ICT Kill zone in Forex คืออะไร?ICT Kill zone in Forex คืออะไร?
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความๆดีๆที่มีให้อ่านกันไม่รู้จักเบื่อ หลังจากเราทำความรู้จัก KZM Killer Zone กันไปแล้ว วันนี้แอดพามาทำความรู้จักตลาด ICT Killzone กันบ้าง มาครับตามมาดูมาอ่านกันดีกว่า ว่ามันใช้ยังไง และดีกว่าอย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ
หากเราชื่นชอบการเทรดตามกรอบเวลาในแต่ละประเทศตามตลาดต่างๆ ในแต่ละประเทศ เราอาจชอบรูปแบบการเทรดนี้ และแอดเชื่อว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่และหลายๆคนอาจจะเกิน 70% ชื่นชอบการเทรดตามตลาดต่างๆในแต่ละสกุลเงินที่แตกต่างกันไป
ICT Kill Zone หรือชื่อเต็มๆก็คือ Inner Circle Trader Kill Zone เป็นช่วงเวลาเปิดตลาดที่สำคัญของแต่ละตลาด และมีระยะคาบห่างการเปิดตลาดที่ใกล้เคียงและต่อเนื่องกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ตลาด FOREX มันเปิดตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง
ICT Killzones Times สำหรับการเทรดรายวันแบบ Intraday Trading
เวลาในตลาดหลักๆที่เราควรจะเทรดจะมีด้วยกัน 3 ช่วง 3 ตลาด
1. ICT London Killzone time ในตลาดลอนดอน
- 19:00 pm – 22.00 pm ตามเวลาบ้านเรา
- คู่เงินที่ควรเทรดและยอดนิยม EUR/USD และ GBP/USD
2. ICT New York Killzone time ในตลาดนิวยอร์ก
- 19:30 pm – 22.30 pm ตามเวลาบ้านเรา
- ดีที่สุดสำหรับการเทรด Nasdaq100 and S&P500
- ช่วงเวลาที่สำคัญและดีที่สุดคือช่วง 8:30 pm ตามเวลาบ้านเรา
- คู่เงินที่ควรเทรดและยอดนิยม EUR/USD และ GBP/USD
3. ICT Asian Killzone time ในตลาดเอเชีย
- ส่วนใหญ่เทรดเดอร์มักเทรดช่วงเวลาเดียวกับ New York timezone.คือ 7.00 pm -9.00 pm ตามเวลาบ้านเรา
- และคู่เงินที่นิยมเทรดคือ JPY, NZD, และ AUD
👌และแน่นอนว่า ตลาดลอนดอน London Session ย่อมเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดไม่แพ้สกุลเงินอื่นๆเลย แม้แต่ทองด้วย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในรอบวัน ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูงและมีโอกาสเยอะมากในการเข้าเทรดเพื่อทำกำไร แอดจึงยกตัวอย่างและวธีการสรุปสั้นๆในการเทรดตลาดลอนดอนมาให้ดูกัน
จุดสังเกตุในการเทรดตามตลาด London Session
1. เมื่อเข้าสู่ London Session ราคาเริ่มปรับตัวขึ้นไปทดสอบ High หลังจากนั้นราคาก็มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง (Market Structure Shift) กลับลงมาทางด้านล่าง
2. ราคาเริ่มย้อนกลับขึ้นมายัง Optimal Trade Entry (OTE) ที่ระดับ Fibonacci 0.5 ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจในการเปิดออเดอร์ Sell
3. เมื่อราคาสามารถทะลุ Low ของเซสชั่นลงมาได้ แสดงว่ามีโอกาสที่ราคาจะร่วงลงต่อไป
4. เป้าหมายของออเดอร์ Sell คือ Low ของเซสชั่นก่อนหน้า
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับระบบเทรด ICT Kill zone แม้ว่าจะต้องนับเวาและคำนวนเวลานิดหน่อย แต่มันคุ้มค่ากับคำว่ารอมากเลยนะฮะ ใครว่าเราไม่สามารถชนะตลาดได้ ไม่จริงฮะ แค่เทรดให้เป็นระบบ มีวินัย ไม่โลภ เราสามารถชนะได้แน่นอน ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะฮะ
ที่สำคัญคือบริหารเงินในหน้าตักเราให้เป็นและรัดกุมมากที่สุดครับคือสิ่งสำคัญ ฝึกไว้เยอะๆแล้วเราจะเก่งเอง แอดเอาใจช่วยทุกท่านให้เทรดได้เงินสะสมเยอะๆครับ
ภาพประกอบ
เน้น Winrate ไม่เน้น Risk-Reward Ratio: ข้อดีและข้อเสียในโลกของการเทรด หนึ่งในประเด็นที่นักเทรดมักจะถกเถียงกันคือ การเลือกเน้น Winrate (อัตราการชนะ) หรือ Risk-Reward Ratio (RR: อัตราส่วนกำไรต่อความเสี่ยง) อะไรสำคัญกว่ากัน? บทความนี้จะอธิบายข้อดีและข้อเสียของการเน้น Winrate มากกว่า RR เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าแบบไหนเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ
✅ ข้อดีของการเน้น Winrate มากกว่า RR
-กำไรสม่ำเสมอ (Consistent Profits)
การชนะบ่อยช่วยให้พอร์ตโตขึ้นเรื่อย ๆ และช่วยเสริมความมั่นใจในการเทรด
-ลด Drawdown (Less Drawdown)
เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์ชนะสูง โอกาสขาดทุนต่อเนื่อง (Losing Streak) จะน้อยกว่าระบบที่มี RR สูงแต่ Winrate ต่ำ
-ลดความเครียดในการเทรด (Less Psychological Pressure)
เมื่อออเดอร์ส่วนใหญ่เป็นกำไร ทำให้จิตใจไม่ต้องเผชิญกับการขาดทุนบ่อยครั้ง
-เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนต่ำ
ในตลาดที่เคลื่อนที่ไม่มาก หรือช่วงไซด์เวย์ การใช้กลยุทธ์ที่ Winrate สูงมักจะทำงานได้ดีกว่า
❌ ข้อเสียของการเน้น Winrate มากกว่า RR
-กำไรต่อออเดอร์ต่ำ (Low Reward per Trade)
ระบบมักใช้ RR ต่ำ เช่น 1:0.5 หรือ 1:1 ทำให้ต้องชนะบ่อย ๆ เพื่อรักษากำไรสุทธิ
-อ่อนไหวต่อ Spread และ Commission
เนื่องจากกำไรต่อออเดอร์ไม่มาก ค่าธรรมเนียมการเทรดอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
-Losing Streak อาจทำให้คืนกำไรเร็ว
แม้จะมี Winrate สูง แต่หากแพ้ติดกันไม่กี่ครั้ง อาจทำให้กำไรที่สะสมมาสูญเสียไปเร็ว
-อาจต้องเข้าออกบ่อยขึ้น (More Trades Needed)
จำเป็นต้องเทรดหลายครั้งเพื่อให้มีกำไรตามเป้า ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสของ Overtrading
🎯 สรุป
✅ เหมาะกับ:
คนที่ต้องการความสม่ำเสมอและลดความเครียดในการเทรด
ระบบที่เล่นสั้น เช่น Scalping หรือ Grid Trading
ตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideway)
❌ ไม่เหมาะกับ:
เทรดเดอร์ที่ต้องการกำไรต่อออเดอร์สูง ๆ
ระบบที่ต้องทนรับการขาดทุนหลายครั้งก่อนชนะครั้งใหญ่ เช่น Trend Following
หากจะใช้กลยุทธ์ที่เน้น Winrate ควรคำนึงถึง ต้นทุนการเทรด (Spread & Commission) และมี การควบคุมความเสี่ยง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
+++ XAUUSD 14/03/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ รอ Sell limit และ Follow Buy ไปก่อนได้
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2985.70
.
Mid 2985.20
.
Down 2984.70
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 3002.4
.
*** > SL 2994.4
*** > TP 3020
.
>>> Sell Limit 3021
.
*** > SL 2928.7
*** > TP 3001 , 2987
.
>>> Sell Limit 3037
.
*** > SL 3044.7
*** > TP 3001 , 2987
.
"====================="
กรอบ Mid
"====================="
.
>>> กรอบบน 2990.70
.
*** > SL 2983.20
*** > TP -
.
>>> กรอบล่าง 2979.70
.
*** > SL 2987.20
*** > TP -
.
+++XAUUSD 13/03/25 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ UP แล้ว Down
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2937.60
.
Mid 2937.10
.
Down 2936.60
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Limit 2942.60
.
*** > SL 2934.60
*** > TP 2955.60 , 2965
2900
.
>>> Buy Limit 2937.10
.
*** > SL 2929.10
*** > TP 2955.60 , 2965
2900
.
"====================="
กรอบ Mid
"====================="
.
>>> Buy Stop 2942.60
.
*** > SL 2914.23
*** > TP 2955.60
.
>>> Sell Stop 2931.60
.
*** > SL 2939.60
*** > TP 2918.60
.
+++ XAUUSD 12/03/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ Down
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2917.23
.
Mid 2916.73
.
Down 2916.23
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell Limit 2916.73
.
*** > SL 2924.73
*** > TP 2898.23 , 2884
2871
.
>>> Sell Stop 2911.23
.
*** > SL 2919.23
*** > TP 2898.23 , 2884
2871
.
"====================="
กรอบ Mid
"====================="
.
>>> Buy Stop 2922.23
.
*** > SL 2914.23
*** > TP 2935.23
.
>>> Sell Stop 2911.23
.
*** > SL 2919.23
*** > TP 2898.23 , 2884
2871
.
+++ XAUUSD 11/03/25 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ Down
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2898.80
.
Mid 2898.30
.
Down 2897.80
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell Stop 2892.80
.
*** > SL 2900.8
*** > TP 2879.8 , 2881
.
>>> Sell Limit 2921
.
*** > SL 2929
*** > TP 2896.2 , 2881
2938
.
>>> Buy Limit 2903.3 ( 50% size )
.
*** > SL 2,897.3
*** > TP 2914 , 2921
.
+++XAUUSD 10/03/25+++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ Up
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2912.60
.
Mid 2912.10
.
Down 2911.60
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2912.6
.
*** > SL 2909.6
*** > TP 2930.6 , 2938
.
>>> Buy Limit 2895
.
*** > SL 2887
*** > TP 2913 , 2930.6
2938
.
KZM ระบบเทรด killer zone ใช้ยังไงทำไมกำไรบวกเกิน 80%KZM ระบบเทรด killer zone
ใช้ยังไงทำไมกำไรบวกเกิน 80%
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความๆดีๆที่มีให้อ่านกันไม่รู้จักเบื่อ หากใครกำลังมองหาระบบเทรดดีๆสักตัว มาครับแอดช่วยได้ ระบบเทรดที่สามารถทำกำไรได้80% ขึ้นไปจนถึงหลัก ร้อยและหลักพัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มาครับตามมาดูมาอ่านกันดีกว่าว่ามันใช้ยังไง บทความนี้มีคำตอบครับ
Killer Zone Model หรือ ชื่อย่อก็คือ KZM
KZM เป็นแนวคิดในการครอบครองพื้นที่ (โซน) ในการเทรดหรือการวางกรอบการเทรดนั่นแหละ ซึ่งสามารถสร้างกำไรจากการเทรดได้อย่างสม่ำเสมอ โดย KZM เชื่อว่าราคาในการสวิงในตลาดไม่มีทางสูงหรือต่ำตลอดไปและราคาไม่มีทางเป็น 0
ระบบการเทรดนี้มีลักษณะเหมือนและคล้ายระบบปิด (Close system) โดยจะไม่มีการเติมเงินเข้าไปในระบบอีกเลย ย้ำนะฮะ เราเป็นสายแช่ สายรอฮะ ไม่เน้นเติม
โดยการนำกำไรหรือ Cash Flow ที่ได้จากการเทรด มาปรับเพิ่มออเดอร์ เพื่อสร้างกำไรเพิ่มเติมภายในพอร์ต ซึ่งหมายความว่าก่อนจะทำการเทรด เราต้องสร้างแผนการเทรดแล้วเทรดตามระบบ
ต้องมีการคำนวนไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าระบบที่เราจะใช้เทรดนั้นต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ ใช้เวลายาวนานประมาเท่าใด ระบบนี้เน้นเรื่องการอยู่รอดในตลาดได้นานๆ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เก็บสะสม Cash Flow (CF) นะครับไม่เน้นฝาก และไม่เน้นถอนด้วย เน้นสร้างกำไรแบบเติบโตจริงๆ
หลักการทำงานของ KZM
1. กำหนดโซนในการเข้าเทรด และแบ่งเงินออกเป็นกองๆ สำหรับซื้อขายในโซนนั้นๆ เช่น โซนราคา $10 - $30
2. ต้องมีการคำนวนราคาและลอทที่ออกในทุกๆ ออเดอร์ที่ซื้อขาย โดยคำนวณทุนที่ใช้ในแต่ละ Position
3. ระบบนี้ไม่มีการตั้ง Stop Loss ไม่ว่ากราฟจะลงหรือขึ้น และไม่ว่าจะติดลบแค่ไหน ก็จะเปิดออเดอร์ Buy ไปเรื่อยๆ และไม่ Take Profit จนกว่าจะถึงจุดที่พอใจ ระบบนี้จึงใช้ทุนหนาพอสมควรนะฮะ
KZM ทำกำไรอย่างไร ?
เป็นระบบที่เชื่อว่าราคาจะไม่มีวันเป็น 0 โดยเราจะทำการเปิดออดอร์ Buy ไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าตลาดจะเป็นช่วงขาลง เราก็ยังทยอยเข้าซื้อไปเรื่อยๆ เช่นซื้อทอง ที่ราคา 2900 และราคาดิ่งลงฮวบๆแต่เราก็ยังทยอยซื้อเพิ่มอยู่ดี เมื่อเทรนด์ในตลาดเป็นเทรนด์ขาขึ้นกลับมา และถึงจุดที่เราพึ่งพอใจ จึงค่อย Take profit
ความเสี่ยงที่นักเทรดต้องแบกรับให้ได้เมื่อใช้ KZM คือ
การที่เราจะต้องทนติดลบในปริมาณมากๆ เมื่อตลาดกลายเป็นเทรนด์ขาลง การเทรดส่วนใหญ่จึงมักลงทุนใน Position ที่น้อยๆเป็นหลัก แต่ทุนหนามาก
ข้อดี KZM
1. ไม่ต้องเติมเงินบ่อย สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว
2. ทำกำไรได้ในระยะยาว จากการ Take profit เมื่อถึงจุดที่เราพอใจ ก็นำเงินไปขยายในทรัพย์สินอื่นๆได้อีกต่อ
3.ระบบ KZM ช่วยให้เราได้ฝึกคำนวณทุนที่ใช้ต่อ 1 Position อีกทั้งยังได้ฝึกบริหารจัดการเงินในการลงทุน (Money Management) อีกด้วย
ข้อเสีย KZM
1.ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรในระยะสั้นๆ
2.ไม่เหมาะสำหรับคนที่รีบใช้เงิน เพราะเงินร้อน ใจร้อน ย่อมทำให้ขาดทุนได้ง่าย
3. ออเดอร์อาจจะเยอะ จนตาลาย ลายตาไปหมดฮะ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับระบบเทรด KZM แม้ว่าระบบการเทรดนี้จะเน้นการเทรดในระยะยาว แต่เราไม่จำเป็นต้องเทรดกันเป็นปีๆก็ได้ครับ สามารถเอามาปรับใช้ให้สั้นลงได้เช่นกันเช่น 2-3 เดือนก็ว่ากันไปแล้วแต่ความชอบส่วนตัว
ที่สำคัญคือบริหารเงินในหน้าตักเราให้เป็นและรัดกุมมากที่สุดครับคือสิ่งสำคัญ ฝึกไว้เยอะๆแล้วเราจะเก่งเอง แอดเอาใจช่วยทุกท่านให้เทรดได้เงินสะสมเยอะๆครับ
Bias ในการเทรด Forex: อคติที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ1. Bias คืออะไร?
Bias หรือ "อคติ" ในการเทรด Forex หมายถึง การรับรู้หรือแนวคิดที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของเทรดเดอร์โดยที่อาจไม่เป็นไปตามหลักการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง Bias มักเกิดขึ้นจากอารมณ์ ประสบการณ์ หรือความเชื่อส่วนตัวของเทรดเดอร์เอง ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและการสูญเสียทางการเงิน
2. ประเภทของ Bias ที่พบบ่อยในการเทรด Forex
2.1 Confirmation Bias (อคติยืนยันความเชื่อเดิม)
เทรดเดอร์มักเลือกหาข้อมูลที่สนับสนุนมุมมองของตนเอง และมองข้ามข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อนั้น เช่น หากเชื่อว่า EUR/USD จะขึ้น เทรดเดอร์อาจมองหาข่าวที่สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นและเมินเฉยต่อปัจจัยที่อาจทำให้ราคาลดลง
2.2 Overconfidence Bias (อคติจากความมั่นใจเกินไป)
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจากการเทรดไม่กี่ครั้งแรกอาจเกิดความมั่นใจมากเกินไปและคิดว่าตนเองสามารถทำนายตลาดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขนาดล็อตเกินกว่าที่ควร หรือไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
2.3 Anchoring Bias (อคติจากการยึดติดกับข้อมูลแรกพบ)
เทรดเดอร์มักยึดติดกับราคาหรือข้อมูลแรกที่ได้รับมา เช่น หากเห็นราคาของคู่เงินหนึ่งเคยอยู่ที่ 1.2000 และปัจจุบันอยู่ที่ 1.1500 อาจเชื่อว่าราคาจะต้องกลับไปที่ 1.2000 โดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ
2.4 Loss Aversion Bias (อคติจากการกลัวการขาดทุน)
เทรดเดอร์มักกลัวการขาดทุนมากกว่าความต้องการทำกำไร ทำให้ปิดออเดอร์ที่มีกำไรเร็วเกินไป แต่ปล่อยให้การขาดทุนลากยาวเพราะไม่อยากยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาด
2.5 Recency Bias (อคติจากข้อมูลล่าสุด)
การให้ความสำคัญกับข้อมูลหรือแนวโน้มล่าสุดมากเกินไป เช่น หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 5 วัน เทรดเดอร์อาจคิดว่าราคาจะต้องขึ้นต่อไปโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดการกลับตัว
3. วิธีลด Bias ในการเทรด
ใช้ข้อมูลที่เป็นกลาง: ศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่งและวิเคราะห์ด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์
วางแผนการเทรดล่วงหน้า: กำหนดจุดเข้า-ออกที่ชัดเจน และปฏิบัติตามแผน
ใช้ Risk Management: กำหนด Stop Loss และ Take Profit อย่างมีวินัย
จดบันทึกการเทรด: บันทึกการตัดสินใจเทรดเพื่อทบทวนข้อผิดพลาดและเรียนรู้จากมัน
ฝึกควบคุมอารมณ์: ฝึกการมีวินัยและไม่ให้อารมณ์ครอบงำการตัดสินใจ
สรุป
Bias เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเทรดเดอร์ในตลาด Forex อย่างมาก หากไม่ตระหนักและควบคุมให้ดี อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและการสูญเสียที่ไม่จำเป็น ดังนั้น การฝึกให้มีวินัยและใช้ข้อมูลที่เป็นกลางจะช่วยลดอคติและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการเทรด
+++ XAUUSD 07/03/25 NFP day +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ 2 way NFP
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2904.90
.
Mid 2904.40
.
Down 2903.90
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> buy Limit 2909.90
.
*** > SL 2901.5
*** > TP 2926 , 2946
.
>>> Sell limit 2926
.
*** > SL 2936
*** > TP 2914 , 2879.6
.
>>> Sell limit 2946
.
*** > SL 2956
*** > TP 2914 , 2879.6
.
+++ XAUUSD 05/05/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ มองลง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2918.67
.
Mid 2918.17
.
Down 2917.67
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell Limit 2932.5
.
*** > SL 2940.5
*** > TP 2899.67 , 2889
, 2864
.
>>> Sell Stop 2912.7
.
*** > SL 2920.4
*** > TP 2899.67 , 2889
, 2864
+++ 03/03/2025 Xauusd +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ มองขึ้น
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2866.20
.
Mid 2865.70
.
Down 2865.20
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2871.20
.
*** > SL 2863.50
*** > TP 2884.20 , 2901.4
, 2926 , 2941
.
>>> Buy limit 2851-55
.
*** > SL 2844
*** > TP 2884.20 , 2901.4
, 2926 , 2941
.
>>> Sell Stop 2860.20
.
*** > SL 2867.90
*** > TP 2851 , 2847.20
, 2806.4
Why Gold is the best ?ประเทศที่มีสำรองทองคำมากที่สุดในโลก!Why Gold is the best ?ประเทศที่มีสำรองทองคำมากที่สุดในโลก! เก็บไปทำไม?
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความๆดีๆที่มีให้อ่านกันไม่รู้จักเบื่อ ช่วงนี้ทองคำพี่เค้ามารงจริงๆ วันนี้เรามาหาความรู้รอบตัวเกี่ยววกับทองคำกันบ้างดีกว่า ว่ามันเกี่ยวข้องกับประเทศชาติและเศีษฐกิจอย่างไร ทำไมพุ่งแรง ดิ่งแรงได้เบอร์นี้ มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
👉ประเทศที่มีสำรองทองคำมากที่สุดในโลกคือ สหรัฐอเมริกา โดยมีปริมาณทองคำสำรองอยู่ที่ 8,133.5 ตัน ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลล่าสุดจาก World Gold Council ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2024
👉ซึ่งสามประเทศที่ถือครองทองคำมากที่สุดรองลงมารวมกัน ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นหนึ่งในผู้ถือครองทองคำสำรองรายใหญ่ที่สุด
👉 แม้ว่าเงินจะไม่ได้รับการหนุนหลังด้วยทองคำอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่รัฐบาลยังคงจัดเก็บทองคำแท่งในปริมาณมหาศาลเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อรุนแรงหรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอื่นๆ
การสำรองทองคำทำงานอย่างไร
👉👉ทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ในระดับที่แตกต่างกัน ในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 20 ทองคำแท่งใช้ในการค้าระหว่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ ประเทศต่างๆ จึงจำเป็นต้องรักษาคลังทองคำไว้ด้วยเหตุผลทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง
👉👉 ประเทศส่วนใหญ่หยุดใช้ทองคำหนุนสกุลเงินของตนตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 1900 และ สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศสุดท้ายที่เลิกใช้มาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1999 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงเก็บทองคำแท่ง ไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในกรณีเงินเฟ้อสูงหรือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจอื่นๆ
👉👉 สำหรับธุรกิจ ทองคำถือเป็นสินทรัพย์โภคภัณฑ์ที่ใช้ในยา เครื่องประดับ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งสถาบันและรายย่อย ทองคำถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สหรัฐอเมริกามีทองคำสำรองอยู่ 8,133.46 ตัน ในช่วงที่ ระบบแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศของ เบรตตันวูดส์ กำลังเฟื่องฟู เมื่อสหรัฐอเมริกาเสนอที่จะจัดเก็บและปกป้องทองคำของประเทศอื่นเพื่อแลกกับเงินดอลลาร์ มีรายงานว่าระหว่าง 90% ถึง 95% ของทองคำสำรองของโลกทั้งหมดอยู่ในห้องนิรภัยของอเมริกา
👉👉หลายทศวรรษต่อมา สหรัฐอเมริกายังคงถือครองทองคำสำรองไว้มากที่สุด ทองคำคิดเป็นมากกว่า 75% ของเงินสำรองต่างประเทศ และ สหรัฐฯ ยังคงปกป้องทองคำที่เป็นของประเทศอื่นต่อไป ธนาคารกลางสหรัฐในนิวยอร์กเป็นผู้ดูแลทองคำที่เป็นของรัฐบาลต่างประเทศ ธนาคารกลาง และองค์กรระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ
ทำไมประเทศต่างๆ ยังถือสำรองทองคำ?
ทองคำช่วยให้รัฐบาลสามารถสำรองค่าเงินของตนเองได้เนื่องจากมาตรฐานทองคำไม่มีผลบังคับใช้แล้ว เหตุใดประเทศต่างๆ จึงยังคงถือทองคำสำรองไว้ มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ทองคำยังคงอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารกลางในสหรัฐอเมริกา
เช่นเดียวกับนักลงทุนรายบุคคล รัฐบาลจำเป็นต้องกระจายพอร์ตการลงทุนด้วย การถือตราสารการลงทุนประเภทต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงและรับประกันความปลอดภัย
แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะเป็นสิ่งในอดีตแล้ว แต่รัฐบาลของหลายประเทศยังคงเชื่อว่าการถือครองทองคำจะช่วยให้สกุลเงินของพวกเขามีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง
ทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ
10 อันดับประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุด (ณ ตุลาคม 2023)
สหรัฐอเมริกา: 8,133.5 ตัน
เยอรมนี: 3,352.7 ตัน
อิตาลี: 2,451.8 ตัน
ฝรั่งเศส: 2,436.5 ตัน
รัสเซีย: 2,332.7 ตัน
จีน: 2,191.5 ตัน
สวิตเซอร์แลนด์: 1,040.0 ตัน
ญี่ปุ่น: 845.9 ตัน
อินเดีย: 800.8 ตัน
เนเธอร์แลนด์: 612.5 ตัน
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ แม้ทองคำจะราคาแพงขึ้นไปมากโขแล้ว แต่คนก็ยังนิยมเก็บกันอยู่เพราะมันเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยนั่นเอง หากเรามีเงินทุนสำรองมากพอแอดแนะนำว่าเก็บสะสมในรูปทองคำแท่งบ้างก็น่าจะดีนะครับ เอาใจช่วยทุกท่านให้เทรดได้เงินสะสมเยอะๆครับ
OKBUSDTOKB น่าจะทำทรงรูปแบบ Wolfe Waves เป็นหนึ่งใน Chart patterns ที่ไว้หาจุดกลับตัวของราคา โดย Wolfe Waves จะประกอบด้วย 5 Waves
Bullish Wolfe Wave Set Up
1.Wave 2 เป็นจุดสูงสุดของรอบ
2.Wave 3 ต่ำกว่า Wave 1
3.Wave 4 เป็นจุดสูงสุดที่ฟื้นขึ้นมาจาก Wave 3 และ Wave 4 ต้องต่ำกว่า Wave 2
Entry : Trend line ระหว่าง Wave 1 และ Wave 3
Target : Trend line ระหว่าง Wave 1 และ Wave 4
เราจะเข้าเทรดใน Wave ที่ 5 ที่ราคากำลังกลับตัวขึ้น และตั้งจุด Stop loss ที่ Low ของรอบ ส่วนเป้าหมายการเคลื่อนไหวจะอยู่ที่ระดับ เส้น Trend line ที่ลากจาก Wave 1 ไป Wave 4
Monte Carlo Simulation ในการทำระบบเทรดMonte Carlo Simulation เป็นเทคนิคทางสถิติที่ใช้ในการสร้างแบบจำลองและวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากชุดข้อมูลที่มีความไม่แน่นอน โดยในระบบเทรด (Trading System) เราสามารถใช้ Monte Carlo Simulation เพื่อประเมินความเสี่ยง ทดสอบความแข็งแกร่งของระบบ และช่วยให้เข้าใจถึงผลกระทบของความผันผวนในตลาด
Monte Carlo Simulation คืออะไร?
Monte Carlo Simulation เป็นกระบวนการที่ใช้ตัวเลขสุ่ม (Random Numbers) เพื่อจำลองเหตุการณ์หรือกระบวนการที่ซับซ้อน โดยใช้หลักสถิติเพื่อสร้างชุดของผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ วิธีนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้สภาวะที่แตกต่างกันได้
การใช้ Monte Carlo Simulation ในระบบเทรด
ในการทำระบบเทรด Monte Carlo Simulation สามารถนำไปใช้ในหลายด้าน เช่น:
-การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analysis) – จำลองความน่าจะเป็นของการขาดทุนสูงสุด (Max Drawdown) หรือการเติบโตของพอร์ตการลงทุน
-การทดสอบความแข็งแกร่งของระบบ (Robustness Testing) – ตรวจสอบว่าระบบเทรดสามารถทำงานได้ดีภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่างกันหรือไม่
-การวิเคราะห์ผลกำไรที่คาดหวัง (Expected Return Analysis) – คำนวณผลกำไรเฉลี่ยจากการจำลองหลายพันรอบเพื่อดูแนวโน้มของพอร์ต
ขั้นตอนการใช้ Monte Carlo Simulation ในการทดสอบระบบเทรด
1. รวบรวมข้อมูลผลลัพธ์จากระบบเทรด
นำข้อมูลผลตอบแทนของระบบเทรด (เช่น อัตราชนะ อัตราขาดทุน ขนาดของกำไรและขาดทุน) มาสร้างเป็นชุดข้อมูลเริ่มต้น
2. สร้างชุดข้อมูลแบบสุ่มจากข้อมูลเดิม
สุ่มเรียงลำดับผลลัพธ์ของเทรดใหม่หลายพันครั้งเพื่อสร้างสถานการณ์ที่เป็นไปได้ในอนาคต
3. คำนวณผลลัพธ์ของแต่ละรอบการจำลอง
ประเมินค่าต่าง ๆ เช่น ค่าเฉลี่ยของกำไร/ขาดทุน (Mean Return), ค่าความผันผวน (Volatility), และค่าการขาดทุนสูงสุด (Max Drawdown)
4. วิเคราะห์ผลลัพธ์และสรุปข้อสังเกต
พิจารณาความน่าจะเป็นของการเกิดกำไรหรือขาดทุนในแต่ละช่วงเวลา
นำผลลัพธ์ไปปรับปรุง Money Management และกลยุทธ์การเทรด
ตัวอย่างการใช้ Monte Carlo Simulation กับระบบเทรด
สมมติว่าคุณมีระบบเทรดที่ให้ผลลัพธ์ดังนี้:
อัตราการชนะ (Win Rate) = 55%
อัตราการขาดทุน (Loss Rate) = 45%
ค่าเฉลี่ยกำไรต่อครั้ง = 2%
ค่าเฉลี่ยขาดทุนต่อครั้ง = 1.5%
เมื่อทำ Monte Carlo Simulation กับชุดข้อมูลนี้ 10,000 รอบ เราจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของพอร์ตการลงทุนในอนาคต ซึ่งสามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า ระบบเทรดของเรามีโอกาสรอดในระยะยาวหรือไม่
ข้อดีของ Monte Carlo Simulation ในระบบเทรด
✅ ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ✅ ทดสอบความแข็งแกร่งของระบบเทรดในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ✅ ทำให้สามารถวางแผน Money Management ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ลดโอกาสในการ Overfitting จากการใช้ Backtest เพียงชุดข้อมูลเดียว
ข้อจำกัดของ Monte Carlo Simulation
❌ ไม่สามารถทำนายอนาคตได้ 100% เพราะเป็นการจำลองจากข้อมูลในอดีต ❌ อาจต้องใช้ทรัพยากรในการคำนวณสูงหากทำการจำลองหลายหมื่นรอบ ❌ คุณภาพของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลที่นำมาใช้จำลอง
สรุป
Monte Carlo Simulation เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการช่วยนักเทรดวิเคราะห์ความเสี่ยงและทดสอบระบบเทรดภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่างกัน แม้จะไม่สามารถทำนายอนาคตได้แน่นอน แต่ช่วยให้เราประเมินผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ
หากคุณกำลังพัฒนาระบบเทรด การใช้ Monte Carlo Simulation จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงขีดจำกัดและโอกาสของระบบเทรดของคุณมากขึ้น และทำให้การตัดสินใจในการบริหารความเสี่ยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
+++ XAUUSD 27/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 17.30 <<<
ระบบ 2 way วิ่งแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2891.50
.
Mid 2891.00
.
Down 2890.50
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2896.50
.
*** > SL 2890.50
*** > TP 2906.50 ,2922.4
2937.3
.
>>> Sell Stop 2885.50
.
*** > SL 2891.50
*** > TP 2875.50 ,2847.3 ,
2812.3
.
"====================="
Recovery Set up ***
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2890.50
*** > SL 2896.50
*** > TP 2875.50 ,2847.3 ,
2812.3
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2891.50
*** > SL 2885.50
*** > TP 2906.50 ,2922.4
2937.3
.
+++ XAUUSD 26/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5.30 <<<
ระบบ Up
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2916.74
.
Mid 2916.24
.
Down 2915.74
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2921.74
.
*** > SL 2915.74
*** > TP 2931.74 ,2987
.
>>> Sell Stop 2910.74
*** > SL 2916.74
*** > TP 2900.74 ,2912.2 ,
2897.2
.
"====================="
Recovery Set up ***
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2915.74
*** > SL 2921.74
*** > TP 2900.74 ,2912.2 ,
2897.2
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2916.74
*** > SL 2910.74
*** > TP 2931.74 ,2987
.
+++ XAU 25/02/25 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5.30 <<<
ระบบ 2 way วิ่งแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2937.40
.
Mid 2936.90
.
Down 2936.40
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2942.40
.
*** > SL 2936.42
*** > TP 2952.42 ,2959.7,
2979.7, 2984
.
>>> Sell Stop 2931.42
*** > SL 2937.42
*** > TP 2921.42 ,2884.7 ,
2854.7
.
"====================="
Recovery Set up ***
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2936.42
*** > SL 2942.42
*** > TP 2921.42 ,2884.7 ,
2854.7
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2937.42
*** > SL 2931.42
*** > TP 2952.42 ,2959.7,
2979.7, 2984
.
+++ XAU 24/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ 2 way วิ่งแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2941.1
.
Mid 2940.6
.
Down 2940.1
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Stop 2946.10
.
*** > SL 2940.1
*** > TP 2956.1 ,2962,
2987, 3002
.
>>> Sell Stop 2935.10
*** > SL 2941.1
*** > TP 2925.10 ,2897 ,
2857
.
"====================="
Recovery Set up *** No use
"====================="
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Buy ==="
.
>>> Sell Stop 2940.1
*** > SL 2946.10
*** > TP 2925.10 ,2897 ,
2857
.
"=== ทันทีที่ได้ Order Sell ==="
.
>>> Buy Stop 2941.1
*** > SL 2935.10
*** > TP 2956.1 ,2962,
2987, 3002
.
Position Trading ลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวอันไหนดีกว่ากันPosition Trading ลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวอันไหนดีกว่ากัน
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ วันนี้แอดมาไขข้อข้องใจระหว่างเทรดสั้นกับเทรดยาว มันต่างกันยังไง แล้วอันไหนดีกว่ากัน มาครับ บทความนี้มีคำตอบ
การเทรดแบบ Position Trading คือการถือตำแหน่งในการเข้าออเดอร์ มีหลายแบบ แบบถือเป็นเดือนหรือปีในระยะยาว และ การถือออเดอร์แบบระยะสั้นๆเทรดแบบรายวัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุน เป้าหมาย และความพร้อมของแต่ละคน ย้ำว่าแต่ะคนไม่เหมือนกันจริงๆ ข้อนี้สำคัญมาก ในการเลือกรูปแบบการเทรด
Position Trading มีไว้ใช้เพื่ออะไร?
1. เพื่อเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคด้วย Position Trade และการวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยในการจับจังหวะการเข้าออเดอร์และออกออเดอร์
2. Position Trade ให้ความสำคัญกับกรอบเวลาใหญ่ เช่น กราฟรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของราคาและแนวโน้มหลัก แต่ในปัจจุบันเราปรับแต่งให้ Position Trade มีทั้งแบบระยะยาว และแบบระยะสั้น เพื่อสร้างความหลากหลายและกลยุทธิ์ที่มากขึ้น นั่นเอง
3. เพื่อช่วยให้มีการบริหารความเสี่ยงและเงินทุนอย่างมีวินัย โดยเริ่มจากการกำหนดสัดส่วนเงินลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละสินทรัพย์ และเพื่อป้องกันการขาดทุนที่เกินกว่าระดับที่ยอมรับได้ รวมถึงตั้งเป้าหมายที่จะทำกำไร
Position Trading มีเทคนิคการทำอย่างไรบ้าง
1.Trend Following
การตามติดแนวโน้มหลักของราคา โดยใช้วิธีการต่างๆ ในการระบุแนวโน้ม เช่น การวิเคราะห์ทิศทางของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือ ADX เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
2. Breakout Trading
มุ่งเน้นการรอคอยจังหวะที่ราคาผ่านแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์อุปทานและการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ ในกรอบเวลารายวันรายเดือนหรือรายสัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ร่วมกันทางเทคนิค เช่น Pivot Point
3. Value Investing
เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การคำนวณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดคิดลด (DCF) แล้วถือครองไปจนกว่าตลาดจะตระหนักถึงมูลค่าที่แท้จริงและราคาปรับตัวให้สะท้อนโอกาสในระยะยาว
สรุป: อันไหนดีกว่ากัน?
Position Trading เหมาะกับคนที่:
ไม่มีเวลาเทรดตลอดวัน
ชอบการลงทุนแบบเน้นความมั่นคง
สามารถรอผลตอบแทนในระยะยาวได้
ไม่ชอบความเสี่ยงสูง
การเทรดระยะสั้น เหมาะกับคนที่:
มีเวลาและความพร้อมในการติดตามตลาด
ชอบความท้าทายและรับความเสี่ยงได้
มีทักษะการวิเคราะห์ตลาดที่ดี
ต้องการทำกำไรในเวลาสั้น ๆ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พยายามถามตัวเองให้ได้คำตอบก่อนว่าชอบเล่นแบบไหน แล้วเรามีความสามารถในการทำกำไรแบบไหนกนแน่ พร้อมมากน้อยเพียงใด ทีนี้ก็เทรดไม่ยากแล้วครับ และที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบระบบเทรดและกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอนะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
การบริหารเงินในการเทรดแบบ Fixed Percentageความหมายของ Fixed Percentage
Fixed Percentage เป็นกลยุทธ์บริหารเงินที่ใช้ในการเทรด โดยกำหนดให้ขนาดของการลงทุนแต่ละครั้งเป็นเปอร์เซ็นต์คงที่ของทุนทั้งหมดที่มีอยู่ วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงและช่วยให้พอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
หลักการของ Fixed Percentage
หลักการของกลยุทธ์นี้คือการกำหนดขนาดของการเทรดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น หากกำหนดให้ความเสี่ยงต่อการเทรดอยู่ที่ 2% ของพอร์ตและพอร์ตมีเงินทุน 100,000 บาท ขนาดของความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้งจะเท่ากับ 2,000 บาท
ข้อดีของ Fixed Percentage
-ควบคุมความเสี่ยงได้ดี – การจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดช่วยให้พอร์ตการลงทุนสามารถอยู่รอดในตลาดได้ แม้ในช่วงที่ขาดทุนต่อเนื่อง
-เพิ่มโอกาสการเติบโตของพอร์ต – เมื่อพอร์ตเติบโตขึ้น ขนาดของการเทรดก็เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในระยะยาว
-ลดผลกระทบจากอารมณ์ – การใช้ระบบ Fixed Percentage ทำให้นักเทรดมีระเบียบวินัยมากขึ้นและลดการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์
วิธีคำนวณขนาดการเทรด
สูตรคำนวณขนาดการเทรดแบบ Fixed Percentage:
ตัวอย่าง:
เงินทุนเริ่มต้น = 100,000 บาท
กำหนดความเสี่ยงต่อการเทรด = 2%
Risk Amount = 100,000 \times 2% = 2,000 บาท
หากจุด Stop Loss อยู่ที่ 50 จุด ขนาดล็อตจะเป็น 2,000 / 50 = 40 บาทต่อจุด หรือใช้ Lot Size ตามคู่เงินที่เทรด
ข้อควรระวัง
ไม่ควรเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงมากเกินไป – แม้ว่าการเพิ่มความเสี่ยงจะช่วยให้พอร์ตเติบโตเร็วขึ้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการล้างพอร์ตด้วย
ควรปรับตามความผันผวนของตลาด – หากตลาดมีความผันผวนสูง อาจต้องลดขนาดของการเทรดเพื่อป้องกันการขาดทุนที่รุนแรง
ไม่ควรใช้ Fixed Percentage แบบคงที่ตลอดเวลา – ควรมีการปรับเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงตามสถานการณ์ เช่น ลดเปอร์เซ็นต์ในช่วง Drawdown และเพิ่มในช่วงที่ระบบเทรดมีผลลัพธ์ที่ดี
สรุป
Fixed Percentage เป็นหนึ่งในกลยุทธ์บริหารเงินที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากช่วยควบคุมความเสี่ยงและทำให้พอร์ตเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การเลือกเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากกำหนดต่ำเกินไป อาจทำให้พอร์ตเติบโตช้า แต่หากกำหนดสูงเกินไป อาจทำให้พอร์ตถูกล้างได้ง่าย นักเทรดจึงควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและสภาวะตลาด
+++ XAUUSD 20/02/2025 +++>>> แผนเป้ารอ Trade หลัง บ่าย 5 <<<
ระบบ Down
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 2941
.
Mid 2940.5
.
Down 2940
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell limit 2973
.
*** > SL 2978
*** > TP 2945 , 2935
.
>>> Sell Stop 2935
.
*** > SL
*** > TP 2925 , 2928 , 2908 , 2893
.






















