แนวโน้มสำหรับยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ:ดาวอสข้อมูลเชิงลึกและการกล่าวส...แนวโน้มสำหรับยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ:ดาวอสข้อมูลเชิงลึกและการกล่าวสุนทรพจน์เฟด
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรปหลายคนแสดงความขัดแย้งกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจช่วยลดการสูญเสียในสกุลเงินยูโร/ดอลลาร์สหรัฐซึ่งขณะนี้กำลังทดสอบระดับฟีโบนักชี 61.8%หลังจากที่ลดลงกว่า 0.7%
และตำแหน่งของพวกเขาเกี่ยวกับโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024
การถือครองปิดในการย้ายธนาคารกลางแต่เห็นความเป็นไปได้ของการตัดในช่วงฤดูร้อน อความคาดหวังสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ข้างหน้าของความเป็นจริงข้อมูลในปัจ
ดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญ
วของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย("ผมเห็นเหตุผลที่จะย้ายได้อย่างรวดเร็วหรือตัดอย่างรวดเ
การตรวจสอบที่อยู่สมาชิกเฟดอื่นๆในสัปดาห์นี้จะเป็นสิ่งสำคัญ:
วันพุธที่ 17 มกราคม
09:00:คำพูดของเฟดโบว์แมน
09:00:คำพูดของเฟดบาร
15:00:คำพูดของเฟดวิลเลียมส์
วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม
07:30:คำพูดบอสเฟด
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม
16:15:คำพูดของเฟดเดลี
ภาพประกอบ
7 อันดับโอกาสในการซื้อขายที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้7 อันดับโอกาสในการซื้อขายที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้โฟกัสของผู้ค้าจำนวนมากจะอยู่ในข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึ
การคาดการณ์บ่งบอกถึงศักยภาพเพิ่มขึ้น 0.2%ทั้งในอัตราเงินเฟ้อพาดหัวในเดือนธันวาคมและ พาดหัวคาดว่าจะดีดตัวขึ้นไปที่ 3.2%จากเดือนพฤศจิกายนต่ำห้าเดือนของ 3.1% ในขณะที่อัตราหลักมีแนวโน้มที่จะบรรเทาในการ 3.9%ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021 ข้อมูลที่สำคัญนี้จะได้รับการปล่อยตัวในวันพฤหัสบดี
ในท่ามกลางการมุ่งเน้นอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่น่าสังเกตออกมาจากประเทศอื่นๆรวมทั้งสวิตเซอร์แลนด์ออสเตรเลียเม็กซิโกบราซิลจีนอินเดียและรัสเซีย ชุดข้อมูลที่หลากหลายนี้นำเสนอโอกาสในการซื้อขายที่มีศักยภาพมากมายสำหรับคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตลอดทั้งสัปดาห์:
วันจันทร์:สวิตเซอร์แลนด์อัตราเงินเฟ้อ
อังคาร:ออสเตรเลียดัชนีดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือน
วันอังคาร:เม็กซิโกอัตราเงินเฟ้อ
วันพฤหัสบดี:บราซิลอัตราเงินเฟ้อ(ก่อนสหรัฐข้อมูลเงินเฟ้อ)
พฤหัสบดี:จีนอัตราเงินเฟ้อ(หลังจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ)
วันศุกร์:อินเดียอัตราเงินเฟ้อ
วันศุกร์:อัตราเงินเฟ้อของรัสเซีย
5 วินัยการลงทุนที่เทรดเดอร์ควรยึดถือวินัยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยึดไว้ในชีวิตการลงทุนของเทรดเดอร์ เพราะเป็นสิ่งที่คอยกำกับเส้นทางการเทรดของเราให้ไปถึงเป้าหมายได้ ในบทความนี้เป็นการสรุป 5 วินัยการลงทุนที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทั้งมือใหม่และรุ่นเก๋า
1. ทำตามแผนการลงทุน ไม่เทเงินลงทุนจนหมดหน้าตัก
การจัดทำแผนการลงทุน คือ การจัดทำข้อมูลระบุจุดเข้า จุดออก และแผนบริหารเงินในการซื้อขายทุกครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่ลงทุนโดยไม่มีแผนการลงทุน ทำให้บ่อยครั้งเกิดความโลภครอบงำและเกิดการเทเงินลงทุนหมดหน้าตักลงไป ซึ่งมักนำมาสู่ความเสี่ยงที่อาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้
ข้อแนะนำ คือ เริ่มวางแผนการลงทุน โดยแยกเงินสำหรับการลงทุนระยะยาวไว้อย่างน้อย 10% ของรายได้ในทุกเดือน สิ่งนี้เรียกว่า “การลงทุนถัวเฉลี่ยรายเดือน” หรือ Dollar Cost Average (DCA) ซึ่งช่วยให้เราสามารถกระจายต้นทุนได้ทั้งถูกและแพง ในช่วง DCA ที่ราคาแพงก็ช่วยจำกัดการซื้อมากเกินจำเป็น และในช่วง DCA ที่ราคาถูกก็จะทำให้ได้รับจำนวนหุ้น/จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น และเมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัวจำนวนหุ้นเหล่านี้แหละที่ช่วยยกระดับผลตอบแทนได้
การลงทุนในระยะยาวควรมีกรอบเวลาอย่างน้อย 20 ปี ซึ่งกรอบระยะเวลานี้จะช่วยให้สามารถลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง โดยได้รับผลตอบแทนในระยะยาวได้
2. มองการเทรดประหนึ่งเป็นธุรกิจ
ในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เราต้องมองการเทรดของตนเองนั้นเหมือนการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์แบบเต็มเวลา (full-time trader) หรือ ไม่เต็มเวลา (part-time trader) ก็ตาม หากมองการเป็นเทรดเดอร์เป็นเพียงงานอดิเรก หรือ กิจกรรมยามว่าง ก็จะทำให้ขาดความมุ่งมั่นในการเรียนรู้อย่างแท้จริงไป ยิ่งสำหรับเทรดเดอร์แบบเต็มเวลาแล้วด้วย การหยุดเทรดนั้นหมายถึงการสูญเสียรายได้ไปอย่างสิ้นเชิง
การมองการเทรดเป็นการทำธุรกิจ แน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ค่าธรรมเนียมการเทรด, การขาดทุน, ภาษี เป็นต้น ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรค้นคว้าข้อมูลและมีการวางกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเทรดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อคำแนะนำ คือ จงคิดแบบระยะยาว อย่าซื้อขายเหมือนจะเกษียณในวันพรุ่งนี้ ควรมีการสร้างแรงจูงใจอยู่เสมอ มีแผนการลงทุนเฉกเช่นการทำธุรกิจ และสิ่งที่สำคัญคือการมีวินัยยึดมั่นในแผนการลงทุน
3. ไม่จำเป็นต้องเทรดทุกวัน
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายรายยอมรับว่า เขาไม่ได้ซื้อขายทุกวันแต่ซื้อขายตามแผน โอกาส และภาวะตลาดที่เหมาะสม ในบางช่วงเวลาที่เอื้อต่อการลงทุน ความผันผวนต่ำเกินไป หรือไม่เห็นโอกาสสร้างกำไรในสถานการณ์นั้นได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเปิดการซื้อขายขึ้น
เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มักรู้ว่าเมื่อใดควรเก็บมือนั่งรอ และเมื่อใดที่ควรรุกเข้าสู่ตลาด ขณะที่เทรดเดอร์มือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดนั้นมักจะเปิดสถานะซื้อขายทุกวันอยู่เสมอ แม้ในช่วงที่เผชิญสถานการณ์ไม่เอื้อำนวย นำมาซึ่งความเสี่ยงขาดทุน
ข้อแนะนำ คือ เทรดเดอร์ควรมีความอดทน หากไม่พบจุดเข้าลงทุนที่ดี การอยู่นอกตลาดอาจช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนได้
4. ยอมรับการขาดทุนและเรียนรู้จากมัน
การยอมรับความจริงว่าเราเกิดการขาดทุนจากการลงทุนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เรามีบทเรียนและสามารถกำหนดจุดขาดทุนที่ยอมรับได้ นำมาสู่การพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่ดีต่อไป สิ่งที่สำคัญ คือ การขาดทุนนั้นต้องไปทำให้เราเสียตัวตน หรือ ก่อให้เกิดอารมณ์ด้านลบในชีวิต
5. ยอมเสี่ยงถ้าคิดว่ารับได้
การลงทุนที่นำมาซึ่งผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น หลายครั้งวินัยอาจบังคับให้เราต้องขาด ณ จุดที่เรากำหนดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยึดวินัยอย่าวเดียว ในหลายครั้งเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ยอมเสี่ยงที่จะให้กำไรของพวกเขาดำเนินต่อไป โดยมองแล้วว่าความเสี่ยงนั้นคุ้มกับที่จะได้รับ
การกลัวการสูญเสียเงินมักจะทำให้เราหยุดสนใจสถานการณ์ตลาดในช่วงนั้น ซึ่งบางครั้งสภาวะตลาดยังเอื้ออำนวยให้สร้างผลตอบแทนต่อได้ การยึดติดกำกับไรปัจจุบันมากเกินไปอาจเป็นการปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นได้
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
บทเรียนการเทรด ตลอด 6 ปีครึ่ง ของเทพคอยน์แวะมาอัพเดทพอร์ตกันบ้าง ตามสไตล์เทรดเดอร์ที่โปร่งใส ไม่หมกเม็ด ผมจะเล่าเป็นปีๆ ไปแล้วกันนะครับ เพื่อความง่ายและกระชับ ไม่งั้นเล่ายาวเกินคนขี้เกียจอ่าน
🟢2017
* เริ่มเข้ามาเทรดคริปโตช่วงกลางปี หลังจากรู้จักมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่
* เข้ามาเทรดก็ตามสไตล์เม่า ได้กำไรง่ายๆ จากเหรียญขยะจนคิดว่า “โอ้โห ถ้าทำได้ขนาดนี้ สักพักก็ได้มากกว่าเงินเดือนอีกนะเนี่ย!” ว่าแล้วก็เลยจัดหนัก มีเท่าไหร่ ใส่เต็มเหนี่ยว
* เจอตลาดพักฐานช่วงปลายๆ ปี ดอยเหรียญขยะ พอร์ตหายไปกว่า -50% ทำอะไรไม่ถูกตามสไตล์เม่า หากูรูลอกโพยเหรียญไปเรื่อย ลงคลาสไปเรื่อยใครอวดกำไรก็ตามไปหมด
* คัทเหรียญที่ดอยมาเข้าเหรียญขยะตามโพยกูรู ได้อานิสงค์ bull run ช่วงปลายปี 2017 จนพอร์ตกลับมาฟื้นเป็น “เท่าทุน”
🟢2018
* ปีแห่งการเผาจริง ช่วงต้นปีก็ยังเชื่อกูรูว่าตลาดจะไปต่อ ก็ไปดอยเหรียญเต็มไปหมด ตอนนั้นใช้บอทของ อจ. ท่านหนึ่งด้วย ก็พาดอยเหรียญขยะยับๆ
* พอสักมีนาเริ่มเห็นท่าไม่ดี พอร์ตเริ่มกลับมาลบหนักเหมือนเดิม ก็เลย ตัดใจคัทเหรียญในบอททิ้งทั้งหมด แล้วมาเทรดมือแทน แต่ยิ่งเทรดก็ยิ่งเจ๊ง ยิ่งเทรดยิ่งจน
* เริ่มเขียนกลยุทธ ลองกลยุทธเทรดสั้นไปเรื่อย เอาไปใช้กับบอท ผล backtest โคตรดี เทรดจริงยับๆ
* ช่วงตลาดนิ่งๆ ช่วงปลายปี 2018 เริ่มทำกำไรยาก เลยใช้ leverage 20x กับเอาเงินใส่ไปเยอะ เพราะไปเชื่อวาทกรรมว่า ทุนขุด 6k ไม่ลงต่ำไปกว่านี้ และถ้า break สามเหลี่ยมนี้ก็จะขึ้นยาว
* แต่อนิจจา กลายเป็นว่ามัน break ลงแทน สรุปวันเดียวขาดทุนไปกว่า -80% จากที่เจ๊งๆ อยู่แล้วก็เจ๊งหนักกว่าเดิม เครียดมาก
* ปิดปีแบบอนาถ ได้ๆ สักพักก็คืนกำไร เทรดมั่วไปหมด แต่ก็ถือว่าเป็นปีที่ได้บทเรียนอะไรมาเยอะมากๆ
🟢2019
* เริ่มปีมาด้วยความเศร้าจากปีที่แล้ว มีแต่กูรูทำนายกันว่า BTC จะลงไป 1000$ บ้าง 800$ บ้าง 2000$ บ้าง แช่งกันไปดิ ( ตอนนั้น BTC แกว่งๆ อยู่ราวๆ 3200$-3800$
* เริ่มซึมซับความรู้ในการเทรดตามระบบ trend following จากปู่ Peter Brandt ที่ อจ.ที่เขียนบอทได้มอบหมายให้ผมแปลบทความลงห้อง VIP ให้ บอกเลยว่านี่คือจุดเปลี่ยนมุมมองของผมในการเทรดไปเลย
* เริ่มดูเทรนออก และทันขึ้นรถตอนกราฟ week เป็นขาขึ้นช่วง BTC ทะลุ 4500 มาได้
* เนื่องจากยังรีบอยากรวยเร็ว ทำให้ตอนนั้นไปใช้ leverage 5x แบบ all-in ทำให้แค่สองเดือน ที่ BTC ขึ้นจาก 5,000$ ไป 14,000$ พอร์ตโตขึ้นมาถึง +160%
* แต่ กำไรที่ได้มาจากโชค ไม่ใช่ความรู้ เราก็จะต้องคืนกลับไปให้ตลาดอยู่ดี… สุดท้ายช่วงที่ BTC ออกข้างไปเรื่อยๆ ในช่วงกลางปี 2019 ก็เริ่มคืนกำไรไปเรื่อยๆ
* พอเทรดเองไม่ได้กำไร ก็ไปเริ่มซนหาเครื่องมือมาช่วย ตอนนั้นเห็น อจ.ท่านหนึ่งแนะนำ scavenger bot เป็นบอทเทรดสองหน้าแบบสะสม position ไปทุกๆ 1 นาที แล้วจะสร้าง order ไปเรื่อยๆ เพื่อจะกิน maker fee ที่ Bitmex ช่วงแรกๆ ก็ได้กำไรคำเล็กๆ จากค่า fee มาเรื่อยๆ เพราะกราฟมันยังนิ่งๆ สะบัดแคบๆ
* พอกราฟหลุด 10k ลงมา 7k เท่านั้นแหละจ้า ความชิบหายบังเกิด ขาดทุนยับ เพราะบอทแม่งสะสม position ใหญ่มากๆ จนโดนลากแบบอย่างโหด ส่วนคำแนะนำของ อจ.ก็คือ ให้เติมสู้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็กลับมา ( อจ. เขาบอกให้เตรียม BTC เผื่อไว้สัก 2-3 BTC สำหรับหน้าที่โดนลาก เพื่อเติมไปสู้ )
* สุดท้ายก็ไม่ยอมเชื่อ และไม่เติม และคัทหนีออกมาก่อน ซึ่งก็คิดถูกแล้ว เพราะถ้าไม่คัทคงบ้าตายไปซะก่อน
* ยัง ยังไม่พอ ไปเชื่อเพื่อนที่ได้บอท martingale forex มาอีก ทรงเดียวกันกับบอทก่อนหน้าเด๊ะ แต่คิดว่า “มันคงลองมาแล้ว น่าจะเชื่อถือได้” ก็เลยโอนเงินไปลองใช้ดู .. สรุปก็โดนลากเหมือนกัน เจ๊งเหมือนกัน เด๊ะ แต่ดีหน่อยที่ไหวตัวทันก็เลยรีบคัทหนีออกมาก่อน แต่ก็เจ็บหนักอยู่ดี
* สรุปแล้ว ปีนี้ ที่ได้กำไรมาเยอะช่วงกลางปี แต่พอคิดว่า “กำไรมันอยู่เฉยๆ ก็เสียดาย เราต้องเอาไปต่อยอดสิ” แล้วก็ไปใช้บอทบ้าๆ บอๆ สุดท้ายก็เจ๊ง ก็เลยได้บทเรียนว่า “ไอ้สัส มึงได้กำไรมึงก็นั่งเฉยๆ ก็พอแล้ว” สรุปปีนั้นก็เลยขาดทุนยับๆ อยู่ดี ….. แต่ก็ได้บทเรียนที่ล้ำค่ามาเหมือนกัน
🟢2020
* หลังจากไปเรียนรู้แบบจุกจริงเจ็บจริงมาสองปี จนแทบเป็นบ้าแต่ก็ยังไม่เป็น ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่เอาบทเรียนจากสองปีก่อนหน้ามาสร้าง “สิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะถ้าทำแล้วจะเสียตัง” เต็มไปหมด
* ตอนนั้นก็เลิกเทรดสั้นทั้งหมด เน้น TF Daily และทดลองระบบ Trend Following และนำมาใช้ แต่ดันไป over use มันเกิน เอามาใส่ในกราฟ 12 ระบบ ต้องรอมัน confirm 8 ระบบถึงจะเริ่มซื้อ กว่าจะได้ซื้อกราฟก็ไปหวันแล้ว
* แต่ข้อดี มันก็ยังมี เพราะหลังจากนั้น BTC เองก็เริ่มออกข้างซึมๆ ในช่วง Feb ก่อน covid dump จะมา ทำให้ทุกระบบมีสัญญาณ “ขาย” ออกทั้งหมด เพราะเราก็เชื่อระบบก็ขาย+ลดความเสี่ยงทั้งหมด ทำให้ตอน covid ก็รอดตายมาได้แบบสบายๆ
* ช่วงนั้นกูรูก็ออกมาฟันธงกันไปต่างๆ นาๆ ว่า ลงไม่ลึกหรอก ลงแค่ 8000 เดี๋ยวก็เด้งขึ้นเวฟ 1-2 หญ่ายยยย ขึ้นสู้งงงงงง หลายๆ คนไปเชื่อก็ไปซัดจัดหนักจัดเต็มกันแถวๆ โซน 8000 สุดท้ายมันก็รูดคืนเดียวลงไปถึง 3000 ใช้ leverage น้อยที่สุดก็ยังพอร์ตแตก … แต่ผมรอด + ได้กำไรมาด้วย เพราะซื้อ put option ทิ้งเอาไว้ 555
* หลังจากนั้น ก็เชื่อในระบบมาตลอด แต่ก็ปรับ fine tune มันอีกรอบ เพราะว่า ตอนที่ใช้ 8 ระบบ confirm มันช้าไป ก็ปรับเหลือแค่ 4 ระบบ และแยกไม้กันเข้าไปแทน ไม่รอเข้าพร้อมกันหมด และก็ใช้ 4 ระบบที่ว่า มาจนถึง ปัจจุบันนี้
* ความตลกร้ายของตลาดก็คือ ช่วงปลายปี 2020 กูรูก็ออกมาฟันธงกันเต็มไปหมดว่า ปี 2021 ตลาดจะพัง เกิดวิกฤตเหมือนตอน subprime ตลาดลงยับๆ หลายๆ คนก็ไม่กล้าซื้อกัน แต่ตอนนั้นระบบที่ผมใช้ มันก็เขียวแล้วไง ผมก็ไม่สนคำทำนายกูรู เราก็เข้าตามระบบไป.. ทำให้พอจบปี ก็ปิดบวกมาได้แบบชิวๆ
🟢2021
* ปีนี้แม้แต่ลิงก็ยังเป็นเซียนได้ สำหรับผม กำไรแค่นี้มันก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับพวกที่ไปเล่น DeFi, GameFi, NFT จนเปลี่ยนเงิน หกหลัก เป็น แปดหลัก แล้วก็โม้กันจนเต็มเฟส, youtube และ tiktok
* แต่ก็นั่นแหละ งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา ผมที่ผ่านตลาดนรกช่วงปี 2018+2019 มาแล้ว ก็ได้บทเรียนชั้นดีมาว่า “ถ้าระบบบอกให้เราขาย เราก็ต้องขาย มาถือเงินสด จบนะ”
* ทำให้ช่วงตลาดลงจาก 65k มา 30k ตอนกลางปี… ผมก็รอดมาได้ และตอนตลาดเริ่มเสียทรงขาขึ้นตอนปลายปี … ผมก็รอดมาได้อีกอยู่ดี ทำให้สิ้นปี ปิดจ๊อบไปได้แบบเกินคาดอย่างมาก
* ปีนี้ผมโดนแขวน+ทัวร์ลงหนักมาก เพราะไปเตือนลงเพจเกี่ยวกับ DeFi ทำให้หลายๆ คนไม่พอใจ แล้วแคปไปด่ากันอย่างสนุกสนานในกลุ่มแชท ทำให้ผมได้บทเรียนมาเช่นเดียวกันว่า เออ ช่างแม่งเหอะ ใครจะทำไรก็ปล่อยมันทำไป เจ๊งก็เรื่องของมัน เพราะเงินมัน ไม่ใช่เงินเรา เราก็เตือนครั้งเดียวพอ สุดท้ายพอ GameFi, NFT มา ผมก็เลยขี้เกียจจะไปเตือนไรมาก … สุดท้าย ทุกตัว มันก็เจ๊งตามที่ผมได้เคยเตือนๆ ไว้
🟢2022
* ปีนี้เป็นปีที่โหดสัสสำหรับทุกตลาด เพราะคริปโตก็ลง หุ้นเมกาก็ลง หุ้นจีนก็ลง หุ้นไทยก็ลง หุ้นเวียดนามก็ลง คือลงกันหมด แต่มีอย่างเดียวที่ขึ้น คือ “USDTHB”
* ช่วงนั้นผมก็มีการแบ่งเงินบางส่วนไปเทรด USDT/THB ที่ bitkub โดยใช้หลักการ trend following ตามที่ผมใช้ๆ มาอยู่นี่แหละ สุดท้ายก็เลยพอทำกำไรมาช่วยจุนเจือพอร์ตคริปโต ที่พอร์ตนั้นปิดปีขาดทุนไปประมาณ -6% เพราะเข้าตามระบบ แล้วโดนสับขาหลอกตลอด
* มีจังหวะรอดตายหวุดหวิดคือ คืนที่ FTX เปิดวอร์กับ CZ ผมเห็นทรงแล้วดูไม่ดีเลยรีบโอนเงินออก รออยู่สองชั่วโมงกว่าจะได้เงินคืน ตอนรอนี่เหงื่อออกตูด เป็นสองชั่วโมงที่นานมากๆ ในชีวิต เพราะตอนนั้นเอาเงินไปฝากกินดอกที่ FTX แทบจะทั้งหมดของพอร์ตเลยก็ว่าได้ ถ้าช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว ก็คงหมดตัว ไม่ได้มาโม้ตามโพสนี้ 5555
* อีกช๊อตที่รอดตายคือ ตอนแรกก็เอาเงินไป lock ไว้ที่ zipmex แล้วพอเริ่มเห็นว่า rate มันไม่ดี พอ unlock ได้ก็ถอนออกมาหมด ทำให้ไม่มีเงินใน zipmex เลยก่อนที่มันจะล้ม ซึ่ง.. จริงๆ ก่อนหน้านั้นเคยวางแผนว่าจะเอาไปฝากไว้ที่นั่นยาวๆ เพราะ “เป็น exchange ที่ กลต. รับรอง” .. สุดท้าย ก็เป็นอย่างที่เห็น
* เกร็ดความรู้ : ปีนี้ พวกที่เปลี่ยนเงินหกหลักเป็นแปดหลัก สุดท้ายก็กลับมาเหลือหกหลักเหมือนเดิม บางคนก็กลายเป็นศูนย์ เพราะหมดไปกับ FTX, Zipmex, Anchor ฯลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนอันเจ็บปวดของหลายๆ คน… ก็เรียนรู้กันไปครับ เหมือนที่ผมเคยเจอมาก่อนตอนช่วง 2018-2019 เจอก่อนเจ็บก่อนรอดก่อน
🟢2023
* ปีนี้ สำหรับคริปโต เปิดปีมาก็ซิ่งเลย เพราะ BTC ขึ้นจาก 15k ไป 30k ช่วงต้นปี ผมเองที่ทำตามระบบ ก็แน่นอน ได้ขึ้นรถเก็บกำไรอิ่มๆ กันไป
* แต่หลายๆ คน ที่ พยายามจะลองทำตามระบบ แล้วเจอสับขาหลอกรัวๆ ตอนปี 2022 ก็ออกมาถ่มถุยระบบที่ผมใช้ว่า “เฮอะ เดี๋ยวก็หลอกเหมือนทุกทีน่ะแหล๊ะ” สุดท้าย ก็ไม่ได้เข้า ตอนระบบบอกให้ซื้อ แล้วก็ได้แต่ตกรถ กันไปแบบเซ็งๆ
* ส่วนกลางปี พอ BTC พักตัว ผมก็ทำตามระบบไปโง่ๆ เหมือนเช่นเดิม แต่พอร์ตก็นิ่งและไม่ไปไหนอยู่หลายเดือนมากๆ แถมหดด้วย เพราะเจอ false sig ไปบ่อย จนคนที่มาลองทำตามระบบหลังจากเห็นผมอวดกำไรช่วงต้นปี ออกมาถ่มถุยว่า ระบบแม่งโคตรกาก มีแต่สัญญาณหลอก
* พอปลายปี ระบบเขียวอีกรอบ หลายๆ คนก็ยังออกมาถ่มถุยเหมือนเดิมว่า “เฮอะ เดี๋ยวก็หลอกเหมือนทุกทีน่ะแหล๊ะ” สุดท้าย มันก็ไปจริง หลายๆ คนก็ตกรถกันเป็นแถบ เรื่องนี้มันก็ให้บทเรียนกับผมได้เหมือนกันว่า ถ้าเราเชื่อมั่นในระบบ ก็ทำต่อไปเถอะ ยิ่งจังหวะตอนที่เราไม่อยากจะเข้า เพราะมันสับขาหลอกบ่อยๆ … ยิ่งต้องกล้าเข้า เพราะ ถ้ามันไปต่อ แล้วเราไม่เข้า เราจะเซ็งยิ่งกว่าเยอะ
* หลายๆ คนอาจจะงงว่า เอ๊ะ แอด BTC ขึ้นมาตั้ง 160% ทำไมแอดได้กำไรแค่ 20% เองอ่ะ น้อยจัง ที่มันน้อยเพราะยอดนี้มันคือพอร์ตรวมของสองพอร์ต นั่นคือ พอร์ตหุ้นเมกา ด้วยครับ ซึ่งกำไรที่ผมได้จริงๆ จากการทำตามระบบก็คือ ประมาณ 35% ที่ความเสี่ยง 4% โดย Benchmark ของการทำตามระบบแบบเป๊ะๆ ที่ผมทำเป็น paper trade ไว้ อยู่ที่ 56% ครับ ที่ความเสี่ยง 4%
* สำหรับผม ถ้ามอง Risk:Reward กำไร 35% ที่ความเสี่ยง 4% ก็ตกอยู่ที่ 8.75RR ซึ่งผมก็ happy กับผลการเทรดมากๆ แล้วนะ
* ส่วนพอร์ตหุ้นเมกา ยอมรับว่า มั่ว และป๊อด ไปช่วงนึง ทำให้แทนที่จะได้กำไรสัก 30% แต่ก็ได้มาจริงแค่ 5% เพราะไปเข้าๆ ออกๆ และเจอค่าเงิน USDTHB อ่อนหนักนั่นเองครับ
🟢สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตลอด 6 ปี ครึ่ง
* ยิ่งอยากได้กำไรเร็ว ยิ่งเจ๊ง อันนี้โคตรจริง เพราะพอเราอยากรีบทำกำไร เราจะเลิกคิดถึงความเสี่ยง และไอ้ความเสี่ยงนี่แหละมันจะทำให้พอร์ตพังยับ ถ้าตลาดไม่เป็นอย่างที่เราคิด
* ช่างแม่งเยอะๆ ใครบ่นอะไรไม่เข้าหูก็บล๊อกแม่งให้หมด เพราะ 100 คน 100 ความเห็น อะไรที่มันทำให้ใจเราขุ่นมัวก็ปิดการรับรู้มันไปซะ
* นึกถึงความเสี่ยงให้รอบด้าน ก่อนลงทุนทำอะไรเสมอ ถ้ามันดูแล้วคุ้มต่อความเสี่ยงก็ทำไปเลย อย่ากลัวเกินจนไม่กล้าทำอะไรเลย
* กูรูคนไหนชอบทำนายอนาคต อย่าไปให้ราคาเยอะ ฟังขำๆ พอ เพราะผมอยู่มา 6 ปี ครึ่ง กูรูนักทำนายพวกนี้ทำนายผิดกันไปไม่รู้กี่รอบ สักพักก็ออกมาทำนายใหม่คนก็มาชาบูกันต่อ
* ตลาดเป็น cycle เสมอ ตอนตลาดดีๆ กูรูเต็มตลาด กาวหึ่ง ก็ต้องระวังตัวอย่าไป FOMO มาก เพราะโอกาสจบรอบมีตลอดเวลา รวมถึง ตอนตลาดแย่ๆ ข่าวแย่เต็มไปหมด กูรูแช่งเต็มสื่อ ก็ต้องอย่าไปกลัวมาก มีระบบมาคุมอีกที กราฟบอกให้ซื้อก็ต้องเข้าซื้อ เพราะฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ
* และอื่นๆ อีกมากมาย ลองไปไล่อ่านโพสเก่าๆ ของผมได้ครับ
XAUUSD เจาะโครงสร้างทองคำ H4 24/12/23สัปดาห์นี้ทองคำปิดยืน 2050 ได้อีกครั้งซึ่งแนวโน้มและโครงสร้างราคายังคงเป็นขาขึ้นชัดเจนใน TF Week,Day,H4 และ H1 โดยมีปัจจัยพื้นฐานหนุนราคาทองคำเรียกว่าเกือบทั้งหมดแทบไม่มีปัจจัยเชิงลบต่อทองคำเลยทีนี้เรามาดูกันว่าแต่ละ TF บอกอะไรเราบ้าง
เทคนิคคอล
Week แท่งเทียนยังคงปิดในเนื้อเทียนของชุด PA Sell เมื่อสองสัปดาห์ก่อนถ้ามองระยะสั้นก็เหมือนยังไม่ได้บอกอะไรมากนัก แต่หากดูภาพใหญ่ทองคำยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน
Day ราคาหลุดแนวต้าน 2048-2051 ขึ้นมาปิดเหนือ Zone ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะมองว่าสัปดาห์ต่อไปราคาจะขึ้นต่อได้มองเป็นการกลับตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
H4 TF นี้พอเราย่อยออกมาดูเราจะเห็นทั้งชุดแพทเทิลและแนวสำคัญๆตามภาพที่ผมทำไว้ให้ อย่างที่เห็นว่ามันเป็นแพทเทิลซ้อนกันระหว่าง Acending Triangle และการ SW Up แบบ Falg ซึ่งหากเค้า retert แค่ 2045 อาจมองได้ว่าเป็นการลงมาทดสอบกรอบสามเหลี่ยมที่หลุดขึ้นไปเพื่อขึ้นต่อ แต่หากเค้าลงลึกกว่านั้นไปที่ 2035-2040 อาจจะเคลื่อนที่เป็น Falg ได้ครับ ทีนี้หากราคาขึ้นเป็น Acending Triangle ฝั่งขา Buy แค่เติมไม้หรือเทรดฝั่ง Buy ไปเรื่อยๆ แต่หากเค้าขึ้นแบบ SW UP หรือ Falg แพทเทิลนี้เป็นแพทเทิลการลงให้ระวังแถวๆ 2080-2090 หากผ่านไม่ได้ราคาอาจร่วงแรง
ปัจจัยพื้นฐาน
-แน่นอนว่าการกลับขึ้นมารอบนี้ได้รับอิทธิพลจาก FED ที่มีแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024 หรือปีหน้านี้
-ข่าวความขัดแย้งเรื่องสงครามเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งนึงแล้ว
ปัจจัยที่ส่งผลด้านลบต่อทองคำตอนนี้มองว่ามีแค่สมาชิก FED นั้นแหละที่ออกมาให้ความเห็นกลับไปกลับมาลดบ้างไม่ลดบ้าง รอดูตัวเลขเศษฐกิจก่อนบ้าง บลาๆ ช่างมันเถอะ ฮาๆๆ ถ้าปัจจัยไม่ชัดก็มองแต่เทคนิคเอา
แผนเทรดจะอัพเดทให้ทุกวันในช่องนี้นะครับ
การเทรดที่ดี ต้องมีกลยุทธ์ การจะเป็น Trader ที่ประสบความสำเร็จได้ จำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์การเทรด จัดการซื้อขายให้เป็นระบบ เพื่อการทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่เราต้องชัดเจนคือ กลยุทธ์ของเราคืออะไร สินทรัพย์ที่ต้องการเทรด กรอบระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถยอมรับได้ สิ่งที่นักลงทุนควรมี ได้แก่
1 ความสม่ำเสมอ: การมี Action Plan ของตัวเอง ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการรักษากลยุทธ์เทรด ในขณะเดียวกัน ก็ลดอารมณ์ในการตัดสินใจของคุณให้เหลือน้อยที่สุด ความสม่ำเสมอ ดังกล่าวมักจะให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้มากกว่าและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมเมื่อเวลาผ่านไป
2 ความมั่นใจ: เมื่อตัวเองมี Playbook แล้ว คุณสามารถซื้อขายด้วยความมั่นใจในตนเองที่เพิ่มขึ้น โดยรู้ว่า คุณกำลังทำการกลยุทธ์ ที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว ความมั่นใจนี้ จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ช่วยให้คุณมีสมาธิและตัดสินใจได้ดี
3 ความสามารถในการปรับตัว: เมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การมี Playbook ไว้ใช้งานจะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยน และปรับกลยุทธ์ได้ตามต้องการ ความสามารถในการปรับตัวนี้ เป็นปัจจัยสำคัญในการไปสู่ความสำเร็จได้
องค์ประกอบ 3 ประการของกลยุทธ์การเทรด
1. Pattern หรือ รูปแบบ : Pattern ของกราฟจะเป็นตัวกำหนดว่า จุดไหนเป็นจุดเข้าซื้อ จุดไหนเป็นจุดขาย โดยอาศัยการวิเคราะห์จากบริบท และรูปแบบกราฟ นำไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึก
2. บริบท : ต้องทำเข้าใจบริบท สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่อย่างถ่องแท้ เนื่องจากมีความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของกลยุทธ์การเทรดของคุณ เทรดเดอร์หลายคนเชื่อผิดว่า กลยุทธ์การซื้อขาย เป็นเพียงการระบุ
3. รูปแบบ หรือสิ่งกระตุ้นควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงขั้นพื้นฐาน
การบริหารความเสี่ยง: การจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดี เป็นสาเหตุสำคัญของความล้มเหลวของเทรดเดอร์ มักเป็นผลมาจากการการขาดความเข้าใจ โดยแผนการจัดการความเสี่ยงของคุณไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเกินไป แต่ต้องมีความชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างขยันขันแข็ง ด้วยการปฏิบัติตามกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง คุณสามารถหลีกเลี่ยงหลุมพรางได้
สำหรับการซื้อขายรายวัน เราขอแนะนำดังต่อไปนี้
* ความเสี่ยงสูงสุด 1% ต่อการซื้อขาย
* ความเสี่ยงสูงสุด 2% ต่อวัน
* ความเสี่ยงสูงสุด 6% ต่อสัปดาห์
* ความเสี่ยงสูงสุด 10% ต่อเดือน
6 ขั้นตอนสำคัญในการสร้างและปรับแต่งกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ:
1. กำหนด Trading Style : ไม่ว่าคุณจะเป็น Day Trade , Swing Trade หรือนักลงทุนระยะยาว ต้องเลือกกลยุทธ์ กรอบเวลา และเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ระบุอัตราการชนะที่คุณต้องการ (เช่น 50%+) อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (เช่น 2R ขั้นต่ำ) และ Trading Style เช่น การเทรดแบบ Scalping การซื้อขายตามตำแหน่ง หรือ Swing Trade
2. หาข้อมูลวิจัย และเลือก Strategy: ศึกษากลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย และเลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับ Trading Style ของเรา การยอมรับความเสี่ยง และเป้าหมายทางการเงิน
3. กำหนดเกณฑ์การเข้าและออก: สำหรับแต่ละกลยุทธ์ที่เลือก ให้กำหนดการเข้าและออกที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมาย การหยุดการขาดทุนและกำไรของคุณเพื่อให้แน่ใจว่า คุณดำเนินการซื้อขายได้อย่างถูกต้อง และจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องจัดทำแผนการเทรดที่กำหนดไว้อย่างดี ตัวอย่างเช่น ตัดสินใจจุดคุ้มทุน เมื่อถึงอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:1 เปิดการซื้อขาย โดยเฉพาะด้วยอัตราส่วน 1:2 หรือปิด 50% ของตำแหน่งของคุณที่ 1:1 และส่วนที่เหลือ 50% ที่ 1:3
4. สร้างกฎการบริหารความเสี่ยง: ใช้กฎการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ รวมถึงการตั้งค่าเปอร์เซ็นต์สูงสุดของยอดคงเหลือในบัญชีของคุณต่อความเสี่ยงต่อการเทรด หรือใช้ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดขนาดตำแหน่งเพื่อควบคุมความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ
5. ทดสอบ Strategy : ก่อนที่จะลงทุนจริง ให้ทดสอบ Strategy ของคุณ โดยใช้ข้อมูลตลาดในอดีต หรือบัญชีทดลอง ขั้นตอนการทดสอบนี้ ช่วยให้คุณปรับ Strategy และสร้างความมั่นใจในแนวทางของคุณได้ หากคุณไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร ในบัญชีทดลอง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเสี่ยงด้วยเงินจริง จนกว่าคุณทักษะของคุณจะเก่งขึ้น
6. วิเคราะห์การซื้อขาย : จัดทำบันทึกเทรด ทั้งกลยุทธ์ที่ใช้ จุดเข้าและออก และสภาวะตลาด ในแต่ละครั้ง ตรวจสอบผลการซื้อขายของคุณเป็นประจำ เพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และปรับแผนการเทรดคุณให้เหมาะสม
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ประเภทของกราฟใน TradingView และวิธีการอ่านสำหรับมือใหม่กราฟแสดงผลราคาในแต่ละรูปแบบมีการแสดงผลที่แตกต่างกัน และมีผลต่อการวิเคราะห์รูปแบบที่หลากหลาย สำหรับกราฟชนิดต่างๆ ในแพลตฟอร์ม TradingView ประกอบไปด้วย
กราฟแสดงผลทั่วไป
• Bars
กราฟแท่ง หรือที่นิยมเรียกว่า OHLC (Open, High, Low, Close) มีการแสดงข้อมูลมากกว่ากราฟเส้น แต่ละแท่งแทนราคาเปิด สูงสุด ต่ำสุด และปิดในระยะเวลาที่ระบุ
• Candles
กราฟแท่งเทียนแสดงผลคล้ายกับกราฟแท่ง แต่ใช้ "แท่งเทียน" เพื่อแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุด สีและรูปร่างของแท่งเทียน (เขียวและแดง) จะช่วยให้เรามองเห็นอารมณ์ของตลาดได้ง่ายมากขึ้น
• Hollow Candles
แสดงผลคล้ายกับกราฟแท่งเทียน แต่มีความแตกต่างในส่วนของสีภายในแท่งเทียน คือ มีทั้งสีทึบและสีโปร่ง ช่วยให้สามารถแสดงข้อมูล 2 มิติทั้งในกระทิง และหมีได้ โดยสีโปร่งบ่งบอกถึง ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันสูงกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบัน และสีทึบบ่งบอกถึง ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบัน ขณะสีเขียวและแดงถูกกำหนดโดยการเปรียบเทียบของราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันกับราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า
• Line
กราฟเส้นแสดงผลโดยการเชื่อมต่อราคาปิดในระยะเวลาที่ระบุ เป็นกราฟที่เรียบง่ายและดูสะอาดตา เหมาะสำหรับการระบุแนวโน้มราคาทั่วไป
• Line with markers
กราฟเส้นพร้อมแสดงเครื่องหมายแสดงผลเช่นเดียวกับกราฟเส้น แต่มีการเพิ่มจุดข้อมูลสำคัญเข้ามา โดยกราฟประเภทนี้มักถูกใช้เพื่อแสดงผลข้อมูลทางเศรษฐกิจ
• Step line
กราฟแสดงการเคลื่อนไหวของราคาด้วยรูปแบบขั้น โดยปกติแล้วจะแสดงขั้นด้วยราคาปิด แต่สามารถแก้ไขได้ผ่านการตั้งค่า กราฟนี้ถูกนำมาใช้เพื่อหลีกหลี่ยมกราฟแสดงผลมุมมแหลม เพื่อให้เห็นระดับราคาได้ชัดเจนขึ้น มักนิยมใช้กับเครื่องมือวาดเส้นตรง เช่น Vertical Ray หรือ Fib Retracement
• Area
กราฟพื้นที่แสดงผลคล้ายกับกราฟเส้น แต่พื้นที่ที่อยู่ข้างใต้เส้นจะถูกเติมสี และเน้นการเคลื่อนไหวของราคา
• HLC Area
กราฟที่สามารถแสดงผล 3 ค่า ได้แก่ ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิด เพื่อทำให้เกิดการมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลสำคัญที่สุด โดยไม่สนใจราคาเปิดที่มีนัยสำคัญน้อยกว่าในเชิงการวิเคราะห์ ขณะที่ความกว้างของพื้นที่ระหว่างเส้นสีเขียวและแดงก็บ่งบอกถึงช่วงการแกว่งตัวของราคา
• Baseline
กราฟเส้นที่แสดงอัตราการเปลี่ยนของราคาอ้างอิงจากฐานราคาที่กำหนด มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ความผันผวนของราคา
• Columns
แสดงผลเป็นกราฟแท่ง โดยใช้ราคาปิดเป็นค่าเริ่มต้น (default) แต่สามารถตั้งค่าเป็นค่าอื่นๆ ได้ รวมถึงการปรับสีแท่ง โดยค่าเริ่มต้นเดิม สีเขียวแสดงราคาเปิดน้อยกว่าราคาปิด และสีแดงแสดงราคาปิดน้อยกว่าราคาเปิด
• High-low
กราฟแสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดบนรูปแบบกราฟแท่งในระยะเวลาที่กำหนด
กราฟแสดงผลที่อ้างอิงเพียงราคาเท่านั้น
• Heiken-Ashi
เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียน แต่มีการใช้สูตรคำนวณเพื่อสร้างแท่งเทียนแต่ละแท่งออกมา กราฟรูปแบบนี้มีประโยชน์ในการระบุแนวโน้มของตลาดและลดความผันผวนของราคา
• Renko
กราฟนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ แสดงผลเป็นแท่งเทียนในลักษณะอิฐบล็อกที่ต่อกัน แต่ละแท่งอิฐเน้นการเปลี่ยนแปลงของราคาและมีการกรองการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สำคัญออกไป โดยแท่งอิฐนั้นจะมีทั้งสีแดงและสีเขียวซึ่งเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ ตามค่าของแท่งอิฐก่อนหน้า ซึ่งการเคลื่อนที่ในแต่ละทิศทางจะเป็นสัญญาณเตือนที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจว่าแนวโน้มหรือเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการระบุจังหวะในการเข้าเทรด
• Line break
กราฟแสดงข้อมูลแบบแท่งอิฐ สิ่งสำคัญของกราฟประเภทนี้ คือ การตั้งค่าแท่งอิฐ (ราคาปิดปัจจุบันเทียบราคาปิดวันที่ตั้งค่า) เช่น โดยทั่วไปนิยมตั้งค่าไว้ที่ 3 วัน หมายถึง ราคาปิดปัจจุบันเทียบกับราคาปิดในช่วง 2 แท่งอิฐก่อนหน้า โดยแท่งสีเขียวหมายถึงราคาปรับตัวขึ้น แท่งสีแดงหมายถึงราคาปรับตัวลง และจะไม่เกิดแท่งอิฐใหม่หากราคาปิดปัจจุบันเท่ากับราคาปิดของงวดเวลาก่อนหน้าที่ตั้งค่าไว้
• Kagi
กราฟที่แสดงผลด้วยแท่งตัว L ที่พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านเวลา หลักการของ Kagi ค่อนข้างเรียบง่าย สีเขียวแสดงทิศทางหุ้นขึ้น และสีแดงแสดงทิศทางหุ้นลง หากมีแรงซื้อมากพอจนราคาปิดสูงกว่าราคาปิดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า กราฟจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว ในทางกลับกันหากมีแรงขายมากพอจราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดต่ำสุดในช่วงก่อนหน้า กราฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง
• Point & Figure
เรียกย่อๆ ว่ากราฟ PnF กราฟรูปแบบนี้ไม่สนใจเวลาและเน้นเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคา โดยใช้คอลัมน์ของ X (แสดงราคาปรับตัวขึ้น) และ O (แสดงราคาปรับตัวลง) เพื่อแทนการเคลื่อนไหวราคาที่ถูกกรองแล้ว
• Range
กราฟช่วงเป็นกราฟที่แสดงผลในรูปแบบแท่ง โดยบาร์ราคาเปิดบันทึกไว้ในแท่ง ในระหว่างนั้นขนาดของแท่งกราฟจะเคลื่อนที่ออกไปจากราคาเปิดเป็นไปได้ทั้งขึ้นและลง ความแตกต่างระหว่างค่าของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแท่งจะถูกพิจารณาเป็นการเคลื่อนไหวของราคา และเมื่อใดก็ตามราคาเคลื่อนที่เกินไปจากที่ระยะ สูง-ต่ำ ถึงที่กำหนด (Interval) ไว้ ก็จะเกิดแท่งกราฟใหม่ขึ้นมา
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
XAUUSD วิเคราะห์ทองคำ H4 16/12/23มาวิเคราะห์ภาพใหญ่ในสัปดาห์หน้า ที่เราจะเทรดกันครับว่ามุมมองส่วนตัวผมเป็นยังไง
Week สัปดาห์นี้ปิดกลางแท่งแต่เป็นแท่งเขียวและปิดเนื้อยังอยู่ในแท่งก่อนหน้า บงบอกว่า Week สัปดาห์นี้เป็นการพักของราคาอยู่
Day ปิดเป็น PA Sell หากมอง PA ก็เหมือนจะกลับตัวลงต่อ แต่ถ้าในมุมมองของโครงสร้างถือว่าโครงสร้างยังเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน มองว่าวันจันทร์อาจย่อมาทดสอบแนวรับที่ส่งราคาขึ้นไป
H4 มองภาพรวมตามรูปราคาอยู่กลางกรอบเลย แต่หากพิจารณาจากโครงสร้าง มีการเสียโครงสร้างขาลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว(ChoCh)
ปัจจัยพื้นฐาน
หลังจาก FED ประกาศคงดอกเบี้ยและในส่วนของ fed dot plot ที่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 3 ครั้งในปีหน้าของแต่ละไตรมาส ก็ดันราคากลับขึ้นมาได้แรงมากหลังจากตลาดเทขายทำกำไรไป แต่เมื่อคืนนี้มีการออกมาพูดของสมาชิก Fed ลุงๆทั้งหลายที่เป็นสมาชิก ราคาทองคำก็ร่วงต่อทันที
ที่ผมคิดตอนนี้ คือเราจะให้น้ำหนักคำพูดของสมาชิกที่ออกมาให้ความเห็นทั้งสามท่านในเมื่อคืนที่ผ่านมาหรือจะยึด fed dot plot ที่ลุงพาวเวลล์ได้พูดไปเมื่อคืนวันพุธ (ลุงชอบพลิกลิ้นซะด้วยสิ) แต่หากมองจากเอฟเฟ็คที่ตลาดตอบสนองคงเป็นคำพูดของลุงพาวเวลล์ที่มีน้ำหนักและตลาดเชื่อถือมากกว่า
เทคนิคคอล
หากเรามองแค่ H4 จะเห็นได้ว่าราคานั้นอยู่กลางกรอบเลย และเอาจริงๆกราฟเค้าเฉลยเรามาแล้วครึ่งทางคือเค้าทำลายโครงสร้างขาลงของ H1 และ H4 ไปแล้ว หากเค้าลงมาทดสอบ Demand แถวๆ 1980 หรือลงมาไม่ถึงแล้วกลับขึ้นไปเบรก High 2048 ได้ราคาก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นโดยสมบูรณ์ใน H4 ให้ระวังแถวๆ 2060-2090 ว่าผ่านได้ไหมอีกที สรุปคือเราจะรอราคาย่อมาตามตัวเลข Fibo 50%,61.8%,78.6% และอย่างลึกสุดคือ 1980 หากมีการทดสอบแล้วไม่ผ่านเราจะเข้าออเดอร์ Buy กัน
**หากราคาหลุด 1973 ลงมา จะเปลี่ยนมาเป็นโครงสร้างขาลงอีกครั้ง**
จุดเข้าจะลงให้ทุกวันในช่องประมาณ 11.00 น. นะครับ
คำคมวันนี้
การรอเป็นเทคนิคการเทรดที่ง่ายที่สุด แต่ก็ทำยากที่สุดเช่นกัน ^^
การซื้อขายเหตุการณ์พื้นฐานในสัปดาห์นี้ การซื้อขายเหตุการณ์พื้นฐานในสัปดาห์นี้
ความสนใจของตลาดจะได้รับการแก้ไขในการประชุมนโยบายสุดท้ายของธนาคารกลางของ 2023 กำหนดไว้สำหรับวันพุธนี้ด้วยความคาดหวังว่าสหรัฐจะรักษาอัตราดอกเบี้ยที่สูง 22 ปี
นักลงทุนจะมีโอกาสที่จะกลั่นกรองคำสั่งของเฟดและประธานแถลงข่าวของเจโรมพาวเวลล์สำหรับข้อบ่งชี้ใดๆของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มีศักยภาพในปี 2024(หรือขาดมัน)
วันหนึ่งก่อนที่จะมีการตัดสินใจของเฟดสหรัฐยังทรงตัวที่จะเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ส การคาดการณ์แนะนำการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของ 0.1%ในเดือนพฤศจิกายนราคาผู้บริโภค
บนักลงทุนทุกท่านระดับของอำนาจเพิ่มทางการเงินอาจจะต่อต้านคุณเช่นเดียวกับทำเงินใ
คาดการณ์ว่าจะรักษาต้นทุนการกู้ยืมเงินที่สูง 15 ปีในขณะที่ย้ำความจำเป็นสำหรับอัตราดอกเบี้ ความเห็นใดๆจากธนาคารเบี่ยงเบนไปจากแนวโน้มนี้อาจทำให้เกิดคลื่นในตลาด
อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนลดลงถึง 2.4%เมื่อเดือนที่แล้วลดลงจากกว่า 10%ต่อปีก่อนหน้านี้ต่อไปนี้สิบปรับ การลดลงนี้จะนำเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางยุโรป 2%เข้าสู่มุมมองและทำให้ เริ่มต้นของการตัดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกตามด้วย 25 จุดพื้นฐานตัดในการประชุมแต่ละครั้งต่
มอร์แกนสแตนลีย์และโบฟา 2024 ยูโร/การคาดการณ์ดอลลาร์สหรัฐ มอร์แกนสแตนลีย์และโบฟา 2024 ยูโร/การคาดการณ์ดอลลาร์สหรัฐ
มอร์แกนสแตนลีย์ได้เปิดตัวสิ่งที่พวกเขาเรียกการค้าสูงสุดของพวกเขาสำหรับ 2024,และมันก็เป็
นักวิเคราะห์ของมอร์แกนสแตนลีย์คิดว่าการขายยูโร/ดอลลาร์สหรัฐรอบระดับปัจจุบันที่ 1.10 คือการซื้อขายที่จะทำในปีหน้าโดยมีเป้าหมายว่าราคาจะถึงความเท่าเทียมกันภายในปลายไตรมาสแรกของปี 2024 ดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญ รกลางของตนเพื่อเริ่มต้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่สองของปี 2024 ขายโครนสวีเดน(ซึ่งได้กลายเป็นสิบอันดับแรกซื้อขายสกุลเงินเมื่อเร็วๆนี้)และปอนด์อังกฤษอาจจะเป็นตัวเลือกสำหรับ 2024 เกินไป,แต่นี้ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนโดยธนาคาร.
บนมืออื่นๆ,ธนาคารแห่งอเมริกาได้ชี้ให้เห็นว่าการสั้นดอลลาร์สหรัฐคือการค้าที่จะทำให้โดย บี้ยในยูโรโซนที่เพิ่มขึ้นน่าดึงดูดใจของหุ้นยูโรตามและการลงทุนอื่นๆ
Ethereum ETH แนวโน้มเพิ่มขึ้นสามเท่าEthereum ETH แนวโน้มตลาดกระทิงด้านล่างสามหัวและไหล่ Ethereum มีสองรูปแบบในเวลาเดียวกัน มันคือสามด้านล่างและด้านล่างหัวและไหล่ มันเป็นเทรนด์ตลาดกระทิงที่ยิ่งใหญ่ เป้าหมายหลักคือเส้นสีเขียว ข้างต้น ตราบใดที่มันทะลุ 2100 มันจะไปถึง 4000 และทะยานไปสู่เป้าหมายสูงสุดที่ 6000/8000
ช่องทางเทรนด์ Bitcoin 100,000ช่องแนวโน้มแนวโน้ม 100,000 ของ Bitcoin เป้าหมายหลักคือการเข้าถึงมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ สีเขียวคือช่องที่เพิ่มขึ้น เส้นสีน้ำเงินคือราคาเป้าหมายแรก เส้นสีแดงคือราคาเป้าหมายสูงสุด สีขาวคือแนวโน้มตลาด แบ่งออกเป็นหนึ่ง สอง และสาม คลื่นสี่หรือห้าคลื่น คลื่นหนึ่งทะลุผ่าน คลื่นสามคลื่นทะยาน และห้าคลื่นขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แต่ละคลื่นรวมแนวโน้ม ABC จุดข้างต้นก่อให้เกิดเงื่อนไขที่นำไปสู่ $100,000 ตลาดกระทิงได้เริ่มขึ้นแล้ว
ภาพรวมคลังภาพภาพรวมคลังภาพภาพรวมคลังภาพภาพรวมคลังภาพภาพรวมคลังภาพภาพรวมคลังภาพภาพรวมคลังภาพภาพรวมคลังภาพ
ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวานนี้และกำลังทำเช่นเดียวกันอีกครั้งในวันนี้
จำนวนอัตราเงินเฟ้อต่ำที่น่าแปลกใจจากสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการชุมนุมเมื่อว แต่วันนี้เรามีเหตุการณ์ใหม่ที่อาจจะขับรถความเชื่อมั่นในคู่เหล่านี้ เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นชิ้นดังนั้นจึงยังคงที่จะเล่นออกอย่างสมบูรณ์และผลกระทบของมันยังค
เปอร์เซนต์ของเทรดเดอร์:
อะไรต่อ?
การสนับสนุนที่อ่อนแอได้รับการจัดตั้งขึ้นรอบ 0.64828 ฉันต้องการที่จะเห็นการสอบสวนคู่สำหรับใกล้ชิดใกล้ชิดกับ 0.65400 ก่อนที่จะสรุปว่ามีอคติรั้นที่แน่นอ เราจะดูรายงานข่าวเกี่ยวกับอารมณ์ของการประชุมและผลลัพธ์ใดๆที่จะได้รับความเข้าใ
EUR/USD Analysis for 31-Oct-2023FX:EURUSD
Previous Day: buyers กลับเข้ามา active ที่ value area low หลังข่าวสำคัญทางฝั่งยุโรปออก เอาราคา break ขึ้นไปเหนือ balance area high ที่เรากำหนดไว้ตอนแรก แต่ก็ขึ้นไปติดที่ Resistance Zone 1.06181-1.06239 ที่ซึ่ง sellers กลับเข้ามา active เนื่องจากต้องไม่ลืมว่า medium time-frame ยังอยู่ใน Balance Phase โดยตลาดจบลงด้วยการมี Profile shape เป็น Long b-Shape with Multiple Distribution
Today: ตราบใดที่ราคายัง hold อยู่ใต้ Initial Resistance short-term ก็จะยังเป็น Balance Phase อยู่ โดยมี target เบื้องต้นอยู่ที่ Initial Support
กรณีที่ราคา hold อยู่เหนือ Pre-Market Support ได้ โอกาสจะสูงที่ราคาจะ break Initial Resistance และเมื่อนั้นเราจะปรับ short-term มาเป็น Bullish Phase แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า medium time-frame ยังเป็น Balance Phase อยู่ เพราะฉะนั้นยิ่งราคา expand ขึ้นด้านบนมากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสสูงเท่านั้นที่เราจะเห็น sellers กลับเข้ามา active ได้
การตีความ Volume Profile : เมื่อเรามี Profile ในวันก่อนหน้าเป็น Long b-Shape นั่นหมายความว่าเรามี trapped sellers ติดอยู่ด้านล่าง มีโอกาสที่ buyers จะหมดแรง แล้วโอกาสที่ราคา pull-back ลงมาจึงมีสูง ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ buyers จะกลับเข้ามา active อีกครั้ง รวมถึงยังเป็นสัญญาณของ Bullish Absorption ด้วย
<--Balance Rules Apply!-->
📹 💄กดดู Video 👇 ที่ Logo Youtube ด้านล่าง จะทำให้เข้าใจ Market Context ได้ดีขึ้นครับ
🥇📚คอร์สสอนเทรดสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบจริงจัง 👇 กดดูรายละเอียดจาก link Website ด้านล่าง 💥
Balance Rules
กฏโดยพื้นฐานคือ เทรดไปตามทิศทางที่ตลาด Break Out
Break Out ขึ้นข้างบน (Look above and go) - เราต้องเป็น Buyer
Break Down ลงข้างล่าง (Look below and go) - เราต้องเป็น Seller
Monitor for continuation (Acceptance) or Lack of.
Lack of continuation (Failed breakout / Look above/below and fail)
- ต้องหา Fade Setup (เทรดสวน) target คือ ขอบของ balancing area ในฝั่งตรงข้าม
Short-term: IN BALANCE ►
Bullish Phase Ended | Now back to balance | Low: 1.05221 High: 1.06246
Medium-term: IN BALANCE ►
Bearish Phase Ended | Now back to balance | Low: 1.04951 High: 1.06935
XAU/USD Analysis for 31-Oct-2023EIGHTCAP:XAUUSD "
Previous Day: อย่างที่บอกเอาไว้เมื่อวานว่าถ้า ตลาด bullish จริง เราไม่ควรเห็นราคา pull back ลึกลงมาถึง Initial Support เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่า buyers จะกลับเข้ามา active ที่ Initial Support ราคาก็ไม่สามารถ break high ของวันศุกร์ได้ โดยตลาดจบลงด้วยการมี Profile shape เป็น D-Shape with Single Distribution
Today: อย่างไรก็ตาม short-term จะยังคงเป็น Bullish Phase เอาไว้ก่อน ตราบใดที่ราคายัง hold อยู่เหนือ 1987.86 ยังมีโอกาสที่ buyers จะกลับเข้ามา active เอาราคากลับขึ้นไปสู่ด้านบน โดย target เริ่มต้นคือ Initial Resistance หรืออาจจะขึ้นไปสูงกว่านั้นก็ได้
กรณีที่ราคา break ลงมาใต้ 1987.86 จะมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็น fail breakout pattern และเป้าหมายเริ่มต้นของ fail breakout pattern คือ HVN หรืออาจจะลงไปต่ำกว่านี้ก็ได้
การตีความ Volume Profile : เมื่อเรามี Profile ในวันก่อนหน้าเป็น D-shape ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสองทาง นั่นคือ 1. ตลาด balancing อยู่ในกรอบของวันที่ผ่านมา หรือ VPOC จะเป็นจุดเริ่มต้นของ directional move รวมถึงยังเป็นสัญญาณของ Absorption ด้วย
📹 💄กดดู Video 👇 ที่ Logo Youtube ด้านล่าง จะทำให้เข้าใจ Market Context ได้ดีขึ้นครับ
🥇📚คอร์สสอนเทรดสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบจริงจัง 👇 กดดูรายละเอียดจาก link Website ด้านล่าง 💥
Short-term: Bullish Phase ▲
Ends: 1987.86
Medium-term: Bullish Phase ▲
Ends: 1953.58
EUR/USD Analysis for 30-Oct-2023FX:EURUSD
Previous Day: จากที่ short-term อยู่ใน Balance Phase เมื่อราคา break ขึ้นไปเหนือ high ของวันที่ 26/10 ได้ในช่วง US session market context จึงเปลี่ยนจาก Bullish Phase ไปเป็น Balance Phase เรียบร้อยแล้ว โดยตลาดจบลงด้วยการมี Profile shape เป็น D-Shape with Single Distribution
Today: การที่ Bearish Phase นั้นจบลง ไม่ได้แปลว่า market context จะเปลี่ยนไปเป็น Bullish Phase ทันทีนะครับ ปกติแล้วจะเปลี่ยนไปเป็น Balance Phase เท่านั้น โดยเบื้องต้นคาดการณ์ว่า balance area น่าจะอยู่ที่ 3 วันล่าสุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าราคามาเทรดอยู่ตรงกลาง balancing range บริเวณนั้นจะมีความเสี่ยงสูงในการเข้าเทรด เพราะจากจุดนั้นราคาสามารถขึ้นก็ได้ หรือลงก็ได้ไม่ทิศทางแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าเข้าเทรดบริเวณนี้จะไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงถ้าคิดถึง reward to risk ratio ทุก ๆ ครั้งที่ราคาติดอยู่ใน balance area จะมี area ที่เป็น good trade location อยู่ 2 จุด นั่นคือที่ value area high/low และ balance area high/low (ขอบบนและขอบล่าง)
การตีความ Volume Profile : เมื่อเรามี Profile ในวันก่อนหน้าเป็น D-shape ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสองทาง นั่นคือ 1. ตลาด balancing อยู่ในกรอบของวันที่ผ่านมา หรือ VPOC จะเป็นจุดเริ่มต้นของ directional move รวมถึงยังเป็นสัญญาณของ Absorption ด้วย
<--Balance Rules Apply!-->
📹 💄กดดู Video 👇 ที่ Logo Youtube ด้านล่าง จะทำให้เข้าใจ Market Context ได้ดีขึ้นครับ
🥇📚คอร์สสอนเทรดสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบจริงจัง 👇 กดดูรายละเอียดจาก link Website ด้านล่าง 💥
Balance Rules
กฏโดยพื้นฐานคือ เทรดไปตามทิศทางที่ตลาด Break Out
Break Out ขึ้นข้างบน (Look above and go) - เราต้องเป็น Buyer
Break Down ลงข้างล่าง (Look below and go) - เราต้องเป็น Seller
Monitor for continuation (Acceptance) or Lack of.
Lack of continuation (Failed breakout / Look above/below and fail)
- ต้องหา Fade Setup (เทรดสวน) target คือ ขอบของ balancing area ในฝั่งตรงข้าม
Short-term: IN BALANCE ►
Bullish Phase Ended | Now back to balance | Low: 1.05221 High: 1.06058
Medium-term: IN BALANCE ►
Bearish Phase Ended | Now back to balance | Low: 1.04951 High: 1.06935
XAU/USD Analysis for 30-Oct-2023EIGHTCAP:XAUUSD "
Previous Day: ในช่วง London session sellers active ที balance area high เอาราคากลับลบมาเทส HVN แต่ก่อนตลาดวันศุกร์จะปิดไม่นาน ปรากฏว่า buyers กลับเข้ามา active เอาราคา break out ขึ้นไปเหนือ 6 days balance area ได้สำเร็จ เพราะฉะนั้น Balance Phase เปลี่ยนไปสู่ Bullish Phase ใน short-term เรียบร้อยแล้ว โดยตลาดจบลงด้วยการมี Profile shape เป็น Long b-Shape with Double Distribution
Today: คำถามสำคัญสำหรับวันนี้คือ การ breakout ครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่ความพยายาม หรือจะเป็นการ breakout ได้จริง ถ้าทองคำจะ breakout ได้จริง ราคาไม่ควรกลับมาลงใต้ Initial Support และ ถ้าตลาด bullish จริงราคาไม่ควรลงมาต่ำกว่า Pre-Market Support 1995.34-1996.91ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นการเทรด short side จะมีความเสี่ยงสูง ควรหา long trade setup เป็นหลัก
ตรงกันข้าม ถ้าราคา break ลงมาใต้ Initial Support จะมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็น fail breakout pattern ส่งผลให้ราคากลับลงมาอย่างน้อยที่ HVN หรืออาจจะลงมาต่ำกว่านั้นก็ได้
การตีความ Volume Profile : เมื่อเรามี Profile ในวันก่อนหน้าเป็น Long b-Shape นั่นหมายความว่าเรามี trapped sellers ติดอยู่ด้านล่าง มีโอกาสที่ buyers จะหมดแรง แล้วโอกาสที่ราคา pull-back ลงมาจึงมีสูง ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ buyers จะกลับเข้ามา active อีกครั้ง รวมถึงยังเป็นสัญญาณของ Bullish Absorption ด้วย
📹 💄กดดู Video 👇 ที่ Logo Youtube ด้านล่าง จะทำให้เข้าใจ Market Context ได้ดีขึ้นครับ
🥇📚คอร์สสอนเทรดสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบจริงจัง 👇 กดดูรายละเอียดจาก link Website ด้านล่าง 💥
Short-term: Bullish Phase ▲
Ends: 1993.20
Medium-term: Bullish Phase ▲
Ends: 1953.58
EUR/USD Analysis for 27-Oct-2023FX:EURUSD
Previous Day: จากที่ short-term อยู่ Bearish Phase มาตั้งแต่วันที่ 24/10 เมื่อวานนี้ราคา pull back กลับขึ้นด้านบนชัด ๆ เป็นครั้งแรก เนื่องจากลงมาเจอ buyers ที่รออยู่บริเวณ 4 days balance area low ก่อนหน้านี้ โดยตลาดจบลงด้วยการมี Profile shape เป็น D-Shape with Single Distribution
Today: เนื่องจาก short-term อยู่ใน Bearish Phase ราคา 1.05687 คือ short-term inflection point ถ้าราคา break ขึ้นไปได้ ก็จะทำให้ Bearish Phase จบลง ตลาดจะกลับเข้าสู่ Balance Phase ใน short-term
แต่ถ้าราคา reject ที่ yesterday’s high (อาจจะ break ขึ้นไปนิดหน่อยแล้วโดน reject กลับลงมา หรือที่เค้าเรียกกันว่า take liquidity) short-term ก็จะยังอยู่ใน Bearish Phase ต่อไป และ target ของ sellers คือการเอาราคากลับลงไปเทส Initial Support
การตีความ Volume Profile : เมื่อเรามี Profile ในวันก่อนหน้าเป็น D-shape ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสองทาง นั่นคือ 1. ตลาด balancing อยู่ในกรอบของวันที่ผ่านมา หรือ VPOC จะเป็นจุดเริ่มต้นของ directional move รวมถึงยังเป็นสัญญาณของ Absorption ด้วย
📹 💄กดดู Video 👇 ที่ Logo Youtube ด้านล่าง จะทำให้เข้าใจ Market Context ได้ดีขึ้นครับ
🥇📚คอร์สสอนเทรดสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบจริงจัง 👇 กดดูรายละเอียดจาก link Website ด้านล่าง 💥
Short-term: Bearish Phase ▼
Ends: 1.06165
Medium-term: IN BALANCE ►
Bearish Phase Ended | Now back to balance | Low: 1.08333 High: 1.07363
XAU/USD Analysis for 27-Oct-2023EIGHTCAP:XAUUSD "
Previous Day: เป็นไปตามที่คาดการณ์ เมื่อราคาขึ้นไปสู่ premium level ที่ balance area high เราเจอ sellers กลับเข้ามา active เอาราคาลงมาสู่ value area low ที่ซึ่ง buyers กลับเข้ามา active อีกครั้ง โดยตลาดจบลงด้วยการมี Profile shape เป็น D-Shape with Single Distribution
Today: short-term ยังอยู่ใน Balance Phase เนื่องจากราคายังเทรดอยู่ใน 5 day balance area และราคากลับขึ้นมาที่ premium price และ balance area high อีกครั้ง เพราะฉะนั้นก็เหมือนเมื่อวาน ราคามาเทรดอยู่ที่ good trade location สำหรับ sellers ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถ break & hold เหนือ 1997.15 ได้ ที่บริเวณนี้ก็จะยังเป็น good trade location สำหรับ sellers ต่อไป
กรณีที่ราคา break & hold เหนือ 1997.15 ก็จะเท่ากับ ทองคำ break out ออกจาก 5 days balance area จะส่งผลให้ short-term จะต้องเปลี่ยนเป็น Bullish Phase ซึ่งการเทรด short side สวน bias จะมีความเสี่ยงสูง
การตีความ Volume Profile : เมื่อเรามี Profile ในวันก่อนหน้าเป็น D-shape ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสองทาง นั่นคือ 1. ตลาด balancing อยู่ในกรอบของวันที่ผ่านมา หรือ VPOC จะเป็นจุดเริ่มต้นของ directional move รวมถึงยังเป็นสัญญาณของ Absorption ด้วยPrevious Day: เป็นไปตามที่คาดการณ์ เมื่อราคาขึ้นไปสู่ premium level ที่ balance area high เราเจอ sellers กลับเข้ามา active เอาราคาลงมาสู่ value area low ที่ซึ่ง buyers กลับเข้ามา active อีกครั้ง โดยตลาดจบลงด้วยการมี Profile shape เป็น D-Shape with Single Distribution
Today: short-term ยังอยู่ใน Balance Phase เนื่องจากราคายังเทรดอยู่ใน 5 day balance area และราคากลับขึ้นมาที่ premium price และ balance area high อีกครั้ง เพราะฉะนั้นก็เหมือนเมื่อวาน ราคามาเทรดอยู่ที่ good trade location สำหรับ sellers ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถ break & hold เหนือ 1997.15 ได้ ที่บริเวณนี้ก็จะยังเป็น good trade location สำหรับ sellers ต่อไป
กรณีที่ราคา break & hold เหนือ 1997.15 ก็จะเท่ากับ ทองคำ break out ออกจาก 5 days balance area จะส่งผลให้ short-term จะต้องเปลี่ยนเป็น Bullish Phase ซึ่งการเทรด short side สวน bias จะมีความเสี่ยงสูง
การตีความ Volume Profile : เมื่อเรามี Profile ในวันก่อนหน้าเป็น D-shape ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสองทาง นั่นคือ 1. ตลาด balancing อยู่ในกรอบของวันที่ผ่านมา หรือ VPOC จะเป็นจุดเริ่มต้นของ directional move รวมถึงยังเป็นสัญญาณของ Absorption ด้วย
<--Balance Rules Apply!-->
📹 💄กดดู Video 👇 ที่ Logo Youtube ด้านล่าง จะทำให้เข้าใจ Market Context ได้ดีขึ้นครับ
🥇📚คอร์สสอนเทรดสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบจริงจัง 👇 กดดูรายละเอียดจาก link Website ด้านล่าง 💥
Balance Rules
กฏโดยพื้นฐานคือ เทรดไปตามทิศทางที่ตลาด Break Out
Break Out ขึ้นข้างบน (Look above and go) - เราต้องเป็น Buyer
Break Down ลงข้างล่าง (Look below and go) - เราต้องเป็น Seller
Monitor for continuation (Acceptance) or Lack of.
Lack of continuation (Failed breakout / Look above/below and fail)
- ต้องหา Fade Setup (เทรดสวน) target คือ ขอบของ balancing area ในฝั่งตรงข้าม
Short-term: IN BALANCE ►
Bullish Phase Ended | Now back to balance | Low: 1901.27 High: 1879.84
Medium-term: Bullish Phase ▲
Ends: 1885.75