Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า แท่งเทียนเกิดเป็น Bearish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวต้าน สัญญาณ DMI แสดงถึงการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ราคาน้ำมันระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐาน โดยมีเส้นแนวโน้มขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 65.00 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 68.82 - 69.76 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 66.48 – 65.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 66.48 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 68.82 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 65.22 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 66.48 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 65.22 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "COMMODITY"
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์แกว่งตัวแคบๆเข้าหาแนวรับกรอบล่างของช่อแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 44,498 เหรียญ และมีจุดสูงเก่าทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 42,614 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาขึ้นที่ชะลอตัว แรงขายทำกำไรระยะสั้นจะทำให้ราคาอ่อนตัวลง ราคาบิทคอยน์ไม่ควรปรับลดลงปิดต่ำกว่า 42,614 เหรียญ
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 45,654 – 46,759 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 43,800 - 42,857 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 45,654 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 44,721 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 45,654 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 42,614 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 43,800 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 42,614 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ลุ้นยืนเหนือ 1,557 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดปิดที่ 1,551.87 จุด เพิ่มขึ้น 7.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.17 หมื่นล้านบาท สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มเดียว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,557 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพุธที่ 18 สิงหาคม ตลาดปรับตัวลดลงหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานว่าเฟดอาจปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐฯ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นปิดบวกแบบมีช่องว่าง (Gap) เป็นครั้งที่สอง ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,551 จุด โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 1,549 - 1,557 จุด สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาลงที่ชะลอตัว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 1,557 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงปิดที่ 1,521 จุด ปิดต่ำกว่า 1,530 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คลื่น (iv) ซ้อนทับกับคลื่น (i) ไม่เป็นไปตามหลักการ Overlapping จึงต้องนับคลื่นใหม่
คลื่นปรับคลื่น 2) จบที่ 1,187 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 1 จบที่ 1,642 จุด จากนั้นดัชนีตลาดจึงปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 โดยคลื่น 2 มีโอกาสพักตัวลงเข้าเป้าหมาย
- 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,468 จุด
- 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,414 จุด
- 61.8% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,360 จุด ตามลำดับ
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,557 จุด สัญญาณทางเทคนิคัลจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,557 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,561 – 1,569 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,544 – 1,536 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำแกว่งตัวแคบๆเข้าหาแนวต้านของจุดต่ำเก่าที่ 1,789 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Spinning สะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายที่มีพละกำลังพอๆกัน ราคาปิดวันถัดไปจะเป็นตัวบอกทิศทาง ถ้าราคาปิดเหนือ1,795 เหรียญ ราคาทองจะปรับตัวขึ้น แต่ถ้าราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,779 เหรียญ ราคาทองจะปรับตัวลง สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาลงที่ชะลอตัว ตามหลักการของ Granville’s ราคาทองปรับตัวขึ้นเพื่อพักตัวลงปรับฐาน ราคาทองคำจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อราคายืนปิดเหนือ 1,806 เหรียญ
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ)
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,795 – 1,804 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,779 – 1,770 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 1,795 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,806 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,779 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,779 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,764 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,795 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ หลังราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 48,190 เหรียญ ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาขึ้น สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาขึ้นที่ชะลอตัว แรงขายทำกำไรระยะสั้น จะทำให้ราคาอ่อนตัวลงเข้าหาแนวรับกรอบล่างของช่องแนวโน้มขาขึ้นที่ 44,250 เหรียญ
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 45,654 – 46,759 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 43,800 - 42,857 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 45,539 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 43,800 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 45,539 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 44,250 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 45,654 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 44,250 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysis
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
ลุ้นยืนปิดเหนือ 1,557 จุด
แรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มนำตลาด หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,544.22 จุด เพิ่มขึ้น 12.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.3 หมื่นล้านบาท ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ ขณะที่สถาบันภายในประเทศเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ สัญญาณทางเทคนิคัลชี้ว่าดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,557 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันอังคารที่ 17 สิงหาคม ตลาดปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลถึงตัวเลขการค้าปลีกเดือนกรกฎาคมที่ลดลง จะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดดีดตัวขึ้นแบบมีช่องว่าง (Breakaway gap) ถือเป็นสัญญาณบวกของปลายตลาดขาลง ดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,551 จุด และมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1,548 – 1,557 จุด สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 1,557 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงปิดที่ 1,521 จุด ปิดต่ำกว่า 1,530 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คลื่น (iv) ซ้อนทับกับคลื่น (i) ไม่เป็นไปตามหลักการ Overlapping จึงต้องนับคลื่นใหม่
คลื่นปรับคลื่น 2) จบที่ 1,187 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 1 จบที่ 1,642 จุด จากนั้นดัชนีตลาดจึงปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 โดยคลื่น 2 มีโอกาสพักตัวลงเข้าเป้าหมาย
- 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,468 จุด
- 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,414 จุด
- 61.8% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,360 จุด ตามลำดับ
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก ดัชนีตลาดระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,557 จุด สัญญาณทางเทคนิคัลจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,557 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,554 – 1,563 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,533 – 1,525 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำดีดตัวเข้าหาแนวต้านของจุดต่ำเก่าที่ 1,789 เหรียญ โดยมีกรอบบนของช่องแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,806 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางขาลงเริ่มชะลอตัว สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาทองคำปรับตัวลงไปทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 1,786 เหรียญ ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จะทำให้ราคาทองเผชิญแรงขายเพื่อทำกำไร ส่งผลให้ราคาทองมีโอกาสพักตัว เนื่องจากราคาทองคำยังเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง และจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อราคายืนปิดเหนือ 1,806 เหรียญ
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ)
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,798 – 1,806 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,779 – 1,770 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,798 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,780 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,798 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,779 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,798 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,779 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ระหว่างการซื้อขายราคาปรับตัวลงไปทำราคาต่ำที่ 68.51 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Hammer แสดงถึงการเกิดแนวรับ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ทำให้ราคาน้ำมันมีทิศทางแกว่งตัวออกด้านข้างในทิศทางลง (Sideways down) ราคาระยะสั้นมีโอกาสพักตัวเข้าแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 68.51 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 70.90 - 71.86 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 68.97 – 68.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 68.97 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 70.90 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 68.51 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 70.05 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 68.51 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม หลังราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 48,190 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Harami ขาขึ้น ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาขึ้น สัญญาณ DMI แสดงถึงการปรับตัวขึ้น ภาวะซื้อมากเกินจะทำให้ราคาระยะสั้นเสี่ยงที่จะเผชิญแรงขาย ส่งผลให้ราคาพักตัวลงเพื่อปรับฐาน โดยมีกรอบล่างของเส้นแนวโน้มขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 44,250 เหรียญ
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 47,024 – 48,190 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 45,260 - 44,413 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 45,260 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 47,024 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 44,413 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 45,260 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 44,413 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
รูปท้องกระทะ
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้ประกอบการมองว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ดัชนีตลาดปิดที่ 1,532.24 จุด เพิ่มขึ้น 2.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.7 หมื่นล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง สัญญาณทางเทคนิคัลชี้ว่าดัชนีตลาดอยู่ในช่วงปรับเพื่อสะสมกำลัง
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทประจำวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงใหม่ตลอดกาล ขณะที่ดัชนีแนสแดคปรับตัวลดลงจากแรงขายที่มีออกมาในหุ้นเทคโนโลยี นักลงทุนบางส่วนเข้าซื้อหุ้นเพื่อดักผลประกอบการที่คาดว่าจะออกมาดี
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆและปิดตัวในแดนบวก แท่งเทียนเกิดเป็น Hammer หลังจากดัชนีตลาดปรับตัวลงทำจุดต่ำที่ 1,513 จุด ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง ดัชนีตลาดแกว่งตัวในลักษณะสะสมกำลัง (Consolidation) และแกว่งตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,551 จุด โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 1,549 – 1,558 จุด ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 1,558 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ เนื่องจากดัชนีตลาดปรับตัวลงปิดที่ 1,521 จุด ปิดต่ำกว่า 1,530 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คลื่น (iv) ซ้อนทับกับคลื่น (i) ไม่เป็นไปตามหลักการ Overlapping จึงต้องนับคลื่นใหม่
คลื่นปรับคลื่น 2) จบที่ 1,187 จุด ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 1 จบที่ 1,642 จุด จากนั้นดัชนีตลาดจึงปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 โดยคลื่น 2 มีโอกาสพักตัวลงเข้าเป้าหมาย
- 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,468 จุด
- 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,414 จุด
- 61.8% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,360 จุด ตามลำดับ
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ RSI และ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic เป็นลบ ดัชนีตลาดระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐานเพื่อสะสมกำลัง ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,558 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,541 – 1,551 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,521 – 1,513 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำเช้าวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564ตลาดทองคำปิดเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาบวก 26.4 ดอลลาร์ ปัจจัยจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุนแรงซื้อเข้าตลาด
ตลาดทองคำนิวยอร์กกลับมาปิดบวกได้อีกครั้งเมื่อเช้ามือวันเสาร์ที่ผ่านมาหลังตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับลดลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำกันอีกครั้ง
สัญญาทองคำตลาด COMAX (Commodity Exchange) ส่งมองสัญญาเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นอีก 26.4 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดราคาที่ระดับ 1,778.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับตัวขึ้นเกือบ 0.9% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรกันอีกครั้งหลังจากที่รายงานของมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับลดร่วงลงสู่ระดับ 70.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จากระดับ 81.2 ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่ระดับ81.2 เป็นระดับทรงตัวก่อนหน้า ซึ่งผลกระทบความเชื่อมั่นที่ลดลงมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐ ทำให้ลดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลง นักลงทุนยังมองโอกาสการลงทุนทองคำจากการที่ความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนอีกครั้ง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดไปทั่วโลกขณะนี้
ประเมินทางเทคนิคทองคำรายชั่วโมงวันนี้
ประเมินทองคำเช้าวันยังมีแรงซื้อเข้าหนุนตลาด แต่ก็เป็นในระดับจำกัดจึงยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือแนวต้านระยะสั้น 1,782 ขึ้นไปได้ หากราคาทองคำยังมีแรงซื้อหนุนประคองไว้เหนือระดับแนวรับบริเวณ 1,758-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น ก็ยังเป็นโอกาสที่ราคาทองคำอาจมีการขยับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,793-1,801 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่หากปริมาณการซื้อขายไม่มากเพียงพอเราอาจเห็นการเคลื่อนไหวราคาเกิดขึ้นในกรอบแคบๆ ระหว่างบริเวณ 1,782-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงแนะนำให้นักลงทุนควรรอการซื้อขายที่ชัดเจนเข้าตลาดก่อนตัดสินใจลงทุนทองคำในระหว่างวัน หากเราพิจารณาเพิ่มเติมในกรอบรายวัน จะเห็นว่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,787-1,809 เป็นแนวที่อาจเกิดการกลับตัวของราคาปรับร่วงลงของทองคำได้เช่นกัน จึงควรโฟกัสบริเวณดังกล่าวไว้ หากดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกรอบ ทองคำอาจไม่ผ่านแนวบริเวณนี้ขึ้นไปก็เป็นได้ จึงควรให้ความสำคัญบริเวณนี้ในสัปดาห์นี้
กลยุทธ์การซื้อขายทองคำกรอบรายชั่วโมงประจำวันนี้
Long Position : หากราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,758-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หากราคาย่อมาที่บริเวณนี้ก็ให้เสี่ยงเปิดตำสั่ง “ซื้อ” ได้ที่บริเวณดังกล่าว โดยคงให้เน้นการลงทุนระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรอีกทีหากราคาทองคำยังไม่สามารถปรับขึ้นเหนือ 1,793-1801 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
H1 : Uptrend
H4 : Downtrend
DAY : Downtrend
WEEK : Uptrend
Month : Uptrend
แนวรับแนวต้านทองคำรายชั่วโมง
SUPPORT : 1,770 / 1,753 / 1,737
RESISTANCE : 1,780 / 1,793 / 1,801
การถือครองทองคำขอกองทุน SPDR
การถือครองทองคำล่าสุด : ลดการถือครองลง -1.75
ราคาที่เข้าซื้อขายล่าสุด : 1,779.10 ดอลลาร์
ระดับทองคำถือครองล่าสุด : 1,021.79 ตัน
รวมการเปลี่ยนแปลงเดือนนี้ : 6 ครั้ง
รวมการการเปลี่ยนแปลงสุทธิเดือนนี้ : -9.67 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงจึงควรใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงค่าสมมุติฐานจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีผลการทำกำไรที่ถูกต้อง 100% เสมอ จึงควรพิจารณาด้วยความรอบคอบก่อนนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณาการลงทุนต่อไป
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก แรงซื้อเพื่อเก็งกำไรหลังค่าเงินดอลลาร์สรอ.อ่อนตัว หนุนราคาทองคำทะยานเข้าหาแนวต้านของจุดต่ำเก่าที่ 1,779 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวรับ สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นบวก ราคาทองคำที่ถีบตัวขึ้นแรง (จากจุดต่ำที่ 1,681 เหรียญ ขึ้นมาปิดที่ 1,779 เหรียญ ภายใน 5 วัน) ทำให้ราคาทองคำระยะสั้นเสี่ยงที่จะเผชิญแรงขายเพื่อทำกำไร ราคาทองจึงมีโอกาสพักตัว ราคาทองคำยังเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง และจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อราคายืนปิดเหนือ 1,800 เหรียญ
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ (ราคาทองคำได้ปรับลงมาทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ)
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,789 – 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,765 – 1,752 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,765 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,789 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,765 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,789 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,765 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,789 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง สัญญาณ DMI แสดงถึงทิศทางการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ทำให้ราคาน้ำมันมีทิศทางแกว่งตัวออกด้านข้างในทิศทางลง (Sideways down) ราคาน้ำมันมีจุดต่ำเก่าเป็นแนวรับอยู่ที่ 67.63 เหรียญ สัญญาณทางเทคนิคัลจะกลับมาเป็นบวก เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 72.38 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 71.61 - 72.38 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 69.76 – 68.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 69.76 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 71.61 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 68.82 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 69.76 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 68.82 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์แกว่งตัวลงแคบๆ หลังราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงที่ 48,190 เหรียญ ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาขึ้น ราคาเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาขึ้นและมีกรอบล่างของเส้นแนวโน้มขาขึ้นทำหน้าที่เป็นแนวรับอยู่ที่ 44,000 เหรียญ และมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 42,614 เหรียญ สัญญาณ DMI แสดงถึงการปรับตัวขึ้น ภาวะซื้อมากเกินจะทำให้ราคาระยะสั้นเสี่ยงที่จะเผชิญแรงขาย ส่งผลให้ราคาพักตัวลงเพื่อปรับฐาน
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 47,860 – 48,875 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 45,539 - 44,413 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 45,539 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 47,860 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 44,413 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 45,539 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 44,413 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2564ตลาดทองคำนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ปิดลบอีก 1.5 ดอลลาร์ เหตุกังวลตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นของสหรัฐ
เมื่อคืนนี้สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กกลับมาปิดลบอีกครั้ง หลังจากการที่สหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน ก.ค. โดยที่ตัวเลขดังกล่าวเป็นหนึ่งในบรรดาข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMAX (Commodity Exchange) ส่งมองสัญญาเดือนธ.ค. ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ระดับราคา 1,751.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การอ่อนค่าลงของทองคำคราวนี้ก็มาจากผลตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เมื่อเทียบรายปีพุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ได้มีการขยายตัว 7.3% ในเดือนมิ.ย. นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดทองคำกังวลว่าการพุ่งขึ้นของดัชนี PPI จะทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้เอง การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังทำให้สัญญาทองคำมีราคาที่สูงขึ้น จึงลดความน่าสนใจลง ทั้งนี้นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งยังคงให้ความเชื่อมั่นว่าการร่วงลงของราคาทองคำเมื่อต้นสัปดาห์นั้นอาจเกิดมาจากการเข้าซื้อดอลลาร์ตลาดเอเซีย และการขายทองคำ หลังสหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขสำคัญที่แข็งแกร่งเมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ผานมาในสัปดาห์ที่แล้ว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็ยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำได้เช่นกัน โดยมีการคาดการณ์กันไว้ว่าราคาทองคำอาจจะลดลงสู่ระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งก็อาจร่วงได้แรกสุดถึง 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรืออาจต่ำกว่านั้นก็เป็นได้
ประเมินทางเทคนิคทองคำรายชั่วโมงวันนี้
เช้านี้ราคาทองคำยังคงขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยแรงซื้อนั้นยังคงถูกจำกัดจากการกดดันของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี นั้น ช่วงบวกของราคาทองคำอาจโดนสกัดเอาไว้ได้อีก ทั้งนี้หากราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เราอาจเห็นแนวโน้มที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทดสอบราคาบริเวณแนวต้าน 1,758-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งให้เราจับตามเฝ้าระวังในบริเวณดังกล่าว หากราคาไม่สามารถฝ่าแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้นั้น นักลงทุนอาจทำกำไรจากการเทขายทองคำในบริเวณดังกล่าวได้อีกครั้ง
กลยุทธ์การซื้อขายทองคำกรอบรายชั่วโมงประจำวันนี้
Long Position : รอราคาทองคำปรับตัวย่อลงบริเวณ 1,744-1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำย่อลงมาในบริเวณดังกล่าวแล้วสามารถทรงตัวเหนือระดับราคาได้นั้น ให้เสี่ยงเปิดคำสั่ง “ซื้อ” โดยเน้นการลงทุนระยะสั้น พิจารณาปิดทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,758-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำสามารถผ่านบริเวณดังกล่าวได้นั้นก็อาจชะลอการปิดทำกำไรออกไปก่อน โดยประเมินแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,768-1,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,744 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทิศทางทองคำวันนี้
H1 : Downtrend
H4 : Downtrend
DAY : Downtrend
WEEK : Uptrend
Month : Uptrend
แนวรับแนวต้านทองคำรายชั่วโมง
SUPPORT : 1,737 / 1,726 / 1,720
RESISTANCE : 1,760 / 1,770 / 1,780
การถือครองทองคำขอกองทุน SPDR
การถือครองทองคำล่าสุด : ยังไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลง
ราคาที่เข้าซื้อขายล่าสุด : 1,729.50 ดอลลาร์
ระดับทองคำถือครองล่าสุด : 1,023.54 ตัน
รวมการเปลี่ยนแปลงเดือนนี้ : 5 ครั้ง
รวมการการเปลี่ยนแปลงสุทธิเดือนนี้ : -7.29 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงจึงควรใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงค่าสมมุติฐานจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีผลการทำกำไรที่ถูกต้อง 100% เสมอ จึงควรพิจารณาด้วยความรอบคอบก่อนนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณาการลงทุนต่อไป
Por : Technical Analysisตลาดหลักทรัพย์ไทย
สะสมกำลัง
การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น สร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจไทยอาจต้องใช้เวลานานที่จะฟื้นตัว แรงขาย แรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มนำตลาด กดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดที่ 1,532.71 จุด ลดลง 9.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.97 หมื่นล้านบาท สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบบวก ดัชนีตลาดมีลักษณะพักตัวเพื่อสะสมกำลัง ต่างชาติเดินหน้าขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่หก
ตลาดหุ้นนิวยอร์กประจำวันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม ดัชนีหลักปรับตัวขึ้นทั้งสามดัชนี ตลาดแรงงานในสหรัฐฯฟื้นตัวต่อเนื่อง นักลงทุนคลายความวิตกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาด
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงหลังดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,554 จุด โดยมีเส้น MMA2 ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วมอยู่ที่ 1,551 -1,560 จุด แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ดัชนีตลาดมีแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1,513 จุด ดัชนีตลาดแกว่งตัวออกด้านข้างในลักษณะสะสมกำลัง (Consolidation) ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณปลายตลาดขาลง ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนีตลาดยืนปิดเหนือ 1,560 จุด
จากกราฟรายสัปดาห์ เนื่องดัชนีตลาดปรับตัวลงปิดที่ 1,521 จุด ปิดต่ำกว่า 1,530 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คลื่น (iv) ซ้อนทับกับคลื่น (i) ไม่เป็นไปตามหลักการ Overlapping จึงต้องนับคลื่นใหม่
คลื่นปรับคลื่น 2) จบที่ 1,187 จุด จากนั้นดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น 1 จบที่ 1,642 จุด จากนั้นดัชนีตลาดจึงปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 โดยคลื่น 2 มีโอกาสพักตัวลงเข้าเป้าหมาย
- 38.2% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,468 จุด
- 50.0% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,414 จุด
- 61.8% Fibonacci Retracement อยู่ที่ 1,360 จุด ตามลำดับ
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นบวก ทำให้ดัชนีตลาดระยะสั้นปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัลเพื่อปรับฐาน ดัชนีตลาดจะเปลี่ยนทิศทางปรับตัวขึ้นเมื่อดัชนียืนปิดเหนือ 1,560 จุด
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,540 – 1,551 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,523 – 1,513 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำพุธที่ 11 สิงหาคม 2564ทองคำกลับมาบวกได้อีกครั้งหลังนักลงทุนเข้าซื้อราคาทองคำที่ปรับอ่อนตัวลงหนัก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.3% โดยปิดที่ระดับราคา 1,731.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับบวกครั้งแรกหลังเริ่มต้นรอบสัญญาใหม่อีกครั้ง
ทองคำตลาดนิวยอร์กกลับมาปิดบวกได้เมื่อคืนนี้ โดยปัจจัยหลักมาจากการที่นักลงทุนได้แห่เข้าซื้อทองคำหลักจากที่ราคาทองคำได้ปรับตัวร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เองข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐที่ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำได้เช่นกัน
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำหลังสัญญาทองคำร่วงหนักไปก่อนหน้านี้ ผลมาจากความกังวลว่าทางธนาคารกลางสหรัฐหรือว่า เฟด อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการ QE เร็วขึ้น หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกมาพุ่งกว่า 943,000 ตำแหน่ง ถือว่าเป็นระดับสูงในรอบ 1 ปี นอกเหนือจากสาเหตุดังกล่าวนั้นการกลับเข้ามาซื้อทองคำของนักลงทุนก็ยังมาจากสาเหตุที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ยังเป็นปัจจัยอีกอย่างเช่นกันทำให้นักลงทุนหันเข้ามาซื้อทองคำ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในไตรมาส 2 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้ออกมาคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.5% ในส่วนของต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 1.0% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับรายไตรมาส หลังจากไตรมาส 1 หดตัวที่ระดับ 2.8%
วันนี้นักลงทุนยังชะลอการเข้าซื้อทองคำ ทำให้แรงซื้ออาจเป็นไปได้อย่างจำกัด เนื่องจากมีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจค่ำคืนนี้ เช่น
- ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (เดือนต่อเดือน) (ก.ค.) คาดการณ์ที่ 0.4% เวลา 19:30 น.
- สินค้าคงคลังน้ำม้นดิบ คาดการณ์ที่ -1.271 M เวลา 21:30 น.
สำหรับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานหรือ Core CPI เป็นหนึ่งในตัวเลขที่นักลงทุนเฝ้าจับตาเป็นพิเศษ เพราะเนื่องจากเป็นหนึ่งในตัวเลขที่ธนาคารกลางสหรัฐนำเอาข้อมูลไปพิจารณาในการปรับอัตราดอกเบี้ยและปรับลดวงเงินการทำโครงการ QE ในอนาคตเช่นกัน
สำหรับฝากฝั่งแรงกดดันที่มีต่อทองคำ ทำให้ทองคำยังไม่เคลื่อนไหวได้มากนักก็จะเป็นฝั่งของสกุลเงิน EUR เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดังกล่าวทำให้ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนกลับมาอีกครั้ง ยังผลให้ราคาทองคำกลับโดนกดดันช่วงบวกของราคา และอ่อนค่าลงมาอีกครั้ง โดยเมื่อวานนี้ EUR ได้ประกาศตัวเลข ZEW ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีในเดือน ส.ค. ลดลงเหลือ 40.2 จาก 63.3 จุดในเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ที่ระดับ 56.7 จึงทำให้สกุลเงิน EUR ปรับอ่อนค่าลง
นอกจากนี้แรงกดดันทองคำก็ยังจากเพื่อนคู่กัดตลอดกาลอย่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (Bond Yield 10 Year) ที่ยังส่งผลกดดันราคาทองคำจากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนฯ แตะระดับ 1.359% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. หลังวุฒิสภาสหรัฐได้มีมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ส่งผลต่อราคาทองคำอีกครั้ง
ประเมินทางเทคนิควันนี้
เช้านี้คาดราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบโดยเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,719 – 1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนอาจยังชะลอการเข้าซื้อทองคำก่อนรายงานตัวเลข CPI จะรายงานในค่ำคืนนี้เวลา 19:30 น. ซึ่งหากราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือระดับ 1,719-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น เรายังคงเห็นช่วงบวกของทองคำ ซึ่งแนวโน้มหากราคาทองคำกลับมาอีกครั้งก็มีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงแนะนำนักลงทุนว่าไม่ควรวางคำสั่งมากเกินไปในช่วงเวลานี้ ควรรอติดตามรายงานตัวเลขสำคัญๆ ออกมาเสียก่อน
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : หากราคาทองคำสามารถรักษาระดับการเคลื่อนตัวของราคาเหนือแนวรับบริเวณ 1,719-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเสี่ยงเปิดคำสั่ง “ซื้อ” ได้ที่บริเวณดังกล่าว แต่ให้เน้นการลงทุนระยะสั้นเท่านั้น โดยเป้าหมายระยะไม่ห่างมากนัก ให้นักลงทุนพิจารณาค่าส่วนต่างของราคาโบรกเกอร์ด้วย หากค่าส่วนต่างราคาสูงจนเกินไปก็ไม่แนะนำให้เล่นในช่วงเวลาดังกล่าว พิจารณาปิดทำกำไรช่วงสั้นที่ระดับ 1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถผ่านแนวระดับดังกล่าวได้ให้ชะลอการปิดทำกำไรไปก่อน ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Downtrend
-----------------------------------------
4H : Downtrend
-----------------------------------------
DAY : Down trend
---- -------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,713 / 1,685 / 1,665
---------------------------------------------------
Resistance : 1,739 / 1759 / 1,776
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR เดือนสิงหาคม 64
- ถารถือครองทองคำ : ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,729.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,023.54 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 5 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : -7.92 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำล่วงหน้าแกว่งตัวแคบๆใต้ราคาเป้าหมาย 61.8% Fibonacci Projection ที่ 1,731 เหรียญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้าน แท่งเทียนเกิดเป็น Spinning สะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายที่มีพละกำลังพอๆกัน ราคาปิดวันถัดไปจะเป็นตัวออกทิศทาง สัญญาณ DMI แสดงถึงการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน เนื่องจากราคาเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,738 – 1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,717 – 1,706 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,738 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,717 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,738 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,700 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,717 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,700 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากราคาดิ่งลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 67.63 เหรียญ ราคาปรับตัวลงทำราคาต่ำที่ 68.13 เหรียญ แท่งเทียนเกิดเป็น Bullish Candlestick ที่มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวรับ สัญญาณ DMI แสดงทิศทางปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ แรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 72.14 - 73.06 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 70.53 – 69.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 72.17 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 70.53 เหรียญ
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 72.14 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 71.33 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 72.14 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBTC
คำเตือน การซื้อขายบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มี Intrinsic Value การซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเป็นไปตามหลักการ Technical Analysis
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราวัน ราคาบิทคอยน์แกว่งตัวขึ้นสลับกับการพักตัว ราคาเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณ DMI ที่แสดงถึงตลาดกระทิง (Bull Market) ภาวะซื้อมากเกินและสัญญาณ Bearish Divergence ของ RSI เตือนให้ระวังถึงช่วงปลายตลาดขาขึ้น (ไม่ควร Open long) แรงขายทำกำไรระยะสั้นจะกดให้ราคาระยะสั้นพักตัว แต่จะเป็นการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ เนื่องจากราคาเคลื่อนตัวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
ราคาจะยืนยันการจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น 2 ที่ 37,481 เหรียญ เมื่อราคาสามารถยืนปิดเหนือ 42,614 เหรียญ โดยราคาจบคลื่นปรับ (Collective wave) คลื่น IV, E ที่ 29,296 เหรียญ เมื่อราคาสามารถปรับตัวขึ้นยืนปิดเหนือ 41,341 เหรียญ และราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นคลื่นส่ง (Impulse wave) คลื่น V โดยมีเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Projection อยู่ที่ 50,520 เหรียญ
ราคา BTC ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 46,759 - 47,555 ดอลลาร์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 44,624 – 43,381 ดอลลาร์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 46,759 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 44,624 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 46,759 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 43,381 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 44,624 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 43,381 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
วิเคราะห์ทองคำอังคารที่ 10 สิงหาคม 2564ทองคำเมื่อวานนี้ผันผวนหนัก หลังร่วงหนักเปิดตลาดช่วงเช้าก่อนรีบาวน์กลับฐานสูงเหนือ 1,700 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เมื่อวานนี้ผันผวนหนักพอสมควร โดยปิดตลาดร่วง 36.60 ดอลลาร์ (-0.28%) ปิดที่ระดับ 1,726.5 ซึ่งการร่วงลงของทองคำมาจากปัจจัยกดดันการแข็งค่าขอดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี
เมื่อคืนนี้สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยผลการสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) 9y;g] เปิดตัวเลขพุ่งขึ้น 590,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการร์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลมา และยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ที่ระดับ 9.27 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 9.50 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. ตัวเลข JOLTS ถือเป็นข้อมูลที่ทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมีการมองว่าเป็นมาตรวัดระดับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน อันจะเป็นการนำพาในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอนาคตของเฟด
ตลาดการลงทุนกำลังเฝ้ามองตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธนี้ และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันถัดไป ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนี CPI พื้นฐาน จะปรับพุ่งขึ้น 4.3% ของเดือนก.ค. เมื่อนำมาเทียบรายปี สิ่งที่นักลงทุนมีความกังวลนั้นมาจากผลหากว่าสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งออกมาแล้วเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็อาจจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐหรือว่า เฟด อาจเริ่มปรับวงเงินในโครงการ QE รวมทั้งอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำในอนาคตได้
สำหรับตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ได้รับความผันผวน โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงไปเมื่อคืนนี้ อันมาจากหุ้นกลุ่มของพลังงานดิ่งลงตามทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีสาเหตุจากนักลงทุนที่ยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลลาในหลายประเทศขณะนี้ นักลงทุนได้จับตาการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดนั้นศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐได้เพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ประเมินทางเทคนิควันนี้
ทองคำยังเคลื่อนไหวเหนือระดับแนวรับบริเวณ 1,719=1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เรายังเห็นแรงซื้อที่เข้ามาพยุงราคาทองคำไม่ให้ตกร่วงไปอีกครั้ง จึงมีแนวโน้มว่าหากแรงซื้อเข้าตลาดมาอีกครั้งอาจมีการปรับฐานราคาขึ้นไปในระยะสั้นอีกรอบได้เช่นกัน โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,758-1,768 เป็นโซนบริเวณการรองรับราคาเอาไว้ด้านบน นักลงทุนควรระมัดระวังช่วงเวลานี้ในการลงทุนทองคำเนื่องจากสัปดาห์นี้ยังมีรายงานสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้พอสมควร จึงควรติดตามรายงานข่าวสำคัญๆ เป็นระยะๆ ด้วย
กลยุทธ์การเทรดทองคำกรอบรายชั่วโมง
Long Position : หากราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือบริเวณ 1,719-1,728 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงเปิดคำสั่ง “ซื้อ” ได้ที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการลงทุนระยะสั้น พิจารณาปิดทำกำไรหากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,758-1768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำในวันนี้
-----------------------------------------
1H : Downtrend
-----------------------------------------
4H : Downtrend
-----------------------------------------
DAY : Down trend
---- -------------------------------------
Week : Up trend
-----------------------------------------
Month : Up trend
-----------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำกรอบรายชั่วโมง
---------------------------------------------------
Support : 1,713 / 1,685 / 1,665
---------------------------------------------------
Resistance : 1,739 / 1759 / 1,776
---------------------------------------------------
สถานการณ์ถือครองทองคำของกองทุน SPDR เดือนสิงหาคม 64
- ถารถือครองทองคำ : ปรับลดลง -1.75
- เข้าซื้อขายทองคำล่าสุดที่ระดับราคา : 1,729.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ปัจจุบันถือครองทองคำทั้งสิ้นสุทธิ : 1,023.54 ตัน
- ปรับเปลี่ยนแปลงราคาทั้งสิ้น : 5 ครั้ง
- รวมการเปลี่ยนแปลงการถือครองในเดือนทั้งสิ้น : -7.92 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุนได้ 100%
Por : Technical AnalysisGold (XAUUSD)
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาทองคำล่วงหน้าทรุดตัวลงต่อเนื่อง หลังราคาหลุดแนวรับที่ 1,806 เหรียญ ราคาดิ่งลงเข้าหาเป้าหมาย 100.0% Fibonacci Retracement ที่ 1,668 เหรียญ ระหว่างการซื้อขายราคาทรุดตัวลงทำราคาต่ำที่ 1,681 เหรียญ แท่งเทียนปรากฏเงาส่วนล่าง (Lower shadow) สะท้อนถึงแรงซื้อที่กลับเข้ามา สัญญาณ DMI แสดงถึงการปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ ภาวะขายมากเกินจะกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้าเก็งกำไร หนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน เนื่องจากราคาเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง
ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นคลื่นปรับ (Collective wave) ลงเป็นคลื่น (ii) แบบ A-B-C โดยคลื่น (ii),C มีเป้าหมาย 100.0 % Fibonacci Projection อยู่ที่ 1,668 เหรียญ
ทิศทางราคา Gold ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,740 – 1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,715 – 1,699 ดอลลาร์/ออนซ์
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) เมื่อราคาปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,740 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,715 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาทองคำยืนปิดเหนือ 1,740 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 1,699 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1,715 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่า 1,699 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity
Por : Technical AnalysisBrent Crude Oil
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังยูเอ็นเรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้พลังงานฟอสซิลและถ่านหิน
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงเข้าหาแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 67.63 เหรียญ ระหว่างการซื้อขายราคาปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำที่ 68.13 เหรียญ แท่งเทียนปรากฏเงาส่วนล่างที่สะท้อนถึงแรงซื้อที่กลับเข้ามา สัญญาณ DMI แสดงทิศทางปรับตัวลง สัญญาณทางเทคนิคัลเป็นลบ แรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐาน
ราคาน้ำมันดิบ Brent ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 70.86 - 71.86 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 68.82 – 67.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สรุป
เปิดสถานะขาย (Open short) ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นระหว่างการซื้อขาย เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 68.82 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 70.86 เหรียญ
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อราคาปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 67.63 เหรียญ เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 68.82 เหรียญ ตัดขาดทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 67.63 เหรียญ
#ป.ดัชนี, #บัญชรหุ้น, #วิเคราะห์หุ้น, #Forex, #Commodity