ค้นหาในไอเดียสำหรับ "BITCOIN"
Bitcoin ลงให้ครบก่อน จะได้ไปต่อ (Elliott Wave: Flat)Bitcoin ปรับขึ้นมาร้อนแรงจนกระทั่งครึ่งหลังของเดือน ก.พ. 64 มาจนปัจจุบัน แกว่งตัวในลักษณะ Sideways
เมื่อนำหลักการคลื่น Elliott Wave มาจับ พบว่ามีโอกาสฟอร์มตัวเป็นคลื่นปรับแบบ Flat ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 คลื่น ย่อย A-B-C โดยคลื่น B ทำทีเป็นจะเบรกจุดสูงสุดใหม่ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานย่อตัวลงมาในโซนเดิม
โดยคลื่นสุดท้ายของ Flat คือ คลื่น C หากปรับตัวลงมาในลักษณะ 5 คลื่นย่อย Impulse หรือ Diagonal จะครบองค์ประกอบ
.
ระยะสั้นคลื่น (2) ย่อยใน C ก็ดูเหมือนจะปรับเป็น Regular Flat เช่นกัน การขึ้นมาทดสอบ 60000$ ก่อนที่จะลงต่อจึงเป็นไปได้
.
เมื่อ Flat นี้ สมบูรณ์ มีแนวรับอยู่ที่ 46500$ หากเป็น Running Flat และ 37500$ ถ้าเป็น Expanded Flat ราคาก็พร้อมที่จะไปต่อในขาขึ้น
.
การนับทางเลือก จุดที่ดูว่านี่ไม่ควรเป็น Flat แล้วคือเลย 138.2% ของคลื่น A ขึ้นไปราว 64000 $ จะเลิกพักตัวและขึ้นไปต่อ หรือ อาจจะฟอร์มตัวเป็น Diagonal (5 คลื่น ไถขึ้นไปแบบเรื่อย ๆ ไม่แรงมาก)
ไอเดียวิเคราะห์ราคา Bitcoin 23/12/63ราคา bitcoin ทำ new high แสดงให้เห็นว่ายังคงมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ผมวิเคราะห์ไว้ 2 เคส คือ
1.ปัจจุบันราคาทำ new high และอาจลงมาพักตัวที่ Demand zone ถ้าต้องการเข้าซื้อให้เข้าซื้อที่ Demand zone ดังกล่าว และ cut lose ทันทีถ้าราคาหลุดโซน และให้ take profit ที่แนวต้าน
2. เนื่องจากราคาขึ้นมามากแล้วอาจมีการเทขาย ถ้าราคามีการขายออกมาอย่างรุนแรงไม่ควรเข้าซื้อ หรือถ้าจะยังเข้าซื้อให้ cut lose เมื่อราคาหลุกโซนทันทีเช่นกัน
Bitcoin การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานหลังจากพยายามทำลายเส้นแนวโน้มและบล็อกแนวต้าน 27500 ไม่สำเร็จ ราคาของ Bitcoin ก็เริ่มลดลงตามตลาดหุ้น สิ่งนี้เกิดขึ้นจากกระแสเชิงลบจากสุนทรพจน์ของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ดังนั้น ราคา BTC จึงทะลุขอบเขตล่างของช่องราคาคู่ขนานและเส้นแนวรับแบบไดนามิก EMA50 4H ในกรณีที่มีการรวมตัวต่ำกว่า เราคาดว่าการกลับไปสู่ระดับของจุดควบคุมโซนมูลค่า (POC)
ความแตกต่างแบบกระทิงที่ขยายออกไปได้ก่อตัวขึ้นบนแผนภูมิลอการิทึมรายวัน สิ่งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานการณ์ด้วยการทดสอบครอสโอเวอร์ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันและ 200 สัปดาห์อีกครั้งก่อนที่จะร่วงลงอีก แต่หากต้องการกลับไปสู่แนวโน้มขาขึ้นในท้องถิ่น ราคาจำเป็นต้องทะลุระดับแนวต้านที่ 27500 และแข็งตัวเหนือเส้นแนวโน้มขาลง
โดยทั่วไปแล้ว ราคาของ BTC ทำให้เกิดการพังทลายของรูปแบบลิ่มที่เป็นขาลง และเรายังไม่มีการปรับฐานของกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดตามปกติตั้งแต่ต้นปีนี้
เป้าหมายของการปรับฐานนี้สามารถอยู่ที่ระดับ 0.5-0.78 Fibonacci มีโซนของความไม่สมดุล 1W ที่มีช่องว่างขนาดใหญ่ในระดับแนวนอนของปริมาณการซื้อขายที่ต้องเติมเต็ม พื้นที่ถัดไปที่น่าสนใจสำหรับผู้ซื้อคือช่วง 22,000-23,000 และระดับจิตวิทยาที่สำคัญที่สุดที่ 20,000 ที่โซนเหล่านี้ เราจะค้นหารูปแบบจุดกลับตัวเพื่อเปิดตำแหน่งซื้อ
ดัชนีความกลัวและความโลภยังคงอยู่ในโซนความกลัว - 30
มูลค่ารวมของตลาดสกุลเงินดิจิทัลลดลงเหลือ 1,017 พันล้านดอลลาร์ และดัชนีการครอบงำ Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น 50.0
จากการวิเคราะห์การสะสมของบล็อกคำสั่งขนาดใหญ่ในสมุดคำสั่งแลกเปลี่ยน โซนอุปสงค์และอุปทานจะอยู่ที่ระดับต่อไปนี้:
🟢 โซนความต้องการ: 20,000 - 25,000
🔴 โซนอุปทาน: 30000 - 32000
📊 การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ยอดคงเหลือ Bitcoin (BTC) จากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำ เช่น Coinbase, Binance และ Kraken ใกล้จะแตะระดับต่ำสุดในรอบหกปี เมื่อมองแวบแรก การลดลงของ bitcoins ที่ถืออยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนถือเป็นสัญญาณที่ดี และบ่งบอกถึงตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นและความคาดหวังของราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบในปัจจุบัน เทรดเดอร์และนักลงทุนอาจเลือกใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบกระจายอำนาจท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น
การแลกเปลี่ยน Cryptocurrency Binance เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายในอุตสาหกรรมลดลง 48% ในเดือนกันยายน ตามที่นักวิเคราะห์ ปริมาณการซื้อขาย bitcoin (BTC) เฉลี่ยเจ็ดวันบนแพลตฟอร์มลดลง 57% นับตั้งแต่ต้นเดือน
ตามที่คาดไว้ ธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม: 5.50%
สำหรับ Fed เป้าหมายในการลดอัตราเงินเฟ้อยังคงเท่าเดิม - 2% มีแนวโน้มที่จะคงนโยบายการเงินในปัจจุบันไว้ สามารถเพิ่มอัตราอื่นได้หากจำเป็น ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ได้รับการผลักดันกลับจากไตรมาสที่ 2 ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 นโยบายการกำกับดูแลนี้สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น ตามมาด้วยตลาดสกุลเงินดิจิทัล
🌐 เหตุการณ์เศรษฐกิจมหภาคที่กำลังจะเกิดขึ้น
เราคาดว่าความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในหุ้นและตลาดสกุลเงินดิจิทัลภายในวันที่ต่อไปนี้:
➤ 28.09 15:30 น. - GDP ของสหรัฐฯ (QoQ) (Q2)
➤ 03.10 17:00 - US JOLTs ตำแหน่งงานว่าง (ส.ค.)
➤ 01.10 21:00 - การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักขุด Bitcoin มีรายได้ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตามข้อมูลจากดัชนี Hashrate ณ วันที่ 28 สิงหาคม ราคาแฮชของ Bitcoin (ราคาแฮช) ลดลงเหลือ 0.06 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.058 ดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบการขุด Bitcoin เริ่มต้นพร้อมกัน เตือนถึงสภาพคล่อง วิกฤติ และบางรายประกาศล้มละลาย
Hashprice คือดัชนีรายได้ที่นักขุดได้รับจากหน่วยของอัตราแฮช (แฮชเรต - พลังการประมวลผลของระบบการขุดบล็อคเชน) ในกรอบเวลาที่กำหนด จากข้อมูลของ Bloomberg รูปด้านบนแสดงให้เห็นว่านักขุดกำลังประสบปัญหาอย่างมาก
BINANCE:BTCUSD BUY 27400-27200🕯
✔️ TP1: 27800
✔️ TP2: 28200
🚫 SL: 26900
หนึ่ง Bitcoin ควรมีมูลค่าเท่าไหร่หากอิงการลงทุนเชิงพื้นฐาน?เพจเฟสบุ๊ก : DoHoon ฝากติดตามด้วยนะครับ
หนึ่งในคำถามที่นักลงทุนบิทคอยน์ตั้งคำถามก็คือ “bitcoin ตอนนี้ซื้อได้ไหม” “ราคา bitcoinจะไปถึงเท่าไหร่” คำถามที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักคิดอยู่เสมอ จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการหาราคาเป้าหมายหรือราคาที่พอใจมากเกินไปจนนำมาสู่การขายหมู ติดดอย เพราะพอหวังกำไรเล็กน้อยก็มักจะขายไปในราคาที่ได้กำไรเล็กน้อย(ขายหมู)แล้วพอราคามันไปต่อก็ตามไปซื้อใหม่โดยหวังกำไรที่มากขึ้น พอราคาไม่ถึงตามที่คาดหวังก็ไม่ยอมขายสุดท้ายราคาก็ลง(ติดดอย)
การจะตั้งคำถามให้ถูกควรจะถามว่า “bitcoin แพงไป/ถูกไป หรือเปล่า” จะได้รู้ว่าตอนนี้เราควรซื้อไหม แน่นอนว่าการลากเส้นจากอดีตไปหาอนาคต(เส้นเทรน)คงตอบเรื่องนี้ไม่ได้เพราะเส้นมันก็ลากยาวไปเรื่อยนั้นแหละ แล้วจะรู้ได้ยังไงละว่ามันแพงไปไหม บางคนก็ใช้ฟิโบฯหาเป้าราคาแล้วสุดท้ายก็สับสนว่าเป้าจริง ๆ มันคือตรงไหนเพราะกราฟมันชันเหลือเกินและบางครั้งวิธีนี้ก็ผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ แล้วต้องดูยังไงละ
คำตอบก็คือการกลับมาดูที่พื้นฐานของบิทคอยน์เสียก่อน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้คำนิยามว่าแม้บิดคอยน์จะยังไม่ใช่สกุลเงินที่เป็นที่ยอมรับในสังคมส่วนใหญ่ แต่มันก็มีคุณค่าจากคุณสมบัติพิเศษในตัวเองเหมือนกับทองคำ ทองคำเป็นที่ยอมรับในสังคมวงกว้างจากทุกประเทศในโลก โดยปัจจุบันทองคำมี Market Cap อยู่ราวๆ 11.7 ล้านล้าน USD (อิงราคาทองปัจจุบันที่ 1830 $) ดังนั้นหากเราเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งในอีก 20-30 ปี Bitcoin จะถูกยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่และกลายเป็นทองคำโลกดิจิทัล มูลค่า Market Cap ก็ควรจะใกล้เคียงกับทองคำ ซึ่งก็คือ Present value ของ Market Cap Bitcoin = 11.7 ล้านล้าน USD ซึ่ง 1 BTC จะคิดเป็น 585,000 USD นั้นเอง (ทั้งนี้ต้องไปคิด Future Value ในอีก 20-30 ปีอีกทีหนึ่ง) โดยวิธีนี้เป็นการหาพื้นที่ในการเติบโตของมูลค่าตามหลักการลงทุนพื้นฐาน ดังนั้นถ้าคุณเชื่อว่า Bitcoin จะเป็นทองคำดิจิทัลในอีก 20-30 ปีจริงๆ ซื้อตอนนี้ก็คงไม่ดอย
แต่ๆๆ !!!!
อย่างไรก็ตามมันมีปัจจัยที่มากระทบพื้นฐานมากมายเช่น
1. ถ้าวันหนึ่งมีเทคโนโลยี Transaction ที่เหนือล้ำไปกว่า Blockchain เกิดขึ้นมูลค่าของ Bitcoin คงไม่ต่างจากก้อนหินข้างทาง
2. ถ้าบิดคอยไม่ได้ถูกยอมรับในสังคมวงกว้างละ เพราะทุกวันนี้ก็มีเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีในสังคมอยู่ Market Cap คงเอาไปเทียบกับทองคำไม่ได้และมูลค่าที่ควรเป็นคงไม่สูงเท่าที่คำนวณไว้แน่นอน
3. ถ้าวันหนึ่ง Bitcoin ถูกยอมรับจากคนทั้งโลกในฐานะสกุลเงินจริง ๆ มูลค่าก็อาจจะมากกว่าที่คาดการณ์ก็ได้
***สำคัญที่สุดคือเราต้องคำนึงถึงความเสี่ยงต่างๆให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงเหมือคนตาบอดเดินคลำทางนั้นแหละ
#ดูหุ้น #dohoon #ลงทุน #เก็งกำไร #Bitcoin #บิทคอยน์
ใครเป็นผู้ขับเคลื่อนการชุมนุมของ Bitcoin?หลังจากหลายสัปดาห์ของการเคลื่อนไหวของราคาที่ช้า ตลาดสกุลเงินดิจิตอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกด้วยชัยชนะครั้งสำคัญของ Grayscale เหนือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น 28,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะทรงตัวใกล้ 27.4,000 ดอลลาร์ ในขณะที่อัลท์คอยน์ตามมาด้วย
BINANCE:BTCUSD BUY 27400-27200🕯
✔️ TP1: 27800
✔️ TP2: 28200
🚫 SL: 26900
Bitcoin ฟื้นตัวขึ้นได้จริงหรือไม่ดูเหมือนสกุลเงิน digital ยังคงมีการแกว่งตัวในทั้งระยะสั้นและระยะกลางอาจจะเป็นทั้งสกุลเงินบิทคอยน์หรือแม้กระทั่ง อีเธอเรี่ยม
โดยทางด้านของสกุลเงินบิทคอยน์นั้นมีการขยับตัวสูงขึ้นถ้าเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์โดยในรอบวันมีการขยับตัวสูงขึ้นถึง 0.90% และอาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นดังนั้นความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นนั้นยังคงมีอยู่ในระยะสั้น
แต่ต้องติดตามว่าในการขยับตัวสูงขึ้นในครั้งนี้นั้นส่งผลกระทบให้กับทิศทางของตลาดหุ้นหรือไม่โดยเฉพาะทางด้านของมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ
ซึ่งถ้าเกิดมีการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางอังกฤษซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ตลาดหรือนักลงทุนมีการคาดการณ์หรือการคาดหวังออกมาว่าทางธนาคารกลางสหรัฐจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเหมือนธนาคารกลางกฤษอาจจะส่งผลทำให้บิทคอยน์มีการฟื้นตัวขึ้นในระยะสั้นและระยะกลาง
ดังนั้นความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นเดี๋ยวคงมีต้องติดตามกรอบแนวต้านสำคัญสองแนวต้านก็คือ แนวต้านแรกก็คือ 20,000 แนวต้านที่สองก็คือ 20,280 ต้องติดตามว่าจะมีการขยับตัวสูงขึ้นทะลุแนวต้านดังกล่าวไปหรือไม่
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญเลยก็คือทางด้านของการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลสะท้อนเห็นถึงธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจจะมีการใช้มาตรการในการกระชับหรือเรียกว่าการใช้บริการทางเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐ
อาจจะส่งผลทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอีกปัจจัยกดดันสกุลเงินดิจิตอลอย่างต่อเนื่อง