขสำคัญ
ฐานล่าง (Conservative)------------3.50 ---------4.00----------ธุรกิจเติบโตปกติ ไม่มีงาน Hyperscale
เติบโตปานกลาง (Base Case)------5.00 ---------5.50----------ได้รับงาน Hyperscale Data Center
ขาขึ้นเต็มตัว (Bullish Case)--------7.00 ---------8.00----------ชนะงานขนาดใหญ่ + อุตสาหกรรมโตเร็ว
หากต้องการลงทุนใน INSET ระยะ 1-2 ปี
ควรจับตาแนวต้านที่ 4.00 บาท
หากทะลุได้จะเป็นสัญญาณบวกของแนวโน้มขาขึ้น
#หมายเหตุ🚀
ไม่ได้ชี้นำการลงทุน เป็นเพียง การบันทึก ไอเดียร์การวิเคราะห์
MTA : วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis MTA: วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ หลายคนอาจจะงง กับการเทรดหลายๆทามเฟรม และบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเทรดเพียงแค่ทามเฟรมเดียว หรือ เทรดหลายทามเฟรมมีดีอย่างไร มาครับวันนี้แอดพาไปทำความรู้จักการเทรดแบบ MTA กัน ตามมาอ่านกันได้เลย
การใช้ Multiple Timeframe Analysis (MTA) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก และกรอบเวลาเล็กเพื่อหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ นี่คือขั้นตอนละเอียดในการใช้ MTA อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาควรใช้กรอบเวลาที่สัมพันธ์กัน เช่น:
กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframe - HTF): ใช้เพื่อหาแนวโน้มหลัก เช่น Daily (D1), H4
กรอบเวลากลาง (Intermediate Timeframe): ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น H1
กรอบเวลาเล็ก (Lower Timeframe - LTF): ใช้เพื่อหาจุดเข้า-ออก เช่น M15, M5
2. วิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ (HTF) เพื่อหาแนวโน้มหลัก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาใหญ่ (เช่น Daily)
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น Moving Average (MA), Trendline, หรือ ADX
ระบุแนวโน้มหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend): Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL)
ขาลง (Downtrend): Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL)
Sideway/Range: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแนวนอน
ระบุระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาโอกาสซื้อ (Buy) ในกรอบเวลาเล็ก
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาลง ให้มองหาโอกาสขาย (Sell) ในกรอบเวลาเล็ก
3. วิเคราะห์กรอบเวลากลางเพื่อยืนยันสัญญาณ
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลากลาง (เช่น H4)
ตรวจสอบว่าแนวโน้มในกรอบเวลากลางสอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่หรือไม่
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น Fibonacci Retracement, RSI, หรือ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวหรือสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily เป็นขาขึ้น และกราฟ H4 แสดง Pullback (การปรับตัวลงชั่วคราว) ให้มองหาโอกาสซื้อเมื่อราคากลับมาทะลุแนวต้านหรือยืนเหนือ MA
4. วิเคราะห์กรอบเวลาเล็ก (LTF) เพื่อหาจุดเข้า-ออก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาเล็ก (เช่น M15)
หาจุดเข้าเทรดโดยใช้สัญญาณจาก Price Action หรือตัวบ่งชี้ เช่น:
Price Action: รูปแบบแท่งเทียน (Pin Bar, Engulfing, Inside Bar)
ตัวบ่งชี้: RSI, Stochastic Oscillator, หรือ MACD
ตั้ง Stop Loss และ Take Profit โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่และกลาง
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily และ H4 แสดงแนวโน้มขาขึ้น และกราฟ M15 แสดงสัญญาณซื้อ (เช่น Bullish Engulfing) ให้เข้าซื้อและตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Support ล่าสุด
5. จัดการความเสี่ยงและวางแผนเทรด
Stop Loss: ตั้ง Stop Loss โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา
Take Profit: ตั้ง Take Profit โดยอ้างอิงจากระดับ Resistance ในกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง
Risk-Reward Ratio: ควรมีอัตราส่วน Risk-Reward อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อกำไร 2)
6. ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติคุณวิเคราะห์กราฟ Daily และพบว่า EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
กรอบเวลาใหญ่ (Daily):
แนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs และ Higher Lows)
Support หลักอยู่ที่ 1.1000
กรอบเวลากลาง (H4):
ราคากำลัง Pullback ลงมาใกล้ระดับ Support ที่ 1.1000
RSI ใกล้ Oversold (30)
กรอบเวลาเล็ก (M15):
ราคาเกิด Bullish Engulfing Pattern ใกล้ระดับ 1.1000
เข้าซื้อที่ 1.1005 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0980 (ต่ำกว่า Support)
ตั้ง Take Profit ที่ 1.1100 (ใกล้ระดับ Resistance ในกรอบ Daily)
7. ข้อควรระวัง
False Signal: สัญญาณในกรอบเวลาเล็กอาจไม่แม่นยำหากไม่สอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่
Overanalysis: อย่าวิเคราะห์กรอบเวลาเล็กมากเกินไปจนเสียโฟกัสจากแนวโน้มหลัก
ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด: หากเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น อาจใช้กรอบเวลาเล็กเป็นหลัก แต่ต้องยืนยันแนวโน้มจากกรอบเวลาใหญ่
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบ MTA เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แถมทำกำไรได้เรื่อยๆอีกนะ มันทำให้เราไม่ต้องไปพะว้าพะวง หรือเครียดมากจนเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
สรุปการใช้งาน TD Sequential, TD Aggressive Sequential, และ Comboสรุปการใช้งาน TD Sequential, TD Aggressive Sequential, และ TD Combo
1. TD Sequential™
TD Sequential™ เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการระบุแนวโน้มที่ใกล้จะสิ้นสุดและคาดการณ์จุดกลับตัวของตลาด โดยอาศัยกระบวนการ Setup และ Countdown:
• Setup: เกิดขึ้นเมื่อราคามีการปิดต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า ติดต่อกัน 9 ครั้ง
o Buy Setup: เกิดขึ้นเมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า 9 ครั้ง
o Sell Setup: เกิดขึ้นเมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า 9 ครั้ง
• Countdown: หลังจาก Setup เสร็จสมบูรณ์ ระบบจะเริ่มนับ Countdown 13 ครั้ง ซึ่งพิจารณาจากราคาปิดปัจจุบันเปรียบเทียบกับราคาสูงสุด/ต่ำสุดเมื่อ 2 วันก่อนหน้า
o ถ้านับถึง 13 ถือเป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม (เช่น ตลาดอาจลงถึงจุดต่ำสุด หรือขึ้นถึงจุดสูงสุด)
o หากราคาไม่ถึงจุดที่กำหนด ระบบอาจทำการ Recycling เพื่อเริ่มต้นนับใหม่。
TD Sequential™ ถูกออกแบบมาให้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าและออกตลาดก่อนที่แนวโน้มจะสิ้นสุด โดยเน้นไปที่โซนที่แนวโน้มมีโอกาสหมดแรงมากที่สุด
________________________________________
2. TD Aggressive Sequential™
TD Aggressive Sequential™ เป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงจาก TD Sequential เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดที่มีความผันผวนสูงขึ้น โดยลดเงื่อนไขบางประการของ Countdown:
• ปกติ TD Sequential จะใช้ราคาปิดในการเปรียบเทียบ แต่ TD Aggressive Sequential ใช้ ราคาต่ำสุด (Low) และราคาสูงสุด (High) ในการเปรียบเทียบแทน
• ตัวอย่าง:
o Buy Countdown: เปรียบเทียบราคาต่ำสุดปัจจุบันกับราคาต่ำสุดเมื่อ 2 วันก่อน
o Sell Countdown: เปรียบเทียบราคาสูงสุดปัจจุบันกับราคาสูงสุดเมื่อ 2 วันก่อน
o หากราคาต่ำสุดของ Countdown 13 ต่ำกว่าราคาปิดของ Countdown 8 → Buy Signal
o หากราคาสูงสุดของ Countdown 13 สูงกว่าราคาปิดของ Countdown 8 → Sell Signal。
TD Aggressive Sequential ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถได้สัญญาณเร็วขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากใช้เงื่อนไขที่อ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาด
________________________________________
3. TD Combo™
TD Combo™ เป็นเครื่องมือที่คล้ายกับ TD Sequential™ แต่ใช้หลักเกณฑ์ที่แตกต่างในการระบุสัญญาณกลับตัวของตลาด:
• TD Combo Setup คล้ายกับ TD Sequential โดยต้องมี 9 วันของราคาปิดที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า
• TD Combo Countdown:
o เริ่มต้นนับ Countdown ตั้งแต่วันแรกของ Setup (แทนที่จะเริ่มหลังจาก Setup เสร็จสมบูรณ์แบบ TD Sequential)
o นับ Countdown โดยใช้เกณฑ์ ราคาปิดต้องต่ำลงเรื่อยๆ (Buy Signal) หรือสูงขึ้นเรื่อยๆ (Sell Signal)
o TD Combo Countdown สิ้นสุดเมื่อถึง 13 ครั้ง
o มีเงื่อนไข Termination Count ซึ่งอนุญาตให้ใช้ราคาเปิดแทนราคาปิดในการคำนวณ Countdown。
TD Combo™ มักใช้ควบคู่กับ TD Sequential™ เพื่อยืนยันสัญญาณว่าการกลับตัวของตลาดกำลังจะเกิดขึ้นจริง
________________________________________
สรุปความแตกต่างของแต่ละเครื่องมือ
Indicator หลักการทำงาน การใช้งานหลัก
TD Sequential ใช้ Setup 9 วัน และ Countdown 13 วัน โดยใช้ราคาปิด ระบุจุดกลับตัวของตลาด
TD Aggressive Sequential ใช้ราคาสูงสุด/ต่ำสุดแทนราคาปิด และปรับ Countdown ให้เร็วขึ้น ใช้ในตลาดที่มีความผันผวนสูง
TD Combo เริ่ม Countdown ตั้งแต่วันแรกของ Setup และใช้เงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้น ยืนยันสัญญาณของ TD Sequential
TD Sequential และ TD Combo มักถูกใช้ร่วมกันเพื่อให้สัญญาณกลับตัวที่แม่นยำมากขึ้น ในขณะที่ TD Aggressive Sequential ออกแบบมาเพื่อตลาดที่เคลื่อนไหวเร็วและต้องการสัญญาณที่เร็วกว่า
วิเคราะห์ทองคำ 3~7 กุมภาพันธ์ 2568 วิเคราะห์ทองคำ 3~7 กุมภาพันธ์ 2568
.
ทองคำตบท้ายแรงขึ้นไป ath อีกแล้ว 2817 หลังจากไซเวย์ทั้งสัปดาห์ได้มีพอลุงเจอโรมการประกาศคงดอกและตอบคำ คลายกังวลทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น รวมถึงกองทุนซื้อทองคำในปริมาณมากในคราวเดียว ขึ้นสูงขนาดนี้จะย่อพักฐานหรือไปต่อเนี้ย
.
ปัจจัยด้านข่าวอาทิตย์หน้ามีข่าวประกาศตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์อาจจะทำให้น้องมีการผันผวนได้ ธีมของปีนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายลุงทรัมที่จะทำให้ทองผันผวนแค่ไหน ตอนนี้รอนโนบายเรื่องเก็บภาษีเพิ่มเติมที่ยังไม่ชัดเจน ยังฟันธงทิศทางไม่ได้
.
ด้านเทคนิค หลังจากน้องมีการ ath ขึ้นไปมาร์กจุดใหม่ตามคาด และเทลงมาเพื่อเอาแรงตามนิสัยน้อง รวบหัวรวบหาง ตอนนี้ทิศทางเทรนใหญ่ยังเป็นบูลลิสเต็มกำลัง
.
สรุป ต้าน 2817 2830 2850 รับ 2792 2764 ตามลำดับ การที่เราจะสั่งบายคงเสี่ยงกว่าเพราะน้องขึ้นไปสูงมาก อาจจะรอย่อตามแนวรับค่อยแบ่งไม้ซ้อน
.
ยังไงก็ค่อยๆเล่นไป ไม่สวยก็รอ มีการจัดการความเสี่ยงก่อนกำไรเสมอ ขอให้โชคดีในการเทรดครับ
ฝึกอ่านกราฟผมย่อลงมาให้มันเล็กอีกให้เห็นอะไรมากขึ้นอย่างที่พวกคุณเห็นนั่นแหละ
คนที่เทรดมาเก่าๆก็รู้อยู่แล้วแหละว่าต้องเข้าออเดอร์ที่รับต้านใช่ไหมครับ
แต่ถ้าคนใหม่ๆอาจจะยังไม่เข้าใจที่กำลังเขียนอยู่ว่ามันคืออะไรก็ลองไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน
กลับมาดูใหม่มันถึงจะเข้าใจส่วนตัวเองก็ไม่ได้เก่งอะไรไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายอยู่แล้ว
ก็เห็นตามรูปนั่นแหละสิ่งที่เห็น ณ ขณะนี้มันก็คือการสร้างแนวรับแนวต้านที่แคบลงเรื่อยๆ
จากกว้างๆค่อยๆบีบ แคบ แคบ แคบ ลงมาเป็นปากแหลมให้เราได้ราคาออเดอร์ที่ไม่ดีทั้งขาขึ้นและขาลง
แล้วสุดท้ายเขาก็จะกินฝั่งใดฝั่งนึงให้เราขาดทุนซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันอยู่ในการควบคุม control ของเขาอยู่แล้ว
แต่เราต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เราเห็นนั่นแหละเราจะเข้าออเดอร์เก็บกำไรได้ในช่วงแบบไหน
แล้วเขาจะเริ่มเก็บรวบกินร่วมเมื่อไหร่ไอ้นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่ม
เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเขาอ่ะเห็นหมดแล้วแม้แต่กระทั่ง indicator ที่ทำขึ้นมาเขาก็เห็นหมดแล้ว
เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเองด้วยเพื่อให้เราเข้าตามเงื่อนไขอะไรบางอย่าง
ซึ่งการลองผิดลองถูกจากเกจิอาจารย์ทั้งหลายแหล่ทั้งหมดก็คือเรียนรู้ว่าสิ่งที่เขาเคยทำด้วยอินดิเคเตอร์ต่างๆนั้นมันคืออะไรมันควรต้องเข้าแบบไหนเก็บกำไรอย่างไร
เพราะว่าถ้าไม่เก็บตรงนั้นจะโดนกวาดแบบไหนเมื่อไหร่เป็นสิ่งที่เขาทดลองทางวิทยาศาสตร์ทางคณิตศาสตร์มาหมดแล้ว
ซึ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการสังเกตจริงๆอยากให้ฝึกอย่างเดียวเท่านั้นรูปแบบเดิมๆซ้ำๆถามตัวเองย้ำไปย้ำมาย้ำคิดย้ำทำอยู่เรื่อยๆนั่นแหละ
มันไม่ใช่คนโรคจิตหรอกมันคือการฝึกฝึกความอดทนฝึกความชำนาญในด้านใดด้านหนึ่งของเรา
ซึ่งผมต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้นแล้วก็ยังขาดทุนอยู่เหมือนกันแล้วก็ยังไม่เคยชนะตลาดเลย
แต่ไม่ได้มาอวดเก่งแต่พูดจากที่ตัวเองเห็นเอามาเล่าให้ฟังเผื่อใครได้เห็นข้อความบางอย่างในภาพภาพนี้เอาไปต่อยอดอะไรได้ก็เป็นเรื่องที่ดีอนุโมทนาของบุญกุศลให้กลับเข้ามาสู่ตัวเองให้ได้บุญกุศลนั้นทำให้ตัวเองเจริญเติบโตด้วยอาชีพเทรดเดอร์ได้รวดเร็วก่อนที่จะหมดอายุขัยนี้
ฝึกอ่านกราฟผมใช้ชุดวิเคราะห์เดิมจากทำเฟรม week ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลยอยากให้ลองดูภาพอย่าไปดูแท่งเทียนมันเล็กๆอย่าไปสนใจอยากให้มองดูสิ่งที่ผมทำตรงนี้จากมุมมองที่ผมเห็นตามภาพนี้เลย
คำว่าออเดอร์ปลายไส้มันก็ดูเท่ดีแหละแต่อย่างว่าแหละว่าถ้ามันไม่เป็นตามแผนล่ะถ้าเราไปเข้าตรงนั้นแล้วมันจะเป็นยังไงมันจะทะลุไหมนั่นก็คือไม่มีอะไรตอบได้เลยฉะนั้นถึงแม้ว่าเราจะใส่ indicator หรือรูปแบบของแท่งเทียนอะไรก็ตามที่เราร่ำเรียนมาหรือเราทำความเข้าใจด้วยตัวเองแล้วว่ารูปแบบไหนที่มันใช่ให้ยึดรูปแบบนั้นแหละเป็นรูปแบบของเราในการเข้าออเดอร์เพราะว่าทุกๆสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมามันเป็นสิ่งที่เขาหลอกให้เราเข้าอยู่แล้วแต่เพียงแค่ว่าเราจะเอาวิธีที่เขาหลอกมาใช้งานอย่างไรแค่นั้นเอง
ผมได้ลองทดลองตีfiboขึ้นมา 2 ทางมันก็เป็นรูปแบบให้เราสามารถเทรดได้ทั้ง 2 ทางนั่นแหละครับทั้งขาขึ้นและขาลงนั่นแหละมันจึงเป็นเหตุที่บอกว่ามันไม่มีอะไรที่ตายตัวเลยทำไมสังเกตไหมว่าผมถึงสร้างรูปแบบทั้งขาขึ้นและขาลงทั้งเซลล์ทั้งบายมันก็เพราะเหตุนี้แหละตามภาพนี้เลยเพราะฉะนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับรูปภาพที่พวกคุณจำนั่นแหละครับว่าคุณจำแบบไหนได้แบบไหนได้เงินแบบไหนแค่นั้นแหละ
ฝึกอ่านกราฟคาดการณ์สถานการณ์จะเกิดอะไรได้บ้าง
1 SIDEWAYกรอบปัจจุบัน
2ย่อหาจุดรอยทางเดิม
3SIDEWAYในกรอบรอยทางเดิม
4break outขึ้นตามแนวโน้มหลักหรือลงไปเก็บคนBUYต่ออีกชั้นหนึ่ง
5ขึ้นไปตามข่าวแล้วย่อกลับหารอยทางเดิมแล้วขึ้นต่อ
6SIDEWAYในกรอบราคาปัจจุบันสักระยะสะสมคนเทรด BUY SELL แล้วค่อยทะลุกินฝั่งใดฝั่งหนึ่งก่อนแล้วรอแรงข่าวพลักดันราคากลับไปกินอีกฝั่งจนไม่มีใครได้ออเดอร์แล้วก็จะสร้างclean trafic และจะมีคนได้ออเดอร์ตามอินดิเกเตอร์และเงื่อนไขของตนที่เคยได้เงิน
สรุปว่าทุกกราฟนั้นมันก็มีสถานการณ์ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้สิ่งที่คาดการณ์ได้นั้นคือรูปแบบครับรูปแบบที่เราเคยทำได้และก็เก็บจุดได้เท่าไหร่ก็ตามนั้นแหละอย่าไปมองหาเทคนิคอะไรมากมายเลยเอารูปแบบเดิมๆแล้วก็มองจากที่กราฟมันมีให้นี่แหละว่าเราควรต้องทำอะไรกับมันคือถ้าจะไม่เรียนอะไรมาเลยก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมดทำความเข้าใจด้วยตัวเองถามตัวเองตั้งคำถามตัวเองเหตุและผลที่มันเกิดเกิดเพราะอะไรเจาะหาให้มันเจอให้ได้
ฝึกอ่านกราฟเริ่มต้นเดือนใหม่ก็ยอดดูภาพรวมใหญ่ก่อนโดยการขีดเขียนเหมือนเดิมเลยครับขีดเขียนไปเลยอยากเห็นอะไรพูดออกมาจากที่ตัวเองเห็นแล้วค่อยวิเคราะห์ต่อไปว่าเราจะวางแผนเทรดอย่างไร
ส่วนตัวก็มองว่าภาพรวมก็ยังเป็นขาขึ้นขึ้นแข็งแรงกว่าลงย่อก็ต้องบายตอนย่อเราจะหาจุดเข้าsellได้อย่างไรแล้วเราจะรอเข้า order by ตอนไหน
นั่นก็คือการทำความเข้าใจในแบบที่ตนเองต้องเข้าใจแล้วครับว่าควรต้องใส่อินทิเกเตอร์อะไรที่ตัวเองถนัดหรือรูปแบบแท่งเทียนแบบไหนที่เป็นรูปแบบเดิมที่เราสามารถเข้าออเดอร์แล้วได้เงินได้กี่จุดควรจบแค่ไหนจะสวนเทรนแบบไหนหรือจะรอสร้างสัญญาณ price action ขาขึ้นแล้วค่อยกดด้านเดียวนั่นก็สุดแท้แล้วแต่เทคนิคที่ได้ร่ำเรียนกันมา
การแบ่งปิดกำไร (Partial Profit): ข้อดีและข้อเสียการแบ่งปิดกำไร หรือที่เรียกกันว่า Partial Profit เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดปิดบางส่วนของออเดอร์เพื่อรับกำไร ณ จุดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และปล่อยส่วนที่เหลือให้ทำงานต่อไปจนถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่า วิธีนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดที่ต้องการลดความเสี่ยงและจัดการอารมณ์ในตลาดที่มีความผันผวนสูง แต่เช่นเดียวกับทุกกลยุทธ์ การแบ่งปิดกำไรก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อดีของการแบ่งปิดกำไร
1.ลดความเสี่ยงและล็อกกำไรบางส่วน
การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดสามารถรับผลกำไรบางส่วนได้เมื่อราคามาถึงจุดที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยลดความกังวลหากราคาย้อนกลับ
2.สร้างความมั่นคงทางจิตวิทยา
การได้รับกำไรบางส่วนช่วยเสริมความมั่นใจและลดความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดผันผวน
3.เหมาะสำหรับตลาดที่ไม่แน่นอน
ในสถานการณ์ที่ราคามีโอกาสกลับตัว การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้แม้ในสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
4.เพิ่มความยืดหยุ่นในการเทรด
นักเทรดสามารถเลื่อน Stop Loss ไปยังจุดคุ้มทุน (Breakeven) หลังการแบ่งปิดกำไร ทำให้ความเสี่ยงลดลงเหลือศูนย์สำหรับออเดอร์ที่เหลือ
ข้อเสียของการแบ่งปิดกำไร
1.ลดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (RR)
การแบ่งปิดกำไรทำให้กำไรโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับการถือออเดอร์เต็มจำนวนจนถึงเป้าหมายใหญ่ เช่น RR อาจลดจาก 3.0 เหลือ 1.8 หรือ 2.0 ขึ้นอยู่กับจุดแบ่งปิด
2.พลาดโอกาสทำกำไรสูงสุด
หากตลาดวิ่งต่อในทิศทางที่คาดไว้ การแบ่งปิดกำไรอาจทำให้นักเทรดพลาดโอกาสทำกำไรสูงสุดจากการถือออเดอร์เต็มจำนวน
3.ซับซ้อนและต้องวางแผนมากขึ้น
การแบ่งปิดกำไรต้องการการวางแผนที่ดี รวมถึงการตั้งค่าระดับราคาหรือเป้าหมายสำหรับการแบ่งปิด ซึ่งอาจทำให้ยุ่งยากสำหรับนักเทรดมือใหม่
4.อาจสร้างนิสัยการปิดกำไรก่อนเวลา
หากนักเทรดแบ่งปิดกำไรบ่อยเกินไป อาจเกิดนิสัยในการปิดออเดอร์ก่อนเวลา ทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ควรจะเป็น
การใช้งานการแบ่งปิดกำไรในสถานการณ์ต่างๆ
ตลาดผันผวนสูง
1.ในตลาดที่ราคามักวิ่งขึ้น-ลง การแบ่งปิดกำไรที่ระดับ Fibonacci เช่น 1.272 หรือ 1.618 ช่วยให้นักเทรดรับกำไรบางส่วนก่อนที่ราคาจะย้อนกลับ
2.เทรนด์ใหญ่
เมื่อตลาดอยู่ในเทรนด์ที่ชัดเจน การแบ่งปิดกำไรบางส่วนที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ และปล่อยส่วนที่เหลือให้วิ่งตามเทรนด์อาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ
3.การเทรดตามข่าว
ในกรณีที่มีการประกาศข่าวสำคัญและตลาดเคลื่อนไหวเร็ว การแบ่งปิดกำไรช่วยให้นักเทรดลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน
ตัวอย่างการแบ่งปิดกำไร
สมมติฐาน:
ออเดอร์: Buy XAUUSD
ขนาดล็อต: 0.10 lot
Stop Loss: 1,000 จุด (10 USD)
เป้าหมายกำไรที่ 1: ระดับ 1.272 (RR = 1.5)
เป้าหมายกำไรที่ 2: ระดับ 1.618 (RR = 2.5)
กลยุทธ์การแบ่งปิด:
เมื่อราคามาถึงระดับ 1.272:
ปิดออเดอร์ 50% (0.05 lot)
กำไรจากส่วนนี้ = 7.5 USD
เลื่อน Stop Loss ของออเดอร์ที่เหลือ (0.05 lot) ไปที่จุดคุ้มทุน
เมื่อราคามาถึงระดับ 1.618:
ปิดออเดอร์ที่เหลือ (0.05 lot)
กำไรจากส่วนนี้ = 12.5 USD
เปรียบเทียบกำไร:
หากไม่แบ่งปิดกำไรและถือจนถึงระดับ 1.618:
กำไรรวม = 25 USD
หากแบ่งปิดกำไร:
กำไรรวม = 7.5 + 12.5 = 20 USD
ข้อสรุป:
การแบ่งปิดกำไรทำให้กำไรลดลง 20% แต่ช่วยลดความเสี่ยงและล็อกกำไรบางส่วนในตลาดที่อาจย้อนกลับ
BTCUSD Daily Analysis 1/2/2025 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2025 มีการคาดการณ์จากนักวิจัยว่าราคา Bitcoin อาจมีโอกาสลดลงต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ เนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนในตลาด
นอกจากนี้ รัฐอิลลินอยส์ในสหรัฐฯ ได้ประกาศแผนจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin โดยมีแผนถือครองเป็นระยะเวลา 5 ปี
ในด้านการลงทุน บริษัท Tesla ได้ปรับพอร์ตการถือครอง Bitcoin ตามกฎบัญชีใหม่ ส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้น 600 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024
cr.investing -siamblockchain
Trading note: ✅
Sell : 102997.99
✅ Tp: 101483.15 100234.07
❗ SL: 104379.94
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคามีแรงขายเข้ามาอย่างรุนแรงทำให้ราคา มีโอกาสที่จะลงไปทดสอบโซน 100000.00
อีกครั้ง
fibo : เป้าหมายในการเข้า 38-50
เป้ามหาย ลุ้นให้ราคาขึ้นไป100000
RSI: OverSold
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Sell บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: เทรดเทรด Rebound เป็นรูปแบบที่นิยมมากเพราะเป็นการตามเทรน และได้ราคาที่ถูก และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
EURUSD Daily Analysis 31/1/2025 by TraderTanTrading note: EURUSD
จิม วิคคอฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรและนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ทำเนียบขาวยืนยันว่า ปธน.ทรัมป์จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% ในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. และกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
SELL : 1. 03879
TP : 1. 03472
SL : 1. 04157
เหตุผลในการเข้าเทรด:
Trendline
จากกราฟแท่งเทียนในกรอบTF H4
ราคาเริ่มหลุดลงออกจากกรอบไซด์เวย์ที่เป็นโซนพักตัวแล้ว โดยขาลงยังมีลุ้นต่อ โดยการยืนต่ำกว่าเส้นEMA100 ในกรอบรายวัน จึงทำการเข้า SELL โดยเน้นรูปแบบการทำกำไรแบบ scalping ในระยะสั้นๆ
จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร
ใช้สัญญาณแท่งเทียนจากการลงต่อโดยราคายืนต่ำกว่าเส้นEMA100 เส้นหลักส่งผลให้ขาลงมีลุ้นในระยะสั้นๆ ในกรอบ H1 เป็นไปได้ที่ราคาจะลงไปทดสอบแนวรับเดิมตามกรอบสวิงเทรนในขาลง อีกครั้ซึ่งตรงกับกรอบเส้น EMA200 โดยตั้งเป้าหมายกำไร 200 จุดขึ้นไป และตั้ง TSL เมื่อกำไรเริ่มบวกแล้ว 100 จุด
RSI : เป็นขาลง เน้นทำกำไรตามกรอบแนวรับแนวต้าน ซึ่งเป็นตัวกำหนดจุดกำไร และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
ประสบการณ์: เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้ป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!!
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
ฝึกอ่านกราฟลักษณะกราฟสร้างตัวในรูปแบบ side way ออกด้านข้างเราก็ต้องเทรดแบบ side way เขายังไม่ลงไปให้เราก็ไม่ต้องสนใจก็เทรดในกรอบที่เขากำหนดส่วนเขาจะลงไปจริงไหมก็เป็นแผนที่ paining order เอาไว้จะมาระบายช่วงไหนก็ต้องดูจังหวะดูอินทิเกเตอร์ต่างๆที่ตัวเองถนัดหรือไม่ก็ดูรูปแบบของแท่งเทียนที่ตัวเองถนัดว่าถ้าลงมาจะดันตัวขึ้นไปอีกจังหวะที่จะดันตัวนั้นจะเข้าออเดอร์บายอย่างไรส่วนณขณะนี้มีวอลลุ่มให้เทรดสั้นๆเล็กๆก็ต้องเทรดตามรูปแบบที่เขากำหนด sltp 100 -150จุดก็พอ mm ทำทีล่ะไม้
*******ข้อสังเกตของกราฟทุกครั้งเลยที่เริ่ม side way ออกด้านข้างและยังไม่เลือกทางจะชอบบีบแนวรับแนวต้านให้แคบลงเพื่อให้ผู้ที่เห็นจุดเข้าซื้อขาขึ้นขาลงที่ราคาไม่ดีเสมอและสุดท้ายก็จะแตกตัวออกไปทิศทางใดทางหนึ่งเสมอทำให้ผู้ที่เทรดในรูปแบบของ side way จะขาดทุนเสมอเช่นกันต้องจับทางดูๆลักษณะของ indicator ที่ตัวเองใช้ด้วยว่ามันเหมาะสมในวิธีการเทรด side way อย่างไรอ้างอิงผสมกับรูปแบบของแท่งเทียนผสมผสานกันไปทุกอย่างมีรูปแบบที่ไม่ตายตัวซึ่งมันขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ของแต่ละบุคคล******
XAUUSD 31/01/25 ขาขึ้น tfใหญ่ กำลังทำงานเบรคกรอบบน 2790 ขาขึ้นแบบตะโกน
อาจย่อ จากมี สญ.beardi. เพียงเฝ้าระวัง
โดย tfเล็ก ต้องฟอร์มหัวลงก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่เกิด ขึ้นต่อจ้า
การเข้า long ควรรอย่อ จากมี beardi.
เป้าขึ้น : fibo D 240 60
แนวหลุด : 2745
- หรือ สกปฐ. หลุด low ก่อน
.
D : เบรคกรอบบน ขึ้นต่อ
240 60 15 : มีแต่หัวขาขึ้น
- ถึงมี beardi. แต่ยังไม่มี สญ.กลับลง
- tf เล็กยังไม่ฟอร์มหัวลง การขึ้นจึงดำเนินได้ต่อ
BTCUSD Daily Analysis 31/1/2025 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
รัฐบาลอังกฤษเตรียมขายบิทคอยน์ที่ยึดมา: รัฐบาลอังกฤษมีแผนที่จะขายบิทคอยน์มูลค่า 6,270 ล้านดอลลาร์ที่ยึดมา เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงินของประเทศ
เอลซัลวาดอร์ปรับแก้กฎหมายบิทคอยน์: เอลซัลวาดอร์ได้ปรับแก้กฎหมายเกี่ยวกับบิทคอยน์ โดยให้ร้านค้าสามารถเลือกได้เองว่าจะรับชำระด้วย BTC หรือไม่ ตามคำแนะนำของ IMF
Tesla ปรับพอร์ตบิทคอยน์: Tesla ได้ปรับพอร์ตการถือครองบิทคอยน์ตามกฎบัญชีใหม่ ส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้น 600 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4
cr.investing -siamblockchain
Trading note: ✅
Buy : 104289.74
✅ Tp: 107012.64 105559.86
❗ SL: 103312.63
เหตุผลในการเข้าเทรด:
หลังจากที่ราคาขึ้นไป ชน TP 1 ก่อนที่ราคาจะปรับฐานลง
ยังคงลุ้นในการยกฐานขึ้นต่อไปทดสอบโซน 107012.64
fibo : เป้าหมายในการเข้า 1.6
เป้ามหาย ลุ้นให้ราคาขึ้นไป BOS 107012.00
RSI: เป็นกลาง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: เทรดเทรด Rebound เป็นรูปแบบที่นิยมมากเพราะเป็นการตามเทรน และได้ราคาที่ถูก และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
XAUUSD Daily Analysis 31/1/2025 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในตลาดการเงินโลก สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 69.32 จุด และสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 2,724.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ: การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และดัชนี GDP สหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิด หากตัวเลขเหล่านี้ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ อาจเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐอาจกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง ในทางกลับกัน หากดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้น
cr.investing -siamblockchain
Trading note: ✅
Buy : 2783.56
✅ Tp: 2800.00 2814.20
❗ SL: 2773.83
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคามีแรงซื้อกลับเข้ามานั้นทำให้ราคา ทำให้ราคายังมองว่าเป็นโครงสร้างขึ้น
ลุ้นในการยกฐานขึ้นต่อไปทดสอบโซน 2814.20
fibo : เป้าหมายในการเข้า 1.6
เป้ามหาย ลุ้นให้ราคาขึ้นไป BOS 2800.00
RSI: เป็นกลาง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: เทรดเทรด Rebound เป็นรูปแบบที่นิยมมากเพราะเป็นการตามเทรน และได้ราคาที่ถูก และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
SET50 Quadrants ตลาดวันนี้เละเทะ ตามคาด อาจจะมีพุ่งหลาวลงแรงๆ ต่อได้อีก
เชื่อว่าทุกคนๆ มองแย่ไปหมด วันนี้ลองเอา ภาพ 4 quarants แบ่งกลุ่มของ set50 มาให้ดู
Blue หุ้น Rebound
green หุ้น bull
yellow หุ้น pull back
red หุ้น Bear
ถ้าตามปกติ เวลาตลาดหุ้นแย่ๆลงมาเยอะๆ จำนวนหุ้น ควรจะอยู่ช่อง แดง
วันนี้ตลาดหุ้น ทำ new low -20จุด ++ ถือว่า ไม่ดีมากๆ
แต่พอเรา เอาหุ้นมากาง ดูว่าตอนนี้หุ้นหลายๆตัว อยู่ ณ จุดไหน
ซึ่งพอกางแบบนี้เหมือนเราดูหุ้น แบบ top down ลงไป มองเห็นภาพรวมทั้งหมด
โดยปกติเวลาตลาดหุ้นไม่ดี หุ้นส่วนใหญ่ควรจะอยู่ใน ช่องสีแดง
แต่รอบนี้ กลับมารวมกันอยุ่ช่องสีน้ำเงิน ซึ่งขัดกัน การลงรอบนี้ อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด หรืออาจะเป็นการลง ให้รายย่อย cut แต่อย่าเพิ่งคิดว่าจะรีบรับ เพราะอนาคตไม่รุ้ หุ้นอาจจะย้ายไปช่องแดงก็ได้ ถ้าตลาดลงต่อเนื่อง
เราต้องรอตลาดกลับตัวก่อน ให้หุ้นเริ่มทยอยไปช่องสีเขียว เมื่อนั้นจะมองกลับตัวของจริง
วิเคราะห์กราฟเทคนิค AAVE 31/1/2025freeimage.host
AAVE ได้รับแรงหนุนจากการเป็นหนึ่งในเหรียญที่โปรเจกต์ DeFi ของลูกชายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงทุนอยู่ ราคาตอนนี้ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการที่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้ที่ระดับ 306 ดอลลาร์ สามารถใช้ราคานี้เป้นจุดเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวได้
จุดตัดขาดทุนตั้งไว้ที่ระดับ 280 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดล่าสุดของรอบการปรับฐานที่ผ่านมา ตั้งจุดขายทำกำไรที่จุดสูงสุดเดิมสำหรับนักเทรดระยะสั้นที่ 378 ดอลลาร์ ขณะที่ RSI เริ่มที่จะไม่ทำจุดต่ำสุดกำลังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวทำให้มีโมเมนตัมที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้
Bitcoin พุ่งแรง หลังเฟดไม่กดดันตลาดบิตคอยน์พุ่งขึ้น หลังเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณแข็งกร้าวจนกระทบสินทรัพย์เสี่ยง พาวเวลยังส่งสัญญาณบวกต่อคริปโต ดึงความสนใจไปที่แนวโน้มเชิงบวกในยุคทรัมป์ ขณะที่กระแสการสำรอง BTC กำลังเพิ่มขึ้น ล่าสุดธนาคารกลางเช็กเสนอถือครอง 5% ด้านเทคนิค BTC รีบาวด์จากแนวรับ 100,195 เล็งทดสอบ 107,855 และมีโอกาสพุ่งสู่ 113,690