GOLD และ Intermarket analysis เมษายน 2019ใกล้จะสิ้นเดือนเมษายนแล้ว ผมอยากจะวิเคราะห์ภาพรวมของทองและตลาด asset classes ทั้ง 4 นะครับ
จากกราฟจะเห็นได้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าจับตามองมากๆ
เมื่อดัชนีดอลลาร์สหรัฐ TVC:DXY ได้เข้าใกล้แนวต้านสำคัญหลังจากมีการ rally เมื่อสัปดาห์ก่อน
สำหรับดัชนี S&P500 AMEX:SPY ที่มีการ rebound ที่ดีมากๆตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ และตอนนี้ก็กำลังเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 3000 ครับ
สำหรับ commodity และพันธบัตร
จะเห็นได้ว่า commodity ได้มีการหลุดจากแนวต้านที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหลายปีได้แล้ว รวมถึงพันธบัตรด้วย
ทีนี้มาลองดูดัชนี S&P500 AMEX:SPY
จากภาพ ตอนนี้เรากำลังจะเห็น all time high ของ S&P500 ที่กำลังเข้าใกล้แนวต้านจากอดีต ที่สอดคล้องกับแนว fibonacci level 2.618 จากตลาด bear market ช่วงปี 2009 ที่ 3000 จุด
ตอนนี้ยังคงบอกไม่ได้ว่าเราจะทะลุแนวต้านไปหรือไม่
สิ่งที่น่าสนใจคือลองย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกันในอดีคช่วงปี 2000 ที่ในสถานการณ์ที่เกือบเหมือนกันนะครับ
ตอนปี 2000 ดัชนีก็ได้เข้าไปทำ all time high เช่นเดียวกัน โดยจุด all time high นี้สัมพันธ์กับแนวต้าน และแนว fibonacci 2.618 เช่นกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นคือดัชนี S&P500 เกิดการกลับตัวรุนแรง เข้าสู่ bear market 3 ปี
ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ คงต้องตามดูกันต่อไปครับ
ในขณะที่ดัชนีเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ นักลงทุนเริ่มทยอยหมุนเม็ดเงินไปที่พันธบัตรและ commodity เนื่องจากกลัวว่าดัชนีจะกลับตัวและเศรษฐกิจจะชะลอตัว ดังเห็นได้จากกราฟ commodity TVC:TRJEFFCRB และ CBOE:TNX ที่หลุดแนวต้านหลายปีออกมาแล้ว และกำลังจะไปทดสอบแนวรับ
เมื่อตลาดหุ้นทำท่าจะกลับตัว แน่นอนว่านักลงทุนย่อมหันไปมองทองคำ ที่ underperform มายาวนานหลังจากตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นมา 10 ปี
Relative performance of Gold and S&P500
มีสิ่งที่น่าจับตาครับ!
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ bear market ของราคาทองคำตั้งแต่ปี 2012 ที่ underperform เมื่อเทียบกับดัชนี S&P500 ที่เราเห็นราคาทองคำกลับมา outperform ตลาดหุ้น ถ้าหากเรายืนเหนือเส้นนี้ได้ เราจะเห็นราคาทองคำกลับพุ่งสูงขึ้นไปหรือไม่?
ย้อนกลับไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2007
จะเห็นได้ว่ามีความคล้ายคลึงกันมาก
เมื่อราคาทองคำกลับมา outperform ตลาดหุ้น ก่อนที่จะไปทำ all time high ในประวัติศาสตร์
เมื่อตลาดหุ้นและดอลลาร์กำลังเข้าใกล้แนวต้านสำคัญแบบนี้ ต้องคอยจับตามองตลาดทองนะครับ
ในด้าน absolute performance ของราคาทอง
หลังจากที่เราหลุดแนวรับ 1290 ลงมา หลายสถาบันมองว่ากราฟเป็นลักษณะ head and shoulder ที่หลุด neck line 1290 ลงมา ทำให้นักลงทุนเตรียมรอขายที่ราคา 1290 เมื่อราคากลับมาทดสอบแนวต้าน และไปรอซื้อที่ราคา 1230 ที่เป็นเป้าหมายของ head and shoulder ตามทฤษฎี (ดูจาก volume profile ทางขวามือ)
ข้อควรพิจารณาตรงนี้นะครับ ลักษณะ head and shoulder ที่เห็นนี้มีลักษณะไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก และอีกอย่างก็คือด้านจิตวิทยาของคนในตลาด
เมื่อทุกคนมองตรงกันว่าเป็น head and shoulder pattern ทุกคนก็จะรอขายที่ 1290 และรอซื้อเพิ่มที่ 1230
แต่สิ่งที่มักเกิดขึ้นคือ อะไรก็ตามที่มองดูง่ายและชัดเจน มันมักจะ Fail! ต้องคอยระวังครับ
ทีนี้ อยากให้ลองมองความเป็นไปได้อื่นๆไว้บ้าง เช่นสถานการณ์ข้างล่าง
จากภาพ หากนี่ไม่ใช่ head and shoulder แต่เป็น falling wedge ซึ่งหากใช้วิธีนับ elliot wave จะนับได้ว่าเป็นเวฟที่ 4 ที่มีการ correction เป็นรูปแบบ 3 เหลี่ยม
เมื่อสังเกตจากราคา จะเห็นได้ว่ามีรูปแบบที่มีความเป็นได้ว่าจะเป็น a-b-c-d-e ที่มีโครงสร้างแบบ 3-3-3-3-3 โดยตอนนี้กำลังจะไปทำเวฟ d
ผมเชื่อว่าการลงทุนที่ดี ควรจะคิดแผน a b และ c ไว้เสมอ และควรจะมีความยืดหยุ่นในการวิเคราะห์นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ทอง outperform ดัชนี S&P500 แบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว
สำหรับสถานการณ์อันใกล้นี้ คงต้องรอให้ Federal reserve ของอเมริกา ประชุมปรับแผนดอกเบี้ยกันอีกทีซึ่งจะส่งผลต่อดัชนีดอลลาร์สหรัฐ และส่งผลต่อตลาดทั้ง 4 asset class โดยรวมนะครับ
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง จะมาอัพเดทอีกครั้งครับ
หุ้น
BEM (กราฟ week) - รถไฟ All Time High ไปให้สุดแล้วหยุดที่ตรงไหนตัดประเด็นพื้นฐานออกไป แล้วว่ากันที่กราฟเพียวๆ...
BEM ราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ ทำราคาปิดที่ 9.05 ซึ่งเป็นราคา All Time High!!
จากหุ้นที่ใครๆก็มองว่าเป็นหุ้นเอื่อยๆเฉื่อยๆ แนว defensive stock แต่ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมากลับวิ่งพรวดเดียว 7%
แถม RSI MACD VOLUME รวมถึง Stochastic ต่างก็ทำ bullish signal กันครบถ้วนอีก...ยิ่งน่าสนใจว่าจะไปได้ต่อแค่ไหน
สมมติว่าเกิดเป็น False break คือราคากลับมาหลุดต่ำกว่าราคา All Time High เก่า เมื่อ 2 ปีก่อนที่ BEM เคยแตะที่ราคา 8.90 บาท
ตรงนั้นเราอาจจะมองเป็นจุด take profits สำหรับคนที่มีของอยู่แล้วโซนล่าง หรือเป็นจุด cut loss สำหรับคนที่เพิ่งเข้าไป
แต่ลองมาหา target price กันแบบง่ายๆ...ซึ่งไม่การันตีว่าจะถึงรึเปล่า แต่ทุกความหวังมีความฝันเป็นตัวนำพา ฮ๋าๆ
target จาก fibonacci หลังเบรก 8.90 บาท มาก็ควรจะเป็นที่ 9.65, 10.6, 11.7 ราวๆนี้
คือดีของหุ้นที่ทำ all time high ก็คือ....มันไม่มีแนวต้านอีกแล้ว ที่เหลือคือเรื่องของ
"งบนำพา ดีมานด์พาไป ซัพพลายทำไง เดี๋ยวเราก็เห็นเอง"
อย่าลืมเรื่องเดียวว่าหุ้นตัวนี้มีประเด็นเรื่องสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ารออยู่....หากได้สัมปทานต่อก็ยิ่งดี แต่หากไม่ได้ขึ้นมา ก็ควรมาคิดพิจารณาว่าจะทำยังไงกันต่อไป
-Wizard Kid-