EURNZD (TF 45 นาที) – Fibonacci Arc & แนวต้าน 100–127.20%กราฟ EURNZD ในกรอบเวลา 45 นาที แสดงการปรับตัวขึ้นมาทดสอบแนวต้านบริเวณ Fibonacci 100–127.20% (โซนบน) ซึ่งมักเป็นจุดที่ราคาชะลอตัวหรือกลับตัวได้ ผู้วิเคราะห์มองโอกาส “Sell” หากราคายังไม่สามารถทะลุแนวต้านนี้ โดยตั้งเป้าหมายการปรับลงไปทดสอบแนวรับเดิม (โซนล่าง) อีกครั้ง พร้อมพิจารณาวางจุดตัดขาดทุนเหนือระดับต้านสำคัญเพื่อบริหารความเสี่ยง
📌เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
📌เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
📌แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
ภาพประกอบ
ลายแทงทองไป 5,000 ครับ :)สไนไม่เคยเห็นใครวิเคราะห์ภาพใหญ่แบบนี้? เลยอยากมาแชร์มุมมองด้านนี้ให้เห็นกันดูบ้าง! คิดตาม Elliott Wave ตอนนี้กราฟอยู่คลื่น 3 ซึ่งเป็นคลื่นที่แรงที่สุด (หาอ่านดู) นี่แหละเหตุผลว่าทำไมถึงพุ่งเอาไม่หยุดสักที เป้าระยะสั้นๆเลยนะ 3,750 กว่าจะพักตัว แต่ถ้าเอาทุบรอบใหญ่มองแถว 5,000 เลยครับ :)
GBPUSD (8H): AB=CD ชนแนวต้าน 100–127.2% ลุ้นกลับตัวกราฟ GBPUSD (8 ชั่วโมง) พบรูปแบบ AB=CD ขาขึ้น ชนแนวต้าน Fib 100–127.20% ใกล้ 1.295–1.30
จุด A และ C อยู่แถว Fib 0.382–0.886 ทำหน้าที่เป็นแนวรับหลัก
หากราคายังไม่ทะลุโซนต้านดังกล่าว อาจย่อกลับตามลูกศรสีแดง
แต่ถ้าราคาทะลุยืนเหนือ 1.30 ได้ มีโอกาสขึ้นต่อในเทรนด์ขาขึ้น
Fibonacci Arcs เพิ่มมุมมองโซนรับ–ต้านโค้ง
ให้ติดตามสัญญาณยืนยันหรือข่าวเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจ
เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
ทองคำ 31/03/68ภาพนี้พี่รวยใช้ทฤษฎีของ Elliott Wave ในการวิเคราะห์ซึ่งปัจจุบันกราฟกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น Wave 5 หากใช้กฏที่ว่า Wave 5 มีความยาวเท่ากับ 61.8% ของ Wave 1-3 อาจจะได้จุดจบของคลื่นนี้อยู่บริเวณ 3,120-3,135 ดังนั้นช่วงราคานี้อาจเกิด Corrective Wave หรือทุบตัวลงมาสะสมแรงครับ ^^
เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
USDJPY (1H): ทดสอบแนวรับ Fib 0.618–0.786% ลุ้นกลับตัวกราฟ USDJPY (1 ชั่วโมง) แสดงแนวโน้มขึ้นเป็นหลัก
ปัจจุบันราคาปรับฐานลงมาใกล้โซนแนวรับ Fib 0.618–0.786%
หากยืนเหนือโซนนี้ได้ มีโอกาสดีดกลับขึ้นตามเทรนด์หลัก
แต่ถ้าราคาหลุดแนวรับ อาจมีแรงขายเพิ่มและไหลลงต่อ
ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของราคาใกล้บริเวณแนวรับนี้
ควรติดตามข่าวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นควบคู่การวิเคราะห์
เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
EURUSD (8H): AB=CD ชนแนวต้าน 100–127.2% ลุ้นกลับตัวกราฟ EURUSD (8 ชั่วโมง) นี้พบรูปแบบ AB=CD ขาขึ้น
ราคาขึ้นชนแนวต้าน Fibonacci โซน 100–127.20%
จุด A และ C อยู่บริเวณแนวรับ Fib 0.382–0.886
หากทะลุแนวต้านไม่ได้ มีโอกาสปรับลงตามลูกศรสีแดง
แต่หากทะลุขึ้นไป อาจเกิดสัญญาณบวกต่อเนื่อง
แนะนำติดตามข่าวเศรษฐกิจควบคู่การวิเคราะห์ทางเทคนิค
เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
USOIL (3H): ทดสอบแนวต้าน Fib 0.50–0.618% โอกาสปรับลงหากไม่ผ่านกราฟ USOIL (3H) ยังอยู่ในแนวโน้มขาลง
กำลังทดสอบแนวต้าน Fibonacci แถว 0.50–0.618%
ราคาแกว่งตัวใกล้ 69–70 ดอลลาร์ แสดงถึงความลังเลของตลาด
หากราคาทะลุโซนต้านนี้ได้ อาจเห็นการฟื้นตัวขึ้น
แต่ถ้าไม่ผ่าน มีความเสี่ยงย่อลงตามทิศทางหลัก
นักลงทุนควรติดตามข่าวเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานประกอบการตัดสินใจ
เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
BTC/USD 45 นาที: จับตา Fib Arcs & AB=CD ที่แนวรับ 100–127.2%กราฟนี้เป็น BTC/USD ในกรอบเวลา 45 นาที
ใช้ Fibonacci Arcs หลายวงเพื่อประเมินแนวรับ–แนวต้าน
พบรูปแบบ AB=CD ซึ่งบ่งบอกโอกาสการกลับตัวของราคา
จุด A และ C ตรงกับแนวต้านแถว 100–127.20% Fibonacci
จุด B และ D อยู่ใกล้แนวรับสำคัญที่ตลาดจับตา
หากราคายืนเหนือโซนนี้ได้ มีโอกาสดีดกลับตามลูกศรสีแดง
แต่หากหลุดแนวรับไป อาจเข้าสู่ขาลงต่อเนื่อง
เส้นแนวโน้ม (Trend Line) แสดงการปรับตัวลงของราคา
ควรเฝ้าระวังสัญญาณยืนยันก่อนเข้าซื้อหรือขาย
ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์เชิงเทคนิคเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเท่านั้น
เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
USDCAD 1H – โซน Fib 100–127.20% เป็นแนวรับ-แนวต้านสำคัญกราฟ USDCAD ในกรอบ 1 ชั่วโมง ใช้ Fibonacci ระดับ 100–127.20% เป็นโซนแนวรับ-แนวต้านสำคัญ
ด้านบนบริเวณ 1.45–1.46 คือแนวต้านที่ราคาชนและกลับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านล่างบริเวณ 1.42–1.425 เป็นโซนรับที่ราคาเด้งขึ้นหลายครั้ง
โครงสร้าง Head & Shoulders (หรือรูปแบบกลับตัวอื่น) สังเกตได้ใกล้จุดสูงสุดที่ผ่านมา
ปัจจุบันราคาเริ่มสร้างฐานที่โซนรับล่าง มีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านด้านบน
ควรติดตามพฤติกรรมราคาภายในโซนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนเทรดและจัดการความเสี่ยง
เพจมือสไน หากินกับกราฟ
www.facebook.com
เพจรวยกับกราฟ
www.facebook.com
แจกชีทเรียนเทรดฟรี 1,000 กว่าหน้า! เพียงทักมาในไลน์ว่า “เพจมือสไน”
lin.ee
Divergence ดาบสองคม ที่มือใหม่ต้องระวังDivergence ดาบ 2 คม ที่มือใหม่ต้องระวัง
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความๆดีๆที่มีให้อ่านกันไม่รู้จักเบื่อ มาครับวันนี้แอดพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Divergence ที่ใครๆก็บกว่าดีนักดีหนา กำไรอย่างเยอะ แล้วทำไมมันกลายเป็นดาบสองคมได้หล่ะ มาครับบทความนี้มีคำตอบครับ
👰 Divergence เป็นหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญในเทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) โดยเฉพาะในการเทรดฟอเร็กซ์ มันเกิดขึ้นเมื่อการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ ขัดแย้งกับการเคลื่อนไหวของตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators) เช่น RSI (Relative Strength Index) หรือ MACD (Moving Average Convergence Divergence)
ประเภทของ Divergence
1. Regular Divergence:
- การเกิดขึ้นเมื่อราคามีแนวโน้มลดลง แต่ตัวชี้วัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สัญญาณนี้อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวขึ้น (Bullish Reversal)
- การเกิดขึ้นเมื่อราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ตัวชี้วัดมีแนวโน้มลดลง สัญญาณนี้อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวลง (Bearish Reversal)
2. Hidden Divergence:
- Bullish : เกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดต่ำใหม่ แต่ตัวชี้วัดสร้างจุดต่ำที่สูงกว่า ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการดำเนินการในแนวโน้มขึ้น
- Bearish : เกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดสูงใหม่ แต่ตัวชี้วัดสร้างจุดสูงที่ต่ำกว่า ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการดำเนินการในแนวโน้มลง
👰 สัญญาณ Divergence เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
👰 แต่.......ก็มีความเสี่ยงหากเราแยกแยะความแตกต่างระหว่างสัญญาณที่ดีและสัญญาณที่หลอกไม่ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวได้เช่นกันจุดสังเกตุและวิธีแก้คือ
1.สัญญาณหลอก (False Signal)
Divergence สามารถให้สัญญาณจริงและสัญาณหลอกได้ ซึ่งหมายความว่าอินดิเคเตอร์อาจจะบ่งบอกถึงการกลับตัว แต่ราคาจริงอาจจะยังคงวิ่งไปในทิศทางเดิม ไม่ควรเชื่อร้อยเปอร์ซ็นต์ ให้แบ่งไม้หรือซอยไม้ในการทำกำไรหรือเข้าออเดอร์
2. ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ
Divergence เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ การใช้อินดิเคเตอร์อื่นๆ มาร่วมด้วยจะทำให้เราตัดสินใจได้แม่นยำกว่า เช่น แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance) หรือปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) EMA, MACD, RSI, STO, BB, CCI ,ETC เราสามารถนำมาใช้ได้หมดแล้วแต่จะเลือก
3. หมั่นตรวจสอบสัญญาณจาก Timeframe ที่เหมาะสม
Timeframe ที่ใหญ่ขึ้นมักจะให้สัญญาณที่แม่นยำมากกว่า Timeframe เล็กๆ เช่น H4 , Day หรือ weekly
สรุป Divergence เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการคาดการณ์การกลับตัวของราคา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นดาบสองคมที่เทรดเดอร์มือใหม่ต้องระวัง การเรียนรู้และเข้าใจวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง พร้อมกับการทดสอบและฝึกฝนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ Divergence ไม่ได้มีดีแค่ด้านเดียวนะ แต่ยังมีด้านไม่ดีซ่อนอยู่ด้วย แถมเวลาเราโดนสัญญาณหลอกเราก็มักจะไม่รู้ตัวกันอีก ต้องหมั่นทบททวนราคาและเช็คสัญญาณในแต่ละ Timeframe ให้ดีๆนะครับ แล้วเราจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะฮะ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ฝึกการเทรดไว้เยอะๆแล้วเราจะเก่งเอง แอดเอาใจช่วยทุกท่านให้เทรดได้กำไรกันเยอะๆครับ
Volatility ใน Forex คืออะไร และวิธีการใช้งานVolatility คืออะไร?
Volatility หรือความผันผวน หมายถึงระดับของการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ยิ่งราคามีการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร Volatility ก็จะสูงขึ้นเท่านั้น ในตลาด Forex ความผันผวนเป็นปัจจัยสำคัญที่นักเทรดใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย เนื่องจากสามารถบ่งบอกถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาได้
ปัจจัยที่มีผลต่อความผันผวนใน Forex
-ข่าวเศรษฐกิจ – รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น GDP, อัตราการว่างงาน, และอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลกระทบต่อความผันผวนของสกุลเงิน
-เหตุการณ์ทางการเมือง – การเลือกตั้ง, การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน หรือสงครามทางเศรษฐกิจสามารถทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง
-สภาพคล่องของตลาด – ในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำ เช่น เวลาซื้อขายนอกตลาดหลัก ความผันผวนอาจสูงขึ้นเนื่องจากมีผู้เข้าร่วมตลาดน้อย
-ช่วงเวลาการซื้อขาย – คู่เงินบางคู่มีความผันผวนสูงในช่วงที่ตลาดหลักเปิด เช่น EUR/USD มักผันผวนสูงในช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิด
วิธีการใช้งาน Volatility ในการเทรด Forex
ใช้ตัวชี้วัดวัดความผันผวน
-Average True Range (ATR) – ใช้ในการวัดช่วงความผันผวนของราคาในแต่ละช่วงเวลา หากค่า ATR สูง แสดงว่าตลาดมีความผันผวนสูง
Bollinger Bands – ใช้เพื่อระบุช่วงการแกว่งตัวของราคา โดยหากแถบกว้างขึ้น หมายถึงความผันผวนที่สูงขึ้น
เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับความผันผวน
เทรดในช่วงที่มีความผันผวนต่ำ: เหมาะสำหรับกลยุทธ์ Scalping หรือ Grid Trading ที่ต้องการแนวโน้มราคาเคลื่อนที่อย่างช้าๆ
เทรดในช่วงที่มีความผันผวนสูง : เหมาะสำหรับกลยุทธ์ Breakout หรือ Trend Following ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง
ตั้งค่าความเสี่ยงให้เหมาะสม
ใช้ Stop Loss และ Take Profit ตามค่าความผันผวนปัจจุบัน เช่น หาก ATR สูง ควรขยายระยะ Stop Loss เพื่อป้องกันการถูกตัดออกจากตลาดเร็วเกินไป
ลดขนาดล็อตเมื่อเทรดในตลาดที่มีความผันผวนสูงเพื่อลดความเสี่ยง
สรุป
Volatility เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อกลยุทธ์การเทรดในตลาด Forex การเข้าใจและใช้งานเครื่องมือวัดความผันผวนอย่างถูกต้องจะช่วยให้สามารถบริหารความเสี่ยงและวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็น Day Trader, Scalper หรือ Swing Trader ความสามารถในการจัดการกับความผันผวนจะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้อย่างมั่นใจและมีโอกาสทำกำไรที่ดีขึ้น
+++ XAUUSD 28/03/2025 +++>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ Up มีโอกาสแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 3074.60
.
Mid 3074.10
.
Down 3073.60
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Limit 3069.1
.
*** > SL 3062.1
*** > TP 3084.1 , 3094.1
3120
.
"====================="
Reverse if Stop loss
"====================="
.
>>> Sell Limit 3074
.
*** > SL 3081.1
*** > TP 3064.1 , 3059.1
3049.1
+++XAUUSD 25/03/2025 +++>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0 ระบบ Down
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 3011.90
.
Mid 3011.40
.
Down 3010.90
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell Limit 3025
.
*** > SL 3032
*** > TP 3015 3010
3000
.
>>> Sell Limit 3035
.
*** > SL 3042.9
*** > TP 3025.9 , 3020.9
3000
.
+++ XAUUSD 24/03/2025 +++>>> แผน Trade หลัง 17.15 <<<
Pacth 2.0
ระบบ Buy
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 3023.70
.
Mid 3023.20
.
Down 3022.70
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Limit 3018.2
.
*** > SL 3011.2
*** > TP 3028.2 , 3033.2
3045
.
>>> Buy Stop 3028.7
.
*** > SL 3021.7
*** > TP 3038.7 , 3043.7
3045
.
สรุปภาพรวมและการวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย ตามแนวทาง Elliott Wave สรุปภาพรวมและการวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย (SET) รายวัน ด้วยโปรแกรม TradingView ตามแนวทาง Elliott Wave อย่างละเอียด อ้างอิงข้อมูล 21/03/25 มีประเด็นสำคัญดังนี้:
________________________________________
สรุปสถานการณ์ตลาด (ภาพรวมใหญ่):
• ตลาดหุ้นไทยอยู่ในแนวโน้มขาลงใหญ่ (Major Downtrend)
โดยดัชนี SET เริ่มปรับฐานจากจุดสูงสุดที่ 1506.82 จุด ลงมาสู่จุดต่ำสุดล่าสุดที่ระดับ 1157.96 จุด
• ภาพใหญ่ปรากฏการลงแบบ Impulse Wave ครบ 5 คลื่น (Wave 1-5 ขาลงชัดเจน)
o รวมระยะที่ลดลง: 348.86 จุด
o ใช้เวลาปรับฐานขาลงรอบนี้ประมาณ 98 วันทำการ (ประมาณ 5 เดือน)
________________________________________
สถานการณ์ล่าสุด (ระยะสั้น):
• หลังจากแตะจุดต่ำสุดที่ 1157.96 จุด ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นสั้นๆ (Corrective Wave หรือ Rebound Wave) ไปแตะระดับ 1273.17 จุด ซึ่งการฟื้นตัวนี้ใช้เวลาประมาณ 52 วันทำการ (ราว 2.5 เดือน)
• ราคาปิดล่าสุด ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 1186.61 จุด
ถือว่ายังอยู่ในโซนล่างของการเคลื่ระยะสั้นนี้ และใกล้แนวรับสำคัญเดิม
________________________________________
กรอบวิเคราะห์และแนวต้าน-แนวรับสำคัญ (Fibonacci):
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ล่าสุด และราคาปัจจุบัน 1186.61 จุด จะตีกรอบวิเคราะห์ระยะสั้น โดยให้ความสำคัญกับแนว Fibonacci Extension 127.2% ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1210 จุด
แนวรับสำคัญ:
• 1157-1160 จุด (จุดต่ำสุดเดิม Wave 5)
หากดัชนียังไม่หลุดต่ำกว่าระดับนี้ ถือว่ายังคงมีโอกาสฟื้นตัวได้อีกครั้ง
แนวต้านสำคัญ:
• 1210 จุด (Fibonacci 127.2%)
เป็นด่านแรกที่ SET ต้องผ่านให้ได้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น
• หากผ่านได้จะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 1230-1250 จุด (โซน Fibonacci 138.2%-161.8%) ซึ่งจะถือเป็นเป้าหมายระยะสั้นที่สำคัญถัดไป
________________________________________
สัญญาณสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง:
กรณีขาขึ้น (Bullish Case):
• หากดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1210 จุด ได้ จะเกิดสัญญาณการกลับตัวขึ้นระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ
• เป้าหมายต่อไปคือบริเวณ 1230-1250 จุด
• นักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์เทรดฝั่งซื้อ (Long) ระยะสั้น เมื่อดัชนีทะลุผ่าน 1210 จุด และมี Stop Loss ต่ำกว่า 1180 หรือ 1160 จุด (ตามความเสี่ยงที่รับได้)
กรณีขาลง (Bearish Case):
• หากดัชนีปรับขึ้นแต่ไม่ผ่าน 1210 จุด หรือไม่สามารถยืนเหนือได้ และกลับมาหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1157 จุด อีกครั้ง
• ถือเป็นสัญญาณเชิงลบชัดเจน โดยอาจเกิดขาลงรอบใหม่ ซึ่งอาจจะลงไปต่ำกว่า 1157 จุดได้อีก นักลงทุนควรระวังการถือหุ้นและบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
________________________________________
ข้อแนะนำเพิ่มเติม (เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัย):
• ติดตามการทดสอบแนวต้านสำคัญ 1210 จุด อย่างใกล้ชิด
• หากยังไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าว ควรรอจังหวะที่ชัดเจนก่อนการลงทุน
• ใช้ Indicator อื่นๆ ประกอบ (เช่น MACD, RSI, Oscillator) ร่วมกับ Elliott Wave เพื่อยืนยันแนวโน้ม
________________________________________
บทสรุปสำคัญที่ต้องจับตาในตอนนี้:
• ราคาปัจจุบัน (1186.61) อยู่ใกล้โซนสำคัญคือ 1210 จุด
• แนวรับสุดท้ายที่ต้องไม่หลุด: 1157-1160 จุด
• ตลาดจะพลิกกลับเป็นขาขึ้นระยะสั้นเมื่อทะลุผ่าน 1210 จุด
• หากไม่ผ่าน 1210 จุดและหลุด 1157 จุดอีกครั้ง ต้องระวังการปรับตัวลงรอบใหม่อย่างจริงจัง
________________________________________
การวิเคราะห์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนในระยะสั้นและกลางครับ
________________________________________
Elliott Wave (คลื่นเอลเลียต) คือ ทฤษฎีที่ใช้อธิบายพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้น ทองคำ ค่าเงิน หรือคริปโต โดยเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคามีลักษณะเป็นรอบคลื่นที่ชัดเจน สามารถนำไปใช้วิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตได้
ทฤษฎีนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Ralph Nelson Elliott ในช่วงปี 1930 โดยมีหลักการสำคัญดังนี้
________________________________________
หลักการเบื้องต้นของ Elliott Wave
ตามทฤษฎีนี้ราคาจะเคลื่อนไหวเป็น "คลื่น" (Wave) ซึ่งมีทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ:
1. Impulse Wave (คลื่นส่ง, คลื่นขาขึ้น/ลงตามแนวโน้มหลัก)
จะมีทั้งหมด 5 คลื่น ประกอบด้วย
o คลื่นที่ 1 (ขึ้น)
o คลื่นที่ 2 (พักฐานเล็กน้อย)
o คลื่นที่ 3 (ขึ้นแรงที่สุดและชัดเจนที่สุด)
o คลื่นที่ 4 (พักฐานอีกครั้ง)
o คลื่นที่ 5 (ขึ้นอีกครั้ง แต่แรงน้อยกว่าคลื่น 3)
2. Corrective Wave (คลื่นปรับฐาน)
หลังจากจบ Impulse Wave แล้ว ราคาจะมีการปรับฐานเป็น Corrective Wave จำนวน 3 คลื่น คือ
o คลื่น A (ลง)
o คลื่น B (ขึ้นกลับมาเล็กน้อย)
o คลื่น C (ลงอีกครั้ง ชัดเจนกว่าคลื่น A)
สรุปรูปแบบมาตรฐานจะเป็น:
• ขาขึ้น : 5 คลื่น (1-2-3-4-5)
• ขาลง : 3 คลื่น (A-B-C)
________________________________________
กฎพื้นฐานของ Elliott Wave
ในการวิเคราะห์คลื่น Elliott มีข้อกำหนดที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือ:
• คลื่นที่ 2 ต้องไม่ลงต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่นที่ 1
• คลื่นที่ 3 ต้องไม่ใช่คลื่นที่สั้นที่สุดในบรรดา 1,3,5 (โดยทั่วไปจะยาวที่สุด)
• คลื่นที่ 4 ต้องไม่ย้อนกลับไปทับซ้อนกับคลื่นที่ 1
________________________________________
ความสำคัญและการนำไปใช้งาน
Elliott Wave ถูกนำไปใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดได้หลายแบบ ได้แก่
• การระบุแนวโน้ม ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง
• การคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา เพื่อหาโอกาสในการเข้าซื้อหรือขาย
• ช่วยวางแผนกลยุทธ์การเทรดและการบริหารความเสี่ยง ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
________________________________________
ข้อควรระวังในการใช้งาน
แม้ Elliott Wave จะเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ในทางปฏิบัติก็มีความซับซ้อนและอาจมีการตีความที่หลากหลาย ดังนั้น ควรนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ เช่น Fibonacci, RSI หรือ Trend Line เป็นต้น
________________________________________
สรุปง่ายๆ: Elliott Wave คือการวิเคราะห์ตลาดผ่านการนับ "คลื่น" เพื่อให้รู้แนวโน้มและ
อ่านกราฟไม่เก่งก็กำไร ด้วยสูตร Money Management อ่านกราฟไม่เก่งก็กำไร ด้วยสูตร
Money Management
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความๆดีๆที่มีให้อ่านกันไม่รู้จักเบื่อ มาครับวันนี้แอดพาทุกท่านไปคำนวนตัวเลขเพื่อใช้ในการเทรดกันฮะ ไม่สับสนวุ่นวาย ไม่ยากเกินไปแน่นอน รับรองได้ มาครับตามมาดูมาอ่านกันดีกว่า ว่ามันใช้ยังไง และดีอย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ
👯💆 ส่วนใหญ่แล้ว เทรดเดอร์หน้าใหม่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ การวางแผนคำนวนทุนกำไรเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเทรดแค่ได้กำไรก็จบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันยากมาก เพราะการเทรดมีทั้งได้กำไรและขาดทุน การคำนวน MM (Money Management) จึงจัดว่าสำคัญ
👯💆เพราะเราไม่สามารถ เทรดแล้วทำกำไรได้ทุกครั้ง เราจะต้องมองการเทรดให้เป็นเกมในระยะยาว การรักษาเงินทุนของเราจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องเลือกเข้าเทรดในจุดที่ใช่และมีการบริหารความเสี่ยงที่ถูกต้อง และสิ่งที่ต้องรู้ในการบริหารความเสี่ยงในการลงทุน มีดังนี้
ขั้นตอนในการทำ Money Management
1. การอ่านและวิเคราะห์กราฟจากเครื่องมืออินดิเคเตอร์ เพื่อดูทิศทางในการเข้าออเดอร์ เช่น ดู EMA ,BB FIBO, CHANNEL เป็นต้น
2. คำนวนน R:R (Reward to Risk Ratio) คือความคุ้มค่าในการลงทุนแต่ละครั้ง เป็นการคำนวณเปรียบเทียบระหว่างกำไรที่เราจะได้รับมา หารกับผลขาดทุนที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าไม้นั้นออกมาแพ้ การคำนวณค่า R:R คือเอาระยะกำไรหรือ TP มาหารด้วยระยะขาดทุนหรือระยะ SL
โดยทั่วไป R:R ควรจะต้องมากกว่า 2 ขึ้นไปถึงจะถือว่าคุ้มค่า แต่ว่าค่านี้ก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จ เพราะถ้าหากเราที่ใช้กลยุทธ์ที่มี %Win Ratio สูง ๆ ค่า R:R ของเราก็อาจจะปรับลดลงได้
3. Win Rate เปอร์เซ็นโอกาสในการชนะของแผนการลงทุน ค่า Win rate จะได้มาจากการเก็บสถิติของคุณด้วยเทคนิคใดเทคนิคหนึ่งที่คุณใช้อยู่ ซึ่งคำนวณจากจำนวนครั้งที่คุณชนะหารด้วยจำนวนการเทรดทุกไม้ของคุณ
- เพราะโดยทั่วไป % Win Rate ของคนที่ใช้กลยุทธ์เทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) จะอยู่ประมาณ 40% +/- เท่านั้น (เทรด 10 ครั้ง = ชนะ 4 ครั้ง / แพ้ 6 ครั้ง)
4. Correlation การกระจายความเสี่ยง เราจะไม่เทรดในคู่เงินที่มีแนวโน้มหรือทิศทางไปในทางเดียวกันหลายๆคู่ ยกตัวอย่างการเทรด คู่ EUR และ GBP ซึ่ง 2 สกุลเงินนี้อยู่ในตลาดยุโรปทั้งคู่ ถ้าเราเทรดชนะเราก็จะได้กำไร 2 เท่า แต่ถ้าเราเทรดแพ้เราก็จะขาดทุนเป็น 2 เท่าเช่นเดียวกัน
5. Position sizing การออก lot ให้เหมาะสมกับเงินทุน การคำนวณ Position sizing นี้มีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน
- fixed fractional หรือว่าการออกไม้ด้วยเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่เท่ากันทุกไม้ ข้อดีก็คือถ้าเกิดเราแพ้ติดต่อกันหลายๆไม้ จำนวนเงินที่เราจะออกไม้จะค่อยๆน้อยลงแต่ในขณะเดียวกันถ้าเผื่อเราชนะติดต่อกันหลายๆไม้ เราจะสามารถออก lot ด้วยขนาดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆทำให้เราได้กำไรทบต้นขึ้นไปอีก
- Fixed sizing คือการออก lot โดยการใช้จำนวนเงินหรือว่าระยะ TP SL เท่ากันทุกไม้ไม่ว่าพอร์ตเราจะโตขึ้นหรือว่าเล็กลง ข้อดีของการใช้วิธีนี้คืออัตราการเติบโตของพอร์ตเราจะมีแรงเหวี่ยงที่น้อยกว่า แต่ข้อเสียของวิธีนี้ก็คือว่าเราจะมี draw down ที่สูงกว่าถ้าเผื่อเรา SL ติดกันหลายๆไม้
- Fixed fractional sizing โดยวิธีนี้จะทำการออก lot ในจำนวนไม้เท่าๆกัน มีการปรับเปลี่ยนการออกไม้ของเราเมื่อพอร์ตเราโตขึ้นหรือว่าเล็กลงถึงค่าที่เรากำหนดไว้เป็นขั้นบันได
6. Expectancy คือค่ากำไรที่เราคาดหวังจากระบบเทรด ซึ่งค่านี้จะบ่งบอกว่าระบบเทรดของคุณที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีโอกาสได้กำไรหรือขาดทุนมากกว่ากัน โดยเราจะต้องเก็บข้อมูลจากสถิติที่เราเทรดจริงหรือว่าจากที่เรา Back Test ก็ได้ในจำนวนที่มากพอเพื่อมาคำนวณหาค่าค่านี้
7. Recovery Rate คือโอกาสที่จะกู้พอร์ตให้กลับมาเท่าทุน ซึ่งถ้าเกิดว่าเราเทรดแพ้หลายๆไม้ติดต่อกัน โอกาสที่เราจะสามารถนำเงินกลับมาเท่าทุน จะเริ่มยากขึ้นไปเรื่อยๆ
8. Capital Management คือการจัดสรรเงินทุนให้เหมาะสมและถูกต้อง ข้อนี้สำคัญมากเพราะถ้าเราไม่รู้หรือคำนวณไม่เป็น สุดท้ายเมื่อเรามีเงินทุนไม่พอเราก็จะมีโอกาสที่จะล้างพอร์ตได้ในระยะยา การคำนวณคือ เราจะต้องเอา minimum ในการออกไม้ อยู่ที่ 0.01 เอาค่านี้มาคูณกับระยะ SL ที่เราจะเข้า
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ Money Management แม้ว่าจะต้องเสียเวลานิดๆหน่อยๆในการคำนวน แต่เชื่อเถอะครับ มันดีจริงๆ แถมมันยังช่วยให้เราตัดสินใจในการเทรดได้มากขึ้นอีกด้วย เทรดครั้งนึงคุ้มไม่คุ้มอยู่ตรงนี้แหละ ใครบ้างจะอยากขาดทุน แต่ถ้าขาดทุนแล้วต้องกู้กำไรกลับคืนมา นี่ต่างหากที่สำคัญสุดๆ ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะฮะ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ฝึกการเทรดไว้เยอะๆแล้วเราจะเก่งเอง แอดเอาใจช่วยทุกท่านให้เทรดได้เงินสะสมเยอะๆครับ
การตั้ง Take Profit อย่างแม่นยำในการเทรด Forexในการเทรด Forex หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดที่นักเทรดต้องให้ความสำคัญคือการตั้ง Take Profit (TP) หรือจุดทำกำไรที่เหมาะสม เพราะการตั้ง TP อย่างแม่นยำสามารถช่วยให้คุณล็อกกำไร ลดความเสี่ยง และทำให้แผนการเทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักแนวทางการตั้ง TP ที่เหมาะสมและแม่นยำเพื่อให้สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
1. ทำความเข้าใจแนวคิดของ Take Profit
TP คือระดับราคาที่นักเทรดตั้งไว้เพื่อปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงจุดที่กำหนด ซึ่งช่วยให้สามารถรักษากำไรได้โดยไม่ต้องเฝ้ากราฟตลอดเวลา หากตั้ง TP ไว้ใกล้เกินไป อาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรสูงสุด แต่หากตั้งไกลเกินไป ราคาก็อาจไม่ถึง TP และเกิดการกลับตัวก่อน
2. วิธีการตั้ง Take Profit อย่างแม่นยำ
2.1 ใช้แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)
แนวรับและแนวต้านเป็นจุดที่ราคามักจะมีการกลับตัวหรือติดแนวนี้ การตั้ง TP ใกล้บริเวณแนวต้าน (ในกรณี Buy) หรือใกล้แนวรับ (ในกรณี Sell) จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ราคาถึงเป้าหมายก่อนที่จะเกิดการกลับตัว
2.2 ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average – MA)
MA เป็นอินดิเคเตอร์ที่ช่วยระบุแนวโน้มและแนวรับแนวต้านที่เคลื่อนที่ หากราคามีแนวโน้มเป็นขาขึ้น การตั้ง TP ใกล้เส้น MA ที่สำคัญ เช่น EMA 50, EMA 100 หรือ EMA 200 อาจช่วยเพิ่มความแม่นยำ
2.3 ใช้ Fibonacci Retracement และ Extension
Fibonacci เป็นเครื่องมือที่ช่วยคาดการณ์แนวโน้มราคาและจุดกลับตัว โดยสามารถใช้ Fibonacci Extension เพื่อกำหนด TP ในจุดที่มีโอกาสเกิดการกลับตัว เช่น ระดับ 1.618 หรือ 2.618
2.4 ใช้ Risk-Reward Ratio (RRR)
การตั้ง TP ควรสัมพันธ์กับ Stop Loss (SL) เช่น หากคุณตั้ง SL ไว้ 50 pips ควรตั้ง TP อย่างน้อย 100 pips เพื่อให้ได้ RRR 1:2 หรือมากกว่า ซึ่งช่วยให้แม้ชนะการเทรดเพียงครึ่งหนึ่งก็ยังมีกำไร
2.5 ใช้ Price Action และแท่งเทียนกลับตัว
การสังเกตรูปแบบแท่งเทียน เช่น Pin Bar, Engulfing, Doji บริเวณแนวรับแนวต้าน สามารถช่วยบอกจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว ทำให้สามารถตั้ง TP ได้อย่างแม่นยำ
3. ตัวอย่างการตั้ง Take Profit ในสถานการณ์จริง
ตัวอย่างที่ 1: การใช้แนวต้านเป็น TP
คู่เงิน: EUR/USD
จุดเข้า: 1.1000 (Buy)
แนวต้านสำคัญ: 1.1050
TP ที่เหมาะสม: 1.1045 (ตั้งก่อนแนวต้านเล็กน้อยเพื่อเพิ่มโอกาสปิดกำไร)
ตัวอย่างที่ 2: การใช้ Fibonacci Extension
คู่เงิน: GBP/USD
จุดเข้า: 1.2500 (Buy)
Fibonacci Extension 1.618 ที่ระดับ: 1.2650
TP ที่เหมาะสม: 1.2645 (ตั้งก่อนถึงจุด Fibonacci เพื่อเพิ่มโอกาสปิดกำไร)
4. ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการตั้ง TP
ตั้ง TP ไกลเกินไปจนราคามีโอกาสกลับตัวก่อน
ไม่วิเคราะห์แนวรับแนวต้านก่อนตั้ง TP
ตั้ง TP เท่ากับ SL (RRR 1:1) ซึ่งทำให้โอกาสขาดทุนและกำไรเท่ากัน ไม่เกิดความได้เปรียบ
เปลี่ยน TP กลางทางโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
5. สรุปแนวทางการตั้ง TP อย่างแม่นยำ
✅ ใช้แนวรับแนวต้านเป็นแนวทางกำหนด TP ✅ ใช้เครื่องมืออย่าง MA, Fibonacci, และ Price Action เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ✅ ตั้ง TP ให้สัมพันธ์กับ SL ด้วย RRR ที่เหมาะสม ✅ หลีกเลี่ยงการตั้ง TP ไกลหรือใกล้เกินไปโดยไม่มีเหตุผล ✅ ใช้การทดสอบย้อนหลัง (Backtest) และติดตามผลการตั้ง TP เพื่อนำมาปรับปรุง
การตั้ง Take Profit อย่างแม่นยำจะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอและลดโอกาสสูญเสียจากการเทรด Forex การฝึกฝนและการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องจะทำให้คุณพัฒนากลยุทธ์ TP ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
+++ XAUUSD 21/03/2025 +++>>> แผน Trade หลัง บ่าย 17.15 <<<
Pacth 2.0
ระบบ Sell มีโอกาสลงแรง
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 3029.80
.
Mid 3029.30
.
Down 3028.80
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell Limit 3034.3
.
*** > SL 3033.1
*** > TP 3019.3 , 3009.3
2987
.
>>> Sell Limit 3029.3
.
*** > SL 3041.3
*** > TP 3014.3 , 3004.3
,2987
.
"====================="
กรอบ MiD
"====================="
.
>>> กรอบบน 3034.80
.
*** > SL -
*** > TP -
.
>>> กรอบล่าง 3023.80
.
*** > SL -
*** > TP -
.
+++ XAUUSD 20/03/2025 +++>>> แผน Trade หลัง บ่าย 17.15 <<<
Pacth 2.0
ระบบ Sell
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 3051.80
.
Mid 3051.30
.
Down 3050.80
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell Limit 3051.3
.
*** > SL 3058.3
*** > TP 3041.3 , 3036.3
, 2986
.
>>> Sell Limit 3058.3
.
*** > SL 3065.3
*** > TP 3048.3 , 3043.3
, 2986
.
"====================="
+++ 19/03/25 XAUUSD +++>>> แผน Trade หลัง บ่าย 17.15 <<<
Pacth 2.0
ระบบ Sell
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 3034.8
.
Mid 3034.3
.
Down 3033.8
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Sell Limit 3034.3
.
*** > SL 3041.3
*** > TP 3024 , 3020
, 2963
.
>>> Sell Limit 3039.3
.
*** > SL 3046.3
*** > TP 3024 , 3020
, 2963
.
"====================="
+++ XAUUSD 18/03/2025 +++>>> แผน Trade หลัง บ่าย 17.15 <<<
Pacth 2.0
ระบบ Buy
.
"====================="
>>> Mark
.
Up 3017.7
.
Mid 3012.7
.
Down 2007.7
.
"====================="
Trade Set up
"====================="
.
>>> Buy Limit 3018
.
*** > SL 3011.2
*** > TP 3031.2 , 3036.2
.
>>> Buy Limit 3012.8
.
*** > SL 3005.7
*** > TP 3031.2 , 3036
, 3001
.
"====================="






















