ภาพประกอบ
XAUUSD คืนนี้จับตาดูตัวเลข CPI(เงินเฟ้อ)ทองคำมีโอกาสผันผวนได้สูง📈ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำกำลังเผชิญกับการลดลงเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน และเมื่อคืน(ตามเวลาประเทศไทย) ผู้ว่าการเฟด “มิเชลโบว์แมน” ย้ำไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย !! ทั้งยังส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ยว่า “ยังไม่เห็นความจำเป็นที่เฟดจะต้องลดดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้“ และชี้ว่ายังมีความเสี่ยงในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ ” ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ดอลลาร์และบอนยีลด์แกว่งขึ้น USD ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุลของโลก ยังคงทรงตัวที่ประมาณ 104.12 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยอัตราผลตอบแทน 10 ปีปัจจุบันอยู่ที่ 4.17%.//การแกว่งตัวขึ้นของดอลลาร์และบอนยีลด์ กดทองย่อย่ Low $2,01 และปิดลบ $4.27!! ทั้งนี้มีแรงช้อนซื้อ Buy on dip ที่โซนแนวรับเพื่อรอลุ้นตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
ในคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ Bloomberg คาดการณ์ว่า CPI YoY ของสหรัฐฯจะลดลงจาก 3.4% เหลือ 2.9% และ Core CPI YoY จะลดลงจาก 3.9% เหลือ 3.7%*ซึ่งถือเป็นการคาดการณ์ที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้
1. เป็นไปตามคาดการณ์หรือน้อยกว่าคาดการณ์ ทองคำอาจเกิด Technical Rebound รุนแรงขึ้น(หนุนทอง)
2. แต่หากผิดคาดการณ์ คือตัวเลข CPI YoY สูงกว่าการคาดการณ์ แต่ต่ำกว่า 3.4% อาจทำให้การรีบาวน์เกิดขึ้นน้อยมากแล้วลงต่อ Followed by a downtrend(ไซดเวย์ดาวน์)
3. หากตัวเลข CPI YoY สูงกว่า 3.4% มากๆ ทองคำมีโอกาส ทิ้งตัวรุนแรง(กดดันทอง)
ยังต้องติดตามความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากตัวเลขเงินเฟ้อไม่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผลของตัวเลขอัตราเงินเฟ้อมักจะนำมาเปรียบเทียบกับความคิดเห็นของเฟดอยู่ดีว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเดือนอะไร
🙏Credit ข้อมูลโดย : บ. ylgbullion .co .th / บ.ShinningGold Bullion . Com
🕯เทคนิคอล
ราคาวานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งยังคงสร้างระดับต่ำสุดใหม่ในรายวันและรายสัปดาห์ด้วยเช่นกันและการปรับตัวขึ้นยังค่อนข้างจำกัด(รอการประกาศตัวเลขคืนนี้)
TF H4 ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงราคา $2,000-$2050 (Round number ) และรอราคาเลือกข้างฝั่งใด โอกาสโครงสร้างราคาจะถูกทำลายหากผ่านจุด BREAK point ฝั่งใดฝั่งหนึ่งในทางเทคนิค
แนวต้าน
2390.00 **Weekly
2280.00 **Weekly
2170.00 ***Weekly
2135.00 ** Daily
2090.00 ***Daily
2065.00 ***Daily
2037.00 Intraday
2032.00 Intraday
2027.00 Intraday
แนวรับ
2012.00 Intraday
2005.00 Intraday
2000.00 Intraday
1990.00 ***Daily
1970.00 ***Daily
1930.00 ***Daily
1930.00 ***Weekly
1880.00 ***Weekly
1810.00 **Weekly
***M30 มีการสร้างฐานแนวรับที่ 2010.00 และช่วยให้เกิดเสถียรภาพชั่วคราวเกิดสภาวะกระทิงช่วงระหว่างวันสู่แนวต้าน 2022 / 2027 (Intraday)
***Day มีการสร้างฐานแนวรับที่ 2000.00 และช่วยให้เกิดเสถียรภาพชั่วคราวเกิดสภาวะกระทิงช่วงสั้นสู่แนวต้าน 2065 / 2090 (Daily)
***Week มีการสร้างฐานแนวรับที่ 1930.00 และช่วยให้เกิดเสถียรภาพชั่วคราวเกิดสภาวะกระทิงช่วงระยะกลางสู่แนวต้าน 2170 / 2280 (Weekly)
🧩แนวคิดประจำวัน 📊
หากราคาปรับตัวขึ้นจำกัด พิจารณาเปิดสถานะขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 2,048-2065 ดอลลาร์
ชะลอการเปิดสถานะ Sell หรือตัดขาดทุน หากราคาผ่าน 2,065 ดอลลาร์// เน้นเก็งกำไรจากการแกว่งตัว โดยปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับ 2,010-1999 ดอลลาร์
แผน Sell รอราคาขยับขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 2,035-2051 ดอลลาร์, 2,055-2065 ดอลลาร์(ควรติดตามตัวเลขเงินเฟ้อประกอบการพิจารณา)
ตัวอย่างแนวคิด
Sell Scalping (13 กพ)
2028-2031-2034(ควรติดตามตัวเลขเงินเฟ้อประกอบการพิจารณา)
Sl 2042
TP1 2023
TP2 2018
TP3 2013
TP4 2008
ตัวอย่างแนวคิด
Sell intraday 2042-2045-2051(ควรติดตามตัวเลขเงินเฟ้อประกอบการพิจารณา)
Sl 2065
(เป้าซิ่ง 3-5 เหรียญ)
2039 ,2037
TP1 2032
TP2 2022
TP3 2012
TP4 2002
แผน Buy รอราคาขยับลงเข้าใกล้ 2,005-1990-1980 ดอลลาร์(ควรติดตามตัวเลขเงินเฟ้อประกอบการพิจารณา)
**ควรพิจารณาสัญญาณบ่งชี้ในทางเทคนิคอล เช่น สัญญญาณกลับตัวในไทมเฟรมนั้นๆ
ตัวอย่างแนวคิด
Buy Scalping 2000-1997-1994 (ควรติดตามตัวเลขเงินเฟ้อประกอบการพิจารณา)
Sl 1980
(เป้าซิ่ง 3-6 เหรียญ)
2003 ,2006
TP1 2005
TP2 2010
TP3 2015
TP4 2020
ตัวอย่างแนวคิด
Buy Intraday 1982-1977-1972 (ควรติดตามตัวเลขเงินเฟ้อประกอบการพิจารณา)
Sl 1960
(เป้าซิ่ง 3-8 เหรียญ)
1985 ,1990
TP1 2002
TP2 2022
TP3 2042
TP4 2062
⚠️หมายเหตุ
- บทวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น
- ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างจากการคาดการณ์
- ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน
- โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
**ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่่ยงสูง ควรติดตามปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิด
สนับสนุนพวกเราด้วยการกดปุ่ม Boost(ส่งเสริม)🚀 / และแสดงความคิดเห็นต่อไอเดียของเรา💬 ขอบพระคุณครับ🙏
ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการซื้อขาย หรือการลงทุน❤️
XAUUSD วนลูป 2000-2050 (Round number ) รอปัจจัยพาเลือกข้างเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ ราคาทองคำวิ่งอยู่ในกรอบไซด์เวย์ 2040-2020 สะสมกำลังต่อรอข้อมูลสหรัฐฯเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ จะมีหลายรายการที่นักลงทุนยังรอ เช่น CPI, ดัชนีการผลิตของ Empire State, การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนการว่างงาน, PPI ควรติดตามตัวเลขเหล่านี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเข้าลงทุน
TF H4 ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงราคา $2,000-$2050 (Round number ) และรอราคาเลือกข้างฝั่งใด โอกาสโครงสร้างราคาจะถูกทำลายหากผ่านจุด BREAK point ฝั่งใดฝั่งหนึ่งในทางเทคนิค
แนวคิด intraday(12 กพ)
แผน Sell รอราคาขยับขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 2,038 ดอลลาร์, 2,051 ดอลลาร์
แผน Buy รอราคาขยับลงเข้าใกล้ 2,005 ดอลลาร์, 1985 ดอลลาร์
**ควรพิจารณาสัญญาณบ่งชี้ในทางเทคนิคอล เช่น สัญญญาณกลับตัวในไทมเฟรมนั้นๆ
⚠️ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่่ยงสูง แนะนำให้นักลงทุนติดตามปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจลงทุนยังไงก็ขอให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จในการลงทุน
โปรดช่วยสนับสนุนพวกเราและช่องฟรีด้วยการกดปุ่มไลค์/เพิ่มความคิดเห็นต่อเรา 🚀 ขอบคุณครับ
ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการซื้อขาย
BTCUSDHidden Divergence เป็นการเกิด Divergence
ในขณะที่ราคากำลังเหวี่ยงตัว Sideway ออกข้างในกรอบราคา
แล้วแสดงอาการเหวี่ยงตัวแรงขึ้น ให้เห็นว่า ราคามีโอกาสที่จะ Break Out
ออกจากกรอบราคาได้ ใน Hidden Divergence ไม่มีระดับความแรง
มีแบ่งแค่ Bullish กับ Bearish เท่านั้น คือ แสดงโอกาสว่า จะวิ่งขึ้น (Bullish) หรือ วิ่งลง
BTCUSD1. รอ เคลียร์ แนวต้าน RSI
2. รอ Bullish Divergence
: RSI จะช่วยให้คุณสามารถระบุแนวโน้มของราคา สัญญาณการกลับตัวของราคา ซึ่งจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเราเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับ แนวรับ-แนวต้าน มากยิ่งขึ้น จะทำให้คุณสามารถกรองสัญญาณการเทรดได้ดียิ่งขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเทรดขึ้นคุณกับตัวเองเป็นหลัก ฝึกฝนกลยุทธิ์การเทรดด้วย RSI อย่างสม่ำเสมอ
XAUUSD มุมมองต้นสัปดาห์ 22/1 ลุ้นทองฟื้นสายสวนเตรียมค้อนขวับ⚔️เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทองคำทำระดับสูงสุดของวันได้ถึง 2039 ก่อนเจอแรงขายทำกำไรร่วงสู่ 2022 แล้วยังยืนได้จนให้ราคาปิดตลาดได้ที่ 2029 มุมมองวันถัดไปเมื่อตลาดเริ่มดำเนินการต่อ ระยะสั้นหรือระหว่างวันหากไม่มีปัจจัยหนักมากดดันให้หลุด 2020 ลงไปเสียก่อนมองว่าระยะสั้นๆ ยังมีโอกาสฟื้นตัวไปต่อเพื่อทดสอบแนวต้าน 2041 / 2047 /2053 / 2060 ตามลำดับ ถ้าหาก 2020 รับไม่อยู่แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 2009 / 2002 / 1982 ตามลำดับ
🚀ในช่วงต้นสัปดาห์ ทองคำอาจปรับขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ:
- การโจมตีเยเมนและการตอบโต้ต่อเรือสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ดัชนีดอลลาร์ปิดเซสชั่นวันศุกร์ในช่วงปรับฐาน
- กรอบเวลารายชั่วโมงราคาทองคำสิ้นสุดเซสชั่นของวันศุกร์และสิ้นสุดการปรับฐานเหนือ Demand zone 2025-2020 ราคาได้พักฐานสะสมกำลังเหนือระดับที่สำคัญทางจิตวิทยา 2000 และทางเทคนิค ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลต่อมุมมองเชิงบวก
🔨กลยุทธ์การเทรดในวันที่ 22 มกราคม
แม้ว่าราคาจะเกิดรูปแบบขาขึ้นเพิ่มเติม แต่มุมมองผมว่าควรมองแผน Sell มากกว่าแผนบาย โดยรอโอกาสเมื่อราคาขยับขึ้นและไม่ผ่านแนวต้านต่างๆ และเข้าสู่โหมด Over bought ดังนั้นเราจะเฝ้าราคาขึ้นไปแตะ Supply zone/ resistance zone ในการหาจังหวะเข้าเปิดสถานะฝั่ง sell เพื่อเก็งกำไรจังหวะย่อตัว หรือสวิงในกรอบ สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้นๆหรือ Daytrade ควรเก็งกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในกรอบจากแนวต้าน 2065(Sl รายย่อย) ถึงแนวรับ 1981(Sl รายย่อย) โดยมีมุมมองแคบลงว่าถ้าราคาไม่ผ่าน 2050(แนวต้านจิตวิยา) ไปได้ยังมีโอกาสลงมาทดสอบ 2000(แนวรับจิตวิทยา) และยังมีความเสี่ยงอยู่มากที่ราคาจะหลุดระดับแนวรับ เชิงจิตวิทยา 2000 โดยประเมินแนวรับถัดไป 1981 / 1961 / 1950 ตามลำดับ และรอเข้าเล่นฝั่งบายเมื่อราคาลงมาสะสมกำลังที่แนวรับสำคัญ
แนวคิดเพิ่มเติม
Tf Day-คาดการณ์หากยังเคลื่อนไหวเหนือ 2020 มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเคลื่อนที่ขึ้นหาแนวต้านจิตวิทยา 2050
ถ้ายืนได้มีโอกาสขึ้นต่อเพื่อทดสอบโซนแนวต้าน 2067-2088
Tf Day-คาดการณ์หากยังเคลื่อนไหวต่ำกว่า 2020 มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเคลื่อนที่ลงหาแนวรับเชิงจิตวิทยา 2005-2000
Tf Day-คาดการณ์หากยังเคลื่อนไหวต่ำกว่า 2000 มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเคลื่อนที่ลงหาแนวฐาน 1981 / 1961 / 1950
แนวโน้มสำหรับยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ:ดาวอสข้อมูลเชิงลึกและการกล่าวส...แนวโน้มสำหรับยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ:ดาวอสข้อมูลเชิงลึกและการกล่าวสุนทรพจน์เฟด
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรปหลายคนแสดงความขัดแย้งกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจช่วยลดการสูญเสียในสกุลเงินยูโร/ดอลลาร์สหรัฐซึ่งขณะนี้กำลังทดสอบระดับฟีโบนักชี 61.8%หลังจากที่ลดลงกว่า 0.7%
และตำแหน่งของพวกเขาเกี่ยวกับโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024
การถือครองปิดในการย้ายธนาคารกลางแต่เห็นความเป็นไปได้ของการตัดในช่วงฤดูร้อน อความคาดหวังสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ข้างหน้าของความเป็นจริงข้อมูลในปัจ
ดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญ
วของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย("ผมเห็นเหตุผลที่จะย้ายได้อย่างรวดเร็วหรือตัดอย่างรวดเ
การตรวจสอบที่อยู่สมาชิกเฟดอื่นๆในสัปดาห์นี้จะเป็นสิ่งสำคัญ:
วันพุธที่ 17 มกราคม
09:00:คำพูดของเฟดโบว์แมน
09:00:คำพูดของเฟดบาร
15:00:คำพูดของเฟดวิลเลียมส์
วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม
07:30:คำพูดบอสเฟด
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม
16:15:คำพูดของเฟดเดลี
7 อันดับโอกาสในการซื้อขายที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้7 อันดับโอกาสในการซื้อขายที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้โฟกัสของผู้ค้าจำนวนมากจะอยู่ในข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึ
การคาดการณ์บ่งบอกถึงศักยภาพเพิ่มขึ้น 0.2%ทั้งในอัตราเงินเฟ้อพาดหัวในเดือนธันวาคมและ พาดหัวคาดว่าจะดีดตัวขึ้นไปที่ 3.2%จากเดือนพฤศจิกายนต่ำห้าเดือนของ 3.1% ในขณะที่อัตราหลักมีแนวโน้มที่จะบรรเทาในการ 3.9%ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021 ข้อมูลที่สำคัญนี้จะได้รับการปล่อยตัวในวันพฤหัสบดี
ในท่ามกลางการมุ่งเน้นอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่น่าสังเกตออกมาจากประเทศอื่นๆรวมทั้งสวิตเซอร์แลนด์ออสเตรเลียเม็กซิโกบราซิลจีนอินเดียและรัสเซีย ชุดข้อมูลที่หลากหลายนี้นำเสนอโอกาสในการซื้อขายที่มีศักยภาพมากมายสำหรับคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตลอดทั้งสัปดาห์:
วันจันทร์:สวิตเซอร์แลนด์อัตราเงินเฟ้อ
อังคาร:ออสเตรเลียดัชนีดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือน
วันอังคาร:เม็กซิโกอัตราเงินเฟ้อ
วันพฤหัสบดี:บราซิลอัตราเงินเฟ้อ(ก่อนสหรัฐข้อมูลเงินเฟ้อ)
พฤหัสบดี:จีนอัตราเงินเฟ้อ(หลังจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ)
วันศุกร์:อินเดียอัตราเงินเฟ้อ
วันศุกร์:อัตราเงินเฟ้อของรัสเซีย
5 วินัยการลงทุนที่เทรดเดอร์ควรยึดถือวินัยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยึดไว้ในชีวิตการลงทุนของเทรดเดอร์ เพราะเป็นสิ่งที่คอยกำกับเส้นทางการเทรดของเราให้ไปถึงเป้าหมายได้ ในบทความนี้เป็นการสรุป 5 วินัยการลงทุนที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทั้งมือใหม่และรุ่นเก๋า
1. ทำตามแผนการลงทุน ไม่เทเงินลงทุนจนหมดหน้าตัก
การจัดทำแผนการลงทุน คือ การจัดทำข้อมูลระบุจุดเข้า จุดออก และแผนบริหารเงินในการซื้อขายทุกครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่ลงทุนโดยไม่มีแผนการลงทุน ทำให้บ่อยครั้งเกิดความโลภครอบงำและเกิดการเทเงินลงทุนหมดหน้าตักลงไป ซึ่งมักนำมาสู่ความเสี่ยงที่อาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้
ข้อแนะนำ คือ เริ่มวางแผนการลงทุน โดยแยกเงินสำหรับการลงทุนระยะยาวไว้อย่างน้อย 10% ของรายได้ในทุกเดือน สิ่งนี้เรียกว่า “การลงทุนถัวเฉลี่ยรายเดือน” หรือ Dollar Cost Average (DCA) ซึ่งช่วยให้เราสามารถกระจายต้นทุนได้ทั้งถูกและแพง ในช่วง DCA ที่ราคาแพงก็ช่วยจำกัดการซื้อมากเกินจำเป็น และในช่วง DCA ที่ราคาถูกก็จะทำให้ได้รับจำนวนหุ้น/จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น และเมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัวจำนวนหุ้นเหล่านี้แหละที่ช่วยยกระดับผลตอบแทนได้
การลงทุนในระยะยาวควรมีกรอบเวลาอย่างน้อย 20 ปี ซึ่งกรอบระยะเวลานี้จะช่วยให้สามารถลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง โดยได้รับผลตอบแทนในระยะยาวได้
2. มองการเทรดประหนึ่งเป็นธุรกิจ
ในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เราต้องมองการเทรดของตนเองนั้นเหมือนการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์แบบเต็มเวลา (full-time trader) หรือ ไม่เต็มเวลา (part-time trader) ก็ตาม หากมองการเป็นเทรดเดอร์เป็นเพียงงานอดิเรก หรือ กิจกรรมยามว่าง ก็จะทำให้ขาดความมุ่งมั่นในการเรียนรู้อย่างแท้จริงไป ยิ่งสำหรับเทรดเดอร์แบบเต็มเวลาแล้วด้วย การหยุดเทรดนั้นหมายถึงการสูญเสียรายได้ไปอย่างสิ้นเชิง
การมองการเทรดเป็นการทำธุรกิจ แน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ค่าธรรมเนียมการเทรด, การขาดทุน, ภาษี เป็นต้น ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรค้นคว้าข้อมูลและมีการวางกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเทรดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อคำแนะนำ คือ จงคิดแบบระยะยาว อย่าซื้อขายเหมือนจะเกษียณในวันพรุ่งนี้ ควรมีการสร้างแรงจูงใจอยู่เสมอ มีแผนการลงทุนเฉกเช่นการทำธุรกิจ และสิ่งที่สำคัญคือการมีวินัยยึดมั่นในแผนการลงทุน
3. ไม่จำเป็นต้องเทรดทุกวัน
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายรายยอมรับว่า เขาไม่ได้ซื้อขายทุกวันแต่ซื้อขายตามแผน โอกาส และภาวะตลาดที่เหมาะสม ในบางช่วงเวลาที่เอื้อต่อการลงทุน ความผันผวนต่ำเกินไป หรือไม่เห็นโอกาสสร้างกำไรในสถานการณ์นั้นได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเปิดการซื้อขายขึ้น
เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มักรู้ว่าเมื่อใดควรเก็บมือนั่งรอ และเมื่อใดที่ควรรุกเข้าสู่ตลาด ขณะที่เทรดเดอร์มือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดนั้นมักจะเปิดสถานะซื้อขายทุกวันอยู่เสมอ แม้ในช่วงที่เผชิญสถานการณ์ไม่เอื้อำนวย นำมาซึ่งความเสี่ยงขาดทุน
ข้อแนะนำ คือ เทรดเดอร์ควรมีความอดทน หากไม่พบจุดเข้าลงทุนที่ดี การอยู่นอกตลาดอาจช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนได้
4. ยอมรับการขาดทุนและเรียนรู้จากมัน
การยอมรับความจริงว่าเราเกิดการขาดทุนจากการลงทุนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เรามีบทเรียนและสามารถกำหนดจุดขาดทุนที่ยอมรับได้ นำมาสู่การพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่ดีต่อไป สิ่งที่สำคัญ คือ การขาดทุนนั้นต้องไปทำให้เราเสียตัวตน หรือ ก่อให้เกิดอารมณ์ด้านลบในชีวิต
5. ยอมเสี่ยงถ้าคิดว่ารับได้
การลงทุนที่นำมาซึ่งผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น หลายครั้งวินัยอาจบังคับให้เราต้องขาด ณ จุดที่เรากำหนดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยึดวินัยอย่าวเดียว ในหลายครั้งเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ยอมเสี่ยงที่จะให้กำไรของพวกเขาดำเนินต่อไป โดยมองแล้วว่าความเสี่ยงนั้นคุ้มกับที่จะได้รับ
การกลัวการสูญเสียเงินมักจะทำให้เราหยุดสนใจสถานการณ์ตลาดในช่วงนั้น ซึ่งบางครั้งสภาวะตลาดยังเอื้ออำนวยให้สร้างผลตอบแทนต่อได้ การยึดติดกำกับไรปัจจุบันมากเกินไปอาจเป็นการปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นได้
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
บทเรียนการเทรด ตลอด 6 ปีครึ่ง ของเทพคอยน์แวะมาอัพเดทพอร์ตกันบ้าง ตามสไตล์เทรดเดอร์ที่โปร่งใส ไม่หมกเม็ด ผมจะเล่าเป็นปีๆ ไปแล้วกันนะครับ เพื่อความง่ายและกระชับ ไม่งั้นเล่ายาวเกินคนขี้เกียจอ่าน
🟢2017
* เริ่มเข้ามาเทรดคริปโตช่วงกลางปี หลังจากรู้จักมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่
* เข้ามาเทรดก็ตามสไตล์เม่า ได้กำไรง่ายๆ จากเหรียญขยะจนคิดว่า “โอ้โห ถ้าทำได้ขนาดนี้ สักพักก็ได้มากกว่าเงินเดือนอีกนะเนี่ย!” ว่าแล้วก็เลยจัดหนัก มีเท่าไหร่ ใส่เต็มเหนี่ยว
* เจอตลาดพักฐานช่วงปลายๆ ปี ดอยเหรียญขยะ พอร์ตหายไปกว่า -50% ทำอะไรไม่ถูกตามสไตล์เม่า หากูรูลอกโพยเหรียญไปเรื่อย ลงคลาสไปเรื่อยใครอวดกำไรก็ตามไปหมด
* คัทเหรียญที่ดอยมาเข้าเหรียญขยะตามโพยกูรู ได้อานิสงค์ bull run ช่วงปลายปี 2017 จนพอร์ตกลับมาฟื้นเป็น “เท่าทุน”
🟢2018
* ปีแห่งการเผาจริง ช่วงต้นปีก็ยังเชื่อกูรูว่าตลาดจะไปต่อ ก็ไปดอยเหรียญเต็มไปหมด ตอนนั้นใช้บอทของ อจ. ท่านหนึ่งด้วย ก็พาดอยเหรียญขยะยับๆ
* พอสักมีนาเริ่มเห็นท่าไม่ดี พอร์ตเริ่มกลับมาลบหนักเหมือนเดิม ก็เลย ตัดใจคัทเหรียญในบอททิ้งทั้งหมด แล้วมาเทรดมือแทน แต่ยิ่งเทรดก็ยิ่งเจ๊ง ยิ่งเทรดยิ่งจน
* เริ่มเขียนกลยุทธ ลองกลยุทธเทรดสั้นไปเรื่อย เอาไปใช้กับบอท ผล backtest โคตรดี เทรดจริงยับๆ
* ช่วงตลาดนิ่งๆ ช่วงปลายปี 2018 เริ่มทำกำไรยาก เลยใช้ leverage 20x กับเอาเงินใส่ไปเยอะ เพราะไปเชื่อวาทกรรมว่า ทุนขุด 6k ไม่ลงต่ำไปกว่านี้ และถ้า break สามเหลี่ยมนี้ก็จะขึ้นยาว
* แต่อนิจจา กลายเป็นว่ามัน break ลงแทน สรุปวันเดียวขาดทุนไปกว่า -80% จากที่เจ๊งๆ อยู่แล้วก็เจ๊งหนักกว่าเดิม เครียดมาก
* ปิดปีแบบอนาถ ได้ๆ สักพักก็คืนกำไร เทรดมั่วไปหมด แต่ก็ถือว่าเป็นปีที่ได้บทเรียนอะไรมาเยอะมากๆ
🟢2019
* เริ่มปีมาด้วยความเศร้าจากปีที่แล้ว มีแต่กูรูทำนายกันว่า BTC จะลงไป 1000$ บ้าง 800$ บ้าง 2000$ บ้าง แช่งกันไปดิ ( ตอนนั้น BTC แกว่งๆ อยู่ราวๆ 3200$-3800$
* เริ่มซึมซับความรู้ในการเทรดตามระบบ trend following จากปู่ Peter Brandt ที่ อจ.ที่เขียนบอทได้มอบหมายให้ผมแปลบทความลงห้อง VIP ให้ บอกเลยว่านี่คือจุดเปลี่ยนมุมมองของผมในการเทรดไปเลย
* เริ่มดูเทรนออก และทันขึ้นรถตอนกราฟ week เป็นขาขึ้นช่วง BTC ทะลุ 4500 มาได้
* เนื่องจากยังรีบอยากรวยเร็ว ทำให้ตอนนั้นไปใช้ leverage 5x แบบ all-in ทำให้แค่สองเดือน ที่ BTC ขึ้นจาก 5,000$ ไป 14,000$ พอร์ตโตขึ้นมาถึง +160%
* แต่ กำไรที่ได้มาจากโชค ไม่ใช่ความรู้ เราก็จะต้องคืนกลับไปให้ตลาดอยู่ดี… สุดท้ายช่วงที่ BTC ออกข้างไปเรื่อยๆ ในช่วงกลางปี 2019 ก็เริ่มคืนกำไรไปเรื่อยๆ
* พอเทรดเองไม่ได้กำไร ก็ไปเริ่มซนหาเครื่องมือมาช่วย ตอนนั้นเห็น อจ.ท่านหนึ่งแนะนำ scavenger bot เป็นบอทเทรดสองหน้าแบบสะสม position ไปทุกๆ 1 นาที แล้วจะสร้าง order ไปเรื่อยๆ เพื่อจะกิน maker fee ที่ Bitmex ช่วงแรกๆ ก็ได้กำไรคำเล็กๆ จากค่า fee มาเรื่อยๆ เพราะกราฟมันยังนิ่งๆ สะบัดแคบๆ
* พอกราฟหลุด 10k ลงมา 7k เท่านั้นแหละจ้า ความชิบหายบังเกิด ขาดทุนยับ เพราะบอทแม่งสะสม position ใหญ่มากๆ จนโดนลากแบบอย่างโหด ส่วนคำแนะนำของ อจ.ก็คือ ให้เติมสู้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็กลับมา ( อจ. เขาบอกให้เตรียม BTC เผื่อไว้สัก 2-3 BTC สำหรับหน้าที่โดนลาก เพื่อเติมไปสู้ )
* สุดท้ายก็ไม่ยอมเชื่อ และไม่เติม และคัทหนีออกมาก่อน ซึ่งก็คิดถูกแล้ว เพราะถ้าไม่คัทคงบ้าตายไปซะก่อน
* ยัง ยังไม่พอ ไปเชื่อเพื่อนที่ได้บอท martingale forex มาอีก ทรงเดียวกันกับบอทก่อนหน้าเด๊ะ แต่คิดว่า “มันคงลองมาแล้ว น่าจะเชื่อถือได้” ก็เลยโอนเงินไปลองใช้ดู .. สรุปก็โดนลากเหมือนกัน เจ๊งเหมือนกัน เด๊ะ แต่ดีหน่อยที่ไหวตัวทันก็เลยรีบคัทหนีออกมาก่อน แต่ก็เจ็บหนักอยู่ดี
* สรุปแล้ว ปีนี้ ที่ได้กำไรมาเยอะช่วงกลางปี แต่พอคิดว่า “กำไรมันอยู่เฉยๆ ก็เสียดาย เราต้องเอาไปต่อยอดสิ” แล้วก็ไปใช้บอทบ้าๆ บอๆ สุดท้ายก็เจ๊ง ก็เลยได้บทเรียนว่า “ไอ้สัส มึงได้กำไรมึงก็นั่งเฉยๆ ก็พอแล้ว” สรุปปีนั้นก็เลยขาดทุนยับๆ อยู่ดี ….. แต่ก็ได้บทเรียนที่ล้ำค่ามาเหมือนกัน
🟢2020
* หลังจากไปเรียนรู้แบบจุกจริงเจ็บจริงมาสองปี จนแทบเป็นบ้าแต่ก็ยังไม่เป็น ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่เอาบทเรียนจากสองปีก่อนหน้ามาสร้าง “สิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะถ้าทำแล้วจะเสียตัง” เต็มไปหมด
* ตอนนั้นก็เลิกเทรดสั้นทั้งหมด เน้น TF Daily และทดลองระบบ Trend Following และนำมาใช้ แต่ดันไป over use มันเกิน เอามาใส่ในกราฟ 12 ระบบ ต้องรอมัน confirm 8 ระบบถึงจะเริ่มซื้อ กว่าจะได้ซื้อกราฟก็ไปหวันแล้ว
* แต่ข้อดี มันก็ยังมี เพราะหลังจากนั้น BTC เองก็เริ่มออกข้างซึมๆ ในช่วง Feb ก่อน covid dump จะมา ทำให้ทุกระบบมีสัญญาณ “ขาย” ออกทั้งหมด เพราะเราก็เชื่อระบบก็ขาย+ลดความเสี่ยงทั้งหมด ทำให้ตอน covid ก็รอดตายมาได้แบบสบายๆ
* ช่วงนั้นกูรูก็ออกมาฟันธงกันไปต่างๆ นาๆ ว่า ลงไม่ลึกหรอก ลงแค่ 8000 เดี๋ยวก็เด้งขึ้นเวฟ 1-2 หญ่ายยยย ขึ้นสู้งงงงงง หลายๆ คนไปเชื่อก็ไปซัดจัดหนักจัดเต็มกันแถวๆ โซน 8000 สุดท้ายมันก็รูดคืนเดียวลงไปถึง 3000 ใช้ leverage น้อยที่สุดก็ยังพอร์ตแตก … แต่ผมรอด + ได้กำไรมาด้วย เพราะซื้อ put option ทิ้งเอาไว้ 555
* หลังจากนั้น ก็เชื่อในระบบมาตลอด แต่ก็ปรับ fine tune มันอีกรอบ เพราะว่า ตอนที่ใช้ 8 ระบบ confirm มันช้าไป ก็ปรับเหลือแค่ 4 ระบบ และแยกไม้กันเข้าไปแทน ไม่รอเข้าพร้อมกันหมด และก็ใช้ 4 ระบบที่ว่า มาจนถึง ปัจจุบันนี้
* ความตลกร้ายของตลาดก็คือ ช่วงปลายปี 2020 กูรูก็ออกมาฟันธงกันเต็มไปหมดว่า ปี 2021 ตลาดจะพัง เกิดวิกฤตเหมือนตอน subprime ตลาดลงยับๆ หลายๆ คนก็ไม่กล้าซื้อกัน แต่ตอนนั้นระบบที่ผมใช้ มันก็เขียวแล้วไง ผมก็ไม่สนคำทำนายกูรู เราก็เข้าตามระบบไป.. ทำให้พอจบปี ก็ปิดบวกมาได้แบบชิวๆ
🟢2021
* ปีนี้แม้แต่ลิงก็ยังเป็นเซียนได้ สำหรับผม กำไรแค่นี้มันก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับพวกที่ไปเล่น DeFi, GameFi, NFT จนเปลี่ยนเงิน หกหลัก เป็น แปดหลัก แล้วก็โม้กันจนเต็มเฟส, youtube และ tiktok
* แต่ก็นั่นแหละ งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา ผมที่ผ่านตลาดนรกช่วงปี 2018+2019 มาแล้ว ก็ได้บทเรียนชั้นดีมาว่า “ถ้าระบบบอกให้เราขาย เราก็ต้องขาย มาถือเงินสด จบนะ”
* ทำให้ช่วงตลาดลงจาก 65k มา 30k ตอนกลางปี… ผมก็รอดมาได้ และตอนตลาดเริ่มเสียทรงขาขึ้นตอนปลายปี … ผมก็รอดมาได้อีกอยู่ดี ทำให้สิ้นปี ปิดจ๊อบไปได้แบบเกินคาดอย่างมาก
* ปีนี้ผมโดนแขวน+ทัวร์ลงหนักมาก เพราะไปเตือนลงเพจเกี่ยวกับ DeFi ทำให้หลายๆ คนไม่พอใจ แล้วแคปไปด่ากันอย่างสนุกสนานในกลุ่มแชท ทำให้ผมได้บทเรียนมาเช่นเดียวกันว่า เออ ช่างแม่งเหอะ ใครจะทำไรก็ปล่อยมันทำไป เจ๊งก็เรื่องของมัน เพราะเงินมัน ไม่ใช่เงินเรา เราก็เตือนครั้งเดียวพอ สุดท้ายพอ GameFi, NFT มา ผมก็เลยขี้เกียจจะไปเตือนไรมาก … สุดท้าย ทุกตัว มันก็เจ๊งตามที่ผมได้เคยเตือนๆ ไว้
🟢2022
* ปีนี้เป็นปีที่โหดสัสสำหรับทุกตลาด เพราะคริปโตก็ลง หุ้นเมกาก็ลง หุ้นจีนก็ลง หุ้นไทยก็ลง หุ้นเวียดนามก็ลง คือลงกันหมด แต่มีอย่างเดียวที่ขึ้น คือ “USDTHB”
* ช่วงนั้นผมก็มีการแบ่งเงินบางส่วนไปเทรด USDT/THB ที่ bitkub โดยใช้หลักการ trend following ตามที่ผมใช้ๆ มาอยู่นี่แหละ สุดท้ายก็เลยพอทำกำไรมาช่วยจุนเจือพอร์ตคริปโต ที่พอร์ตนั้นปิดปีขาดทุนไปประมาณ -6% เพราะเข้าตามระบบ แล้วโดนสับขาหลอกตลอด
* มีจังหวะรอดตายหวุดหวิดคือ คืนที่ FTX เปิดวอร์กับ CZ ผมเห็นทรงแล้วดูไม่ดีเลยรีบโอนเงินออก รออยู่สองชั่วโมงกว่าจะได้เงินคืน ตอนรอนี่เหงื่อออกตูด เป็นสองชั่วโมงที่นานมากๆ ในชีวิต เพราะตอนนั้นเอาเงินไปฝากกินดอกที่ FTX แทบจะทั้งหมดของพอร์ตเลยก็ว่าได้ ถ้าช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว ก็คงหมดตัว ไม่ได้มาโม้ตามโพสนี้ 5555
* อีกช๊อตที่รอดตายคือ ตอนแรกก็เอาเงินไป lock ไว้ที่ zipmex แล้วพอเริ่มเห็นว่า rate มันไม่ดี พอ unlock ได้ก็ถอนออกมาหมด ทำให้ไม่มีเงินใน zipmex เลยก่อนที่มันจะล้ม ซึ่ง.. จริงๆ ก่อนหน้านั้นเคยวางแผนว่าจะเอาไปฝากไว้ที่นั่นยาวๆ เพราะ “เป็น exchange ที่ กลต. รับรอง” .. สุดท้าย ก็เป็นอย่างที่เห็น
* เกร็ดความรู้ : ปีนี้ พวกที่เปลี่ยนเงินหกหลักเป็นแปดหลัก สุดท้ายก็กลับมาเหลือหกหลักเหมือนเดิม บางคนก็กลายเป็นศูนย์ เพราะหมดไปกับ FTX, Zipmex, Anchor ฯลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนอันเจ็บปวดของหลายๆ คน… ก็เรียนรู้กันไปครับ เหมือนที่ผมเคยเจอมาก่อนตอนช่วง 2018-2019 เจอก่อนเจ็บก่อนรอดก่อน
🟢2023
* ปีนี้ สำหรับคริปโต เปิดปีมาก็ซิ่งเลย เพราะ BTC ขึ้นจาก 15k ไป 30k ช่วงต้นปี ผมเองที่ทำตามระบบ ก็แน่นอน ได้ขึ้นรถเก็บกำไรอิ่มๆ กันไป
* แต่หลายๆ คน ที่ พยายามจะลองทำตามระบบ แล้วเจอสับขาหลอกรัวๆ ตอนปี 2022 ก็ออกมาถ่มถุยระบบที่ผมใช้ว่า “เฮอะ เดี๋ยวก็หลอกเหมือนทุกทีน่ะแหล๊ะ” สุดท้าย ก็ไม่ได้เข้า ตอนระบบบอกให้ซื้อ แล้วก็ได้แต่ตกรถ กันไปแบบเซ็งๆ
* ส่วนกลางปี พอ BTC พักตัว ผมก็ทำตามระบบไปโง่ๆ เหมือนเช่นเดิม แต่พอร์ตก็นิ่งและไม่ไปไหนอยู่หลายเดือนมากๆ แถมหดด้วย เพราะเจอ false sig ไปบ่อย จนคนที่มาลองทำตามระบบหลังจากเห็นผมอวดกำไรช่วงต้นปี ออกมาถ่มถุยว่า ระบบแม่งโคตรกาก มีแต่สัญญาณหลอก
* พอปลายปี ระบบเขียวอีกรอบ หลายๆ คนก็ยังออกมาถ่มถุยเหมือนเดิมว่า “เฮอะ เดี๋ยวก็หลอกเหมือนทุกทีน่ะแหล๊ะ” สุดท้าย มันก็ไปจริง หลายๆ คนก็ตกรถกันเป็นแถบ เรื่องนี้มันก็ให้บทเรียนกับผมได้เหมือนกันว่า ถ้าเราเชื่อมั่นในระบบ ก็ทำต่อไปเถอะ ยิ่งจังหวะตอนที่เราไม่อยากจะเข้า เพราะมันสับขาหลอกบ่อยๆ … ยิ่งต้องกล้าเข้า เพราะ ถ้ามันไปต่อ แล้วเราไม่เข้า เราจะเซ็งยิ่งกว่าเยอะ
* หลายๆ คนอาจจะงงว่า เอ๊ะ แอด BTC ขึ้นมาตั้ง 160% ทำไมแอดได้กำไรแค่ 20% เองอ่ะ น้อยจัง ที่มันน้อยเพราะยอดนี้มันคือพอร์ตรวมของสองพอร์ต นั่นคือ พอร์ตหุ้นเมกา ด้วยครับ ซึ่งกำไรที่ผมได้จริงๆ จากการทำตามระบบก็คือ ประมาณ 35% ที่ความเสี่ยง 4% โดย Benchmark ของการทำตามระบบแบบเป๊ะๆ ที่ผมทำเป็น paper trade ไว้ อยู่ที่ 56% ครับ ที่ความเสี่ยง 4%
* สำหรับผม ถ้ามอง Risk:Reward กำไร 35% ที่ความเสี่ยง 4% ก็ตกอยู่ที่ 8.75RR ซึ่งผมก็ happy กับผลการเทรดมากๆ แล้วนะ
* ส่วนพอร์ตหุ้นเมกา ยอมรับว่า มั่ว และป๊อด ไปช่วงนึง ทำให้แทนที่จะได้กำไรสัก 30% แต่ก็ได้มาจริงแค่ 5% เพราะไปเข้าๆ ออกๆ และเจอค่าเงิน USDTHB อ่อนหนักนั่นเองครับ
🟢สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตลอด 6 ปี ครึ่ง
* ยิ่งอยากได้กำไรเร็ว ยิ่งเจ๊ง อันนี้โคตรจริง เพราะพอเราอยากรีบทำกำไร เราจะเลิกคิดถึงความเสี่ยง และไอ้ความเสี่ยงนี่แหละมันจะทำให้พอร์ตพังยับ ถ้าตลาดไม่เป็นอย่างที่เราคิด
* ช่างแม่งเยอะๆ ใครบ่นอะไรไม่เข้าหูก็บล๊อกแม่งให้หมด เพราะ 100 คน 100 ความเห็น อะไรที่มันทำให้ใจเราขุ่นมัวก็ปิดการรับรู้มันไปซะ
* นึกถึงความเสี่ยงให้รอบด้าน ก่อนลงทุนทำอะไรเสมอ ถ้ามันดูแล้วคุ้มต่อความเสี่ยงก็ทำไปเลย อย่ากลัวเกินจนไม่กล้าทำอะไรเลย
* กูรูคนไหนชอบทำนายอนาคต อย่าไปให้ราคาเยอะ ฟังขำๆ พอ เพราะผมอยู่มา 6 ปี ครึ่ง กูรูนักทำนายพวกนี้ทำนายผิดกันไปไม่รู้กี่รอบ สักพักก็ออกมาทำนายใหม่คนก็มาชาบูกันต่อ
* ตลาดเป็น cycle เสมอ ตอนตลาดดีๆ กูรูเต็มตลาด กาวหึ่ง ก็ต้องระวังตัวอย่าไป FOMO มาก เพราะโอกาสจบรอบมีตลอดเวลา รวมถึง ตอนตลาดแย่ๆ ข่าวแย่เต็มไปหมด กูรูแช่งเต็มสื่อ ก็ต้องอย่าไปกลัวมาก มีระบบมาคุมอีกที กราฟบอกให้ซื้อก็ต้องเข้าซื้อ เพราะฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ
* และอื่นๆ อีกมากมาย ลองไปไล่อ่านโพสเก่าๆ ของผมได้ครับ