PTG - วอลุ่มแบบนี้ไม่น่าจบง่ายๆวอลุ่มสามวันล่าสุดถือว่าเป็น New High ในรอบ 1 ปีพอดี...
วอลุ่มเยอะจากฐานล่างแถมวอลุ่มอลังการเมื่อสองวันทำการก่อนด้วยแท่งเขียวยาว...ชอบ!
จุดคัทลอสก่อนเลยถ้ามองขึ้นหลอกๆ ก็คือหลุด 12.50 บาท อันนี้มองโดนหลอก
แต่ถ้ามองรอบใหม่มา??
ต้าน Fibo จากกราฟ 13.70, 15.80, 17.6, 19.3, 21.8 และ 25 (จะถึงมั๊ยก็คงต้องดูผลประกอบการไตรมาส 3 นี่แหล่ะครับว่าจะดีขึ้นมั๊ย)
MACD เหนือ 0 ครั้งแรกในรอบ 4 เดือน อันนี้น่าสนใจ...
อดีตหุ้นหลายเด้งเมื่อไม่กี่ปีก่อน...จะกลับมาเป็นหุ้นเด่นช่วงครึ่งปีหลังได้รึมั๊ย...
โปรดติดตามชม...และระมัดระวังมีวินัยในการลงทุนครับ
Contest
SET index 22 4 2019 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนวโน้มเพิ่มขึันแนวโน้ม SET Index – ปิดตลาด 1674.10 -0.90 (0.05%) เมื่อ 19 เมย. 62 มีความผันผวนในทางลบเล็กน้อย นักวิเคราะห์แกว่งตัว มีแรง buy/sell ผลประกอบการในไตรมาส Q1/62 ซึ่งถัดไปเป็นกลุ่มเทคโนโลยี และพลังงาน ที่คาดการณ์ว่ากำไรจะเติบโตขึ้น ส่วนทางด้านการเมืองในประเทศไม่มีผลกระทบต่อการลงทุน ซึ่งนักลงทุนในประเทศ นั้นยังมีความเชื่อมั่น ตลาดรับข่าวบวกมาระดับหนึ่ง จากเรื่องการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ราคาน้ำมันมีการปรับสูงขึ้น และเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โมเนมตันดีบวกจากดาวโจนส์-ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับขึ้น ในด้านบวก
SET index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแนวโน้ม SET Index ปรับตัวลง 15.7 จุด (-0.95%) ปิดที่ 1,636 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,158.93 หมื่นล้านบาท จากความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังตัวเลขเกินดุลการค้าปี 2018 ของจีนหดตัวลง 18.3% จากผลกระทบการส่งออกและนําเข้าประกอบกับความกังวลปัญหา Shutdown ของสหรัฐที่ยืดเยื้อซึ่งจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่มหลัก เช่น BTS, LIT และ TMB โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ -2,993.19 ล้านบาทและซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 96,621.49 หมื่นล้านบาท แต่พลิกเป็นNet Short TFEX 17,008 สัญญาเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยภาวะตลาดถูกปัจจัยลบจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลตัว หลังจีนรายงานตัวเลขการส่งออกและนําเข้าเดือนธ.ค.หดตัวลงต่ำสุดตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ความไม่แน่นอนผลโหวต Brexit ของรัฐสภาอังกฤษในวันนี้จะเป็นตัวถ่วงต่อทิศทางการลงทุนด้วยเช่นกัน (โดยร่างกม. Brexit ต้องได้คะแนนโหวตอย่างน้อย 320 เสียง จากทั้งหมด 639 เสียง และส่วนโพลสํานักข่าว BBC คาดว่าร่างกม. Brexit จะถูกคว่ําในสภา) อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับรีบาวด์ในช่วงอ่อนตัวได้จากแรงหนุน FED ส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า และ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 3 วันต่อเนื่องราว 3 พันลบ.ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางดัชนี ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้แกว่งแคบมาก โดยดัชนีฯเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทย ส่วนเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทางสหรัฐฯอาจจะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนออกไปอีก 60 จากเดิมวันที่ 1 มีค. ดัชนีตลาดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่คาดการว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบจากการเมืองไทยส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีผลกระทบรุนแรงต่อตลาดหุ้นไทย ในต้นสัปดาห์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
SET index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประทศไทย แนวโน้มไตรมาส MoMแนวโน้ม SET Index วันนี้ปิดบวกเล็กน้อย แต่ร่วงนำมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ระยะสั้นจึงเข้าสู่แนวโน้มขาลง ส่วนระยะกลางก็ยังเป็นขาลงมาแต่แต่เดือนกันยายนปีนี้ .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด (อันล่าสุด) แนวโน้มค่าเงินบาท ราคาคงที่ $32.70 THB/USD แต่เนื่องจากตันอยู่แถวนี้ติดต่อกันหลายสัปดาห์แล้ว แนวโน้มจึงกลับเป็นด้านแข็งค่า (ดีต่อตลาดหุ้น) รอดูต่ออีก 1-2 วัน การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ในภาพรวมต่างชาติยังขายสุทธิสะสมเยอะมากตั้งแต่ต้นปี แนวโน้มราคาทองคำ ราคาอยู่ที่ระดับ $1,238.58 แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ ราคาคงที่ระดับ $51.06 แต่ที่ผ่านมาก่อนหน้าหลายสัปดาห์ลดลงแรงมาก แนวโน้มจึงยังเป็นขาลงอยู่ต่อไป ตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก มีความผันผวน แต่อย่างน้อยตลาดส่วนใหญ่ก็เป็นบวก ได้ปรับตัวลง -1.64% จากสิ้นเดือนตุลาคม ซึ่งมีหลายปัจจัยกดดันตลาดด้วยกัน ทั้งปัจจัยภายนอก ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรง ประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และปัจจัยภายใน ได้แก่ การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของไทยที่ออกมา ต่ำกว่าที่คาดหมายไว้
แต่คาดว่าในไตรมาส 4 ตลาดหุ้นไทยจะมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบกว้างที่ 1,600-1,900 จุด โดยตลาดเริ่มซึมซับปัจจัยลบจากต่างประเทศไปมากแล้ว เช่น ข่าวสงครามการค้าและการลดลงของราคาน้ำมันดิบ เป็นต้น ในระยะต่อไป ปัจจัยภายในประเทศน่าจะเริ่มส่งผลต่อตลาดมากขึ้น ทั้งเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ยังเติบโตได้ดี ตัวเลข GDP ในไตรมาส 4 และแนวโน้มการเติบโตของ GDP ปีหน้า และเรื่องความคืบหน้าของการเลือกตั้ง ที่น่าจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นในเดือนธันวาคม และหากการเลือกตั้งยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม คือ 24 กุมภาพันธ์ 2562 น่าจะส่งผลบวกในแง่จิตวิทยาต่อตลาด และทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
SET INDEX ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแนวโน้ม SET INDEX ในวันที่ 3 ธ.ค. หุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน ก่อนปิดที่ระดับ 1,672.61 จุด เพิ่มขึ้น 30.81 จุด (+1.88%) มูลค่าการซื้อขาย 60,562.30 ล้านบาท โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,675.43 จุด และจุดต่ำสุด 1,672.61 จุด
นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยลดลงด้วยเช่นกัน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาด้วยมูลค่าซื้อขาย โดยเฉพาะสกุลเงินเดียวที่ปรับตัวขึ้นสู่ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคารท่ามกลางรายงานต่างๆผ่านทางสื่อมวลชนเยอรมันสหรัฐฯอาจเรียกเก็บภาษีรถยนต์ที่รอดำเนินการได้ 25% อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้เฟดคัมพาวเวลล์ได้เห็นการฟื้นตัวของค่าเงินยูโร / ดอลลาร์ในรูปแบบที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีการปรับลดลงของความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในวันศุกร์ที่ผ่านมา จากมุมมองทางเทคนิคราคารายสัปดาห์ปิดในรูปของเทียนที่ไม่แน่ใจซึ่งอยู่ระหว่างความต้านทานที่ 1.1465 และความต้องการเข้ามาที่ 1.1119-1.1212 เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเอเชีย / ยุโรปในช่วงต้นสัปดาห์โดยได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากข้อตกลงถอนตัว Brexit และแถลงการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง EU-UK ในระหว่างการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สิ้นสุดวันในแดนลบ การขายที่เพิ่มขึ้นในวันอังคารเป็นความขัดแย้งกับข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรได้อย่างชัดเจน เทรซี่ Brexit ได้นั่งเบาะหลังพุธหลังจากเฟดคัมพาวเวลล์ก้าวขึ้นและนำเงินดอลลาร์ที่ต่ำกว่า / ปอนด์ขึ้นไป ความไม่แน่นอนของ Brexit ยังคงอยู่ในช่วงปิดท้ายของสัปดาห์โดยสิ้นสุดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.58% เทคนิคการพูดความต้องการรายสัปดาห์ที่ 1.2589-1.2814 ยังคงอยู่ในการต่อสู้แม้ว่าระยะเวลาที่ยากที่จะตัดสิน สำหรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาพเทคนิคสำหรับสัปดาห์ข้างหน้าโปรดอย่าลังเลที่จะดูรายงานฉบับสมบูรณ์ของเราครอบคลุมตลาดต่างๆ ...
สำหรับแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง โดยมองแนวต้านที่บริเวณ 1,690 และ 1,693 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,683 .63 จุด จะเพิ่มขึ้น
SET index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทิศทางและแนวโน้มแนวโน้ม SET Index ผันผวน ลบ และบวก ซึ่งวันนี้ก็ปิดลบอีกแล้ว แต่ช่วงต้นสัปดาห์ไม่ได้แย่มาก แนวโน้มระยะสั้นจึงยังเป็นขาขึ้น ส่วนระยะกลางยังเป็นขาลง แต่ก็ดูดีขึ้นกว่าเดือนก่อน .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด แนวโน้มค่าเงินบาท อ่อนค่าไปที่ $32.99 THB/USD และแนวโน้มระยะกลางก็ยังคงเป็นด้านอ่อนค่า การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต่างชาติยังคงขายสุทธิหนักมือ และทำติดต่อกันมาตั้งแต่ต้นปีนี้ แนวโน้มราคาทองคำ ร่วงลงไปที่ระดับ $1,21 แนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นขาขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ ดิ่งทะลุระดับ $70 ลงไปอย่างรวดเร็ว แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาลงแรง ซึ่งน่าจะช่วยให้เงินเฟ้อขยับตัวขึ้นช้าลงกว่าแนวโน้มช่วงก่อนหน้า ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก
SET Index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนวโน้มยังลบต่อเนื่อง แนวโน้ม SET Index ยังลบต่อเนื่อง โดยดัชนีจากปัจจัยต่างประเทศยังคงกดดันการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประเทศซาอุดิอาระเบียได้แถลงถึงการเสียชีวิตของ Khashoggi เป็ นเหตุให้ผู้นำหลายประเทศไม่พอใจ และล่าสุดยกเลิกการเข้าร่วมประชุมใหญ่ FII แล้ว อีกทั้ง Trump ได้เตรียมนำสหรัฐออกจากสัญญานิวเคลียร์ (INF) ทั้ง 2 ถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับแผนงบประมาณของอิตาลี และการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน
SET Index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดัชนีวัฏจักรSET Index แนวโน้มยังลบต่อเนื่อง โดยดัชนีถูกกดดัน จากปัจจัยต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่การหายตัวไปของ จามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ ที่ถือสัญชาติสหรัฐฯ ที่มักเขียนข่าวพาดพิงราชวงศ์ซาอุฯ โดยต้องสงสัยว่ารัฐบาลซาอุฯ อยู่เบื้องหลัง และนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่เป็นลบต่อชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ขณะที่ประเด็นสงครามการค้า จีน-สหรัฐฯ แม้สหรัฐฯ จะละเว้นถ้อยคำที่ว่าจีนเป็นชาติที่เบี่ยงเบนค่าเงิน แต่ตลาดส่วนใหญ่มองแล้วว่าประเด็นนี้จะยืดเยื้อยาวนาน และอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยล่าสุด สหรัฐฯ เตรียมลาออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพไปรษณีย์สากล โดยมองว่าองค์กรดังกล่าวเอื้อประโยชน์ ต่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีน ที่ได้รับสิทธิ์ให้กำหนดเพดานราคาพัสดุขนาดเล็กให้มีราคาถูกทั้งแนวโน้มระยะสั้น วันซึ่งไม่ได้แปลว่า D1 วันดูแล้วจบ และ ระยะกลาง ซึ่งไม่ได้แปลว่าดู W1 สัปดาห์แล้วจบ ยังเป็นขาลงทั้งหมด โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด แนวโน้มค่าเงินบาท อ่อนค่าเล็กน้อย มาอยู่ที่ 32.57 THB/USD แต่แนวโน้มระยะกลางยังเป็นด้านแข็งค่าได้ต่อไป การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต่างชาติยังถล่มขายสุทธิหนักมือติดต่อกัน ดัชนีก็ยังถูกกดดันต่อไป แนวโน้มราคาทองคำ แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น หลังทะลุผ่านแนว 1,200 USD ขึ้นมาได้ แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ ดิ่งลงมาจาก 85 USD เหลือ 80 USD แต่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ (เชิงบวก) MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นสัปดาห์ที่ทิศทางแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลง ในเชิงลบ ส่วนระยะกลางยังเป็นขาขึ้นได้ ในเชิงบวก
SET index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เชิงบวกแนวโน้ม SET Index เป็นสัปดาห์ที่ปั่นป่วนมาก วันนี้ 13 แต่ก็เป็นสัปดาห์ที่ 2 ที่ดัชนีร่วงติดต่อกัน แนวโน้มทั้งระยะสั้น (D ซึ่งไม่ได้แปลว่าดู 1 วันแล้วจบ) และ ระยะกลาง (W ซึ่งไม่ได้แปลว่าดู 1 สัปดาห์ แล้วจบ) กลับมาเป็นขาลงทั้งหมด โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด แนวโน้มค่าเงินบาท ผันผวนตามดัชนีหุ้น ระหว่างสัปดาห์อ่อนค่าทะลุระดับ $33 ก่อนที่จะแข็งค่าอีกครั้งโดยมาอยู่ที่ $32.72 THB/USD แนวโน้มระยะกลางยังเป็นด้านแข็งค่าได้ต่อไป การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต่างชาติกลับมาถล่มขายสุทธิหนักมาก เมื่อวานหมื่นล้าน วันนี้เกือบ 4 พันล้าน แนวโน้มราคาทองคำ วิ่งไวทะลุแนว $1,200 แนวโน้มพลิกเป็นขาขึ้น หลังจากก่อนหน้านั้นร่วงยาวมาตั้งแต่สงกรานต์ แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ เชิงลบ
RML : กราฟ Month ใกล้เบรก Trend รอบใหม่เริ่มมีการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นรายใหญ่
กราฟราคาก็เริ่มกระตุก แถมใกล้ราคา 52 Week-High ที่ 1.59 บาท
จะคอนเฟิร์มเป็นการกลับตัวรอบใหญ่ ก็ต่อเมื่อราคาปิดแท่ง month เหนือ 1.56 บาท ให้สวยคือทะลุ 1.6 บาทครับ
cut loss : ถ้าปิดต่ำ 1.30 บาท
target : 1.7 , 2 , 2.2 บาท
ปล. MACD กราฟ Month ทะลุเหนือ 0 ได้ในรอบ 3 ปี น่าสนใจตรงนี้
SET index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนวโน้มของขาลงแนวโน้ม SET Index -- ปิดลบอย่างต่อเนื่อง เพราะเนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่เพิ่มจะส่งผลต่อต้นทุน (Bond Yied) ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอัตราเงินเพ้อที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ประกอบกับปัญหาการขาดการคลังของอิตาลี เป็นสองประเด็นที่ส่งผลต่อภาวะความเสี่ยงของตลาดการลงทุนทั่วโลก แนวโน้มระยะสั้นเป็นฝั่งขาลงแรง ส่วนระยะกลางก็กลับเป็นขาลงอย่างไม่เป็นทางการด้วยเช่นกัน โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด แนวโน้มค่าเงินบาท อ่อนค่าไวมากและต่อเนื่อง ล่าสุดไปอยู่ที่ $32.76 THB/USD และทำให้แนวโน้มระยะกลางพลิกเป็นด้านอ่อนค่าอย่างไม่เป็นทางการซะแล้ว การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต่างชาติกลับมาขายสุทธิเยอะอีกครั้ง สอดคล้องกับดัชนีที่ร่วงลง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็ว แนวโน้มราคาทองคำทรงตัวที่ระดับ 1,202 +/- แนวโน้มกลับเป็นขาขึ้น แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ ลดตัวลงมาที่ระดับ $72.92
SET index แนวโน้มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้านอื่นๆ D09M10Y18แนวโน้ม SET Index -- ปิดลบแรง ตามเพื่อนส่วนใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากจีนลด Reserve Ratio เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แนวโน้มระยะสั้นเป็นฝั่งขาลงแรง ส่วนระยะกลางก็กลับเป็นขาลงอย่างไม่เป็นทางการด้วยเช่นกัน .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด แนวโน้มค่าเงินบาท อ่อนค่าไวมากและต่อเนื่อง ล่าสุดไปอยู่ที่ $32.97 THB/USD และทำให้แนวโน้มระยะกลางพลิกเป็นด้านอ่อนค่าอย่างไม่เป็นทางการซะแล้ว การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต่างชาติกลับมาขายสุทธิเยอะอีกครั้ง สอดคล้องกับดัชนีที่ร่วงลง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็ว แนวโน้มราคาทองคำทรงตัวที่ระดับ 1,195 +/- แนวโน้มกลับเป็นขาขึ้น แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ ลดตัวลงมาที่ระดับ $82-$83 แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ (เชิงบวก)
SET index ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนวโน้มวิเคราะห์ในด้านอื่นแนวโน้ม SET Index -- เป็นสัปดาห์ที่ลบทุกวัน แนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลงตั้งแต่วันอังคาร ส่วนระยะกลางยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร แนวโน้มค่าเงินบาท อ่อนค่าไวมาก ไปอยู่ที่ $32.80 THB/USD แต่แนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นด้านแข็งค่า การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ต่างชาติกลับมาขายสุทธิเยอะอีกครั้ง สอดคล้องกับดัชนีที่ร่วงลง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็ว แนวโน้มราคาทองคำ ขยับผ่านแนว $1,200 แนวโน้มกลับเป็นขาขึ้น แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ ปรับเพิ่มขึ้นทีละน้อย ล่าสุดทะลุ $84 ไปแล้ว และมีโอกาสทะลุแนว $85 โดยแนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่
MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นสัปดาห์ที่ทิศทางแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลง ในเชิงลบ ส่วนระยะกลางยังเป็นขาขึ้นได้ ในเชิงบวก
ฺBWG เด้งขึ้น...เพื่อลงต่อ?เห็นเด้งขึ้นมาหลายวันละ อดทนไม่ไหวขอลองส่องดูหน่อย
ปัจจัยสนับสนุน...เบรคเทรนไลน์ระยะสั้นแล้ว
-ไม่ทำนิวโลว์ ยกไฮยกโลว์
-หลังจากสามารถเบรคเทรนไลน์ระยะสั้นได้แล้ว ก็สามารถเบรคทุนแถว 1 บาทได้ ทำให้มีสัญญาณการเข้าซื้อครั้งที่1
เนื่องจากมีการยกไฮยกโลว์ ซึ่งอาจใช้ Macd>0 เป็นสัญญาณซื้อประกอบ
หลังจากนี้ล่ะ
ปัจจุบันไม่ใช่ตำแหน่งการเข้าซื้อที่ดีแล้ว เนื่องจากมีคนที่ทุนต่ำกว่าเรารอขายอยู่อีกมาก โดยเฉพาะทุนแถวๆ 1 บาท
- เด้ง...เพื่อลงต่อ? หากวิ่งไปชนเทรนไลน์ระยะยาวแล้วไม่ผ่าน มีโอกาสราคาย่อตัวสูง ผลยังคงเป็นแนวโน้มขาลง ซึ่งราคาอาจลงไปลึกกว่าเดิมได้
- แต่หากผ่านเทรนไลน์ระยะยาวไปได้ ก็หวังว่าจะสามารถยืนแนวต้านซึ่งเป็นเป้าหมายแรกแถวๆ 1.24 บาทได้ ยิ่งถ้าหากมีการย่อตัว(ย่อยกโลว์)เพื่อสะสมแรงหลังจากนี้จะดีมาก
แผนซื้อ/ขาย
- ซื้อ เมื่อเบรคแนวต้านที่ 1.24 บาทได้
-ขาย เมื่อไม่สามารถเบรคเทรนไลน์ระยะยาว หรือแนวต้านดังกล่าวได้
AOT AOT นับคลื่นดูก็เป็น Nonstandard Extension ธรรมดาๆ มี 3 segment ตอนนี้จบคลื่น C segmentที่ 3 แล้ว
อยู่ในช่วงของการ Correction แนวยับแรก 38.20% แนวรับที่สอง 61.8% รับใหญ่อยู่ที่ คลื่นบีย่อย คิดว่าไม่น่าจะถึง
ถ้าถึงคงมีการปิดสนามบิน 5555
PS.รูปแบบ Running Correction จะเป็นรูปแบบแรงส่งมากที่สุด ในรูปแบบ Standard Correctionทั่วๆไป
คลื่นที่จะตามมาหลังจบรูปแบบนี้ จะต้องยาวกว่า Wave-b 161.8% เป็นอย่างน้อยอาจจะยาวถึง 261.8%
MINT - ชนจุดสำคัญแบบนี้ ร่างกายต้องการปะทะ!MINT วิ่งมาชน เทรนไลน์สำคัญที่ราคา 42.25 บาท ซึ่งบังเอิญเป็นราคาเดียวกับเส้น Fibonacci เส้นนึงพอดิบพอดี
ราคาถ้าเบรกเทรนไลน์ได้ ก็อาจจะมองการวิ่งไปชน all time high เดิม ที่ราคา 45.25-45.50 บาท ได้เลยทีเดียว
Target Price @ 45.25, 49 และ 53.75 บาท ตามลำดับ
ในกรณีที่หลุด 38 บาท ก็ถือว่าไม่สวย เพราะจะเป็นการหลุดกรอบการวิ่งขึ้นมาของรอบนี้
CPALL - แอบมองเธออยู่น่ะจ๊ะ เผลอไม่ได้เดี๋ยวมีแรง (ฝั่งไหน?)หุ้นยอดนิยมตัวนึงของตลาดหุ้นไทย...ราคา ณ ปัจจุบัน คือย่อมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 90 บาท เมื่อเดือนมีนาคม ปีนี้ มาราวๆ 23-25%
เอามองไม่สวยก่อน...ถ้าราคาปิด หลุด 67.75 - 68 บาทวันไหน ให้มองราคาหุ้นอาจจะมีโอกาสปิด Gap ที่ 65.50 บาท
ถ้ามองสวยหล่ะ?
กรอบราคาตอนนี้ตั้งแต่ที่เด้งมากจากเดือนที่แล้ว จะเห็นว่าอยู่ราวๆ 68 - 71 บาท
สมมติเบรกมองเด้งแรงรอบใหม่... target price ตามกราฟที่ตีเส้นไว้ก็คือ 74.75 กับ 77.75 บาท ถ้าผ่านได้อีก ค่อยว่ากัน ตรงนี้แค่นี้ก่อน ^^
กลยุทธ์มีให้เลือก...
1) รอ รอ รอ - รอแท่งปิดเหนือ 71 บาท ค่อยซื้อ! สังเกตเส้น EMA 50 วัน (เส้นสีชมพู) จะเห็นเส้นนี้มีนัยยะค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าปิดเหนือเส้นนี้ได้ ก็ควรซื้อเพื่อคาดหวังการ breakout trend รอบใหม่
2) ไม่อยากรอ ใจร้อน - ก็ซื้อได้ แต่จุดคัทลอสต้องชัด หลุดโลว์เดิมก็ควรหนี
3) สำหรับขา short-sell เด้งแล้วไม่ผ่าน 71-71.5 บาท อาจจะ short ได้ แล้วให้ 72 เป็นจุดคัทลอส หรือ หลุด 68 แล้วให้ follow short เพื่อคาดหวังการปิด gap ที่ 65.50 บาทอย่างน้อย
เนื่องจากหุ้นตัวนี้ภาพรวมยังอยู่ในกรอบขาลงอยู่ ควรมีวินัยค่อนข้างเคร่งครัด...
จะดู CPALL ให้ดูงบ MAKRO ประกอบด้วย...
JFIN Coin จะพา JMART ทะยาน-:- CONDITIONS -:-
1. BULLISH DIVERGENCE
2. HIGHER LOW
3. HIGHER HIGH
#มีข่าวกับAIS>> bit.ly
#State2
#จบC
#JMART
#JFINCoin
จบเวฟ C มี bullish divergence
ทำเวฟ 1 และย่อ เวฟ 2 อยู่ระหว่าง 61.8 และ 78.6
ปัจจุบันกำลังฟอร์มตัวเวฟ 3
รอสัญญาณเขียวของชมรมเพื่อทะยอยซื้อ
ถ้าเบรค 9.75 ได้และยังคงยกโลว์อยู่ให้เพิ่มน้ำหนักในการลงทุน
เป้าหมายคือเวฟ 3 ที่ 161.8 ของ fibo คือแถวๆ 13 บาท
ZIGA ก็มาเรื่อยๆ จ่อเบรคแนวต้านแล้วหากใครติดตาม DCC และ RCL อยู่ ถึงแผนการปรับกลยุทธ์ เป็น โมเดิร์นเทรด ZIGA ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยเนื่องจากทำสัญญาไปขายที่ DCC
เบรคเทรนไลน์แล้ว
หลังจากเบรคเทรนไลน์ขาลงได้แล้วก็ ทำรูปแบบยกไฮยกโลว์ จนถึงปัจจุบันราคาเด้งมาทดสอบแนวต้านอีกครั้ง
กลยุทธ์
หาจังหวะซื้อ แถว 3.60 บาท
Stop loss เมื่อตกเส้น EMA 10 หรือ 3.50 บาท
SET index ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เชิงรุก D27M09Y18แนวโน้ม SET Index 1752 +3.02 (0.17%) จากเมื่อวานยังบวกได้ต่อเนื่อง แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะกลาง .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด (อันล่าสุด) การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ -- โดยภาพรวม ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ และสถาบันก็ยังเดินหน้าซื้อสุทธิต่อเนื่อง แนวโน้มค่าเงินบาท -- แข็งค่าต่อเนื่องไปที่ที่ $32.405 THB/USD แนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นด้านแข็งค่า แนวโน้มราคาทองคำ -- ทรงตัวอยู่แถวระดับ $1,183 +/- แต่ยังเป็นขาลง เพราะลงมาต่อเนื่องแทบจะทุกสัปดาห์ตั้งแต่ต้นปี ในช่วง 5 ปีล่าสุด ขาดทุนเฉลี่ยปีละ 3% แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ -- ปรับเพิ่มขึ้นทีละน้อย ล่าสุด $72.20 แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ ส่วนใหญ่บวก
SET Index - แท่งนี้มีนัยยะ?? มุ่งหน้าสู่ Gap Closing @ 1830 จุด?วันนี้ตลาดหุ้นเป็นวันสุดท้ายของการทำปิด S50U18 เราจึงเห็นการสวิงชนิดเวียนหัว ตื่นเต้น หัวใจจะวาย
เอากันที่กราฟเพียวๆ...หลังจากนี้ตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง หลังจากที่อึดอัดกันมาอาทิตย์นึง
จากกราฟคร่าวๆ เราจะเห็นว่าจุด Low ของดัชนีวันนี้บริเวณ 1735 จุด
จะเห็นได้ว่า ดัชนี ณ 1724 กับ 1735 จุด ค่อนข้างมีนัยยะสำคัญพอสมควร...เป็นจุดเปลี่ยนเทรนด์ใหญ่ก็ว่าได้
กราฟอธิบายไว้หมดแล้วครับ...
อยากให้ดูแท่งเทียนของวันนี้ (27/09/2018)
ลักษณะแท่งเทียนแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเจอแรงขายหนักแค่ไหน...สุดท้ายแรงซื้อกลับมหาศาลยังมีอยุ่ แถมทำปิดเขียวสูงสุดของวันได้อีก
....ไม่ธรรมดา...
ก่อนอื่นเราตั้งสมมติฐานว่า ถ้าดัชนีฮุคกลับลงไปปิดต่ำ 1717 จุด ....ตรงนี้ส่วนตัวจะมองว่า ดัชนีรอบนี้หลอกตาว่าจะทำรอบขึ้นใหม่จริง
แต่หากมองว่าจะไปต่อ...target ที่ชัดๆที่ควรจะเห็นคือ การขึ้นไปปิด Gap ที่ 1830.13 จุด ของวันที่ 28/02/2018 ครับ
แล้วค่อยมาอัพเดทกันใหม่...ให้กราฟมันพาไปแระกัน
หุ้น ILINK มีโอกาส ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.10 บาทจากที่หุ้นลงมาอย่างรุนแรง และ เริ่มมีสัญญาณ Divergence ของ RSI ที่ ราคาต่ำสุด แถว ๆ 4.5 นั้น แสดงให้เห็นว่า การลงของหุ้นตัวนี้ เริ่มมีอาการอ่อนแรง และราคา เริ่ม ทำ higher low ที่ราคา 5 บาท จะยืนยันได้ก็ต่อเมื่อ ราคา สามารถทำ new high ที่ 5.6 ได้ ณ ระดับราคานั้นเป็นสัญญาณซื้ออย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายราคาถัดไปที่ 7.10 บาท ซึ่งเป็น แนวต้านเดิม และ แนว Fibonacci ที่ 161.8% แต่จากการที่หุ้นได้ผ่านการลงที่รุนแรงมา ราคาน่าจะเกิดการแกว่งตัวที่ แนว Fibonacci 100% คือ ราคา 6.25 ก่อนถือเป็นแนวระวังที่ควรจับตามอง